พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 20

ตอนใหม่มาแล้วค่ะ สดๆร้อนๆ ถ้าพิมพ์ตรงไหนตกหล่นต้องขออภัยด้วยนะคะ

ขอให้อ่านอย่างมีความสุข (รึเปล่านะ??) และอย่าเพิ่งแช่งพี่อาร์มกันนะค้าาาา สงสารพ่อคุณเขาหน่อยเนอะ ^^"

เดินทางมาถึงตอนที่ 20 ไม่เคยคิดว่าพี่อาร์มและหนูมุกจะเดินทางมาไกลขนาดนี้ (และคงจะดำเนินต่อไปสักพัก) ขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาด้วยกันนะคะ เรื่องนี้มาจะว่าไปก็ผ่านไปค่อนทางแล้วค่ะ ช่วยเป็นกำลังใจให้กันต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณ (ล่วงหน้า) เลยค่ะ :)

------------------------------------------------------------------------------------------------------





ตอนที่ 20: เริ่มต้นแผนการ







แม้จะตัดสินใจไปแล้วว่ากลางวันนี้เธอจะไปทานมื้อกลางวันกับชิษวัศและทวิดาร์แต่หญิงสาวก็ไม่มีสมาธิที่จะทำงานเอาเสียแล้ว ทั้งที่งานก็กองอยู่เต็มโต๊ะแต่ในใจก็ยังกระหวัดคิดไปถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เธอจะพูดอะไร ทำหน้าเช่นไร และจะยิ้มอย่างไรให้เป็นธรรมชาติที่สุด

...ให้ตายเถอะ...ทำไมเธอต้องมารู้สึกอย่างนี้ด้วยนะมุกตาภา!...

เสียงถอนหายใจยาวเหยียดของผู้ช่วยสาวที่พ่วงตำแหน่งคนรักดังขึ้นมาจนอีกคนที่นั่งอยู่ห้องเดียวกันต้องเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมาดูจนได้เห็นว่าผู้ช่วยคนเก่งของตัวเองฟุบหน้าไปกับกองเอกสารเรียบร้อยแล้ว

“หนูมุก” ชิษวัศเรียกและมุกตาภาก็เงยศีรษะขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารด้วยสีหน้าที่ยังคิดไม่ตกกับปัญหาหนักอกหนักใจ

“มีอะไรคะ”

“ถ้าคิดหนักมากไม่ต้องไปก็ได้นะครับ พี่ไม่ได้ว่าอะไร” ชิษวัศสังเกตอาการของมุกตาภามาสักพักแล้วว่าหญิงสาวกระสับกระส่ายไม่เป็นอันทำงานแค่ไหนเมื่อเธอรับปากเขาเรื่องนัดของทวิดาร์

“ไม่ค่ะ มุกจะไป” น้ำเสียงใสตอบกลับไปอย่างมั่นคง คนอย่างมุกตาภาเดินหน้ามาถึงขั้นนี้แล้วเรื่องอะไรจะยอมถอยง่ายๆ ต่อให้เป็นทวิดาร์ที่เธอคิดว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้หรือถอดใจ ความรักที่มีให้ชิษวัศ หญิงสาวมั่นใจว่ามันไม่มีวันแพ้ใคร

“ครับ ไปก็ไป ถ้างั้นก็ช่วยมีสมาธิทำงานด้วยครับ บ่ายนี้มีประชุมโปรเจคร่วมทุน พี่ยังไม่ได้รายละเอียดงานเลยนะ” เมื่อมีโอกาสคนเป็นเจ้านายจึงขอตำหนิลูกน้องเสียหน่อย แล้วชายหนุ่มก็ได้รับค้อนวงโตจากลูกน้องสาวมาเป็นรางวัล

“รู้แล้วค่ะคุณเจ้านาย จะจัดการให้เรียบร้อยเลยเจ้าค่ะ” มุกตาภาตอบเสียงสะบัดก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารและสรุปหัวข้อที่จะประชุมบ่ายนี้ให้กับผู้บริหารคนเก่งของเธอ











ใบสีเขียวแก่ของนนทรีขยับพลิ้วไหวตามแรงลม อาจารย์สาวร่างเล็กหอบหิ้วหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหน้าออกมาจากลิฟต์เมื่อชั่วโมงสอนสิ้นสุดลง ดวงตาเรียวหลังกรอบแว่นสายตาเบิกกว้าง สมองสั่งการให้ขาหยุดก้าวเดินยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อพบบุคคลหนึ่งกำลังยืนรอเธออยู่ตรงบันไดทางลงของตัวอาคารเรียน

“พี่พีน” ชื่อของคนที่หญิงสาวไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมาเจอเขาในที่ทำงานของเธอหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสด ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคราวนั้นเธอก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอทั้งพีรัชและนิษศินีอีกเลย

...จะพูดให้ถูกก็คือ...เธอปฏิเสธที่จะเจอบุคคลทั้งสองนี้มากกว่า...

“วันนี้มีสอนต่อหรือเปล่าครับ” พีรัชก้าวเท้าเข้ามาหาร่างบางก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“มีตอนบ่ายต่อค่ะ พี่พีนมาทำธุระที่นี่หรือคะ”

“พอดีพี่มาทำธุระแถวนี้น่ะครับเลยอยากหาคนไปกินกลางวันเป็นเพื่อน”

...แล้วทำไมไม่ไปชวนคู่หมั้นของตัวเองล่ะคะ... ถ้าไม่เกรงใจว่าพีรัชจะมีศักดิ์เป็นว่าที่พี่เขยในอนาคตเธอคงจะพูดแบบนั้นไปแล้ว

“คงจะไม่ได้หรอกครับ” น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยทำเอาหญิงสาวรีบหันหลังไปดู ไม่เคยนึกดีใจในการมาของอารัทธ์ครั้งไหนมากกว่าครั้งนี้เลย มาได้จังหวะพอเหมาะนัก!

ผู้มาใหม่ทว่าได้ยินคำเชื้อเชิญของพีรัชชัดเจนทุกคำพูดสวนขึ้น ดวงตาคู่เรียวมองบุรุษอีกคนหนึ่งซึ่งมีความสูงไม่ต่างจากตนเองมากนักด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากนัก ก็ใครใช้ให้มาทำสายตาหวานเยิ้มใส่อาจารย์สาวของเขาเล่า ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!

อารัทธ์ถือโอกาสเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างพีรัชและนิชิตาโดยไม่สนใจว่าการกระทำเช่นนี้ของตัวเองจะสร้างอาการไม่พอใจแก่พีรัชหรือไม่ รู้อยู่อย่างเดียวว่าลางสังหรณ์บอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ ทั้งที่เป็นคู่หมั่นของนิษศินีแท้ๆแต่กลับมาชวนนิชิตาไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แบบนี้ยิ่งไม่ทำให้พี่น้องเขาผิดใจกันหรอกหรือ

“ผมนัดกับหมูหวานไว้แล้ว” อารัทธ์เรียกชื่อเล่นนิชิตาอย่างสนิทสนมจนเจ้าของชื่ออดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อเขาเรียกชื่อเล่นของเธอตรงๆอย่างนี้ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรนิชิตาก็ไม่ชินเสียทีที่อารัทธ์จะเรียกชื่อเล่นของเธอ

พีรัชมองหน้าผู้มาใหม่นิดหนึ่งก่อนจะเลยผ่านไปยังนิชิตา ชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าที่แสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยมแม้จะถูกทางอารัทธ์ขัดคอไว้ก็ตาม

“หมูหวานนัดกับคุณอารัทธ์ไว้แล้วเหรอ”

“คือว่า...” นิชิตากำลังอ้าปากจะตอบ

“ถึงไม่ได้นัดไว้แต่ผมกับหมูหวานก็กินข้าวด้วยกันทุกวันอยู่แล้วครับ ไม่นัดก็เหมือนนัด จริงไหมครับหมูหวาน” แต่อารัทธ์กลับชิงตอบเสียเองก่อนจะหันมาถามสาวข้างตัวเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนคนที่ถูกโยนคำถามมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างก็รับคำด้วยรอยยิ้มหวานเช่นกัน ไหนๆอารัทธ์ก็ส่งมาเสียดิบดีแล้ว ตอนนี้คงเหลือแค่เธอที่ต้องจัดการปัญหาตรงนี้ให้จบลง

“ค่ะ ปกติคุณอารัทธ์จะมารับหมูหวานไปกินข้าวด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว สงสัยพี่พีนคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะค่ะ” นิชิตาตอบรับคำของอารัทธ์พร้อมกับยิ้มหวานประกอบเมื่อเห็นหน้าพีรัชที่ดูจะเจื่อนลงไปถนัดตา

“งั้นไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าวันหลังมีโอกาสพี่หวังว่าหมูหวานคงมีเวลาว่างให้พี่บ้าง” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นร่างสูงของพีรัชก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปทันที โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดของตัวเองสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชายอีกคนมากเพียงใด

“ห้ามไปเชียวนะครับ” น้ำเสียงที่ไม่ปกปิดถึงความหึงหวงของอารัทธ์นั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนนิชิตาต้องตวัดสายตาดุใส่เมื่อเขาล้ำเส้นเธอมากเกินไป

“มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะ” นิชิตาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆเย็นๆอย่างเคย แม้เมื่อครู่เธอจะใช้อารัทธ์เป็นเกราะกำบังแต่เมื่อทุกอย่างจบลง ช่องว่างระหว่างเธอและเขาก็ยังคงต้องเว้นไว้เหมือนเดิม

“แต่ผมหวงของผม” อารัทธ์พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่มีแม้แต่ความขวยเขิน “ผมรู่ว่าคุณอาจารย์ของผมฉลาด ไม่มีทางหรอกครับที่คุณจะเข้าไปยุ่งกับคู่หมั้นของพี่สาวแม้ว่าอีกฝ่ายทำท่าว่าอยากจะเข้ามายุ่งกับคุณใจจะขาดก็ตาม กับแค่คำพูดแค่นี้น่ะผมให้อภัยได้ ถึงผมจะไม่ค่อยได้มีเรื่องกับใครแต่ถ้าเกิดมาทำสายตาเจ้าชู้ใส่คุณมากกว่านี้ล่ะก็...จะหาว่าผมร้ายไม่ได้นะ”

นิชิตามองคนที่ทำหน้าดุด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เห็นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญแสนสำอางขนาดนี้บอกใครใครจะเชื่อว่าคนอย่างอารัทธ์จะไปมีเรื่องกับใครได้ ยิ่งมีเรื่องโดยใช้การตัดสินทางด้านร่างกายด้วยแล้วเธอยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ายามอารัทธ์มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น ผลลัพธ์จะออกมาในสภาพไหน หวัวว่าคงไม่ยับเยินจนเธอต้องคอยหยอดน้ำข้าวต้มหรอกนะ

“พี่พีนไม่กล้าหรอกค่ะ ขานั้นกลัวพี่มิ้นท์จะตาย” อาจารย์สาวร่างเล็กบอกพร้อมๆกับก้าวขาเดินเคียงข้างกับอารัทธ์เพื่อไปยังโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย

“ผมไม่กลัวคุณพีนอะไรนั่นหรอกครับ แต่กลัวว่าคุณจะมีปัญหากับมิ้นท์มากกว่า ผมเป็นห่วง” ถ้อยคำห่วงใยของคนที่ตัวสูงกว่าทำให้คนตัวเล็กกว่าชะงักฝีเท้าลงจนอารัทธ์ต้องหยุดเดินตามพร้อมกับเลิกคิ้วสูงก่อนจะถามหญิงสาวข้างตัว

“หยุดทำไมครับ”

นิชิตาตั้งใจสบดวงตาเรียวสีเข้มนั้นตรงๆ เป็นครั้งแรกที่เธอจงใจมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา และเพราะเป็นครั้งแรก...หน้าขาวๆของอารัทธ์จึงค่อยๆแดงขึ้นมาทีละน้อยเมื่อถูกคนที่ตัวเองรักจ้องมองโดยเจตนา

“ขอบคุณนะคะ” ไม่พูดเปล่าเพราะริมฝีปากบางของนิชิตาคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ แม้จะเป็นรอยยิ้มเพียงนิดเดียวแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ

“ไม่เป็นไรครับ” อารัทธ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากกว่าครั้งไหนๆ เมื่อปลายทางที่ตัวเองเฝ้ารอคอยค่อยๆขยับเข้ามาใกล้กันทีละนิดๆ จนท้ายที่สุด...ชายหนุ่มมั่นใจว่าหัวใจที่ยังห่างกันตอนนี้จะเข้ามาอยู่เคียงข้างกัน...ตลอดไป











Lexus LS460L สีดำคันสวยมุ่งสู่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บริเวณย่านธุรกิจการค้าของกรุงเทพมหานครโดยคนขับยังไม่วายมองมายังผู้หญิงคนข้างตัวด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่มุกตาภาก้าวขึ้นมาบนรถ หญิงสาวไม่แม้ที่จะเอ่ยปากชวนคุยอย่างที่เธอมักทำเป็นประจำ แล้วอาการเงียบอย่างนี้ของเธอก็ทำให้ชิษวัศรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอยู่ไม่น้อย

“หนูมุกไม่เป็นไรนะ” ชิษวัศถามเสียงเบา เหลือบสายตามามองคนข้างตัวสลับกับมองถนนเบื้องหน้าเป็นพักๆ

“ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ” ความจริงที่ออกมาจากปากมุกตาภาสร้างเสียงหัวเราะเบาๆจากสารถีจนสาวเจ้าอดไม่ได้ที่จะตวัดค้อนวงย่อมให้เขาเป็นรางวัลพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงแสนงอน “พี่อาร์มหัวเราะทำไม”

“แล้วหนูมุกจะตื่นเต้นทำไม เฟลอร์หนูมุกก็รู้จักแล้ว พี่เห็นคุยกันถูกคอไม่ใช่หรือ”

มุกตาภาแอบย่นจมูก จริงอยู่ที่เธอรู้สึกถูกชะตาไม่น้อยกับทวิดาร์และเมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคู่แข่งทางความรักเลยแม้แต่น้อย หากพอตอนนี้เมื่อเธอกลายเป็นคนรักของชิษวัศอย่างเต็มตัวเธอกลับรู้สึกระแวงและไม่ไว้ใจทวิดาร์ ยิ่งเห็นชิษวัศไปดูแลยามเจ็บป่วยเธอกลับรู้สึกไม่กล้าพอที่มองหน้าทวิดาร์ตรงๆโดยที่หัวใจไม่คิดอะไรและถ้าเกิดทวิดาร์ไม่คิดที่จะเขี่ยถ่านไฟเก่าให้กันคุอย่างที่เธอกลัว เธอไม่กลายเป็นผู้หญิงขี้ระแวงขี้อิจฉาหรอกหรือ

“มุกจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด” จบคำพูดของหญิงสาว ชิษวัศก็เอื้อมมือมาโยกศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมนุ่มสลวยเบาๆ

“ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลยครับ มีพี่อยู่ทั้งคน”

มุกตาภายิ้มรับคำของชายหนุ่มแม้ความรู้สึกกังวลใจจะยังไม่หายไปแต่หญิงสาวก็ยอมรับจากใจจริงว่าคำพูดของชิษวัศนั้นช่วยทำให้เธอสบายใจขึ้นมาบ้าง ก็อย่างที่เขาพูด...เธอไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลยในเมื่อข้างกายของเธอมีพี่อาร์มคอยปกป้องอยู่ทั้งคน

ใช้เวลาไม่นานนักทั้งชิษวัศและมุกตาภาก็มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งทวิดาร์ได้มาถึงก่อนแล้ว รอยยิ้มทักทายที่แสนหวานถูกส่งไปให้ชิษวัศก่อนจะเผื่อแผ่มายังผู้หญิงที่เดินเคียงข้างมากับชายหนุ่มอย่างมุกตาภาซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มรับรอยยิ้มนั้นแต่โดยดีแม้ในใจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆก็ตาม

“พี่เฟลอร์หายดีแล้วนะคะ” มุกตาภาเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อนด้วยการถามไถ่อาการป่วยของทวิดาร์

“หายแล้วจ้ะ พี่ก็อย่างนี้ล่ะ กินอะไรไม่ค่อยระวัง เข้าๆออกๆโรงพยาบาลจนชินแล้ว เมื่อก่อนอาร์มก็ชอบบ่นพี่เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ” ทวิดาร์ตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันมาทางชิษวัศ “ใช่มั้ยคะอาร์ม”

“เฟลอร์ก็ดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้สิ จะได้ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ” ชิษวัศตอบตามความจริงที่อยู่ในใจโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของมุกตาภาเลยแม้แต่น้อยว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังรู้สึกอย่างไรที่ต้องมานั่งฟังทวิดาร์รื้อฟื้นถึงอดีตที่เคยมีมากับผู้ชายซึ่งตอนนี้มีฐานะเป็นคนรักของเธอ

“แล้วถ้าเฟลอร์เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆอาร์มจะมาดูแล้วหรือเปล่าล่ะ” ไม่ใช่คำพูดเพียงอย่างเดียวที่สื่อความหมายแปลกๆ ทว่าดวงตาเรียวสวยก็มีประกายสายตาที่มีเลิศนัยในคำพูดเหล่านั้นไม่ต่างกัน

“ถ้าในฐานะเพื่อน...ผมไม่ทิ้งเฟลอร์อยู่แล้ว” ชิษวัศตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพอๆกับสายตาสีนิลที่มองสบตรงมายังทวิดาร์ราวกับกำลังตอกย้ำหญิงสาวว่ามีแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่เขาสามารถมอบให้กับเธอได้

หากคำพูดของชิษวัศก็ไม่ได้ทำให้ทวิดาร์ตกใจเสียเท่าไหร่เพราะหญิงสาวคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้ต้องตอบคำถามเธออย่างนี้แน่ ถ้ามุกตาภามั่นใจว่ารู้จักชิษวัศดี ทวิดาร์เองก็มั่นใจเช่นกัน...ว่าช่วงเวลาที่คบกันมาเธอรู้จักชิษวัศดีไม่น้อยไปกว่าใคร

“ถึงจะในฐานะเพื่อนแต่เฟลอร์ก็ดีใจ” ริมฝีปากบางสวยของทวิดาร์แย้มยิ้มหวาน “ขอบคุณนะคะอาร์ม”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เรากินกันเลยมั้ย ตอนบ่ายผมมีประชุมสำคัญด้วย” ชิษวัศเหลือบตาดูเวลาจากนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือของตัวเอง

“ประชุมเรื่องร่วมทุนทำคอนโดที่หัวหินใช่ไหมคะ” คำพูดของทวิดาร์ทำเอาทั้งชิษวัศและมุกตาภาที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบชะงักค้าง สงสัยอย่างยิ่งว่าสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

“พี่เฟลอร์รู้ได้ยังไงคะ” แล้วก็เป็นมุกตาภาที่เร็วกว่าชิงเอ่ยถามเสียก่อน

“ก็พี่เป็นผู้ช่วยของหุ้นส่วนของอาร์มนี่จ๊ะ” คำตอบของทวิดาร์ยิ่งทำให้มุกตาภาไม่เข้าใจ ส่วนชิษวัศยิ่งแล้วใหญ่เพราะสีหน้าที่ชายหนุ่มแสดงออกมาตอนนี้บอกได้ดีว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

“ล้อเล่นหรือเปล่าเฟลอร์” ชิษวัศถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงทวิดาร์จะทำงานด้านนี้เช่นเดียวกับตนเองแต่อะไรมันจะบังเอิญได้ถึงขนาดนี้ แล้วที่สำคัญทำไมเขาไม่เห็นรู้มาก่อนว่าทวิดาร์ทำงานให้กับบริษัทของมิสเตอร์เกรกนักธุรกิจชาวอเมริกันที่จะเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในเครือของตตินรากรณ์

“แล้วเฟลอร์จะล้ออาร์มเล่นทำไม เฟลอร์ทำงานให้กับบริษัทของมิสเตอร์เกรกผู้ร่วมทุนของอาร์ม แต่เป็นบริษัทสาขาที่ประจำที่ประเทศไทย มิสเตอร์เกรกมอบหมายให้บริษัทที่นี่ดูแลงานทั้งหมด ส่วนเจ้านายของเฟลอร์...นั่นไงมาโน่นแล้ว เขาอยากเจออาร์มก่อนน่ะ เฟลอร์ก็เลยนัดเขามาด้วยกัน”

หญิงสาวส่งสายตาไปทางด้านหลังของชิษวัศ มุกตาภาจึงหันหลังไปมองตามแล้วก็ได้พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาว ทั้งผมและคิ้วสีน้ำตาลเข้มกำลังเดินเข้ามายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ โครงหน้าคมสัน จมูกโด่งอย่างคนต่างชาติหากเค้าหน้าครึ่งหนึ่งกลับมีความเป็นเอเชียผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะดวงตาสีเทาที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ยิ่งมีเสน่ห์

ทวิดาร์ลุกขึ้นเมื่อแขกคนใหม่มาถึงก่อนจะผายมือจัดการแนะนำให้ทั้งผู้มาใหม่และชิษวัศได้รู้จักกัน

“อาร์มคะนี่ไบรอันค่ะ สิรธีร์ ไบรอัน เกรก เจ้านายของเฟลอร์” ทวิดาร์แนะนำเจ้านายของตัวเองซึ่งดูจากหน้าตาคงจะมีอายุไม่ต่างจากชิษวัศมากนักตามด้วยการแนะนำอดีตแฟนให้ได้รู้จักกับเจ้านายของตัวเอง “ส่วนนี่อาร์มค่ะ ชิษวัศ ตตินรากรณ์ ผู้ดูแลโครงการนี้ค่ะ”

ชิษวัศเอื้อมมือเข้าไปทักทายกับอีกมือหนึ่งที่ยืนมาอยู่ก่อนแล้ว แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะนี้คือเรื่องโกหกเพราะเท่าที่ชายหนุ่มเคยพูดคุยกับมิสเตอร์เกรกก็พอรู้ชีวิตครอบครัวของท่านบ้างว่าภรรยาของท่านเป็นคนไทยและมีลูกชายหนึ่งคนซึ่งท่านส่งมาประจำอีกหนึ่งบริษัทซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของตระกูล

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณชิษวัศ” สำเนียงไทยที่เปล่งออกมาอย่างชัดเจนของไบรอันสร้างความแปลกใจให้กับทั้งชิษวัศและมุกตาภาไม่น้อย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณไบรอัน ผมขอเรียกอย่างนี้ได้หรือเปล่าครับ”

“ได้สิครับ” ไบรอันตอบรับอย่างเป็นมิตร “ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกคุณว่าคุณอาร์มนะครับ ไหนๆเราก็เป็นหุ้นส่วนกันแล้ว”

“ครับ” ชิษวัศเองก็รับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน เพราะดูจากท่าทางลูกชายของหุ้นส่วนใหญ่คนนี้คงไม่มีพิษมีภัยเท่าไรนัก

“แล้ว...” ไบรอันปรายดวงตาสีเทาไปยังผู้หญิงข้างๆตัวชิษวัศ

“มุกตาภาค่ะ” เมื่อเห็นสายตาเป็นคำถามของอีกฝ่ายมุกตาภาจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องแนะนำตัวเอง “เป็นผู้ช่วยพี่...เอ่อ...คุณอาร์มค่ะ” หญิงสาวรีบแก้สรรพนามแทนชิษวัศแทบไม่ทันแต่กลับได้รับสายตาดุๆจากคนข้างตัวมาแทนราวกับต้องการจะบอกเธอว่าไม่ชอบเอาเสียเลยเวลาที่เธอเรียกเขาว่า ‘คุณอาร์ม’

...เชอะ! ทีเมื่อก่อนล่ะให้เรียกว่าคุณอาร์ม ทีเดี๋ยวนี้มาทำเป็นโกรธ อย่างนี้มันน่านักเชียว!...

“คุณมุกตาภา...ยาวจังครับ ผมขอเรียกชื่อเล่นคุณได้หรือเปล่า” ไบรอันถามพร้อมกับเปิดรอยยิ้มที่มุกตาภาต้องยอมรับว่ามันมีเสน่ห์มากๆเวลาอยู่บนใบหน้าของผู้ชายคนนี้

“งั้นเรียกมุกก็ได้ค่ะ” เจ้าของชื่ออนุญาตให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นของตัวเองหากไบรอันกลับนิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนคนกำลังใช้ความคิดก่อนจะระบายยิ้มจนเห็นลักยิ้มเล็กๆที่แก้มข้างขวา

“ขอเรียกว่าเพิร์ลแทนได้ไหมครับ แปลว่ามุกเหมือนกัน”

มาคราวนี้เป็นฝ่ายมุกตาภาที่นิ่งคิดบ้าง พอหันมามองคนข้างตัวเพื่ออยากเห็นว่าชิษวัศมีปฏิกิริยาอย่างไรที่ไบรอันพูดอย่างนี้สันหลังของเธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาแปลกๆเมื่อดวงตาสีนิลคู่คมกำลังทอประกายของความไม่พอใจ และถ้าไม่ติดว่าไบรอันเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญชิษวัศคงอาละวาดไปแล้ว เพราะอารัทธ์เคยบอกกับเธอไว้ว่ามีของสามสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามไม่สมควรมายุ่งกับบรรดาของเหล่านี้ของชิษวัศ

...ครอบครัว รถและผู้หญิง...

แต่จะให้เธอปฏิเสธไบรอันเธอก็ปฏิเสธไม่ออกเพราะติดที่ชายหนุ่มเป็นถึงลูกชายของหุ้นส่วนคนสำคัญและยังเป็นบุคคลที่ทั้งเธอและชิษวัศจะต้องร่วมงานด้วย และหน้าที่ของเธอในการเป็นผู้ช่วยอะไรที่ทำได้เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองบริษัทเธอก็พร้อมที่จะทำ

“ได้สิคะ เรียกว่าเพิร์ลก็ได้ค่ะ” มุกตาภารับคำ ไม่รู้สึกแปลกหูกับชื่อเรียกขานชื่อนี้เลยแม้แต่น้อยเพราะครั้งที่เธออยู่ที่อังกฤษเพื่อนชาวต่างชาติก็เรียกเธอว่า ‘เพิร์ล’ กันทั้งนั้นเพราะคำว่า ‘มุก’ นั้นออกเสียงยาก แม้เธอจะลองสอนบรรดาเพื่อนๆของเธอให้เรียกเธอว่ามุกแต่มันก็เพี้ยนและฟังดูแปลกๆ หญิงสาวจึงต้องให้เพื่อนๆเรียกว่าเพิร์ลไปโดยปริยาย

“รู้สึกว่าจะคุยกับน้องมุกถูกคอจนลืมหิวเลยนะคะบอส” ทวิดาร์แกล้งแซวเมื่อเห็นว่าไบรอันสนใจสาวน้อยหน้าหวานมากกว่าอาหารหน้าตาน่าทางตรงหน้าผิดกับชิษวัศที่ถ้าไม่เกรงใจว่าผู้ชายอีกคนคือลูกชายของมิสเตอร์เกรกแล้วล่ะก็เขาคงพามุกตาภาออกไปจากตรงจุดนี้ไม่ปล่อยให้ไอ้หมอนี่มายืนทำตาเชื่อมใส่อยู่อย่างนี้หรอก

“ขอโทษครับ ผมก็ลืมตัวไปจริงๆ” ไบรอันบอกพร้อมกับยิ้มเขินๆซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ขวางหูขวางตาแถมยังขวางใจของชิษวัศเป็นอย่างมาก

...ให้ตายเถอะ! ที่บอกไปว่าหมอนี่คงไม่มีพิษมีภัยเขาขอถอนคำพูดคืนทั้งหมด! เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูกันไม่ออกว่าหมอนี่คิดอย่างไรกับหนูมุกของเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกชายของหุ้นส่วนล่ะก็...วันนี้คงมีวางมวยข้อหาที่ดันยุ่งกับอะไรไม่ยุ่งแต่มายุ่งกับผู้หญิงของชิษวัศ!!...

แม้ชิษวัศจะไม่พอใจไบรอันอย่างไรทว่าด้วยความมีภาวะของผู้นำก็ทำให้ชายหนุ่มระงับอารมณ์ที่พวยพุ่งไว้ให้อยู่เพียงในใจจนอาหารมื้อกลางวันผ่านพ้นไปได้ด้วยดีก่อนที่ทั้งชิษวัศและมุกตาภาจะขอตัวกลับโดยให้เหตุผลที่แสนจะฟังขึ้นว่ามีประชุมสำคัญในช่วงบ่าย

“ดูเหมือนจะถูกเจอของถูกใจเข้าให้แล้วใช่ไหมคะ...ไบรอัน” เมื่อคล้อยหลังชิษวัศและมุกตาภา สรรพนามที่ทวิดาร์ใช้เรียกไบรอันก็เปลี่ยนไปทันที

“น่ารักดีนะครับ เพิร์ลน่ะ ชักอยากจะลงไปแย่งมุกเม็ดนี้กับแฟนเก่าของคุณซะแล้วสิ” คำพูดของไบรอันสร้างรอยยิ้มร้ายบนใบหน้าสวยของทวิดาร์

“ถ้าอย่างนั้นก็ลงไปแย่งสิคะ”

เมื่อถูกผู้ช่วยสาวคนสวยยุ ไบรอันจึงปล่อยหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างรู้ทันแผนการของทวิดาร์

“กะใช้ผมเป็นเครื่องมือเขี่ยถ่านไฟเก่าหรือเปล่า”

“แต่ถ้าสำเร็จก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือคะ”

“มีคนเคยบอกคุณมั้ยว่าคุณหว่านล้อมเก่งชะมัด” ไบรอันบอกพร้อมกับตวัดขาขวาพาดขึ้นมานั่งไขว่ห้าง

“แล้วตกลงมั้ยล่ะค่ะ”

ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรแลดูไม่มีพิษภัยนั้นแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้าย หน้ากากในมาดของเทพบุตรถูกถอดไปเก็บและสับเปลี่ยนเป็นหน้ากากแห่งซาตานแทน

“ตกลงสิครับ มุกเม็ดนี้...ผมจะแย่งมาเป็นของผม”


------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบตอนนี้พูดได้คำเดียวว่าหนูมุกงานเข้าแล้วค่ะ แต่หลายคนคงเป็นห่วงพี่อาร์มมากกว่าใช่ไหมคะ...

ปอแก้วก็หวังว่าพี่อาร์มจะไม่โง่ และจะพยายามเขียนให้พี่อาร์มไม่โง่ค่ะ แค่บื้อๆนิดหน่อยเอง ><

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ตอนหน้าจะพยายามมาให้ตรงเวลาค่ะ (ยังเขียนไม่เสร็จเลย โฮ...)

พบกันตอนหน้า...มีทั้งคู่หนูมุกกับพี่อาร์มและหมูหวานกับพี่อาร์ทนะคะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกไลค์และทุกคอมเมนท์นะจ๊ะ :)



ตอบเมนท์ค่ะ...

คุณ violette : ร้ายแบบนี้น่ากลัวที่สุดแล้วค่ะ ต่อหน้าแสดงออกว่าดีแต่ลับหลังนี่สิน่ากลัวสุดๆ // ปล. ไม่เป็นไรค่ะ :)

คุณ nunoi : จะพยายามให้พี่อาร์มยังคงกินข้าวต่อไปค่ะ พี่อาร์มไม่ได้เชื่อเฟลอร์หรอกนะคะ แค่มองคนในแง่ดีเท่านั้นเอ๊งงงงงง ><

คุณ tutas : เพื่อนซี้สองคนนี้เขาปรึกษาซึ่งกันและกันทุกเรื่องค่ะ เพราะมีปัญหาเรื่องหัวใจใกล้เคียงกัน อิอิ

คุณ anOO : ถ้าถามอย่างนี้ปอแก้วคงต้องบอกว่า...ช่วยติดตามต่อไปด้วยนะค้าาาาา

คุณ Amata : ซ่อนไม่ซ่อนต้องคอยดูต่อไปค่ะ ส่วนเรื่องหนูมุก...ปอแก้วก็เชื่อว่าหนูมุกจัดการได้ค่ะ

คุณ teesaparn : ง่าๆ อย่าเพิ่งขัดใจพี่อาร์มไปนะคะ สงสารพระเอกและนักเขียนตาดำๆหน่อนนี้หน่อยนะเจ้าาาา >< ปอแก้วจะพยายามไม่ปลูกหญ้าให้พี่อาร์มนะคะ (กลัวคุณ teesaparn เบื่อซะก่อน)

คุณ ดาวคันชั่ง : ใช่เลยค่ะ...เพราะเป็นทั้งแฟนเก่าและเพื่อนสนิทพี่อาร์มเลยเชื่อใจไงคะ คิดว่าเฟลอร์คงไม่มีทางคิดไม่ดีกับตัวเองแน่




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มี.ค. 2555, 08:21:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มี.ค. 2555, 12:00:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1914





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 19   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 21 >>
tutas 10 มี.ค. 2555, 09:48:11 น.
คุณปอแก้วคะมาอัพเร็วๆ นะคะ อยากเห็นพี่อาร์มงานเข้าแล้วค่ะ อิอิ


violette 10 มี.ค. 2555, 13:32:00 น.
ตาไบรอันนี่น่ากลัวมาก ถ้าไม่ติดว่าหนูมุกมีพี่อาร์มแล้วมันบุคลิกแบบกรี๊ดมากค่ะ (อ่าว)
ส่วนนายอาร์ทนี่มาได้จังหวะจริงๆ อิตาแฟนเก่าหมูหวานมาหาหมูหวานทำไมเนี่ยเฮอะ


anOO 10 มี.ค. 2555, 13:40:09 น.
เฟลอร์นี่เข้าใจยุเจ้านายนะ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย
หวังว่าคู่นี้จะหนักแน่นพอนะ


Amata 10 มี.ค. 2555, 15:24:18 น.
ผู้หญิงอะไร ร้ายไม่เบา อีตาไบรอันนี่ก็ยุขึ้นซะด้วย


ดาวคันชั่ง 10 มี.ค. 2555, 17:01:59 น.
งานเข้าทั้งคู่ พี่อาร์มจะมีโหมดหึงหนูมุกมั้ยเนี่ย ^^


nunoi 12 มี.ค. 2555, 10:35:24 น.
ยัยเฟลอร์กับไบรอัน นี่มีอะไรในกอไผ่กันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ


WallyValent 13 มี.ค. 2555, 11:41:49 น.
หอบเอากำลังใจมาฝากให้เขียนพี่อาร์มได้อย่างราบรื่น :D
แฮ่ๆ ^.^''


roseolar 18 มี.ค. 2555, 13:03:18 น.
ไล่อ่านมาตั้งแต่บทที่ 17 โอ้โห!!!ทำไมจบเร็วจังแฮะ
ตอนหน้าขอยาวๆหน่อยนะคะคุณปอแก้ว ><
บทนี้พี่อาร์ทน่ารักอีกแล้ว แถมดูท่าหมูหวานจะเริ่มๆใจอ่อนแล้วด้วย ส่วนคนอ่านไม่ต้องพูดถึง ยอมพลีทั้งกายทั้งใจให้เป็นของพี่อาร์ทไปนานแล้วค่า พูดแล้วเขิน >//<
แฟนเก่าพี่อาร์มนี่ร้ายใช่เล่น มีการยุตาไบรอันนั่นด้วย เดี๋ยวได้เห็นพี่อาร์มหึงโหดแน่ๆ ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าหนูมุกจะรับมือยังไง
ปล.เป็นกำลังใจให้คุณปอแก้วเสมอนะคะ ช่วงหลังๆไม่ค่อยได้เข้าเว็ปนี้เท่าไร แต่ก็ยังคงคิดถึงและคอยส่งกำลังใจให้เสมอนะเออ ถ้าว่างเมื่อไรจะรีบคลิกเข้ามาอ่านทันทีเลยค่ะ สู้ๆนะคะ ^ ^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account