เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา

ตอน: 13. ความทรงจำ

สวัสดีและขอโทษค่ะ (ดูเหมือนจะเป็นคำติดปากไปเสียแล้ว)
เพราะปริ๊นซ์แอบมาสายตลอดเว
แง...ขอโทษค่า

วันนี้ก็อาจจะสงสัยกันว่าทำม้ายยย มันถึงโผล่หัวมาได้
เอาจริงๆ ก็ เครียดค่ะ อยู่ดีๆ อยากเขียน เลยได้ฤกษ์เขียนเพิ่ม

อย่างงี้ล่ะ ความเครียดแปรผกผันกับอารมณ์สุนทรีย์เสมอ 555

ไม่โม้แล้วค่ะ ตาเริ่มปิด พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้า

สุดท้ายนี้ขอบคุณจากใจจริงๆ ที่ไม่ทิ้งกัน(หรือใครทิ้งไปแล้ว จะไปลากตัวกลับมา...อุ๊บ โหดมากผู้หญิงคนนี้) อยากให้รู้ว่านี่เป็นสังคมเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็นแหล่งกำลังใจที่ดีของปริ๊นซ์มากๆ ที่หนึ่งเลย

ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ตอบเม้นต์คับ

คุณชอบอ่าน --- ชอบแบบต้นน้ำแสดงว่าดราม่าเล็กๆ ไว้ก่อนชิมิ งั้นเดี๋ยวจัดเต็มเลย เอาคู่ภัทรไปอีกคู่ป่ะ (เสนอขายเต็มที่ ฮาาาา)

คุณ sai --- คราวนี้นานกว่าครั้งที่แล้วอีก โทดก๊าบบบบ เค้าจะปรับปรุงตัว (เลียนแบบ SimSimi 555) ต้นน้ำก็ยังคงต้องสู้ต่อไปเนอะ

คุณ nateetip --- ลุ้นตอนต่อไป นี่หมายถึงลุ้นสองคู่ หรือลุ้นว่าคนเขียนจะมาเมื่อไหร่หว่า อิอิอิ

คุณ grazioso --- แหม สาวภัทรจะใส่กระโปรเลยมั้ยเนี่ย ต้องคอยยุนะ 555 เย้ย! ป้ายไฟยังไม่ได้เขวี้ยงมาหรอกหรอ แล้วที่ปักอยู่บนหัวคนเขียนตอนนี้เป็นของใคร้!!!

คุณ Jelly --- คราวนี้ลีไม่เป็นหวัด แต่ไปช่วยยกของหนักน้ำท่วม อาจจะปวดกล้ามเนื้อ พี่เลยรอลีหายสนิทก่อน (กรี๊ด! มันช่างกล้าแถ) 555 พี่มาแล้วนะค้า หวังว่าจะไม่ลืมกันน้า ^^

คุณ roseolar --- รักคือการยื้อแย่ง...เฉียบมากคุณน้อง พี่ชอบ 555 อย่าทึ้งหัวตัวเองนะ แล้วก็อย่าเพิ่งเขวี้ยงป้ายไฟ ขอพี่เตรียมตัวรับก่อน ^^"

คุณ anOO --- เอาลุคใหม่ภัทรมาเสริฟค่ะ อ่านเม้นต์แล้วสะดุ้ง "ไม่รู้จะได้อ่านอาทิตย์ไหน" อาทิตย์นี้ล่ะค่ะ เอิ๊กส์....ข้าน้อยผิดไปแล้ววววว ปล. สงสัยคบมันสั้นไปอ่ะคะ ไฟเลยลามเร็ว อิอิ

คุณ Pat --- ลุคใหม่ภัทรไม่รู้คนเขียนบรรยายได้เห็นภาพไหมเนี่ย กลัวจังเลย เดี๋ยวคนอ่านจิ้นไม่ออก 555 ไอ้เราก็ไม่แต่งตัวด้วยสิ T^T

คุณ aom --- มาแล้วจ้า ไปดูลุคใหม่ของภัทรกัน ดีใจที่ได้ลงอีกทีเหมือนกันนะ 555 (หัวเราะกลบเกลื่อนตลอด ก๊ากกก)

คุณ BOOKWORMPIG --- คิดถึงคนอ่านที่น่ารักเหมือนกันค่ะ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามจ้า ^0^

คุณ Rodjana --- มาแล้วจ้าๆ ไม่ให้รอแล้ว(สำหรับตอนนี้ แป่วววว) ขอบคุณและหวังว่าจะรักกันนานๆ นะคะ ^_^




ไปดูลุคใหม่สาวภัทรกันดีกว่าค่ะ....^^


-------------------------------------------------------------------


13.

ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามาสองชั่วโมงแล้ว แต่อากาศเย็นๆ จากเมื่อคืนยังคงอบอวลแตะแต้มรอบกาย

ผู้หญิงร่างโปร่งที่อยู่ในชุดสูทแขนกุดสีขาวกลัดกระดุมพอเป็นพิธี แม้ไม่เข้ารูปมากนักแต่ก็เน้นให้เห็นความสวยงามของสตรีเพศ ตัวในเป็นเพียงเสื้อกล้ามสีเดียวกันเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของเมืองไทยที่แม้ตอนนี้จะไม่ร้อนเท่าใดนัก ตัวสูททิ้งตัวถึงครึ่งสะโพกที่สวมด้วยกางเกงเดปสีฟ้านวลเหมือนผสมนม

คงต้องยอมรับว่าอาทิตยาดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ดัง une pincesse มีความสามารถล้นเหลือในการออกแบบชุดทำงานใหม่ให้เธอตามคอนเซปของหม่าม้าที่ว่า ‘สาวเท่’

‘ทำตัวเป็นผู้หญิงแล้วหาแฟนเป็นผู้ชายสักเดือน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเอาไว้’

‘มันก็คุ้มนะ...ตบตาไอ้ต้นสักเดือนก็สนุกดี’

‘ตบตา?’

‘ใช่! เดือนเดียวที่ไม่ต้องทำตัวเป็นผู้หญิงจ๋า แต่แค่มีแฟนเป็นผู้ชายสักคน’

‘เพราะงั้น...แฟนผู้ชายคนแรกและคนเดียวของฉัน ไม่มีใครเหมาะสมมาก
ไปกว่าแกอีกแล้ว...วินธัย พิพัฒน์กำธร’





โรงแรมใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่จะหยุดร่างโปร่งบางของภัทรนรินทร์ไว้ได้นานเท่าวันนี้

เพียงเวลาไม่กี่วัน แต่ทำให้รู้สึกคิดถึง ‘เดอะรอยัล’ ขึ้นมาลึกๆ

หรือไม่...ก็คิดถึงคนบนที่สูงคนนั้นที่ป่านนี้คงจะนั่งทำงานงกๆ ไม่รู้จะได้กินอะไรหรือยัง

“เฮ้อ...” อดถอนหายใจไม่ได้ เมื่อหัวใจมันช่างขัดแย้งกัน ใจหนึ่งบอกให้
ขึ้นไปติดต่องานเผื่อบางทีจะฟลุ๊คเจอคนขี้งอนบนนั้น แต่คิดอีกทีก็เหมือน
คนมีชนักติดหลังไม่กล้าสู้หน้า

ไม่...จะกลัวไม่ได้ มาทำงาน ท่องไว้ๆๆ

คนที่ยืนอยู่บนรองเท้ารัดส้นสีขาวส้นตึกเล็กน้อยสูดหายใจเข้าปอดเรียก
ความมั่นใจให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลใบยักษ์ที่
ทำให้คนสะพายดูเท่มากกว่าสวยไว้แน่นให้อุ่นใจ

ได้เวลา...ลุย!!





เฮ้อ...

เป็นเสียงถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน หล่อนอยากจะตะโกนดังๆ

“เบื่อเว้ย!” แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เสียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ

หลังออกจากเดอะรอยัล พร้อมกับความผิดหวังที่ไม่สมควรหวัง ก็ผู้บริหาร
ระดับสูงจะลงมาป้วนเปี้ยนชั้นที่เธอไปคุยงานได้อย่างไร!

หวังลมๆ แล้งๆ แห้งๆ เหี่ยวๆ

“เฮ้อ...”

คิดเรื่อยเปื่อยทั้งที่มือยังบังคับพวงมาลัยอยู่ตลอด แต่ยังไงไม่รู้กว่าจะรู้ตัวอีกทีไอ้แก่ก็เป็นฝ่ายพาเธอมาที่หน้าร้านคุ้นตาเสียแล้ว

‘เหมือนฉันไง ฉันไม่ชอบอะไรซ้ำซากจำเจ ผู้หญิงก็คบคนเดิมไม่ได้นานเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง’

‘แต่ยังชอบกินทับทิมกรอบเหมือนเดิม’

‘ก็นั่นมันของกิน ไม่เห็นจะเหมือนกัน’

‘บางทีอะไรที่อยู่ใกล้ไปก็กลายเป็นชีวิตประจำวัน’





“ทับทิมกรอบที่นึงค่ะ”

เสียงใสสั่งก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ตัวเอง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะรู้สึกถึงสายตา
ของใครบางคนที่จับจ้องอยู่...ตั้งแต่ที่เดอะรอยัล เพียงแต่ตอนนั้นคิดว่าคง
เป็นความฟุ้งซ่านของตัวเองมากกว่าจึงไม่ได้สนใจ

หรือว่าจะเป็น...

ภัทรนรินทร์หันไปทางที่ความรู้สึกของเธอบอกชัดเจน แต่แล้วก็พบกับ
ความว่างเปล่าที่ตอกย้ำว่าหล่อนช่างฟุ้งซ่าน

แย่จังภัทรนรินทร์...นี่เธออยากให้วินธัยมาเป็นชีวิตประจำวันของเธอตั้งแต่
เมื่อไหร่กันนี่





แสงแดดที่อ่อนๆ ผสมกับลมเย็น ไม่เข้ากันสักนิดกับเวลาเกือบเที่ยง ดู
เหมือนว่าชีวิตภัทรนรินทร์จะสับสนไปหมด ทั้งภูมิอากาศและภูมิประเทศ
เพราะไม่รู้ขับรถอย่างไรจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่สิ...ขับแบบเหม่อๆ อย่างไรถึง
รอดมายืนตรงนี้ได้

บ้าที่สุดในโลกเลย! เธอบ่นในใจ ต้องโทษไอ้แก่ที่พาเธอมายืนอยู่หน้า
ประตูบานนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้

...คอนโดต้นน้ำ

‘บอกเขาไปหรือยัง’

‘บอกอะไร?’

‘เหตุผลที่เลิกกับเขา’

‘เหอะ! ฉันยังไม่ทันได้อ้าปากบอกเลย เจ้าหล่อนก็ฟาดโครม ผู้หญิงอะไร
มือหนักเป็นบ้า’

‘นั่นสิ มือหนักเป็นบ้า’

‘รู้งี้ฉันไม่บอกเลิกหรอก ทำตัวไม่มีเวลา เดี๋ยวเขาก็ไปเองนั่นแหละ’

‘คนรักกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก’

‘พูดแบบนี้ นายเคยมีคนรักหรือไง? ฮั่นแน่...แอบไปรักใครอ่ะ บอกมาเดี๋ยว
นี้นะ’

ก๊อกๆๆ

เคาะจนกระดูกจะหักอยู่แล้ว เจ้าของห้องก็ยังไม่เปิดเสียที มือที่ว่างจึงต้อง
หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์เพื่อนสนิทแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะร้อยวัน
พันปีต้นน้ำไม่เคยปิดมือถือ นอกเสียจาก...แบตหมด

ร่างสูงโปร่งหันหลังพิงผนังอย่างจนใจ ต้นน้ำแบตหมด ศวิตาก็เหมือนหาย
ไปจากวงโคจรของเธอ ส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึง แบตไม่หมดก็เหมือนหมด
มีตัวตนแต่ก็เจอะเจอจับต้องไม่ได้ ยิ่งนึกถึงเสียงทุ้มๆ ก็คอยแต่จะเปิดก้อง
ในหู เหมือนคนแก่ที่ชอบนึกถึงเรื่องอดีต

‘เรื่องแฟนกำมะลอบ้าบอนั่น’

‘อย่าบอกนะว่าแกจะไม่ช่วยฉัน’

‘ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยกเลิกใช่มั้ย?’

‘ใช่!’

‘ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธใช่มั้ย?’

‘ใช่!’

‘ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม?’

‘ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ฉันจะทำให้แกช่วยฉันให้ได้รู้ไว้ซะด้วย!’

‘ถ้าจะเป็นแฟนฉัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ห้ามขัดเด็ดขาดภัทรนรินทร์’





อากาศยามเย็นยิ่งหนาวเหน็บกว่าเคยเมื่อร่างบอบบางก้าวเข้ามาในห้างดัง
อันที่จริงแล้วผู้คนที่เดินขวักไขว่ในห้างสรรพสินค้าตอนเย็นๆ น่าจะเป็นสิ่ง
ที่ทำให้ภัทรนรินทร์หายเหงาได้บ้าง แต่สุดท้ายเธอเองที่คิดผิด เพราะไม่ว่า
จะหันไปทางไหนไม่มีใครเหมือนเธอสักคน ข้างกายที่ว่างเปล่า เพิ่งจะรู้
ว่าการที่ไม่มีไออุ่นจากคนข้างกายนี่มันก็เหงาเหมือนกัน

ฝูงชนที่แออัดอยู่ข้างหน้าทำให้หญิงสาวอดชะเง้อคอมองตามไม่ได้ ในใจอดนึกไม่ได้ว่าถ้ามี midnight sale ก็อาจจะมีลุ้นเจอศวิตา แต่นั่นก็แค่ความฝัน เพราะตอนนี้เพื่อนรักคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้หายไปคราวนี้ แม้จะไม่รู้และอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ลึกๆ ก็เชื่อว่าศวิตาคงเลือกแล้วกับทางเดินเส้นนี้ ทั้งที่ไม่รู้อะไรสักนิด แต่ในใจอดคิดไม่ได้ว่าศวิตาน่าจะอยู่กับต้นน้ำ

เพราะอะไรน่ะหรือ...

ก็เพราะว่าต้นน้ำทำให้เธอจับพิรุธติด เพราะเจ้าตัวไม่เคยปริปากเรื่องนี้ออก
มาสักนิดนั่นแหละ มีอย่างที่ไหนคนอย่างต้นน้ำถ้ารู้ว่าศวิตาหายเงียบไปจะ
ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน มีอย่างที่ไหนจะไม่เที่ยวถามคนอื่นให้วุ่น นั่งไม่ติด
เก้าอี้เสียล่ะมากกว่า แต่นี่กลับทำเฉย ไม่พูดจา ไม่ถามถึง เปลี่ยนเรื่องคุย
ไมใช่ว่าไม่ห่วง แต่คงเป็นเพราะว่าทนหวงห่วงไม่ไหวจนต้องตามหาแล้ว
ดูแลไม่ให้คลาดสายตาต่างหากเธอเดา

อีกแล้ว! เธอหลุดออกจากความคิด ปลายเท้าชะงักแล้วหันหลับไปมอง
รอบๆ กายที่มีเพียงฝูงชนคลาคลั่ง

ความรู้สึกที่ร้านทับทิมกรอบกลับมาอีกครั้ง สายตาคู่ใดกำลังมองดูเธออยู่
หนอ...

ใช่นายหรือเปล่าวินธัย หรือฉันแค่...คิดไปเอง





อากาศวันนี้เย็นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา คงเป็นเพราะลมหนาวที่กำลังจะมาเยือน แต่หนาวกายคงไม่เท่าเปลี่ยวใจ สุดท้ายเมื่อไม่มีที่ทางให้ไป จะกลับ
บ้านก็ไม่อยากไปนั่งเหงาให้หม่าม้าเรียกเป็นแมวหง่าวแล้วต้องมานั่งห่วง จะ
นั่งเล่นในร้านกาแฟ ภาพเก่าๆ สมัยเรียนที่มีนักศึกษาหนุ่มนั่งจิบกาแฟ
Decaf นั่งฟังเธอจ้อก็หวนเข้ามาในความคิดจนไม่เป็นอันทำอะไร จะกลับ
ไปนั่งทำงานก็ไม่มีสมาธิจะออกไปข้างนอกก็ไม่รู้จะไปไหน ในเมื่อทุกที่ทุก
เวลาที่ผ่านมามันมีแต่ช่วงชีวิตที่มีวินธัยทั้งหมดทั้งสิ้น จนถึงวินาทีนี้คง
โกหกตัวเองไม่ได้แล้ว หล่อนเคยชินกับการมีเขาอยู่ข้างๆ แม้ไม่มีประโยค
เอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหยักโค้ง แต่นัยน์ตาสีดำสนิทไม่บ่งบอกความ
คิดของวินธัยที่คอยทอดมองให้เธออุ่นใจยังคงฝังแน่นไม่ถูกลบเลือนไปเลย

หรือเพราะความเคยชินที่มันทำร้าย ทำให้มองไม่เห็นค่าของคนๆ หนึ่ง

สายลมแผ่วเบาลอดผ่านกระจกรถที่ถูกเปิดไว้เพียงเล็กน้อย สะพานแขวน
สว่างไสวด้วยดวงไฟสองข้างทาง ภัทรนรินทร์มองภาพนั้นอย่างไม่รู้จักเบื่อ

‘คิดอะไรอยู่’

‘เปล่านี่ แค่แสงไฟมันสวยดี ปกติไม่ค่อยได้มีเวลามอง’

‘ชอบหรือ?’

‘ก็สวยดี’

‘อยากดูบ่อยๆ ก็บอก’

สองขาก้าวลงมาแล้วเดินไปตามสะพาน ปล่อยให้ลมเย็นฉาบผิวกาย ให้
ความหนาวเหน็บแทรกซึมไปถึงหัวใจ

แม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนยังคงไม่หลับใหล กระแสน้ำโอบประคองเรือ
สำราญให้ลอยล่อง ตึกรามบ้านช่องริมน้ำไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
นัก ยังคงวิถีสองริมฝั่งแม่น้ำได้อย่างน่าชม

ที่ตรงนี้ ไม่ว่าสี่ปีก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมในความรู้สึกของหญิงสาว ใจประหวัดไปถึงคนที่อยู่ข้างๆ เธอมาถึงสี่ปี เวลาที่เธอว่าสั้นนัก ไม่นานคง
ต้องแยกจากกัน หากแต่สำหรับวินธัยคงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกับความ
หวังและการรอคอยโดยไม่แน่ว่าอาจต้องสิ้นหวังไร้สิ่งตอบแทนจากเธอ

แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยัง...รอ

‘อย่าโกรธได้มั้ย อย่าเดินหนีไปแบบนี้อีก สัญญาสิว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน
อีก’

‘ทำไมต้องสัญญาล่ะ’

‘ก็ฉันไม่อยากเสียเพื่อนไป ไม่เห็นต้องถามเลย สัญญากับฉันสิ’

‘เพื่อนเธอมีตั้งเยอะแยะ’

‘มันไม่เหมือนกัน นายเหมือนพ่อมั้ง รู้แต่ว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ’

‘ไม่อยากได้คืบ ไม่อยากได้ศอก ไม่อยากเป็นพ่อ แล้วก็ไม่ชอบเป็นแค่
เพื่อน...แต่อยากได้หัวใจของคนแถวนี้’

‘อยากได้จริงๆ หรือ...หัวใจที่ไม่รู้จะเป็นหญิงหรือชายน่ะ’

‘ถ้าเธอเป็นผู้หญิง ฉันจะเป็นผู้ชายสำหรับเธอ...แต่ถ้าเธอยังอยากเป็น
ผู้ชาย ฉันก็พร้อมจะเป็นอะไรก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับเธออย่างนี้ตลอดไป’

...ตลอดไป...

...ตลอดไป...

...ตลอดไป...

มือเรียวกำขอบสะพาน ทุกคำพูดทุกการกระทำ ทุกช่วงเวลาที่อยู่กับเขา
ทำให้หล่อนมีความสุขและกลายเป็นขาดเขาไม่ได้โดยไม่ทันรู้ตัว แต่ตอนนี้
จะไม่มีผู้หญิงโง่ๆ คนนั้นอีกต่อไปแล้ว

ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มแรกของวัน ดวงตาเป็นประกายแห่งความหวังพราวระยับ
แข่งกับแสงสะท้อนของผืนน้ำยามราตรี มือทั้งสองยกขึ้นป้องปาก ก่อนจะ
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วตะโกนลั่น หวังว่าประโยคนี้จะส่งไปให้ใคร
สักคนที่ยังคง ‘รอ’

“ฉันรักนายวินธัย!”





เสียงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจใครดังขึ้นข้างหลัง คนที่เพิ่งตะโกนบอกรักตัว
แข็งทื่อ อยากเก็บเศษหน้าของตัวเองขึ้นจากแม่น้ำเสียตอนนี้

แต่เดี๋ยว...ทำไมเสียงมันคุ้นๆ

“อ้าว...ฉันมาขัดจังหวัดสารภาพรักของแกรึเปล่าน่ะ ขอโทษจริงๆ น้า”

“ไอ้ต้น!” น้ำเสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างน้ำไม่มีทางซะล่ะที่เธอจะลืม
“หายหัวไปไหนมา”

คนที่ยืนหัวเราะเมื่อครู่หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะยักไหล่ แล้วเดินไป
หาเพื่อนสนิท ร่างสูงของหนุ่มแว่นยืนพิงสะพาน สายลมพัดโกรกให้ผมที่
เริ่มยาวไม่เป็นทรง ภัทรนรินทร์มองเห็นไรหนวดจางๆ และความโทรมบน
ใบหน้าที่เคยดูดีของเพื่อนสนิทแล้วเกิดคำถามในใจ

“สรุปว่าหายไปไหนมา” โทรไปรับบ้างไม่รับบ้าง มีพิรุธจนน่าสงสัย “ที่
คอนโดก็ไม่อยู่ อ้อ...แล้วไม่ต้องอ้างว่ากลับบ้านเพราะฉันโทรไปแล้ว”
หญิงสาวถามเสียงแข็ง กลบเกลื่อนความอายเมื่อครู่

“ยุ่งว่ะ...ตั้งแต่มีแฟนชักจะทำตัวเหมือนผู้หญิงขึ้นทุกวัน”

“บ้าดิ!”

“อ๊ะๆ มีบ้งมีบ้า” ต้นน้ำแซวขำๆ “นี่ถ้าสมัยก่อนแซวอย่างนี้มีหวัง โอ๊ยๆๆ”

กำปั้นไม่แรงนักต่อยเข้าที่หน้าท้องเพื่อนรักที่ปากมันชักจะทวีสุนัขมากขึ้น
ทุกวัน เป็นคำยืนยันว่าตอนนี้เธอก็ยังเป็นภัทรนรินทร์คนเดิม เสียงหัวเราะที่
ช่วงนี้หายไปจากชีวิตเธอเริ่มกลับมา

“มาที่นี่แล้วคิดถึงเมื่อก่อนเนอะ”

“ตอนนั้นฉันจำได้แกกรึ่มๆ เพราะซัดเข้าไปตั้งแต่ผิบเปิดจนมันปิด ฉันยังหิ้วปีกแกมาอยู่เลย” ต้นน้ำว่า “เมาแล้วพิสดาร อยากกระโดดสะพาน
พระรามแปด”

“พวกแกก็ตามใจ”

“ขานู้นหรอกชอบตามใจแกจนเสียผู้เสียคน”

“ก็แกกับวีต้าไม่ห้ามนี่หว่า” พูดไปก็สังเกตสีหน้า ดวงตาหลังเลนส์แว่นดับ
แสงลง เหมือนคนอมทุกข์ “ต้น...แกชอบวีต้าใช่ไหม”

“เปล่า” คำปฏิเสธทันควันทำให้ภัทรนรินทร์ขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องหน้าเหวอ
“ไม่ได้ชอบ แต่ฉัน...รักวีต้า”

คำสารภาพง่ายๆ ตรงไปตรงมาของเพื่อนที่กอดคอกันมาตั้งแต่มัธยมทำให้
ภัทรนรินทร์ไม่รู้จะดีใจหรือร้องไห้ดี “ก็ดีแล้วนี่ แล้วบอกวีต้าไปหรือยัง”

“ยัง”

“อ้าว ทำไมไม่รีบบอก”

นั่นสิ...ถ้าเขาพูดเร็วกว่านี้อีกนิด บางทีความผิดหวังจากการถูกปฏิเสธอาจ
จะดีกว่าการที่ต้องมารับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากแม้แต่ได้ยินหรือเห็นหน้าเขาอีก
จนต้องหนีหายไปแบบนี้

วีต้า...เธออยู่ที่ไหน

“อย่างกะตัวเองกล้าตายล่ะ มายืนป่าวประกาศให้ชาวประชารู้ แต่เจ้าตัวไม่รู้
จะได้ยินไหม” เขาแกล้งแขวะเพื่อน เพราะไม่อยากถูกซักไซ้ เขายังไม่
พร้อมเล่าเรื่องบนเกาะให้ใครฟัง เสียงกวนประสาทแกล้งดัดเล็กพูดจีบปาก
จีบคอ “ฉันรักนายวินธัย...บรื๋อ ขนลุก”

“ไอ้ต้น ไอ้ๆๆ ไอ้เพื่อนบ้า เงียบเลยนะ” ใบหน้าเรียวเห่อร้อน เป็นที่ถูกใจ
ของต้นน้ำ

“อ่ะๆๆ ไม่ล้อก็ได้ แต่แกอย่าเพิ่งบอกวีต้านะ”

“แสดงว่าคนอื่นก็ได้ใช่ป่ะ”

“ใคร...วินหรอ” เขาย้อนถามเสียงซื่อ ก่อนจะรู้ตัวว่าผิดถนัดเมื่อเสียงแจ้วๆ
เงียบลง “แก...ทะเลาะกัน?”

“ฮื่อ...นิดนึง”

“ใช่ที่เล่าวันนั้นหรือเปล่า”

“ก็ขอโทษไปแล้ว”

“แล้วมันว่าไง” เขาถาม

บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง คิดให้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น รอคำ
ตอบเสมอ

เธอยังจำข้อความสุดท้ายที่ได้รับจากวินธัยได้ดี แต่เวลา...จะช่วยอะไรได้

“ผู้หญิงมันเป็นกันยากเนอะ รู้งี้ฉันกลับไปชอบผู้หญิงเหมือนเดิมน่าจะ
เวิร์ค”

มือขาวสะอาดของเพื่อนรักวางลงบนบ่าอย่างปลอบใจ “แกจะกลับไปชอบ
ผู้หญิงมันก็คงจะได้ แต่ถ้าจะให้...รัก แกคงต้องถามใจตัวเองจริงๆ แล้ว
ภัทรว่าแกรักใคร”

ภัทรนรินทร์ยิ้มหยัน ถามใจ...ทั้งที่คนๆ นั้นอาจไม่รอฟังคำตอบของเธอ
แล้วก็เป็นได้

“เอ้อ...” ต้นน้ำทำลายความเงียบขึ้นที่อาจจะก่อตัวขึ้น “ดึกแล้ว จะกลับ
หรือยังเดี๋ยวหม่าม้าก็เป็นห่วงหรอก”

หญิงสาวพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะพยักหน้า “แกล่ะ”

“แกกลับฉันกลับ แกเอารถมาไหม”

“เอาไอ้แก่มา แกล่ะ” หล่อนถามกลับ

“แท็กซี่”

“ไป...เดี๋ยวไปส่ง” มือเล็กกว่าตบไหล่เพื่อนให้เดินไปด้วยกัน แต่ต้นน้ำ
ส่ายหน้า

“แกขับกลับดีๆ เถอะ ถึงบ้านแล้วยิงมาด้วย ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้ ดึก
แล้ว”

ต้นน้ำเดินมาส่งเพื่อนที่รถ ระหว่างทางไม่มีคำพูดใดๆ แต่ภัทรนรินทร์รู้ว่า
เพื่อนคนนี้เป็นห่วงเธอเสมอ

“ขอบใจนะต้น”

“ยังไงได้ช่วยอะไรสักนิด” เขาตอบขำ “แต่แกอย่าเพิ่งบอกวีต้านะเรื่องนั้น”

“รู้แล้วน่า ย้ำจริง”

“ก็กลัวนี่หว่า ไปๆๆ กลับได้แล้ว ฝากสวัสดีหม่าม้าด้วย”

“เออได้ ไปแล้ว เดี๋ยวค่อยโทรหา”





กว่าจะกลับถึงบ้านก็เลยเวลาที่บอกมารดาไปนานแล้ว แต่ผู้หญิงที่รักเธอมากที่สุดก็ยังนอนหลับไปบนโซฟา โดยมีป๋านั่งดูบอลเงียบๆ อุทิศตักเป็นหมอนให้ ภาพความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ จนบางทีเธอก็เคยตั้งคำถามว่าอยากมีวันนั้นบ้างหรือไม่ วันที่ใครบางคนนั่งเคียงข้างกันจนแก่เฒ่า

“ขอโทษค่ะป๋า”

“กลับมาแล้วหรอลูก” ไม่ใช่เสียงป๋า แต่ผู้หญิงที่หลับอยู่ปรือตาขึ้นมาอย่าง
คนสัมผัสไว คุณรินฤดีอ้าแขนรับลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอด “ไปไหนมาลูก
กลับซะดึกเชียว”

“ขอโทษนะคะหม่าม้า พอดีภัทรเจอต้นน่ะค่ะ เลยคุยกันยาว พักนี้ไม่ค่อย
ได้เจอ”

“ต้นสบายดีนะลูก”

“สบายดีค่ะ ฝากมาสวัสดีหม่าม้ากับป๋าด้วย”

“ดีแล้วลูก นี่หนูกินอะไรมาหรือยัง หม่าม้ามีกับข้าวอยู่จะให้อุ่นเลยไหม”

“หนูเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอไปอาบน้ำดีกว่า”

คนเป็นพ่อที่นั่งตาดูบอล หูฟังสองสองแม่ลูกได้ทีแทรก “เอาหม่าม้าเราขึ้น
ไปนอนด้วยเลย นอนอย่างนี้เดี๋ยวละเมอทีตกลงไปกระดูกกระเดี้ยวจะหัก
แก่แล้วนาไม่ใช่สาวๆ”

“เอ๋...คุณเนี่ย”

หญิงสาวหัวเราะท่างอนของมารดาที่ดูก็รู้ว่าไม่จริงจัง เพราะขนาดแกล้ง
งอนยังยื่นแก้มไปให้ป๋าจูบราตรีสวัสดิ์กันเลย

“อิจฉาหม่าม้าจังค่ะ” เธอพูดเมื่อเดินมาส่งมารดาที่หน้าห้อง นางรินฤดียิ้ม
บางๆ ก่อนจะยกมือลูบแก้มลูกสาวอย่างอ่อนโยนระคนรักใคร่

“ไม่ต้องอิจฉาหรอกจ๊ะ สักวันหนึ่งลูกสาวหม่าม้าก็จะมีชีวิตครอบครัวที่มี
ความสุขเหมือนที่หม่าม้ากับป๊าของหนูเป็น แต่บางทีนะลูกอุปสรรคถ้าเรา
ก้าวข้ามมันไปได้ ความรักของเรามันก็จะยิ่งแข็งแรงและมั่นคง”

“ภัทรรักหม่าม้านะคะ”

“จ๊ะ หม่าม้าก็รักภัทรที่สุด แล้วก็เชื่อด้วยว่าหม่าม้ากับป๊าสอนให้ลูกของเรา
เข้มแข็งเสมอ”

“ค่ะ...ภัทรจะเข้มแข็ง หม่าม้ากับป๊า ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฝันดีค่ะ”





หลังส่งคนเป็นแม่เข้านอน เธอก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกต้นน้ำ มือเรียวจึงกดพิมพ์ข้อความส่ง ไม่นานเกินรอ อีกฝ่ายก็ส่งข้อความกลับมาว่าถึงแล้วเหมือนกัน แต่ข้อความต่อท้ายมันกลับทำให้เธอต้องกำมือถือแน่นอย่างไม่รู้ตัว

...เอ้อ ฉันไม่ชมหรอกนะว่าชุดแกสวย เพราะคงมีคนที่เขาอยากชมแล้วแกก็อยากให้เขาชมมากกว่าฉัน รักแกเสมอ ต้นน้ำ

“ฉันก็รักแก แล้วก็เป็นกำลังใจให้วีต้ารับรักแกด้วยนะต้น”



------------------------------------------------------------
ขอบคุณอีกทีได้มั้ย สำหรับการติดตาม การทวงถาม หรือแม้แต่การจุดธูปเรียก ด้วยรัก จริงๆ ค่ะ
อ้อ...ขอบคุณสำหรับคบไฟและป้ายำฟด้วยน้า ชอบที่สุดๆๆๆๆ โฮะๆๆ

อ้อ เขินจังเลยอ่ะ จะบอกว่าเค้ามีเฟสบุ๊คกะชาวบ้านแล้วนะเออ
(ถูกบังคับให้สมัครเพื่อทำงานกลุ่ม ฮือ)
ทักทายชูป้ายไฟหรือจะเอาป้ายตีหัวคนเขียนให้เลือดนองก็เอาเล้ยย
(กรี๊ดดด พูดเล่นนะตะเอง - -")


เจอกันเมื่อคนึงหา (เอ๊ะ!)
เอาเป็นว่ารีบสุดเท่าที่จะอ่านหนังสือไปด้วยทันแล้วกันนะคะ

รัก
เจ้าชายน้อย



เจ้าชายน้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2555, 01:30:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2555, 01:30:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1857





<< 12. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่   14. ฉันรักเธอ >>
sai 6 ก.พ. 2555, 01:47:18 น.
แอบตกใจที่ได้เห็น แต่ตามมาด้วยดีใจมากๆที่ได้อ่านต่อ ขอให้เครียดเยอะนะค่ะ จะได้มีอารมณ์อยากเขียน แฮ่ๆๆ


Pat 6 ก.พ. 2555, 05:08:27 น.
สามเดือนผ่านไป ในที่สุดไรเตอร์ก็มา สู้ๆค่ะ(ทุกตัวละครเลย ไรเตอร์ด้้วยค่า)


aom 6 ก.พ. 2555, 07:50:08 น.
ดีใจจังที่ได้อ่าน รอตอนต่อไปนะคะ
เอาใจช่วยทุกคนนะคะ สู้ๆๆ


rodjana 6 ก.พ. 2555, 11:08:24 น.
ขอบคุณมั่กมากค่าคุณนักเขียน รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่ออยู่ค่า สู้สู้ :)


anOO 6 ก.พ. 2555, 13:19:05 น.
ยังไม่หายไปไหน ยังเฝ้ารออยู่เสมอ (เปลี่ยนจากคบเพลิงเป็นไฟฉายแทนแหละ)
และแล้วไรเตอร์ก็มา ต้องไปแก้บนก่อน 555
วีต้าหายไปนานเลย


grazioso 6 ก.พ. 2555, 23:46:42 น.
5555 สงสัยที่อยู่บนหัวพี่ปริ๊นซ์ น่าจะเป็นของฝ้ายนะคะ ป้ายไฟน่ะ 555
ยังตามลุ้นอยู่ค่ะ ไม่หนีหายไปไหนแน่ :) ขอให้สาวห้าวของเราลงเอยกับวินธัยไวไวนะคะ :) 555 เป็นกำลังใจให้พี่ปริ๊นซ์ค่า


roseolar 9 ก.พ. 2555, 18:04:42 น.
คราวนี้ฝ้ายไม่ใช้ป้ายไฟแล้วค่ะพี่ปริ๊นซ์<<<ลูกแก้วนี้เชยจริงๆ
คราวนี้ฝ้ายจุดพลุเรียกเลยค่ะ เพราะคราวนี้นานเกิ๊นนนน~
แต่ไม่เป็นไร ให้อภัยได้เสมอ ก็พี่ปริ๊นซ์กำัลังยุ่งกับการเรียนหนังสือนี่นา เนอะ ใกล้เป็น extern แล้ว สงสัยต่อไปจะอ่านนิยายพี่ปริ๊นซ์ที คงต้องรอจนเหงือกแห้งแน่ๆเลย แต่ไม่เป็นไร นานแค่ไหนก็จะรอค่า
อยากรู้จังน้าว่าวีต้าหายไปไหน กลับมาไวๆหน่อยสิจ๊ะ ตาต้นเค้าคิดถึงน้า ส่วนภัทรของเราก็ท่าทางจะตกหลุมรักวินธัยจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะมั้ง อยากให้วินธัยมาได้ยินคำสารภาพรักของภัทรจัง ทำมั้ยทำไมกลายเป็นต้นน้ำได้ยินแทน เฮ้อ!


Jelly 20 ก.พ. 2555, 00:52:49 น.
ไม่ลืมมมมม พี่ปริ้นอัพทีไรมีเเต่เรื่อง(ล้อเล่น)
พี่ๆนักเขียนเค้าบอกว่า อย่าไปกดดันพี่เค้ามาก พี่เค้าเรียนหมอ มันเรียนหนัก หัดรอซะมั่ง
สู้ๆนะค่ะพี่ปริ๊น เป็นกำลังใจให้
Ps.พี่น่าจะมีเฟสหรือทวิตให้คิดตามบ้างงงง รออย่างเดียวแล้วมันเเค้วงคว้าง;[


ChaussonAuxPomme 6 มี.ค. 2555, 23:03:04 น.
...สนุกจัง...อ่านแล้วอมยิ้มบางบทน้ำตาคลอเลย... T T


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account