กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 35
ตอนที่ ๓๕
เมื่อตั้งใจว่าจะหาว่าความผิดพลาดร้ายแรงเกิดขึ้นที่ตรงไหน รุ่งขึ้นชายหนุ่มจึงเข้าไปที่เอพีกรุ๊ปตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง
ปกติแล้วอังกาบ พร็อพเพอร์ตี้กำหนดให้พนักงานเข้าทำงานในเวลาแปดนาฬิกา ดังนั้นตอนนี้ทั้งสำนักงานนี้จึงมีแค่พีรพัฒน์กับพนักงานอีกคนสองคนที่มาบริษัทเช้าเพื่อเลี่ยงรถติดเท่านั้น
ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเลขาฯ
พื้นที่บนโต๊ะทำงานของรุ่งรวีนั้นเรียบร้อยมาก ตั้งแต่จอคอมพิวเตอร์ที่สะอาดสะอ้าน
สมุดหมายเลขโทรศัพท์สายในขององค์กรซึ่งวางเป็นระเบียบในมุมในครัน
ปฏิทินตั้งโต๊ะที่มีการขีดเขียนนัดสำคัญ ตะกร้าใส่เอกสารที่ขอบกระดาษในนั้นเรียบกริบ
กระทั่งกระดานเล็กๆบนผนังด้านข้างที่ใช้สำหรับการแปะโพสอิตกันลืม รุ่งรวีก็ยังแปะเรียงแถวเรียบสนิท
พวกนั้นล้วนบ่งบอกถึงอุปนิสัยที่เป็นระบบระเบียบของเจ้าของโต๊ะได้ดี
พีรพัฒน์หรี่ตาครุ่นคิด ถ้าหทัยรักวางกระดาษโน้ตไว้บนโต๊ะนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่รุ่งรวีจะมองไม่เห็น...
แล้วมันพลาดได้อย่างไร?...
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนส่ายหน้า
เป็นไปได้หรือไม่ว่ากระดาษนั่นจะปลิวหล่นพื้น?
ไวเท่าความคิด พีรพัฒน์ชะโงกตัวข้ามโต๊ะยื่นหน้าไปมองพื้นหลังเก้าอี้ทันที
แต่เขาก็ไม่พบอะไร ใจกระหวัดนึกไปว่าหรือจะปลิวไปอยู่ใต้โต๊ะ จึงย่อตัวลงนั่งแล้วก้มมองหา แต่ทว่า...
“ท่านประธาน! ทำอะไรคะ?”
สิ้นเสียงทัก พีรพัฒน์ก็เงยหน้าทันที
เมื่อเห็นเลขาฯรี่ตรงเข้ามาด้วยสีหน้าตาตกใจที่เห็นผู้บริหารระดับประธานกรรมการลงไปคลานเข่าอย่างนั้นเขาจึงรีบยืดตัวลุกขึ้น
“อ่อ คุณรุ่ง มาพอดี” คนที่เพิ่งยืนขึ้นกล่าว
“ขอโทษทีที่ผมเข้ามายุ่มย่ามกับโต๊ะทำงานคุณ แต่ผมกำลังหาของอยู่”
รุ่งรวีทำหน้าฉงน
“ของ? ของอะไรหรือคะ?”
“โน้ตข้อความ” เขาบอก ก่อนหันมาถาม
“เมื่อวาน ก่อนเลิกงานคุณเห็นกระดาษโน้ตข้อความจากผมบ้างรึเปล่า?”
“โน้ตข้อความหรือคะ? เอ...ไม่เห็นเลยนะคะ ท่านประธานสั่งงานดิฉันไว้ในโน้ตใบนั้นหรือคะ?”
“ใช่” เขาตอบ “ผมฝากโน้ตให้คุณช่วยจัดการโทร.ไปที่บ้านสุริยะธาดาให้หน่อย ช่วงประมาณสี่โมงเย็น คุณหทัยรักเขาเป็นคนเอามาวางให้บนโต๊ะคุณ ไม่เห็นบ้างเลยรึ?”
“อือ ค่ะ ไม่เห็นเลย” รุ่งรวีมีสีหน้าเครียดขึ้นทันที
สำหรับเธอผู้ธำรงตนเป็นเลขานุการที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น นอกจากการจัดการในเรื่องแบ่งเบาภาระผู้บริหารและเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงให้ผู้บริหารกับบุคคลากรทั้งในบริษัทและลูกค้าภายนอกแล้ว ยังหมายรวมถึงการจัดการเรื่องจิปาถะต่างๆที่ผู้เป็นนายสั่งให้ทำด้วย
ดังนั้นเมื่อรู้ว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นในหน้าที่ รุ่งรวีก็ทนไม่ค่อยได้
เลขานุการินีสาวใหญ่ขยับเข้าไปด้านในโต๊ะทำงานของตนทันใด เริ่มต้นมองหา
“เมื่อวานกว่าที่ดิฉันจะออกจากออฟฟิศก็เกือบห้าโมงครึ่ง ดิฉันไม่เห็นโน้ตอะไรอยู่บนโต๊ะเลย” รุ่งรวีเอ่ย
"โต๊ะดิฉันทำ ห้า สอ.อยู่เสมอ หากมีโน้ตข้อความมาวางจริง ดิฉันต้องเห็นแล้ว” เธอพูด
แน่นอนว่าประเด็นนี้พีรพัฒน์เองก็เห็นด้วย
เพราะจากสภาพโต๊ะทำงานที่เขาพิศ เชื่อได้เลยว่าความเป็นระเบียบต้องไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดของรุ่งรวีแน่นอน แต่...
เขาเองก็เห็นกับตานี่ว่าหทัยรักเขียนโน้ตข้อความนั้นแล้วออกมาที่โต๊ะนี้จริงๆ
“ปลิวตกไปใต้โต๊ะคุณรึเปล่า?” เขาถาม แต่รุ่งรวีก็ตอบทันใด
“ไม่น่านะคะ เพราะแอร์ตรงนี้ไม่ได้เป่าแรงขนาดนั้น อีกอย่าง ถ้าตกจริง แม่บ้านที่ทำความสะอาดต้องเจอแล้วเก็บขึ้นมาวางบนโต๊ะให้แล้วเพราะดิฉันเคยกำชับไว้ ว่าถ้าเป็นเอกสารที่ตกอยู่ใต้โต๊ะดิฉันเนี่ย ห้ามเก็บทิ้งโดยพลการเด็ดขาด แต่นี่ไม่มี”
“แต่ผมก็เห็นกับตาว่าคุณหทัยรักเขียนโน้ตข้อความฉบับนั้น แล้วเดินมาวางที่โต๊ะคุณจริงๆ”
รุ่งรวียิ่งเครียดขึ้นอีก เลขาฯสาวใหญ่เริ่มลงมือรื้อดูในตะกร้าเอกสารีกครั้ง
เมื่อไม่พบเธอจึงเริ่มเปิดโน่นรื้อนี่ จนกระทั่ง...
“อ๊ะ!” เลขาฯอุทานออกมาเมื่อตวัดสมุดโทรศัพท์สายในขึ้นมาจากโต๊ะแล้วพบว่ามีกระดาษแผ่นน้อยปลิวลอยขึ้น ก่อนจะร่อนร่วงสู่พื้นแทบเท้าชายหนุ่มพอดี
พีรพัฒน์กะพริบตา
“นั่นหรือเปล่าคะ โน้ตข้อความที่ท่านประธานว่า?” รุ่งรวีถามเมื่อเห็นโน้ตน้อยนั่นปลิวหล่นไปแน่นิ่งบนพื้นด้านล่าง
แต่ว่าคนถูกถามไม่ได้ตอบ
คิ้วเข้มขมวดเข้าทันใดเมื่อเขาค่อยๆก้มลงไปเก็บกระดาษใบน้อยแผ่นนั้นขึ้นมา
ลายมือหทัยรักที่เขียนข้อความแจ้งว่า ให้คุณรุ่งช่วยโทร.ไปบอกคนรถบ้านสุริยะธาดาให้ไปรับวริณสิตาด้วยชัดเจนอยู่ในนั้น
นี่มัน...
นัยน์ตาสีดำคมกริบสว่างวาบเมื่อพบความจริงที่ว่า โน้ตข้อความฉบับนี้มันเพิ่งปลิวออกมาจากใต้สมุดโทรศัพท์!
หมายความว่ายังไง?!
“เอ่อ...” เสียงรุ่งรวีทำลายความเงียบขึ้นมา มือของเลขาฯยังถือสมุดโทรศัพท์คาไว้อยู่เลยเมื่อเอ่ยอ้อมแอ้มว่า
“ด้วยความสัตย์จริง ดิฉันไม่เคยอุตริวางโน้ตไว้ในที่ที่...เอ่อ...แบบว่า...เมื่อกี้...ท่านประธานบอกว่า...โน้ตนี้คุณหะ”
“พีคะ!”
คนถูกเรียกสอดโน้ตใบนั้นเข้ากระเป๋าทันที ส่วนเลขาฯก็วางสมุดโทรศัพท์ในมือลงกลับที่เดิมและไม่มีใครพูดอะไร
กระทั่งเมื่อหทัยรักสาวเท้าถี่ตรงมาหา ดวงตาสาวสวยดูจะมีแววร้อนๆ แต่แค่เพียงนิดเท่านั้น เพียงนิดจริงๆประกายกร้าวแกมเย้ยหยันอย่างคนที่ถือตัวว่าสูงส่งกว่าก็กลับมา
หทัยรักตวัดสายตามองหน้ารุ่งรวีก่อนที่จะปรายหางตามาต่อที่โต๊ะทำงานตัวสำคัญ และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างนั้นช่างปกติ สาวสวยจึงผินหน้ากลับมาสนทนากับพีรพัฒน์
“นึกอยู่แล้วเชียวล่ะว่าพีต้องมาเช้า” หทัยรักว่า
“เป็นยังไงบ้างล่ะคะ” เจ้าหล่อนถาม แต่พีรพัฒน์ไม่ได้ตอบ
สีหน้าเขาดูเครียดและเคร่งขรึม เมื่อนั้นหทัยรักจึงครางออกมา คิ้วโค้งยู่เข้าหากันอย่างคนแสดงความเห็นใจยามจีบปากเอ่ยต่อไปว่า
“เมื่อคืนน่ะ รักเองก็เป็นห่วงแทบแย่เลยนะคะ ตอนที่พีโทร.มาบอกว่าเด็กคนนั้นยังไม่กลับมาถึงบ้าน รักนั่งไม่ติดเลย เป็นห่วง เพราะนั่นก็ถือเป็นความรับผิดชอบของรักเหมือนกัน แต่ก็ยังโชคดีนะคะ ที่รักฉุกคิดได้ว่าวริณสิตาก็คงต้องอยู่กับ...ตานนท์น่ะค่ะ”
พีรพัฒน์ยังคงไม่ตอบอะไร หทัยรักจึงหันไปเล่นคนเป็นเลขาฯ
“แล้วนี่ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเนี่ย คุณรุ่งไม่เห็นโน้ตข้อความที่เอามาวางให้เมื่อวานหรือคะ ฉันน่ะเป็นคนเขียน แล้วอุตส่าห์เอามาบนโต๊ะทำงานคุณด้วยตัวเองเลยนะคะ ตรงนี้น่ะ ตรงนี้เลย”
หทัยรักชี้นิ้วย้ำๆไปกลางโต๊ะทำงานที่ว่างๆซึ่งอยู่ห่างทิศทางกับสมุดโทรศัพท์สายในที่รุ่งรวีเพิ่งวางลงไปคนละโยชน์!
รุ่งรวีดูจะอึ้งเหมือนคนพูดไม่ออก หทัยรักคลี่ยิ้มมุมปากให้มากขึ้น
“อือ! ก็ลองหาดูนะคะ บางทีโต๊ะรกๆน่ะ คุณอาจจะเผลอ ลืมเอาไปซุกไว้ตรงไหน หรือไม่ก็... มันอาจจะตกพื้น ปลิวหล่นไปไหน หรือไม่...ก็พวกแม่บ้านทำความสะอาดอาจจะเก็บไป เป็นไปได้ทั้งนั้น!”
สาวสวยยิ้มหวาน ก่อนหันไปถาม
“จริงไหมคะพี?”
แน่ล่ะ! หทัยรักมาดมั่น นึกแน่อยู่ในใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องสำนึกขอบคุณเธอละที่อุตส่าห์แสดงทีท่าใส่ใจ แถมช่วยสรรหาสาเหตุที่สุดแสนจะเป็นไปได้ให้อย่างนี้!
และแน่นอนว่าต่อให้ยายเลขาฯนี่ จะลงมือรื้อโต๊ะตามคำบอกของเธอในตอนนี้ แล้วก็เกิดไปเจอไอ้โน้ตนั่นซ่อนอยู่หลังสมุดโทรศัพท์เข้าจริงๆ หทัยรักก็ไม่สนหรอก!
เพราะเธอก็จะแค่ยืนกราน ว่าเอาโน้ตนั่นมาวางบนโต๊ะแล้ว แล้วต่อจากนั้น...
ก็ไม่รู้ไม่เห็น! แล้วสุดท้ายความผิดมันจะไปหล่นโพล๊ะอยู่ที่ใคร ก็ไม่ใช่ธุระเธอสักนิด!
แต่ว่าหทัยรักก็ต้องหน้าหงิก เมื่อคนที่หันไปถามด้วยยิ้มหวานและความมั่นใจกลับไม่ได้มีทีท่าจะหือจะอืออะไรกับเธอสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับหันหน้าไปถามเลขาฯอย่างเนือยๆ
“วันนี้ผมมีนัดหมายอะไรสำคัญหรือเปล่าครับคุณรุ่ง”
“อ๋อ เอ่อ...ค่ะ”
แล้วรุ่งรวีก็รีบหยิบสมุดตารางนัดหมายออกมาพลิกก่อนแจ้งให้พีรพัฒน์รู้ว่า ช่วงเช้าตั้งแต่เก้าโมงไปเขามีนัดประชุมกับหัวหน้างานเขียนแบบและทีมวิศวกรโครงการอาคารชุด และจากนั้นในช่วงบ่ายเขาก็มีนัดพบกับผู้อำนวยการก่อสร้างหรือโปรเจคไดเร็กเตอร์ต่อ
“โอเค ขอบคุณนะครับ” พีรพัฒน์บอก
“มิได้ค่ะ” รุ่งรวีตอบทันควัน “เป็นหน้าที่ของเลขาฯอย่างดิฉันอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มค้อมศรีษะน้อยๆให้เลขาฯก่อนจะหมุนตัวทำท่าว่าจะเข้าห้องทำงาน
และเมื่อนั้นล่ะ เสียงแหลมๆก็กรีดขึ้น
“พี!”
สาวสวยเม้มริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีกุหลาบจนบางเฉียบยามเมื่อคนถูกเรียกหันมา
หทัยรักมองเขาด้วยนัยน์ตาโกรธกริ้วขัดใจ
ใช่! ก็เขาน่ะ กล้าดียังไงจะมาทำเมินใส่เธอแบบนี้!
สาวสวยเชิดหน้า แต่ทว่า...
“ขอโทษนะรัก” พีรพัฒน์เอ่ยขึ้นมา
“แต่ถ้าคุณไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร ผมขอตัวทำงานก่อน”
ว่าจบคนพูดก็เดินเข้าห้องทำงานไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าริมฝีปากสีกุหลาบคู่เดิมนั่นจะสามารถเม้มเข้าหากันได้มากกว่าเก่าขนาดไหน!
อ๊าย! หทัยรักแทบอยากจะกรี๊ดใส่แก้วหูใครสักคนให้ขาดกระจาย
แต่เมื่อพนักงานขามุงสองสามคนที่เริ่มแอบๆชะแง้มองด้วยสายตาสนใจ
นั่นก็ทำให้สาวสวยต้องอดกลั้นและวางมาดอย่างผู้บริหาร! เพราะงั้นหทัยรักจึงทำได้แค่สะบัดสายตาขุ่นเคืองมายังรุ่งรวีที่ยังอยู่ตรงนั้น แต่ทว่า...
“เอ่อ ถ้าคุณรักไม่มีอะไร ดิฉันขออนุญาตนะคะ” เลขาฯสาวใหญ่ว่าให้อีกคน
“เพราะเช้านี้ ดิฉันคงต้องจัดระเบียบโต๊ะทำงานตัวเองใหม่หน่อยละค่ะ เผื่อครั้งหน้า จะได้ไม่มีใครแอบเอาโน้ตสำคัญๆมาซุกไว้ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ แหม! ดิฉันจะพูดว่า เผื่อครั้งหน้า จะได้ไม่มีใครเอาโน้ตสำคัญมาวางไว้แล้วดิฉันไม่รู้ต่างหาก! ขออนุญาตนะคะ!”
................................................
หลังการประชุมเช้าเสร็จลงตอนสิบเอ็ดโมงกว่าพีรพัฒน์ก็พบว่าหทัยรักไม่ได้มารอเฝ้าเพื่อจะขอไปทานข้าวมื้อเที่ยงกับเขาเช่นเดียวกับทุกวัน นั่นเป็นสิ่งดี เพราะพูดกันตามจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากพบหน้าสาวสวยนักในวันนี้
พีรพัฒน์ตัดสินใจไปหามื้อเที่ยงกินกับเพื่อนซี้อย่างสมศักดิ์
“เฮ้ย! จริงดิ?” หนุ่มตี๋ร้องเสียงหลงทันทีหลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่เกิดกับวริณสิตา
“ก็ใช่น่ะซี” พีรพัฒน์บอก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหนักหน่ายยามเปรยเบาๆออกไป “ไม่เข้าใจเลย ว่ารักเขาจะทำอย่างนั้นทำไม”
“โว๊ะ!” สมศักดิ์ได้แต่ร้องออกมาพร้อมอาการทิ้งตะเกียบที่ถือค้างไว้คืนลงชาม อารามร่วมตกใจหดหาย หรี่ตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความอยากถามกลับไปจับใจจริงๆว่า
‘นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่วะเนี่ย?!’
“อะไร” คนถูกจ้องถามกลับเสียงขุ่นทันที “นี่เอ็งมองข้าแบบนั้นทำไม”
“เฮ้อ!” หนุ่มตี๋กระแทกลมหายใจออกไปพรึดใหญ่ “ก็ข้าก็งงน่ะซี ว่าเอ็งไม่รู้จริงๆรึไงว่าคุณรักเขาทำอย่างงั้นทำไม ผู้หญิงคนหนึ่งหาเรื่องแกล้งผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชัดเจนจะตาย”
ชายหนุ่มหน้าเครียดทันที
“นี่ ไอ้ซ้ง ถ้าเอ็งจะตีความเรื่องนี้ไปในทางชู้สาวล่ะก็นะ ไม่ใช่เลย ข้าไม่เคยคิดอกุศล วริณสิตาน่ะเป็นเด็กในปกครองนะโว้ย”
“อ่อ! เด็กในปกครอง” สมศักดิ์ย้อน “งั้นถ้าข้าไม่ใช่ผู้ปกครองอย่างเอ็งเนี่ย ข้าก็จีบหนูจิ๊บได้ใช่มั้ย”
หนนี้คนถูกถามดูจะอึ้งไปและต้องใช้เวลาเกือบอึดใจกว่าจะเค้นเสียงเข้มๆตอบออกมาได้
“วริณสิตายังเด็กอยู่ไอ้ซ้ง”
แต่ทว่า...
“ฮื้อ!” หนุ่มตี๋แกล้งส่ายหน้า “สิบเจ็ดย่างสิบแปด เข้ามหา’ลัยแล้วน่ะ ไม่เด็กหรอก!”
“แต่เขาก็ยังต้องเรียนหนังสือ แล้วมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่ที่หาคู่ไอ้ซ้ง!”
หนนี้ผู้ปกครองตอบพรวดเสียงเขียว สีหน้านี่จริงจังซึ่งแค่นั้นก็เกินพอแล้ว สมศักดิ์เลยได้แต่ส่ายหน้าขวับๆ ก้มกลับไปคว้าตะเกียบอีกครั้ง
“เฮ้อ! ไอ้พี” หนุ่มตี๋ถอนหายใจขณะหย่อนตะเกียบลงไปวนในชามเตรียมจัดการเส้นบะหมี่ “เอ็งน่ะ อาจจะห้ามไม่ให้ข้าคิดไปในทางนั้นมันก็ได้อยู่หรอก แต่จะไปห้ามคุณรักไม่ให้เขาคิดเนี่ย คงไม่ได้”
“ทำไม”
“โว๊ะ!” คนถูกถามร้องลั่น เมื่อตะเกียบต้องชะงักอีกครั้งคนอยากกินบะหมี่เลยตอบรับประทานเข้าให้
“ก็เพราะมันเป็นหัวเขาไงโว้ย!” เสร็จสรรพก็ค้อนขวับประหลับประเหลือกก่อนก้มลงโซ้ยบะหมี่เข้าปากคำใหญ่เพื่อประชดให้กับความโง่ เอ๊ย! ความทึ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
ใช่! ก็ใครมันจะไปเชื่อวะ หนุ่มตี๋ได้แต่คิด แอบค่อนอยู่ในใจว่าไอ้คนตรงหน้านี่มันจะมาแกล้งทำซื่อตาใส!
เฮอะ! ทำเป็นไม่เข้าใจ ไม่อยากให้ใครมองเอ็งเป็นสมภารนั่นน่ะซี!
คิดค่อนแล้วสมศักดิ์ก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น
“เออ! ว่าแต่หนูจิ๊บเอ็งเนี่ย ใจกล้าเป็นบ้าเลยว่ะ ไปขึ้นรถกลับเองตอนดึกดื่นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่โทร.หาใครสักคนวะ” สมศักดิ์ถาม
สำหรับประเด็นนี้พีรพัฒน์เองก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย เขานึกถึงดวงหน้า แววตาและจมูกเชิดรั้น จริงอยู่ว่าแม่สาวน้อยนั่นเป็นคนเข้มแข็งมุ่งมั่นจนบางครั้งก็เหมือนกับจะเป็นเด็กดื้อ แต่เมื่อวานเธอก็ไม่ได้รู้นี่ว่าเขาจะเป็นคนไปรับ แล้วทำไมเมื่อไม่พบใครวริณสิตาถึงไม่โทรศัพท์หานายก้านหรือนางบัวศรี?
มันคงต้องมีอะไรสักอย่าง...
“อ้าวเฮ้ย! ว่าไง!” หนุ่มตี๋ส่งเสียงเรียก “ทำไมเงียบไป วิเคราะห์ได้มั้ย เด็กในปกครองเอ็งน่ะ แค่กดมือถือแก๊กเดียว ทำไมเขาไม่โทร.”
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ เพราะอะไรที่ทำให้วริณสิตาไม่โทรศัพท์หาคนในบ้านสุริยะธาดานั้นเขาไม่รู้ แต่หนึ่งอย่างที่เขารู้ และแน่นอนว่ามันก็อาจจะเป็น ‘เหตุๆหนึ่ง’ ได้เช่นกันคือ...
“เด็กคนนั้นไม่มีมือถือ” พีรพัฒน์บอก
พรืด!!! สมศักดิ์นั้นสำลักน้ำในแก้วที่กำลังยกดื่มทันใด
“อะไรนะ?!” หนุ่มตี๋ร้องลั่น สีหน้านั้นอย่างกับไม่อยากจะเชื่อ!
“ไม่มีมือถือ ไอ้บ้า!” คนสำลักน้ำบริภาษทันที “นี่เอ็งเป็นผู้ปกครองประสาอะไรวะเนี่ย สมัยนี้เด็กอนุบาลเขายังมีกันเลยนะเว้ยไอ้”
แต่ไม่ทันที่หนุ่มตี๋จะได้ใส่เสียให้หนัก คนที่กำลังจะถูกเรียกว่าไอ้ก็ดีดลุกพรวดจากโต๊ะทันทีทำเอาสมศักดิ์นี่ถึงกับผงะ
แต่แน่ละ คนถูกว่าไม่ได้ลุกขึ้นมาถวายหมัดซัดเปรี้ยงหรืออะไรทว่ากลับหมุนตัวเดินลิ่วออกร้านบะหมี่ไปซะงั้น
คนผงะเลยถึงกับเหวอ
“อ้าวเฮ้ย!” หนุ่มตี๋ร้องลั่น ตะโกนถามไล่หลัง “นั่นเอ็งจะไปไหนของเอ๊ง”
“ซื้อโทรศัพท์!”
และนั่นคือคำตอบ!
.......................
ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2555, 11:23:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2555, 15:10:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 4506
<< ตอนที่ 34 | ตอนที่ 36 (1) >> |
sai 7 ก.พ. 2555, 11:43:05 น.
เด็ดๆๆๆ ค่ะตอนนี้ เอาแบบนี้อีกนะ ยายหนูจิ๊บเราจะได้ไม่โดนแกล้งอีกกก นายพีจะได้ตาสว่างซะที
เด็ดๆๆๆ ค่ะตอนนี้ เอาแบบนี้อีกนะ ยายหนูจิ๊บเราจะได้ไม่โดนแกล้งอีกกก นายพีจะได้ตาสว่างซะที
nunoi 7 ก.พ. 2555, 11:59:10 น.
สมน้ำหน้ายัยรัก
สมน้ำหน้ายัยรัก
wind 7 ก.พ. 2555, 14:41:50 น.
โดนจับได้จังๆเลย
โดนจับได้จังๆเลย
anOO 7 ก.พ. 2555, 15:34:58 น.
สะใจจริงๆ คุณเลขาเลยได้ทีตอกกลับซะหงายหลัง
สะใจจริงๆ คุณเลขาเลยได้ทีตอกกลับซะหงายหลัง
Auuuu 7 ก.พ. 2555, 15:41:13 น.
หมั่นไส้ยัยนี่มากกกกกก ชิชิ
หมั่นไส้ยัยนี่มากกกกกก ชิชิ
Pampam 7 ก.พ. 2555, 16:01:30 น.
ยัยรักเนี่ยไม่รู้สึกหรอกเดี๋ยวก็ทำอีกตาร้อนเป็นไฟ
ยัยรักเนี่ยไม่รู้สึกหรอกเดี๋ยวก็ทำอีกตาร้อนเป็นไฟ
pattisa 7 ก.พ. 2555, 18:38:14 น.
เย้ๆ หนูจิ๊บกับคุณพีมาแล้ว ว่าแต่อยากให้คุณปารินดัดนิสัยยัยรักจัง นิสัยไม่ดีเลย
เย้ๆ หนูจิ๊บกับคุณพีมาแล้ว ว่าแต่อยากให้คุณปารินดัดนิสัยยัยรักจัง นิสัยไม่ดีเลย
pseudolife 7 ก.พ. 2555, 20:34:06 น.
นิสัยเสียจริงๆ ยัยรัก คุณพีใส่ใจหนูจิ๊บให้มากๆ หน่อยน้า
นิสัยเสียจริงๆ ยัยรัก คุณพีใส่ใจหนูจิ๊บให้มากๆ หน่อยน้า
lovemuay 7 ก.พ. 2555, 20:43:46 น.
หวังว่านายพีจะตาสว่างซะทีนะ
หวังว่านายพีจะตาสว่างซะทีนะ
SaiParn 14 ก.พ. 2555, 19:36:52 น.
เฮ้อ...เมื่อไหร่ลุงพีจะตาสว่างสักทีล่ะเนี่ย ^^'
เฮ้อ...เมื่อไหร่ลุงพีจะตาสว่างสักทีล่ะเนี่ย ^^'
panon 20 ก.พ. 2555, 13:47:06 น.
อีตาพี่เนี่ยเมื่อไหร่จะเลิกเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกเสียทีนะ
อีตาพี่เนี่ยเมื่อไหร่จะเลิกเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกเสียทีนะ
wane 21 ก.พ. 2555, 13:01:46 น.
คุณเลขาพูดได้ดีมาก
คุณเลขาพูดได้ดีมาก
sumiya 15 มี.ค. 2555, 00:28:19 น.
เปิดมาเจอแล้วแทบกรี๊ด เย้ดีใจที่คุณปารินอัพเรื่องนี้:D
เปิดมาเจอแล้วแทบกรี๊ด เย้ดีใจที่คุณปารินอัพเรื่องนี้:D
ling 15 มี.ค. 2555, 13:55:09 น.
มาไวๆนะค่ะ
มาไวๆนะค่ะ
แพม 16 มี.ค. 2555, 14:10:35 น.
เหงอะ ยังไม่พอ
เหงอะ ยังไม่พอ
SaiParn 19 มี.ค. 2555, 20:20:04 น.
ตามแว้วจ้า...ดค้าอยากอ่านยาว ๆ ๆ ได้ไหมจ๊ะ อ้อนอ้อน
ตามแว้วจ้า...ดค้าอยากอ่านยาว ๆ ๆ ได้ไหมจ๊ะ อ้อนอ้อน
Auuuu 19 มี.ค. 2555, 21:34:35 น.
ป๊าดดดดดด ไปซื้อมือถืออออออ (_ _")
ป๊าดดดดดด ไปซื้อมือถืออออออ (_ _")
sumiya 19 มี.ค. 2555, 22:46:46 น.
แอบหมั่นไส้คุณพีเบาเบา ทำไมถึงใส่ซื่อขนาดเน้ค่ะคุณพีที่รัก
แอบหมั่นไส้คุณพีเบาเบา ทำไมถึงใส่ซื่อขนาดเน้ค่ะคุณพีที่รัก
panon 20 มี.ค. 2555, 11:20:02 น.
สุภาพบุรุษที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
สุภาพบุรุษที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 25 มี.ค. 2555, 04:19:47 น.
รีบ ๆ มาต่อนะคะ
รีบ ๆ มาต่อนะคะ