เสน่หา ซาตานลวง
ความรักมีค่าเสมอสำหรับคนที่เห็นค่า
แต่มันจะไร้ค่า หากรักที่ให้...ถูกเขาทิ้งขว้าง
เห็นความรักของเราเป็นแค่เพียงอะไรที่ไร้ความหมาย
ขณะนั้น...เจ็บ ร้องไห้ เจียนขาดใจ
และไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกกระทำ
วันและคืนผ่านไป...
ความรู้สึกหลายๆ อย่างยังอยู่ในความทรงจำ...
ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ที่เขาคนนั้นก็อาจคาดไม่ถึง...
คำสัญญาจากเขา...ก่อให้เกิดเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นมา....
ทุกๆ ความรู้สึกมีที่มา และสุดท้ายก็จบลง
ด้วยเหตุผล....ที่ต่างคนต่างเข้าใจ...และยอมให้อภัย

สายรุ้งเจ้าแวววับ พราวทับแผ่นฟ้า
ดาริกาเจ้าคืนคำอธิฐาน
รักที่ฝากไว้กับรุ้งเคยร้าวราน
เมื่อพบพานคนที่รัก...สุดหัวใจ
รักที่ฝากไว้ ขอคืนนะ....สายรุ้งเอย

....................

ขอฝากนิยายเรื่องที่สองด้วยนะคะ
กำลังตีพิมพ์กับ สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ภายใต้ชื่อเรื่องใหม่ แต่ยังไม่ได้ชื่อเรื่องใหม่เลยค่ะ แหะๆๆ

ขอบคุณๆๆนะคะ

นัฐชา
4/1/55
ลวท.5.37
Tags: เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง,นัฐชา,สมาร์ทบุ๊ค,rimnamta,Natcha

ตอน: บทที่ 1 เรนโบว์ (Rainbow)

บทที่ 1 เรนโบว์ (Rainbow)

ร่างบางที่นอนราบไปกับพื้นหญ้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ ที่ปรากฏต่อสายตาของหญิงสาวร่างเพรียว ถึงกับทำให้นัยน์ตาขี้สงสารมองมาอย่างชั่งใจ เหตุการณ์ที่เธอทันได้เห็นโดยบังเอิญเพียงแค่เสี้ยว แผ่นหลังของผู้ชายใจร้ายยังคงติดตา ไม่รู้มีอะไรเกิดขึ้นกับภาพที่เธอเห็นเพียงไกลๆ แต่บทสรุปสุดท้าย เธอก็คาดเดาได้…

ผู้ชายคนนั้นทิ้งเธอคนนั้นไปแล้ว

ช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้ายเหลือเกิน หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา นึกโกรธความไม่เป็นสุภาพบุรุษแทนเธอคนนั้นเหลือเกิน ร่างบางที่นอนแน่นิ่งนั้นนานเกินไปแล้ว เธอหันรีหันขวาง ก้มมองนาฬิกาหลายต่อหลายครั้ง เพราะใกล้เวลาเข้าประชุมแล้วด้วย ขืนไปช้ามีหวังบอกอคนสวยเอาเธอตายแน่

แต่เพื่อนร่วมโลกคนนั้นยังแน่นิ่งอยู่ในสายตา จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ร่างเพรียวอึกอักกระสับกระส่ายตัดสินไม่ได้กับเหตุการณ์ในตอนนี้ และในที่สุด หญิงสาวก็สูดลมหายใจยาว ดวงตาเต็มไปด้วยความมาดมั่น

“เอาวะเรน ช่วยคนก่อนดีกว่า เรื่องงานเอาไว้ทีหลัง” เธอพูดกับตัวเองอย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ก่อนที่สองเท้าจะรีบวิ่งเข้าไป

หญิงสาวที่ทอดกายกับพื้นหญ้า อยู่ในชุดสบาย ๆ เสื้อสีขาวกับกระโปรงสีฟ้าอ่อนยาวเกือบถึงเท้า กับรองเท้าผ้าใบสีเดียวกับกระโปรง ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาปิดสนิทเผยให้เห็นขนตายาวเป็นแพรของเจ้าตัว ผมตรงสีดำขลับยาวเกือบถึงแผ่นหลัง เรนเผลอพิจารณาคนที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าอย่างลืมตัว พลันจู่ๆ สายลมก็กรรโชกขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะคืนสู่ปกติ เหล่านกพากันส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมกัน ถึงกับทำให้เรนสะดุ้งได้สติขึ้นมาทันที ร่างบางย่อกายลงข้างๆ เอื้อมไปแตะแขนเล็กเขย่าเบาๆ
“เธอๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” คนที่ถูกปลุกเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพที่เห็นคือสาวผมหยิกปล่อยให้ยาวถึงต้นคอสวมหมวกแก๊ปสีครีมหม่น เธอยิ้มน้อยๆ ให้กับหญิงสาวที่ดูเหมือนจะห่วงใยเธอเสียเหลือเกิน
เรนค่อยหายใจอย่างโล่งอกที่สาวอกหักคนนี้ไม่เป็นอะไร ดูไปดูมา เธอคนนี้ก็คงอายุไล่ ๆ กับเรนล่ะมั้ง
“เธอชื่ออะไรเหรอ” เรนถามยิ้มๆ เธอคนนั้นยิ้มตอบ ก่อนที่จะพยายามชันตัวเองขึ้นมานั่งเคียงข้างกับเจ้าของคำถาม
“ปลายรุ้ง” หญิงสาวตอบเสียงเบา เรนถึงกับทำตาโต
“เรียกเราว่ารุ้งเฉยๆ ก็ได้นะ” คนผมหยิกถึงกับหัวเราะอย่างนึกขำ ปลายรุ้งถึงกับทำหน้าแปลกใจ ให้เรียกรุ้งเฉยๆ ทำไมเพื่อนใหม่ของเธอถึงขำ
“เราชื่อเรนโบว์นะ ที่แปลว่าสายรุ้งไง” คำแนะนำชื่อของเรน ถึงกับทำให้ปลายรุ้งปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ช่างบังเอิญจังเลยที่เธอสองคนมีชื่อที่มีความหมายคล้ายๆ กัน หญิงสาวเริ่มถูกชะตากับเพื่อนสาวคนนี้เสียแล้วสิ
“รุ้งเรียกเราว่าเรนก็ได้นะ...ง่ายดี” ดวงหน้าซีดเซียวนั้นพยักหน้ารับ นัยน์ตาหม่นเศร้ามองเพื่อนใหม่อย่างขอบคุณ เรนได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะหญิงสาวตรงหน้าดูบอบบาง น่ารักและน่าถนุถนอมเสียเหลือเกิน เรนแอบสงสัยขึ้นมาทันที ปลายรุ้งสวยขนาดนี้ กลับถูกทิ้งได้อย่างไรกันนะ...แต่ก็แค่สงสัยเท่านั้นแหล่ะน่า ความเป็นจริงเป็นเช่นไร...เรนก็ไม่ได้รู้อะไรด้วยเสียหน่อย
“รุ้งไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เรนพูด พร้อมกับยืดกายขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ก็ต้องเบิกตากว้างเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาเข้าประชุมแล้ว
“รุ้ง งั้นเราไปก่อนนะ” บอกลาเพื่อนใหม่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ห่างเพียงไม่เท่าไหร่ เรนก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเพื่อนใหม่ของเธออีกครั้งอย่างรู้สึกเป็นห่วง ภาพที่เห็นก็คือเธอคนนั้นยังคงนั่งอยู่กับพรมหญ้าเช่นเดิม เพียงแต่ดวงหน้าหม่นเศร้านั้นกลับจับจ้องไปที่ฟ้ากว้าง เรนมองตาม สายรุ้งแวววับสู่สายตา หญิงสาวอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะรีบจ้ำอ้าวๆ ออกจากที่ตรงนั้น เพราะหากคุณเธอช้าอีกแม้เพียงนิด เธอคงเข้า ประชุมสายเป็นครั้งที่ร้อยแล้วล่ะมั้ง
แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวต่อ อยู่ๆ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที มือยกขึ้นมากุมหน้าอกโดยอัตโนมัติ สัญญาณอะไรกันเนี่ย นานเหลือเกินกับความเจ็บเช่นนี้ที่เธอไม่เคยได้สัมผัส นับตั้งแต่หญิงสาวได้รับรู้ถึงการจากไปของพ่อ นึกถึงคำของยายเคยบอกว่า เธอมีสัมผัสพิเศษกับเรื่องที่เหลือเชื่อเสมอ ความเจ็บหายไปแล้ว เรนถอนหายใจ กับการเตือนสัมผัสพิเศษของเธอ ร่างบางหันกลับไปมองปลายรุ้งอีกครั้ง รอยยิ้มหม่นเศร้าที่เธอคนนั้นส่งมาให้ถึงกับทำให้เรนเย็นเหยียบเข้าไปในความรู้สึก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเรนถึงรู้สึกเช่นนั้น
“เรน” ปลายรุ้งร้องเรียก นัยน์ตาที่ส่งมาถึงกับทำให้เจ้าของชื่อวูบไหวอย่างประหลาด

“เรนจะไปแล้วหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา เรนได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก หน้าตาเริ่มเจื่อน ๆ นึกเป็นห่วงเพื่อนสาวที่เพิ่งโดนทิ้งมาอย่างช่วยไม่ได้ ดีหรือเรน ที่จะทิ้งปลายรุ้งไว้แบบนี้

“อยู่เป็นเพื่อนเราก่อนไม่ได้หรือเรน” สายตาวิงวอน ถึงกับทำให้เรนกระพริบตาถี่ๆ

“อืม ขอโทษนะรุ้ง เรามีประชุม” พูดพลางนาฬิกาที่ข้อมือขาวก็ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง พอเห็นเวลาเท่านั้นแหล่ะ

“ว๊ายยยย!!! แย่แล้วรุ้ง เราต้องไปจริงๆ แล้ว หากไปไม่ทันเราตายแน่ๆ เลย” เรนสบนัยน์ตาอ้อนนั้นอย่างขอความเห็นใจในความจำเป็นของเธอ

ปลายรุ้งยิ้มเศร้าๆ ให้กับเรนอย่างเข้าใจ ก่อนที่ดวงหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวนั้นจะละจากเรน ไปจับจ้องยังรุ้งงามที่ยังคงปรากฏที่ฟ้ากว้าง

“เรนก็คงเหมือนกับต้นหนาวสินะ” อยู่ๆ เธอคนนั้นก็เอ่ยออกมาลอยๆ ถึงกับทำให้เรนที่หันหลังกำลังจะก้าวเดินหยุดชะงัก หน้าอกเจ็บเพียงเสี้ยววินาทีให้หญิงสาวได้รู้สึก ไม่บอกก็รู้ว่าต้นหนาวที่ปลายรุ้งเอ่ยนั้นคือใคร เรนเดินเข้ามาหา ดวงหน้าภายใต้หมวกแก๊ปสีครีมก้มมองคนที่ยังยึดพื้นหญ้าเป็นที่นั่งอย่างสงสัยในคำกล่าวหาของเพื่อนใหม่

ปลายรุ้งคลี่ยิ้มบางเบา แหงนหน้ามองเรน นัยน์ตาเศร้าสบกับสายตาแปลกใจของเรนนิ่งนาน แต่สื่อเข้าไปถึงข้างในของเรนจนถึงกับเย็นวาบไปทั้งร่าง

“เรนก็จะทิ้งเราไปอีกคนใช่ไหม” คำถามนั้นทำให้คนฟังถึงกับเอียงหน้ามองเจ้าของคำถามนั้นนิ่ง ปลายรุ้งยังคงยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มหวานปนเศร้าแต่แฝงไว้ด้วยความยะเยือกยังไงก็ไม่รู้สิ เรนสบนัยน์ตาเศร้านั่นนิ่ง นี่คุณเธอจะเอาอะไรกับนักเขียนที่กำลังจะตกงานแน่ๆ หากวันนี้ไปเข้าประชุมไม่ทัน

“ใช่ไหม...เรน” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเยือกเย็นกระทบโสตประสาทจนเย็นเข้าไปถึงความรู้สึกของเรน หญิงสาวก้มมองเพื่อนใหม่อย่างชั่งใจ ดวงหน้าของคุณเธอยังคงซีดเซียว ผมที่ยาวนุ่มของเธอปลิวน้อย ๆ ไปตามแรงลม ร่างที่ซ่อนอยู่ในชุดที่ดูดี บวกกับท่านั่งพับเพียบของคุณเธอนั้นคล้ายมีพลังที่ส่งมาให้เรนอย่างช้า ๆ

“ขอโทษจริง ๆ นะไว้คราวหน้าเราค่อยเจอกันนะรุ้ง” คนพูดยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาอีกครั้ง เวลาเริ่มเดินไปเรื่อยๆ หากขืนโอ้เอ้กว่านี้ รับประกันได้เลยว่าคราวนี้บอกอคนสวยไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ เลยเรน

แต่จะทำอย่างไรกับเธอคนนี้ดี พอเรนปฏิเสธที่จะอยู่เป็นเพื่อน ปลายรุ้งถึงกับก้มหน้า วงหน้าซีดเซียวหม่นเศร้าจนทำให้เรนใจอ่อนยวบ สงสารคนที่อยู่ในสายตาเลยคราวนี้ เรนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจในทันที

“เราอยู่เป็นเพื่อนรุ้งไม่ได้จริงๆ นะ” เท่านั้นแหล่ะ น้ำตาของปลายรุ้งก็ถึงกับร่วงเผาะ เรียวปากเม้มนิด ๆ แต่นักเขียนที่ไม่ค่อยตรงเวลาอย่างเรนคงต้องตัดใจ ก่อนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนดีไหมเรน เหลือเวลาเพียงไม่ถึง 20 นาที อนาคตเธอก็คงดับวูบนะเรน หากเข้าประชุมสายในครั้งนี้

เรนก้มมองปลายรุ้งอย่างชั่งใจ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ตอนนี้เพื่อนสาวคนใหม่คงไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ผ่านไปเรื่อย ๆ

“ขอโทษจริงๆ นะรุ้ง ไว้คราวหน้าเราค่อยเจอกันใหม่นะ” เรนพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะรีบพาตัวเองวิ่งออกไป จุดหมายคือตึก 26 ชั้นที่อยู่ไม่ไกลจากที่ตรงนั้นมากนัก แต่ก็ทำให้เหนื่อยอยู่เหมือนกันหากจะวิ่งไปให้ทันประชุมที่เหลือเวลาเพียงไม่ถึง 20 นาที
ปลายรุ้งมองตามแผ่นหลังของเรน ร่างสูงเพรียวดูทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกางเกงยีนส์สีดำพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบสีครีม ผมยาวหยิกที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกนั้นกระจายไปตามแรงวิ่ง ปลายรุ้งอมยิ้มน้อยๆ ให้กับภาพนั้น แต่รอยยิ้มนั้นเหมือนกับมีความหมายอะไรสักอย่างหนึ่ง...ที่ยังไม่อาจคาดเดาได้

ร่างบอบบางนั้นทอดกายลงกับพรมหญ้าอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาหม่นปิดเปลือกตาลงอีกครา เสียงหัวใจเริ่มแผ่วเบา สายรุ้งที่ขอบฟ้าเริ่มจางไปทีละนิด เหมือนหัวใจของคนที่นอนบนพื้นหญ้าที่เริ่มหายใจอ่อนลง อ่อนลงอีกครั้ง...


พอลิฟเปิดออกเมื่อถึงชั้นที่ 16 คนที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงยีนส์สีดำก็รีบแทรกกายตัวเองออกมาทันที ก่อนที่จะรีบวิ่ง และวิ่งเข้าที่ห้องประชุมที่อยู่ด้านในสุดทันที

“เรน มาสายอีกแล้วหรือ” เสียงทักทายจากเพื่อนในที่ทำงาน เรนได้แต่ยิ้มแหยๆ

“เร็วเข้าเรน บอกอลมออกหูแล้วนะ” เพื่อนที่เดินสวนมาบอกเรนอย่างขำๆ เรนพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ ป่านนี้บอกอคนสวยคงหน้าหงิกอยู่แน่ๆ ไม่รอช้าไปกว่านี้ ร่างสมส่วนที่ดูทะมัดทะแมงก็รีบแจ้นไปห้องประชุมทันที

“เรน นี่คือเอกสารที่ใช้ในการประชุมนะ อุ๋มอิ๋มเตรียมให้แล้ว ทำความเข้าใจหมดแล้วใช่ไหม” เรนพยักหน้าให้อุ๋มอิ๋ม ยิ้มนิดๆ แทนคำขอบคุณ เรนรับเอกสารจากมือ ยื่นหมวกแก๊ปให้เพื่อน ก่อนที่จะรีบเดินอย่างรวดเร็ว และไปหยุดยืนกระพริบตาปริบๆ หน้าห้องประชุม เหมือนกำลังจะเปิดประตูสู่นรกอย่างไงก็ไม่รู้สิ
เรนเคาะประตู 3 ครั้งก่อนที่จะค่อยๆ เปิดมันออก พอประตูเปิดออกเท่านั้นแหล่ะ เรนก็ต้องเผชิญหน้ากับสายตาเยาะเย้ยที่ส่งมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงาน เรนค่อยๆ พาตัวเองที่อาการเหนื่อยจากการวิ่งยังไม่จางไป แต่ยังไม่ทันจะถึงที่นั่งของตัวเอง

“เดี๋ยวก่อนเรน” เสียงเรียกเหมือนคนกำลังโกรธ ถึงกับทำให้เรนสะดุ้ง หยุดในทันที ร่างบางหันมาหาเจ้าของเสียงอย่างขยาดๆ และเริ่มมองเห็นชะตากรรมตนเองแล้ว

“ค่ะบอกอ” เรนกลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น แววตาที่จ้องมองมานั้นโกรธจัด ริมฝีปากของบอกอคนสวยเข่นเขี้ยวเหมือนกับจะกินเธอยังไงยังงั้นเลย เรนทำตัวเล็กลีบขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลกระพริบถี่เหมือนขอความเห็นใจก็คงไม่ผิดนัก

“กำหนดประชุมเวลาเท่าไหร่เรน” เสียงดังฟังชัดแฝงอารมณ์ดุนั้น ถึงกับทำให้เรนกลืนน้ำลายลงคอเป็นรอบที่สิบแล้วมั้งเนี่ย

“เออะ...เออ 9 โมงค่ะบอกอ” เรนอึกอักตอบ ใบหน้าภายใต้ผมยาวหยิกเป็นลอนนั้นก้มมองพื้นไม่กล้าสู้สายตาของบอกอคนสวยผู้มีดวงตาดุจราชสีห์ที่สามารถจะขย้ำเธอได้เลยในตอนนี้

“แล้วนี่กี่โมงแล้วเรน” บอกอคนสวยลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเรน หญิงสาวยิ่งทำตัวลีบเล็กขึ้นไปอีก เสียหน้าอย่างที่สุดเมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะเบาๆ จากเพื่อนร่วมงาน

“เออ 9 โมงครึ่งค่ะ” คนมาสายอ้อมแอ้มตอบ นึกโกรธเจ้าลิฟบ้านั่นที่อยู่ๆ ก็มาเสียไป 1 ตัวทำให้ทุกคนต้องรอลิฟอยู่ตัวเดียวและกว่าเธอจะได้ขึ้นลิฟก็เสียเวลาไปเกือบ 10 กว่านาที

“ขอโทษค่ะบอกอ” เรนเอ่ยคำขอโทษด้วยเสียงน่าสงสาร แต่หน้าเนียนนั้นยังคงก้มหน้า บอกอคนสวยแอบอมยิ้มที่แกล้งคนมาสายให้หัวใจจะวายเล่น

“คราวนี้ฉันไม่ยกโทษให้เธอนะเรน” น้ำเสียงบอกอยิ่งเหยียบเย็น คนฟังหัวใจหล่นวูบ คราวนี้เธอคงไม่รอดแล้วแน่ๆ เลย

“ฉันไล่เธอออก” คำนั้นออกจากปากบอกอคนสวย ถึงกับทำให้คนถูกไล่ออกนั้นตะลึง แค่เธอเข้าประชุมสายนี่บอกอถึงจะไล่ออกกันเชียวหรือ ไม่นะเรน อย่ายอมนะเรน อ้อนวอนเร็วเข้า เร็วเข้าเรน
นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นมองสายตาเฉียบคมของบอกอคนสวยอย่างขอความเห็นใจ ถึงแม้เธอจะเข้าประชุมสายทุกครั้ง แต่ผลงานในการเขียนของเธอก็ไม่ได้สายตามไปนี่น่า กับแค่มาสายไม่กี่ครั้ง ไม่ใช่สิสายทุกครั้งนี่น่าเรน แต่ก็นั่นแหล่ะจะทำไงได้ก็สายไปแล้วนี่น่า

“นะคะบอกอ ฉันขอโทษนะคะ” เรนพยายามขอโทษ”ต่อไป ฉันจะไม่มาสายอีกแล้ว”
คำสัญญาของเรนนับเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง และบอกอคนสวยก็ใจอ่อนทุกครั้ง แต่มาครั้งนี้เห็นทีจะยากแล้วล่ะเรน

บอกอคนสวยไม่ตอบ แต่กลับเดินหนีไปนั่งประจำที่เก้าอี้เช่นเดิม ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากบอกคนสวยนามว่าเอส ก่อนที่จะเริ่มการประชุมอีกครั้ง โดยไม่สนใจเรนอีกเลย หญิงสาวมองตาม น้ำตาของนักเขียนสาวร่วงเลย กวาดสายตามองเพื่อนนักเขียนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับความเห็นใจ มีแต่เพียงสายตาเยาะเย้ย และหัวเราะสมน้ำหน้ากันเสียมากกว่า น้ำตาเรนถึงกับไหลพรากกว่าเดิม หากไม่อายไปกว่านี้ทุกคนคงจะได้ยินเสียงโฮกันไปแล้ว
คนที่เพิ่งจะถูกไล่ออกเดินอย่างห่อเหี่ยวมาที่ประตู ร่างบางหันกลับไปมองบอกอเอสเพื่อขอความเห็นใจอีกครั้ง แต่ดูเหมือนบอกอและทุกคนจะไม่สนใจเธอกันแล้ว เรนจึงต้องทำใจในสิ่งที่ตัวเองเผชิญ เมื่อที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว เธอก็ควรจะไปนะเรน
ร่างบางหยุดนิ่งที่ประตู น้ำตายังคงไหลริน งานเขียนที่เธอรักจะไร้สำนักพิมพ์หรืออย่างไรกันนะ แต่ไม่เป็นไรนะเรน สำนักพิมพ์เยอะแยะไปหาเอาใหม่ก็ได้ คิดแล้วน้ำตายิ่งไหลใหญ่เลย แต่สำนักพิมพ์ที่มีบอกอใจดีอย่างคุณเอสคนสวยหาไม่ได้แล้วนะ แต่จะทำไงได้ล่ะ เมื่อนักเขียนที่เข้าประชุมสายทุกครั้งเช่นเธอ โดนบอกอคนสวยลงโทษเช่นนี้ก็สมแล้วนี่น่า...เข้มแข็งไว้สิเรน จะร้องไห้ทำไมกันเล่า...คิดแล้วร่างบางนั้นก็ยืดกายสูดลมหายใจเรียกความอ่อนแอที่อยู่ในกายออกไป น้ำตาถูกปาดให้แห้งอย่างลวกๆ นักเขียนจอมมาสายอย่างเธอไม่ใช่คนขี้แยสักหน่อยนี่น่า
เอื้อมมือไปจับลูกบิดก่อนที่จะเปิดมันออกมา แต่พอประตูเปิดเท่านั้นแหล่ะ...
เรนถึงกับเบิกตากว้าง น้องหญิงเพื่อนสนิทของเธอและทุกๆ คนยืนกันเต็มไปหมด น้องหญิงยื่นเค้กก้อนโตมาตรงหน้าพร้อมๆ กับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กันเสียงสนั่น พอร้องจบก็พยักพเยิดให้เรนเป่าเค้ก
เรนอึ้งไปนาน หญิงสาวหันมามองภายในห้อง ซึ่งตอนนี้บอกอเอสและเพื่อนนักเขียนทุกคนอยู่ด้านหลังของเธอ และทุกคนก็ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เธอด้วย เรนถึงกับเบะปากร้องไห้อย่างซึ้งใจและแปลกใจในคราเดียวกัน เริ่มเข้าใจในทันทีว่าบอกคนสวยขี้แกล้งสร้างสถานการณ์ขึ้นมาทำให้เธอแปลกใจนี่เอง นึกโล่งใจที่นักเขียนเรนไม่ได้ถูกไล่ออกจริงๆ


“ขอบคุณมากค่ะบอกอ” เรนเอ่ยคำขอบคุณด้วยเสียงสะอื้น บอกอยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะก้าวมาโอบบ่าของเจ้าของงานวันเกิดที่เธอแกล้งไล่ออกตะกี้ให้หันกายไปหาเพื่อนๆ
“อย่ามาทำซึ้งเลยแม่นักเขียนมาสาย เป่าเค้กเร็วเข้า ดูสิ เพื่อนๆ อยากหม่ำเค้กกันแล้วนะ” บอกอพูดอย่างอารมณ์ดี เรนยิ้มนิดๆ พลางกวาดสายตามองเพื่อนร่วมงานอย่างรู้สึกขอบคุณ ก่อนที่จะเป่าเทียนวันเกิดจนดับหมด

“มีความสุขมากๆ นะจ๊ะเรนเพื่อนรัก” น้องหญิงอวยพรก่อนที่จะนำเค้กไปจัดการแจกจ่ายทุกๆ คนในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็เริ่มกระจายกันออกไป

“ขอบคุณนะคะบอกอ” บอกอคนสวยยิ้มรับ ก่อนที่จะตบบ่าบางของเรนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“ต่อไปอย่ามาสายอีกนะเรน” คนฟังยิ้มเจื่อนๆ

“บอกอคนสวยอย่างฉัน คงจะช่วยเธอไม่ได้ทุกครั้งนะจ๊ะ” บอกอเอสยิ้มให้เรนอย่างใจดี หลายครั้งหลายคราที่บอกอเอสต้องรับหน้าแทนเธอในยามที่เจ้าของสำนักพิมพ์ถามถึง บางครั้งเรนก็รู้สึกละอายใจอย่างที่สุดที่มักทำให้บอกอของเธอเดือดร้อนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่รู้อย่างไร พอถึงเวลาประชุมทีไรต้องมีเรื่องมาวุ่นเสียทุกครั้ง...เหมือนกับครั้งนี้
อยู่ ๆ หน้าอกของเรนก็ปวดจี๊ดขึ้นมาทันที...สัมผัสพิเศษของเธอเตือนอีกแล้ว

“รุ้ง” หญิงสาวเอ่ยชื่อปลายรุ้งแผ่วเบา การเตือนทำให้เรนนึกถึงเพื่อนใหม่ของเธอที่เป็นสาเหตุให้เธอมาเข้าประชุมสายในวันนี้ นึกเป็นห่วงปลายรุ้งขึ้นมาทันที รู้สึกว่าวันนี้ตัวเธอจะเจ็บหัวใจหลายครั้งแล้ว...

“บอกอคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระค่ะ” บอกแล้วร่างบางก็รีบผละไปในทันที

“เรน วันนี้ไม่ได้ประชุมนะจ๊ะ แค่ทำเซอร์ไพรส์เรนเท่านั้น” บอกอเอสใจดีตะโกนไล่หลัง เรนหันมายิ้มอย่างขอบคุณ ก่อนที่ร่างเพรียวลมจะรีบวิ่งไปขึ้นลิฟอย่างรวดเร็ว

เรนกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่สวนธารณะที่เจอปลายรุ้งเมื่อตอนสาย ก้มดูนาฬิกาปาเข้าไป 10 โมงกว่าแล้วเพื่อนใหม่ของเธอจะยังคงอยู่หรือเปล่านะ
แต่พอเดินพ้นต้นไม้ใหญ่ไป ภาพที่เห็นทำให้เรนถึงกับยิ้มกว้างอย่างยินดี ร่างบางในชุดสวยยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาจับจ้องท้องฟ้ายามสายที่บัดนี้ไร้รุ้งงามเสียแล้ว มีแต่ฟ้าใสเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ นึกแปลกใจอยู่ครามครัน ทำไมปลายรุ้งถึงยังไม่กลับบ้านเสียทีนะ

“รุ้ง” เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก ปากเรียวถึงกับคลี่ยิ้มอย่างดีใจ

“รุ้งรู้อยู่แล้ว ว่าเรนต้องกลับมา” เธอเอ่ยเมื่อเรนก้าวมาถึง หญิงสาวถึงกับยิ้มอย่างเขินๆ รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้านี้เสียเหลือเกิน

“แล้วรุ้งรอเราทำไมล่ะ ทำไมไม่กลับบ้าน” คำถามของเรนถึงกับทำให้ปลายรุ้งนิ่งเงียบ ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากเซียวนั้น เรนแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อให้เพื่อนใหม่ต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้

“ถ้างั้นไปบ้านเราก่อนไหมรุ้ง” คำชวนนั้น ถึงกับทำให้คนที่นิ่งเงียบตะกี้ทำหน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันใด แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น ใบหน้าซีดเซียวนั้นก็หม่นเศร้าตามเดิม เรนมองอากัปกิริยานั้นอย่างแปลกใจ

“ทำไมล่ะรุ้ง ไม่อยากไปเที่ยวบ้านเราเหรอ” คนที่ถูกถามนั้นส่ายหน้าไปมา เรนยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่เลย ปลายรุ้งมองสบตาเพื่อนสาวที่เพิ่งรู้จักอย่างซึ้งในความใจดี
แต่เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ปลายรุ้งสัมผัสได้เช่นกัน บางสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหากับเธอ
ที่รอเธออยู่ที่บ้านของเรน....
แล้วสิ่งนั้นเธอจะผ่านไปได้หรือเปล่า...
แต่ดวงตาของความเป็นมิตรที่ซุกซ่อนอยู่ในใบหน้าของเรนนั้น ทำให้ปลายรุ้งคลายความวิตก นัยน์ตาที่ยังคงมีแววเจ็บปวดของปลายรุ้งค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง....
ภาพของหญิงชราใจดีคนหนึ่งยิ้มรับเธออยู่ที่บ้านของเรน อมยิ้มน้อยๆ ผลุดขึ้นที่ริมฝีปากซีดเซียวของหญิงสาว ก่อนที่จะลืมตามองเรนอีกครั้ง

“ก็ได้ แต่เรนสัญญานะว่าจะไม่ไล่รุ้งกลับ” ปลายรุ้งขอคำสัญญา

“อืม ได้สิ สัญญา” คนผมหยิกพยักหน้าประกอบคำพูด

“ไม่ว่าจะอยู่นานแค่ไหน เรนก็ไม่ไล่เราใช่ไหม” คำถามนี้เรนถึงกับกระพริบตาถี่ๆ ไม่เข้าใจในคำถามมากนัก ชวนไปเที่ยวบ้านแค่นี้ ทำไมคุณเธอดูว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากเสียเหลือเกิน ทำยังกับว่าจะไปสถิตย์อยู่กับเรนตลอดไปอย่างงั้นแหล่ะ

“นะเรน สัญญากับรุ้งก่อนว่าจะอย่างไรก็จะไม่ไล่รุ้งกลับ” คนที่เพิ่งถูกคนรักทิ้งไปขอคำมั่นกับเรนอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวยิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้าแทนคำตอบ

“สัญญาแล้วนะเรน” ปลายรุ้งย้ำ จนเรนเริ่มสงสัยหนัก แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักให้คนที่ย้ำคิดย้ำทำอย่างปลายรุ้งสบายใจ

เรนลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะส่งมือให้กับปลายรุ้ง ทั้งคู่สบตากันนิ่ง เกิดรอยยิ้มน้อยๆ ที่ริมฝีปากซีดเซียวก่อนที่จะยอมยื่นมือให้เรน ดึงตัวเองขึ้นจากพรมหญ้า...ที่บัดนี้ยังคงมีเม็ดฝนเกาะพราวเป็นประกายเมื่อยามต้องแสงแดดอ่อนๆ
ปลายรุ้งถูกดึงลุกขึ้นมายืนข้างเรน ใกล้ๆ กันขนาดนี้ดูปลายรุ้งตัวเล็กกว่าเรนเยอะเลย ปลายรุ้งค่อนข้างบอบบาง ร่างที่อยู่ในชุดกระโปรงดูน่าถนุถนอม ผิดกับเรนที่ดูจะสูงกว่าแต่ก็ไม่มากนัก กลับดูทะมัดทะแมงแก่นๆ แข็งๆ และดูน่าจะเป็นผู้นำมากกว่าปลายรุ้ง แต่ก็นั่นแหล่ะ จะมาตัดสินความเป็นตัวตนโดยผ่านภาพลักษณ์ที่แสดงออกก็คงไม่เสมอไป....ใช่ไหม
เรนจูงมือปลายรุ้งเดินออกจากที่ตรงนั้น ทั้งสองเดินเคียงกันไป เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ

ปลายรุ้งน้ำตาไหลโดยที่เรนไม่ทันได้สังเกตเห็น นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหันกลับไปมองร่างของตัวเองที่ยังคงทอดกายอยู่กับผืนหญ้านั้นอย่างอาลัย....

อ่า...ปลายรุ้งทำไมเธอยังคงอยู่ตรงนั้นอีกนะ...?


...........................

ฝากเป็นกำลังใจ และติชมให้นัฐชาด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ

นัฐชา
9/2/55
เวลา 5.55 น.



นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2555, 05:58:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2555, 05:58:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 2009





<< บทนำ   บทที่ 2 ที่พักพิง(ตีพิมพ์-สนพ.สมาร์ทบุ๊ค) >>
นัฐชา 9 ก.พ. 2555, 06:00:26 น.
ฝากเป็นกำลังใจให้กับนิยายเรื่องที่สองของนัฐชาด้วยนะคะ
ตีพิมพ์กับสมาร์ทบุ๊ค....นามปาก "คือจันทร์สีรุ้ง"
ส่วนชื่อเรื่องจะมาส่งข่าวอีกทีนะคะ แหะๆๆ

ขอบคุณนะคะ......นัฐชา


ขวัญดาว 9 ก.พ. 2555, 13:04:33 น.
เข้ามาเป็นกำลังใจให้พี่นัฐ สู้ๆ นะคะพี่สาว ^__^


เทียนจันทร์ 9 ก.พ. 2555, 19:43:23 น.
เป็นกำลังเหมือนกัน อิจฉาเล็ก ๆ ค่ะ


นัฐชา 10 ก.พ. 2555, 04:43:50 น.
น้องขวัญ - ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับกำลังใจ
จากน้องสาวคนสวย งานหนังสือเจอกันน๊า อิอิ

เทียนจันทร์ - ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ คอมเม้นท์ของเทียนจันทร์
ก่อเกิดเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลย ...น่ารักๆๆๆ


golffee 11 ธ.ค. 2555, 20:09:21 น.
ว้าว !
จะติดตามนะคะ
^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account