ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ
หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี
ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้
ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป
หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร
"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี
ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้
ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป
หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร
"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว
ตอน: ตอนที่ 10
วันนี้พาพี่สกายกับน้องปลายมาฉลองวันเกิดของปอรินทร์แบบเต็มๆ ค่ะ^^
ก่อนที่ปอรินทร์จะหายหัวไปสอบวิชาภาคอีกรอบ
ซึ่งอาจารย์ก็นัดสอบวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มันเป็นอะไร สุดแสน จะชีช้ำ สำหรับปอรินทร์มั่กมาก
เพราะนอกจากจะไม่มีหนุ่มหล่อๆ มาสวีทหวานกับคุมหน่วยเลือกตั้งของมหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องมานั่งสอบอีก
เศร้าใจจริงๆ เฮ้อ!!!!!!!!
ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ
ปอรินทร์^^
10.
รถยนต์หรูวิ่งเข้าสู่บริเวณของคฤหาสน์หลังงามพื้นที่กว้างขวาง เมื่อเจ้าของรถจอดรถที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว สาวใช้คนสนิทก็รีบวิ่งไปเปิดประตูรถให้พร้อมทั้งรายงานเรื่องราวต่างๆ ภายในบ้านให้ผู้มาใหม่ฟังทันที
“คุณผู้ชายโทรมาบอกว่าคืนนี้จะค้างที่บริษัท ส่วนคุณนิคกลับบ้านมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ แถมพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย ป่านนี้ยังไม่ลงมาจากห้องเลยค่ะคุณผู้หญิง”
“ขอบใจมากแจ่ม เดี๋ยวให้ใครก็ได้ไปตามตานิคมาให้ฉันหน่อย บอกว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ถ้าภายในสิบห้านาทีฉันยังไม่เห็นหน้าตานิคที่ห้องทำงาน ฉันจะแจ้งอายัดบัตรเครดิตของตานิคทั้งหมด” นันทวรรณสั่งคนใช้ก่อนจะเดินเข้าไปรอลูกชายที่ห้องทำงาน ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าลูกชายตัวดีก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“นี่มันอะไรกันตานิค ทำไมผมเผ้าเสื้อผ้าเป็นแบบนี้ ทำยั่งกับไปฟัดกับอะไรมา ถ้าเกิดคุณพ่อมาเห็นแกในสภาพนี้จะเกิดอะไรขึ้น กลับมาแทนที่จะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท กลับเอาแต่ถลุงเงินเล่น ทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายสักที คิดว่าทำแบบนี้คุณพ่อจะยกสมบัติให้แกหรือไง” นันทวรรณบ่นทันทีเมื่อเห็นสภาพของลูกชายที่ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก
“นี่ถ้าผมรู้ว่าแม่เรียกผมมาเพื่อบ่นเรื่องเดิมๆ แบบนี้ ผมไม่ลงมาให้เสียเวลาหรอก ผมบอกแม่เป็นร้อยๆ รอบแล้ว ว่าผมขอพักผ่อนสักสองสามเดือนก่อน แล้วค่อยไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท แม่ก็รู้ กว่าผมจะเรียนจบกลับมาได้แทบตาย” ณัฐพลถึงกับโอดครวญ เพราะมารดาของเขาเรียกเขามาบ่นเพราะเรื่องเดิมๆ
“ก็เพราะแกมัวแต่ทำตัวแหลวแหลกอยู่น่ะสิ ถึงเรียนจบมาด้วยเกรดห่วยขนาดนั้น แต่เอาเถอะ ฉันจะเลิกพูดเรื่องเก่าๆ ของแกก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะตายอย่างนั้นหรอกตานิค ที่ฉันเรียกแกมาคุยวันนี้ก็เรื่องนังปลายนั้นแหละ แกว่านังปลายมันสวยขึ้นไหม” นันทววรณเริ่มเข้าเรื่องทันทีเมื่อเห็นท่าทางจะเบื่อหน่ายของลูกชาย
“คราวนี้แม่วางแผนจะให้ผมทำอะไรน้องปลายอีกล่ะ คราวที่แล้วก็เล่นเอาเกือบตาย” ผู้เป็นลูกชายถามอย่างรู้ทัน
“เอาน่า! แกตอบคำถามฉันมาก่อน” นันทวรรณบอกปัดแกล้งทำเสียงเข้ม
“อืม...ก็สวยนะแม่ ทั้งขาวทั้งสวย สวยแบบหวานๆ น่าชิมไปหมดทั้งตัวเลย” ณัฐพลทำหน้าเคลิ้มฝัน เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน เขายังจำตอนที่เขาจับมือธัญพัชรได้ดี ผิวขาวอมชมพูเนียนนุ่มกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ถ้าเขาได้สัมผัสมากกว่านี้เขาคง... ยิ่งคิดอะไรๆ ก็ยิ่งตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางเขาคงต้องออกกำลังกายอีกรอบ ก่อนที่เขาจะพาเจนนี่ไปส่งเสียหน่อยแล้ว
“ดีแล้ว เพราะท่าทางเราคงต้องเปลี่ยนแผนสักเล็กน้อยเสียแล้วล่ะ เพื่อเราทั้งคู่” เสียงของมารดาทำให้คนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้ง
“แม่คิดจะทำอะไร” ณัฐพลถามอย่างสงสัย
“อีกไม่นาน เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ” นันทวรรณบอกอย่างหมายมั่น ถ้าแผนที่เธอเพิ่งคิดได้ระหว่างขับรถกลับบ้านสำเร็จ สมบัติทั้งหมดของวรพงษ์พานิชจะหนีเธอไปไหนพ้น
กว่าครึ่งชั่วโมงที่เรื่องราวต่างๆ ของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งเขานั่งกุมมืออยู่นั้น ถูกถ่ายทอดจากพี่สาวของเธออย่างละเอียด โดยมีสามีนั่งกุมมือเธอเอาไว้
“...วันนั้นฉันตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปเซอร์ไพร์ปลายตอนเช้า เลยนัดกับพี่ไมล์แล้วก็น้ำตาลให้มารับฉันที่สนามบิน แต่พอฉันก้าวเข้าไปในบ้านก็เห็น...” พอพูดถึงตรงนี้ธัญกาญจน์ก็ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
“พอแค่นี้เถอะนะ เดี๋ยวค่อยเล่าต่อก็ได้” พันไมล์ดึงร่างของภรรยาเข้าไปกอดอย่าปลอบประโลม
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะพี่ไมล์ เล่าให้มันจบๆ ไปเสียที เพราะต้นก็อยากเล่าเรื่องนี้ให้คนสักคนฟังมานานแล้ว ใครสักคนที่สามารถดูแลปลายได้ดีกว่าพี่แย่ๆ อย่างต้น” ธัญกาญจน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเศร้า ก่อนที่จะผละออกจากอ้อมกอดของสามี
“ฉันกับน้ำตาลเห็นเต็มสองตาว่าปลายนอนจมกองเลือดอยู่ตรงเชิงบันได พอฉันมองขึ้นไปที่ชั้นสองฉันก็เห็นคนคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าบันได เธอแกล้งทำเป็นร้องไห้ที่โรงพยาบาลต่อหน้าพ่อ เอาแต่ฟูมฟายว่าเป็นความผิดของเธอที่เห็นว่าปลายลื่นตกบันไดแต่คว้าตัวปลายไว้ไม่ทัน แต่คุณรู้อะไรไหม ภาพที่ฉันกับน้ำตาลเห็นมันไม่ใช่อย่างที่คนคนนั้นพูดเลยแม้แต่น้อย ฉันเห็นว่าคนคนนั้นทำอะไรปลายแต่ฉันกับน้ำตาลกลับพูดมันออกมาไม่ได้ เพราะพ่อเอาแต่เชื่อคำพูดของคนคนนั้น เชื่อมาตลอด ส่วนคำพูดของฉันท่านกลับคิดว่าเป็นเรื่องโกหก หาว่าฉันใส่ความแม่เลี้ยง แล้วยิ่งพอปลายฟื้นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้นอกจากฉันกับน้ำตาล นั้นยิ่งทำให้ฉันแทบอยากจะฆ่าคนที่ทำให้ปลายเป็นแบบนี้” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตาอย่างอัดอั้นที่สะสมมานาน
“ตอนนั้นคุณตาคุณยายรู้เรื่องก็โกรธพ่อมาก คุณตาทะเลาะกับพ่อใหญ่โต เพราะคุณตาท่านจะรับปลายไปเลี้ยงดูเอง แต่คุณพ่อไม่ยอม พ่อบอกว่าคนคนนั้นเลี้ยงดูปลายเป็นอย่างดี ส่วนที่ปลายเป็นแบบนี้ก็เพราะอุบัติเหตุ แต่สุดท้ายพ่อก็ยอมให้ปลายมาอยู่กับคุณตาคุณยาย ที่พ่อยอมเพราะอะไรรู้ไหม” หญิงสาวสบตาชายคนที่กุมมือน้องสาวนิดนิงก่อนจะพูดต่อ
“เพราะว่าตอนนั้นบริษัทของพ่อถูกโกงจนเกือบจะล้มละลายไงล่ะ แล้วคุณตาก็ยื่นข้อเสนอให้พ่อโดยที่ท่านจะให้เงินคุณพ่อไปหมุนในบริษัทเพื่อไม่ให้บริษัทโดนฟ้องล้มละลาย แลกกับสิทธิ์ในทางกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูปลาย เพราะตอนนั้นปลายอายุยังไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ คุณตาสั่งห้ามพ่อกับคนคนนั้นทุกอย่าง ห้ามพบ ห้ามพูดคุยกับปลายหรือแม้แต่ฉัน ซึ่งพ่อก็ตบปากรับคำทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะเขามีลูกชายอยู่แล้วอีกคน หลังจากนั้นมาฉันกับปลายก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของแม่แทนแล้วก็อยู่กับคุณตาคุณยายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนข่าวคราวของพ่อกับคนคนนั้น ฉันก็แทบจะไม่ได้ข่าวอีกแล้ว รู้เพียงแต่ว่าพ่อส่งคนคนนั้นกับลูกชายไปอยู่ต่างประเทศ แล้วฉันก็เพิ่งจะมาเจอคนคนนั้นอีกครั้งก็วันนี้นั่นแหละ” เธอต้องรวบรวมแรงกายและแรงใจมากมายเพื่อที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้จบโดยที่เธอไม่ร้องไห้อีก
“ฉันไม่รู้ว่าปลายรู้ความลับอะไรของคนคนนั้น แต่ครั้งนี้ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่หยุดง่ายๆ เหมือนครั้งก่อนอีก ในเมื่อคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป” ธัญกาญจน์ถาม และสบตาอีกฝ่ายที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ปลายปลอดภัย แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของผมก็ตาม” กายนภัสนิ์ตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาที่แน่วแน่และมั่นคงก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบดีอยู่แล้วสำหรับคนๆ นี้ คนที่ธัญกาญจน์คิดว่าสามารถฝากชีวิตของน้องสาวเธอได้
แสงแดดของวันใหม่ปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นจากนิทรารมย์อันยาวนาน เปลือกตาค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีนิลกลมโตที่พร่างพราวราวกับมีดวงดาวนับล้านอยู่ในดวงตาคู่นั้น หากแต่ดวงดาวในดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววหม่นหมองปนเหม่อลอย เมื่อคืนเธอฝันว่าเธอเจอกับนันทวรรณแม่เลี้ยงของเธอที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นแค่ความฝันแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของนันทวรรณลดน้อยลงไปเลย เธอจำได้ว่าในฝันเธอกรีดร้องและดึงทึ้งสายน้ำเกลือจนเป็นแผลเลือดออกเต็มไปหมด แต่เธอก็ยังจำได้อีกว่ามีอ้อมกอดของใครคนหนึ่งค่อยปลอบประโลมเธออยู่ตลอดเวลาในความฝัน เมื่อลองขยับมือเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่มือข้างหนึ่ง เมื่อหันไปมองก็พบว่ามือข้างนั้นมีผ้าพันแผลพันอยู่ น้ำตาค่อยๆ เอ่อขึ้นมาเต็มดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะไหลรินลงมาช้าๆ อย่างไม่ขาดสาย ‘ตกลงมันคือความจริงหรือนี่’
แรงขยับเบาๆ ทำให้คนที่นั่งกุมมือคนบนเตียงแล้วฟุบหลับไปรู้สึกตัวทันที ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความดีใจที่หญิงสาวบนเตียงฟื้นแล้ว แต่รอยยิ้มของเขาก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าใบหน้านวลของหญิงสาวเต็มไปด้วยน้ำตา
“ร้องไห้ทำไมครับ คนดีของพี่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงนุ่มทุ้มบวกกับสัมผัสอ่อนโยนที่คอยเช็ดน้ำตา ทำให้ร่างบางหันมามองเจ้าของสัมผัสนั้นทั้งน้ำตา
“ปลายไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะพี่สกาย ปลายไม่ได้ฝัน แต่แม่นันมาหาปลายจริงๆ ปลายไม่ได้ฝัน” หญิงสาวกล่าวอย่างเหม่อลอย ดวงตากลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปจากดวงตาคู่สวยสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นมากอดไว้แนบอก
“อย่าร้องไห้เลยนะครับคนดี พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายคนดีของพี่หรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมแขน แรงกอดของอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะบางเบา แต่เขากลับรู้สึกว่ามันรัดหัวใจเขาไว้แน่นเสียยิ่งกว่าเชือกใดๆ ให้ผูกติดหัวใจเขาไว้กับเธอคนนี้คนเดียว
“ฮือๆ ปลายกลัวแม่นัน เขาจะฆ่าปลาย ฮือๆ เพราะปลายกับแม่รู้ความลับของเขา ฮือๆ เขาถึงฆ่าเราทั้งคู่ ฮือๆ” ร่างบางที่สั่นระรัวอยู่ในอ้อมกอดเอ่ยน้ำเสียงเจือสะอื้น ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะที่ธัญกาญจน์เล่ามาเธอเองก็ไม่รู้ว่าความลับอะไรที่ทำให้น้องสาวของเธอเกือบตาย
“ความลับ... ปลายบอกพี่ได้ไหมว่าเรื่องอะไร เผื่อเราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ไข” กายนภัสนิ์ถามอย่างสงสัยแต่ก็ยังคงเสียงอ่อนโยนเอาไว้
“ระ...เรื่องที่พี่นิค มะ...ไม่ใช่ลูกของพ่อ กะ...กับเรื่องที่แม่นัน ปะ...เป็นชู้กับคุณวิวัฒน์” หญิงสาวบอกเสียงกระท่อนกระแท่น เมื่อนึกถึงหน้าของแม่เลี้ยงตอนที่เธอรู้ความลับร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะครับปลาย พี่จะปกป้องปลายเอง พี่จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอันตรายปลายได้ เชื่อพี่นะครับ คนดีของพี่” ชายหนุ่มกอดร่างบางแน่นยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของคนในอ้อมกอด
เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามด้วยร่างสมส่วนของผู้เป็นพี่สาวที่เดินเข้ามาพร้อมกับสามี ในมือถือถุงต่างๆ มากมาย เมื่อเห็นว่าใครเขามาชายหนุ่มจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดและถอยห่างจากเตียง
ธัญกาญจน์มองน้องสาวด้วยความรู้สึกดีใจ แต่เมื่อคิดถึงคำขู่อาฆาตของแม่เลี้ยงแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจมีอันต้องสลดลง เธอดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดด้วยความรักความห่วงใยที่มีอยู่เต็มเปี่ยม น้ำตาร้อนๆ ค่อยไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่เต็มหัวใจ เธอรู้สึกราวกับทุกอย่างหมุนกลับไปเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน ที่เธอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่สามารถช่วยน้องสาวของเธอได้
“ต้นจ๋า...” ธัญพัชรเรียกชื่อพี่สาวเบาๆ มือเรียวบางค่อยๆ ยกขึ้นลูบแผ่นหลังของพี่สาวอย่างปลอบประโลม
พันไมล์เห็นอย่างนั้นจึงส่งสัญญาณบอกให้ชายหนุ่มอีกคนออกจากห้องไปพร้อมกัน ปล่อยให้พี่น้องเขาอยู่ด้วยกันสองคน
“นายคิดจะทำยังไงต่อไปหลังจากนี้” พันไมล์ถามขึ้นหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยจนมายืนหยุดอยู่ตรงระเบียง
“ผมอยากให้สภาพจิตใจของปลายดีขึ้นก่อน เพราะตอนนี้สภาพจิตใจของปลายแย่เอามากๆ” กายนภัสนิ์บอกอย่างกังวล
“คงต้องพาปลายไปอยู่ในที่ที่ทำให้ปลายไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ” พันไมล์ออกความเห็น
“ผมอยากจะพาปลายไปที่ไร่ของพ่อ ผมว่าอากาศดีๆ ท่ามกลางธรรมชาติน่าจะทำให้สภาพกาย สภาพใจของปลายดีขึ้น พี่ไมล์ก็พาพี่ต้นกับน้ำตาลไปด้วยสิครับ คนคุ้นเคยไปกันหลายๆ คน ปลายคงจะอาการดีขึ้น” กายนภัสนิ์บอก พลางคิดถึงไร่ของบิดาที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตอนนี้บิดาและมารดาเขาก็กำลังไปพักผ่อนอยู่ที่ไร่แห่งนั้นพอดี ซึ่งถ้าท่านทั้งสองรู้ว่าเขาจะพาหญิงสาวไปที่ไร่ คงจะดีใจไม่น้อยโดยเฉพาะมารดาของเขา เพราะท่านอยากเจอธัญพัชรมานานแล้ว
“เป็นความคิดที่ดีนะ งั้นขอเวลาเตรียมตัวสักอาทิตย์นึงนะ ขอพี่เคลียร์งานสักหน่อย” พันไมล์ตอบตกลงก่อนจะนัดแนะวันเดินทางอีกเล็กน้อย จากนั้นสองหนุ่มก็กลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เมื่อเข้าไปก็พบว่าแพทย์กำลังตรวจร่างกายของธัญพัชรอยู่ และอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวในยามค่ำคืน ทำให้ธัญกาญจน์และอีกหลายคนสะดุ้งตื่นจากนิทรารมณ์ หญิงสาวรีบวิ่งไปยังห้องนอนของธัญพัชรทันที น้องสาวเธอเป็นอย่างนี้มาหลายวันนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
“ปลายๆ” ธัญกาญจน์ปลุกน้องสาวที่กำลังดิ้นทุรนทุรายให้ตื่นจากความฝันอันเลวร้าย
“ฮือๆ ต้นจ๋า ปลายฝันถึงมันอีกแล้ว ฮือๆ” ธัญพัชรกอดพี่สาวแล้วร้องไห้โฮ เธอฝันวนเวียนซ้ำๆ กับเหตุการณ์เมื่อเจ็ดปีก่อน เหตุการณ์เดิมๆ ที่เธอพยายามจะลืมให้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันกลับยิ่งฝังแน่นอยู่ความทรงจำ
“ไม่เป็นไรนะปลาย ไม่ต้องร้องไห้ มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น” ธัญกาญจน์เอ่ยปลอบน้องสาวพลางลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา เธอต้องเอ่ยปลอบอยู่นานกว่าน้องสาวเธอจะข่มตาหลับได้
เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนอนก็พบว่าสามีของเธอนั่งพิงหัวเตียงรอเธออยู่ ไม่ได้หลับไปแล้วอย่างที่เธอคิด เมื่อผู้เป็นสามีอ้าแขนออกเธอก็โผ่เข้าสู้อ้อมแขนนั้นทันที น้ำตาที่ต้องอดกลั้นมาตลอดถึงกับไหลพรั่งพรูราวกับทำนบพัง
“ดีขึ้นไหม” พันไมล์เอ่ยเสียงนุ่ม เมื่อปล่อยให้ภรรยาสาวร้องไห้จนพอใจ
“ค่ะ ต้นขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่ไมล์ต้องพลอยไม่ได้นอนไปด้วย” ธัญกาญจน์บอกทั้งที่ยังซบอกสามีอยู่ เธอรู้ดีว่าพันไมล์รักและเป็นห่วงเธอกับน้องมากแค่ไหน แต่เธอก็อดรู้สึกผิดต่อสามีไม่ได้เพราะพันไมล์เหน็ดเหนื่อยกับงานมาทั้งวันแล้ว ตอนกลางคืนก็นอนไม่เต็มที่เพราะเสียงกรีดร้องของน้องสาวเธอ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ต้นก็รู้ว่าพ่อนอนง่ายตื่นง่าย” พันไมล์บอกพลางเอานิ้วเกี่ยวผมของผู้เป็นภรรยาเล่น
“แต่ต้นไม่อยากให้พี่ไมล์ต้องเดือดร้อนเพราะต้นกับน้อง” ธัญกาญจน์เงยหน้าบอกสามี
“แม่ต้นจำคำสาบานในวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม ‘ไม่ว่าสุขหรือทุกข์’ เราจะอยู่เคียงข้างกันและกัน แล้วพ่อจะปล่อยให้แม่ต้นต้องทุกข์อยู่อยู่คนเดียวได้ยังไง พ่อรู้ว่าตอนนี้แม่ต้นทุกข์ใจแค่ไหนทั้งเรื่องปลาย เรื่องแม่เลี้ยง ไหนจะต้องเลี้ยงเจ้าพีทอีก แต่แม่ต้นอย่าลืมนะว่าเราสองคนเป็นคนคนเดียวกันแล้วนะ ถึงพ่อจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยเราก็ยังช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหาให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”พันไมล์เห็นความทุกข์ใจผ่านทางดวงตาคู่สวยของภรรยา เขาจึงดึงมือเธอขึ้นมากุมส่งผ่านความห่วงใยด้วยไออุ่นที่แผ่จากตัวเขาไปสู่ตัวเธอ
“ขอบคุณนะคะพี่ไมล์ ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างต้นในทุกๆ วัน ต้นรักพี่ไมล์นะคะ” ธัญกาญจน์บอกน้ำเสียงอ่อนหวาน สิ่งที่ได้ตอบกลับมาเป็นแรงรัดจากคนที่กอดเธออยู่
“แล้วแม่ต้นจะทำยังไงต่อเรื่องของปลาย” พันไมล์เริ่มถามเข้าประเด็น
“ต้น...ต้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ทุกวันนี้จะทำให้ปลายไม่ต้องนอนฝันร้ายต้นยังทำไมได้เลย ตอนนี้ต้นคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะหาทางรักษาปลายยังไงดี” น้ำเสียงสิ้นหวังของภรรยา ทำให้พันไมล์คิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่าน่าจะช่วยได้
“ถ้างั้นแม่ต้นจะลองวิธีของพ่อไหม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ก็เถอะ”
“วิธีอะไรคะ” ธัญกาญจน์ถามสามีอย่างสงสัย
“คนเราถ้าร่างกายป่วยกินยาถึงจะหายใช่ไหม แต่สำหรับปลายพี่ว่าปลายไม่ได้ป่วยที่ร่างกายหรอก แต่เป็นจิตใจของปลายต่างหากที่กำลังป่วยอยู่ ป่วยจากการถูกทำร้ายมานาน ถึงแม้ว่าจะถูกลืมเลือนไปเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในใจ...
...ก็เหมือนกับแผลที่กำลังกลัดหนองอยู่ เราแค่สะกิดแผลเบาๆ ก็เจ็บแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้ปลายจำทุกอย่างได้ก็เหมือนได้เปิดแผลเพื่อทำความสะอาดชะล้างของเสียภายในแผลออกมาให้หมด ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดสักแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็จะทำให้แผลเราหายสนิท เหมือนความทรงจำของปลายที่กลับมาเพื่อให้ปลายได้ชนะความรู้สึกเลวร้ายพวกนั้น...” พันไมล์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“เท่าที่พี่ไมล์พูดมา ต้นก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างนะคะ แต่ต้นก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเราจะรักษาปลายยังไง” ธัญกาญจน์อดสงสัยไม่ได้ว่าพันไมล์ต้องการบอกอะไรกับเธอกันแน่
“พ่อหมายถึงว่า ‘ป่วยกายก็ให้ยารักษากาย ป่วยใจก็ให้ยารักษาใจ’ ไงล่ะ” เมื่อเห็นคิ้วโก่งสวยของภรรยาขมวดเข้าอย่างงุนงง ผุ้เป็นสามีก็เอ่ยต่อเพื่อคลายความสงสัย
“บางทีเราน่าจะลองใช้ความรักมารักษาปลายดูนะ ใช้ความรักเป็นยารักษาหัวใจที่บอบช้ำ พ่อว่ามันน่าจะเยียวยาบาดแผลในใจของปลายได้นะ”
“พี่ไมล์หมายถึง...” เธอพูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อสบสายตาจริงจังของสามีที่พยักหน้าช้าๆ
“ใช่! พ่อหมายถึงอย่างที่แม่ต้นคิดนั่นแหละ”
>>>>>> โปรดติดตามต่อตอนต่อไปนะคะ <<<<<<
ก่อนที่ปอรินทร์จะหายหัวไปสอบวิชาภาคอีกรอบ
ซึ่งอาจารย์ก็นัดสอบวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มันเป็นอะไร สุดแสน จะชีช้ำ สำหรับปอรินทร์มั่กมาก
เพราะนอกจากจะไม่มีหนุ่มหล่อๆ มาสวีทหวานกับคุมหน่วยเลือกตั้งของมหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องมานั่งสอบอีก
เศร้าใจจริงๆ เฮ้อ!!!!!!!!
ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ
ปอรินทร์^^
10.
รถยนต์หรูวิ่งเข้าสู่บริเวณของคฤหาสน์หลังงามพื้นที่กว้างขวาง เมื่อเจ้าของรถจอดรถที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว สาวใช้คนสนิทก็รีบวิ่งไปเปิดประตูรถให้พร้อมทั้งรายงานเรื่องราวต่างๆ ภายในบ้านให้ผู้มาใหม่ฟังทันที
“คุณผู้ชายโทรมาบอกว่าคืนนี้จะค้างที่บริษัท ส่วนคุณนิคกลับบ้านมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ แถมพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย ป่านนี้ยังไม่ลงมาจากห้องเลยค่ะคุณผู้หญิง”
“ขอบใจมากแจ่ม เดี๋ยวให้ใครก็ได้ไปตามตานิคมาให้ฉันหน่อย บอกว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ถ้าภายในสิบห้านาทีฉันยังไม่เห็นหน้าตานิคที่ห้องทำงาน ฉันจะแจ้งอายัดบัตรเครดิตของตานิคทั้งหมด” นันทวรรณสั่งคนใช้ก่อนจะเดินเข้าไปรอลูกชายที่ห้องทำงาน ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าลูกชายตัวดีก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“นี่มันอะไรกันตานิค ทำไมผมเผ้าเสื้อผ้าเป็นแบบนี้ ทำยั่งกับไปฟัดกับอะไรมา ถ้าเกิดคุณพ่อมาเห็นแกในสภาพนี้จะเกิดอะไรขึ้น กลับมาแทนที่จะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท กลับเอาแต่ถลุงเงินเล่น ทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายสักที คิดว่าทำแบบนี้คุณพ่อจะยกสมบัติให้แกหรือไง” นันทวรรณบ่นทันทีเมื่อเห็นสภาพของลูกชายที่ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก
“นี่ถ้าผมรู้ว่าแม่เรียกผมมาเพื่อบ่นเรื่องเดิมๆ แบบนี้ ผมไม่ลงมาให้เสียเวลาหรอก ผมบอกแม่เป็นร้อยๆ รอบแล้ว ว่าผมขอพักผ่อนสักสองสามเดือนก่อน แล้วค่อยไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท แม่ก็รู้ กว่าผมจะเรียนจบกลับมาได้แทบตาย” ณัฐพลถึงกับโอดครวญ เพราะมารดาของเขาเรียกเขามาบ่นเพราะเรื่องเดิมๆ
“ก็เพราะแกมัวแต่ทำตัวแหลวแหลกอยู่น่ะสิ ถึงเรียนจบมาด้วยเกรดห่วยขนาดนั้น แต่เอาเถอะ ฉันจะเลิกพูดเรื่องเก่าๆ ของแกก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะตายอย่างนั้นหรอกตานิค ที่ฉันเรียกแกมาคุยวันนี้ก็เรื่องนังปลายนั้นแหละ แกว่านังปลายมันสวยขึ้นไหม” นันทววรณเริ่มเข้าเรื่องทันทีเมื่อเห็นท่าทางจะเบื่อหน่ายของลูกชาย
“คราวนี้แม่วางแผนจะให้ผมทำอะไรน้องปลายอีกล่ะ คราวที่แล้วก็เล่นเอาเกือบตาย” ผู้เป็นลูกชายถามอย่างรู้ทัน
“เอาน่า! แกตอบคำถามฉันมาก่อน” นันทวรรณบอกปัดแกล้งทำเสียงเข้ม
“อืม...ก็สวยนะแม่ ทั้งขาวทั้งสวย สวยแบบหวานๆ น่าชิมไปหมดทั้งตัวเลย” ณัฐพลทำหน้าเคลิ้มฝัน เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน เขายังจำตอนที่เขาจับมือธัญพัชรได้ดี ผิวขาวอมชมพูเนียนนุ่มกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ถ้าเขาได้สัมผัสมากกว่านี้เขาคง... ยิ่งคิดอะไรๆ ก็ยิ่งตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางเขาคงต้องออกกำลังกายอีกรอบ ก่อนที่เขาจะพาเจนนี่ไปส่งเสียหน่อยแล้ว
“ดีแล้ว เพราะท่าทางเราคงต้องเปลี่ยนแผนสักเล็กน้อยเสียแล้วล่ะ เพื่อเราทั้งคู่” เสียงของมารดาทำให้คนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้ง
“แม่คิดจะทำอะไร” ณัฐพลถามอย่างสงสัย
“อีกไม่นาน เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ” นันทวรรณบอกอย่างหมายมั่น ถ้าแผนที่เธอเพิ่งคิดได้ระหว่างขับรถกลับบ้านสำเร็จ สมบัติทั้งหมดของวรพงษ์พานิชจะหนีเธอไปไหนพ้น
กว่าครึ่งชั่วโมงที่เรื่องราวต่างๆ ของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งเขานั่งกุมมืออยู่นั้น ถูกถ่ายทอดจากพี่สาวของเธออย่างละเอียด โดยมีสามีนั่งกุมมือเธอเอาไว้
“...วันนั้นฉันตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปเซอร์ไพร์ปลายตอนเช้า เลยนัดกับพี่ไมล์แล้วก็น้ำตาลให้มารับฉันที่สนามบิน แต่พอฉันก้าวเข้าไปในบ้านก็เห็น...” พอพูดถึงตรงนี้ธัญกาญจน์ก็ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
“พอแค่นี้เถอะนะ เดี๋ยวค่อยเล่าต่อก็ได้” พันไมล์ดึงร่างของภรรยาเข้าไปกอดอย่าปลอบประโลม
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะพี่ไมล์ เล่าให้มันจบๆ ไปเสียที เพราะต้นก็อยากเล่าเรื่องนี้ให้คนสักคนฟังมานานแล้ว ใครสักคนที่สามารถดูแลปลายได้ดีกว่าพี่แย่ๆ อย่างต้น” ธัญกาญจน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเศร้า ก่อนที่จะผละออกจากอ้อมกอดของสามี
“ฉันกับน้ำตาลเห็นเต็มสองตาว่าปลายนอนจมกองเลือดอยู่ตรงเชิงบันได พอฉันมองขึ้นไปที่ชั้นสองฉันก็เห็นคนคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าบันได เธอแกล้งทำเป็นร้องไห้ที่โรงพยาบาลต่อหน้าพ่อ เอาแต่ฟูมฟายว่าเป็นความผิดของเธอที่เห็นว่าปลายลื่นตกบันไดแต่คว้าตัวปลายไว้ไม่ทัน แต่คุณรู้อะไรไหม ภาพที่ฉันกับน้ำตาลเห็นมันไม่ใช่อย่างที่คนคนนั้นพูดเลยแม้แต่น้อย ฉันเห็นว่าคนคนนั้นทำอะไรปลายแต่ฉันกับน้ำตาลกลับพูดมันออกมาไม่ได้ เพราะพ่อเอาแต่เชื่อคำพูดของคนคนนั้น เชื่อมาตลอด ส่วนคำพูดของฉันท่านกลับคิดว่าเป็นเรื่องโกหก หาว่าฉันใส่ความแม่เลี้ยง แล้วยิ่งพอปลายฟื้นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้นอกจากฉันกับน้ำตาล นั้นยิ่งทำให้ฉันแทบอยากจะฆ่าคนที่ทำให้ปลายเป็นแบบนี้” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตาอย่างอัดอั้นที่สะสมมานาน
“ตอนนั้นคุณตาคุณยายรู้เรื่องก็โกรธพ่อมาก คุณตาทะเลาะกับพ่อใหญ่โต เพราะคุณตาท่านจะรับปลายไปเลี้ยงดูเอง แต่คุณพ่อไม่ยอม พ่อบอกว่าคนคนนั้นเลี้ยงดูปลายเป็นอย่างดี ส่วนที่ปลายเป็นแบบนี้ก็เพราะอุบัติเหตุ แต่สุดท้ายพ่อก็ยอมให้ปลายมาอยู่กับคุณตาคุณยาย ที่พ่อยอมเพราะอะไรรู้ไหม” หญิงสาวสบตาชายคนที่กุมมือน้องสาวนิดนิงก่อนจะพูดต่อ
“เพราะว่าตอนนั้นบริษัทของพ่อถูกโกงจนเกือบจะล้มละลายไงล่ะ แล้วคุณตาก็ยื่นข้อเสนอให้พ่อโดยที่ท่านจะให้เงินคุณพ่อไปหมุนในบริษัทเพื่อไม่ให้บริษัทโดนฟ้องล้มละลาย แลกกับสิทธิ์ในทางกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูปลาย เพราะตอนนั้นปลายอายุยังไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ คุณตาสั่งห้ามพ่อกับคนคนนั้นทุกอย่าง ห้ามพบ ห้ามพูดคุยกับปลายหรือแม้แต่ฉัน ซึ่งพ่อก็ตบปากรับคำทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะเขามีลูกชายอยู่แล้วอีกคน หลังจากนั้นมาฉันกับปลายก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของแม่แทนแล้วก็อยู่กับคุณตาคุณยายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนข่าวคราวของพ่อกับคนคนนั้น ฉันก็แทบจะไม่ได้ข่าวอีกแล้ว รู้เพียงแต่ว่าพ่อส่งคนคนนั้นกับลูกชายไปอยู่ต่างประเทศ แล้วฉันก็เพิ่งจะมาเจอคนคนนั้นอีกครั้งก็วันนี้นั่นแหละ” เธอต้องรวบรวมแรงกายและแรงใจมากมายเพื่อที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้จบโดยที่เธอไม่ร้องไห้อีก
“ฉันไม่รู้ว่าปลายรู้ความลับอะไรของคนคนนั้น แต่ครั้งนี้ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่หยุดง่ายๆ เหมือนครั้งก่อนอีก ในเมื่อคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป” ธัญกาญจน์ถาม และสบตาอีกฝ่ายที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ปลายปลอดภัย แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของผมก็ตาม” กายนภัสนิ์ตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาที่แน่วแน่และมั่นคงก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบดีอยู่แล้วสำหรับคนๆ นี้ คนที่ธัญกาญจน์คิดว่าสามารถฝากชีวิตของน้องสาวเธอได้
แสงแดดของวันใหม่ปลุกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นจากนิทรารมย์อันยาวนาน เปลือกตาค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีนิลกลมโตที่พร่างพราวราวกับมีดวงดาวนับล้านอยู่ในดวงตาคู่นั้น หากแต่ดวงดาวในดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววหม่นหมองปนเหม่อลอย เมื่อคืนเธอฝันว่าเธอเจอกับนันทวรรณแม่เลี้ยงของเธอที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นแค่ความฝันแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของนันทวรรณลดน้อยลงไปเลย เธอจำได้ว่าในฝันเธอกรีดร้องและดึงทึ้งสายน้ำเกลือจนเป็นแผลเลือดออกเต็มไปหมด แต่เธอก็ยังจำได้อีกว่ามีอ้อมกอดของใครคนหนึ่งค่อยปลอบประโลมเธออยู่ตลอดเวลาในความฝัน เมื่อลองขยับมือเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่มือข้างหนึ่ง เมื่อหันไปมองก็พบว่ามือข้างนั้นมีผ้าพันแผลพันอยู่ น้ำตาค่อยๆ เอ่อขึ้นมาเต็มดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะไหลรินลงมาช้าๆ อย่างไม่ขาดสาย ‘ตกลงมันคือความจริงหรือนี่’
แรงขยับเบาๆ ทำให้คนที่นั่งกุมมือคนบนเตียงแล้วฟุบหลับไปรู้สึกตัวทันที ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความดีใจที่หญิงสาวบนเตียงฟื้นแล้ว แต่รอยยิ้มของเขาก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าใบหน้านวลของหญิงสาวเต็มไปด้วยน้ำตา
“ร้องไห้ทำไมครับ คนดีของพี่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม น้ำเสียงนุ่มทุ้มบวกกับสัมผัสอ่อนโยนที่คอยเช็ดน้ำตา ทำให้ร่างบางหันมามองเจ้าของสัมผัสนั้นทั้งน้ำตา
“ปลายไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะพี่สกาย ปลายไม่ได้ฝัน แต่แม่นันมาหาปลายจริงๆ ปลายไม่ได้ฝัน” หญิงสาวกล่าวอย่างเหม่อลอย ดวงตากลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปจากดวงตาคู่สวยสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นมากอดไว้แนบอก
“อย่าร้องไห้เลยนะครับคนดี พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายคนดีของพี่หรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมแขน แรงกอดของอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะบางเบา แต่เขากลับรู้สึกว่ามันรัดหัวใจเขาไว้แน่นเสียยิ่งกว่าเชือกใดๆ ให้ผูกติดหัวใจเขาไว้กับเธอคนนี้คนเดียว
“ฮือๆ ปลายกลัวแม่นัน เขาจะฆ่าปลาย ฮือๆ เพราะปลายกับแม่รู้ความลับของเขา ฮือๆ เขาถึงฆ่าเราทั้งคู่ ฮือๆ” ร่างบางที่สั่นระรัวอยู่ในอ้อมกอดเอ่ยน้ำเสียงเจือสะอื้น ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะที่ธัญกาญจน์เล่ามาเธอเองก็ไม่รู้ว่าความลับอะไรที่ทำให้น้องสาวของเธอเกือบตาย
“ความลับ... ปลายบอกพี่ได้ไหมว่าเรื่องอะไร เผื่อเราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ไข” กายนภัสนิ์ถามอย่างสงสัยแต่ก็ยังคงเสียงอ่อนโยนเอาไว้
“ระ...เรื่องที่พี่นิค มะ...ไม่ใช่ลูกของพ่อ กะ...กับเรื่องที่แม่นัน ปะ...เป็นชู้กับคุณวิวัฒน์” หญิงสาวบอกเสียงกระท่อนกระแท่น เมื่อนึกถึงหน้าของแม่เลี้ยงตอนที่เธอรู้ความลับร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะครับปลาย พี่จะปกป้องปลายเอง พี่จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอันตรายปลายได้ เชื่อพี่นะครับ คนดีของพี่” ชายหนุ่มกอดร่างบางแน่นยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของคนในอ้อมกอด
เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามด้วยร่างสมส่วนของผู้เป็นพี่สาวที่เดินเข้ามาพร้อมกับสามี ในมือถือถุงต่างๆ มากมาย เมื่อเห็นว่าใครเขามาชายหนุ่มจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดและถอยห่างจากเตียง
ธัญกาญจน์มองน้องสาวด้วยความรู้สึกดีใจ แต่เมื่อคิดถึงคำขู่อาฆาตของแม่เลี้ยงแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจมีอันต้องสลดลง เธอดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดด้วยความรักความห่วงใยที่มีอยู่เต็มเปี่ยม น้ำตาร้อนๆ ค่อยไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่เต็มหัวใจ เธอรู้สึกราวกับทุกอย่างหมุนกลับไปเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน ที่เธอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่สามารถช่วยน้องสาวของเธอได้
“ต้นจ๋า...” ธัญพัชรเรียกชื่อพี่สาวเบาๆ มือเรียวบางค่อยๆ ยกขึ้นลูบแผ่นหลังของพี่สาวอย่างปลอบประโลม
พันไมล์เห็นอย่างนั้นจึงส่งสัญญาณบอกให้ชายหนุ่มอีกคนออกจากห้องไปพร้อมกัน ปล่อยให้พี่น้องเขาอยู่ด้วยกันสองคน
“นายคิดจะทำยังไงต่อไปหลังจากนี้” พันไมล์ถามขึ้นหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยจนมายืนหยุดอยู่ตรงระเบียง
“ผมอยากให้สภาพจิตใจของปลายดีขึ้นก่อน เพราะตอนนี้สภาพจิตใจของปลายแย่เอามากๆ” กายนภัสนิ์บอกอย่างกังวล
“คงต้องพาปลายไปอยู่ในที่ที่ทำให้ปลายไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ” พันไมล์ออกความเห็น
“ผมอยากจะพาปลายไปที่ไร่ของพ่อ ผมว่าอากาศดีๆ ท่ามกลางธรรมชาติน่าจะทำให้สภาพกาย สภาพใจของปลายดีขึ้น พี่ไมล์ก็พาพี่ต้นกับน้ำตาลไปด้วยสิครับ คนคุ้นเคยไปกันหลายๆ คน ปลายคงจะอาการดีขึ้น” กายนภัสนิ์บอก พลางคิดถึงไร่ของบิดาที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตอนนี้บิดาและมารดาเขาก็กำลังไปพักผ่อนอยู่ที่ไร่แห่งนั้นพอดี ซึ่งถ้าท่านทั้งสองรู้ว่าเขาจะพาหญิงสาวไปที่ไร่ คงจะดีใจไม่น้อยโดยเฉพาะมารดาของเขา เพราะท่านอยากเจอธัญพัชรมานานแล้ว
“เป็นความคิดที่ดีนะ งั้นขอเวลาเตรียมตัวสักอาทิตย์นึงนะ ขอพี่เคลียร์งานสักหน่อย” พันไมล์ตอบตกลงก่อนจะนัดแนะวันเดินทางอีกเล็กน้อย จากนั้นสองหนุ่มก็กลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เมื่อเข้าไปก็พบว่าแพทย์กำลังตรวจร่างกายของธัญพัชรอยู่ และอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวในยามค่ำคืน ทำให้ธัญกาญจน์และอีกหลายคนสะดุ้งตื่นจากนิทรารมณ์ หญิงสาวรีบวิ่งไปยังห้องนอนของธัญพัชรทันที น้องสาวเธอเป็นอย่างนี้มาหลายวันนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
“ปลายๆ” ธัญกาญจน์ปลุกน้องสาวที่กำลังดิ้นทุรนทุรายให้ตื่นจากความฝันอันเลวร้าย
“ฮือๆ ต้นจ๋า ปลายฝันถึงมันอีกแล้ว ฮือๆ” ธัญพัชรกอดพี่สาวแล้วร้องไห้โฮ เธอฝันวนเวียนซ้ำๆ กับเหตุการณ์เมื่อเจ็ดปีก่อน เหตุการณ์เดิมๆ ที่เธอพยายามจะลืมให้ได้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันกลับยิ่งฝังแน่นอยู่ความทรงจำ
“ไม่เป็นไรนะปลาย ไม่ต้องร้องไห้ มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น” ธัญกาญจน์เอ่ยปลอบน้องสาวพลางลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา เธอต้องเอ่ยปลอบอยู่นานกว่าน้องสาวเธอจะข่มตาหลับได้
เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนอนก็พบว่าสามีของเธอนั่งพิงหัวเตียงรอเธออยู่ ไม่ได้หลับไปแล้วอย่างที่เธอคิด เมื่อผู้เป็นสามีอ้าแขนออกเธอก็โผ่เข้าสู้อ้อมแขนนั้นทันที น้ำตาที่ต้องอดกลั้นมาตลอดถึงกับไหลพรั่งพรูราวกับทำนบพัง
“ดีขึ้นไหม” พันไมล์เอ่ยเสียงนุ่ม เมื่อปล่อยให้ภรรยาสาวร้องไห้จนพอใจ
“ค่ะ ต้นขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่ไมล์ต้องพลอยไม่ได้นอนไปด้วย” ธัญกาญจน์บอกทั้งที่ยังซบอกสามีอยู่ เธอรู้ดีว่าพันไมล์รักและเป็นห่วงเธอกับน้องมากแค่ไหน แต่เธอก็อดรู้สึกผิดต่อสามีไม่ได้เพราะพันไมล์เหน็ดเหนื่อยกับงานมาทั้งวันแล้ว ตอนกลางคืนก็นอนไม่เต็มที่เพราะเสียงกรีดร้องของน้องสาวเธอ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ต้นก็รู้ว่าพ่อนอนง่ายตื่นง่าย” พันไมล์บอกพลางเอานิ้วเกี่ยวผมของผู้เป็นภรรยาเล่น
“แต่ต้นไม่อยากให้พี่ไมล์ต้องเดือดร้อนเพราะต้นกับน้อง” ธัญกาญจน์เงยหน้าบอกสามี
“แม่ต้นจำคำสาบานในวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม ‘ไม่ว่าสุขหรือทุกข์’ เราจะอยู่เคียงข้างกันและกัน แล้วพ่อจะปล่อยให้แม่ต้นต้องทุกข์อยู่อยู่คนเดียวได้ยังไง พ่อรู้ว่าตอนนี้แม่ต้นทุกข์ใจแค่ไหนทั้งเรื่องปลาย เรื่องแม่เลี้ยง ไหนจะต้องเลี้ยงเจ้าพีทอีก แต่แม่ต้นอย่าลืมนะว่าเราสองคนเป็นคนคนเดียวกันแล้วนะ ถึงพ่อจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยเราก็ยังช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหาให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”พันไมล์เห็นความทุกข์ใจผ่านทางดวงตาคู่สวยของภรรยา เขาจึงดึงมือเธอขึ้นมากุมส่งผ่านความห่วงใยด้วยไออุ่นที่แผ่จากตัวเขาไปสู่ตัวเธอ
“ขอบคุณนะคะพี่ไมล์ ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างต้นในทุกๆ วัน ต้นรักพี่ไมล์นะคะ” ธัญกาญจน์บอกน้ำเสียงอ่อนหวาน สิ่งที่ได้ตอบกลับมาเป็นแรงรัดจากคนที่กอดเธออยู่
“แล้วแม่ต้นจะทำยังไงต่อเรื่องของปลาย” พันไมล์เริ่มถามเข้าประเด็น
“ต้น...ต้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ทุกวันนี้จะทำให้ปลายไม่ต้องนอนฝันร้ายต้นยังทำไมได้เลย ตอนนี้ต้นคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะหาทางรักษาปลายยังไงดี” น้ำเสียงสิ้นหวังของภรรยา ทำให้พันไมล์คิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่าน่าจะช่วยได้
“ถ้างั้นแม่ต้นจะลองวิธีของพ่อไหม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ก็เถอะ”
“วิธีอะไรคะ” ธัญกาญจน์ถามสามีอย่างสงสัย
“คนเราถ้าร่างกายป่วยกินยาถึงจะหายใช่ไหม แต่สำหรับปลายพี่ว่าปลายไม่ได้ป่วยที่ร่างกายหรอก แต่เป็นจิตใจของปลายต่างหากที่กำลังป่วยอยู่ ป่วยจากการถูกทำร้ายมานาน ถึงแม้ว่าจะถูกลืมเลือนไปเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในใจ...
...ก็เหมือนกับแผลที่กำลังกลัดหนองอยู่ เราแค่สะกิดแผลเบาๆ ก็เจ็บแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้ปลายจำทุกอย่างได้ก็เหมือนได้เปิดแผลเพื่อทำความสะอาดชะล้างของเสียภายในแผลออกมาให้หมด ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดสักแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็จะทำให้แผลเราหายสนิท เหมือนความทรงจำของปลายที่กลับมาเพื่อให้ปลายได้ชนะความรู้สึกเลวร้ายพวกนั้น...” พันไมล์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“เท่าที่พี่ไมล์พูดมา ต้นก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างนะคะ แต่ต้นก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเราจะรักษาปลายยังไง” ธัญกาญจน์อดสงสัยไม่ได้ว่าพันไมล์ต้องการบอกอะไรกับเธอกันแน่
“พ่อหมายถึงว่า ‘ป่วยกายก็ให้ยารักษากาย ป่วยใจก็ให้ยารักษาใจ’ ไงล่ะ” เมื่อเห็นคิ้วโก่งสวยของภรรยาขมวดเข้าอย่างงุนงง ผุ้เป็นสามีก็เอ่ยต่อเพื่อคลายความสงสัย
“บางทีเราน่าจะลองใช้ความรักมารักษาปลายดูนะ ใช้ความรักเป็นยารักษาหัวใจที่บอบช้ำ พ่อว่ามันน่าจะเยียวยาบาดแผลในใจของปลายได้นะ”
“พี่ไมล์หมายถึง...” เธอพูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อสบสายตาจริงจังของสามีที่พยักหน้าช้าๆ
“ใช่! พ่อหมายถึงอย่างที่แม่ต้นคิดนั่นแหละ”
>>>>>> โปรดติดตามต่อตอนต่อไปนะคะ <<<<<<

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2555, 23:07:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2555, 23:09:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1959
<< ตอนที่ 9.2 กลับมาต่อจนจบตอนแล้วนะค่ะ^^ | ชะตาต้องรัก ตอนที่ 11 >> |

sai 11 ก.พ. 2555, 23:36:49 น.
อยากให้ปลายเข็มแข็งเร็วๆจังเลยอ่ะ
อยากให้ปลายเข็มแข็งเร็วๆจังเลยอ่ะ

sai 11 ก.พ. 2555, 23:39:20 น.
ปล.เกิดเดือนเดียวกันเลย เราเกิดเมื่อวานอ่ะค่ะเป็นของขวัญวันเกิดเราเลยนะเนี่ยอิอิ
ปล.เกิดเดือนเดียวกันเลย เราเกิดเมื่อวานอ่ะค่ะเป็นของขวัญวันเกิดเราเลยนะเนี่ยอิอิ

Auuuu 12 ก.พ. 2555, 01:32:50 น.
สุขสันต์วันเกิดค่า แอบช้าไปเล็กน้อย ลุ้นระทึกมากมาย อ่านตั้งแต่ตอนแรก จนมาถึงตอนนี้เลย คือ.. มันมีบางตอนอ่ะค่ะ รู้สึกว่าลำดับความ แล้วเรางงๆเวลาอ่าน คือลำดับเนื้อหาไม่ค่อยถูก ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนกันแน่ ไม่แน่ใจว่ามีเรางงอยู่คนเดียวหรือเปล่า แหะๆ
สุขสันต์วันเกิดค่า แอบช้าไปเล็กน้อย ลุ้นระทึกมากมาย อ่านตั้งแต่ตอนแรก จนมาถึงตอนนี้เลย คือ.. มันมีบางตอนอ่ะค่ะ รู้สึกว่าลำดับความ แล้วเรางงๆเวลาอ่าน คือลำดับเนื้อหาไม่ค่อยถูก ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนกันแน่ ไม่แน่ใจว่ามีเรางงอยู่คนเดียวหรือเปล่า แหะๆ

anOO 13 ก.พ. 2555, 19:24:05 น.
ยกปลายให้พี่สกายไปดูแลเลย แต่งงานกันให้เรียบร้อย
ใครมาแตะปลายอีก คราวนี้พี่สกายจะได้จัดการได้เด็ดขาด
ปล. Happy birth day นะค่ะ
ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่ความสุข ร่ำรวยๆๆๆ
ยกปลายให้พี่สกายไปดูแลเลย แต่งงานกันให้เรียบร้อย
ใครมาแตะปลายอีก คราวนี้พี่สกายจะได้จัดการได้เด็ดขาด
ปล. Happy birth day นะค่ะ
ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่ความสุข ร่ำรวยๆๆๆ