เสน่หา ซาตานลวง
ความรักมีค่าเสมอสำหรับคนที่เห็นค่า
แต่มันจะไร้ค่า หากรักที่ให้...ถูกเขาทิ้งขว้าง
เห็นความรักของเราเป็นแค่เพียงอะไรที่ไร้ความหมาย
ขณะนั้น...เจ็บ ร้องไห้ เจียนขาดใจ
และไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกกระทำ
วันและคืนผ่านไป...
ความรู้สึกหลายๆ อย่างยังอยู่ในความทรงจำ...
ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ที่เขาคนนั้นก็อาจคาดไม่ถึง...
คำสัญญาจากเขา...ก่อให้เกิดเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นมา....
ทุกๆ ความรู้สึกมีที่มา และสุดท้ายก็จบลง
ด้วยเหตุผล....ที่ต่างคนต่างเข้าใจ...และยอมให้อภัย

สายรุ้งเจ้าแวววับ พราวทับแผ่นฟ้า
ดาริกาเจ้าคืนคำอธิฐาน
รักที่ฝากไว้กับรุ้งเคยร้าวราน
เมื่อพบพานคนที่รัก...สุดหัวใจ
รักที่ฝากไว้ ขอคืนนะ....สายรุ้งเอย

....................

ขอฝากนิยายเรื่องที่สองด้วยนะคะ
กำลังตีพิมพ์กับ สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ภายใต้ชื่อเรื่องใหม่ แต่ยังไม่ได้ชื่อเรื่องใหม่เลยค่ะ แหะๆๆ

ขอบคุณๆๆนะคะ

นัฐชา
4/1/55
ลวท.5.37
Tags: เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง,นัฐชา,สมาร์ทบุ๊ค,rimnamta,Natcha

ตอน: บทที่ 3 เลือนราง(ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ทบุ๊ค)

บทที่ 3 เลือนราง

เรนปล่อยมือของปลายรุ้งให้เป็นอิสระ เมื่อทั้งคู่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตู นัยน์ตาสีราตรีกวาดไปรอบๆ กาย โต๊ะรับแขกทำด้วยไม้ตั้งอยู่ติดกับหน้าต่าง มองผ่านไปจะเห็นเรือนไทยของคุณยายทวด โต๊ะอาหารชุดเล็กตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน ถึงไม่ไกลกันนักแต่ก็ตั้งเป็นสัดส่วน ถึงแม้บ้านของเรนจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยและจัดทุกสิ่งทุกอย่างได้น่าอยู่เลยทีเดียว ปลายรุ้งอดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจจากบ้านหลังนี้

อาคันตุกะสาวหยุดความคิดลง เมื่อเรนหยุดเดิน และหันมายิ้มให้ ก่อนที่จะพยักหน้าให้เพื่อนสาวมองเข้าไปในห้องเล็กที่ดูน่าว่าจะเป็นห้องครัวของบ้าน

“แม่ฝนของเรา” ปลายรุ้งมองตาม ภาพที่เห็นก็คือหญิงวัยกลางคน ผิวสีขาวเหลือง ผมที่หยักศกถูกเกล้าขมวดไว้อย่างเรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่าแม่ฝนจะวุ่นจังเลย เพราะกำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมอาหารเที่ยง ใบหน้าของสตรีผู้สูงวัยกว่านั้นมีความใจดีอยู่มากมาย ผู้เยาว์วัยอย่างปลายรุ้งเอียงคอมองแล้วยิ้มนิดๆ

“แม่ฝนจ๋า” เรนร้องเรียกเสียงหวาน แม่ฝนหันมายิ้มให้นิดๆ รู้สึกแปลกใจเล็กๆ ที่เห็นลูกสาว

“อ้าว เรน ทำไมกลับมาเร็วล่ะลูก” แม่ฝนเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปทำกิจกรรมในครัวตามเดิม

“เรนพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านน่ะค่ะแม่ วันนี้ก็เลยกลับบ้านเร็ว” คำว่าพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ถึงกับทำให้แม่ฝนเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวอีกครั้ง คิ้วบางบนใบหน้าของผู้เป็นแม่ถึงกับขมวดเข้าหากัน

“แม่ฝนขา นี่ปลายรุ้งเพื่อนของเรนค่ะ” คนที่ถูกแนะนำ พนมมือไหว้ แม่ฝนยิ้มในใบหน้า สายตาที่มองมายังลูกสาวมีแววประหลาดใจ

“รุ้งจะมาอยู่กับเราสักพักนะคะ” แม่ฝนยิ้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นมีแววสงสัยมากกว่า นี่ลูกสาวมาเล่นตลกอะไรกันนะนี่ แต่ผัดผักที่อยู่ในกระทะส่งกลิ่นหอมได้ที่ ที่พร้อมจะตักใส่จานนั้นดึงความสนใจของแม่ฝนไปเสียก่อน

เรนเห็นแม่สาละวนอยู่กับอาหารกลางวันแบบนี้ ก็เลยไม่คิดจะรบกวน แม่ยิ้มรับคำบอกแล้ว คงไม่ว่าอะไรหากบ้านสวนเรือนไม้หลังนี้จะมีโอกาสได้ต้อนรับแขกสาวแสนสวยอย่างปลายรุ้ง คิดได้ดังนั้นมือบางก็ฉวยข้อมือของเพื่อนสาวให้ออกเดินตามขึ้นไปชั้นบน

“แม่คะ เรนพาเพื่อนขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ” แต่ก็ไม่วายส่งเสียงบอกให้คนในครัวรู้ พอดีกับแม่ฝนจัดการผัดผักและมาตั้งไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ถอดผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดตาไว้บนพนักพิงเก้าอี้ มาชะโงกดูเรนตรงหน้าประตูครัว เห็นแค่แผ่นหลังของลูกสาวที่กำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน

แต่ใบหน้าสวยภายใต้ผมหยิกเป็นลอนนั้นกลับหันมาทางข้างๆ หัวร่อต่อกระซิก เสมือนกับกำลังสนทนาอยู่กับใครสักคน...หนึ่ง

ผู้ที่เป็นมารดามองตามอย่างเงียบๆ ความแปลกใจครอบครองทั่วร่าง กลิ่นดอกแก้วลอยมาแตะจมูกบางเบาอย่างผิดเวลา สายลมเย็นเยือก แทรกตัวผ่านช่องหน้าต่างมาสัมผัสกาย จนทำให้สตรีสูงวัยเกิดลางสังหรณ์....

แสงเลือนรางที่อยู่เคียงข้างลูกสาว แวบเข้ามาสู่สายตา แม่ฝนเฝ้ามองอย่างเป็นห่วง เหลือบไปทางมือซ้ายของลูกสาว ก็ดูเหมือนคล้ายกับกำลังจูงมือใครสักคน
แม่ฝนถึงกับหนาว...สะท้าน มือแตะหน้าอกอย่างตกใจ
แต่แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่ดูเหมือนแม่ฝนจะเข้าใจอะไรได้บ้าง แม่ฝนปิดเปลือกตาลงก่อนที่เรนจะหายไปจากสายตา...
แม่ฝนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ความกังวลและความหวาดหวั่นใจ...เริ่มเข้ามาแทนที่
เมื่อผู้มากวัยสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอ...ของผู้มาเยือน
คงจะถึงเวลาแล้วสินะ...เรน


ค่ำคืนนั้นแม่ฝนไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยซึ่งผู้ที่เป็นลูกสาวก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเป็นปกติอยู่แล้ว บางเวลาที่แม่ฝนไปส่งอาหารที่บ้านเรือนไทยก็มักจะทานเป็นเพื่อนคุณยายทวดเสมอ อาหารค่ำมื้อนั้น ก็เลยมีเรนกับปลายรุ้งแค่นั้นเอง
แต่น่าแปลกใจ คุณหนูรุ้งไม่แตะอาหารเลยสักนิดเดียว เอาแต่เขี่ยช้อนส้อมเล่นซะอย่างนั้น ผิดกับสาวผมหยิกที่นั่งฝั่งตรงข้าม ดูเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าเสียเหลือเกิน ปลายรุ้งมองยิ้มๆ เรนยิ้มตอบ ก่อนที่จะพยักพเยิดให้เจ้าของรอยยิ้มลองอาหารฝีมือของแม่ฝน
เรนตักผัดเปรี้ยวหวานใส่จานให้ลองชิม นัยน์ตาสีรัตติกาลมองที่จานข้าวนิ่ง เกิดประกายแสงเรืองรองในดวงตาสักเพียงชั่วครู่โดยที่เรนไม่มีทางได้เห็น แล้วก็ตักข้าวใส่ปากตามคำชวน เรนอมยิ้มให้อย่างพอใจ ที่ปลายรุ้งยอมทานข้าวแล้ว

“เป็นไงรุ้ง อร่อยใช่เปล่า” ปลายรุ้งพยักหน้าแทนคำตอบ

“อ่ะ ผัดฟักทองใส่ไข่” ว่าแล้วก็ตักใส่จานให้อีก “ของโปรดเราเลยนะรุ้ง”

ปลายรุ้งจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง น้ำใสเริ่มคลอดวงตาหม่นจนหมอง ภาพของผู้ชายใจร้ายคล้ายมาซ้อนใบหน้าของเรน รอยยิ้มอบอุ่นที่ได้รับ ถึงกับทำให้อาคันตุกะสาวยิ้มทั้งน้ำตา เรนถึงกับตกใจ ที่อยู่ๆ คุณหนูก็ขี้แยขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“รุ้งเป็นอะไร” คนตกใจร้องถามอย่างเป็นห่วง แต่คนที่ถูกถามไม่ตอบ เรนทอดมองคนตรงหน้าอย่างเห็นใจ ปลายรุ้งคงคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า คงต้องให้เวลากับเพื่อนสักพัก เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แต่เรนกลับมีความรู้สึกนึกชิงชังผู้ชายใจร้ายคนนั้น...แผ่นหลังของร่างสูงเรนจำได้ติดตา

แต่น่าเสียดาย หากได้เห็นหน้าสักนิด คงจะดีไม่น้อย พอนึกถึงคนที่ทำร้ายหัวใจของเพื่อนสาว เรนถึงกับทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที...เกลียดจังเลย

“อย่าคิดมากนะรุ้ง” เรนเอื้อมไปแตะปลายนิ้วเรียวเย็นอย่างให้กำลังใจ

“อย่าไปนึกถึงคนใจร้ายคนนั้น” ปลายรุ้งยิ้มให้กับคำแนะนำของเรน ก่อนที่ใบหน้าเนียนนั้นจะพยักหน้า ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่จะหันกลับมาสนใจกับอาหารตรงหน้าอีกครั้ง
อาหารค่ำมื้อนั้นผ่านไปด้วยดี ถึงแม้ว่าในแต่ละครั้งดูเหมือนว่าปลายรุ้งจะใช้เวลานานเหลือเกินที่จะตักข้าวใส่ปากได้ในแต่ละคำ อาหารคงจะไม่ถูกปาก นั่นคือสิ่งที่เรนคิด...เอาเอง

แต่จริง ๆ แล้ว...ไม่ใช่

ดึกแล้วที่แม่ฝนกลับมาจากเรือนไทย ในขณะที่กำลังจะผ่านห้องของลูกสาว สตรีสูงวัยก็อดไม่ได้ที่จะหยุดอยู่หน้าห้อง ถึงแม้จะได้รับฟังเรื่องราวจากคุณยายทวดมาบ้างแล้ว แต่ใช่ว่าความกังวลจะหมดไปเสียทีเดียว เอื้อมไปเปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา แสงนวลจากดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง สายลมพัดมาเบาๆ จนผ้าม่านสีน้ำทะเลปลิว แม่ฝนเดินเข้ามาในห้อง เจ้าของห้องหลับแล้ว ผู้เป็นมารดาทอดมองลูกสาวอย่างห่วงใย ชะตาของคนหัวดื้อมาถึงแล้ว...ความรักหรือเปล่า...แม่ฝนก็ไม่แน่ใจ...
ผ้าห่มผืนบางสีฟ้าหม่นถูกดึงขึ้นมาคลุมให้ สายลมเย็นมากระทบเบาๆ แม่ฝนผละจากเตียง เดินมาที่หน้าต่าง กำลังจะปิดอยู่นั้น พลัน...สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเบาบางเลือนรางเสียจนกลืนไปกับความมืดของเงาไม้ ถึงแม้ว่าร่างนั้นจะซ่อนกายอยู่ในชุดขาว กำลังนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่ในท่าเอนพิงกับลำต้น แต่แค่เพียงแวบเดียว พอแม่ฝนขยี้ตา และลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นร่างเลือนรางนั่นอีกแล้ว มือที่ทำท่าจะปิดหน้าต่าง จำต้องลดลง และปล่อยให้หน้าต่างบานนั้น...เปิดรับความเย็นจากสายลม
และสิ่งที่เหนือ...ธรรมชาติ...ตามเดิม

เรนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ไม่เห็นปลายรุ้งแล้ว ร่างบางผละลุกจากเตียง เดินออกมาดูตรงระเบียงก็ไม่มี แต่ร่างที่อยู่บนกิ่งไม้ที่มองลงมาก่อนแล้ว ถึงกับทำให้เรนหัวเราะเสียงดัง

“รุ้งขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ ลงมาเลย” แต่ปลายรุ้งไม่ยอมลงมา กลับพยักหน้าเป็นเชิงชวนให้คนที่ยืนอยู่ที่ริมระเบียงขึ้นมาด้วยกัน แต่เรนส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เอาล่ะ วันนี้ต้องเข้าสำนักพิมพ์” คนที่อยู่บนต้นไม้ฟังยิ้มๆ ก่อนที่จะหันไปสนใจกับสุดฟ้ากว้างที่มีสายรุ้งงามประดับฉาก เรนมองตามก็ให้นึกแปลกใจ สายรุ้งมาเกิดอะไรเอาตอนนี้นะ...?

แล้วปลายรุ้งขึ้นไปอยู่บนนั้นได้อย่างไรกัน..? เรนทำสีหน้าครุ่นคิด
ถึงแม้ว่าต้นไม้ใหญ่นั้นจะมีกิ่งก้านที่แข็งแรง โน้มมาจนถึงระเบียงห้องก็ตามทีเถอะ และคนแสนซนอย่างเธอก็ปีนขึ้นไปนั่งเล่นบนต้นไม้ออกจะบ่อย
ดวงตาช่างสงสัยมองคนที่อยู่บนต้นไม้อย่างพินิจ ร่างบอบบางเอนกายพิงไปกับลำต้น ปลายเท้าเปลือยเปล่าที่โผล่กระโปรงสีขาวหม่นแกว่งเล่นไปมา ดวงหน้าขาวนวลเหม่อมองไปยังฟ้าแสนไกล ริมฝีปากแดงเรื่อๆ ไร้การแย้มยิ้ม นัยน์ตาหม่นเศร้าเลื่อน...ลอย จ้องไปยังฟ้าไกล สำหรับเรนแล้ว ภาพนั้นช่างงดงามดุจภาพวาด คนคิดยิ้มให้กับตัวเอง ดูปลายรุ้งมีอะไรแปลกๆ มาให้สงสัยแต่เช้าเลยนะ

เอ่ ว่าแต่ว่า...คุณหนูปลายรุ้งปีนต้นไม้เป็นด้วยหรือ...?

แต่เรนไม่มีเวลามาหาคำตอบเอาในตอนนี้ เหลือบหันไปดูนาฬิกาเรือนสวยที่อยู่เหนือประตูหน้าห้อง จะ 7 โมงเข้าไปแล้ว วันนี้อยากเข้าไปสำนักพิมพ์ให้เช้าเป็นประวัติศาสตร์เหมือนกัน แต่ใจก็ยังนึกเป็นห่วงคนที่อยู่บนต้นไม้อยู่บ้าง

จะเอาไปด้วยดีไหมนะ...?

เหมือนกับปลายรุ้งจะล่วงรู้ความในใจของเรนอีกแล้ว ใบหน้านวลภายใต้ผมยาวหันมายิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่คนได้รับหนาวๆ เยือกๆ พิกล เรนยิ้มรับแหยๆ

“เรนไม่ต้องห่วงรุ้งหรอกนะ” เรนทำสีหน้าเหรอหรา ชอบเดาความในใจอีกแล้วนะปลายรุ้ง

“ใครเป็นห่วงเธอกันเล่า” คนปฏิเสธหัวเราะร่า พลอยให้ปลายรุ้งหัวเราะไปด้วย นัยน์ตาหม่นละจากคนที่อยู่บนระเบียงไปจับจ้องยังฟากฟ้าดุจเดิม และปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่แทน

สายลมของยามเช้า หอบความสดชื่นมาจากรอบๆ บริเวณ แสงแดดอ่อนๆ ของแสงตะวันนำความอบอุ่นมาให้ในคราเดียวกัน เรนปิดเปลือกตาลง จมูกโด่งสูดรับอากาศยามเช้าอย่างเต็มที่ บ้านสวนหลังนี้เป็นบ้านที่เธอรักอย่างที่สุด เพราะแม่ฝนและคุณยายทวดยังคงรักษาธรรมชาติไว้อย่างดีเยี่ยมและไม่คิดที่จะขายให้ใคร ถึงแม้ว่าจะมีนายทุนหลายๆ คนมาขอซื้อและเสนอราคาให้อย่างงามก็ตามที

อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเรนก็ดังขึ้น ทำให้เจ้าของเครื่องถึงกับสะดุ้งโหยง

“โทรศัพท์บ้า มาดังอะไรตอนนี้ ตกใจหมดเลย” เรนพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะเดินมารับโทรศัพท์ในห้อง แต่พอเห็นชื่อปลายสายที่ปรากฏ ก็ถึงกับแปลกใจนิดๆ

“น้องหญิง มีอะไรหรือเปล่าคะ” เรนทักทายปลายสายด้วยคำถาม

“อรุณสวัสดิ์จ้าเรน” คนที่ถูกตั้งคำถามทักทายกลับมาด้วยเสียงเบามาก จนเรนต้องเงี่ยหูฟังกันเลย

“วันนี้บอกอให้เรนเข้าสำนักพิมพ์แต่เช้า” คำบอกของน้องหญิงที่เป็นเหมือนน้องและก็เป็นเพื่อนสนิทในคราวเดียวกัน ทำให้เรนยิ้มนิดๆ

“อืม เข้าใจแล้ว” เรนตอบรับ “วันนี้ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้าเช้า...เหมือนกัน”

ปลายสายหัวเราะคิกคัก ไม่คิดว่าเรนจะพูดจริง เพราะตั้งแต่รู้จักกัน มีแค่เพียงวันแรกวันเดียวเท่านั้นที่นักเขียนเรนเข้าไปสำนักพิมพ์เช้าตรู่ นอกจากนั้นก็สายจนเป็นที่รู้กันทั้งสำนักพิมพ์

เรนทำหน้างอ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของน้องหญิง “ไม่ต้องมาหัวเราะเลย” เรนทำเสียงเขียว

“แล้วบอกอคนสวยมีอะไรหรือเปล่า” เรนหยุดคิด “น้องหญิงพอรู้ไหม”

น้องหญิงเงียบไป จนเรนนึกสังหรณ์ใจ เพราะตั้งแต่ทำงานกับบอกอมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโทรมาตามกันในเวลาเช้าตรู่ขนาดนี้

“ว่าไงน้องหญิง” เรนถามซ้ำ ถึงกับทำให้ปลายสายได้สติ

“ไม่รู้เหมือนกัน...ขอโทษนะเรน” อ่ะอ้าว แล้วขอโทษทำไมกัน เรนถึงกับทำหน้าย่นเมื่อได้ยินคำนี้จากปลายสาย

“เรนมาแต่เช้าก็แล้วกันนะ...บายจ้า” เรนถึงกับร้องอ้าว เมื่อน้องหญิงเล่นวางสายไปดื้อๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองโทรศัพท์นิ่ง สีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที...มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วล่ะสิ...เรน

ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้จะเจออะไรอีกล่ะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรจะเจออะไรก็ช่าง ยังไงนักเขียนสายรุ้งก็ผ่านมาได้ทุกครั้งนี่น่า จะไปกลัวอะไรอีก คิดปลอบใจตัวเองได้แล้วก็ผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่พอหวนไปคิดเรื่องที่โดนบกกอเอสทำเซอร์ไพรส์เมื่อวานนี้ ก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เพราะยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี

เอ่ หรือว่าวันนี้จะโดนอีกแล้ว...?

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เรนถึงกับสะดุ้งโหยง เห็นปลายสาย ริมฝีปากถึงกับเข่นเคี่ยวเบาๆ

“มีอะไรอีกจ๊ะ...น้องหญิง” ปลายสายหัวเราะ

“เปล่าจ๊ะ แค่อยากมาบอกว่าไปอาบน้ำได้แล้ว” หัวเราะอย่างขำๆ “อย่ามาสายอีกนะ”

น้องหญิงทำเสียงเลียนแบบบอกอคนสวย ก่อนที่จะชิงวางหูไปก่อนที่จะโดนโวยวายใส่ เรนถึงกับหัวเราะ ส่ายหัวให้กับความขี้แกล้งของน้องหญิง
โทรศัพท์ถูกวางไว้ที่หัวเตียงเหมือนเดิม ก่อนที่ร่างบางจะหันกลับมา แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเผชิญหน้ากับร่างที่อยู่ในชุดขาวแบบกะทันหันที่ใกล้กันจนเกือบจะชิด เรนถึงกับสะดุ้งโหยงกระโดดไปไกล ปลายรุ้งหัวเราะ แต่คนที่ตกใจไม่หัวเราะด้วย

“รุ้งน่ะ เล่นอะไร” เรนถามเสียงขุ่น ปลายรุ้งทำหน้าเหรอหรา

“เล่นอะไรกัน เปล่าสักหน่อย” วาจากวนๆ แบบนี้ คุณหนูรุ้งพูดเป็นด้วยหรือนี่

“หือเรน เล่นอะไร คิกๆ” ถามย้ำ มีหัวเราะเยาะซ้ำอีก เรนไม่ตอบคำถามของคนช่างยั่วเย้า แต่มองคนตรงหน้าสลับไปกับต้นไม้ ทำไมลงมาจากต้นไม้เร็วจัง ตัวเธอเองจะปีนขึ้นปีนลง ยังใช้เวลาตั้งนาน แล้วนี่อะไรกัน คนผมหยิกยุ่งเหยิงไม่เข้าใจเอาเสียเลย
ปลายรุ้งรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เป็นคุณหนูเสียอย่างนี้ จะคล่องแคล่วว่องไว จนลงมาจากต้นไม้ โดยที่เรนไม่ทันสังเกตเห็นเชียวหรือ สีหน้าครุ่นคิดของเรนประดุจเหมือนคนใจลอย ปลายรุ้งยื่นหน้านวลผ่องเข้ามาใกล้ๆ พยายามที่จะสบนัยน์ตาของคนช่างสงสัย หวังจะให้เรนตกใจอีกรอบ แต่คราวนี้หญิงสาวรู้ทัน ดวงตาสีน้ำตาลจ้องตอบ พยายามที่จะค้นหาความลับจากนัยน์ตาสีราตรีนั้นบ้าง แต่สิ่งที่เรนค้นพบ กับเป็นความหม่นเศร้าที่คนตรงหน้าพยายามซุกซ่อนไว้
หน้าอกของเรนเจ็บแปบขึ้นมาทันที เรนถึงกับห่อกายเพื่อคลายความเจ็บนั้น ปลายนิ้วเรียวเย็นดุจน้ำแข็งเอื้อมมาสัมผัสหน้าอกข้างที่เจ็บของเรนแผ่วเบา ความเย็นถูกถ่ายทอดเข้ามาในกายอย่างช้าๆ ดวงตาสีนิลเป็นประกายเรืองรองสบนัยน์ตาของคนเจ็บในหัวใจนั่นนิ่ง เรนรู้สึกคล้ายๆ กับจะตกอยู่ในห้วงของความฝัน ไม่แน่ใจกับภาพเลือนรางที่ตัวเองเผชิญอยู่ ความเจ็บนั้นค่อยๆ จางลงทีละนิด จนทุกอย่างสู่สภาวะปกติ สายลมพัดมาวูบหนึ่ง เรนตื่นจากห้วงแห่งภวังค์
สาวน้อยตรงหน้าคลี่ยิ้มเยือกเย็น ยิ้มที่เรนเริ่มคุ้นเคย ผิวขาวเนียนที่เย็นบ้างอุ่นบ้างก็ทำให้เรนคุ้นเคยไปโดยไม่รู้ตัว แค่เพียงวันเดียว แต่ดูเหมือนรู้จักและผูกพันกันมาแสนนาน ถึงแม้เรนจะไม่เข้าใจนัก ว่าทำไมสัมผัสจากเพื่อนสาว ถึงทำให้ความเจ็บของเธอหายไปได้ เรนยิ้มให้ปลายรุ้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองคนตรงหน้าอย่างขอบคุณ
ความหม่นหมองในดวงตาคู่สวยยังไม่จางไป เรนเอื้อมไปกุมมือของคนเศร้าอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่จะพากันไปที่ระเบียง ทั้งคู่นั่งเคียงกันสายตาเหม่อมองผ่านร่มไม้ต้นใหญ่สู่ปลายฟ้าที่อยู่แสนไกล
ต่างคนต่างความคิด....

และนี่เป็นครั้งแรกที่ปลายรุ้งไม่สามารถอ่านใจเรนได้....

เรนปิดเปลือกตาลง เอนกายพิงกับผนังห้องอย่างสบายใจ ปล่อยให้หัวใจล่องลอยไปเรื่อยๆ ฟังเสียงนกต่างทักทายกัน สูดลมหายใจรับอากาศดีดี สายลมแผ่วพลิ้วพัดมาแตะกาย สมาธิของเรนจดจ่ออยู่กับบรรยากาศรอบๆ กาย จนทุกๆ อย่างที่เรนรู้สึกค่อยๆ เลือนราง...และจางหายสู่นิทรา

โอ้เรน...ไหนว่าวันนี้จะเข้าสำนักพิมพ์แต่เช้าไง…?

............

ฝากไว้ให้เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
ยินดีรับคำแนะนำ และพร้อมจะแก้ใขค่ะ

ด้วยรัก

นัฐชา (คือจันทร์สีมุก)
วันที่ 12/2/55
เวลา 10.34 น.



นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.พ. 2555, 10:35:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2555, 10:38:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1626





<< บทที่ 2 ที่พักพิง(ตีพิมพ์-สนพ.สมาร์ทบุ๊ค)   บทที่ 4 จุดเริ่ม(ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ทบุ๊ค) >>
นัฐชา 12 ก.พ. 2555, 10:40:13 น.
สวัสดีค่ะ
เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง ได้ชื่อเรื่องมาแล้วค่ะ
"เสน่หา ซาตานลวง"
นามปากกา "คือจันทร์สีมุก"

ฝากไว้ให้ช่วยเป็นกำลังใจด้วยนะคะ ขอบคุณๆๆนะคะ

นัฐชา 12/2/55


ชามาณัฎฐ์ 13 ก.พ. 2555, 09:11:45 น.
อะแฮ่ม มายินดีกับสังกัดเดียวกัน นามปากกาน่ารักดีค่ะ


นัฐชา 13 ก.พ. 2555, 12:59:33 น.
ขอบคุณคร่าชามาณัฎฐ์
นามปากกาของชามาก็น่ารักค่ะ แปลกๆดี อิอิ

ดีใจๆๆ สังกัดเดียวกัน


ขวัญดาว 15 ก.พ. 2555, 00:07:45 น.
พี่นัฐ สู้ๆๆ


นัฐชา 15 ก.พ. 2555, 05:38:11 น.
ขอบคุณน้องขวัญนะคะ สู้ๆๆค่ะ
คิดถึงจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account