สุดฝั่งฝัน
ความฝันของเขาคือการได้พบกับน้องชายที่พลัดพราก หากเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องทะเลลึกของเด็กชายตัวน้อยในอดีต บัดนี้กลับระอุไปด้วยเพลิงแค้น สุดปลายทางความฝันของเขาจะเป็นเช่นไร จะมีทางหรือไม่ที่จะได้น้องชายคนเดิมกลับมา
Tags: ซึ้ง ดราม่าเล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 8

8…

เกเบรียลลามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไป เธอยกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่กำลังจะหยดลงมา ไม่ใช่เวลาจะมามัวโกรธหรือโมโห เธอต้องตั้งสติและคิดหาทางช่วยแอนดรูว์ หญิงสาวครุ่นคิด อะไรที่ทำให้นิโคลัสโกรธแค้นพี่ชายถึงเพียงนี้ ถ้าเพียงแต่เธอรู้คำตอบก็คงจะดี เธอตัดสินใจรวบกระโปรงที่ยาวระพื้นขึ้น คำกล่าวที่ว่า ‘เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ’ นั้นจริงหรือไม่ เดี๋ยวคงจะได้รู้กัน แม้เธอจะไม่มั่นใจเลยว่าคำกล่าวนี้จะใช้ได้กับนิโคลัส แต่เกเบรียลลาก็ออกเดินและเร่งฝีเท้าตามร่างสูงนั้นไป

มือบางกระแทกประตูรถปิดดังปัง ก่อนที่ร่างของนิโคลัสจะทันได้ก้าวเข้าไปข้างใน แบรนดอนรีบหันไปมองเจ้านาย เพราะหากเป็นคนอื่นเขาคงเป็นคนจัดการเองไปแล้ว แต่เมื่อคราวนี้เป็นคุณหมอเกเบรียลลา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจไม่ถูก นิโคลัสส่งสัญญาณให้แบรนดอนเข้าไปในรถได้ นั่นหมายความว่าเขาจะเป็นคนจัดการกับหญิงสาวเอง

นิโคลัสยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างใจเย็น เมื่อมองร่างบางที่อยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย ยิ้มนั้นจึงอ่อนโยนขึ้นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้

“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคุณหมอ”

“ฉันอยากจะขอคุยด้วยสักหน่อย”

ชายหนุ่มหัวเราะ “ได้สิครับ พี่สะใภ้สุดสวยของผม”

เกเบรียลลาถอนหายใจ จะมีสักครั้งไหมนะที่ผู้ชายคนนี้จะเลิกกวนประสาทบ้างสักนาที “ที่คุณทำมาทั้งหมดนี้ ต้องการอะไรกันแน่คะ” เธอถามเสียงเรียบ พยายามจะไม่ใช้อารมณ์

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร ใครทำผิด คนนั้นก็ต้องได้รับโทษ จริงไหมครับ”

“คุณก็รู้ว่าเขาไม่ได้ทำ!” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียง

“งั้นก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน” นิโคลัสยักไหล่แล้วเอื้อมมือจะไปเปิดประตูรถ หากมือเล็กบางรีบคว้าหมับไปที่ข้อมือหนาเพื่อห้ามการกระทำนั้น

“สนุกนักเหรอกับการแกล้งคนอื่นแบบนี้ ทั้งที่เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง” ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างขัดใจ เธอตั้งใจจะมาพูดจาดี ๆ กับเขาแท้ ๆ

นิโคลัสจับมืออีกฝ่ายออกแล้วเปิดประตูรถออกกว้าง ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้างามแล้วขยับยิ้มที่มุมปาก

“ใช่...แล้วผมก็เพิ่งนึกเรื่องสนุกอีกอย่างหนึ่งได้”

พูดจบชายหนุ่มก็ดันร่างโปร่งบางเข้าไปในรถทันที เขารวบกระโปรงที่ยังเกะกะอยู่บริเวณประตูรถเข้าไปด้านใน ก่อนที่ตัวเองจะผลุบตามเข้าไปนั่งแล้วปิดประตูลง

“นี่คุณ จะทำอะไรน่ะ” เกเบรียลลาถามด้วยความตกใจ เธอรีบกระเถิบถอยเข้าไปชิดด้านในเมื่อร่างสูงใหญ่ตามเข้ามา หญิงสาวปัดปอยผมที่หลุดลงมาเกะกะนัยน์ตาออกแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตระหนก

“ก็เรื่องสนุกของผม ขอโทษด้วยละกัน...พี่สะใภ้” นิโคลัสคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างไขว้ไปด้านหลัง ไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดขืน เขาโอบร่างบางเข้ามาปะทะอ้อมอกกว้างเมื่อหญิงสาวดิ้นมากขึ้น

“ปล่อยนะ!” เกเบรียลลาตวาดแว้ด

“หยุดดิ้นเถอะ เสียแรงเปล่า” ชายหนุ่มดุกลับด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง เขายังจ้อง

หน้านวลที่แดงก่ำจากความโกรธและการออกแรง ขณะที่เอ่ยสั่งลูกน้อง “แบรนด์ ส่งเนคไทมาซิ”

นิโคลัสรวบข้อมือทั้งสองข้างของเกเบรียลลาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อเอื้อมมืออีกข้างไปรับเนคไทที่แบรนดอนรีบถอดออกจากคอส่งมาให้ เขาพันผ้าเส้นนั้นไปรอบข้อมือหญิงสาวและผูกอย่างแน่นหนา ก่อนจะขยับออกห่างเล็กน้อย

ชายหนุ่มมองดวงตาคมสวยที่จ้องมาอย่างเอาเรื่องนั้นแล้วเกือบจะยิ้ม เธอจะรู้ตัวไหมว่า ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอสวยมากยามเมื่อจ้องมองมาที่เขา หากนิโคลัสรีบหยุดตัวเองไว้ทันและทำหน้าเข้มขรึมใส่อีกฝ่าย

“ไปแฮมไชร์” เขาสั่งแบรนดอน แล้วหันกลับมามองหญิงสาวแว่บหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากรถ

“เดี๋ยว ไม่นะ” เกเบรียลลารีบขยับตาม หากไม่ทัน เมื่อประตูรถนั้นปิดลงตรงหน้า จังหวะเดียวกับที่เสียงรถถูกสตาร์ทขึ้น

“นี่ เดี๋ยว” คราวนี้เธอหันไปทางคนขับรถที่นิโคลัสเรียกว่าแบรนด์ หากอีกฝ่ายดูจะไม่สนใจ เมื่อเขาเคลื่อนรถออกไปจากบริเวณโบสถ์ และยังคงขับต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็ว

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ยิ่งทำแบบนี้เจ้านายคุณก็จะยิ่งทำผิดมากขึ้น” คุณหมอสาวพยายามอ้อนวอน

“...”

เกเบรียลลาถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงเบาะรถอย่างอ่อนแรง เธอรู้สึกเหมือนกำลังพูดกับก้อนหินหรือต้นไม้ เมื่อไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากคนด้านหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว


แอนดรูว์มองหลักฐานการแจ้งจับซึ่งเป็นลายเซ็นอนุมัติของตัวเองนิ่งนาน ลายเซ็นนั้นเป็นของเขาเองไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าที่ตนยอมโง่เซ็นโดยไม่อ่านรายละเอียดนั้นเพราะอะไร ดวงตาคู่สวยหม่นเศร้าลง ในใจรู้สึกเจ็บอยู่ลึก ๆ ยากจะบรรยาย เพียงไม่นานนี้เองที่เขารู้สึกเหมือนได้น้องชายตัวน้อยคืนมา หากแล้วเขากลับต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนิโคลัส ทั้งที่เขาเองก็รู้สึกได้ตั้งแต่วันแข่งขันโปโล แต่เขาก็ยังหลอกตัวเอง การชักม้ากลับในวินาทีสุดท้ายของผู้เป็นน้องทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายยังมีเยื่อใยความเป็นพี่น้องหลงเหลืออยู่บ้าง นั่นทำให้เขาไม่ระวังตัว

ชายหนุ่มหันไปมองสีหน้าสำนึกผิดของโรเจอร์แล้วถอนใจออกมาเบา ๆ นิคกี้เลือดเย็นกว่าที่คิด เมื่อกล้าใช้น้าแท้ ๆ เป็นเครื่องมือมาทำลายพี่ชายตัวเอง ซ้ำยังเลือกลงมือในวันสำคัญที่สุดของเขาอีกด้วย

“แอนดรูว์ น้า..น้าขอโทษจริง ๆ น้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”

“ช่างเถอะครับ” แม้จะเสียความรู้สึกกับการกระทำของน้าชาย แต่แอนดรูว์รู้ดีว่าโรเจอร์ก็เป็นแค่เหยื่อคนหนึ่งของนิคกี้เหมือนกัน เขาหันไปหาผู้เป็นทนาย “พอจะมีทางทำอะไรได้บ้างไหม”

“ยากครับ นอกจากเราจะสู้เรื่องที่คุณถูกหลอกให้เซ็น แต่ความผิดก็จะไปตกอยู่ที่คุณโรเจอร์แทน” ทนายความตอบ

โรเจอร์หน้าซีดเผือดจนแอนดรูว์อดสงสารไม่ได้ เรื่องจะโยนความผิดไปให้น้าชายรับผิดชอบผู้เดียว เขาคงทำไม่ลง

“ถ้าเกิดว่าผมจะยอมจ่ายในส่วนที่หายไปจากบัญชีล่ะ พอจะมีทางไหม”

ผู้เป็นทนายพยักหน้า “คดีนี้ยอมความกันได้นะครับ ถ้าคุณยอมจ่าย ก็ลองคุยกับพวกผู้ถือหุ้นดู”

หลังจากปรึกษาทนายแล้ว แอนดรูว์กับโรเจอร์จึงเดินทางไปยังบริษัทเพื่อพบกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนกับนายเอ็ดเวิร์ดผู้เป็นบิดา ทั้งคู่เพิ่งมาถึงบริษัทหลังกลับจากไปร่วมงานแต่งงานของเขาเองเช่นกัน

“เรื่องคดียักยอก เราเชื่อใจเธอนะแอนดรูว์ว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นที่นี่อีกแล้ว” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งพูด

“อะไรนะครับ”

“เราเพิ่งขายหุ้นในบริษัทนี้ไปเมื่อวานนี้เอง”

“โดยที่ไม่บอกผมสักคำเนี่ยนะ!” แอนดรูว์พยายามระงับอารมณ์โกรธอย่างยากเย็น นี่หรือเรียกว่าเชื่อใจกัน ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถามต่อ “ใครครับ”
ผู้ถือหุ้นทั้งสองมองหน้ากันท่าทางอึกอัก ก่อนจะมีคนหนึ่งยอมตอบ “นิโคลัส เกรแฮม”

แอนดรูว์แค่นเสียงอยู่ในลำคอ ทำไมเขาถึงไม่แปลกใจเลยสักนิดนะ

“อาขายหุ้นของเคลย์ตันให้เกรแฮมอย่างงั้นเหรอครับ ถ้าคุณพ่อรู้ คงซาบซึ้งมาก”

“อารู้ว่าเราทำผิดต่อเธอและเอ็ดเวิร์ด แต่อาก็อยากให้เธอเข้าใจเราด้วย เกรแฮมบีบเราทุกทาง” ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจแล้วพูดต่อ “เธอสองคนลองคุยแล้วปรับความเข้าใจกันซะเถอะนะ ยังไงพี่น้องมันก็ตัดกันไม่ขาดหรอก” คนพูดบีบบ่าแอนดรูว์เบา ๆ อย่างเห็นใจก่อนจะเดินออกไป

แอนดรูว์ขบกรามแน่น ใช่ พี่น้องมันตัดกันไม่ขาด แต่ถ้าคนหนึ่งเป็นเคลย์ตันและอีกคนหนึ่งเป็นเกรแฮม มันก็ยากเหลือเกิน

โรเจอร์เดินเข้ามาหาหลานชาย ใบหน้าเผือดซีดลงกว่าเดิม “เราจะทำยังไงกันดี”

“คงไม่มีทางแล้วล่ะครับ ตอนนี้นิคกี้คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเคลย์ตัน” ชายหนุ่มตอบแล้วหันหลังเดินกลับออกไป


แอนดรูว์แยกกับน้าชายแล้วจึงเดินทางมาที่บ้านของนายแพทย์โทมัสเพื่อรับตัวเกเบรียลลาผู้เป็นเจ้าสาวกลับคฤหาสน์เคลย์ตัน เขาจอดรถที่หน้าบ้านหญิงสาว ก่อนจะเอนกายพิงเบาะรถแล้วยกมือขึ้นบีบนวดเบา ๆ บริเวณหว่างคิ้ว วันนี้เป็นวันที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขาจริง ๆ

ชายหนุ่มมองเข้าไปในบ้าน ดวงตาสีเทาอ่อนแสงลง

“ผมดึงคุณมาลำบากด้วยหรือเปล่านะแก๊บบี้...ที่รักของผม” เสียงทุ้มพึมพำ

แอนดรูว์ก้มหน้าลง ก่อนจะตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างใน เมื่อพบพ่อและแม่ของหญิงสาว เขาก็ถามหาเกเบรียลลาทันที

“แก๊บบี้ล่ะครับ”

ทั้งคู่กลับมีสีหน้างุนงง “ไม่ได้อยู่กับเธอหรอกหรือ”

“ไม่นี่ครับ ผมต้องไปทำธุระเลยบอกให้แก๊บบี้กลับมากับคุณสองคนก่อน แล้วผมจะตามมารับที่นี่”

“ตายจริง แล้วแก๊บบี้หายไปไหน” ผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นทาบอก สีหน้าตกใจ
แอนดรูว์เองก็ใจหายเหมือนกัน แต่เขารีบปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยปลอบ

“ถ้างั้นอาจจะอยู่ที่บ้านผมก็ได้ครับ”

ชายหนุ่มรีบออกจากบ้านของเกเบรียลลา เขาขับรถกลับคฤหาสน์เคลย์ตันด้วยความร้อนใจ หากกลับไปแล้วไม่พบหญิงสาว เขาจะทำอย่างไรดี


เกเบรียลลาขยับตัวอย่างอึดอัดพลางแช่งชักหักกระดูกนิโคลัสอยู่ในใจ ตอนนี้แขนทั้งสองข้างปวดเมื่อยไปหมด คนข้างหน้าก็ยังคงขับรถต่อไปด้วยความเงียบกริบ หญิงสาวพยายามมองสองข้างทางเพื่อจดจำเส้นทาง แต่ดูจะไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อเธอไม่สามารถติดต่อกับใครได้

หญิงสาวรู้สึกได้ว่าทัศนียภาพทั้งสองข้างทางเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นชนบทขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งคนขับเลี้ยวรถเข้าสู่เขตกำแพงใหญ่ รถยนต์ยังคงแล่นเข้าไปด้านในเรื่อย ๆ จนหยุดสนิทหน้าคฤหาสถ์หลังใหญ่ที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณอย่างสวยงาม

แบรนดอนลงมาเปิดประตูให้คุณหมอสาว เขาช่วยประคองเธอลงจากรถอย่างสุภาพ เมื่อมือทั้งสองข้างของเธอยังถูกพันธนาการเอาไว้

“ที่นี่ที่ไหน” เกเบรียลลาหันไปถาม

“บ้านของคุณนิคครับ”
หญิงสาวเกือบถอนใจกับคำตอบของอีกฝ่าย ที่ไม่ได้ให้ความกระจ่างใด ๆ หากอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้กำลังพูดอยู่กับคนใบ้ล่ะ

เกเบรียลลาเดินตามแบรนดอนเข้าไปข้างใน เธอค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินอย่างระวัง เมื่อไม่สามารถใช้มือทั้งสองจับกระโปรงที่ยาวระพื้นนั้นขึ้นได้

ลูกน้องของนิโคลัสพาเธอเดินขึ้นไปชั้นบนและตรงไปยังห้อง ๆ หนึ่ง หญิงสาวหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเมื่อเห็นว่าข้างในนั้นเป็นห้องนอน

“เข้ามาสิครับคุณหมอ”

เมื่อเห็นเกเบรียลลายังยืนเฉย แบรนดอนจึงเดินกลับไปรุนร่างบางของคุณหมอสาวเบา ๆ เพื่อให้เดินเข้าไปด้านใน จากนั้นเขาจึงแก้มัดให้เธอ

หญิงสาวยืดแขนที่กำลังเป็นเหน็บชาเพื่อคลายความปวด เธอหันหลังกลับหน้าตาตื่น เมื่อได้ยินเสียงคลิกเบา ๆ ดังขึ้น เกเบรียลลารีบรวบกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู เธอหมุนลูกบิดไปมาจึงรู้ว่าประตูนั้นถูกล็อคไปแล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นทุบไปที่บานประตู

“เดี๋ยว! กลับมาก่อน ได้โปรด อย่าขังฉันไว้แบบนี้”

เกเบรียลลาร้องเรียกจนเจ็บคอ แต่ไม่มีใครกลับมา นอกจากเสียงของเธอเองแล้ว ทุกอย่างเงียบสนิท หญิงสาวปล่อยมือลงข้างกายเหมือนคนหมดแรง ก่อนจะเดินลากเท้าไปนั่งลงบนเตียงกว้างแล้วมองไปรอบห้อง ทุกอย่างถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมขรึมดูเป็นผู้ชายอย่างยิ่ง หากห้องนี้ดูน่าจะเป็นห้องนอนว่างมากกว่า เมื่อไม่มีร่องรอยถูกใช้มาก่อน

หญิงสาวก้มลงมองตัวเองแล้วก็อยากเปลี่ยนชุดรุ่มร่ามนี้ออก แต่เธอไม่มีเสื้อผ้าอะไรติดตัวมาด้วยเลย เกเบรียลลาลองเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้า แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอจึงทำได้เพียงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา


แอนดรูว์วิ่งเข้าไปด้านในคฤหาสน์เคลย์ตันพลางร้องเรียก

“แก๊บบี้!...แก๊บบี้ครับ คุณอยู่นี่หรือเปล่า”

ชายหนุ่มเดินเรียกไปทั่วบ้าน กระทั่งเห็นเจนนิ่งส์เดินตรงมา เพราะได้ยินเสียงของเจ้านายหนุ่ม

“เจนนิ่งส์ แก๊บบี้มาที่นี่หรือเปล่า”

“ไม่นี่ครับ ผมยังไม่เห็นมีใครกลับมาเลย”

เมื่อได้ยินคำตอบ ใจแอนดรูว์หล่นวูบ แก๊บบี้หายไปจริง ๆ ชายหนุ่มหยุดคิด ครั้งสุดท้ายที่เห็นเกเบรียลลาคือที่โบสถ์ หลังพิธีแต่งงาน พอนึกถึงแววตาเข้มกระด้างและรอยยิ้มเย็นของน้องชายขึ้นมา ร่างสูงก็แทบจะวิ่งพรวดกลับออกไปในทันที
แอนดรูว์จอดรถพรืดที่หน้าประตูคฤหาสน์เกรแฮม เขาลงจากรถพร้อมกับที่คนเผ้าประตูรีบกรากเข้ามาขวางหน้าเอาไว้

“เข้าไม่ได้นะครับ”

“ไปเรียกเจ้านายเธอมา” ชายหนุ่มสั่ง

“วันนี้เจ้านายไม่รับแขก” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ

“ไปเรียกนิโคลัสมา...เดี๋ยวนี้!” แอนดรูว์ตะคอกเสียงห้วน หากคนตรงหน้าก็ยังยืนขวางปักหลักนิ่ง เขาเกือบจะเข้าไปกระชากคอหอยของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ถ้าลูกน้องคนหนึ่งของน้องชายจะไม่เดินออกมาพอดี

ไซม่อนพยักหน้าให้ผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูคฤหาสน์ถอยกลับไป ก่อนจะหันกลับมาหาแขกผู้มาเยือน

“เชิญข้างใน” ชายหนุ่มเอ่ย เขาลอบมองผู้เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเจ้านายอย่างพิจารณา คุณนิคคาดการณ์ถูกจริง ๆ ว่าอีกไม่นานแอนดรูว์ เคลย์ตันจะต้องวิ่งหน้าเริ่ดมาถึงนี่แน่ กล้าดีเสียด้วยที่มาคนเดียวแบบนี้

ประกายกระด้างในดวงตาสีเทาสวยจางลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญ ร่างสูงเดินตามเจ้าถิ่นเข้าไปข้างใน เขาพบน้องชายกำลังนั่งแกว่งคลึงแก้วบรั่นดีในมือเล่นก่อนจะยกขึ้นดื่มไปอึกหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นดวงตาคมปลาบที่เต็มไปด้วยแววเย้ยหยันจึงเหลือบขึ้นมอง

“ทำอะไรหายหรือดรูว์”

กรามแข็งแรงบดกันแน่น คำทักทายของนิคกี้บ่งบอกทุกอย่างชัดเจน

“แก๊บบี้อยู่ไหน” ผู้เป็นพี่ข่มอารมณ์ถาม

นิโคลัสยิ้มกวน “อ้อ ที่แท้ก็เจ้าสาวหาย มิน่าล่ะ ถึงได้วิ่งหางชี้มาถึงนี่”

“นิโคลัส! ระวังคำพูดนายหน่อยนะ” แววกระด้างในดวงตาของแอนดรูว์ประทุขึ้นอีกครั้ง

ผู้เป็นน้องวางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะรับแขกด้วยอาการเกียจคร้าน ก่อนที่ร่างสูงจะยืนขึ้นประจันหน้ากับพี่ชาย “นายจะทำไมฉันล่ะ”

แอนดรูว์กระชากคอเสื้อนิโคลัสเข้ามา “นายอยากจะทำลายฉันหรือทำลายเคลย์ตันยังไงก็ได้ แต่อย่าดึงแก๊บบี้เข้ามาเกี่ยว เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”

นิโคลัสยิ้มด้วยความสนุกเมื่อเห็นอารมณ์โกรธที่หาได้ยากของอีกฝ่าย “พูดเรื่องอะไรของนาย” ชายหนุ่มดึงคอเสื้อออกจากมือของพี่ชาย “เมียหายก็ไปตามหาเอาสิ หรือเรื่องแค่นี้ แอนดรูว์ เคลย์ตันไม่มีปัญญา”

แอนดรูว์ขบกรามและกำหมัดแน่นกับคำดูแคลนของน้องชาย ชายหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง พยายามอดกลั้นกับความกวนของนิโคลัส ท่าทางนิคกี้ไม่ยอมบอกอะไรแน่ ถ้าอย่างนั้นเขาคงต้องค้นหาเอาเอง ชายหนุ่มคิดแล้วตะโกนเรียกเกเบรียลลาดังก้องไปทั่ว

“แก๊บบี้...แก๊บบี้” แอนดรูว์เรียกพร้อมขยับ หมายจะเดินลึกเข้าไปด้านใน

“ห้ามเข้า!” เสียงห้วนกระด้างดังขัดขึ้น

“แสดงว่าแก๊บบี้อยู่ที่นี่สินะ” คนเป็นพี่หันกลับมา

“เปล่า” นิโคลัสตอบเสียงเรียบ

“แล้วทำไมต้องห้าม”

ผู้เป็นน้องเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก “เพราะฉันจะไม่ยอมให้เคลย์ตันหน้าไหน มาเดินกร่างไปทั่วเกรแฮม”

แอนดรูว์แค่นเสียงในลำคออย่างเหนื่อยใจ “อย่าให้พี่ต้องกลับมาพร้อมกับหมายค้นเลย”

นิโคลัสกระตุกยิ้ม “ก็เอาสิ ถ้าไม่กลัวข่าวฉาว”

“พี่ไม่แคร์” ผู้เป็นพี่ตอบ พยายามจะใจเย็น

“น่าสงสารคุณหมอคนสวย ต่อไปจะสู้หน้าคนในสังคมยังไงนะ น้องลากมา พี่ลากไป ฉาวยิ่งกว่าตอนแม่เราอีก นายว่าไหม” นิโคลัสเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ

พลั่ก! เสียงกำปั้นของแอนดรูว์กระแทกเข้าที่กรามของคนเป็นน้องเต็มแรง ส่งผลให้ดวงตาคมสีน้ำเงินลุกโชนขึ้น ก่อนที่หมัดตรงของนิโคลัสจะสวนกลับไปที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของแอนดรูว์ เต็มแรงจนหน้าของอีกฝ่ายสะบัดหงายไปเหมือนกัน

ไซม่อนที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่างนัก รีบวิ่งเข้ามาล็อคแขนของแอนดรูว์เอาไว้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้สวนอีกหมัดใส่น้องชายตัวเอง

“ปล่อยมันมา” นิโคลัสสั่งแล้วยกมือขึ้นแตะรอยเลือดที่มุมปาก เตรียมจะบู๊แหลกกับพี่ชายตัวเองเต็มที่

แอนดรูว์สะบัดแขนออก ดวงตาคมเหลือบมองน้องชายแว่บหนึ่งแล้วหันหลังเดินกลับออกไป ชายหนุ่มอยู่ต่อไม่ได้แม้อีกแค่เพียงวินาทีเดียว ความอดทนที่เคยมีมากมายของตนกำลังจะหมดลง และเขาก็ไม่เคยต้องการจะทำร้ายนิคกี้เลยจริง ๆ
ชายหนุ่มเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บอยู่ในเสื้อสูทแต่งงานขึ้นมาเช็ดเลือดที่หยดแหมะลงมาจากจมูก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“สั่งคนของเราให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของนิโคลัส เกรแฮมตลอดเวลา รวมถึงพวกลูกน้องทุกคนด้วย”

หลังได้ยินคำตอบรับจากปลายสายแล้ว แอนดรูว์โยนโทรศัพท์ลงที่เบาะอีกข้าง ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณคฤหาสน์เกรแฮม


เมื่อแอนดรูว์ไปแล้ว ไซ่ม่อนนำรถมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์อย่างนุ่มนวลตามคำสั่งของนิโคลัส เขาดับเครื่อง ก้าวลงจากรถแล้วยื่นกุญแจส่งให้ผู้เป็นนาย

“มีใครจับตาดูเราอยู่ไหม” นิโคลัสถามพร้อมกับรับกุญแจมา

“ครับ มีคนซุ่มอยู่รอบนอก” ไซ่ม่อนตอบ

นิโคลัสยิ้ม เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องมาไม้นี้ วันนี้ชายหนุ่มจึงจงใจเลือกบีเอ็มดับบลิวแทนที่ปอร์เช่ซึ่งมักใช้เป็นประจำ เป็นเพราะแอนดรูว์ใช้รถยี่ห้อนี้ ดังนั้นถ้าจะไล่ล่ากันให้สนุก วัดกันที่ฝีมือจริง ๆ มันต้องใช้รถที่เหมือน ๆ กัน

“เดี๋ยวนายกับลูกน้องอีกสักสี่ห้าคนขับรถออกไปพร้อมกับฉัน” ชายหนุ่มยิ้มเยือกเย็นอีกครั้ง “เราจะออกไปเล่นกับแอนดรูว์ เคลย์ตันกัน”


รถยนต์ห้าคันแล่นออกจากคฤหาสน์เกรแฮมตามกันไปเป็นขบวน นิโคลัสขับนำอยู่คันหน้าสุด จนเมื่อขับออกไปได้สักพัก ชายหนุ่มมองไปที่กระจกข้าง บีเอ็มดับบลิวสีบรอนซ์เงินของแอนดรูว์กำลังบึ่งตามมาด้านหลัง เขายิ้มแล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องแยกกันไปคนละทาง

แอนดรูว์มองรถทั้งห้าคันที่กำลังแยกย้ายกันไป คันไหนกันแน่ที่เป็นนิโคลัส ปอร์เช่คันหนึ่งขับแยกไปทางขวา เขาเริ่มลังเล สุดท้ายชายหนุ่มตัดสินใจพุ่งตามบีเอ็มดับบลิวสีดำปลอดที่อยู่หน้าสุดไป เพราะแม้จะต้องพรากจากกันนานถึงสิบเก้าปีเต็ม หากเขายังจำได้ดี ตั้งแต่เด็กแล้ว นิคกี้ไม่ชอบตามหลังใคร

เมื่อลูกน้องของแอนดรูว์เห็นผู้เป็นนายขับตามรถคันหน้าสุดไป พวกเขาจึงแยกย้ายกันตามคันอื่น ๆ ที่เหลือ

นิโคลัสมองรถพี่ชายที่กำลังเร่งความเร็วตามมา

“เก่งเหมือนกันแฮะ” ชายหนุ่มเอ่ยชม ทั้งที่เขาใช้แผนหลอกล่อแล้ว แต่แอนดรูว์ไม่ยักหลงกล

“แต่ถ้าอยากตามฉันให้ทัน เก่งอย่างเดียวไม่พอ นายต้องบ้าด้วยดรูว์” นิโคลัสขยับยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

ต่อมาชายหนุ่มต้องยอมรับว่าฝีมือการขับรถของพี่ชายไม่ใช่ย่อย เมื่อจนเข้ามาถึงใจกลางเมืองแล้วเขายังสลัดแอนดรูว์ไม่หลุด


แอนดรูว์เร่งความเร็วมากขึ้นตามรถคันข้างหน้า ก่อนจะสบถเสียงดังเมื่อรถของน้องชายหักหลบวูบ ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน ชายหนุ่มรีบหักพวงมาลัยหลบตาม ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อหลบพ้นร่างของเด็กคนนั้นมาได้อย่างเฉียดฉิว เกือบไปแล้ว

เขานึกโกรธนิคกี้ขึ้นมาทันที ถึงนิโคลัสจะหลบทัน แล้วหากรถของตัวเขาเองหลบไม่ทันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น นี่น้องชายของเขาเห็นชีวิตคนเป็นอะไร

ชายหนุ่มยังเหยียบคันเร่งตามรถคันหน้าต่อไป แม้จะอยู่ในเมืองที่มีรถพลุกพล่านเต็มถนน แต่นิคกี้ก็ยังขับรถเร็วมากจริง ๆ แอนดรูว์ยิ้มเมื่อเห็นสัญญาณไฟตรงแยกหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากำลังจะแตะเบรก ขณะที่รถของน้องชายยังตะบึงไปข้างหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลง ชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ เมื่อรถของนิโคลัสพุ่งทะยานฝ่าไฟแดงข้ามแยกไป รถอีกฝั่งทั้งสองด้านเบรกกันจนเสียงล้อดังสนั่นไปทั่ว

แอนดรูว์หยุดอยู่หน้าไฟแดง เพิ่งรู้ตัวว่ากลั้นหายใจตลอดเวลาที่มองเหตุการณ์เมื่อสักครู่ และโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ปล่อยให้นิโคลัสหลุดไปได้ น้องชายเขาบ้าบิ่นกว่าที่คิดมากนัก นอกจากจะไม่สนใจชีวิตคนอื่นแล้ว นิคกี้ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า ไม่ห่วงชีวิตตัวเองเช่นกัน


นิโคลัสชะลอความเร็วแล้วหันไปมอง แอนดรูว์ยังติดอยู่ที่แยก

“นั่นนายยังบ้าไม่พอดรูว์”

ชายหนุ่มยิ้มเย้ยหยัน แล้วขับรถต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามหลังมา เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังนอกเมือง กระทั่งเข้าสู่เขตแฮมไชร์ นิโคลัสจอดรถด้านหน้าตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาลงจากรถแล้วโยนกุญแจให้แบรนดอนที่ยืนรอรับ

“เป็นยังไงบ้าง”

“อยู่ที่ห้องนอนแขกทางปีกขวาครับ ผมล็อคกุญแจเอาไว้”

ผู้เป็นนายพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน


เกเบรียลลาลองเปิดประตูระเบียงออกไป เธอเริ่มมีความหวังเมื่อประตูนั้นไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ หญิงสาวก้าวออกไปยังบริเวณระเบียง เธอก้มลงมองไปด้านล่างแล้วก็ถอนหายใจ ระเบียงนี้อยู่สูงเกินกว่าจะปีนลงไปได้ คุณหมอสาวมองเลยไปข้างหน้า ทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจีช่างเป็นทัศนียภาพที่งดงามยิ่งนัก ถ้าเพียงแต่ที่นี่จะไม่ใช่บ้านของนิโคลัสก็คงจะดี เธอเห็นคนงานกำลังพาม้าหลายตัวไปวิ่งออกกำลังกายกันอยู่ที่ท้องทุ่งแห่งนั้น หญิงสาวเหลือบไปด้านขวา จึงเห็นว่าบริเวณนั้นมีคอกม้าอยู่ด้วย
ร่างโปร่งบางหันกลับมาแล้วเกือบสะดุ้งเมื่อเห็นคนตัวสูงยืนพิงขวางอยู่เต็มประตู เขาเข้ามาเมื่อไหร่กัน ทำไมเธอถึงไม่ได้ยินเสียงเลย

“หิวหรือยัง” นิโคลัสถามขึ้น

“คุณจะมาสนใจทำไม” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ

ชายหนุ่มยิ้ม “ก็จะได้มีแรงปีนระเบียงลงไปไง”

เกเบรียลลาเม้มปากแน่น เขากำลังแกล้งหยอกล้อเธอเล่นด้วยความสนุก หญิงสาวนึกหมั่นไส้ใบหน้าหล่อเหลานั้นเหลือกำลัง

“ถึงฉันจะไม่มีแรง ฉันก็จะหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้” คุณหมอสาวประกาศด้วยดวงตาท้าทาย

นิโคลัสยักไหล่ “ก็ตามใจคุณ ถึงผมอยากจะเตือนด้วยความหวังดีว่ามันเสียเวลาเปล่า”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง ชายหนุ่มจึงขยับจากท่ายืนพิงประตูเข้าไปคว้าข้อมือบาง

“ไปเถอะ ผมหิวแล้ว”

“หิว คุณก็ไปกินสิ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” หญิงสาวแหวพร้อมกับสะบัดแขนออก

“ไม่ไปแน่นะ” คนตัวโตกว่าถามย้ำ

“ใช่ ไม่ไป” เกเบรียลลาตอบแล้วยืนเชิดคางปักหลักนิ่งอย่างดื้อดึง

ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วร่างบางอย่างเปิดเผย นิโคลัสขยับเข้าไปหาหญิงสาวมากขึ้นแล้วยิ้ม

“งั้นถ้าเราไม่กินข้าวกัน เราก็ทำอย่างอื่นกันดีกว่า”

“จะทำอะไร ออกไปนะ” คุณหมอสาวถอยกรูด ดวงตาคมหวานเบิกกว้างขึ้นด้วยความตระหนก เกเบรียลลาตัดสินใจวิ่งไปที่ประตูเมื่อมองเข้าไปในความเข้มลึกของดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น หากแขนของเธอถูกคว้าเอาไว้แล้วดึงเข้าไปปะทะอกกว้าง พร้อมกับที่อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดไปรอบร่างบาง หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของอีกฝ่าย

“หยุด!” เสียงเข้มกระด้างสั่งขึ้น และได้ผลเมื่อร่างในอ้อมแขนนั้นหยุดนิ่งทันที
นิโคลัสก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเงยหน้าขึ้นจ้องมาที่ตน ริมฝีปากบางได้รูปขบกันแน่นจนเขากลัวแทนว่าจะช้ำ แก้มใสไร้เครื่องสำอางใด ๆ นั้นเนียนละเอียดจนชายหนุ่มห้ามใจไม่อยู่ กระทั่งเผลอก้มลงไปสูดดมความหอมหวานจากนวลแก้มนั้นอย่างลืมตัว

ใบหน้าคมหวานเบี่ยงหลบ เขาจึงซุกไซ้ไปที่ซอกคอหอมละมุนนั้นแทน นิโคลัสตวัดร่างเล็กบางขึ้นอุ้มไว้ในวงแขนท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตกใจของอีกฝ่าย หากเขาไม่สนใจ กลับเดินไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะลดร่างบอบบางในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

“นิโคลัส อย่าค่ะ” เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับความนุ่มของที่นอน คุณหมอสาวก็รีบยกมือหนึ่งขึ้นยันอกแกร่งเอาไว้

“ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงทุ้มพร่า และดูจะไม่สนใจคำตอบ เขาจับมือหญิงสาวออกจากอกกว้างและประทับจุมพิตไปตรงกลางฝ่ามือนุ่ม ริมฝีปากอุ่นจัดจูบพรมระเรื่อยจากซอกคอหอมกรุ่นไปยังเนินอกอิ่ม ก่อนจะวกกลับมาประทับไปที่กลีบปากบาง

มือแข็งแรงที่กำลังลูบไล้ขึ้นมายังต้นขาเนียนทำให้เกเบรียลลาได้สติ เธอยกมือทั้งสองข้างดันใบหน้าคมคายขึ้น ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง กระทั่งเกเบรียลลาเพิ่งสังเกตเห็นรอยช้ำที่มุมปากของเขา นิโคลัสคงไปมีเรื่องกับใครมาแน่ ซึ่งเธอหวังว่าจะไม่ใช่แอนดรูว์ หญิงสาวหลบประกายตาคมก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบาหวิว

“เพราะฉันเป็นภรรยาพี่ชายคุณ”

คำตอบนั้นส่งผลให้แววตาคมกระด้างขึ้น ร่างสูงผละออกจากร่างแบบบางแทบจะทันที ชายหนุ่มยืนขึ้น นึกโมโหความเผลอไผลของตัวเอง ใช่ว่าเขาจะสนใจหรอกนะ ว่าผู้หญิงตรงหน้านี้จะเป็นเมียใคร หากที่เขาหยุด เพราะไม่ต้องการกินน้ำใต้ศอกแอนดรูว์ต่างหาก

นิโคลัสมองร่างงดงามที่ยังอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์นั้นแล้วเมินหน้าไปทางอื่น

“ก็ถ้าไม่อยากให้ผมทำหน้าที่แทนพี่ชาย ก็ไปอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวซะ” ชายหนุ่มสั่งเสียงห้วน

“ฉันไม่มีเสื้อผ้าอื่น” เกเบรียลลาตอบทั้งยังไม่ยอมเงยหน้า แก้มทั้งสองข้างยังแดงซ่านด้วยความละอายกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

แววตาเข้มอ่อนแสงลง “ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง คุณคงต้องใส่เสื้อผมไปก่อน”

คุณหมอสาวเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดลง นิโคลัสออกไปแล้ว เธอยกแขนขึ้นโอบรอบเข่าแล้วดึงกระโปรงคลุมปิดปลายเท้า คางมนก้มลงชิดที่หัวเข่า หญิงสาวนึกถึงพ่อกับแม่และแอนดรูว์ ป่านนี้ทุกคนจะเป็นห่วงเธอเพียงใด

เพียงไม่นานชายหนุ่มก็กลับเข้ามาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวและเสื้อเชิ้ตของตนเอง เกเบรียลลารีบลุกขึ้นยืน ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังร่างสูงที่กำลังก้าวเข้ามาหา

“ฉันขออาบน้ำอย่างเป็นส่วนตัว” หญิงสาวรีบประกาศ

“รู้แล้ว” นิโคลัสตอบพร้อมกับจับร่างบางหมุนไปอีกด้านแล้วดึงซิปที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวลง

เกเบรียลลาอุทานและรีบจับชุดแต่งงานไว้มั่น

“ตกใจอะไร ก็แค่รูดซิปให้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ เขาขยับตัวออกห่าง

เมื่อรูดซิปลงไปจนถึงบั้นเอว ตัวเสื้อเปิดอ้าออกจากกันเผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียน

หญิงสาวรีบหันกลับมาโดยที่สองมือยังกำชุดตัวเองเอาไว้แน่น แก้มเนียนแดงปลั่งขึ้นอีกครั้งจนนิโคลัสเกือบจะเผลอยิ้ม

“ไปอาบน้ำเถอะ ผมจะรออยู่ข้างล่าง”

เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว เกเบรียลลารีบตามไปล็อคประตู แม้จะรู้ดีว่าถ้านิโคลัสอยากจะเข้ามา เขาก็คงทำได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้เธอคงทำได้เพียงเชื่อใจเขาเท่านั้น เธอถอนหายใจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อเชิ้ตเดินเข้าไปในห้องน้ำ

………………………………………………………..



ปุญณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2555, 00:04:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2555, 00:04:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1379





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
Auuuu 21 ก.พ. 2555, 01:49:38 น.
โอยๆๆ หัวใจจะวาย ขับรถบ้าระห่ำมาก !!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account