พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 21

ตอนใหม่มาแล้วค่ะ แต่ตอนหน้า...อยากจะบอกว่าจะมาช้าสักหน่อยนะคะ (ขอโทษจริงๆค่ะ -/\-)

ขอให้อ่านอย่างมีความสุข ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์และกดไลค์ให้กำลังใจนะคะ

ช่วยเป็นกำลังใจและติดตามกันต่อไปด้วยนะค้าาาาา~~~


------------------------------------------------------------------------------------------------




ตอนที่ 21: อุปสรรคที่เริ่มขวางกั้น






ดวงตากลมสวยเหลือบมองสารถีหนุ่มเจ้าของ Lexus LS460L สีดำปราบเป็นพักๆตั้งแต่ชิษวัศขับรถออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มองก็เพราะสงสัยว่าเขากำลังโมโหเรื่องอะไร เนื่องจากคนข้างตัวเธอไม่ยอมพูดไม่จาเอาแต่ทำหน้าบูดมาตั้งแต่ก้าวพ้นประตูของร้าน แม้มุกตาภาจะพยายามขบคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าอารมณ์ไม่พอใจของชิษวัศที่เป็นอยู่ตอนนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ครั้นจะเอ่ยปากถามก็กลัวว่าจะโดนหางเลขไปด้วย เห็นนิ่งๆเงียบๆอย่างนี้ล่ะคืออาการแสดงความไม่พอใจที่น่ากลัวที่สุดของชิษวัศ แต่ถึงจะเกิดความกลัวอยู่ภายในใจหากก็ไม่มากไปกว่าความอยากรู้ที่มีแทรกขึ้นมาซึ่งทำให้มุกตาภาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าตายเป็นตายงานนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร!

“พี่อาร์มโมโหเรื่องอะไร” หญิงสาวถามตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม

“ถ้าไม่มีพี่อยู่ด้วยห้ามเข้าใกล้นายไบรอันเด็ดขาด”

“คะ?” ประโยคคำสั่งของชิษวัศทำเอามุกตาภาย้อนถามกลับเสียงสูง ก็คุณไบรอันเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของพี่อาร์ม ในฐานะที่เธอเป็นผู้ช่วยของเขาจะไม่ให้เข้าใกล้หรือพูดคุยกับคุณไบรอันได้อย่างไร

“ก็คุณไบรอันเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทพี่อาร์ม แล้วจะไม่ให้มุกเข้าใกล้เขาได้ยังไงคะ”

“มันไม่น่าไว้ใจ”

“พี่อาร์ม” มุกตาภาเรียกชื่อคนรักเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มกล่าวถึงไบรอันด้วยสรรพนามบุรุษที่สามเสียเผ็ดร้อนขนาดนั้น “เรียกคุณไบรอันเขาว่า ‘มัน’ ได้ยังไงคะ ไม่น่ารักเลยรู้หรือเปล่า”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่น่ารัก’ ชิษวัศจึงตบไฟเลี้ยวก่อนจะหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางทันที ดวงตาสีนิลคู่คมตวัดมองสาวข้างตัวอย่างไม่พอใจ ส่วนคนถูกมองนั้นก็รู้สึกว่ารถคันหรูคันนี้แคบลงไปถนัดตา สายตาของชิษวัศทำเอาเธอรู้สึกเสียวสันหลังไม่รู้อย่างไรแปลกๆ

“พี่อาร์มจอดรถทำไมคะ แล้ว...มองหน้ามุกอย่างนั้นทำไม”

ชิษวัศยังคงจ้องใบหน้านวลไม่วางตา ริมฝีปากหยักลึกเม้มสนิท คิ้วเข้มที่พาดเฉียงอยู่บนหน้าผากขมวดชิดก่อนจะหลุดประโยคคำถามที่แทบทำให้มุกตาภาเกือบหลุดหัวเราะเสียงดัง

“ถ้าพี่ไม่น่ารักแล้วใครน่ารัก”

เมื่อเห็นหน้าตาจริงจังของอีกฝ่ายมุกตาภาจึงนึกอยากแกล้งขึ้นมาเลยแกล้งทำหน้าจริงจังพร้อมกับปรับน้ำเสียงให้ฟังดูเอาจริง

“คนที่ไม่ทำตัวเกเรเที่ยวพาลคนอื่นเขาไปทั่ว คนแบบนั้นแหละค่ะ...น่ารัก”

“งั้นพี่ก็ไม่น่ารักสินะ เพราะเที่ยวพาลคนอื่นเขาไปทั่ว” ชิษวัศทำเสียงขึ้นจมูกราวกับว่าตัวเขาเองกำลังย้อนเวลากลับสู่วัยเด็กอย่างไรอย่างนั้น

“ถ้าพี่อาร์มไม่เกเร พี่อาร์มจะน่ารักมากเลยค่ะ” เมื่อเห็นคนตัวโตงอน มุกตาภาก็อดไม่ได้ที่จะง้องอน “นะคะ...อย่าเกเรเรื่องคุณไบรอันเลยนะคะ เขาไม่คิดอะไรหรอกค่ะ พี่อาร์มน่ะคิดมากไปแล้วรู้หรือเปล่า”

“พี่ไม่ได้คิดมาก แต่พี่เป็นห่วง” ชิษวัศแก้ตัวหากมุกตาภากลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“พี่อาร์มหวงมากกว่า”

“ก็เคยบอกไปแล้วนี่ครับ” ชิษวัศสบดวงตาโตสวยแน่นิ่ง “ผู้หญิงของพี่...พี่หวง”

แล้วก็ไม่รู้ทำไมเวลาที่ชิษวัศพูดจาอย่างนี้หัวใจดวงนี้ของเธอก็ต้องสั่นไหวทุกครั้งไป แถมหน้ายังรู้สึกร้อนผะผ่าวเขินอายไปเสียหมดยามเมื่อสายตาของชิษวัศจับจ้องมาที่เธอ

“หวงให้ได้ตลอดแล้วกันนะคะ” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไร มุกตาภาจึงแกล้งประชดแต่เหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลยเพราะคนข้างตัวเธอกลับทำท่าราวกับทองไม่รู้ร้อนแถมยังถือโอกาสกดจมูกลงบนแก้มของเธอเสียอีกหนึ่งที

“แน่นอนสิครับ จะหวงไปทั้งชีวิตของพี่เลย” คนค้ากำไรเกินควรยิ้มร่าโดยไม่เหลือเค้าของความไม่พอใจในตอนต้นเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้รางวัลเป็นแก้มหอมๆแถมยังนุ่มนิ่มของคนรัก ผิดกับคนขาดทุนที่ขมวดคิ้วมุ่นแถมยังตวัดค้อนให้ชายหนุ่มเสียวงโตแต่ริมฝีปากบางสวยกลับระบายยิ้มกับตัวเองน้อยๆ ยอมรับจากใจจริงว่า...เธอดีใจมาก...มากที่สุด

...ถ้าวันไหนที่มุกไม่มีพี่อาร์มอยู่เคียงข้างกัน ชีวิตมุกจะเป็นยังไง...

มุกตาภาอดไม่ได้ที่ตั้งคำถามขึ้นถามตัวเองในใจ เวลานี้เธอมีความสุขมากที่มีชิษวัศคอยเอาใจใส่และอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้ หากอนาคตเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่อาจรู้ได้ เธอเองก็เช่นกัน...เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ได้เลยว่าเส้นทางความรักระหว่างเธอและชิษวัศจะเป็นเช่นไร จะสุขสมหวังหรือต้องเศร้าเสียใจ ซึ่งถ้าเธอภาวนาได้...ก็ขออย่าให้ความรักของเธอและชิษวัศต้องสิ้นสุดลงเลย










กองเอกสารซึ่งเป็นงานของนิสิตชั้นปีที่สี่ถูกเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเมื่ออาจารย์คนเก่งได้เวลาเลิกงาน นิชิตาลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายไว้บนบ่า บอกลาเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกจากห้องพักของตัวเองออกไป หากพอลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นตายืนโบกมือไหวๆทักทายเธอพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่มักจะส่งมาให้เธออย่างนี้ประจำทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“มาทำไม” แล้วเธอก็ทักเขาด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างนี้เป็นประจำทุกวันเช่นกัน ซึ่งอารัทธ์ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าคุณอาจารย์ของเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าเธอพูดจาเพราะๆหวานๆนี่สิถึงจะแปลก

“ถ้าผมไม่มาคุณคงคิดถึงแย่สิครับ”

“หลงตัวเองมากไปไหม” แม้ปากจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในใจกลับคิดตามคำพูดของอารัทธ์ว่าวันใดถ้าเขาไม่มาแล้วเธอจะคิดถึงเขาหรือไม่

“ตัวเองผมไม่ค่อยหลงหรอกครับ แต่ถ้าเป็นหลงรักคุณอาจารย์น่ะ หลงไปแล้วเต็มๆ”

“น้ำเน่า” นิชิตาว่าเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเองก่อนจะก้าวเท้าเดินหนีอารัทธ์ขึ้นมาเสียดื้อๆ

“แต่คุณก็แอบยิ้มใช่มั้ยล่ะครับ ผมรู้นะ” อารัทธ์รีบเดินตาม ไม่มีทางเสียหรอกที่จะปล่อยให้นิชิตาเดินหนีกันไปง่ายๆ

“ถ้าจะมากวนประสาทล่ะก็ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” นิชิตาบอกเสียงต่ำซึ่งปกติอารัทธ์จะไม่รู้สึกร้อนหนาวกับท่าทีอย่างนี้ของเธอหากคราวนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่ออารัทธ์คอตกแถมยังทำหน้าจ๋อยสนิทราวกับต้องการบอกให้นิชิตาได้รู้ว่าเขาเองกำลังเสียใจอยู่มากมายกับคำพูดของเธอ

“นี่...วันนี้กินยาลืมเขย่าขวดหรือไงคะ หน้าถึงได้จ๋อยคอถึงได้ตกอย่างนี้น่ะ” นิชิตาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาของตัวเอง แม้จะไม่หวานแต่หญิงสาวก็มั่นใจว่าอารัทธ์จะรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการสื่อสาร

“เป็นห่วงกันด้วยหรือครับ”

“ก็ปกติคุณไม่เคยทำหน้าอย่างนี้นี่ ฉันแค่ไม่ชิน” อาจารย์สาวไม่ยอมตอบให้ตรงคำถาม

“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าตอนนี้คุณชินที่มีผมอยู่ในชีวิตแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นนิชิตาเริ่มจะเดินเข้าแผนที่ตนเองวางไว้อารัทธ์จึงปรับสีหน้าและน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นโหมดมั่นคงและจริงจัง

“ก็...นิดหน่อย” หญิงสาวตัดสินใจตอบตามความจริงที่กระจ่างชัดอยู่ในใจทั้งที่รู้ดีว่าคำตอบนี้ของเธอจะยิ่งทำให้สลัดอารัทธ์ออกจากวงโคจรของชีวิตได้ยากก็ตาม และที่เธอตอบอย่างนี้บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่คิดที่จะสลัดเขาออกจากชีวิตแล้วก็เป็นได้

...สรุปว่าเธอจะเดินตามรอยนิษศินีใช่ไหม แล้วสุดท้ายเธอจะเจ็บอย่างที่นิษศินีเคยเจ็บหรือเปล่านะ...

“แล้วเย็นนี้คุณกินข้าวที่ไหนครับ” จู่ๆอารัทธ์ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสียดื้อๆหากนิชิตากลับไม่ว่าอะไรมิหนำซ้ำยังยอมตอบคำถามของเขาแต่โดยดี

“บ้านฉัน”

“งั้นผมไปด้วยสิ” หากประโยคนี้ของอารัทธ์กลับทำให้อาจารย์สาวต้องเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย

“ไปไหน”

“บ้านคุณไงครับ”

“ไปทำไมไม่ทราบ” นิชิตาถามเสียงเขียวตวัดสายตามองคนที่ตัวสูงกว่าเธอตาขวาง

“กินข้าวไงครับ”

“แล้วข้าวบ้านไม่มีหรือไง” หญิงสาวถามกลับ เริ่มจะระแวงคนเจ้าเล่ห์อย่างอารัทธ์ขึ้นมาหน่อยๆเสียแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้จะมาไม้ไหนอีก

“มีครับแต่กินกับคุณอาจารย์น่าจะอร่อยกว่า”

“ขอปฏิเสธ” นิชิตาบอกปัดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่เด็ดขาดก่อนจะหมุนตัวกลับไม่สนในคนที่กำลังจะอ้าปากสนทนาต่อ

“วันนั้นคุณติดหนี้ผมนะครับ เรื่องว่าที่พี่เขยของคุณน่ะ”

พอเจอไม้นี้นิชิตาถึงกับหยุดขาทั้งสองข้างที่กำลังก้าวเดินก่อนจะหันหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับอารัทธ์ ดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นสายตากรอบดำจ้องมองร่างสูงอย่างเอาเรื่อง นึกโกรธชายหนุ่มขึ้นมาตะหงิดๆ เรื่องราวครั้งนั้นเป็นเธอหรือที่ขอร้องเขา ไม่ใช่เลย...เธอไม่ได้ขอร้องให้เขามาช่วยสักนิด อุตส่าห์นึกขอบคุณที่เขามีน้ำใจช่วยเหลือกันยามเมื่อเธอไม่รู้จะปฏิเสธพีรัชไปอย่างไรแต่ตอนนี้เขากลับใช้เหตุการณ์ครั้งนั้นมาทวงบุญคุณกับเธอ คิดแล้วมันก็นึกเจ็บใจเสียจริง!

“สรุปว่าคุณช่วยฉันเพราะหวังผลตอบแทนใช่ไหม ที่คุณช่วยมันไม่ได้มาจากใจจริงของคุณใช่หรือเปล่า ช่วย...เพราะต้องการผลตอบแทนจากฉันใช่มั้ย!” น้ำเสียงใสเปล่งดังขึ้นกว่าปกติซึ่งถ้าอารัทธ์ฟังไม่ผิดหูไม่เพี้ยน ชายหนุ่มรู้สึกว่าปลายประโยค...น้ำเสียงของคุณอาจารย์ของเขาออกจะสั่นๆด้วยซ้ำไป

...เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะไอ้อาร์ท ปากพาซวยแท้ๆ...

“คุณอาจารย์” อารัทธ์เอื้อมมือหวังจะเข้าไปแตะบ่าของหญิงสาวหากนิชิตากลับปัดมือนั้นให้ออกห่างไปอย่างไม่ใยดี

“อย่ามายุ่ง”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณก็รู้ว่าผมปากไม่ดี ที่พูดไปอย่างนั้นก็แค่อยากจะหาข้ออ้างไปกินข้าวบ้านคุณเท่านั้น ขืนบอกไปตรงๆว่าผมอยากไปกินข้าวบ้านคุณ คุณก็เผ่นกบาลผมตายสิ” อารัทธ์ยอมรับเสียงอ่อย ความจริงชายหนุ่มไม่ได้ต้องการที่จะทวงบุญคุณอย่างที่ปากพูดเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ต้องรอให้นิชิตาขอร้องเขาก็พร้อมที่จะเข้าไปแทรกกลางวงสนทนาระหว่างหญิงสาวกับพีรัชอยู่แล้ว ใครจะปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมายุ่มย่ามกับผู้หญิงของตัวเองเล่า ไม่มีทางเสียหรอก!

“แต่ฉันโกรธไปแล้ว” นิชิตาบอกพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น แม้จะรู้ความจริงจากปากของอารัทธ์ว่าเขาไม่ได้คิดที่จะทวงบุญคุณจากเธอหากเธอก็โกรธเขาไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาต้องทำให้เธอหายโกรธ

อารัทธ์ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักไปแล้วทั้งหัวใจ เพราะนิชิตาเป็นอย่างนี้ไงเล่าจึงทำให้ผู้ชายอย่างเขายอมสิ้นลายหยุดหัวใจไว้กับเธอ ผู้หญิงคนนี้ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองเสมอ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ จะมีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นที่อาจารย์สาวคนนี้ปากหนักไม่ยอมเผยความในใจออกมาเสียที

...รักกันบ้างไหมหนอคุณอาจารย์...

“แล้วทำยังไงถึงจะยอมหายโกรธล่ะครับ”

“ไม่รู้ คิดเอาเองสิ”

อารัทธ์หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนที่ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาจะปรากฏไปด้วยรอยยิ้มพร่างพราว

“งั้นเปลี่ยนจากกินข้าวบ้านคุณมาเป็นกินข้าวบ้านผมมั้ยครับ ผมจะได้แนะนำคุณให้ป๊ากับม้ารู้จักด้วย” คำพูดของอารัทธ์ทำเอานิชิตาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงว่าอารัทธ์จะเอ่ยปากชวนเธอเช่นนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อย่างไรซึ่งเธอยังไม่พร้อมจริงๆที่จะเจอกับบิดามารดาของเขา เพราะเธอยังไม่มั่นใจกับอนาคตที่ราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้

“ไม่เอา!” หญิงสาวปฏิเสธเสียงดัง

“เหตุผลล่ะครับ” หากอารัทธ์ก็ยังใจเย็นพอที่จะถามคำถามกลับไปเสียงเรียบ

“ฉันไม่พร้อม”

“ป๊ากับม้าผมใจดีครับ ไม่ดุหรอก”

“ฉันไม่ได้กลัวเรื่องนั้น” คราวนี้เป็นนิชิตาที่ไม่กล้าสบตาขึ้นมองตาของอีกฝ่าย หญิงสาวหลุบตาลงต่ำมองพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสีเขียว

“แล้วคุณกลัวอะไร”

“ฉันไปบ้านคุณในฐานะอะไร” นิชิตาตั้งคำถามกลับไปเสียงเบาแต่อารัทธ์ก็ได้ยินชัดทุกคำพูดของเธอ

“ว่าที่ภรรยาผมไงครับ” แน่นอนว่าพออารัทธ์พูดจบก็ได้รับฝ่ามือของนิชิตาประทับที่ต้นแขนของตัวเองเต็มๆ

“ตีผมทำไม” ชายหนุ่มบ่นอุบ ใช้มืออีกข้างที่ไม่โดนทำร้ายลูบแขนตัวเองป้อยๆ

“แล้วใครใช้ให้พูดเล่น”

“แล้วใครว่าผมพูดเล่น คุณคิดว่าที่ผมบอกว่ารักคุณนี่ผมพูดเล่นงั้นหรือ” อารัทธ์จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่เรียวด้วยความมั่นคง ทั้งสายตาและคำพูด...แน่วแน่จริงจัง

หากไม่ใช่ว่านิชิตาไม่รู้ว่า ‘คำรัก’ ของเขานั้นมาออกมาจากใจจริงของหัวใจแต่เป็นเธอเองต่างหากที่ปฏิเสธคำบอกรักนั้นมาโดยตลอดทั้งที่ตอนนี้หัวใจของเธอมันก็บอกออกมาอย่างชัดแจ้งว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้

“ฉัน...”

“คุณหนูเล็กครับ”

เสียงๆหนึ่งดังขึ้นขัดการสนทนาระหว่างนิชิตาและอารัทธ์ สรรพนามที่ฟังดูไม่คุ้นเคยทำให้อารัทธ์ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังเดินมาทางเขาและนิชิตาร้องเรียกใคร หากคุณอาจารย์ของเขากลับมองคุณลุงที่เดินมาด้วยสายตาคุ้นเคยและเคารพ

“ลุงประกิต มาถึงที่นี่ได้ยังไงคะ” นิชิตากระพุ่มมือไหว้ก่อนจะตั้งคำถามหาผู้ซึ่งสูงวัยกว่า

คุณลุงนามว่าประกิตยกมือรับไหว้ผู้อ่อนวัยกว่า ดวงตาที่มองดูโลกนี้มานานจ้องมองหญิงสาวที่อดีตเคยเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักในวันวานด้วยความภูมิใจ แม้นิชิตาจะขาดพร่องทั้งบิดาและมารดาอีกทั้งไม่ได้เป็นหลานรักของคุณยาย สาเหตุเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้คุณหนูของตนคนนี้เดินทางผิดจนหาความสำเร็จในชีวิตไม่ได้ นิชิตาเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีแถมยังมีหน้าที่การงานที่มั่นคง ทุกสิ่งทุกอย่างเธอสร้างมันด้วยสองมือของเธอเอง

“คุณหนูเล็กสบายดีนะครับ” สรรพนามที่นิชิตาฟังอย่างไรก็ไม่คุ้นชินเอาเสียเลยส่งผลให้หญิงสาวย่นจมูกนิดหนึ่ง

“บอกกี่ครั้งแล้วคะลุงว่าไม่ต้องเรียกว่า ‘คุณหนูเล็ก’ ให้เรียกว่า ‘หมูหวาน’ เฉยๆไงคะ” แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอบอกลุงประกิตไปแล้วกี่ครั้งเธอก็ขี้เกียจจะนับแต่มันก็ไม่เป็นผลเลยเมื่อลุงประกิตยังเรียกเธอว่า ‘คุณหนูเล็ก’ ไม่เคยเปลี่ยน

“ไม่ได้หรอกครับ” ลุงประกิตบอกนิ่มๆพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นซึ่งมักส่งมาให้นิชิตาเสมอตั้งแต่หญิงสาวยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย

“เฮ้อ...” นิชิตาแกล้งถอนหายใจออกเสียงยาว “หมูหวานก็น่าจะรู้นี่นะว่ายังไงลุงต้องพูดแบบนี้ แล้วที่มาหาหมูหวานมีอะไรคะ คุณยายให้ลุงมาส่งข่าวอะไรอีกใช่ไหม” อาจารย์สาวคาดคะเนอย่างรู้ทันและคิดว่าคำตอบก็คงไม่ต่างจากที่เธอคาดมากนัก

“ครับ” ลุงประกิตพยักหน้า “คุณท่านให้ลุงมาบอกคุณหนูเล็กว่าเย็นนี้ขอเชิญทานอาหารเย็นที่บ้านด้วยครับ”

“บ้านคุณยายน่ะหรือคะ” นิชิตาถามกลับอย่างรวดเร็วแล้วก็ได้รับการยืนยันคำถามด้วยการพยักหน้าของลุงประกิตแทนคำตอบ แม้จะคิดอยู่แล้วว่าสักวันต้องเกิดเหตุการณ์นี้แน่หลังจากเธอท้าทายนิษศินีไปในครั้งนั้น เพียงแค่เธอไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องสาวของเธอจะจัดการ ‘เอาคืน’ เธอกลับอย่างรวดเร็วเช่นนี้

“อยู่กันครบเลยหรือเปล่าคะลุง” นิชิตาเลียบเคียงถาม สมองลืมไปเสียสนิทว่าข้างๆตัวมีอารัทธ์ยืนฟังอยู่ด้วย

“อยู่แต่คุณท่าน คุณหนูใหญ่แล้วก็คุณพีนครับ” เมื่อได้ยินคำตอบจากลุงประกิต นิชิตาไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ทั้งคุณลุงกับคุณป้าซึ่งเป็นบิดามารดาของนิษศินีนั้นไม่ได้อยู่ด้วย ที่เหลืออยู่กลับมีแต่โจทก์เก่าของเธอทั้งนั้น ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายอย่างไร

“แล้วก็...” คราวนี้ลุงประกิตหันเหสายตามามองยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆคุณหนูเล็กของตนซึ่งนิชิตาก็รู้ทันทีว่าผู้ที่สูงวัยต้องการจะสื่อสารว่าอย่างไรหญิงสาวจึงชิงพูดมาเสียก่อน

“ค่ะ หมูหวานรู้แล้วค่ะลุง เวลาอาหารบ้านคุณยายหนึ่งทุ่มเหมือนเดิมใช่ไหมคะ” แม้จะไม่ค่อยได้เหยียบย่างเข้าไปในคฤหาสน์ของ ‘วัชรภูวิศ’ นานมากแล้วแต่หญิงสาวก็ยังคงจดจำได้ดีว่าบ้านหลังใหญ่แสนสวยหลังนั้นมีกฎการรับประทานอาหารว่าอย่างไร

“เหมือนเดิมทุกอย่างครับ” คุณลุงประกิตตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างเคย “ถ้าอย่างนั้นลุงไปก่อนนะครับ”

“ขอบคุณนะคะลุง” นิชิตายกมือขึ้นไหว้ลาพร้อมกับทอดสายตามองร่างของผู้สูงวัยที่ค่อยๆเดินห่างออกไป

อาจารย์สาวหันมามองชายหนุ่มข้างตัวซึ่งตอนนี้คงงงเป็นไก่ตาแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปเมื่อครู่ ซึ่งจะให้เธออธิบายให้เขาฟังมันก็ได้อยู่หรอกแต่คงไม่ใช่ตอนนี้เพราะมันไม่มีเวลาแล้ว

“ฉันยังไม่มีเวลาอธิบายให้คุณเข้าใจ” เสียงใสเอ่ยบอก

“ผมรู้” หากอารัทธ์กลับตอบรับว่าตนเองรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไรพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้กับเธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมไม่ทิ้งให้คุณไปกินข้าวบ้านคุณยายคนเดียวแน่ เรื่องนี้ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดคงเกี่ยวกับที่คุณมีปากเสียงกับมิ้นท์ครั้งนั้นใช่ไหม”

“อื้อ” นิชิตาตอบรับในลำคอ ทั้งสายตาและน้ำเสียงของเธอบอกได้ชัดเจนว่าหญิงสาวกังวลไม่น้อยกับการไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นกับยายของตัวเองในครั้งนี้

“ไม่ต้องกลัวไปครับ มีผมไปด้วยทั้งคนนะ” รอยยิ้มแสนอบอุ่นกับความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมือใหญ่ที่เอื้อมมากอบกุมมือเล็กของเธอพร้อมกับกระชับแน่นราวกับต้องการจะถ่ายพลังใจมาให้เธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงปัดมือเขาทิ้งไปแล้ว หากตอนนี้เธอกลับปล่อยให้อารัทธ์กุมมือเธอไว้อย่างนั้นเพราะอย่างน้อยตอนนี้เธอก็อยากได้กำลังจากใครสักคน

...ขอบคุณจริงๆนะคะ... ‘พี่อาร์ท’...












แฟ้มเอกสารสรุปการประชุมถูกปิดลงเมื่อผู้ช่วยสาวจัดการสรุปงานทุกอย่างลงเรียบร้อย มุกตาภาผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆเมื่องานวันนี้จบไปอีกหนึ่งวัน ยิ่งมีโปรเจคร่วมทุนกับต่างหากทั้งเธอและชิษวัศก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น แม้จะไม่มากเกินกว่าที่จะทนแต่ก็ทำให้เธอหมดพลังงานในแต่ละวันไปมากพอควร มือเรียวสวยยกขึ้นมาถอดแว่นสายตาให้ออกไปจากดวงหน้าก่อนจะเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้เพราะต้องการผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าหากพอจะหลับตาเพื่อพักผ่อนโทรศัพท์มือถือสีขาวเครื่องสวยของตัวเองก็สั่นครืดคราดขึ้นมาขัดจังหวะจนหญิงสาวต้องรีบเอื้อมมือไปกดรับสาย

“สวัสดีค่ะ” เนื่องจากเป็นเบอร์ที่ไม่ปรากฏอยู่ในรายชื่อและเป็นเบอร์ที่มุกตาภาไม่รู้จักหญิงสาวจึงรับสายด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้ฟังดูอยู่ในระดับเป็นทางการ

“ผมเองนะเพิร์ล ไบรอันครับ” คำแนะนำตัวของคนอีกฝั่งหนึ่งของสัญญาณทำเอามุกตาภาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยว่าหุ้นส่วนหนุ่มคนนั้นรู้เบอร์โทรศัพท์เธอได้อย่างไร

“ค่ะคุณไบรอัน โทรหามุกมีอะไรหรือเปล่าคะ”

ชื่อผู้ชายนามว่าไบรอันที่ออกมจากปากของมุกตาภาทำให้อีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งทำงานอยู่ภายในห้องเดียวกันต้องละสายตาจากคอมพิวเตอร์ของตัวเองเปลี่ยนมามองไปยังโต๊ะทำงานของคนรักตาขวาง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามุกตาภาไม่มีทางให้เบอร์โทรศัพท์ไบรอันก่อนแน่ แต่ชิษวัศก็ไม่พอใจอยู่ดีที่เบอร์โทรศัพท์ของคนรักไปตกอยู่ในมือของผู้ชายคนนั้น!

“ครับก็นิดหน่อย ว่าแต่เพิร์ลยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ คุยได้มั้ย”

“ไม่ยุ่งค่ะ คุยได้” เมื่ออีกฝ่ายคุยอย่างเป็นมิตรโดยไม่มีแววที่จะคิดไม่ดีกับเธอสักนิด มุกตาภาจึงตอบกลับไปอย่างมี อัทธยาศัยเช่นกันแม้จะรู้ดีว่าทำอย่างนี้จะยิ่งสร้างบรรยากาศภายในห้องทำงานนี้ให้มันยิ่งอึมครึมไปมากกว่าเดิมก็ตาม

“คือวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้น่ะครับ ผมว่าจะจัดงานเลี้ยงเชื่อมความสัมพันธ์พนักงานโปรเจคนี้ของทั้งสองบริษัทเสียหน่อย ไหนๆเราก็จะทำงานร่วมกันแล้ว เพิร์ลว่าดีไหม”

“ก็ดีนะคะ แต่มุกว่าคุณไบรอันคุยกับเจ้านายมุกโดยตรงเลยดีไหมคะ” มุกตาภาเหลือบมองไปยัง ‘เจ้านาย’ นิดหนึ่งซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจเลยว่าชิษวัศอยู่ในสภาวะพร้อมที่จะคุยงานกับไบรอันหรือพร้อมที่จะหาเรื่องกับไบรอันกันแน่

“คุยกับเพิร์ลก็เหมือนกันแหละครับ เพิร์ลเป็นผู้ชายคุณอาร์ม เพิร์ลรู้คุณอาร์มก็รู้แล้วผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างคุณอาร์มจะปฏิเสธด้วย ส่วนเรื่องรายละเอียดเดี๋ยวผมจะให้เฟลอร์ไปคุยกับคุณอาร์มนะครับ ผมรบกวนเพิร์ลเท่านี้ล่ะ สวัสดีครับ”

“ค่ะ สวัสดีค่ะ” จบคำบอกลาของมุกตาภาสัญญาณโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกันก็ถูกตัดไป หญิงสาววางมือถือเครื่องสวยกลับไปที่โต๊ะทำงานเหมือนเดินก่อนจะหายใจเข้าลึกๆเพื่อผจญกับสถานการณ์ที่กำลังเข้าสู่สภาวะเลวร้ายตรงหน้า

“เสารอาทิตย์นี้คุณไบรอันอยากจัดงานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์ของพนักงานที่ทำโปรเจคนี้รวมกันน่ะค่ะ พี่อาร์มว่าดีไหม”

“นายนั่นรู้เบอร์หนูมุกได้ยังไง” ชิษวัศไม่ยอมตอบคำถามแถมยังถามคำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่มุกตาภาเริ่มต้นพูดเลยสักนิด

“พี่อาร์มว่าดีไหมคะ มุกกว่าก็ดีนะคะ ทั้งทางเรากับบริษัททางนั้นจะได้ทำงานร่วมกันอย่างสะดวกขึ้นด้วย” หากมุกตาภาก็ไม่ยอมตอบคำถามของชิษวัศเช่นกัน หญิงสาวยังคงดึงดันที่จะคุยในหัวข้อที่ตนเองได้เปิดประเด็นไว้โดยไม่สนใจว่าชิษวัศจะโกรธจนหน้าดำหน้าแดงสักแค่ไหน

“พี่ถามว่านายนั่นรู้เบอร์หนูมุกได้ยังไง” ชิษวัศเองก็ดื้อไม่แพ้กันเมื่อชายหนุ่มยังคงถามในคำถามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“แต่สถานที่ทางคุณไบรอันยังไม่บอกนะคะ เขาบอกว่าจะส่งพี่เฟลอร์มาคุยกับพี่อาร์มเอง”

“มุกตาภา!” ชิษวัศเรียกชื่อคนรักลั่นห้องทำงาน ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าประโยคเมื่อครู่มุกตาภาเน้นชื่อทวิดาร์เสียชัดเจนขนาดไหน “พี่ถามว่านายนั่นรู้เบอร์หนูมุกได้ยังไง ตอบมา”

“แล้วเบอร์โทรศัพท์มุกมันเป็นแรร์ไอเท็มหรือไงคะคุณไบรอันเขาถึงรู้ไม่ได้น่ะ” เมื่อโดนตีรวนก่อนมุกตาภาจึงรวนกลับไปบ้าง รู้อยู่ว่าชิษวัศกำลังหึงแต่มันก็สมควรจะมีขอบเขตบ้าง พี่อาร์มที่เธอรู้จักไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลอย่างนี้

พอเจอมุกตาภาตอบกลับมาอย่างนี้ชิษวัศก็เงียบไปพักหนึ่ง สมองทบทวนคิดคำพูดของหญิงสาว จริงอยู่ที่เบอร์โทรศัพท์ของมุกตาภาไม่ใช่เป็นของที่หาได้ยากอะไรเลย และถ้าไบรอันจะรู้มันก็ไม่เห็นแปลกในเมื่อหุ้นส่วนคนนั้นมีผู้ช่วยเป็นทวิดาร์และแน่นอนว่าทวิดาร์ต้องมีเบอร์ของมุกตาภาอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

“เฟลอร์...” ชื่อของทวิดาร์ที่หลุดออกมาจากปากชิษวัศทำให้มุกตาภาเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง

“ไม่ต้องถามมุกแล้วไปถามพี่เฟลอร์ดีกว่านะคะ”

เมื่อเห็นว่าชิษวัศเริ่มที่จะมีสติกลับมามุกตาภาจึงประชดนิ่งๆไปเสียอีกหนึ่งดอก แม้ไบรอันจะไม่ได้บอกว่ารู้เบอร์โทรศัพท์ของเธอมาได้อย่างไรแต่ถ้าดูจากบุคคลรอบตัวของเขาก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขาคงได้เบอร์โทรของเธอมาจากทวิดาร์แน่และถ้าชิษวัศจะโกรธก็สมควรที่ต้องโกรธทวิดาร์สิ...ไม่ใช่เธอ!

“ขอโทษนะครับ พี่โมโหจนลืมคิด”

“คราวหน้าก็คิดให้หนักๆหน่อยนะคะ จะได้ไม่โมโหมุกเพราะ ‘คนอื่น’ อีก” มุกตาภาเน้นคำว่า ‘คนอื่น’ ช้าๆชัดๆก่อนจะกวาดของใช้ส่วนตัวลงในกระเป๋าใบเก่งของตัวเอง สองขาที่กำลังก้าวเดินพ้นประตูห้องก็ชะงักอยู่กับที่พร้อมๆกับร่างบางที่หมุนตัวกลับมามองชิษวัศซึ่งนั่งที่อยู่ที่โต๊ะทำงาน

“ไม่ต้องไปส่งมุกนะคะ มุกจะกลับเอง แล้วก็ไม่ต้องไปตามง้อมุกที่บ้านด้วย ถ้าพี่อาร์มไปมุกจะโกรธมากกว่านี้ มุกให้เวลาพี่อาร์มสำนึกผิดหนึ่งคืน พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” พูดจบก็เดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะทำหน้าเช่นไรและส่งเสียงรั้งเธอเสียเสียงดังขนาดไหน

“หนูมุก! เดี๋ยวสิครับ หนูมุก!” แม้จะร้องเรียกแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมุกตาภาไม่ยอมหันกลับมาหากัน และเมื่อทำอะไรไม่ได้บวกกับคำสั่งอาญาสิทธิ์ของคนรักก็ทำให้ชิษวัศได้แต่นั่งแน่นิ่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ประโยคหนึ่งเกิดขึ้นซ้ำๆภายใต้ความคิดของตัวเอง ซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่ากำลังตอกย้ำให้ตายกันไปข้างนึง

...งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้อาร์ม!!...


------------------------------------------------------------------------------------------------

จบตอนนี้คงต้องบอกว่า...เส้นทางความรักของพี่อาร์ทมีเค้าว่ากำลังสดใจ (แต่ยังมีอุปสรรคอยู่)

ส่วนเส้นทางรักของพี่อาร์มก็ดันเกิดปัญหาเพราะความหึงของตัวเอง ซึ่งปกติหนูมุกจะเป็นคนคอยตามใจพี่อาร์ม แต่มาคราวนี้พี่อาร์มเจอคำประกาศของหนูมุกไปบ้าง...ถึงกับซีดไปเลย

แต่ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคู่ด้วยนะคะ :)


คุยกันดีกว่าค่าาาา....


คุณ tutas : มาอัพตอนต่อไปให้แล้วนะคะ แต่อาจจะมาช้าบ้างงงงงง...นะคะ (พี่อาร์มงานเข้าเบาๆละค่ะ)

คุณ violette : บุคลิกไบรอันปอแก้วก็กรี๊ดค่ะ ฮ่ะฮ่าาาา~~ ส่วนเรื่องหมูหวานกับพี่พีนยังคงต้องคอยดูต่อไปค่ะ ว่าจะหาเรื่องปวดหัวมาให้หมูหวาากแค่ไหน 

คุณ anOO : ขอให้ทั้งคู่หนักแน่นให้มากๆเช่นกันค่ะ เฟลอร์เธอมาน้ำนิ่งจริงๆเลย

คุณ Amata : ร้ายภายใต้หน้ากากแสนดีค่ะ น่ากลัวๆ

คุณ ดาวคันชั่ง : ตอนนี้คงบอกได้อย่างดีนะคะว่า...หึงเต็มๆ

คุณ nunoi : ถามอย่างนี้ปอแก้วก็ไปไม่ถูกเลยสิคะ อิอิ ส่วนจะมีหรือไม่มีขอให้ติดตามกันต่อไปนะคะ :")

คุณ WallyValent : ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่หอบมานะจ๊ะ ><~

คุณ roseolar : ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะ เห็นแล้วได้กำลังใจเยอะเลยค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยาวถูกใจหรือเปล่านะคะ เพราะช่วงนี้กว่าจะเข็นแต่ละตอนมายากเหลือหลายเลยค่ะ สมองตันมากๆ -,- // ตอนนี้อ่านแล้วคุณ roseolar กรี๊ดพี่อาร์ทหรือเปล่าคะ? (ปอแก้วกรี๊ดมากๆเลยค่ะ ><) ส่วนพี่อาร์ม...ปล่อยเธองานเข้าไปก่อนเดี๋ยวตอนหน้าค่อยให้เธอไปง้อหนูมุก สุดท้าย...ดีใจที่ยังติดตามกันนะคะ :)




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2555, 21:23:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2555, 11:18:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1775





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 20   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 22 >>
ดาวคันชั่ง 18 มี.ค. 2555, 23:27:02 น.
พี่อาร์ทน่ารัก ส่วนพี่อาร์มตอนนี้ลดอายุลงมาเหรอค้าา
ไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่เลย รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^


Amata 18 มี.ค. 2555, 23:40:35 น.
แหม...คำว่าหวงนี่ชอบจริงๆนะขอบอก เพราะยังหาคนหวงไม่ได้เลยอ่ะ ชอบใจหนูมุก "ขอให้หวงให้ได้ตลอดไป..." ^^


violette 19 มี.ค. 2555, 01:42:06 น.
อยากรู้เรื่องของบ้านหมูหวานแล้วค่ะ
คู่พี่อาร์มออกแนวปากพาจนเหมือนกันแต่คนละแบบกับพี่อาร์ทเนอะ ปากพาจนแบบหวงไม่เข้าท่า อิอิ


tutas 19 มี.ค. 2555, 10:02:06 น.
ชักชอบคู่พี่อาร์ทมากว่าพี่อารมแล้วค่ะตอนนี้ ลุ้นไปกับพี่อาร์ทว่าเมื่อไหร่หมูหวานจะเิปิดใจซะที ^__^


nunoi 19 มี.ค. 2555, 13:09:40 น.
งานเข้าจริงๆ แหละพี่อาร์ม


anOO 19 มี.ค. 2555, 15:54:25 น.
ตอนนี้มารอลุ้นว่าพี่อาร์ทจะเจอกับอะไรบ้างมากกว่า
แอบขำพี่อาร์มเหมือนกันนะ เจอคำประกาศิตหนูมุกเข้าไป ทำอะไรไม่ถูกเลย


roseolar 21 มี.ค. 2555, 16:56:48 น.
ขอบคุณนะคะพี่อาร์ท

ขอบคุณที่น่ารักจนคนอ่านระทวยแล้วระทวยอีก >///<

ทั้งพี่อาร์ทแล้วก็หมูหวานต่างก็ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองทั้งคู่เลย ยิ่งอ่านยิ่งกรี๊ดคู่นี้

อ่านแล้วก็รีบกระตุกแขนพ่อกับแม่ "ป๊า ม๊า อยากแต่งงานกับผู้ชายแบบพี่อาร์ทอะ ไปขอให้หน่อยสิ สินสอดไม่อั้น"

ป๊ากับม๊ารีบบอก "สินสอดนี่เงินใคร"

คนอ่านยิ้มหวานก่อนตอบ "อ้าว ก็เงินป๊ากับม๊าไง"

ม๊าก็เลยยิ้มหวานยิ่งกว่า พลางลูบหัวเบาๆเหมือนจะเห็นด้วย แต่เปล่า ม๊ากลับพูดว่า "เพ้อเจ้อแล้วลูก ถ้าจะขอสงสัยต้องขอจากคุณปอแก้ว เค้าจะยกให้มั้ยล่ะ"

ไอ้เราได้ทีเลยรีบตอบ "อ๋อ...ซี้กันค่ะ ได้ชัวร์" พร้อมกับแอบขยิบตาให้คุณปอแก้วคนนึง ประมาณว่า 'ขอนะคะผู้ชายคนนี้'

พูดแล้วก็เขิลลลล >///<


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account