จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก
ตอน: ตอนที่ 3
ตอนที่ 2
“นี่ วิชญ์ เมื่อไหร่น้องเบญจะกลับมาล่ะลูก”คุณมีนาถามอย่างนึกขึ้นได้ เพราะลูกชายคนเล็กเคยบอกเอาไว้ว่าเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ กรวิชญ์ส่ายหน้าตอบเพราะปากไม่ว่าง ส่วนกรวีร์นิ่วหน้าเพราะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อของบุคคลที่สาม แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ตัวเองคิดหรือเปล่าเลยนั่งฟังต่อไปเงียบๆ
“แล้วนี่ไม่ได้คุยกันบ้างเลยเหรอตาวิชญ์ แม่อยากเจอน้องเบญ คิดถึงน่ะ ไม่ได้เห็นหน้านานแล้ว คงหน้าตาจิ้มลิ้มขึ้นกว่าเดิมแน่เลย เนอะ”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยเลยครับแม่ ผมก็ยุ่งๆเรื่องนั้นอยู่ แต่อันย่าน่ะคุยบ่อย วันก่อนเห็นบอกว่า เบญกำลังสอบตัวสุดท้ายอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าจบแล้วจะกลับมาเลยหรืออยู่เที่ยวต่อ ถ้ากลับมาเดี๋ยวก็คงเดินมาหาเองแหละครับ”ชายหนุ่มตอบตามความจริง เพราะบ้านของเขาและเบญญาภาอยู่ห่างกันแค่กำแพงกั้น พวกเขาสองคนสนิทกันมาแต่เด็ก อยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ประถมยันมหาลัยถึงจะต่างคณะกันก็เถอะ
อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถเข้านอกออกในบ้านเขาได้โดยที่แม่ของเขาไม่ว่า ตรงกันข้ามดูจะเต็มอกเต็มใจเสียเหลือเกิน ดูท่าคงไม่ใช่เอ็นดูเพราะเป็นลูกสาวเพื่อนรักอย่างเดียวแล้ว คงมีแผนอะไรแน่
“น้องเบญนี่ ใช่ยายเด็กผีตัวแสบที่ตอนเด็กติดผมแจใช่ไหมครับ”กรวีร์โพล่งขึ้นมา ทำเอามารดาที่กำลังจินตนาการถึงลูกสาวเพื่อนต้องชะงัก หันขวับมามองลูกชายตาเขียว
“แม่ว่าวีร์ชักเลี้ยงน้องหมาไว้ในปากหลายตัวแล้วนะ”ชายหนุ่มสะอึก ก่อนจะเตะหน้าแข้งน้องชายใต้โต๊ะ โทษฐานที่คำออกนอกหน้า เล่นงานอีกฝ่ายเสร็จก็หันกลับไปคุยกับมารดา
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมจำได้แต่ภาพนั้น ครั้งสุดท้ายที่เจอก็ตอนที่ยายตัวแสบแอบไปซ่อนให้ผมตามหาตั้งนาน หลังจากนั้นแม่ก็ส่งผมไปเมืองนอก แล้วที่สำคัญ...”เขาเว้นจังหวะ ก่อนต่อ “...ไม่ได้หน้าตาจิ้มลิ้มอย่างที่แม่ว่าซักนิด ออกจะคล้ายลิงมากกว่า”
“เบญน่ารักนะพี่วีร์ ไม่สนเหรอ”กรวิชญ์ถามเล่นๆ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายเขาฝังใจกับความช่างตื้อของเพื่อนสาวคนนี้ของเขา แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อพี่ชายเบ้หน้าพร้อมปฏิเสธเสียงแข็ง
“แกมันตาบอดวะวิชญ์ มองยังไงเพื่อนแกก็ห่างไกลความน่ารัก”
“พี่อย่าเอาอคติสมัยเด็กมาวัดสิ พี่วีร์ยังไม่เคยเห็นเบญตอนโตเลยด้วยซ้ำ พี่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่สิบห้า กลับมาก็ยี่สิบห้า หลังจากนั้นก็เอาแต่ทำงาน นอนที่คอนโดมากกว่าบ้านอีกตอนนั้นน่ะ”เขาร่ายยาวแทบจะไม่เว้นจังหวะให้พี่ชายเถียง ส่วนมารดาก็นั่งมองบทสนทนาระหว่างพี่น้องเงียบๆ โดยเอนเอียงเข้าทางลูกชายคนเล็กมากกว่า
“ไม่เห็นต้องเห็นหน้าฉันก็บอกได้ว่ายายหนูเบญ สัญชาติตุ๊กแกเนี่ยต้องหน้าตาขี้เหร่ ก็ตอนเด็กขี้เหร่ออกปานนั้น”
“พอเถอะตาวิชญ์ ปล่อยให้พี่แกเห็นกงจักรอย่างแม่พวกสวยไร้สมองที่เขาควงๆอยู่เป็นดอกบัวต่อไป อีกหน่อยก็คงได้ของแถม”
“อะไรครับของแถมที่ว่า”กรวีร์ถามงงๆ
“ก็เอดส์ไง มั่วมันเข้าไปเถอะ”
“แม่ครับ ผมไม่ได้เจ้าชู้นะครับ คบก็ทีละคน แม่จะมาว่าผมมั่วได้ไง”
“ใช่คบทีละคน แต่แกนอนด้วยทุกคนใช่ไหมล่ะ”
“แต่ผมป้องกันนะ”
“เรื่องของแก ฉันไม่สน แต่บอกไว้ก่อนฉันไม่รับแม่พวกนอนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานมาเป็นลูกสะใภ้แน่นอน”คุณมีนาบอกเสียงเด็ดขาดอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่นักก่อนจะเดินจากไป ทำเอาลูกชายคนโตอ้าปากค้าง กรวีร์หันไปหาน้องชายที่ก้มหน้าก้มตากินขนมหวานต่อไปอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนจะถาม
“แม่เป็นอะไรไปวะไอ้วิชญ์”
“คงอยากได้ลูกสะใภ้มั้ง เห็นนิยายเล่มล่าสุดที่แม่อ่านนี่เป็นเรื่องที่แม่หาคู่ให้ลูกชายน่ะ”
“เฮ้ย แล้วแกไม่เดือดร้อนเลยเหรอวะ จะโดนจับคู่เนี่ย”
“ไม่อ่ะ เพราะในเรื่องนั้น คนที่โดนหาคู่มันลูกคนโต”กรวิชญ์ทิ้งระเบิดแล้วเดินจากไป กรวีร์นั่งอึ้งคิดหาทางชิ่งอยู่คนเดียวลำพัง
“แล้วนี่เราจะให้น้องเบญไปทำงานที่ไหนดีล่ะพ่อ”คุณบุษราถามสามีที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าอยู่หัวโต๊ะ บุญญฤทธิ์นั้นออกไปทำงานแล้ว เห็นบอกว่ามีประชุมตอนเช้า ส่วนเบญญาภายังไม่ตื่นคงยังปรับเวลาไม่ได้ คุณปฐมพับหนังสือพิมพ์ลงวางข้างตัว แล้วตอบ
“พ่อก็ยังคิดไม่ออกเลยแม่ โรงแรมที่เจ้าบุญเสนอมาก็ของเพื่อนมันทั้งนั้น แล้วแต่ละคนก็เสือหิวยกก๊วน เกิดหน้ามืดคว้าน้องเพื่อนไปเป็นแฟนขึ้นมา พ่อคงอกแตกตาย พ่อยังไม่อยากได้ลูกเขยเป็นไอ้พวกแสบสันต์นั่น”
“แม่ก็กลัว แต่คิดไม่ออกว่าจะส่งลูกไปที่ไหนดี”
“คุณผู้หญิงคะ เด็กบ้านโน้นเอาขนมฟักทองแกงบวดมาให้ค่ะ”คนรับใช้สาวเดินเขามาบอกพร้อมกับวางโถขนมใบโตลงบนโต๊ะ
“ตายจริง ยายมีนาให้ของกินมาอีกแล้ว เห็นทีวันนี้แม่ต้องทำอะไรกลับไปให้บ้างดีกว่า รับอย่างเดียวมันน่าเกลียด”
“งั้นก็แกงส้มมะละกอสิแม่ พ่อกำลังอยากกินอยู่พอดี”คุณปฐมรีบบอกเพราะแกงส้มมะละกอฝีมือภรรยาเขาอร่อยอย่าบอกใคร สมกับที่เป็นลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทยลือชื่อ
“ได้จ๊ะพ่อ เดี๋ยวบ่ายๆแม่ค่อยไปจ่ายตลาดแล้วกัน เอ๊ะ! ยายมีนาเหรอ”อยู่คุญบุษราก็พูดชื่อเพื่อนรักของตนตาเป็นประกายก่อนจะยิ้มกว้างแล้วหันไปจับแขนสามีที่กำลังจะตักขนมเข้าปากไว้อย่างรวดเร็ว
“แม่นึกออกแล้วพ่อว่าจะให้น้องเบญไปฝึกงานที่ไหน”
“หา ที่ไหนล่ะแม่”คุณบุษราไม่ตอบได้แต่ยิ้ม เธอหาทางที่จะให้ลูกสาวฝึกงานอย่างปลอดภัยได้แล้ว และเธอมั่นใจว่าเต็มร้อยเลยว่าเพ่อนรักของเธอนั้นต้องยินดีเป็นอย่างมาก เห็นทีต้องทำของโรปดเพื่นอไปฝากอีกอย่างเป็นใบเบิกทางซะแล้ว
กรวีร์เคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยอย่างหงุดหงิด แม้จะเข้าใจว่าเรื่องรถติดเป็นเรื่องธรรมดาของกรุงเทพมหานคร แต่ยังไงเขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนอีกหลายแสนคนที่เข้าใจแต่ไม่อาจจะทำใจได้! เขาอยู่ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากที่วันนี้ต้องไปตรวจดูกิจการโรงแรมในเครือสามสี่แห่ง
ชายหนุ่มกดเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยจนได้เพลงที่ต้องการแล้วจึงเลิกและกลับมานั่งรอให้รถขยับต่อไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะหายไปเมื่อเขากดรับสายจากหูฟังไร้สายที่เสียบอยู่ที่หู
“ว่าไงพัชระ”คนที่โทรเข้ามาคือหนึ่งในสามลูกน้องคนสนิท ที่วันนี้เขาปล่อยให้จัดการงานที่โรงแรมหลักแทน บางทีอาจจะมีงานด่วนเข้ามา
“คุณพิณทอง โทรมาหาเจ้านายครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ‘ใครหว่า’ แล้วก็ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน
“ใคร”
“ลูกสาวคุณหญิงเพิ่มศรี ที่นายเจอในผับก่อนไปอเมริกาครับ”
“ก่อนไปอเมริกา แสดงว่าฉันเคยนอนด้วยแล้วสินะ” เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวก่อนไปอเมริกา ภาพของพิณทอง หญิงสาวแสนสวย ดูมีเสน่ห์ เย้ายวนใจลอยขึ้นมา เธอคือลูกสาวผู้ดีเก่าที่ใครในวงสังคมต่างก็รู้ว่าเรียบร้อยอ่อนหวาน ใส่กระโปรงยาวกรอมเท้า เสื้อแขนยาวเดินตามหลังมารดาต้อยๆ หากแต่ภาพที่เขาเห็นตอนนั้นคือ...
หญิงสาวคนเดียวกันในชุดเดรสเกาะอกตัวสั้นผ้ายืดสีดำ รัดรึงไปทุกสัดส่วน ผมที่เคยรวบเป็นหางม้าปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าที่ไร้สีสันบัดนี้ถูกแต่งแต้มอย่างจัดจ้าน รองเท้าส้นแหลมปรี๊ดน่ากลัว แต่หญิงสาวกลับใส่มันพร้อมโยกย้ายไปมาตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน
เขาที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนในกลุ่มที่นัดกันมองตามอีกฝ่ายไปไม่วางตา พอหญิงสาวรู้สึกตัวว่าโดนจ้องอยู่ก็หันมาทำท่าจะเอาเรื่องแต่พอเห็นว่าเขาเป็นคนมองก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน ก่อนจะเดินย่างกรายเข้ามานั่งข้างๆ ไม่เหลือภาพลักษณ์ของคุณหนูที่แสนเรียบร้อยอีกเลยไม่สนใจสายตาของเพื่อนเขาที่จับจ้องมา
มือเรียวลูบไล้ต้นขาแผ่วเบา ส่วนหน้าอกนุ่มก็เบียดที่ต้นแขนแกร่ง พอเขาหันไปมองเจ้าหล่อนก็มองกลับมาอย่างท้าทาย เขายกแก้วเหล้าขึ้นชนกับเธอเป็นการตอบรับไมตรี
หลังจากนั้นก็เป็นอันแน่นอนว่าทั้งเขาและเธอไปจบกันบนเตียงในห้องหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งและนั่นก็ทำให้เขารู้เกี่ยวกับตัวเธอเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าหญิงสาวไม่ได้ ‘ใสซื่อ’ อย่างที่คิด ออกจะ ‘ช่ำชอง’ เสียด้วยซ้ำ พอเช้าต่างฝ่ายก็ต่างไป ไม่หลงเหลือเยื่อใยใดๆ เพราะอันที่จริงมันไม่เคยมีกับผู้หญิงคนใดเลย ทั้งเขาและพวกเธอต่างคบหากันเพื่อความสุขทางร่างกายเท่านั้น
“แล้วเขาโทรมาทำไม ฉันเคยบอกเขาไปแล้วว่าพอเช้าก็ต่างคนต่างไป ไม่มีความผูกพันใดๆ”
“เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยครับ”
“เรื่องอะไร”
“เธอไม่ได้บอกไว้ครับ บอกแค่ว่าให้ไปเจอเธอที่ร้าน...”พัชระรายงานเจ้านาย กรวีร์นิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ
“งั้นบอกเขาไปว่าเดี๋ยวฉันไป”ชายหนุ่มตัดสายก่อนจะกลับรถย้อนไปยังทิศที่ตั้งร้านอาหารที่หญิงสาวนามว่าพิณทองนัดเขาไว้ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าวันนี้ถ้าจะยาว...
“ทางนี้ครับนาย”พัชระที่มารอเจ้านายของเขาอยู่ก่อนแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตูรถ กรวีร์ลงมายืนข้างล่าง ดวงตาคมเข้มมองเข้าไปภายในร้าน เขาหันกลับมาถามลูกน้องหนุ่มทันทีที่เห็นว่าภายในมีนักข่าวอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก
“นี่มันเรื่องอะไรกันพัชระ นักข่าวมาทำอะไรกัน”
“ผมก็ไม่ทราบครับนาย ผมถามคุณหญิงแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมบอก บอกแค่ว่ารอเจ้านายมาเดี๋ยวก็รู้ครับ”
“คุณหญิง? คุณหญิงไหน”
“คุณหญิงเพิ่มศรีครับ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า เริ่มรู้สึกแปลกๆ เรื่องอะไรกันถึงขนาดคุณหญิงเพิ่มศรีมาเองอย่างนี้ ก่อนจะออกคำสั่ง
“โทรหาธัชพลบอกฉันสั่งให้สืบประวัติของคุณพิณทองตอนที่เรียนอยู่เมืองนอก เอาให้ละเอียดและเร็วที่สุด”
“ครับนาย”เมื่อร่างสูงของลูกน้องฉากออกไปทำตามที่สั่งแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปในร้านที่ซึ่งคุณหญิงเพิ่มศรี พิณทองและเหล่านักข่าวอีกจำนวนหนึ่งคอยอยู่ กรวีร์ยกมือสวัสดีผู้ที่อาวุโสสุดที่รับไหว้เขาด้วยท่าทีปั้นปึ่ง ส่วนพิณทองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา เวลานี้หญิงสาวอยู่ในชุดเรียบร้อยอย่างที่ทุกคนเคยเห็นไม่ใช่ชุดผีเสื้อราตรีอย่างคืนนั้น
“เชิญนั่งสิจ๊ะ เพราเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามทั้งหญิงสาวสองวัยและเหล่านักข่าว
“แล้วเรื่องที่จะคุยนี่ไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกับนักข่าวด้วยครับ คุณหญิงเพิ่มศรี”
“ดิฉันแค่ให้น้องๆพวกนี้มาเป็นพยานเท่านั้น”
“พยานเรื่องอะไรไม่ทราบครับ”
“ก็เรื่อง...”ก่อนที่คุณหญิงผู้ดีเก่าจะได้พูดอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มกล่าวขอตัวก่อนจะรับฟังเรื่องที่ปลายสายเหล่าให้ฟัง ดวงตาคมทอประกายวาบก่อนจะหายไป
“ขอบใจนายมาก ขอโทษครับที่ต้องให้รอ”ท้ายประโยคบอกกับทุกคนก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม คุณหญิงเพิ่มศรีมองท่าทางสบายอารมณ์ของชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะพอใจ ถ้าไม่ติดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวพันกับชื่อเสียงหน้าตาในวงสังคมล่ะก็ จ้างให้เธอก็ไม่มีวันลดตัวลงมาเสวนากับพวกผู้ดีใหม่อย่างนี้หรอก ไร้ชาติตระกูลและสมบัติผู้ดี หญิงสาววัยกลางรีบกล่าวเข้าเรื่องเพราะกลัวจะใครขัดจังหวะอีก
“คุณต้องรับผิดชอบลูกพิณทองนะ คุณกรวีร์”
“เรื่องอะไรไม่ทราบครับ”เขาถามเสียงเรียบ ไม่มีความตกใจในน้ำเสียง เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้าง คุณหญิงเพิ่มศรีเม้มปากก่อนจะบอก
“คุณทำลูกพิณทองท้อง คุณหลอกลวงลูกสาวฉัน!”
“ใช้คำพูดผิดหรือเปล่าคำคุณหญิง ต้องเรียกว่าสมยอมมากกว่า”
“คุณกรวีร์! พูดบ้าอะไรน่ะ คนเรียบร้อยอย่างลูกพิณทองเนี่ยนะจะไปทำเรื่องต่ำๆพรรค์นี้”
“ผมพูดเรื่องจริง ว่ายังไงครับคุณพิณทอง คุณจะเล่าหรือจะให้ผมเล่า”ชายหนุ่มเบนสายตาไปยังร่างเพรียวที่นั่งก้มหน้า บีบมือบนหน้าตักแน่น สุดท้ายก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใสๆ
“คุณวีร์พูดเรื่องอะไรคะ พิณทองไม่รู้เรื่อง”
“ก็เรื่องที่เรามีอะไรกันไงครับ”
“งั้นคุณกรวีร์ก็ยอมรับแล้วสิครับว่าทำคุณพิณทองท้องจริงๆ”นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งที่คงเป็นหน่วยกล้าตายสอดปากถามระหว่างนั้น กรวีร์เหลือบมองอย่างเย็นชาทำเอาอีกฝ่ายถึงกับสะท้าน เขาตอบออกไปอีกทาง
“ผมยอมรับว่าเราสองคนมีอะไรกันจริงๆ แต่ผมไม่ใช่คนที่ทำคุณพิณทองท้องแน่นอน”
“ทุเรศ! ทุเรศที่สุด แกจะบอกว่าลูกสาวฉันมั่วอย่างนั้นเหรอ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ! ไอ้ชั่ว!”
“เรื่องนี้มีแต่ลูกสาวคุณหญิงคนเดียวครับที่รู้”เขายังคงยืนยันเสียงราบเรียบ พิณทองเงยหน้ามองชายหนุ่มที่สาวๆทั่วประเทศอย่างจะได้มาครอบครองอย่างกังวล ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมกลายเป็นเหยื่อให้เธอฮุบง่ายๆแน่ๆ แต่เธอไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้เขาหลุดมือแน่ ไม่งั้นเรื่องความประพฤติอันแหลกเหลวของเธอตอนอยู่เมืองนอกก็ต้องแตก คุณหญิงแม่รวมทั้งเธอได้อับอายขายขี้หน้าแน่นอน หญิงสาวแกล้งบีบน้ำตาให้มากขึ้นก่อนจะตัดพ้อ
“ทำไมคุณวีร์ทำอย่างนี้กับพิณทองล่ะคะ คืนนั้นคุณบอกพิณทองว่าคุณรักพิณทอง ถ้าพิณทองเป็นของคุณคุณจะไม่ทิ้งพิณทองไงคะ ตอนนี้พิณทองก็กำลังท้องลูกของคุณอยู่นะคะ”
“ผมไม่เคยบอกรักกับผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ผมนอนด้วยนะครับ คุณพิณทอง ถ้าคืนนั้นคุณไม่ได้เมามากอะไรก็น่าจะจำได้ แต่เอ๊ะ! เท่าที่ผมจำได้ คุณไม่เมาเลยนะ คุณยังเป็นฝ่ายเดินไปเปิดห้องที่โรงแรมเองด้วยซ้ำ”คราวนี้ร่างเพรียวเริ่มหน้าเสียเมื่อทุกสายตาจับจ้องมา รวมทั้งคุณหญิงแม่ของเธอ แต่หญิงสาวก็ยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณวีร์พูดอะไรคะ พิณทองไม่เข้าใจ”
“พอเถอะ!คุณกรวีร์ ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ ก็รับผิดชอบลูกสาวฉันซะ”
กรวีร์หมดความอดทนทันที่คุณหญิงเพิ่มศรีสั่งให้เขารับผิดชอบลูกสาวใจแตกของตน ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนทำให้พิณทองท้อง ชายหนุ่มยิ้มเย็นก่อนเริ่มประหัตประหารอีกฝ่ายด้วยคำพูดทันที
“ทำไมผมต้องรับผิดชอบผู้หญิงที่ไปท้องกับใครมาก็ไม่รู้ด้วยไม่ทราบ ผมขอยืนยันให้รู้ทั่วกันเลยนะว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกผม”
“ถ้าไม่ใช่แกแล้วใครลูกพิณทองบอกว่าคบกับแกแค่คนเดียว”
“ผมไม่เรียกไอ้การเจอกันในผับ แล้วจบลงบนเตียงในคืนเดียวว่าท้องหรอกนะครับ”
“อะ อะไรนะ ในผับเหรอ แล้วทำไมลูกพิณทองบอกแม่ว่าเขาชวนลูกไปดินเนอร์ล่ะคะ” เมื่อได้ยินที่เขาพูดคราวนี้ หญิงวัยกลางคนหันไปถามลูกสาวคนเดียวของตนที่หน้าซีด มองไปทางโน้นนี้เลิกลั่ก เหล่านักข่าวเองก็เริ่มเปลี่ยนฝั่งหันไปถามพิณทองทันที
“นั่นสิคะ ไหนน้องพิณทองบอกว่าคบกันตั้งหลายเดือนแล้ว ตกลงนี่มันอะไรกันแน่คะเนี่ย”
“ไม่ ไม่จริงคะ คุณวีร์โกหก เราสองคนคบกันตั้งนาน”
“ไอ้นานของคุณนี่ จำสับสนกับคนที่อยู่ฝรั่งเศสรึเปล่าครับคุณพิณทอง”กรวีร์แทรกขึ้นมาลอยๆ เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ส่วนคนต้นเรื่องนั่นดวงตาเบิกกว้างและสิ่งที่เขาอ่านได้ก็คือหญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้
“คุณพูดเรื่องอะไรคุณกรวีร์ ใคร? อะไร ฝรั่งเศสทำไม”คุณหญิงเพิ่มศรีถามอย่างสงสัย แม้ในใจจะเริ่มแน่ใจแล้วว่าลูกสาวของเธอไม่ได้ท้องกับร่างสูงตรงหน้านี้แน่ ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เลี่ยงไปถามพิณทองแทน
“คุณท้องกี่เดือนแล้วคุณพิณทอง”
“นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคำถามฉันไม่ทราบ”คุณเพิ่มศรีโวยวาย แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ ถามร่างเพรียวซ้ำ พิณทองมองเขาตาเขียวก่อนจะตอบสะบัดเมื่อเห็นว่ายังไง ยังไงก็คง ‘จับ’ เขาไม่อยู่แล้ว
“สามเดือน ทำไมไม่ทราบ”
“อ้าวอะไรกันล่ะคะเนี่ยน้องพิณทอง คุณหญิง ไหนบอกพวกเราแค่ไม่กี่สัปดาห์เองไง”เหล่าบรรดานักข่าวเริ่มขุดคุ้ย ส่วนคุณหญิงเพิ่มศรีก็ทิ้งตัวนั่งข้างลูกสาวอย่างหมดแรง หมดกัน ทีนี้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ กรวีร์ยิ้มมุมปากก่อนจะตอกประตูปิดฝาโลง
“ถ้าผมยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ รู้สึกว่าเราจะมีอะไรกันก่อนผมไปดูงานที่อเมริกาแค่เดือนเดียวเองนี่ครับ นับให้ตายยังไงก็ไม่ใช่ลูกผม ทำไมไม่ลองถามลูกชายมหาเศรษฐีคนนั้นที่ฝรั่งเศสดูล่ะครับ อาจจะใช่ก็ได้ เพราะที่ผมรู้มาคุณบินไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่ฝรั่งเศส น่าจะราวๆสามเดือนก่อนมั้งครับ” พูดจบก็เดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้พิณทองและคุณหญิงเพิ่มศรีต้องตอบคำถามนักข่าวทั้งหลาย
สุดท้ายหญิงสาวทนไม่ได้เลยวีนแตก เผยธาตุแท้ออกมาทำเอาทั้งมารดาและนักข่าวถึงกับช็อกไปตามๆกัน
“เดี๋ยวก่อน คุณกรวีร์”พิณทองที่เดินออกมาจากร้านตะโกนเรียกเขาไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างเพรียวยิ้มหวาน ไม่ได้มีรอยน้ำตาหรืออาการเสียใจอย่างที่แสดงออกต่อหน้านักข่าว กรีวีร์ยกมือกั้นไม่ให้คนของเขาพุ่งเข้าไปทำร้ายหญิงสาว
“ขอบคุณมากในความเป็นสุภาพบุรุษอันแสนจะ...เฮงซวยของคุณ ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกนะ!”ว่าแล้วก็เดินจากไป แต่ยังไม่ทันไปได้ไกลเธอก็หันกลับมาบอกบางอย่าง
“อ้อ อยากจะบอกอะไรให้คุณได้รู้นะ เผื่อจะได้เอาไปปรับปรุง เซ็กส์คุณน่ะ...ห่วยมาก”พิณทองยิ้มเย้ยก่อนจะขึ้นรถขับจากไป ชายหนุ่มยืนค้างจนพัชระที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังและได้ยินประโยคนั้นต้องเข้ามาสะกิด
“นายครับนาย”
“ฮะ อะไร อ้อ งั้นฉันกลับก่อน ขอบใจนายมาก แล้วก็เบิกเงินไปให้ธัชพลด้วยนะ ฉันให้พิเศษที่หาประวัติยายคุณหนูโรคจิตนั่นมาให้”เขาสั่งการลูกน้องก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ชายหนุ่มก้มลงมองช่วงล่างของตนก่อนจะรำพึง
“นี่เราห่วยจริงๆเหรอวะ”
“ตายแล้ว!ให้เด็กยกมาก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมาเองให้เหนื่อยเลยบุษ”
คุณมีนาเดินเข้าไปกอดเพื่อนสนิท พร้อมกับบ่นอย่างไม่จริงจัง อันที่จริงก็ดีใจที่ได้เจอ แม้จะอยู่บ้านติดกันแต่ใช่ว่าจะเจอกันบ่อย เพราะสมัยก่อนตอนที่กรวีร์ยังเรียนไม่จบเธอก็ต้องออกไปทำงาน ดูแลธุรกิจที่สามีสร้างและคาดหวังเอาไว้ไม่ให้มันพังทลายก่อนที่ลูกชายของเธอพร้อมจะมารับช่วงต่อ และก็ได้บุษรากับครอบครัวนี่แหละที่คอยช่วยเหลือทุกอย่างทั้งเป็นที่ปรึกษายามที่โรงแรมมีปัญหา เพราะยังไงก็ทำโรงแรมเหมือนกัน ทั้งฝากให้ดูแลกรวิชญ์ให้ยามที่เธอต้องไปธุระต่างจังหวัด จนลูกชายคนเล็กแทบจะกลายเป็นลูกคนที่สามของบ้านนั้นแล้ว
“เหนื่อยอะไรกันจ๊ะ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาหาเธอพอดี จะพาใครบ้างคนมาฝากเนื้อฝากตัวน่ะ”คุณบุษราขยิบตาให้ ก่อนจะหันไปเรียกคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างนอก
“เข้ามาสิลูก”คุณมีนาหันไปมองคนที่ค่อยๆเดินเข้ามาสวัสดีเธออย่างประหลาดใจและดีใจ หญิงสาววัยกลางยิ้มกว้างก่อนจะผละจากเพื่อนเข้าไปทั้งกอด ทั้งหอมแก้มจนร่างบางต้องประท้วงเบาๆ
“คุณป้าขา เบญช้ำไปหมดแล้วค่ะ”
“ดูสิ แม่คุณของป้า สวยขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนเป็นกอง เนี่ยป้ายังบ่นถึงเราเมื่อวานอยู่เลย วันนี้โผล่มาหาป้าแล้ว ดีใจจังลูก น้องเบญ”
“เบญก็คิดถึงคุณป้าค่ะ” เบญญาภาบอกกับคนที่เธอเคารพรักเหมือนแม่คนที่สอง ก่อนจะปล่อยให้คุณมีนากอดเอวพาเธอไปยังห้องนั่งเล่น คุณบุษราเดินตามทั้งสองคนเข้าไป เมื่อนั่งลงแล้วเธอก็ปล่อยให้เพื่อนสนิทซักฟอกลูกสาวคนสวยของตนจนพอใจ
“แล้วนี่น้องเบญกลับมาอยู่เมืองไทยตลอดแล้วใช่ไหมจ๊ะ ไม่กลับไปแล้วใช่ไหมลูก”
“ค่ะคุณป้า เบญกะจะกลับมาเกาะคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้าอีกสักพัก คุณป้าว่าไงคะ”หญิงสาวกอดเอวคุณมีนาเอาไว้พลางอ้อน คุณมีนาตีแขนเรียวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนตอบ
“เซี้ยวจริงเด็กคนนี้ แต่ไม่เป็นไรป้ายอมให้น้องเบญเกาะป้าไปตลอดชีวิตเลยนะ แต่มีข้อแม้”คุณมีนายิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนมองหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าถามต่อกลัวเข้าตัว แต่ดูท่ามารดาเธอจะนึกสนุกรีบถามแทนทันที
“ข้อแม้อะไรเหรอมีนา”
“ก็น้องเบญต้องมาเป็นสะใภ้ป้าน่ะสิจ๊ะ”นั่นไงไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้ เธอได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้ ในขณะที่มารดาขยิบตาให้คุณมีนา
“ไม่ได้หรอกค่ะ เบญกับวิชญ์น่ะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ขืนแต่งไปไม่เกินสามวันก็เบื่อกันแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่แต่งกับวิชญ์ก็กับพี่วีร์ก็ได้ ป้าไม่ได้มีลูกชายแค่คนเดียวซักหน่อย จำพี่วีร์ได้ไหมลูก”สาวใหญ่พูดทีเล่นทีจริง แต่ทำเอาเบญญาภาสะดุ้งรีบปฏิเสธ
“จำไม่ค่อยได้ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว”
“ไม่เป็นไรลูก ไว้วันหลังป้าจะแนะนำให้รู้จัก” คุณมีนาตัดบทด้วยไม่อยากให้ไก่ตื่น เอ๊ย ให้หญิงสาวลำบากใจ แล้วเลี่ยงไปถามเรื่องการงาน
“ แล้วนี่น้องเบญได้งานหรือยังลูก”
“ยังเลยจ๊ะ และเพราะเรื่องนี้นี่แหละ ฉันเลยจะมารบกวนเธอหน่อย”คุณบุษราตอบแทนบุตรสาว คุณมีนามุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน
“เรื่องอะไรเหรอบุษ”
“คืองี้นะ...”แล้วคุณบุษราก็เล่าเรื่องที่เธอและสามีตกลงกันเมื่อเช้า โดยมีเบญญาภานั่งฟังผู้ใหญ่ทั้งสองเงียบ ยิ่งฟังคุณมีนาก็อยากจะร้องออกมาด้วยความดีใจเพราะกำลังอยากจะเสนอให้หญิงสาวมาทำงานที่โรงแรมของเธอพอดี เผื่อเรื่องที่เธอหวังมันจะเป็นจริงบ้างกับลูกชายคนใดคนหนึ่งของเธอ และทันทีที่คุณบุษราเล่าจบคุณมีนาก็ตอบตกลงในทันที
“ตกลงจ๊ะ น้องเบญมาเรียนรู้งานที่โรงแรมป้าก่อนก็ได้สักปีสองปี แล้วค่อยกลับไปช่วยพี่บุญ”
“ขอบใจมากนะมีนา น้องเบญขอบคุณคุณป้าสิลูก” เบญญาภาพนมมือไหว้เพื่อนของแม่ ก่อนจะให้สัญญา
“ขอบพระคุณคุณป้ามากค่ะ เบญสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด”
“ไม่เป็นไรลูก ป้าบอกแล้วไงน้องเบญก็เหมือนลูกสาวป้า แต่ว่าป้าคงไม่ให้หนูไปเป็นแม่บ้านหรอกนะลูก มันไม่ตรงกับที่หนูเรียนมาแล้วก็ตำแหน่ง(สะใภ้)ในอนาคต แต่ป้าคงยังบอกไม่ได้ว่าหนูไปทำแผนกไหน ป้าต้องคุยกับพี่วีร์แล้วก็วิชญ์ก่อน เอาไว้แล้วป้าจะไปบอกนะลูก”
“ได้ค่ะคุณป้า” เบญญาภายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอีกครั้งก่อนจะหันไปยิ้มกับมารดาของตน คุณมีนามองท่าทางเป็นธรรมชาติยามอยู่กับผู้ใหญ่ของหญิงสาวอย่างพอใจ เพราะบางคนพยายามจะทำตัวให้เรียบร้อยยามอยู่ต่อหน้าผู้สูงวัยกว่าทำให้ดูขัดตานางเป็นอย่างมาก เธอหมายมาดไว้แล้วว่าตำแหน่งสะใภ้คนใดคนหนึ่งของเธอจะต้องเป็นเบญญาภาอย่างแน่นอน!
“เอ่อ คุณผู้หญิงคะ คุณวีร์โทรมาบอกว่าจะกลับบ้านช้าหน่อยค่ะ”คุณมีนาหันกลับไปซักถามสาเหตุกับสาวใช้ที่เข้ามารายงานอยู่ครู่ก่อนจะหันกลับมาบอกเบญญาภาและคุณบุษราด้วยสีหน้าเสียดายอย่างยิ่ง
“ตาวีร์คงติดธุระด่วน น่าเสียดายจริงๆ อุตส่าห์จะให้เจอกับน้องเบญสักที ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เผื่ออนาคตจะได้มีอะไรช่วยเหลือกันได้”เบญญาภายิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรออกมาหากในใจกลับโล่งอก บอกตรงๆเธอยังไม่พร้อมจะพบหน้ากับเขา คุณบุษราเองก็แอบเสียดายเหมือนกัน เธอเดาได้ว่าเพื่อนรักนั้นมีแผนอะไรและเธอก็ค่อนข้างจะเห็นด้วย หากต้องให้ใครที่ไหนมาดูแลลูกสาวคนเดียวของเธอ เธอก็อยากได้คนที่รู้จักคุ้นเคยอยากกรวีร์มาเป็นลูกเขย
“ไม่ต้องเสียดมเสียดายหรอกมีนา น้องเบญกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วอย่างนี้ วันนึงก็ต้องเจอกันจ๊ะ”
“นั่นสิเนอะ ปะ น้องเบญไปทานของว่างกัน”คุณมีนาพอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็ยิ่งดีใจ รู้ทันทีว่าเพื่อนไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเด็กทั้งสอง จึงรีบเปลี่ยนเรื่องโอบร่างบางเดินตรงไปยังห้องอาหารทันที ตามด้วยคุณบุษรา
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น กรวิชญ์ก็กลับมาถึงบ้านเจอกับเพื่อน และคุณมีนาก็บอกเรื่องที่จะให้เบญญาภาไปทำงานด้วย ซึ่งเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีซะอีกจะได้มีเพื่อนคุย
“ไม่มีปัญหาครับ สำหรับผม แต่แม่ต้องบอกพี่วีร์อีกทีนะครับ รายนั้นเขาเจ้านายหย่าย”กรวิชญ์ลากเสียงกวนๆ จนโดนมารดาตีเผียะเข้าให้ เขาลูบแขนป้อยๆ
“ก็มันจริงนี่ครับ พี่วีร์น่ะชี้เป็นชี้ตายคนทั้งโรงแรมได้เลยนะลูกชายคนนั้นของแม่น่ะ”
“อย่าไปฟังนายวิชญ์เลยน้องเบญ พี่น้องคู่นี้เขารักกันปานจะเลาะกระดูกออกมาแทะเล่น”คุณมีนาจิกกัดสองพี่น้อง เบญญาภาหัวเราะคิกก่อนจะพยายามกลั้นเอาไว้เพราะเพื่อนถลึงตาใส่แถมขู่ปิดท้าย
“เดี๋ยวก็ให้พี่วีร์ส่งไปล้างห้องน้ำเสียนี่”
“ตาวิชญ์!”
เสียงแหลมของคุณมีนาดังเข้าหูของกรวิชญ์เต็มๆ ก่อนจะรีบหลบพัลวันเพราะโดนมารดาหยิกเอาโทษฐานกล้าขู่ลูกสาวนอกไส้คนโปรด เรียกเสียงหัวเราะให้แขกผู้มาเยือนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
กรวีร์เลี้ยวโค้งเข้าไปจอดหน้าบ้าน รอให้พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำบ้านที่จ้างมาเปิดประตูรั้วอัลลอยบานใหญ่ให้ ชายหนุ่มยังคงรู้สึกหงุดหงิดไม่หายกับคำพูดเชิงดูถูกของอดีตคู่นอน
“ห่วยงั้นเหรอ ยัยโรคจิตพิณทองเอ๊ย! แล้วนั่นใครวะ”
ดวงตาคมกริบหรี่มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าประตูรั้วเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมไปยังบ้านของคุณน้าบุษราข้างบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนรักของมารดาเขา ประตูนั้นไม่ได้ใช้มานานเกือบสองปีเท่ากับระยะเวลาที่ยายน้องเบญจอมตื้อนั่นไปเรียนต่อเมืองนอก กรวีร์พยามยามเพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่เพราะความมืดที่ปกคลุมลงมา
“คงเป็นสาวใช้คนใหม่เอาของมาให้แม่ล่ะมั้ง” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเคลื่อนพาหนะคันใหญ่เข้าไปจอดในโรงรถ
----------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ ตอนสุดท้ายในสต็อก (แต่จะพยายามจะมาอัพให้ได้อาทิตย์ละหนนะ) ขอสารภาพว่าตอนนี้เป็นอะไรที่มันส์มากในการพิพม์ พระเอกเรานี้ก็ใช่ย่อย บอกแล้วว่าไม่เย็นชาออกแนวปากหม...าเสียด้วยซ้ำ
ใครที่รอให้พระนางเจอกัน รอตอนหน้านะคะ เขาเจอกันแน่ เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้เน้อ
“นี่ วิชญ์ เมื่อไหร่น้องเบญจะกลับมาล่ะลูก”คุณมีนาถามอย่างนึกขึ้นได้ เพราะลูกชายคนเล็กเคยบอกเอาไว้ว่าเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ กรวิชญ์ส่ายหน้าตอบเพราะปากไม่ว่าง ส่วนกรวีร์นิ่วหน้าเพราะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อของบุคคลที่สาม แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ตัวเองคิดหรือเปล่าเลยนั่งฟังต่อไปเงียบๆ
“แล้วนี่ไม่ได้คุยกันบ้างเลยเหรอตาวิชญ์ แม่อยากเจอน้องเบญ คิดถึงน่ะ ไม่ได้เห็นหน้านานแล้ว คงหน้าตาจิ้มลิ้มขึ้นกว่าเดิมแน่เลย เนอะ”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยเลยครับแม่ ผมก็ยุ่งๆเรื่องนั้นอยู่ แต่อันย่าน่ะคุยบ่อย วันก่อนเห็นบอกว่า เบญกำลังสอบตัวสุดท้ายอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าจบแล้วจะกลับมาเลยหรืออยู่เที่ยวต่อ ถ้ากลับมาเดี๋ยวก็คงเดินมาหาเองแหละครับ”ชายหนุ่มตอบตามความจริง เพราะบ้านของเขาและเบญญาภาอยู่ห่างกันแค่กำแพงกั้น พวกเขาสองคนสนิทกันมาแต่เด็ก อยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ประถมยันมหาลัยถึงจะต่างคณะกันก็เถอะ
อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถเข้านอกออกในบ้านเขาได้โดยที่แม่ของเขาไม่ว่า ตรงกันข้ามดูจะเต็มอกเต็มใจเสียเหลือเกิน ดูท่าคงไม่ใช่เอ็นดูเพราะเป็นลูกสาวเพื่อนรักอย่างเดียวแล้ว คงมีแผนอะไรแน่
“น้องเบญนี่ ใช่ยายเด็กผีตัวแสบที่ตอนเด็กติดผมแจใช่ไหมครับ”กรวีร์โพล่งขึ้นมา ทำเอามารดาที่กำลังจินตนาการถึงลูกสาวเพื่อนต้องชะงัก หันขวับมามองลูกชายตาเขียว
“แม่ว่าวีร์ชักเลี้ยงน้องหมาไว้ในปากหลายตัวแล้วนะ”ชายหนุ่มสะอึก ก่อนจะเตะหน้าแข้งน้องชายใต้โต๊ะ โทษฐานที่คำออกนอกหน้า เล่นงานอีกฝ่ายเสร็จก็หันกลับไปคุยกับมารดา
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมจำได้แต่ภาพนั้น ครั้งสุดท้ายที่เจอก็ตอนที่ยายตัวแสบแอบไปซ่อนให้ผมตามหาตั้งนาน หลังจากนั้นแม่ก็ส่งผมไปเมืองนอก แล้วที่สำคัญ...”เขาเว้นจังหวะ ก่อนต่อ “...ไม่ได้หน้าตาจิ้มลิ้มอย่างที่แม่ว่าซักนิด ออกจะคล้ายลิงมากกว่า”
“เบญน่ารักนะพี่วีร์ ไม่สนเหรอ”กรวิชญ์ถามเล่นๆ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายเขาฝังใจกับความช่างตื้อของเพื่อนสาวคนนี้ของเขา แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อพี่ชายเบ้หน้าพร้อมปฏิเสธเสียงแข็ง
“แกมันตาบอดวะวิชญ์ มองยังไงเพื่อนแกก็ห่างไกลความน่ารัก”
“พี่อย่าเอาอคติสมัยเด็กมาวัดสิ พี่วีร์ยังไม่เคยเห็นเบญตอนโตเลยด้วยซ้ำ พี่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่สิบห้า กลับมาก็ยี่สิบห้า หลังจากนั้นก็เอาแต่ทำงาน นอนที่คอนโดมากกว่าบ้านอีกตอนนั้นน่ะ”เขาร่ายยาวแทบจะไม่เว้นจังหวะให้พี่ชายเถียง ส่วนมารดาก็นั่งมองบทสนทนาระหว่างพี่น้องเงียบๆ โดยเอนเอียงเข้าทางลูกชายคนเล็กมากกว่า
“ไม่เห็นต้องเห็นหน้าฉันก็บอกได้ว่ายายหนูเบญ สัญชาติตุ๊กแกเนี่ยต้องหน้าตาขี้เหร่ ก็ตอนเด็กขี้เหร่ออกปานนั้น”
“พอเถอะตาวิชญ์ ปล่อยให้พี่แกเห็นกงจักรอย่างแม่พวกสวยไร้สมองที่เขาควงๆอยู่เป็นดอกบัวต่อไป อีกหน่อยก็คงได้ของแถม”
“อะไรครับของแถมที่ว่า”กรวีร์ถามงงๆ
“ก็เอดส์ไง มั่วมันเข้าไปเถอะ”
“แม่ครับ ผมไม่ได้เจ้าชู้นะครับ คบก็ทีละคน แม่จะมาว่าผมมั่วได้ไง”
“ใช่คบทีละคน แต่แกนอนด้วยทุกคนใช่ไหมล่ะ”
“แต่ผมป้องกันนะ”
“เรื่องของแก ฉันไม่สน แต่บอกไว้ก่อนฉันไม่รับแม่พวกนอนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานมาเป็นลูกสะใภ้แน่นอน”คุณมีนาบอกเสียงเด็ดขาดอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่นักก่อนจะเดินจากไป ทำเอาลูกชายคนโตอ้าปากค้าง กรวีร์หันไปหาน้องชายที่ก้มหน้าก้มตากินขนมหวานต่อไปอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนจะถาม
“แม่เป็นอะไรไปวะไอ้วิชญ์”
“คงอยากได้ลูกสะใภ้มั้ง เห็นนิยายเล่มล่าสุดที่แม่อ่านนี่เป็นเรื่องที่แม่หาคู่ให้ลูกชายน่ะ”
“เฮ้ย แล้วแกไม่เดือดร้อนเลยเหรอวะ จะโดนจับคู่เนี่ย”
“ไม่อ่ะ เพราะในเรื่องนั้น คนที่โดนหาคู่มันลูกคนโต”กรวิชญ์ทิ้งระเบิดแล้วเดินจากไป กรวีร์นั่งอึ้งคิดหาทางชิ่งอยู่คนเดียวลำพัง
“แล้วนี่เราจะให้น้องเบญไปทำงานที่ไหนดีล่ะพ่อ”คุณบุษราถามสามีที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าอยู่หัวโต๊ะ บุญญฤทธิ์นั้นออกไปทำงานแล้ว เห็นบอกว่ามีประชุมตอนเช้า ส่วนเบญญาภายังไม่ตื่นคงยังปรับเวลาไม่ได้ คุณปฐมพับหนังสือพิมพ์ลงวางข้างตัว แล้วตอบ
“พ่อก็ยังคิดไม่ออกเลยแม่ โรงแรมที่เจ้าบุญเสนอมาก็ของเพื่อนมันทั้งนั้น แล้วแต่ละคนก็เสือหิวยกก๊วน เกิดหน้ามืดคว้าน้องเพื่อนไปเป็นแฟนขึ้นมา พ่อคงอกแตกตาย พ่อยังไม่อยากได้ลูกเขยเป็นไอ้พวกแสบสันต์นั่น”
“แม่ก็กลัว แต่คิดไม่ออกว่าจะส่งลูกไปที่ไหนดี”
“คุณผู้หญิงคะ เด็กบ้านโน้นเอาขนมฟักทองแกงบวดมาให้ค่ะ”คนรับใช้สาวเดินเขามาบอกพร้อมกับวางโถขนมใบโตลงบนโต๊ะ
“ตายจริง ยายมีนาให้ของกินมาอีกแล้ว เห็นทีวันนี้แม่ต้องทำอะไรกลับไปให้บ้างดีกว่า รับอย่างเดียวมันน่าเกลียด”
“งั้นก็แกงส้มมะละกอสิแม่ พ่อกำลังอยากกินอยู่พอดี”คุณปฐมรีบบอกเพราะแกงส้มมะละกอฝีมือภรรยาเขาอร่อยอย่าบอกใคร สมกับที่เป็นลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทยลือชื่อ
“ได้จ๊ะพ่อ เดี๋ยวบ่ายๆแม่ค่อยไปจ่ายตลาดแล้วกัน เอ๊ะ! ยายมีนาเหรอ”อยู่คุญบุษราก็พูดชื่อเพื่อนรักของตนตาเป็นประกายก่อนจะยิ้มกว้างแล้วหันไปจับแขนสามีที่กำลังจะตักขนมเข้าปากไว้อย่างรวดเร็ว
“แม่นึกออกแล้วพ่อว่าจะให้น้องเบญไปฝึกงานที่ไหน”
“หา ที่ไหนล่ะแม่”คุณบุษราไม่ตอบได้แต่ยิ้ม เธอหาทางที่จะให้ลูกสาวฝึกงานอย่างปลอดภัยได้แล้ว และเธอมั่นใจว่าเต็มร้อยเลยว่าเพ่อนรักของเธอนั้นต้องยินดีเป็นอย่างมาก เห็นทีต้องทำของโรปดเพื่นอไปฝากอีกอย่างเป็นใบเบิกทางซะแล้ว
กรวีร์เคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยอย่างหงุดหงิด แม้จะเข้าใจว่าเรื่องรถติดเป็นเรื่องธรรมดาของกรุงเทพมหานคร แต่ยังไงเขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนอีกหลายแสนคนที่เข้าใจแต่ไม่อาจจะทำใจได้! เขาอยู่ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากที่วันนี้ต้องไปตรวจดูกิจการโรงแรมในเครือสามสี่แห่ง
ชายหนุ่มกดเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยจนได้เพลงที่ต้องการแล้วจึงเลิกและกลับมานั่งรอให้รถขยับต่อไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะหายไปเมื่อเขากดรับสายจากหูฟังไร้สายที่เสียบอยู่ที่หู
“ว่าไงพัชระ”คนที่โทรเข้ามาคือหนึ่งในสามลูกน้องคนสนิท ที่วันนี้เขาปล่อยให้จัดการงานที่โรงแรมหลักแทน บางทีอาจจะมีงานด่วนเข้ามา
“คุณพิณทอง โทรมาหาเจ้านายครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ‘ใครหว่า’ แล้วก็ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน
“ใคร”
“ลูกสาวคุณหญิงเพิ่มศรี ที่นายเจอในผับก่อนไปอเมริกาครับ”
“ก่อนไปอเมริกา แสดงว่าฉันเคยนอนด้วยแล้วสินะ” เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวก่อนไปอเมริกา ภาพของพิณทอง หญิงสาวแสนสวย ดูมีเสน่ห์ เย้ายวนใจลอยขึ้นมา เธอคือลูกสาวผู้ดีเก่าที่ใครในวงสังคมต่างก็รู้ว่าเรียบร้อยอ่อนหวาน ใส่กระโปรงยาวกรอมเท้า เสื้อแขนยาวเดินตามหลังมารดาต้อยๆ หากแต่ภาพที่เขาเห็นตอนนั้นคือ...
หญิงสาวคนเดียวกันในชุดเดรสเกาะอกตัวสั้นผ้ายืดสีดำ รัดรึงไปทุกสัดส่วน ผมที่เคยรวบเป็นหางม้าปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าที่ไร้สีสันบัดนี้ถูกแต่งแต้มอย่างจัดจ้าน รองเท้าส้นแหลมปรี๊ดน่ากลัว แต่หญิงสาวกลับใส่มันพร้อมโยกย้ายไปมาตามจังหวะเพลงอย่างเมามัน
เขาที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนในกลุ่มที่นัดกันมองตามอีกฝ่ายไปไม่วางตา พอหญิงสาวรู้สึกตัวว่าโดนจ้องอยู่ก็หันมาทำท่าจะเอาเรื่องแต่พอเห็นว่าเขาเป็นคนมองก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน ก่อนจะเดินย่างกรายเข้ามานั่งข้างๆ ไม่เหลือภาพลักษณ์ของคุณหนูที่แสนเรียบร้อยอีกเลยไม่สนใจสายตาของเพื่อนเขาที่จับจ้องมา
มือเรียวลูบไล้ต้นขาแผ่วเบา ส่วนหน้าอกนุ่มก็เบียดที่ต้นแขนแกร่ง พอเขาหันไปมองเจ้าหล่อนก็มองกลับมาอย่างท้าทาย เขายกแก้วเหล้าขึ้นชนกับเธอเป็นการตอบรับไมตรี
หลังจากนั้นก็เป็นอันแน่นอนว่าทั้งเขาและเธอไปจบกันบนเตียงในห้องหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งและนั่นก็ทำให้เขารู้เกี่ยวกับตัวเธอเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าหญิงสาวไม่ได้ ‘ใสซื่อ’ อย่างที่คิด ออกจะ ‘ช่ำชอง’ เสียด้วยซ้ำ พอเช้าต่างฝ่ายก็ต่างไป ไม่หลงเหลือเยื่อใยใดๆ เพราะอันที่จริงมันไม่เคยมีกับผู้หญิงคนใดเลย ทั้งเขาและพวกเธอต่างคบหากันเพื่อความสุขทางร่างกายเท่านั้น
“แล้วเขาโทรมาทำไม ฉันเคยบอกเขาไปแล้วว่าพอเช้าก็ต่างคนต่างไป ไม่มีความผูกพันใดๆ”
“เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยครับ”
“เรื่องอะไร”
“เธอไม่ได้บอกไว้ครับ บอกแค่ว่าให้ไปเจอเธอที่ร้าน...”พัชระรายงานเจ้านาย กรวีร์นิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ
“งั้นบอกเขาไปว่าเดี๋ยวฉันไป”ชายหนุ่มตัดสายก่อนจะกลับรถย้อนไปยังทิศที่ตั้งร้านอาหารที่หญิงสาวนามว่าพิณทองนัดเขาไว้ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าวันนี้ถ้าจะยาว...
“ทางนี้ครับนาย”พัชระที่มารอเจ้านายของเขาอยู่ก่อนแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตูรถ กรวีร์ลงมายืนข้างล่าง ดวงตาคมเข้มมองเข้าไปภายในร้าน เขาหันกลับมาถามลูกน้องหนุ่มทันทีที่เห็นว่าภายในมีนักข่าวอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก
“นี่มันเรื่องอะไรกันพัชระ นักข่าวมาทำอะไรกัน”
“ผมก็ไม่ทราบครับนาย ผมถามคุณหญิงแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมบอก บอกแค่ว่ารอเจ้านายมาเดี๋ยวก็รู้ครับ”
“คุณหญิง? คุณหญิงไหน”
“คุณหญิงเพิ่มศรีครับ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า เริ่มรู้สึกแปลกๆ เรื่องอะไรกันถึงขนาดคุณหญิงเพิ่มศรีมาเองอย่างนี้ ก่อนจะออกคำสั่ง
“โทรหาธัชพลบอกฉันสั่งให้สืบประวัติของคุณพิณทองตอนที่เรียนอยู่เมืองนอก เอาให้ละเอียดและเร็วที่สุด”
“ครับนาย”เมื่อร่างสูงของลูกน้องฉากออกไปทำตามที่สั่งแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปในร้านที่ซึ่งคุณหญิงเพิ่มศรี พิณทองและเหล่านักข่าวอีกจำนวนหนึ่งคอยอยู่ กรวีร์ยกมือสวัสดีผู้ที่อาวุโสสุดที่รับไหว้เขาด้วยท่าทีปั้นปึ่ง ส่วนพิณทองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา เวลานี้หญิงสาวอยู่ในชุดเรียบร้อยอย่างที่ทุกคนเคยเห็นไม่ใช่ชุดผีเสื้อราตรีอย่างคืนนั้น
“เชิญนั่งสิจ๊ะ เพราเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามทั้งหญิงสาวสองวัยและเหล่านักข่าว
“แล้วเรื่องที่จะคุยนี่ไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกับนักข่าวด้วยครับ คุณหญิงเพิ่มศรี”
“ดิฉันแค่ให้น้องๆพวกนี้มาเป็นพยานเท่านั้น”
“พยานเรื่องอะไรไม่ทราบครับ”
“ก็เรื่อง...”ก่อนที่คุณหญิงผู้ดีเก่าจะได้พูดอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มกล่าวขอตัวก่อนจะรับฟังเรื่องที่ปลายสายเหล่าให้ฟัง ดวงตาคมทอประกายวาบก่อนจะหายไป
“ขอบใจนายมาก ขอโทษครับที่ต้องให้รอ”ท้ายประโยคบอกกับทุกคนก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม คุณหญิงเพิ่มศรีมองท่าทางสบายอารมณ์ของชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะพอใจ ถ้าไม่ติดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวพันกับชื่อเสียงหน้าตาในวงสังคมล่ะก็ จ้างให้เธอก็ไม่มีวันลดตัวลงมาเสวนากับพวกผู้ดีใหม่อย่างนี้หรอก ไร้ชาติตระกูลและสมบัติผู้ดี หญิงสาววัยกลางรีบกล่าวเข้าเรื่องเพราะกลัวจะใครขัดจังหวะอีก
“คุณต้องรับผิดชอบลูกพิณทองนะ คุณกรวีร์”
“เรื่องอะไรไม่ทราบครับ”เขาถามเสียงเรียบ ไม่มีความตกใจในน้ำเสียง เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้าง คุณหญิงเพิ่มศรีเม้มปากก่อนจะบอก
“คุณทำลูกพิณทองท้อง คุณหลอกลวงลูกสาวฉัน!”
“ใช้คำพูดผิดหรือเปล่าคำคุณหญิง ต้องเรียกว่าสมยอมมากกว่า”
“คุณกรวีร์! พูดบ้าอะไรน่ะ คนเรียบร้อยอย่างลูกพิณทองเนี่ยนะจะไปทำเรื่องต่ำๆพรรค์นี้”
“ผมพูดเรื่องจริง ว่ายังไงครับคุณพิณทอง คุณจะเล่าหรือจะให้ผมเล่า”ชายหนุ่มเบนสายตาไปยังร่างเพรียวที่นั่งก้มหน้า บีบมือบนหน้าตักแน่น สุดท้ายก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใสๆ
“คุณวีร์พูดเรื่องอะไรคะ พิณทองไม่รู้เรื่อง”
“ก็เรื่องที่เรามีอะไรกันไงครับ”
“งั้นคุณกรวีร์ก็ยอมรับแล้วสิครับว่าทำคุณพิณทองท้องจริงๆ”นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งที่คงเป็นหน่วยกล้าตายสอดปากถามระหว่างนั้น กรวีร์เหลือบมองอย่างเย็นชาทำเอาอีกฝ่ายถึงกับสะท้าน เขาตอบออกไปอีกทาง
“ผมยอมรับว่าเราสองคนมีอะไรกันจริงๆ แต่ผมไม่ใช่คนที่ทำคุณพิณทองท้องแน่นอน”
“ทุเรศ! ทุเรศที่สุด แกจะบอกว่าลูกสาวฉันมั่วอย่างนั้นเหรอ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ! ไอ้ชั่ว!”
“เรื่องนี้มีแต่ลูกสาวคุณหญิงคนเดียวครับที่รู้”เขายังคงยืนยันเสียงราบเรียบ พิณทองเงยหน้ามองชายหนุ่มที่สาวๆทั่วประเทศอย่างจะได้มาครอบครองอย่างกังวล ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมกลายเป็นเหยื่อให้เธอฮุบง่ายๆแน่ๆ แต่เธอไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้เขาหลุดมือแน่ ไม่งั้นเรื่องความประพฤติอันแหลกเหลวของเธอตอนอยู่เมืองนอกก็ต้องแตก คุณหญิงแม่รวมทั้งเธอได้อับอายขายขี้หน้าแน่นอน หญิงสาวแกล้งบีบน้ำตาให้มากขึ้นก่อนจะตัดพ้อ
“ทำไมคุณวีร์ทำอย่างนี้กับพิณทองล่ะคะ คืนนั้นคุณบอกพิณทองว่าคุณรักพิณทอง ถ้าพิณทองเป็นของคุณคุณจะไม่ทิ้งพิณทองไงคะ ตอนนี้พิณทองก็กำลังท้องลูกของคุณอยู่นะคะ”
“ผมไม่เคยบอกรักกับผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ผมนอนด้วยนะครับ คุณพิณทอง ถ้าคืนนั้นคุณไม่ได้เมามากอะไรก็น่าจะจำได้ แต่เอ๊ะ! เท่าที่ผมจำได้ คุณไม่เมาเลยนะ คุณยังเป็นฝ่ายเดินไปเปิดห้องที่โรงแรมเองด้วยซ้ำ”คราวนี้ร่างเพรียวเริ่มหน้าเสียเมื่อทุกสายตาจับจ้องมา รวมทั้งคุณหญิงแม่ของเธอ แต่หญิงสาวก็ยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณวีร์พูดอะไรคะ พิณทองไม่เข้าใจ”
“พอเถอะ!คุณกรวีร์ ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ ก็รับผิดชอบลูกสาวฉันซะ”
กรวีร์หมดความอดทนทันที่คุณหญิงเพิ่มศรีสั่งให้เขารับผิดชอบลูกสาวใจแตกของตน ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนทำให้พิณทองท้อง ชายหนุ่มยิ้มเย็นก่อนเริ่มประหัตประหารอีกฝ่ายด้วยคำพูดทันที
“ทำไมผมต้องรับผิดชอบผู้หญิงที่ไปท้องกับใครมาก็ไม่รู้ด้วยไม่ทราบ ผมขอยืนยันให้รู้ทั่วกันเลยนะว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกผม”
“ถ้าไม่ใช่แกแล้วใครลูกพิณทองบอกว่าคบกับแกแค่คนเดียว”
“ผมไม่เรียกไอ้การเจอกันในผับ แล้วจบลงบนเตียงในคืนเดียวว่าท้องหรอกนะครับ”
“อะ อะไรนะ ในผับเหรอ แล้วทำไมลูกพิณทองบอกแม่ว่าเขาชวนลูกไปดินเนอร์ล่ะคะ” เมื่อได้ยินที่เขาพูดคราวนี้ หญิงวัยกลางคนหันไปถามลูกสาวคนเดียวของตนที่หน้าซีด มองไปทางโน้นนี้เลิกลั่ก เหล่านักข่าวเองก็เริ่มเปลี่ยนฝั่งหันไปถามพิณทองทันที
“นั่นสิคะ ไหนน้องพิณทองบอกว่าคบกันตั้งหลายเดือนแล้ว ตกลงนี่มันอะไรกันแน่คะเนี่ย”
“ไม่ ไม่จริงคะ คุณวีร์โกหก เราสองคนคบกันตั้งนาน”
“ไอ้นานของคุณนี่ จำสับสนกับคนที่อยู่ฝรั่งเศสรึเปล่าครับคุณพิณทอง”กรวีร์แทรกขึ้นมาลอยๆ เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ส่วนคนต้นเรื่องนั่นดวงตาเบิกกว้างและสิ่งที่เขาอ่านได้ก็คือหญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้
“คุณพูดเรื่องอะไรคุณกรวีร์ ใคร? อะไร ฝรั่งเศสทำไม”คุณหญิงเพิ่มศรีถามอย่างสงสัย แม้ในใจจะเริ่มแน่ใจแล้วว่าลูกสาวของเธอไม่ได้ท้องกับร่างสูงตรงหน้านี้แน่ ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เลี่ยงไปถามพิณทองแทน
“คุณท้องกี่เดือนแล้วคุณพิณทอง”
“นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคำถามฉันไม่ทราบ”คุณเพิ่มศรีโวยวาย แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ ถามร่างเพรียวซ้ำ พิณทองมองเขาตาเขียวก่อนจะตอบสะบัดเมื่อเห็นว่ายังไง ยังไงก็คง ‘จับ’ เขาไม่อยู่แล้ว
“สามเดือน ทำไมไม่ทราบ”
“อ้าวอะไรกันล่ะคะเนี่ยน้องพิณทอง คุณหญิง ไหนบอกพวกเราแค่ไม่กี่สัปดาห์เองไง”เหล่าบรรดานักข่าวเริ่มขุดคุ้ย ส่วนคุณหญิงเพิ่มศรีก็ทิ้งตัวนั่งข้างลูกสาวอย่างหมดแรง หมดกัน ทีนี้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ กรวีร์ยิ้มมุมปากก่อนจะตอกประตูปิดฝาโลง
“ถ้าผมยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ รู้สึกว่าเราจะมีอะไรกันก่อนผมไปดูงานที่อเมริกาแค่เดือนเดียวเองนี่ครับ นับให้ตายยังไงก็ไม่ใช่ลูกผม ทำไมไม่ลองถามลูกชายมหาเศรษฐีคนนั้นที่ฝรั่งเศสดูล่ะครับ อาจจะใช่ก็ได้ เพราะที่ผมรู้มาคุณบินไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่ฝรั่งเศส น่าจะราวๆสามเดือนก่อนมั้งครับ” พูดจบก็เดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้พิณทองและคุณหญิงเพิ่มศรีต้องตอบคำถามนักข่าวทั้งหลาย
สุดท้ายหญิงสาวทนไม่ได้เลยวีนแตก เผยธาตุแท้ออกมาทำเอาทั้งมารดาและนักข่าวถึงกับช็อกไปตามๆกัน
“เดี๋ยวก่อน คุณกรวีร์”พิณทองที่เดินออกมาจากร้านตะโกนเรียกเขาไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างเพรียวยิ้มหวาน ไม่ได้มีรอยน้ำตาหรืออาการเสียใจอย่างที่แสดงออกต่อหน้านักข่าว กรีวีร์ยกมือกั้นไม่ให้คนของเขาพุ่งเข้าไปทำร้ายหญิงสาว
“ขอบคุณมากในความเป็นสุภาพบุรุษอันแสนจะ...เฮงซวยของคุณ ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกนะ!”ว่าแล้วก็เดินจากไป แต่ยังไม่ทันไปได้ไกลเธอก็หันกลับมาบอกบางอย่าง
“อ้อ อยากจะบอกอะไรให้คุณได้รู้นะ เผื่อจะได้เอาไปปรับปรุง เซ็กส์คุณน่ะ...ห่วยมาก”พิณทองยิ้มเย้ยก่อนจะขึ้นรถขับจากไป ชายหนุ่มยืนค้างจนพัชระที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังและได้ยินประโยคนั้นต้องเข้ามาสะกิด
“นายครับนาย”
“ฮะ อะไร อ้อ งั้นฉันกลับก่อน ขอบใจนายมาก แล้วก็เบิกเงินไปให้ธัชพลด้วยนะ ฉันให้พิเศษที่หาประวัติยายคุณหนูโรคจิตนั่นมาให้”เขาสั่งการลูกน้องก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ชายหนุ่มก้มลงมองช่วงล่างของตนก่อนจะรำพึง
“นี่เราห่วยจริงๆเหรอวะ”
“ตายแล้ว!ให้เด็กยกมาก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมาเองให้เหนื่อยเลยบุษ”
คุณมีนาเดินเข้าไปกอดเพื่อนสนิท พร้อมกับบ่นอย่างไม่จริงจัง อันที่จริงก็ดีใจที่ได้เจอ แม้จะอยู่บ้านติดกันแต่ใช่ว่าจะเจอกันบ่อย เพราะสมัยก่อนตอนที่กรวีร์ยังเรียนไม่จบเธอก็ต้องออกไปทำงาน ดูแลธุรกิจที่สามีสร้างและคาดหวังเอาไว้ไม่ให้มันพังทลายก่อนที่ลูกชายของเธอพร้อมจะมารับช่วงต่อ และก็ได้บุษรากับครอบครัวนี่แหละที่คอยช่วยเหลือทุกอย่างทั้งเป็นที่ปรึกษายามที่โรงแรมมีปัญหา เพราะยังไงก็ทำโรงแรมเหมือนกัน ทั้งฝากให้ดูแลกรวิชญ์ให้ยามที่เธอต้องไปธุระต่างจังหวัด จนลูกชายคนเล็กแทบจะกลายเป็นลูกคนที่สามของบ้านนั้นแล้ว
“เหนื่อยอะไรกันจ๊ะ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาหาเธอพอดี จะพาใครบ้างคนมาฝากเนื้อฝากตัวน่ะ”คุณบุษราขยิบตาให้ ก่อนจะหันไปเรียกคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างนอก
“เข้ามาสิลูก”คุณมีนาหันไปมองคนที่ค่อยๆเดินเข้ามาสวัสดีเธออย่างประหลาดใจและดีใจ หญิงสาววัยกลางยิ้มกว้างก่อนจะผละจากเพื่อนเข้าไปทั้งกอด ทั้งหอมแก้มจนร่างบางต้องประท้วงเบาๆ
“คุณป้าขา เบญช้ำไปหมดแล้วค่ะ”
“ดูสิ แม่คุณของป้า สวยขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนเป็นกอง เนี่ยป้ายังบ่นถึงเราเมื่อวานอยู่เลย วันนี้โผล่มาหาป้าแล้ว ดีใจจังลูก น้องเบญ”
“เบญก็คิดถึงคุณป้าค่ะ” เบญญาภาบอกกับคนที่เธอเคารพรักเหมือนแม่คนที่สอง ก่อนจะปล่อยให้คุณมีนากอดเอวพาเธอไปยังห้องนั่งเล่น คุณบุษราเดินตามทั้งสองคนเข้าไป เมื่อนั่งลงแล้วเธอก็ปล่อยให้เพื่อนสนิทซักฟอกลูกสาวคนสวยของตนจนพอใจ
“แล้วนี่น้องเบญกลับมาอยู่เมืองไทยตลอดแล้วใช่ไหมจ๊ะ ไม่กลับไปแล้วใช่ไหมลูก”
“ค่ะคุณป้า เบญกะจะกลับมาเกาะคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้าอีกสักพัก คุณป้าว่าไงคะ”หญิงสาวกอดเอวคุณมีนาเอาไว้พลางอ้อน คุณมีนาตีแขนเรียวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนตอบ
“เซี้ยวจริงเด็กคนนี้ แต่ไม่เป็นไรป้ายอมให้น้องเบญเกาะป้าไปตลอดชีวิตเลยนะ แต่มีข้อแม้”คุณมีนายิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนมองหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าถามต่อกลัวเข้าตัว แต่ดูท่ามารดาเธอจะนึกสนุกรีบถามแทนทันที
“ข้อแม้อะไรเหรอมีนา”
“ก็น้องเบญต้องมาเป็นสะใภ้ป้าน่ะสิจ๊ะ”นั่นไงไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้ เธอได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้ ในขณะที่มารดาขยิบตาให้คุณมีนา
“ไม่ได้หรอกค่ะ เบญกับวิชญ์น่ะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ขืนแต่งไปไม่เกินสามวันก็เบื่อกันแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่แต่งกับวิชญ์ก็กับพี่วีร์ก็ได้ ป้าไม่ได้มีลูกชายแค่คนเดียวซักหน่อย จำพี่วีร์ได้ไหมลูก”สาวใหญ่พูดทีเล่นทีจริง แต่ทำเอาเบญญาภาสะดุ้งรีบปฏิเสธ
“จำไม่ค่อยได้ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว”
“ไม่เป็นไรลูก ไว้วันหลังป้าจะแนะนำให้รู้จัก” คุณมีนาตัดบทด้วยไม่อยากให้ไก่ตื่น เอ๊ย ให้หญิงสาวลำบากใจ แล้วเลี่ยงไปถามเรื่องการงาน
“ แล้วนี่น้องเบญได้งานหรือยังลูก”
“ยังเลยจ๊ะ และเพราะเรื่องนี้นี่แหละ ฉันเลยจะมารบกวนเธอหน่อย”คุณบุษราตอบแทนบุตรสาว คุณมีนามุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน
“เรื่องอะไรเหรอบุษ”
“คืองี้นะ...”แล้วคุณบุษราก็เล่าเรื่องที่เธอและสามีตกลงกันเมื่อเช้า โดยมีเบญญาภานั่งฟังผู้ใหญ่ทั้งสองเงียบ ยิ่งฟังคุณมีนาก็อยากจะร้องออกมาด้วยความดีใจเพราะกำลังอยากจะเสนอให้หญิงสาวมาทำงานที่โรงแรมของเธอพอดี เผื่อเรื่องที่เธอหวังมันจะเป็นจริงบ้างกับลูกชายคนใดคนหนึ่งของเธอ และทันทีที่คุณบุษราเล่าจบคุณมีนาก็ตอบตกลงในทันที
“ตกลงจ๊ะ น้องเบญมาเรียนรู้งานที่โรงแรมป้าก่อนก็ได้สักปีสองปี แล้วค่อยกลับไปช่วยพี่บุญ”
“ขอบใจมากนะมีนา น้องเบญขอบคุณคุณป้าสิลูก” เบญญาภาพนมมือไหว้เพื่อนของแม่ ก่อนจะให้สัญญา
“ขอบพระคุณคุณป้ามากค่ะ เบญสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด”
“ไม่เป็นไรลูก ป้าบอกแล้วไงน้องเบญก็เหมือนลูกสาวป้า แต่ว่าป้าคงไม่ให้หนูไปเป็นแม่บ้านหรอกนะลูก มันไม่ตรงกับที่หนูเรียนมาแล้วก็ตำแหน่ง(สะใภ้)ในอนาคต แต่ป้าคงยังบอกไม่ได้ว่าหนูไปทำแผนกไหน ป้าต้องคุยกับพี่วีร์แล้วก็วิชญ์ก่อน เอาไว้แล้วป้าจะไปบอกนะลูก”
“ได้ค่ะคุณป้า” เบญญาภายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอีกครั้งก่อนจะหันไปยิ้มกับมารดาของตน คุณมีนามองท่าทางเป็นธรรมชาติยามอยู่กับผู้ใหญ่ของหญิงสาวอย่างพอใจ เพราะบางคนพยายามจะทำตัวให้เรียบร้อยยามอยู่ต่อหน้าผู้สูงวัยกว่าทำให้ดูขัดตานางเป็นอย่างมาก เธอหมายมาดไว้แล้วว่าตำแหน่งสะใภ้คนใดคนหนึ่งของเธอจะต้องเป็นเบญญาภาอย่างแน่นอน!
“เอ่อ คุณผู้หญิงคะ คุณวีร์โทรมาบอกว่าจะกลับบ้านช้าหน่อยค่ะ”คุณมีนาหันกลับไปซักถามสาเหตุกับสาวใช้ที่เข้ามารายงานอยู่ครู่ก่อนจะหันกลับมาบอกเบญญาภาและคุณบุษราด้วยสีหน้าเสียดายอย่างยิ่ง
“ตาวีร์คงติดธุระด่วน น่าเสียดายจริงๆ อุตส่าห์จะให้เจอกับน้องเบญสักที ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เผื่ออนาคตจะได้มีอะไรช่วยเหลือกันได้”เบญญาภายิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรออกมาหากในใจกลับโล่งอก บอกตรงๆเธอยังไม่พร้อมจะพบหน้ากับเขา คุณบุษราเองก็แอบเสียดายเหมือนกัน เธอเดาได้ว่าเพื่อนรักนั้นมีแผนอะไรและเธอก็ค่อนข้างจะเห็นด้วย หากต้องให้ใครที่ไหนมาดูแลลูกสาวคนเดียวของเธอ เธอก็อยากได้คนที่รู้จักคุ้นเคยอยากกรวีร์มาเป็นลูกเขย
“ไม่ต้องเสียดมเสียดายหรอกมีนา น้องเบญกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วอย่างนี้ วันนึงก็ต้องเจอกันจ๊ะ”
“นั่นสิเนอะ ปะ น้องเบญไปทานของว่างกัน”คุณมีนาพอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็ยิ่งดีใจ รู้ทันทีว่าเพื่อนไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเด็กทั้งสอง จึงรีบเปลี่ยนเรื่องโอบร่างบางเดินตรงไปยังห้องอาหารทันที ตามด้วยคุณบุษรา
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น กรวิชญ์ก็กลับมาถึงบ้านเจอกับเพื่อน และคุณมีนาก็บอกเรื่องที่จะให้เบญญาภาไปทำงานด้วย ซึ่งเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีซะอีกจะได้มีเพื่อนคุย
“ไม่มีปัญหาครับ สำหรับผม แต่แม่ต้องบอกพี่วีร์อีกทีนะครับ รายนั้นเขาเจ้านายหย่าย”กรวิชญ์ลากเสียงกวนๆ จนโดนมารดาตีเผียะเข้าให้ เขาลูบแขนป้อยๆ
“ก็มันจริงนี่ครับ พี่วีร์น่ะชี้เป็นชี้ตายคนทั้งโรงแรมได้เลยนะลูกชายคนนั้นของแม่น่ะ”
“อย่าไปฟังนายวิชญ์เลยน้องเบญ พี่น้องคู่นี้เขารักกันปานจะเลาะกระดูกออกมาแทะเล่น”คุณมีนาจิกกัดสองพี่น้อง เบญญาภาหัวเราะคิกก่อนจะพยายามกลั้นเอาไว้เพราะเพื่อนถลึงตาใส่แถมขู่ปิดท้าย
“เดี๋ยวก็ให้พี่วีร์ส่งไปล้างห้องน้ำเสียนี่”
“ตาวิชญ์!”
เสียงแหลมของคุณมีนาดังเข้าหูของกรวิชญ์เต็มๆ ก่อนจะรีบหลบพัลวันเพราะโดนมารดาหยิกเอาโทษฐานกล้าขู่ลูกสาวนอกไส้คนโปรด เรียกเสียงหัวเราะให้แขกผู้มาเยือนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
กรวีร์เลี้ยวโค้งเข้าไปจอดหน้าบ้าน รอให้พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำบ้านที่จ้างมาเปิดประตูรั้วอัลลอยบานใหญ่ให้ ชายหนุ่มยังคงรู้สึกหงุดหงิดไม่หายกับคำพูดเชิงดูถูกของอดีตคู่นอน
“ห่วยงั้นเหรอ ยัยโรคจิตพิณทองเอ๊ย! แล้วนั่นใครวะ”
ดวงตาคมกริบหรี่มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าประตูรั้วเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมไปยังบ้านของคุณน้าบุษราข้างบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนรักของมารดาเขา ประตูนั้นไม่ได้ใช้มานานเกือบสองปีเท่ากับระยะเวลาที่ยายน้องเบญจอมตื้อนั่นไปเรียนต่อเมืองนอก กรวีร์พยามยามเพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่เพราะความมืดที่ปกคลุมลงมา
“คงเป็นสาวใช้คนใหม่เอาของมาให้แม่ล่ะมั้ง” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเคลื่อนพาหนะคันใหญ่เข้าไปจอดในโรงรถ
----------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ ตอนสุดท้ายในสต็อก (แต่จะพยายามจะมาอัพให้ได้อาทิตย์ละหนนะ) ขอสารภาพว่าตอนนี้เป็นอะไรที่มันส์มากในการพิพม์ พระเอกเรานี้ก็ใช่ย่อย บอกแล้วว่าไม่เย็นชาออกแนวปากหม...าเสียด้วยซ้ำ
ใครที่รอให้พระนางเจอกัน รอตอนหน้านะคะ เขาเจอกันแน่ เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้เน้อ
ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2555, 19:04:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2555, 19:04:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 1899
<< ตอนที่ 2 | ตอนที่ 4 >> |
แพรพริมา 14 ก.พ. 2555, 08:43:53 น.
มากดไลท์ให้กำลังค่ะ ^^
มากดไลท์ให้กำลังค่ะ ^^
ไอจันทร์ 14 ก.พ. 2555, 10:46:42 น.
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เทียนจันทร์ 14 ก.พ. 2555, 12:48:50 น.
ชอบค่ะ follow ด้วย
ชอบค่ะ follow ด้วย
anOO 14 ก.พ. 2555, 15:13:47 น.
พี่วีร์มีตาหามีลูกกะตาไหม มองหลังน้องเบญเป็นสาวใช้คนใหม่ได้ไงกัน
พี่วีร์มีตาหามีลูกกะตาไหม มองหลังน้องเบญเป็นสาวใช้คนใหม่ได้ไงกัน