จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก
ตอน: ตอนที่ 4
ตอนที่ 3
“ไหนบอกจะกลับเร็ว”เมื่อเห็นหน้าลูกชายคนโตเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นซึ่งเธอกำลังจะเอนหลังอ่านหนังสือพอดีคุณมีนาก็เปิดฉากเตรียมเล่นงานทันที กรวีร์ดึงเนกไทออกจากคอส่งให้สาวใช้ที่เข้ามารับพร้อมกับกระเป๋าเอกสาร ร่างสูงทิ้งตัวนั่งข้างน้องชายที่จ้องโทรทัศน์ตาเขม็ง
“งานเข้านิดหน่อยครับ”
“เรื่องที่โรงแรมงั้นเหรอ” คุณมีนารีบถามอย่างกังวลเพราะเรื่องเก่าเพิ่งจะเรียบร้อยไป เรื่องใหม่ก็มาอีก แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อลูกชายส่ายหน้า
“แค่เรื่องบ้าๆของคนโรคจิตเท่านั้นครับ ไม่เกี่ยวกับโรงแรมหรอก แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ต้องห่วงสิยะ โรงแรมของสุดที่รักฉันอุตส่าห์ทุ่มเททั้งชีวิตสร้างขึ้นมา ขืนมาพังเพราะแกสองคนพี่น้อง แม่คงไม่มีหน้าไปพบพ่อเขา”น้ำตาคลอหน่วยขณะพูด ทำเอาชายหนุ่มเซ็งทันที กรวิชญ์ละสายตาจากโทรทัศน์มากอดปลอบมารดาที่ทำดราม่าอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“ครับๆ ผมรู้แม่น่ะหวงโรงแรมยิ่งกว่าลูกชายซะอีก แต่เรื่องที่เกิดเนี่ยไม่เกี่ยวกับโรงแรมจริงๆ”
“งั้นก็ดี...จริงสิตาวีร์ วันนี้น้าบุษพาน้องเบญมาหาแม่ด้วยแหละ เพิ่งจะกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มพูดขึ้นลอยๆ มือยกแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบขึ้นดื่ม ไม่สนใจสายตาเคืองๆของมารดาที่มองมา
“อะไรพี่ ไม่ต้องเจอเพื่อนผมแค่เนี่ยนะ โชคดี”กรวิชญ์หันกลับมาพูดกลับพี่ชายอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะกับสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าเรื่องที่อีกฝ่ายโดนเบญญาภาในวัยเด็กตามตื้อจะฝังหัวไม่จาง อยากจะรู้จริงๆว่าจะเป็นยังไงหากพี่ชายของเขาได้เจอกับเบญญาภาที่ตอนนี้สวยสะพรั่ง แถมนิสัยก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน...
คงสนุกพิลึก หึหึ...
“เออ ฉันอยากเติมว่าโคตรโชคดีลงไป แต่เกรงใจ”
“อะไรมันจะขนาดนั้นยะ น้องเบญออกจะน่ารัก น่าเอ็นดู ลองเจอเสียหน่อย ขี้คร้านแกจะหลงเสน่ห์น้องเขาเสียล่ะไม่ว่า”คุณมีนาบอก ก่อนจะค้อนใส่ลูกชายตาคว่ำเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“หรือไม่ก็อยากจะลี้หน้าไป เพราะทนกับตุ๊กแกที่ชื่อว่าน้องเบญของแม่ไม่ได้”
“เรื่องของแก แต่เรื่องของฉันคือ ฉันจะให้น้องเบญไปทำงานที่โรงแรมนะ แกก็หาตำแหน่งให้ด้วย”พูดจบก็ยกหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ
กรวีร์ยกแก้วน้ำค้างรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้า เขารีบวางแก้วในมือลง ยื่นมือไปลดหนังสือนิยายเล่มโตของมารดาลงแล้วละล่ำละลักถามอย่างหมดมาดท่านประธานใหญ่ที่หาได้ยาก
“อะไรนะครับ เมื่อกี้แม่ล้อผมเล่นใช่ไหม”
คุณมีนานิ่วหน้าใส่ มือก็ดึงมืออีกฝ่ายให้พ้นจากหนังสือแล้วย้อน
“หน้าฉันเขียนไว้เหรอว่าล้อเล่น”
“แม่!! ผมไม่ยอมนะ เรื่องอะไรต้องให้ยายตุ๊กแกนั่นมาทำงานกับผม”
“ไม่ต้องให้ทำงานกับแกก็ได้ ให้ไปเป็นผู้ช่วยตาวิชญ์ก็ได้นี่”
“ผมหมายถึง ทำไมต้องให้มาทำงานใกล้ๆผม”
“เอ๊ะ! ก็น้าบุษเขาไม่อยากให้ไปทำที่อื่นนี่ เขามาขอความช่วยเหลือเราแบบนี้ แปลว่าเขาไว้ใจเรา แล้วจะให้แม่ปฏิเสธได้ยังไง”
“โธ่!แม่ แม่ก็อ้างอะไรก็ได้นี่”
“ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องให้น้องเบญทำงานที่โรงแรม หาตำแหน่งที่เหมาะสมให้น้องด้วยล่ะ นี่คือ คำสั่ง!”คุณมีนาบอกอย่างเด็ดขาดก่อนจะปิดหนังสือแล้วเดินขึ้นห้องไป ไม่สนใจลูกชายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอีกเลย กรวีร์เอาสองมือกุมขมับ อยากจะหายตัวได้จริงๆ วันนี้มันอะไรกันนักวะ! งานนู้นเข้า งานนี้งอก คนหล่อล่ะเซ็ง
กรวิชญ์ยิ้มมุมปาก รู้สึกสะใจที่เห็นพี่ชายจอมวางมาดจนปัญญาอย่างนี้ได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน สองมือล้วงกระเป๋า ก่อนช่วย...เหยียบซ้ำให้จมดิน
“ตำแหน่งที่เหมาะเนี่ย ผมว่าน่าจะเป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมนะ พี่วีร์ว่าไหม” ก่อนจะฉีกยิ้มแล้วเดินจากไป กรวีร์มองตามหลังน้องชายตัวแสบแล้วโวยออกมา
“ไอ้น้องเวร!”
กรี๊ด!
เสียงกรีดร้องของคุณมีนาดังขึ้นเช้าตรู่ของวัน ทำเอาสองหนุ่มพี่น้องที่กำลังเดินออกจากห้องนอน เตรียมตัวไปทำงานมองหน้ากันก่อนจะวิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว
กรวีร์วิ่งไปถึงตัวมารดาก่อนเป็นคนแรก ตามติดด้วยน้องชายและคนสนิททั้งสามของชายหนุ่ม ทั้งหมดกวาดสายตามองประมุขของบ้านที่ยืนกำหนังสือพิมพ์แน่น
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่!” กรวีร์หมุนตัวมารดาเพื่อสำรวจความเสียหาย พอไม่พบว่านางได้รับบาดเจ็บอะไรก็โล่งใจ ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะสะบัดไปตามแรงตบของคุณมีนา กรวิชญ์และเหล่าบอดี้การ์ดอ้าปากค้าง ส่วนคนโดนทำร้ายก็เอามือกุมแก้มหันกลับไปมองมารดาหน้าเหวอ ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนหล่อถึงโดนตบ?
“แม่ตบผมทำไมเนี่ย”
“ก็แกไปทำอะไรไว้ล่ะตาวีร์ แม่กะแล้วเชียวว่ามันต้องมีวันนี้เกิดขึ้น”
“แม่หมายถึงเรื่องอะไรเนี่ย ผมงงไปหมดแล้วนะ”
“ก็นี่ไง...”คุณมีนายื่นหนังสือพิมพ์ที่ยับยู่ยี่ไปเกือบจนชิดหน้าลูกชายที่ผงะถอยออกไป เขากวาดสายตาอ่านตั้งแต่ด้านบนไล่ลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงข่าวเล็กๆด้านล่าง แต่รูปของเขากลับเด่นหรา
‘ประธานโรงแรมเครือสิทธิวัติ อักษรย่อ ก. ปัด ไม่ได้ทำลูกสาวคุณหญิงเพิ่มศรีท้อง!’
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มอุทานเมื่อเห็นข่าว มือหนารีบพลิกเปิดอ่านรายละเอียดข้างในทันที ด้านหลังมีน้องชายเกาะไหล่อ่านข่าวอยู่เช่นกัน คุณมีนากอดอกมองลูกชายตาเขียว
“ไงล่ะ มีอะไรจะแก้ต้วไหม”
“มีเพียบครับ”
“หลักฐานคาตาอย่างนี้แกยังจะแก้ตัวอะไรอีก...”คุณมีนาแหวใส่ เธอหอบหายใจเล็กน้อยจาการตะแบงเสียงใส่ลูกชายตัวดี เมื่อหายใจเป็นปกติแล้วจึงค่อนขอดออกไป
“...แล้วไง ยายคุณหญิงเพิ่มสี เพิ่มสรร อะไรเนี่ยจะยกขบวนมาถอนหงอกฉันเมื่อไหร่ดีล่ะ ฉันจะได้เตรียมตัวย้อมผมไว้เสียแต่เนิ่นๆ!”
“ถ้าแม่อ่านดีๆ ข่าวมันบอกว่าผมไม่ได้ทำยายโรคจิตพิณทองท้องนะครับ อีกอย่างผมนอนกับเขาแค่ครั้งเดียวก่อนไปอเมริกา เพราะฉะนั้นยังไงผมก็รอด” เขาจิ้มนิ้วลงไปยังประโยคนที่ว่าเป็นการยืนยัน คุณมีนาชะงักเหล่ตามองตามนิ้วที่ชี้นั่น หญิงวัยกลางคนเริ่มอ่อนลงแต่ยังไม่ยอมแพ้
“ถึงงั้นก็เหอะ แม่เคยบอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ทำไมไม่เคยฟังแม่บ้าง แม่ไม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงหยำฉานะ”
“แต่ผมก็รอด...แม่ครับ ผมรู้ตัวเองดี ถ้าไม่ใช่คนที่ดีพอผมไม่มีทางพามาเป็นลูกสะใภ้แม่แน่ แต่ผมต้องการเวลา เมียนะครับไม่ใช่แมวจะได้หาได้ง่ายๆ ประเภทสั่งวันนี้พรุ่งนี้ได้”
ชายหนุ่มโบกมือเป็นเชิงไล่คนสนิท เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ ส่งสัญญาณให้สาวใช้ยกกาแฟมาให้ กรวิชญ์หยิบหนังสือพิมพ์ที่พี่ชายโยนทิ้งขึ้นมานั่งอ่านเนื้อข่าวอย่างสนใจ ส่วนคุณมีนาก็เดินตามาบ่น
“แต่แกอายุไม่ใช่น้อยแล้วนะ แม่อยากอยู่ทันอุ้มหลาน ไม่ใช่ให้แกเผารูปหลานส่งไปให้ดู” กรวีร์สำลักกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ทันที ในหัวพยายามหาทางเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูท่าทางมารดาจะอยากอุ้มหลานมากจริงๆ ตาปรอยซะขนาดนั้น หากยังปล่อยให้คิดเรื่องนี้ สงสัยเขาคงจะต้องไปหาคนมาปั๊มลูกให้มารดาแหงๆ
“เอาเป็นว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะครับแม่ แม่ยังอยู่กับพวกผมอีกนาน เอาเวลาหาลูกสะใภ้ไปสนใจว่าทำยังไงให้ผิวหนังเต่งตึงดึงดูดชายดีกว่าครับ”
“ตาวีร์! นี่แกว่าฉันเหี่ยวเหรอ ไอ้ลูกทรพี!”คุณมีนาเต้นเร่า มือก็เอื้อมไปหยิกต้นแขนของลูกชายคนโต กรวิชญ์ขมวดคิ้วก่อนจะโพล่งขึ้นท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งของมารดาและพี่ชาย
“แต่ว่าไอ้อักษรย่อ ก.ที่ข่าวใช้เนี่ย ก็อาจเป็นผมได้เหมือนกันนะ”
“ปัญญาอ่อน”
“นักข่าวคนนั้นเหรอพี่วีร์”
“แกนั่นแหละ! ตำแหน่งมันก็บอกทนโท่ จะเป็นแกไปได้ไง อีกอย่างเมื่อวานฉันเพิ่งไปฉะกับเขามา”
“เห...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวานเหรอครับเนี่ย ตอนไหนอ่ะ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”กรวิชญ์ทำเสียงสูง รีบถามอย่างสนใจ คุณมีนาเองก็เช่นกันเพราะเธอรีบนั่งลงรอฟัง
“แล้วแกเป็นแม่ฉันหรือไงถึงต้องรู้เรื่องฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”ชายหนุ่มย้อนเสียงห้วน ก่อนจะส่งค้อนไปให้มารดาที่สวนขึ้นมา
“อุ๊ย! เป็นแม่มันยังไม่รู้เล๊ย ต้องเป็นเมียโน่น นอนเตียงเดียวกัน...รู้ทุกเรื่อง”
“แม่ครับ...มันไม่เกี่ยวกันนะ”
“อ้าว ก็แกบอกเอง ว่าแต่...เมื่อวานงั้นเหรอ ใช่ที่แกบอกงานเข้าแล้วกลับมาบ้านช้าใช่ไหม”
คุณมีนาคาดคั้น ชายหนุ่มไม่ตอบก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มแทน ซึ่งคุณมีนาและกรวิชญ์ก็ฟันธงเลยว่าใช่! และนั่นก็ยิ่งทำให้คุณมีนาของขึ้น
“ที่แกไม่ได้เจอหน้าน้องเบญก็เพราะว่าไปเคลียร์เรื่องทำผู้หญิงท้องงั้นเหรอ! งามหน้า...งามหน้าจริงๆ ถ้าน้องเบญรู้เข้าจะคิดยังไงห๊ะ! ตาวีร์”
“ก็เรื่องของยายน้องเบญสัญชาติตุ๊กแกของแม่สิครับ ไม่เกี่ยวกับผม”
เบญญาภาก้มลงอ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์ของพราวอรุณนิวส์ในมืออย่างไม่เชื่อสายตา พี่ชายที่แสนจะใจดี(?)ของเธอคนนั้นจะกลายมาเป็นคนแบบนี้ เจ้าชู้ กะล่อน แถมยังปากร้าย!
“เฮ้อ! กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ไม่นึกว่าจะเป็นความจริงแฮะ”
“บ่นอะไรอยู่น่ะ ยายตัวยุ่ง”บุญญฤทธิ์เดินเข้ามาในห้องอาหาร ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างน้องสาวที่กำลังทำหน้ายุ่งพึมพำอะไรสักอย่างอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกพี่บุญ ก็แค่ข่าวของผู้ชายเจ้าชู้น่ะค่ะ”
“หือ”ชายหนุ่มทำเสียงสูง ก่อนจะคว้าเอาหนังสือพิมพ์ในมืออีกฝ่ายมา สายตาไล่ตั้งแต่ต้นจนไปเจอข่าวที่ว่า เขาหัวเราะเบาๆราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
“นึกว่าใครไอ้วีร์นี่เอง เรื่องปกติน่ะ”
“ปกติ?”หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง “ทำผู้หญิงท้องเนี่ยนะคะปกติ!”
“เราเชื่อเหรอ ในข่าวก็บอกนี่ว่าไม่ใช่ลูกไอ้วีร์”
“หึ! เขาจะพูดอะไรก็ได้นี่คะ เพราะคนที่เสียหายไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”เบญญาภายังไม่ยอมแพ้ เกลียดนักเชียวผู้ชายพรรค์นี้ และก็ไม่รู้ทำไมชีวิตเธอถึงต้องรายล้อมด้วยคนพวกนี้ ตัวอย่างก็พี่ชายตัวดีของเธอนี้ไง!
บุญญฤทธิ์ก็ตะเภาเดียวกันกับกรวีร์ อาจจะต่างกันตรงที่พี่ชายของเธอเป็นพวกคบทีละหลายๆคน บางครั้งรถไฟชนกันก็มี เป็นภาระให้พี่เร เรวดี เพื่อนซึ่งควบตำแหน่งเลขาสาวต้องมาคอยจัดตารางคิวให้ มีหลายครั้งเหมือนกันที่พี่เรมาบ่นให้ฟังว่าอยากจะจัดให้คิวของสาวเอมาชนกับสาวบีให้รู้แล้วรู้รอด!
เธอเองก็แอบยุให้พี่เรทำจริงๆ แต่อีกฝ่ายกลับบอกเสียงอ่อย
‘สงสารมัน’
นอกจากนั้นเพื่อนร่วมก๊วนพี่ชายเธอเองก็ไม่ต่างกัน แต่ละคนจะต้องมีข่าวกับสาวไฮโซบ้าง นางแบบ นางเอก นางร้ายบ้างแทบจะทุกวัน และถึงจะมีข่าวค(ร)าวออกมามากมายแต่ก็ไม่เห็นจะมีสาวไหนขยาดหนุ่มๆเหล่านี้ กลับพยายามที่จะมาเป็นคู่ควงของพวกเขาให้ได้
ส่วนกรวีร์นั้น เธอไม่ได้เจอหน้าเขามานานมากแล้ว พอจะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอก็ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อไฮสคูลที่เมืองนอกเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั่นแหละ หลังจากนั้นก็มีเพียงเรื่องเล่าแกมบ่นจากกรวิชญ์เท่านั้นที่ทำให้เธอพอจะรู้ความเป็นไปของเขา และแต่ละเรื่องที่เพื่อนเธอเล่าก็ไม่พ้นเรื่องสาวๆเสียเท่าไหร่
ถึงจะไม่ได้คบทีละหลายๆคนเหมือนพี่บุญ แต่ไอ้ที่เปลี่ยนผู้หญิงทุกอาทิตย์ไม่ซ้ำหน้านี่ ก็เหลือจะรับ!
เธอเคยถามพี่ชายเหมือนกันว่าทำไมไม่คบแค่คนเดียวที่ตรงใจ ก็ได้รับคำตอบแบบที่ทำให้เธออยากจะหาอะไรมากระแทกหน้าอีกฝ่ายให้หมดหล่อ
‘ก็พี่มันหล่อเลือกได้ไง เลยขอเลือกหลายๆคนหน่อย คนเดียวมันไม่พอ’
ระหว่างที่เธอจมอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น หญิงสาวเผลอแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาทำให้พี่ชายที่เพิ่งละสายตาจากข่าวของเพื่อนข้างบ้านต้องบ่นออกมา
“ดู...ดูทำหน้าเข้ายายน้องเบญ อะไรนักหนาวะ แกไม่ได้เป็นญาติคุณพิณทองอะไรนี่เสียหน่อย ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันจริง”
“ไม่ได้เป็นญาติแต่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เห็นใจกันก็ไม่แปลก...”หญิงสาวยักไหล่ มือเรียวเริ่มตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนละเอียด กลืนลงคอก่อนจะต่อ
“...เหมือนที่พี่บุญเข้าใจพี่วีร์ไง”
“แกนี่นะ กัดพี่ได้ตลอด”บุญญฤทธิ์ค้อนน้องสาว ชายหนุ่มคว้าเสื้อสูทพาดแขน เดินออกไปทำงาน รู้สึกหมดอารมณ์ทานอาหารเช้าทันใด
เบญญาภาเหลือบมองรูปกรวีร์บนหน้าหนังสือพิมพ์ ริมฝีปากอิ่มเบ้เล็กน้อย นิ้วชี้เรียวสวยจิ้มรูปอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์อะไรก็ยังคงหล่อได้อย่างหมั่นไส้
“นึกว่าตัวหล่อนักรึไง”
“ตกลงวีร์จะให้น้องเบญไปทำตำแหน่งไหน คุณแม่ขอถาม” คุณมีนาที่เลิกสนใจข่าวฉาวของลูกชายแล้วถามขึ้น หลังจากชายหนุ่มสรรหาคำพูดมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองนานกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะทำให้มารดาเชื่อได้
กรีวีร์กลอกตาก่อนจะตอบส่งๆไป
“เด็กล้างจานมั้งฮะ”
“หืม... คุณแม่ให้โอกาสพี่วีร์อีกครั้งนะคะ จะให้น้องเบญไปทำอะไรดีเอ่ย”คุณมีนาบอกลูกชายคนโตเสียงหวาน...น่ากลัวในความรู้สึกของลูกชายทั้งคู่ที่รู้ว่ามารดาเริ่มจะโกรธแล้ว
กรวิชญ์ก้มหน้าก้มตาอยู่ถ้วยข้าวต้มของตน ปล่อยให้พี่ชายรับมือกับมารดาเพียงผู้เดียว กรวีร์ถอนหายใจ เขชายกน้ำขึ้นดื่มรู้สึกอิ่มดื้อๆ
“โอเคครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้แม่บอกให้ยายตุ๊กแก เอ๊ย น้องเบญของแม่เข้าไปที่พบผมโรงแรมนะครับ”
“กี่โมงจ๊ะ”
“สักสิบโมงแล้วกันครับ”
“แล้ววีร์จะให้น้องเริ่มงานเลยรึเปล่า แม่จะได้บอกน้องถูก”
เขาลอบยิ้มมุมปาก “ครับ ผมจะให้น้องเบญของแม่เริ่มงานเลย”
“ดีจัง ว่าแต่งานอะไรบอกแม่หน่อยสิ”
“บอกก่อนก็ไม่สนุกสิครับ แม่ใจเย็นๆรอให้เขามารายงานแม่เองพรุ่งนี้ดีกว่า ผมไปทำงานก่อนนะครับ”กรวีร์หอมแก้มมารดาอย่างรักใคร่ เขาคว้าเสื้อสูทขึ้นมาพาดแขนก่อนจะเดินออกไป
คุณมีนานิ่วหน้ามองตามหลังลูกชายคนโตไป รู้สึกสะกิดใจกับคำพูดนั้นจนต้องหันหาลูกชายอีกคน
“พี่วีร์เขาหมายความว่าไงน่ะลูกวิชญ์ บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะ”
“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ลางสังหรณ์ส่วนตัวบอกว่างานจะต้องเข้าไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายนึง”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอแช่งให้พี่วีร์งานเข้า”คุณมีนาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กรวิชญ์หัวเราะกับท่าทางของเธอ
“นั่นลูกแม่นะครับ”
“ไม่นับเป็นลูกแล้ว ขัดใจตลอด...ขอแลกกับยายบุษจะได้ไหมนะ”ท้ายประโยคพูดกับตัวเองเบา แต่พ่อลูกชายหูดีก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“ขอแลกคนไหนครับเนี่ย คนโตหรือคนเล็ก”
“ก็ต้องคนเล็กอยู่แล้ว! เอาตาบุญมาก็ไม่ต่างจากตาวีร์เท่าไหร่ บางทีก็หนักกว่าด้วย พอๆ ไปทำงานได้แล้วเราน่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ พอใจที่ได้แหย่มารดาได้ “คร้าบ ไปแล้วทำงานก่อนนะครับ คุณแม่ของลูกวิชญ์”
ร่างสูงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่เช่นเดียวกับพี่ชาย ก่อนจะเดินควงเสื้อสูทผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี คุณมีนาส่ายหัวกับพฤติกรรมของลูกชายทั้งสอง เห็นทีต้องรีบหาคนมาคุมความประพฤติเสียแล้วสิ หากวางแผนดีๆเธออาจจะได้ลูกสะใภ้ถึงสองคนในคราวเดียวกัน!
“เอ...จำได้ว่ามีเรื่องนึงเกี่ยวกับวางแผนจับคู่ ไปเอามาอ่านอีกรอบดีกว่า” อดีตประธานโรงแรมเครือสิทธิวัติบอกกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่กรวีร์สร้างให้เมื่อสามปีก่อน
หลังจากที่เบญญาภาได้รับข่าวจากคุณมีนาเมื่อวานตอนเย็นว่ากรวีร์เตรียมงานไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอถามคุณมีนาเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะให้เธอทำงานอะไร แต่ก็รับคำตอบเป็รอยยิ้มแหยของคุณป้าที่เคารพ หญิงสาวก็เลยไม่ถามอะไรต่อ เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจอย่างเดียว
พอแปดโมงเช้าของวันนี้ หญิงสาวจึงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางมายังโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือสิทธิวัติอีกทั้งยังเป็นสถานที่ทำงานของกรวีร์และกรวิชญ์อีกด้วย และยังอาจจะเป็นที่ทำงานในอนาคตของเธอด้วย
หลังจากฝ่าการจราจรที่ติดขัดในยามเช้าของวันทำงานมานาน เบญญาภาก็เดินทางมาถึงที่หมาย หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมง ก็เริ่มลังเลว่าจะขึ้นไปเลยดีหรือว่าเดินแกร่วรออีกสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปในโรงแรม
ร่างบางเดินตรงไปยังฟร้อนท์หรือเคาน์เตอร์ต้อนรับแขก ส่งยิ้มนำร่องไปให้พนักงานสาวคนหนึ่งในชุดไทยสีครีมแขนยาวห่มสไบสีเขียวอ่อนตามสีประจำวันแล้วเอ่ยถาม
“ขอโทษนะคะ ดิฉันมาสมัครงาน ไม่ทราบว่าต้องไปตรงไหนคะ”
“ค่ะ เดินไปทางซ้ายมือจะเห็นลิฟต์ ขึ้นไปที่ชั้นสิบหกค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนจะดินไปตามทางที่อีกฝ่ายแนะนำ ก็พบลิฟต์ตัวใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่าเฉพาะพนักงาน นิ้วเรียวจิ้มปุ่มลูกศรชี้ขึ้นแล้วยืนรอ ระหว่างนั้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หญิงสาวควานหาแล้วกดรับ พร้อมกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“น้องเบญถึงโรงแรมหรือยังลูก”
“เพิ่งมาถึงเมื่อครู่เองค่ะ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ป้านึกขึ้นได้ว่าลืมบอกหนูไปว่าจะต้องไปที่ไหน น้องเบญต้องขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบนะลูก”
“อ้าว...”ร่างบางนิ่วหน้า ก็ไหนคนเมื่อกี้บอกสิบหก “...ไม่ใช่ชั้นสิบหกเหรอคะ”
“ชั้นสิบหกสำหรับคนที่มาสมัครงานทั่วไป ส่วนหนูน่ะกรณีพิเศษ พี่วีร์จะเป็นคนจัดการเอง เพราะฉะนั้นชั้นยี่สิบจ๊ะ”
“อ้อ...รับทราบค่ะคุณป้า อุ๊ย! ลิฟต์มาแล้ว เบญขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้า...กลับมาแล้วมาเล่าให้ป้าฟังด้วยนะลูกว่าทำงานอะไร ชักตื่นเต้นแทนแล้วสิ”น้ำเสียงคนปลายสายฟังดูตื่นเต้นจริงดังพูด จนหญิงสาวต้องอมยิ้ม
“ได้ค่ะ ขอบคุณมานะคะ สวัสดีคะ” เธอเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ เพื่อไปยังชั้นยี่สิบ
เบญญาภาก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงจุดหมาย ร่างบางกวาดตามองไปทั่วทั้งฟลอร์ ซึ่งมีแค่ห้องทำงานเพียงสองห้องเท่านั้น ด้านหน้าของแต่ละห้องมีโต๊ะทำงานซึ่งตอนนี้มีคนนั่งอยู่สองคนด้านซ้ายและขวามือของเธอ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
หญิงสาวนึกอยากจะเขกศีรษะของตัวเองเหลือเกินที่ลืมถามคุณมีนาว่าจะต้องไปติดต่อกับใคร เพราะเธอมั่นใจแล้วว่าชั้นนี้คงเป็นของผู้บริหาร และคนที่จะทำงานที่ชั้นนี้ก็มีเพียงกรวีร์กับกรวิชญ์เท่านั้น ว่าแต่ห้องไหนกันนะ...สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเดินไปทางขวามือ ซึ่งมีพนักงานหญิงกำลังนั่งทำงานอยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ดิฉันมาขอพบคุณกรวีร์น่ะค่ะ”
“ห้องทำงานของท่านประธานอยู่ทางด้านโน้นค่ะ”เลขาสาวบอกยิ้มๆ เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนส่งยิ้มแหยไปให้ แล้วเดินจากไปทันที หญิงสาวรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมา ก็แหม...ใครจะไปนึกล่ะว่าเลขาหน้าห้องของกรวีร์จะเป็นผู้ชาย
เธอก้าวไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่มที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับงานตรงหน้า ไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอเดินมาใกล้ หญิงสาวตัดสินใจกระแอมทีหนึ่งเป็นสัญญาณ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอแล้วก็รีบเข้าจุดประสงค์ของตัวเองทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาพบคุณกรวีร์ค่ะ”
“นัดไว้หรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มร่างสูงสวนแว่นสายตาดูสุภาพถามเธอพร้อมรอยยิ้ม
“คิดว่านัดไว้ค่ะ”เขาเลิกคิ้วกับคำตอบอันแสนจะกำกวม ก็มันจริงนี่เธอไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจดชื่อเธอไว้ในตารางนัดหมายของเขาหรือเปล่า บอกแบบนี้แล้วผิดตรงไหน แต่ดูเหมือนเลขาหนุ่มจะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่
“ขอทราบชื่อด้วยครับ คุณ...”
“เบญญาภาค่ะ”
บอกไปแล้วเบญญาภาก็นิ่วหน้า เมื่อกี้เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกๆตอนได้ยินชื่อเธอ แต่มันก็แค่แวบเดียวเพราะตอนนี้เขาส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนจะเปิดดูตารางนัดหมายในแท๊บเลตที่ตอนนี้ฮิตกันทั่วโลก
“มีนัดไว้ตอนสิบโมงนะครับ”
“เผอิญกลัวรถติดเลยออกมาเร็ว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ดีแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้บอสไม่อยู่ ออกไปเซ็นเอกสารสำคัญที่โรงแรมในเครือแถว...”ชายหนุ่มบอกชื่อสถานที่ตั้งของโรงแรมอีกแห่ง ซึ่งหญิงสาวรู้จักดีเนื่องจากโรงแรมของบ้านเธอก็อยู่แถวนั้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะห่างจากโรงแรมของเขาไปไม่มาก
“ดิฉันต้องนั่งรอสินะคะ”
“ครับ...แต่เดี๋ยวผมจะโทรบอกบอส เผื่อจะเสร็จธุระแล้ว ยังไงก็นั่งรอที่โซฟาด้านโน้นก่อนเลยครับ”
หนุ่มแว่นผายมือไปทางขวาที่เป็นมุมพักผ่อนสำหรับแขก เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปนั่งโดยมีเลขาหนุ่มเดินตาม
“ดื่มอะไรดีครับ กาแฟ น้ำส้ม หรือน้ำเปล่า”
“น้ำเปล่าดีกว่าค่ะ”
“รอซักครู่นะครับ”
“ ขอบคุณนะคะ”
เขาเดินจากไปสั่งกับแม่บ้านประจำชั้นคนหนึ่งก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังเจ้านายตามที่ได้รับ ‘คำสั่งลับ’ หากว่าหญิงสาวในหมายนัดมาแล้ว
ระหว่างรอสาย ‘วีรพัชร’ แอบนึกในใจเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้านายเคยพูดเอาไว้เมื่อวาน
‘เฮ้ย วี พรุ่งนี้จดไว้ด้วยว่าฉันมีนัดกับยายอัปลักษณ์เบญญาภาตอนสิบโมง’
อัปลักษณ์งั้นเหรอ ท่าทางเจ้านายเขาคงต้องไปตัดแว่นสายตาเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน หญิงสาวคนนี้ก็ห่างไกลจากคำคำนั้นแน่นอน เขาขอฟันธง!
“บอสครับ คุณเบญญาภามาถึงแล้วครับ”
ใบหน้าคมของเลขาหนุ่มเริ่มเจื่อนลงเรื่อยๆหลังได้รับคำสั่งบางอย่างจากนายจ้าง วีรพัชรอดไม่ได้ที่จะลอบมองร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือ ในใจนึกสงสารขึ้นมาติดหมัด
“รับทราบครับ สวัสดีครับ” เขาวางสายลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังหญิงสาว
“ขอโทษนะครับ บอสบอกว่าจะเข้ามาสายหน่อย แต่ฝากให้ผมพาคุณไปรายงานตัวกับหัวหน้าแผนก เชิญตามผมมาได้เลยครับ”
เบญญาภาเก็บเอกสารลงกระเป๋า รู้สึกเซ็งเล็กน้อยกับการที่ต้องขึ้นชั้นนู้น ลงชั้นนี้ นี่ถ้าบอกแต่แรกว่าจะให้เธอไปพบหัวหน้าแผนกเลยก็จบเรื่องไปแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งรออยู่เป็นนานสองนาน แต่ก็ส่งยิ้มไปให้เลขาหนุ่มแว่นที่กดลิฟต์รอเธออยู่
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาถึงชั้นสิบเจ็ด วีรพัชรเดินนำออกจากลิฟต์ผ่านเหล่าพนักงานในชุดเครื่องแบบพนักงานทำความสะอาดแบบเดียวกับที่เธอเห็นแม่บ้านเมื่อสักครู่ใส่ ร่างบางเริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่างานของเธอนั้นคืออะไร
วีรพัชรลอบสังเกตอาการของหญิงสาวเบื้องหลังที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาว่าไม่พอใจแต่ ดวงตากลมใสที่เริ่มขุ่นมัวบอกเขาได้เป็นอย่างดี นึกอย่างรู้จริงๆว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงต้องแกล้งเธอคนนี้ด้วย
ทั้งคู่เดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของผู้จัดการแผนกนี้ ชายหนุ่มแจ้งกับเลขาก่อนจะเดินเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต ผู้จัดการสาววัยกลางคนดูใจดี ร่างค่อนข้างท้วมลุกออกจากที่นั่งเดินเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้มทักทาย วีรพัชรเริ่มต้นแนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จักทันที
“คนนี้คือคุณระวี เป็นผู้จัดการแผนกแม่บ้านของโรงแรมครับ”เบญญาภายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า อีกฝ่ายเองก็รับไหว้อย่างพอใจ ระวีพอจะรู้มาว่าหญิงสาวตรงหน้าคือลูกสาวของเพื่อนสนิทอดีตประธานโรงแรม ในตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าจะเจอพวกคนรวยที่ชอบดูถูกคนที่ฐานะต่ำกว่า ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วกลับตรงกันข้าม..
“ส่วนคนนี้คือคุณเบญญาภา เธอจะมาทำงานที่นี้ บอสคงบอกคุณระวีไว้บ้างแล้ว”
“ค่ะ บอสบอกแล้ว สวัสดีค่ะคุณเบญญาภา”
“สวัสดีค่ะคุณระวี เรียกเบญเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“ค่ะคุณเบญ พร้อมจะเริ่มงานกันหรือยังคะ”คุณระวีถาม ซึ่งเธอก็รีบตอบอย่างกระตือรือร้นเพราะอยากจะทำงานเต็มแก่แล้ว
“พร้อมค่ะ แล้วจะให้เบญทำอะไรคะ”
“หน้าที่หลักๆก็คือช่วยงานดิฉัน เกี่ยวกับเรื่องเอกสารแล้วก็งานต่างๆของแผนก บอกไว้ก่อนนะคะว่างานหนัก” ผู้จัดการสาวใหญ่แกล้งขู่ เบญญาภาหัวเราะรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่าย
“หนักเอาเบาสู้ค่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า”
แต่ก่อนที่สองสาวต่างวัยจะได้เริ่มงานกันอย่างที่ตั้งใจ เสียงของบุคคลที่ถูกลืมก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่คุณระวีครับ...บอสให้คุณเบญมาเป็น ‘แม่บ้านครับ’” วีรพัชรเน้นคำว่าแม่บ้านเสียงหนัก คุณระวีชะงักให้ลูกสาวเพื่อนสนิทคุณมีนามาเป็นแม่บ้าน งานนี้เธอจะโดนอดีตประธานมีนาแหกอกไหมเนี่ย!
แต่ถ้าไม่ทำตามท่านประธานคนปัจจุบันสั่ง ก็เดาได้เลยว่าเธอคงต้องหางานใหม่เอาตอนอายุเกือบสี่สิบ!
ไม่ใช่แค่คุณระวีเท่านั้นที่อึ้งไป เบญญาภาเองก็เช่นเดียวกัน หญิงสาวทวนคำพูดของชายหนุ่มในใจ ก่อนจะถามออกมาเพื่อความแน่ใจ
“คุณกรวีร์สั่งให่ดิฉันทำอะไรนะคะ”
“คุณกรวีร์ให้คุณเริ่มทำงานที่แผนกแม่บ้านก่อนสองอาทิตย์ จากนั้นค่อยเลื่อนตำแหน่งครับ”วีรพัชรขยับแว่นเล็กน้อย ตอบอย่างสุภาพเช่นเดิม เธอเลื่อนสายตาไปสบกับคุณระวีที่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ บอกเป็นนัยๆว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วย แต่...ช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายพอเห็นว่าไม่มีใครช่วยเธอได้ หญิงสาวก็ได้แต่รับคำออกมาเบาๆ
“อ่าค่ะ”
มือเรียวหยิบเครื่องแบบที่คุณระวีส่งมาให้ ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด แล้วกลับมารับงานจากหัวหน้าโดยตรงซึ่งคุณระวีแอบกระซิบภายหลังว่าใจดีสุดๆ ส่วนพ่อหนุ่มแว่นเลขาของกรวีร์ก็ยืนรอจนเธอตามหัวหน้าไปทำงานแล้ว เขาจึงกลับไปยังที่ทำงานของตน
---------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษค่า ฮือๆ ข้าพเจ้าทำผิดไปแล้ว ด้วยความที่มันส์มือในการพิมพ์ไปหน่อยเลยทำให้รพะเอกกับนางเอกไม่สามารถมาเจอกันได้ในตอนนี้ เนื่องจากหมดโควต้าหน้ากระดาษของตอนพอดี อภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเน้อ
แล้วก็ต้องแจ้งข่าวร้ายว่าอาทิตย์หน้าของดอัพนิยายเรื่องนี้นะคะ เนื่องจากข้าพเจ้าติดสอบ (ความหายนะลอยมาเห็นๆ) แต่จะอัพในอาทิตย์ถัดไป อดใจรอการพบกันของพระนางไปก่อนนะคะ
แล้วอย่าแปลกใจหากพบว่ามีหนุ่มแว่นโผล่มาในทุกเรื่องของไอจันทร์/มนต์บุหลัน(นามปากกาใหม่แกะกล่อง) นั่นก็เพราะความชอบส่วนบุคคล แหะๆ
ขอให้สนุกกับตอนใหม่ค่ะ เจอกันตอนหน้า ติชมได้จ้า บายบี
“ไหนบอกจะกลับเร็ว”เมื่อเห็นหน้าลูกชายคนโตเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นซึ่งเธอกำลังจะเอนหลังอ่านหนังสือพอดีคุณมีนาก็เปิดฉากเตรียมเล่นงานทันที กรวีร์ดึงเนกไทออกจากคอส่งให้สาวใช้ที่เข้ามารับพร้อมกับกระเป๋าเอกสาร ร่างสูงทิ้งตัวนั่งข้างน้องชายที่จ้องโทรทัศน์ตาเขม็ง
“งานเข้านิดหน่อยครับ”
“เรื่องที่โรงแรมงั้นเหรอ” คุณมีนารีบถามอย่างกังวลเพราะเรื่องเก่าเพิ่งจะเรียบร้อยไป เรื่องใหม่ก็มาอีก แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อลูกชายส่ายหน้า
“แค่เรื่องบ้าๆของคนโรคจิตเท่านั้นครับ ไม่เกี่ยวกับโรงแรมหรอก แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ต้องห่วงสิยะ โรงแรมของสุดที่รักฉันอุตส่าห์ทุ่มเททั้งชีวิตสร้างขึ้นมา ขืนมาพังเพราะแกสองคนพี่น้อง แม่คงไม่มีหน้าไปพบพ่อเขา”น้ำตาคลอหน่วยขณะพูด ทำเอาชายหนุ่มเซ็งทันที กรวิชญ์ละสายตาจากโทรทัศน์มากอดปลอบมารดาที่ทำดราม่าอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“ครับๆ ผมรู้แม่น่ะหวงโรงแรมยิ่งกว่าลูกชายซะอีก แต่เรื่องที่เกิดเนี่ยไม่เกี่ยวกับโรงแรมจริงๆ”
“งั้นก็ดี...จริงสิตาวีร์ วันนี้น้าบุษพาน้องเบญมาหาแม่ด้วยแหละ เพิ่งจะกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มพูดขึ้นลอยๆ มือยกแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบขึ้นดื่ม ไม่สนใจสายตาเคืองๆของมารดาที่มองมา
“อะไรพี่ ไม่ต้องเจอเพื่อนผมแค่เนี่ยนะ โชคดี”กรวิชญ์หันกลับมาพูดกลับพี่ชายอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะกับสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าเรื่องที่อีกฝ่ายโดนเบญญาภาในวัยเด็กตามตื้อจะฝังหัวไม่จาง อยากจะรู้จริงๆว่าจะเป็นยังไงหากพี่ชายของเขาได้เจอกับเบญญาภาที่ตอนนี้สวยสะพรั่ง แถมนิสัยก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน...
คงสนุกพิลึก หึหึ...
“เออ ฉันอยากเติมว่าโคตรโชคดีลงไป แต่เกรงใจ”
“อะไรมันจะขนาดนั้นยะ น้องเบญออกจะน่ารัก น่าเอ็นดู ลองเจอเสียหน่อย ขี้คร้านแกจะหลงเสน่ห์น้องเขาเสียล่ะไม่ว่า”คุณมีนาบอก ก่อนจะค้อนใส่ลูกชายตาคว่ำเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“หรือไม่ก็อยากจะลี้หน้าไป เพราะทนกับตุ๊กแกที่ชื่อว่าน้องเบญของแม่ไม่ได้”
“เรื่องของแก แต่เรื่องของฉันคือ ฉันจะให้น้องเบญไปทำงานที่โรงแรมนะ แกก็หาตำแหน่งให้ด้วย”พูดจบก็ยกหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ
กรวีร์ยกแก้วน้ำค้างรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้า เขารีบวางแก้วในมือลง ยื่นมือไปลดหนังสือนิยายเล่มโตของมารดาลงแล้วละล่ำละลักถามอย่างหมดมาดท่านประธานใหญ่ที่หาได้ยาก
“อะไรนะครับ เมื่อกี้แม่ล้อผมเล่นใช่ไหม”
คุณมีนานิ่วหน้าใส่ มือก็ดึงมืออีกฝ่ายให้พ้นจากหนังสือแล้วย้อน
“หน้าฉันเขียนไว้เหรอว่าล้อเล่น”
“แม่!! ผมไม่ยอมนะ เรื่องอะไรต้องให้ยายตุ๊กแกนั่นมาทำงานกับผม”
“ไม่ต้องให้ทำงานกับแกก็ได้ ให้ไปเป็นผู้ช่วยตาวิชญ์ก็ได้นี่”
“ผมหมายถึง ทำไมต้องให้มาทำงานใกล้ๆผม”
“เอ๊ะ! ก็น้าบุษเขาไม่อยากให้ไปทำที่อื่นนี่ เขามาขอความช่วยเหลือเราแบบนี้ แปลว่าเขาไว้ใจเรา แล้วจะให้แม่ปฏิเสธได้ยังไง”
“โธ่!แม่ แม่ก็อ้างอะไรก็ได้นี่”
“ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องให้น้องเบญทำงานที่โรงแรม หาตำแหน่งที่เหมาะสมให้น้องด้วยล่ะ นี่คือ คำสั่ง!”คุณมีนาบอกอย่างเด็ดขาดก่อนจะปิดหนังสือแล้วเดินขึ้นห้องไป ไม่สนใจลูกชายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอีกเลย กรวีร์เอาสองมือกุมขมับ อยากจะหายตัวได้จริงๆ วันนี้มันอะไรกันนักวะ! งานนู้นเข้า งานนี้งอก คนหล่อล่ะเซ็ง
กรวิชญ์ยิ้มมุมปาก รู้สึกสะใจที่เห็นพี่ชายจอมวางมาดจนปัญญาอย่างนี้ได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน สองมือล้วงกระเป๋า ก่อนช่วย...เหยียบซ้ำให้จมดิน
“ตำแหน่งที่เหมาะเนี่ย ผมว่าน่าจะเป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมนะ พี่วีร์ว่าไหม” ก่อนจะฉีกยิ้มแล้วเดินจากไป กรวีร์มองตามหลังน้องชายตัวแสบแล้วโวยออกมา
“ไอ้น้องเวร!”
กรี๊ด!
เสียงกรีดร้องของคุณมีนาดังขึ้นเช้าตรู่ของวัน ทำเอาสองหนุ่มพี่น้องที่กำลังเดินออกจากห้องนอน เตรียมตัวไปทำงานมองหน้ากันก่อนจะวิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว
กรวีร์วิ่งไปถึงตัวมารดาก่อนเป็นคนแรก ตามติดด้วยน้องชายและคนสนิททั้งสามของชายหนุ่ม ทั้งหมดกวาดสายตามองประมุขของบ้านที่ยืนกำหนังสือพิมพ์แน่น
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่!” กรวีร์หมุนตัวมารดาเพื่อสำรวจความเสียหาย พอไม่พบว่านางได้รับบาดเจ็บอะไรก็โล่งใจ ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะสะบัดไปตามแรงตบของคุณมีนา กรวิชญ์และเหล่าบอดี้การ์ดอ้าปากค้าง ส่วนคนโดนทำร้ายก็เอามือกุมแก้มหันกลับไปมองมารดาหน้าเหวอ ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนหล่อถึงโดนตบ?
“แม่ตบผมทำไมเนี่ย”
“ก็แกไปทำอะไรไว้ล่ะตาวีร์ แม่กะแล้วเชียวว่ามันต้องมีวันนี้เกิดขึ้น”
“แม่หมายถึงเรื่องอะไรเนี่ย ผมงงไปหมดแล้วนะ”
“ก็นี่ไง...”คุณมีนายื่นหนังสือพิมพ์ที่ยับยู่ยี่ไปเกือบจนชิดหน้าลูกชายที่ผงะถอยออกไป เขากวาดสายตาอ่านตั้งแต่ด้านบนไล่ลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงข่าวเล็กๆด้านล่าง แต่รูปของเขากลับเด่นหรา
‘ประธานโรงแรมเครือสิทธิวัติ อักษรย่อ ก. ปัด ไม่ได้ทำลูกสาวคุณหญิงเพิ่มศรีท้อง!’
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มอุทานเมื่อเห็นข่าว มือหนารีบพลิกเปิดอ่านรายละเอียดข้างในทันที ด้านหลังมีน้องชายเกาะไหล่อ่านข่าวอยู่เช่นกัน คุณมีนากอดอกมองลูกชายตาเขียว
“ไงล่ะ มีอะไรจะแก้ต้วไหม”
“มีเพียบครับ”
“หลักฐานคาตาอย่างนี้แกยังจะแก้ตัวอะไรอีก...”คุณมีนาแหวใส่ เธอหอบหายใจเล็กน้อยจาการตะแบงเสียงใส่ลูกชายตัวดี เมื่อหายใจเป็นปกติแล้วจึงค่อนขอดออกไป
“...แล้วไง ยายคุณหญิงเพิ่มสี เพิ่มสรร อะไรเนี่ยจะยกขบวนมาถอนหงอกฉันเมื่อไหร่ดีล่ะ ฉันจะได้เตรียมตัวย้อมผมไว้เสียแต่เนิ่นๆ!”
“ถ้าแม่อ่านดีๆ ข่าวมันบอกว่าผมไม่ได้ทำยายโรคจิตพิณทองท้องนะครับ อีกอย่างผมนอนกับเขาแค่ครั้งเดียวก่อนไปอเมริกา เพราะฉะนั้นยังไงผมก็รอด” เขาจิ้มนิ้วลงไปยังประโยคนที่ว่าเป็นการยืนยัน คุณมีนาชะงักเหล่ตามองตามนิ้วที่ชี้นั่น หญิงวัยกลางคนเริ่มอ่อนลงแต่ยังไม่ยอมแพ้
“ถึงงั้นก็เหอะ แม่เคยบอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ทำไมไม่เคยฟังแม่บ้าง แม่ไม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงหยำฉานะ”
“แต่ผมก็รอด...แม่ครับ ผมรู้ตัวเองดี ถ้าไม่ใช่คนที่ดีพอผมไม่มีทางพามาเป็นลูกสะใภ้แม่แน่ แต่ผมต้องการเวลา เมียนะครับไม่ใช่แมวจะได้หาได้ง่ายๆ ประเภทสั่งวันนี้พรุ่งนี้ได้”
ชายหนุ่มโบกมือเป็นเชิงไล่คนสนิท เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ ส่งสัญญาณให้สาวใช้ยกกาแฟมาให้ กรวิชญ์หยิบหนังสือพิมพ์ที่พี่ชายโยนทิ้งขึ้นมานั่งอ่านเนื้อข่าวอย่างสนใจ ส่วนคุณมีนาก็เดินตามาบ่น
“แต่แกอายุไม่ใช่น้อยแล้วนะ แม่อยากอยู่ทันอุ้มหลาน ไม่ใช่ให้แกเผารูปหลานส่งไปให้ดู” กรวีร์สำลักกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ทันที ในหัวพยายามหาทางเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูท่าทางมารดาจะอยากอุ้มหลานมากจริงๆ ตาปรอยซะขนาดนั้น หากยังปล่อยให้คิดเรื่องนี้ สงสัยเขาคงจะต้องไปหาคนมาปั๊มลูกให้มารดาแหงๆ
“เอาเป็นว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะครับแม่ แม่ยังอยู่กับพวกผมอีกนาน เอาเวลาหาลูกสะใภ้ไปสนใจว่าทำยังไงให้ผิวหนังเต่งตึงดึงดูดชายดีกว่าครับ”
“ตาวีร์! นี่แกว่าฉันเหี่ยวเหรอ ไอ้ลูกทรพี!”คุณมีนาเต้นเร่า มือก็เอื้อมไปหยิกต้นแขนของลูกชายคนโต กรวิชญ์ขมวดคิ้วก่อนจะโพล่งขึ้นท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งของมารดาและพี่ชาย
“แต่ว่าไอ้อักษรย่อ ก.ที่ข่าวใช้เนี่ย ก็อาจเป็นผมได้เหมือนกันนะ”
“ปัญญาอ่อน”
“นักข่าวคนนั้นเหรอพี่วีร์”
“แกนั่นแหละ! ตำแหน่งมันก็บอกทนโท่ จะเป็นแกไปได้ไง อีกอย่างเมื่อวานฉันเพิ่งไปฉะกับเขามา”
“เห...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวานเหรอครับเนี่ย ตอนไหนอ่ะ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”กรวิชญ์ทำเสียงสูง รีบถามอย่างสนใจ คุณมีนาเองก็เช่นกันเพราะเธอรีบนั่งลงรอฟัง
“แล้วแกเป็นแม่ฉันหรือไงถึงต้องรู้เรื่องฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”ชายหนุ่มย้อนเสียงห้วน ก่อนจะส่งค้อนไปให้มารดาที่สวนขึ้นมา
“อุ๊ย! เป็นแม่มันยังไม่รู้เล๊ย ต้องเป็นเมียโน่น นอนเตียงเดียวกัน...รู้ทุกเรื่อง”
“แม่ครับ...มันไม่เกี่ยวกันนะ”
“อ้าว ก็แกบอกเอง ว่าแต่...เมื่อวานงั้นเหรอ ใช่ที่แกบอกงานเข้าแล้วกลับมาบ้านช้าใช่ไหม”
คุณมีนาคาดคั้น ชายหนุ่มไม่ตอบก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มแทน ซึ่งคุณมีนาและกรวิชญ์ก็ฟันธงเลยว่าใช่! และนั่นก็ยิ่งทำให้คุณมีนาของขึ้น
“ที่แกไม่ได้เจอหน้าน้องเบญก็เพราะว่าไปเคลียร์เรื่องทำผู้หญิงท้องงั้นเหรอ! งามหน้า...งามหน้าจริงๆ ถ้าน้องเบญรู้เข้าจะคิดยังไงห๊ะ! ตาวีร์”
“ก็เรื่องของยายน้องเบญสัญชาติตุ๊กแกของแม่สิครับ ไม่เกี่ยวกับผม”
เบญญาภาก้มลงอ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์ของพราวอรุณนิวส์ในมืออย่างไม่เชื่อสายตา พี่ชายที่แสนจะใจดี(?)ของเธอคนนั้นจะกลายมาเป็นคนแบบนี้ เจ้าชู้ กะล่อน แถมยังปากร้าย!
“เฮ้อ! กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ไม่นึกว่าจะเป็นความจริงแฮะ”
“บ่นอะไรอยู่น่ะ ยายตัวยุ่ง”บุญญฤทธิ์เดินเข้ามาในห้องอาหาร ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างน้องสาวที่กำลังทำหน้ายุ่งพึมพำอะไรสักอย่างอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกพี่บุญ ก็แค่ข่าวของผู้ชายเจ้าชู้น่ะค่ะ”
“หือ”ชายหนุ่มทำเสียงสูง ก่อนจะคว้าเอาหนังสือพิมพ์ในมืออีกฝ่ายมา สายตาไล่ตั้งแต่ต้นจนไปเจอข่าวที่ว่า เขาหัวเราะเบาๆราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
“นึกว่าใครไอ้วีร์นี่เอง เรื่องปกติน่ะ”
“ปกติ?”หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง “ทำผู้หญิงท้องเนี่ยนะคะปกติ!”
“เราเชื่อเหรอ ในข่าวก็บอกนี่ว่าไม่ใช่ลูกไอ้วีร์”
“หึ! เขาจะพูดอะไรก็ได้นี่คะ เพราะคนที่เสียหายไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”เบญญาภายังไม่ยอมแพ้ เกลียดนักเชียวผู้ชายพรรค์นี้ และก็ไม่รู้ทำไมชีวิตเธอถึงต้องรายล้อมด้วยคนพวกนี้ ตัวอย่างก็พี่ชายตัวดีของเธอนี้ไง!
บุญญฤทธิ์ก็ตะเภาเดียวกันกับกรวีร์ อาจจะต่างกันตรงที่พี่ชายของเธอเป็นพวกคบทีละหลายๆคน บางครั้งรถไฟชนกันก็มี เป็นภาระให้พี่เร เรวดี เพื่อนซึ่งควบตำแหน่งเลขาสาวต้องมาคอยจัดตารางคิวให้ มีหลายครั้งเหมือนกันที่พี่เรมาบ่นให้ฟังว่าอยากจะจัดให้คิวของสาวเอมาชนกับสาวบีให้รู้แล้วรู้รอด!
เธอเองก็แอบยุให้พี่เรทำจริงๆ แต่อีกฝ่ายกลับบอกเสียงอ่อย
‘สงสารมัน’
นอกจากนั้นเพื่อนร่วมก๊วนพี่ชายเธอเองก็ไม่ต่างกัน แต่ละคนจะต้องมีข่าวกับสาวไฮโซบ้าง นางแบบ นางเอก นางร้ายบ้างแทบจะทุกวัน และถึงจะมีข่าวค(ร)าวออกมามากมายแต่ก็ไม่เห็นจะมีสาวไหนขยาดหนุ่มๆเหล่านี้ กลับพยายามที่จะมาเป็นคู่ควงของพวกเขาให้ได้
ส่วนกรวีร์นั้น เธอไม่ได้เจอหน้าเขามานานมากแล้ว พอจะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอก็ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อไฮสคูลที่เมืองนอกเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั่นแหละ หลังจากนั้นก็มีเพียงเรื่องเล่าแกมบ่นจากกรวิชญ์เท่านั้นที่ทำให้เธอพอจะรู้ความเป็นไปของเขา และแต่ละเรื่องที่เพื่อนเธอเล่าก็ไม่พ้นเรื่องสาวๆเสียเท่าไหร่
ถึงจะไม่ได้คบทีละหลายๆคนเหมือนพี่บุญ แต่ไอ้ที่เปลี่ยนผู้หญิงทุกอาทิตย์ไม่ซ้ำหน้านี่ ก็เหลือจะรับ!
เธอเคยถามพี่ชายเหมือนกันว่าทำไมไม่คบแค่คนเดียวที่ตรงใจ ก็ได้รับคำตอบแบบที่ทำให้เธออยากจะหาอะไรมากระแทกหน้าอีกฝ่ายให้หมดหล่อ
‘ก็พี่มันหล่อเลือกได้ไง เลยขอเลือกหลายๆคนหน่อย คนเดียวมันไม่พอ’
ระหว่างที่เธอจมอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น หญิงสาวเผลอแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาทำให้พี่ชายที่เพิ่งละสายตาจากข่าวของเพื่อนข้างบ้านต้องบ่นออกมา
“ดู...ดูทำหน้าเข้ายายน้องเบญ อะไรนักหนาวะ แกไม่ได้เป็นญาติคุณพิณทองอะไรนี่เสียหน่อย ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันจริง”
“ไม่ได้เป็นญาติแต่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เห็นใจกันก็ไม่แปลก...”หญิงสาวยักไหล่ มือเรียวเริ่มตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวจนละเอียด กลืนลงคอก่อนจะต่อ
“...เหมือนที่พี่บุญเข้าใจพี่วีร์ไง”
“แกนี่นะ กัดพี่ได้ตลอด”บุญญฤทธิ์ค้อนน้องสาว ชายหนุ่มคว้าเสื้อสูทพาดแขน เดินออกไปทำงาน รู้สึกหมดอารมณ์ทานอาหารเช้าทันใด
เบญญาภาเหลือบมองรูปกรวีร์บนหน้าหนังสือพิมพ์ ริมฝีปากอิ่มเบ้เล็กน้อย นิ้วชี้เรียวสวยจิ้มรูปอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์อะไรก็ยังคงหล่อได้อย่างหมั่นไส้
“นึกว่าตัวหล่อนักรึไง”
“ตกลงวีร์จะให้น้องเบญไปทำตำแหน่งไหน คุณแม่ขอถาม” คุณมีนาที่เลิกสนใจข่าวฉาวของลูกชายแล้วถามขึ้น หลังจากชายหนุ่มสรรหาคำพูดมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองนานกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะทำให้มารดาเชื่อได้
กรีวีร์กลอกตาก่อนจะตอบส่งๆไป
“เด็กล้างจานมั้งฮะ”
“หืม... คุณแม่ให้โอกาสพี่วีร์อีกครั้งนะคะ จะให้น้องเบญไปทำอะไรดีเอ่ย”คุณมีนาบอกลูกชายคนโตเสียงหวาน...น่ากลัวในความรู้สึกของลูกชายทั้งคู่ที่รู้ว่ามารดาเริ่มจะโกรธแล้ว
กรวิชญ์ก้มหน้าก้มตาอยู่ถ้วยข้าวต้มของตน ปล่อยให้พี่ชายรับมือกับมารดาเพียงผู้เดียว กรวีร์ถอนหายใจ เขชายกน้ำขึ้นดื่มรู้สึกอิ่มดื้อๆ
“โอเคครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้แม่บอกให้ยายตุ๊กแก เอ๊ย น้องเบญของแม่เข้าไปที่พบผมโรงแรมนะครับ”
“กี่โมงจ๊ะ”
“สักสิบโมงแล้วกันครับ”
“แล้ววีร์จะให้น้องเริ่มงานเลยรึเปล่า แม่จะได้บอกน้องถูก”
เขาลอบยิ้มมุมปาก “ครับ ผมจะให้น้องเบญของแม่เริ่มงานเลย”
“ดีจัง ว่าแต่งานอะไรบอกแม่หน่อยสิ”
“บอกก่อนก็ไม่สนุกสิครับ แม่ใจเย็นๆรอให้เขามารายงานแม่เองพรุ่งนี้ดีกว่า ผมไปทำงานก่อนนะครับ”กรวีร์หอมแก้มมารดาอย่างรักใคร่ เขาคว้าเสื้อสูทขึ้นมาพาดแขนก่อนจะเดินออกไป
คุณมีนานิ่วหน้ามองตามหลังลูกชายคนโตไป รู้สึกสะกิดใจกับคำพูดนั้นจนต้องหันหาลูกชายอีกคน
“พี่วีร์เขาหมายความว่าไงน่ะลูกวิชญ์ บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะ”
“ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ลางสังหรณ์ส่วนตัวบอกว่างานจะต้องเข้าไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายนึง”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอแช่งให้พี่วีร์งานเข้า”คุณมีนาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กรวิชญ์หัวเราะกับท่าทางของเธอ
“นั่นลูกแม่นะครับ”
“ไม่นับเป็นลูกแล้ว ขัดใจตลอด...ขอแลกกับยายบุษจะได้ไหมนะ”ท้ายประโยคพูดกับตัวเองเบา แต่พ่อลูกชายหูดีก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“ขอแลกคนไหนครับเนี่ย คนโตหรือคนเล็ก”
“ก็ต้องคนเล็กอยู่แล้ว! เอาตาบุญมาก็ไม่ต่างจากตาวีร์เท่าไหร่ บางทีก็หนักกว่าด้วย พอๆ ไปทำงานได้แล้วเราน่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ พอใจที่ได้แหย่มารดาได้ “คร้าบ ไปแล้วทำงานก่อนนะครับ คุณแม่ของลูกวิชญ์”
ร่างสูงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่เช่นเดียวกับพี่ชาย ก่อนจะเดินควงเสื้อสูทผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี คุณมีนาส่ายหัวกับพฤติกรรมของลูกชายทั้งสอง เห็นทีต้องรีบหาคนมาคุมความประพฤติเสียแล้วสิ หากวางแผนดีๆเธออาจจะได้ลูกสะใภ้ถึงสองคนในคราวเดียวกัน!
“เอ...จำได้ว่ามีเรื่องนึงเกี่ยวกับวางแผนจับคู่ ไปเอามาอ่านอีกรอบดีกว่า” อดีตประธานโรงแรมเครือสิทธิวัติบอกกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่กรวีร์สร้างให้เมื่อสามปีก่อน
หลังจากที่เบญญาภาได้รับข่าวจากคุณมีนาเมื่อวานตอนเย็นว่ากรวีร์เตรียมงานไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอถามคุณมีนาเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะให้เธอทำงานอะไร แต่ก็รับคำตอบเป็รอยยิ้มแหยของคุณป้าที่เคารพ หญิงสาวก็เลยไม่ถามอะไรต่อ เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจอย่างเดียว
พอแปดโมงเช้าของวันนี้ หญิงสาวจึงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางมายังโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือสิทธิวัติอีกทั้งยังเป็นสถานที่ทำงานของกรวีร์และกรวิชญ์อีกด้วย และยังอาจจะเป็นที่ทำงานในอนาคตของเธอด้วย
หลังจากฝ่าการจราจรที่ติดขัดในยามเช้าของวันทำงานมานาน เบญญาภาก็เดินทางมาถึงที่หมาย หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมง ก็เริ่มลังเลว่าจะขึ้นไปเลยดีหรือว่าเดินแกร่วรออีกสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปในโรงแรม
ร่างบางเดินตรงไปยังฟร้อนท์หรือเคาน์เตอร์ต้อนรับแขก ส่งยิ้มนำร่องไปให้พนักงานสาวคนหนึ่งในชุดไทยสีครีมแขนยาวห่มสไบสีเขียวอ่อนตามสีประจำวันแล้วเอ่ยถาม
“ขอโทษนะคะ ดิฉันมาสมัครงาน ไม่ทราบว่าต้องไปตรงไหนคะ”
“ค่ะ เดินไปทางซ้ายมือจะเห็นลิฟต์ ขึ้นไปที่ชั้นสิบหกค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนจะดินไปตามทางที่อีกฝ่ายแนะนำ ก็พบลิฟต์ตัวใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่าเฉพาะพนักงาน นิ้วเรียวจิ้มปุ่มลูกศรชี้ขึ้นแล้วยืนรอ ระหว่างนั้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หญิงสาวควานหาแล้วกดรับ พร้อมกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“น้องเบญถึงโรงแรมหรือยังลูก”
“เพิ่งมาถึงเมื่อครู่เองค่ะ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ป้านึกขึ้นได้ว่าลืมบอกหนูไปว่าจะต้องไปที่ไหน น้องเบญต้องขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบนะลูก”
“อ้าว...”ร่างบางนิ่วหน้า ก็ไหนคนเมื่อกี้บอกสิบหก “...ไม่ใช่ชั้นสิบหกเหรอคะ”
“ชั้นสิบหกสำหรับคนที่มาสมัครงานทั่วไป ส่วนหนูน่ะกรณีพิเศษ พี่วีร์จะเป็นคนจัดการเอง เพราะฉะนั้นชั้นยี่สิบจ๊ะ”
“อ้อ...รับทราบค่ะคุณป้า อุ๊ย! ลิฟต์มาแล้ว เบญขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้า...กลับมาแล้วมาเล่าให้ป้าฟังด้วยนะลูกว่าทำงานอะไร ชักตื่นเต้นแทนแล้วสิ”น้ำเสียงคนปลายสายฟังดูตื่นเต้นจริงดังพูด จนหญิงสาวต้องอมยิ้ม
“ได้ค่ะ ขอบคุณมานะคะ สวัสดีคะ” เธอเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ เพื่อไปยังชั้นยี่สิบ
เบญญาภาก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงจุดหมาย ร่างบางกวาดตามองไปทั่วทั้งฟลอร์ ซึ่งมีแค่ห้องทำงานเพียงสองห้องเท่านั้น ด้านหน้าของแต่ละห้องมีโต๊ะทำงานซึ่งตอนนี้มีคนนั่งอยู่สองคนด้านซ้ายและขวามือของเธอ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
หญิงสาวนึกอยากจะเขกศีรษะของตัวเองเหลือเกินที่ลืมถามคุณมีนาว่าจะต้องไปติดต่อกับใคร เพราะเธอมั่นใจแล้วว่าชั้นนี้คงเป็นของผู้บริหาร และคนที่จะทำงานที่ชั้นนี้ก็มีเพียงกรวีร์กับกรวิชญ์เท่านั้น ว่าแต่ห้องไหนกันนะ...สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเดินไปทางขวามือ ซึ่งมีพนักงานหญิงกำลังนั่งทำงานอยู่
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ดิฉันมาขอพบคุณกรวีร์น่ะค่ะ”
“ห้องทำงานของท่านประธานอยู่ทางด้านโน้นค่ะ”เลขาสาวบอกยิ้มๆ เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนส่งยิ้มแหยไปให้ แล้วเดินจากไปทันที หญิงสาวรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมา ก็แหม...ใครจะไปนึกล่ะว่าเลขาหน้าห้องของกรวีร์จะเป็นผู้ชาย
เธอก้าวไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่มที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับงานตรงหน้า ไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอเดินมาใกล้ หญิงสาวตัดสินใจกระแอมทีหนึ่งเป็นสัญญาณ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอแล้วก็รีบเข้าจุดประสงค์ของตัวเองทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาพบคุณกรวีร์ค่ะ”
“นัดไว้หรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มร่างสูงสวนแว่นสายตาดูสุภาพถามเธอพร้อมรอยยิ้ม
“คิดว่านัดไว้ค่ะ”เขาเลิกคิ้วกับคำตอบอันแสนจะกำกวม ก็มันจริงนี่เธอไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจดชื่อเธอไว้ในตารางนัดหมายของเขาหรือเปล่า บอกแบบนี้แล้วผิดตรงไหน แต่ดูเหมือนเลขาหนุ่มจะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่
“ขอทราบชื่อด้วยครับ คุณ...”
“เบญญาภาค่ะ”
บอกไปแล้วเบญญาภาก็นิ่วหน้า เมื่อกี้เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกๆตอนได้ยินชื่อเธอ แต่มันก็แค่แวบเดียวเพราะตอนนี้เขาส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนจะเปิดดูตารางนัดหมายในแท๊บเลตที่ตอนนี้ฮิตกันทั่วโลก
“มีนัดไว้ตอนสิบโมงนะครับ”
“เผอิญกลัวรถติดเลยออกมาเร็ว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ดีแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้บอสไม่อยู่ ออกไปเซ็นเอกสารสำคัญที่โรงแรมในเครือแถว...”ชายหนุ่มบอกชื่อสถานที่ตั้งของโรงแรมอีกแห่ง ซึ่งหญิงสาวรู้จักดีเนื่องจากโรงแรมของบ้านเธอก็อยู่แถวนั้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะห่างจากโรงแรมของเขาไปไม่มาก
“ดิฉันต้องนั่งรอสินะคะ”
“ครับ...แต่เดี๋ยวผมจะโทรบอกบอส เผื่อจะเสร็จธุระแล้ว ยังไงก็นั่งรอที่โซฟาด้านโน้นก่อนเลยครับ”
หนุ่มแว่นผายมือไปทางขวาที่เป็นมุมพักผ่อนสำหรับแขก เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปนั่งโดยมีเลขาหนุ่มเดินตาม
“ดื่มอะไรดีครับ กาแฟ น้ำส้ม หรือน้ำเปล่า”
“น้ำเปล่าดีกว่าค่ะ”
“รอซักครู่นะครับ”
“ ขอบคุณนะคะ”
เขาเดินจากไปสั่งกับแม่บ้านประจำชั้นคนหนึ่งก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังเจ้านายตามที่ได้รับ ‘คำสั่งลับ’ หากว่าหญิงสาวในหมายนัดมาแล้ว
ระหว่างรอสาย ‘วีรพัชร’ แอบนึกในใจเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้านายเคยพูดเอาไว้เมื่อวาน
‘เฮ้ย วี พรุ่งนี้จดไว้ด้วยว่าฉันมีนัดกับยายอัปลักษณ์เบญญาภาตอนสิบโมง’
อัปลักษณ์งั้นเหรอ ท่าทางเจ้านายเขาคงต้องไปตัดแว่นสายตาเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน หญิงสาวคนนี้ก็ห่างไกลจากคำคำนั้นแน่นอน เขาขอฟันธง!
“บอสครับ คุณเบญญาภามาถึงแล้วครับ”
ใบหน้าคมของเลขาหนุ่มเริ่มเจื่อนลงเรื่อยๆหลังได้รับคำสั่งบางอย่างจากนายจ้าง วีรพัชรอดไม่ได้ที่จะลอบมองร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือ ในใจนึกสงสารขึ้นมาติดหมัด
“รับทราบครับ สวัสดีครับ” เขาวางสายลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังหญิงสาว
“ขอโทษนะครับ บอสบอกว่าจะเข้ามาสายหน่อย แต่ฝากให้ผมพาคุณไปรายงานตัวกับหัวหน้าแผนก เชิญตามผมมาได้เลยครับ”
เบญญาภาเก็บเอกสารลงกระเป๋า รู้สึกเซ็งเล็กน้อยกับการที่ต้องขึ้นชั้นนู้น ลงชั้นนี้ นี่ถ้าบอกแต่แรกว่าจะให้เธอไปพบหัวหน้าแผนกเลยก็จบเรื่องไปแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งรออยู่เป็นนานสองนาน แต่ก็ส่งยิ้มไปให้เลขาหนุ่มแว่นที่กดลิฟต์รอเธออยู่
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาถึงชั้นสิบเจ็ด วีรพัชรเดินนำออกจากลิฟต์ผ่านเหล่าพนักงานในชุดเครื่องแบบพนักงานทำความสะอาดแบบเดียวกับที่เธอเห็นแม่บ้านเมื่อสักครู่ใส่ ร่างบางเริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่างานของเธอนั้นคืออะไร
วีรพัชรลอบสังเกตอาการของหญิงสาวเบื้องหลังที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาว่าไม่พอใจแต่ ดวงตากลมใสที่เริ่มขุ่นมัวบอกเขาได้เป็นอย่างดี นึกอย่างรู้จริงๆว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงต้องแกล้งเธอคนนี้ด้วย
ทั้งคู่เดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของผู้จัดการแผนกนี้ ชายหนุ่มแจ้งกับเลขาก่อนจะเดินเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต ผู้จัดการสาววัยกลางคนดูใจดี ร่างค่อนข้างท้วมลุกออกจากที่นั่งเดินเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้มทักทาย วีรพัชรเริ่มต้นแนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จักทันที
“คนนี้คือคุณระวี เป็นผู้จัดการแผนกแม่บ้านของโรงแรมครับ”เบญญาภายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า อีกฝ่ายเองก็รับไหว้อย่างพอใจ ระวีพอจะรู้มาว่าหญิงสาวตรงหน้าคือลูกสาวของเพื่อนสนิทอดีตประธานโรงแรม ในตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าจะเจอพวกคนรวยที่ชอบดูถูกคนที่ฐานะต่ำกว่า ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วกลับตรงกันข้าม..
“ส่วนคนนี้คือคุณเบญญาภา เธอจะมาทำงานที่นี้ บอสคงบอกคุณระวีไว้บ้างแล้ว”
“ค่ะ บอสบอกแล้ว สวัสดีค่ะคุณเบญญาภา”
“สวัสดีค่ะคุณระวี เรียกเบญเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“ค่ะคุณเบญ พร้อมจะเริ่มงานกันหรือยังคะ”คุณระวีถาม ซึ่งเธอก็รีบตอบอย่างกระตือรือร้นเพราะอยากจะทำงานเต็มแก่แล้ว
“พร้อมค่ะ แล้วจะให้เบญทำอะไรคะ”
“หน้าที่หลักๆก็คือช่วยงานดิฉัน เกี่ยวกับเรื่องเอกสารแล้วก็งานต่างๆของแผนก บอกไว้ก่อนนะคะว่างานหนัก” ผู้จัดการสาวใหญ่แกล้งขู่ เบญญาภาหัวเราะรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่าย
“หนักเอาเบาสู้ค่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า”
แต่ก่อนที่สองสาวต่างวัยจะได้เริ่มงานกันอย่างที่ตั้งใจ เสียงของบุคคลที่ถูกลืมก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่คุณระวีครับ...บอสให้คุณเบญมาเป็น ‘แม่บ้านครับ’” วีรพัชรเน้นคำว่าแม่บ้านเสียงหนัก คุณระวีชะงักให้ลูกสาวเพื่อนสนิทคุณมีนามาเป็นแม่บ้าน งานนี้เธอจะโดนอดีตประธานมีนาแหกอกไหมเนี่ย!
แต่ถ้าไม่ทำตามท่านประธานคนปัจจุบันสั่ง ก็เดาได้เลยว่าเธอคงต้องหางานใหม่เอาตอนอายุเกือบสี่สิบ!
ไม่ใช่แค่คุณระวีเท่านั้นที่อึ้งไป เบญญาภาเองก็เช่นเดียวกัน หญิงสาวทวนคำพูดของชายหนุ่มในใจ ก่อนจะถามออกมาเพื่อความแน่ใจ
“คุณกรวีร์สั่งให่ดิฉันทำอะไรนะคะ”
“คุณกรวีร์ให้คุณเริ่มทำงานที่แผนกแม่บ้านก่อนสองอาทิตย์ จากนั้นค่อยเลื่อนตำแหน่งครับ”วีรพัชรขยับแว่นเล็กน้อย ตอบอย่างสุภาพเช่นเดิม เธอเลื่อนสายตาไปสบกับคุณระวีที่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ บอกเป็นนัยๆว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วย แต่...ช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายพอเห็นว่าไม่มีใครช่วยเธอได้ หญิงสาวก็ได้แต่รับคำออกมาเบาๆ
“อ่าค่ะ”
มือเรียวหยิบเครื่องแบบที่คุณระวีส่งมาให้ ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด แล้วกลับมารับงานจากหัวหน้าโดยตรงซึ่งคุณระวีแอบกระซิบภายหลังว่าใจดีสุดๆ ส่วนพ่อหนุ่มแว่นเลขาของกรวีร์ก็ยืนรอจนเธอตามหัวหน้าไปทำงานแล้ว เขาจึงกลับไปยังที่ทำงานของตน
---------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษค่า ฮือๆ ข้าพเจ้าทำผิดไปแล้ว ด้วยความที่มันส์มือในการพิมพ์ไปหน่อยเลยทำให้รพะเอกกับนางเอกไม่สามารถมาเจอกันได้ในตอนนี้ เนื่องจากหมดโควต้าหน้ากระดาษของตอนพอดี อภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเน้อ
แล้วก็ต้องแจ้งข่าวร้ายว่าอาทิตย์หน้าของดอัพนิยายเรื่องนี้นะคะ เนื่องจากข้าพเจ้าติดสอบ (ความหายนะลอยมาเห็นๆ) แต่จะอัพในอาทิตย์ถัดไป อดใจรอการพบกันของพระนางไปก่อนนะคะ
แล้วอย่าแปลกใจหากพบว่ามีหนุ่มแว่นโผล่มาในทุกเรื่องของไอจันทร์/มนต์บุหลัน(นามปากกาใหม่แกะกล่อง) นั่นก็เพราะความชอบส่วนบุคคล แหะๆ
ขอให้สนุกกับตอนใหม่ค่ะ เจอกันตอนหน้า ติชมได้จ้า บายบี
ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.พ. 2555, 21:01:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2555, 21:03:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 1944
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |
กาซะลองพลัดถิ่น 20 ก.พ. 2555, 23:28:04 น.
โดนแกล้งให้เป็นพนักงานทำความสะอาดซะแล้ว ...นายวีร์เอ๋ย แล้วนายจะเสียใจ ..........
อาทิตย์ถัดไปเหรอ อืมมม งั้นขอเบิ้ล 2 ตอนเลยนะค่ะ ..ขำขำ คะ....อย่าเครียด ๆ ขอให้โชดดีกับการสอบคะ
โดนแกล้งให้เป็นพนักงานทำความสะอาดซะแล้ว ...นายวีร์เอ๋ย แล้วนายจะเสียใจ ..........
อาทิตย์ถัดไปเหรอ อืมมม งั้นขอเบิ้ล 2 ตอนเลยนะค่ะ ..ขำขำ คะ....อย่าเครียด ๆ ขอให้โชดดีกับการสอบคะ
anOO 21 ก.พ. 2555, 16:52:12 น.
ปล่อยให้แกล้งไปก่อนน้องเบญ....เดี๋ยวค่อยเอาคืนชุดใหญ่ๆๆๆๆ
ปล่อยให้แกล้งไปก่อนน้องเบญ....เดี๋ยวค่อยเอาคืนชุดใหญ่ๆๆๆๆ