นิทานธารา
อยากเปิดม่านฟ้า ให้คนเรามองเห็นอะไรบางอย่างจากดวงดาวที่ทอแสงลงมา
ได้เห็นภาพความรักที่ต่างออกไป ...ว่าแม้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
หรือใบไหนๆ พวกเราล้วนไม่ต่างกัน

Tags: โลกเก่า อความารีน่า ลารีน่า รูบีส ดอน เงือก เจ้าชาย เจ้าหญิงจากดวงจันทร์ ชาวประมง

ตอน: :เรื่องชุด ในคืนแห่งดาวใต้เงาจันทรา: : {บทนำ นิทานจากโลกเก่า}

ทักทายก่อนเริ่มเรื่อง ใครที่ชอบเรื่องรักแปลกๆ หรือนิยายสไตล์อสิตา ไม่ผิดหวังแน่ๆ
กับเรื่องชุดนี้ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 เล่ม {เขียนคนเดียวทั้งหมด} ตลอดเวลา 5 ปี
เขียนมาเรื่อยๆปรับปรุงอยู่ตลอด อยากทำให้ดีขึ้น อยากให้มันสมบูรณ์

บางคน เขียนเรื่องเพื่อแค่ให้คนอื่นรับรู้ แต่เราเป็นหนึ่งในคนที่เขียนเพื่อให้คนจดจำ
แม้รู้ว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะถูกลืมเลือนไปตามธรรมชาติ แต่อยากฝากอะไรไว้ให้
อยู่ในใจคนบ้าง อย่างที่เรียกว่าให้เก็บไว้ลึกสุดหัวใจ
หากไม่ใช่ ก็ใกล้เคียงกับสิ่งสุดท้ายที่คนอยากจะลืมเลือน



บทนำ - นิทานจาก“โลกเก่า”

“วันนี้คุณว่ามอร์แกนจะแวะมาให้เราแหย่เล่นอีกไหม”
ผมเอ่ยออกไปตามใจคิด เอี้ยวตัวหันไปหาเพื่อนซึ่งนั่งทำงานอยู่เกือบจะหลังชนกัน
แม้ไม่ได้ดังอะไรนัก แต่คำพูดนั้นก็ทำลายอารมณ์สบายๆ ในห้องทำงานซึ่งดำเนิน
ต่อเนื่องมายาวนานหลายชั่วโมงลงสนิทได้ทันใจ

“ไม่น่าจะใช้คำว่าเรา... คุณนั่นแหละวิศรุต เอาแต่ยั่วเอาแต่แหย่เด็กคนนั้นแรงๆ
ทุกครั้งที่เจอ ทีกับเด็กฝึกงานคนอื่นไม่เห็นเคยเกเรแบบนี้”

“ใช้คำว่าเกเรเลยหรือ” ผมหลุดถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะออกไป

“ก็แหงละ” อดัมเพื่อนร่วมชะตาของผมปิดเพลงบรรเลงของบีโธเฟ่น
ซึ่งเปิดไว้คลอบรรยากาศลง หันมาทางผม

ผมยักไหล่ ล้วงกระเป๋าตรงอกเสื้อ หยิบเหรียญสกุลเงินสากลคร่ำคร่า
ที่ใช้กันทั่วโลกเมื่อสองพันกว่าปีก่อนออกมาชูให้เขาดูตรงหน้า
เหรียญนำโชคที่อดัมเองก็รู้ดีว่าผมพกติดตัวเสมอ...เหรียญเก่าๆ
ของสะสมที่หาได้ไม่ยากนัก แต่ถึงแม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าเป็นเหรียญนำโชค
ผมก็ไม่ได้ถนอมอะไรเจ้าเหรียญที่ว่านี้มากมาย

“ออกหัวมา ก้อยไม่มา...”

“มอร์แกนมา...แต่เหรียญออกก้อย ! ” อดัมระบุเจาะจงด้วยสีหน้ายิ้มๆ
โดยสลับตัวเลือกเสียใหม่ให้ตรงใจ

ผมยิ้มให้กับความจุกจิกในรายละเอียดของเพื่อน
เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงตอบแค่ มา หรือ ไม่มา ตามใจคิด
ส่วนจะกำหนดให้เป็นหัวหรือก้อยนั้นก็ ไม่แตกต่าง แต่สำหรับอดัม...

เราสองคนมองตามเหรียญเก่าๆ ที่ถูกดีดลอยสูงขึ้นไป ผมไม่ตะปบมันไว้
ปล่อยให้เจ้าเหรียญเพื่อนยากหมุนไปตามชะตากรรมของมันเอง หล่นกระทบพื้น
กลิ้งกระดอน จนถึงเวลาที่มันพอใจจะหยุดลง

ผมนิ่วหน้าน้อยๆ ผลออกมาเหมือนที่อดัมทายทุกอย่าง ก่อนเหลียวไปสบตา
เพื่อนร่วมห้องด้วยความคาใจไม่สร่างซา ไม่ใช่เพราะว่าเขาทายผลแม่น
เพราะยังไม่รู้ว่ามอร์แกนจะมาจริงไหม แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไรอดัมจึง
เลือกทายแบบนั้นมากกว่า

“ทำไมล่ะ ทำไมถึงคิดว่ามอร์แกนจะมา ทั้งที่วานเธอโกรธผมถึงขนาดนั้น”

“...ก็ใครใช้ให้ไปยั่วโมโห น่าจะรู้ว่าขานั้นเขาอารมณ์ขึ้นไวขนาดไหน” อดัมติง

“แค่อยากแกล้ง ไม่คิดว่าจะโกรธจริงจัง อืม ผมคงยังไม่รู้จักเธอดีเท่าคุณสักทีนะ”
ผมเอ่ยกับอดัมอย่างปลงตก ได้ยินเพื่อนหัวเราะในลำคอตอบมา

“วันหนึ่งคุณอาจกลายเป็นคนที่รู้จักเธอมากที่สุดก็ได้” อดัมเอ่ยเหมือนจะหยอก
แต่เป็นผมที่แกล้งทำหูเชือนกับคำนั้นเสียเอง


มูนไลท์ โซนาต้า ของบีโธเฟน บรรเลงขึ้นอีกคำรบจากที่ถูกหยุดไป
พร้อมๆ กับลำนำแห่งหยาดพิรุณซึ่งเริ่มต้นโปรยปราย ฟังราวกับกำลัง
มีเม็ดฝนเล็กๆ หล่นกระทบผนังภายนอกห้องสี่เหลี่ยม ก่อเกิดจังหวะ
ชวนให้ใจสงบคลอเคล้าไปกับโน้ตดนตรี

ถึงกระนั้นพวกเราก็รู้ดีว่านั่นเป็นเสียงของบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้น
เหมือนกับก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นเพียงลมวูบไหว ก็แค่เสียง...
ยามนี้ผนังสีดำเงานั้นไม่มีภาพเม็ดฝนใดนอกจากความมืดมิดสนิทดังเดิม
แน่ละ ด้วยวิทยาการของเราสามารถสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย
แต่มันคงเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานซึ่งปัจจุบันมีค่ายิ่งกว่าขุมเพชร

ห้องทดลองที่พวกเราทำงานอยู่ลึกลงมาใต้ดินนับได้เป็นระยะทางกว่าหนึ่งไมล์
เพื่อให้ผลการทดลองบางอย่างคงที่ตามที่ควรจะเป็น โดยไม่ได้รับผลกระทบ
จากสภาพแวดล้อมเบื้องบน

ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนค่อนข้างเหนียวแน่น ผมเรียกอดัมว่า
เพื่อนร่วมชะตาเพราะเราร่วมทางกันมาโดยตลอด ผมมีพ่อแม่...
เสียชีวิตเพราะสงคราม จนกลายมาเป็นเหมือนเขาซึ่งไม่มี

สมบัติอย่างเดียวที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษคือชื่อ ...วิศรุต พงศ์ธารา
ส่วนเขา เพื่อนรักของผม ได้ชื่อจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่า ...อดัม กรีนแมน

เราอาจไม่ได้เริ่มต้นจากการมีสิ่งใด แต่ชีวิตนั่นแหละ คือสมบัติอันมีค่าที่สุด
ในทุกยุคสมัย บางคนมีชีวิตเพื่อเสพสุข แต่บางคนอาจใช้ชีวิตนั้นเพียงแค่
ช่วยให้คนอื่นพ้นจากทุกข์หนักหนาที่ตนเองเคยเข้าใจเป็นอย่างดี แบบไหนก็ไม่ผิด
แค่อย่าทำให้โลกมันแปดเปื้อนมากขึ้น และให้อะไรกลับคืนแก่โลกบ้าง แค่นั้น
ก็ถือว่าไม่เกิดมาเป็นภาระให้กับแผ่นดิน

พวกเราเรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ อาจจะเป็นรุ่นสุดท้าย และรุ่นที่ดีที่สุด
นั่นคือความเห็นส่วนตัวของผม เป็นผมเองที่บอกกับอดัมอย่างนั้น ตั้งแต่
เมื่อเรายังเด็ก เรียนมาด้วยกัน เมื่อเขาเอ่ยถาม...

‘คุณว่านักวิทยาศาสตร์ของโลกนี้ คนไหนที่มวลมนุษยชาติควรจะเรียกว่าป๋า’
แม้จะเป็นประโยคจริงจังปนล้อเล่นไร้สาระ แต่อดัมก็ยังพูดจาด้วยน้ำเสียง
สุภาพตามปกติ แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกถึงตัวตนของเขาได้ดี ชายที่จริงจังกับทุกเรื่อง

‘พวกเราไง...เพราะเราจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำเพื่อให้มากกว่ากระสันในความรู้
ด้วยเวลาจำกัด ทรัพยากรจำเขี่ย ผมหมายถึงนับทั้งสิ่งที่เป็นรูปเป็นร่าง และ
ทรัพยากรทางอารมณ์ ถึงไม่มีอารมณ์ เราก็ต้องทำงานให้ลุล่วงอยู่ดี’
ผมพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่แฝงนัยยะจริงจังไม่แพ้กัน

ดนตรีเปล่าเพลง แมดเวิร์ล ของ แกรี่ จูลส์ ดังขึ้นมาแทนที่โชแปง
อดัมคงเพิ่งใส่เพิ่มมาในชุดเพลงที่ฟังกันบ่อยๆ เขามักเลือกเพลงซึ่งฟังแล้ว
ใจสงบ แต่เพลงนี้กลับออกไปในทางชวนให้ปลงเสียมากกว่า

เพลงซึ่งเก่ามากแล้วกลับนิยมขึ้นมาใหม่ คงเพราะเนื้อหาอันโดนใจ
คนหลายยุคหลายสมัย พอเราเผลอลืมสิ่งสำคัญไป หลายๆ สิ่งรอบตัว
ก็จะช่วยย้ำเตือนให้ระลึกถึงมันขึ้นมาได้เองอีกครั้ง หรือไม่อีกทีก็คงเพราะว่า
ตอนนี้มนุษย์เราไม่มีศักยภาพ ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์พอที่จะสร้างสื่อบันเทิง
หรือศิลปินใหม่ๆ ขึ้นอย่างจริงจังมาเนิ่นนานแล้ว แต่ละวันคิดเพื่อเอาชีวิต
ให้รอดยังแทบเป็นไปไม่ได้

อดัมเอื้อนตามเพลง ลากเสียงยาว ทำให้รู้ได้ว่าที่เขาร้องตามคงจะไม่ใช่แกรี่
แต่เป็น อดัม แลมเบิร์ต ซึ่งบันทึกเสียงในช่วงก่อนศตวรรษที่ ๒๐ ผมจำไม่ได้
ว่าปีไหน นับจากเวลานั้นก็ผ่านมานานนม เป็นเวลาเกือบ ๓ สหัสวรรษแล้ว

คนเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเวลาเดิมๆ เท่าไหร่ ยังคงเสพสิ่งซ้ำซาก
แม้จะในรูปแบบอันแตกต่างไป ศิลปะคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาหัวใจ
เมื่อการมีศาสนาอย่างเป็นทางการกลายเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะเหล่ามนุษย์
ใช้มันเป็นเครื่องมือนำพาความขัดแย้ง การรบรา และหายนะมาสู่มากกว่าสันติ

ผมเหลือบตาไปเห็นอดัมโยกตัวตามจังหวะเพลงในขณะที่ร้องด้วย
ต้องยิ้มให้กับความเป็นเด็กของเขา เด็กจริงจังและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

“people run in circles It's a very very , Mad world...”

อดัมจัดว่าเป็นคนเสียงดีพอๆ กับหน้าตาทีเดียว บางทีอาจจะดียิ่งกว่า
เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีใครเคยได้ฟังเขาร้องเพลง นอกเสียจากผม...
“แบบนี้น่าไปร้องเพลงจีบสาว”

“เผอิญยังไม่มีสาวให้จีบ” อดัมเถียงเบาๆ ก่อนจะเอื้อนหงุงหงิงคลอ
ตามจังหวะดนตรีต่อไป คล้ายกำลังรื่นรมย์เต็มประดา
ทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้นเลยก็ตาม

“Children waiting for the day they feel good Happy birthday...happy birthday
เด็กน้อยเฝ้าใฝ่ฝัน...ขอเพียงสุขสันต์ ในวันเกิด
เฮ้อ คงดีไม่น้อยถ้าหากว่าเด็กทุกคนรู้ว่าตัวเองเกิดที่ไหน วันไหน
พ่อกับแม่เขาเป็นใคร ขอแค่ได้มีความสุขสักวันในรอบปี
เราไม่เกี่ยงหรอกว่าจะเป็นวันเกิดหรือวันไม่ได้เกิด”

ผมถอนหายใจ อดัมกำลังพูดถึงตัวเขาเอง...


ยังไม่ทันที่จะมีใครได้เอ่ยอะไรต่อจากนั้น บรรยากาศน่าอึดอัดกลับคลายลงกะทันหัน
เมื่อประตูเปิดค่อนข้างแรง มอร์แกนก้าวฉับๆ เข้ามา วางกาแฟให้อดัม ยิ้มน้อยๆ
เพียงมุมปากกับคำขอบคุณของเขา ไม่ยักกะพูดจ้อถูกคอกันเหมือนอย่างเคย

ส่วนทางผม...เธอมองมาด้วยสายตาหมางเมิน ก่อนจะเดินลงส้นมาหา
วางแก้วกาแฟสังเคราะห์บางๆ ลงแรงจนน่ากลัวว่ามันจะยุบคามือ
กาแฟข้างในยังอยู่ดีเพราะมีฝาครอบปิดเรียบร้อย จะว่าไปกาแฟข้างใน
ก็ไม่ใช่ของจริง พวกเราไม่มีไร่กาแฟหรืออะไรแบบนั้น ก็แค่สังเคราะห์
ให้รู้สึกว่ามันคือกาแฟ ผสมสารที่ช่วยไม่ให้ง่วงไว ถึงเวลานี้มนุษย์เราก็ยัง
พยายามดิ้นรนเสพความรู้สึกให้มากเท่าที่จะสามารถ

มอร์แกนเชิดหน้าออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรกับเราสองคน ทั้งไม่เปิดโอกาส
ให้ผมได้ยั่วให้หายโกรธหรือโกรธมากขึ้น... ถึงแม้ว่าเธอจะเด็กกว่าพวกเรา
มากถึงสิบปี แต่มอร์แกนก็ไม่เคยกลัว เพราะอดัมใจดี และเพราะผมชอบยั่วโมโหจนเธอ
หมดความยำเกรงไปเองในที่สุด และเราสองก็คนพอใจที่จะให้มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก

“เบื่อฟังเพลงแล้ว ผมอยากฟังนิทานหน่อยอดัม
คุณเล่าสนุก นั่นน่ะช่วยแก้ง่วงได้ดีกว่ากาแฟอีก”

“เรื่องอะไรดีล่ะ”

“เงือกน้อย...”

“ชอบอะไรซ้ำซาก”

“ซ้ำซากแต่กินใจ ดีกว่าทันสมัยแบบฉาบฉวย ภาษิตเขาว่าไว้”

“ตั้งแต่พวกเรายังวัยรุ่น จนโตแล้วคุณก็ยังชอบฟังนิทาน”

นั่นสินะ เราคงเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่สุภาพต่อกันมากที่สุดในโลก
อาจเป็นด้วยเราเคารพในตัวกันและกันมากเกินไป ผมชอบที่เขา
มีความเป็นเด็กมากพอๆ กับความเป็นผู้ใหญ่ในสายตาใครๆ
เพราะผู้ใหญ่ที่แท้คงไม่ต้องเสแสร้งวางตัวมีบุคลิกเป็นอย่างที่สังคมตีตรา
ว่าคือมาตรฐาน

“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรออดัม จะบอกให้อีกครั้งถ้าคุณลืม
...นักเล่าเรื่องสมัยก่อนคนหนึ่งที่ผมชอบมากเคยพูดเอาไว้ นิทานเล่าความจริง
โดยไม่ถูกปิดเบือนด้วยประเด็นจุกจิก นิทานไม่โกหก ความจริง อาจจะไม่ได้อยู่ใน
เนื้อเรื่อง แต่อยู่ตรงวิธีการ...เวลาใครสักคนในนิทานถูกกำหนดให้ทำตามเงื่อนไขโง่ๆ
พวกนั้นเคยมีข้อโต้แย้งไหม เปล่าเลย พวกเขายอมทำตาม เพราะต้องทำตาม
เพราะพวกเขาคือตัวละครของโลกนั้น เหมือนๆ กับในโลกของเรา
เราต้องเล่นไปตามบท ถึงแม้จะไม่รู้ ไม่เข้าใจ กระทั่งไม่เห็นด้วย ว่าทำไปทำไม”

“ฟังดูแย่... แต่ว่าคุณก็ยังชอบฟังนิทานไม่ใช่หรือวิศรุต”

“นั่นก็เพราะผมชอบอยู่กับความจริง ในเมื่อเรื่องที่แต่งขึ้นกลับแสดงความจริง
ได้มากยิ่งกว่าเรื่องที่เห็นอยู่ตรงหน้าละก็...”

“แล้วทำไมต้องเป็นเงือกน้อย ? เพราะว่าหลงรักนางเงือก หรือว่าแม่มดแห่งท้องทะเล”

เมื่ออดัมพูดถึงแม่มดแห่งท้องทะเล ผมเริ่มหวั่นๆ ว่านิทานจะพลอยถูกโยงไปหามอร์แกน
แม่สาวเสิร์ฟกาแฟอารมณ์ร้ายคนเมื่อครู่ จึงเห็นสมควรที่อดัมจะต้องเริ่มนิทานของเขาเสียที

“พงศ์ธาราน่ะชอบน้ำ แล้วก็อีกอย่าง ผมชอบนิทานที่ว่าด้วยเรื่องของ...ความรัก ”

อดัมหลับตาลง คล้ายพึงใจกับวัจนะชวนเชื่อของผม
ริมฝีปากได้รูปคลี่ออกเป็นรอยแย้มยิ้มน้อยๆ
ก่อนจะเริ่มต้นนิทานเรื่องเด่น เรื่องที่เขาสามารถเล่าได้ดีที่สุด

“ กลางห้วงสมุทรอันไกลโพ้น...
ณ ที่ซึ่งท้องทะเลเป็นสีดุจสีน้ำเงินเข้มแห่งบานมิรู้โรยดอกงามที่สุด
ผืนน้ำทอประกายระยิบระยับ สะอาดใสเหมือนคริสตัลเจียระไน
เบื้องใต้แผ่นน้ำนั้น เป็นความลึกอันเรียกได้ว่า ลึกสุดหยั่ง... ”




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.พ. 2555, 18:01:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2555, 18:02:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1708





   :เรื่องชุดในคืนแห่งดาวใต้เงาจันทรา: : บทที่ ๑ ถึงโลกที่จากมา{ตอนแรก} >>
ฮอบบิท 20 ก.พ. 2555, 18:51:08 น.
แค่บทแรกก็ชวนติดตามซะแล้ว พล็อตแปลกดี ชอบๆ


Chii 20 ก.พ. 2555, 19:05:01 น.
นั่นสิ ทำไมต้องเงือกน้อย นิทานที่มีน้ำ และมีความรัก เรื่องอื่นก็มีนะ ^^


อสิตา 20 ก.พ. 2555, 19:06:15 น.
*-*/ รอดูกันต่อไปนะคะ เป็นเรื่องรักจากดวงดาว หุหุหุ (สำหรับคนที่รอท่านอัคนิจากอีกเรื่องก็อย่าเพิ่งลงแดงนะคะ T^T)


Zephyr 20 ก.พ. 2555, 19:11:46 น.
อืม พลอตแหวกแนว จะพารานอมัลหรือแฟนตาซีน้า หรือไม่ใช่หว่า ดราม่ามั้ยเนี่ย คงไม่มั้ง ใช่มะ
แอบเหมือนมีปรัชญาด้วยอ่ะ ศาสนา ศิลปะ อืม
เรื่องในอนาคตเหรอจ้ะ มีตัวละครมาสามแระ ตอนแรกคิดว่ามอร์แกนแมนนะนี่ แอบคิดมากว่าจะเขียนวายเหรอ ฮ่าๆๆๆ อ่านๆไป ไม่ใช่นี่หว่า เราเพ้อเอง หุหุ อุอุ


Zephyr 20 ก.พ. 2555, 19:13:32 น.
^
^
เป็นงั้นเลยอ้ะ ตอนแรกเห็น New หลังชื่อเราก็ เอ๊ะ อัคน้อยมาแล้นนนนน
แต่ แป่ว มะใช่อะ เรื่องใหม่ มะเป็นไร รอต่อๆๆ
ปล. ตกลงวันนั้น อัคน้อยไปไหนคะ อุตส่าห์รออาบน้ำให้ รอจนหลับนก ฮีก็ไม่มา ชริ แม่งอนแล้วนะ อัคน้อย


อสิตา 20 ก.พ. 2555, 19:18:40 น.
-_-' อัคน้อยไม่ชอบอาบน้ำอ่ะ เค้าสะอาดอยู่แล้วนะ เค้าไม่เหม็น พอเห็นจะจับอาบน้ำล้างขนเอากลิ่นสกั๊งค์มิ้งค์ออก อัคน้อยเลยแกล้งหลับเลย
ป.ล. เรื่องนี้ครบรสค่ะ มีทั้งวายและของแท้ คือคนเขียนไม่ได้ชอบวายนะ แต่คิดว่าเกย์ก็เป็นคนไม่ใช่เหรอ ความรักไม่มีเพศอ่า... ส่วนโทนเรื่องก็ ขอใช้คำว่าจินตนิยายดีกว่านะ มันก็คือแฟนตาซีนั่นแหละ แต่คนเขียนชอบคำนี้ เพราะให้อารมณ์ละเมียดกว่า หุหุ


Zephyr 20 ก.พ. 2555, 20:00:10 น.
อ๊ายยย อัคน้อยซกมก
ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่น ว้ายยยยยยย อย่ามาฉีกอก เค้านะ
จ้าๆๆๆ อัคน้อยไม่เหม็นหรอก(พี่มิ้งค์สิเหม็น เอ๊ะ เราพาล หุหุ) แหม แค่มานอนกอด(ในฝัน)ให้ชื่นใจก็พอแล้วววววว(เป็นหนุ่มที่น่าหมายปองต่อไป อิอิ)
ตกลงเรื่องนี้มีวายเหรอคะ มียูริด้วยป่ะ แหมพอบอกเขียนซี่รี่ย์สามเรื่อง ชักโลภ อยากอ่านทุกเรื่องเลยอ่ะ ลงทุกเรื่องป่ะคะ ลงเถอะนะ(ทำตาปิ๊งๆๆๆ ออดอ้อน เอาหัวไปถูไถ นะนะนะ ^o^ ให้จุ๊บด้วย อ้อนสุดๆแล้วนะ)
ถ้าไม่ลง ฮึ่ม......ทำไรดีนะ


อสิตา 20 ก.พ. 2555, 20:57:54 น.
^-w-^ งี้ อัคนิกำลังหิว คืนนี้จะส่งไปหยอกนะ
คู่หญิง-หญิงไม่มีค่ะ แต่เอาจริงๆก็จิ้นได้หมดอ่ะแหละ
แค่คนเขียนไม่ได้ชี้นำไว้ -..- เพราะยังต้องการขายสนพ.ปกติอยู่
แต่ว่าต้องลงแบบต่อๆกันไปทีละอันอ่ะค่ะ เพราะเนื้อเรื่องมันมีอะไรบางอย่างที่ต้องซึมซับไปตามลำดับ แม้จะแยกสัดส่วนกันค่อนข้างชัดก็เถอะ


Chii 21 ก.พ. 2555, 22:22:06 น.
"มีทั้งวายและของแท้" ...อัคนิกับชามัล ...

อ๊ายยยยย รับไม่ได้ //สะบัดหัวแรง ๆ

อ้าว? ผิดเรื่องหรอคะ?


อสิตา 21 ก.พ. 2555, 23:09:36 น.
*///* แหม คู่นั้นก็โออยู่นะคะคุณจี้(ชี่?) แต่คงเป็นคู่SMด้วยน่ะสิ
อีกคนถือแส้แล้วฟาดๆๆ อีกคนก็กัดๆๆ อืม เป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยน้า
แต่ยังไงก็เลิฟทั้งสองคน กะว่าจะเอาคนที่เหลือมาเขียนภาคต่อ
ชื่อ "โมรารัตติกาล" อยากเขียนมากๆ


SunSeed 22 ก.พ. 2555, 18:45:39 น.
ใช่ที่เคยลงพันทิพย์รึเปล่าคะ ตามอ่านเรื่องนี้อยู่ด้วยแหละ


หมูอ้วน 23 ก.พ. 2555, 00:18:52 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
ช่วงนี้หมูอ้วนอาจจะ เป็นนินจานะค่ะ ตอนไหนไม่ได้เม้นท์ก็อย่าเคืองกันนะค่ะ


นภาสรร 7 มิ.ย. 2555, 08:50:28 น.
เรื่องสนุกจังเลยค่ะ เดี๋ยวจะติดตามอ่านนะคะ


angelK 10 ม.ค. 2556, 09:23:15 น.
ชอบจังคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account