เหนือความทรงจำ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจของเขายังมีเธอเพียงคนเดียว แม้ความทรงจำของเธอจะไม่เคยมีเขาอยู่เลย แต่หัวใจของเขาจะมั่นคงเพียงเธอตลอดไป
Tags: โรแมนติก รัก เศร้าซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 6

มหาสมุทรพยายามติดต่อกัญญารัตน์หลายครั้ง แต่หญิงสาวก็กดตัดสายทุกครั้งจนชายหนุ่มหนักใจ ตระหนักแล้วว่าครั้งนี้กัญญารัตน์คงไม่ยอมอ่อนง่าย ๆ แน่นอน ทางเดียวที่จะเข้าถึงตัวหญิงสาวได้ก็คงต้องไปหาที่คอนโดหรูของเธอแทน

“สวัสดีครับ มาขอพบคุณกัญญารัตน์ครับ”

“ขอโทษค่ะ เธอไม่ต้อนรับแขกตอนนี้ค่ะ”

“เอ่อ...เธอเป็นภรรยาของผมนะครับ” มหาสมุทรรีบบอก “ลองเช็คกับผู้จัดการได้นะครับ...ผม...มหาสมุทร วิษณุวงศ์ครับ”

“ทราบค่ะ” พนักงานต้อนรับคลี่ยิ้มหวาน “แต่คุณกัญญารัตน์สั่งไว้ค่ะ ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะที่ไม่สามารถช่วยได้”

มหาสมุทรถอนใจเฮือกใหญ่ คิดแล้วว่างานนี้คงไม่ง่ายแน่ ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณพนักงานต้อนรับสาวเสียงนุ่ม ก่อนผละจากหน้าเคาน์เตอร์มาที่ลิฟท์ของคอนโดเพื่อรอจังหวะ พอเห็นเจ้าของห้องหนุ่มสองท่านมาหยุดรอหน้าลิฟท์จึงขยับมายืนใกล้ ๆ

“ขอโทษนะครับ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปนะครับ”

รปภ.หนุ่มรีบขยับมายืนขวางทางมหาสมุทรทันทีที่ชายหนุ่มก้าวตามเจ้าของห้องทั้งสองเข้าไปในลิฟท์

“ผมมาหาภรรยานะครับ”

“ขอโทษนะครับ ... อย่าให้ผมต้องลำบากใจหรือทำรุนแรงเลยนะครับ” รปภ. กล่าวเชิงขอร้อง พร้อมกับยื่นรูปถ่ายของชายหนุ่มให้ดู “คุณกัญญารัตน์แจ้งไว้น่ะครับว่าไม่อนุญาตให้ขึ้นไปครับ เธอเกรงว่าเธอจะไม่ปลอดภัยครับ”

มหาสมุทรส่ายหน้าช้า ๆ เมื่อเห็นภาพถ่ายของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้ารับยอมเดินออกจากลิฟท์ตามคำขอของรปภ. หนุ่ม แต่ไม่มีทางที่ประธานบริษัทอย่างเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ชายหนุ่มตัดสินใจเฝ้าคอยอยู่ในรถอย่างไม่ย่อท้อ เชื่อมั่นว่าสาวสังคมอย่างภรรยาตามกฎหมายของเขาไม่มีวันยอมอุดอู้อยู่แต่ในห้องพักแน่นอน

แม้การรอคอยจะยาวนานจนเย็น แต่ก็ไม่เกินความตั้งใจ สุดท้ายมหาสมุทรก็เห็นภรรยาเดินออกจากคอนโด ชายหนุ่มรีบลงจากรถไปดักหน้าภรรยาก่อนที่หญิงสาวจะทันขึ้นรถยนต์ส่วนตัว

“กิ๊บ...ผมขอคุยด้วยสักครู่นะครับ”

“แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณ”

กัญญารัตน์ตอบเสียงสะบัด หงุดหงิดขัดใจนักที่มหาสมุทรตื้อไม่เลิกรา ครั้งแรกที่เห็นโทรศัพท์เรียกเข้าเป็นชื่อเขา หญิงสาวยังแอบดีใจคิดว่าเขาจะโทรมาขอโทษและง้อขอคืนดีเพราะสำนึกตัวว่าใครกันที่เหมาะสมและคู่ควร แต่ไม่เลยเขากลับโทรมาอ้อนวอนไม่ให้เธอให้ข่าวเสียหายเกี่ยวกับภรรยาเก่า ขอร้องให้ถอนฟ้องเพราะเขายินดีจะหย่าให้พร้อมสินสมรสมและทุกอย่างที่เธอจะเรียกร้อง เธอยอมรับว่าเงินก็อยากได้แต่เงินอย่างเดียวไม่คุ้มค่ากับชีวิตคู่ที่ต้องล่มสลายของเธอแน่นอน

“ขอร้องเถอะครับกิ๊บ เราคุยกันได้นะครับ” มหาสมุทรวิงวอน “ผมยอมคุณทุกอย่าง คุณอยากได้เท่าไหร่...ผมก็ยอม ขอแค่...”

“ขอแค่ให้ปล่อยนังนั่นนะเหรอ” กัญญารัตน์ดักคอ “เมินเสียเถอะ...จะบอกให้นะคะมาร์ค แค่เงินของคุณมันไม่คุ้มหรอก ฉันต้องการมากกว่านั้น”

“อะไรล่ะครับที่คุณต้องการ”

“เห็นคุณและนังนั่นอับอาย...สูญเสียชื่อเสียงหน้าตาไงล่ะ” กัญญารัตน์ยิ้มร้าย “ใครทำให้ฉันเจ็บฉันอาย มันก็ต้องอับอายยิ่งกว่า ยิ่งอายเพราะโดนหาว่ามีชู้ โดยเฉพาะเป็นชู้กับสามีชาวบ้านมันถึงจะคุ้ม ยายไฮโซหน้าบางนั่นจะได้รู้เสียทีว่าผู้หญิงอย่างฉันฆ่าได้หยามไม่ได้”

มหาสมุทรส่ายหน้าช้า ๆ พยายามข่มใจเมื่อต้องโน้มน้าวคนหัวรั้นที่ฝังจิตฝังใจแค้นโดยไม่พิจารณาความจริงสักนิด

“แพรไม่เคยทำแบบนั้น ถ้าเรื่องนี้จะมีใครผิดก็คือผม...ผมเองที่ไม่ยอมทำใจ ไม่พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่”

“งั้นคุณยอมแต่งงานกับฉันทำไม เอาฉันมาตกนรกกับคุณทำไม” กัญญารัตน์ตะโกนใส่หน้า น้ำตาคลอด้วยความแค้นเคือง “คุณมันใจร้าย เมื่อฉันไม่มีความสุข...ฉันก็ไม่มีวันยอมให้คุณและมันมีความสุขหรอก”

มหาสมุทรดึงมือกัญญารัตน์มากุมไว้เบา ๆ พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

“ผมขอโทษ...ผมยอมรับผิดทุกอย่าง จะให้ผมไถ่โทษอย่างไรก็ได้” มหาสมุทรวิงวอน “เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคนนะครับ...ถ้าคุณโกรธก็ลงโทษผมเถอะ แต่อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยนะครับ”

“หึ...พูดไปพูดมาก็วกกลับมาเรื่องนังนั่น” กัญญารัตน์สะบัดมือออกห่าง “รู้ไว้เลยนะคะยิ่งฉันเห็นคุณเป็นทุกข์เป็นร้อนขอร้องแทนมันฉันก็ยิ่งอยากเห็นมันเจ็บ เพราะถ้ามันเจ็บคุณก็คงเจ็บยิ่งกว่า แค่คิดก็สะใจแล้ว”

กัญญารัตน์สะบัดตัวเล็กน้อยก้าวเท้าจะเดินหนีไปขึ้นรถ แต่มหาสมุทรไม่ยอมง่าย ๆ รีบคว้าต้นแขนรั้งหญิงสาวไว้อีกครั้ง พลางเอ่ยขอร้องอย่างไม่ยอมแพ้

“ขอร้องเถอะครับ...อย่าทำแบบนี้เลย ถ้าคุณอยากสะใจนักก็ลงกับผมที่เป็นต้นเหตุเถอะ...เอาสิทำร้ายผมให้สาแก่ใจคุณเลย”

“ปากดีเหลือเกิน” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลังชายหนุ่ม “กล้าขอ ฉันก็กล้าจัดให้”

“คุณมณฑล...”

มหาสมุทรหันกลับมาทางต้นเสียง สีหน้าเรียบนิ่งไม่ได้หวั่นเกรง หากก็ยกมือไหว้พ่อตาอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับคุณมณฑล”

“หึ...ไม่ต้องไหว้ฉันหรอก” นายหัวมณฑลเสียงเหี้ยม “เพราะวันนี้ต่อให้แกขอร้องลูกสาวจนตายก็ไม่มีการถอนฟ้อง”

“ผมขอร้องเถอะครับ อย่าทำแบบนี้เลยครับ” มหาสมุทรวิงวอน “ผมผิดก็ลงที่ผมเถอะครับ แพรไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะครับ”

“ใช่ แกผิด” นายหัวใหญ่เหยียดยิ้ม “และแกก็ต้องรับโทษ”

นายหัวมณฑลพยักหน้ากับลูกน้องคนสนิท เพียงเสี้ยววินาทีลูกน้องที่ติดตามนายหัวกว่าสิบคนก็รุมล้อมมหาสมุทรทันที

“ดอกเบี้ยที่แกทำให้ลูกสาวฉันเจ็บ วันนี้ฉันขอทวงเลยแล้วกัน”

มหาสมุทรไม่มีโอกาสได้โต้กลับนายหัวสักคำ สิ่งเดียวที่ทำตอนนี้คือต่อสู้เตะต่อยเอาตัวรอดจากสิบรุมหนึ่ง แต่ลูกน้องพวกนี้คือบอดี้การ์ดมืออาชีพที่มีฝีมือมาก สุดท้ายชายหนุ่มก็ทรุดลงกองอยู่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสิบสมุน

“โง่...สมน้ำหน้า”

กัญญารัตน์เหยียดยิ้มเยาะ มองร่างสูงที่นอนตัวงออยู่บนพื้นคอนกรีตอย่างสมเพช ก่อนสะบัดไหล่เดินส่ายสะโพกไปขึ้นรถที่ลูกน้องของบิดาเปิดประตูรอไว้แล้ว

“จัดการให้เรียบร้อยล่ะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ...ไม่ต้องให้ถึงตายหรอก” มณฑลกำชับลูกน้อง “เดี๋ยวมันจะไม่ได้อยู่ขึ้นศาลให้ลูกสาวฉันฟ้องจนหมดตัว”

“ครับนาย”

บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสิบรุมอัดมหาสมุทรจนสะใจ ก่อนจะช่วยกันลากร่างหมดสติขึ้นรถตู้ของพวกเขา ก่อนจะเอามาโยนทิ้งไว้ที่ทุ่งหญ้าข้างทางบนถนนสายเปลี่ยวชานเมือง

“พี่...ไอ้พวกนั้นมันทำอะไรกันน่ะ”

เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ซ้อนมอเตอร์ไซด์พี่ชายชี้มือไปทางรถตู้สีขาวที่เพิ่งเคลื่อนตัวออกไป

“อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นได้ไหมว่ะ มันจะทำอะไรกันก็เรื่องของมัน”

“แต่ฉันว่าที่มันถีบลงมานั่นคนนะพี่” น้องชายจอมจุ้นยังไม่ละความสนใจ “เราไปดูมันหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ”

“จะไปปล้นเงินคนโดนซ้อมหรือไง มันคงเหลือทองให้แกลอกหรอก”

“โอ๊ยพี่...ฉันเป็นนักบอลโรงเรียนนะไม่ใช่โจร” น้องชายโวย “คนอยากเป็นพลเมืองดีดันมาใส่ความเราเสียหายหมด”

พี่ชายหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งน้อง แต่ก็ยอมชะลอรถตรงจุดที่เห็นรถตู้โยนคนลงมา

“ระวังหน่อย...มันมืด”

พี่ชายรีบร้องเตือน เมื่อเจ้าน้องชายนักบอลจอมจุ้นรีบกระโดดลงจากรถทั้งที่พี่ชายยังจอดไม่สนิทดี

“แถวนี้ไม่มีนะพี่ หรือว่าเขาจะกลิ้งตกเนินไปล่ะ”

“หรือไม่ก็แค่กองขยะ”

“ไม่...ฉันว่าคน...คนแน่ ๆ”

พี่ชายส่ายหน้าระอาความช่างสอดรู้ของน้อง แต่ก็ยอมลงจากรถมาช่วยมองหา

“ช...ช่วย...ช่วยด้วย”

เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา พยายามตะเกียกตะกายคลานจากทุ่งหญ้าขึ้นมาริมถนน

“ได้ยินเสียงอะไรไหมพี่”

“เอาแบบไหนดี” พี่ชายยังกวนไม่เลิก “แกว่าเสียงคนที่โดนโยนลงมา หรือเสียงผอสระ...”

“โอ๊ย...ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

น้องชายตัวดีร้องลั่น สะบัดขาเร่า ๆ ทั้งที่พี่ชายยังพูดไม่จบ

“เฮ้ย...หยุด กลัวอะไรว่าก็แค่เสียงลม”

“ไม่ลม...มัน...มันอยู่ที่ขาฉัน ขาฉัน”

ตาสองคู่ก้มลงมองที่พื้นทันที แล้วทั้งคู่ก็แทบจะร้องลั่น ดีแต่ที่มหาสมุทรยังพอมีสติให้ตัวเอง ชายหนุ่มกระชากนาฬิกาข้อมือออกสุดแรงพยายามจะยื่นส่งให้

“ผม...ให้ ช...ช่วย...พา...ผม...ไป...โรง...พยา...บาลด้วย”

“คน...คนจริงนะ”

น้องชายตัวดีค่อย ๆ ย่อตัวลงมาหา ส่วนพี่ชายได้สติก่อนใครรีบหยิบโทรศัพท์ที่มีไฟฉายมาส่องแสงเพื่อจะได้เห็นร่างสะบักสะบอมที่เกาะขาน้องชายของเขาไว้แน่น

“คุณ...” พี่ชายแตะแขนมหาสมุทรเบา ๆ นาฬิกาข้อมือตกพื้นทันที “ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ เดี๋ยวพวกผมจะพาไปหาหมอ”

“โอ๊ย...เละขนาด” น้องชายเริ่มปากดีเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ผี “ถ้ามีเงินไมไม่รีบให้มันไปล่ะพี่ ให้มันอัดเสียยับเลยหรือว่านาฬิกานี่ก็ของปลอม”

“ไอ้บาส” พี่ชายเริ่มเหลืออด “เก็บนาฬิกานั่น แล้วช่วยพี่พยุงเขาไปหาหมอก่อน”

“ไปไง ตัวใหญ่ขนาดนี้ซ้อนสามไม่ได้หรอก”

“ฉันกับเขาจะไปแท็กซี่ ส่วนแกขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป” พี่ชายสั่ง “โรงพยาบาลอยู่ห่างไปแค่ร้อยเมตรเนี่ย ขี่ตามไปแล้วกัน...แล้วก็อย่าจิ๊กนาฬิกาเขาล่ะ”

“ไหนเขาว่ายกให้เราไง” น้องชายบ่น แต่ก็ต้องรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อโดนพี่ชายถลึงตาดุใส่ “รู้แล้ว ๆ เป็นพลเมืองดีไม่หวังสิ่งตอบแทน”



เมทินีตกใจเข่าแทบทรุดเมื่อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลที่โทรมาแจ้งข่าวพี่ชายถูกทำร้ายร่างกายและเข้ารับการรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน หญิงสาวรีบติดต่อไตรภพเพื่อนรักของพี่ชายให้ไปที่โรงพยาบาลด้วยกันทันที

แต่พอเห็นสภาพสะบักสะบอมของพี่ชายนักข่าวสาวก็โกรธจนควันออกหู เพราะทั้งแก้มและคางเขียวช้ำ ศีรษะและโหนกคิ้วแตก ดวงตาข้างขวาบวมคล้ำมีรอยนูนปูดใต้ขอบตา มุมปากซ้ายบวมเจ่อ ตามเนื้อตัวมีรอยเขียวคล้ำไปหมด

“นี่ฝีมือยายกิ๊บเหรอเนี่ย” น้องสาวเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องพักฟื้น “มันน่าให้คุณแม่เห็นฝีมือลูกสะใภ้สุดที่รักนัก”

“แมร์...” มหาสมุทรเรียกชื่อน้องสาวเสียงอ่อนเพื่อเรียกสติ “อย่าให้คุณปู่และคุณพ่อคุณแม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาด พี่ไม่อยากให้ท่านกังวลโดยเฉพาะคุณแม่...ท่านโดนตำหนิและเสียใจมากแล้วนะ”

“แต่ทำกันขนาดนี้แมร์ว่ามันไม่ถูก แบบนี้ต้องแจ้งความเอาให้ติดคุกกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

“โอ๊ย...น้องแมร์ครับ พี่ขอล่ะ...อย่าให้เจ้ามาร์คเป็นข่าวมากกว่านี้เลยนะครับ”

ไตรภพที่เพิ่งกลับมาจากสอบถามอาการของมหาสมุทรกับแพทย์เจ้าของไข้รีบห้าม

“แค่ข่าวฟ้องหย่านี่ก็ลำบากแล้วนะครับ ตอนนี้พวกนั้นจงใจใช้ข่าวบีบเรา...เราก็ต้องมีสติกันไว้ก่อนนะครับ”

“มีสติ” เมทินีชักหมั่นไส้เพื่อนพี่ชายตงิด ๆ “ถ้ามีสติแบบปิดปากเงียบ...แมร์ทำไม่เป็น แต่ถ้าให้จ้างคนไปตบยายนั่นคืนล่ะก้อ...โอเคเลย”

“ฮื้อ...แรงไปมั้งครับ โหดแล้วยังเสี่ยงเป็นคดีความด้วยนะครับ”

“นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้” เมทินีตวัดค้อนใส่ “ตกลงพวกหมอ ๆ นี่ขี้ขลาดใช่ไหม เห็นเลือดไม่กลัวแต่กลัวมีเรื่องว่างั้น”

สองหนุ่มจบแพทย์มองตากันโดยไม่ต้องนัด เมื่อเจอข้อกล่าวหาของสาวมั่น

“หมอไม่ได้ขี้ขลาดนะครับ” ไตรภพรีบแก้ตัว “เราตั้งมั่นในความถูกต้องและมนุษยธรรมครับ เรื่องทำร้ายคนจนบาดเจ็บแล้วเป็นคดีความ...ไม่มีหมอคนไหนทำหรอกครับ”

“อ้อ...แต่รักษาผิดจนคนไข้ตายได้ใช่ไหม”

“ยายแมร์” มหาสมุทรเรียกน้องเสียงเข้ม “อย่าพาลเจ้าภพ ไม่มีหมอคนไหนอยากทำร้ายใครหรืออยากให้คนไข้เสียชีวิตหรอก...ทุกคนทำเต็มที่ทั้งนั้น หมอบางคนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเพราะยอมอุทิศชีวิตเพื่อดูแลคนไข้”

“ขอโทษค่ะ” เมทินีได้สำนึกว่าพาดพิงเกินเหตุ “แต่แมร์ยอมไม่ได้ที่จะให้ยายนั่นรอดตัวทั้งที่ทำร้ายพี่มาร์ค แค่แจ้งความไว้ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ”

“แจ้งความน่ะแจ้งได้ครับ แต่ฝ่ายโน้นก็อาจจะอ้างได้ว่าเจ้ามาร์คจะเข้าไปทำร้ายลูกสาวเขาเพราะไม่พอใจที่ถูกฟ้องหย่า เขาเลยต้องป้องกันตัว”

ไตรภพทรุดนั่งข้าง ๆ เพื่อนรัก อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง

“เรื่องมีแรงจูงใจให้น่าเชื่อแบบนี้จะกลายเป็นเจ้ามาร์คโดนกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิดเสียเองนะสิครับ คราวนี้ดีไม่ดีทั้งเจ้ามาร์คและน้องแพรจะยิ่งเป็นข่าวและเสียชื่อมากกว่าเดิมนะสิครับ”

“โอ๊ย...ทำไมเรื่องมันทั้งยุ่งทั้งยากขนาดนี้ แบบนี้พวกนั้นก็ลอยนวลฟรี ๆ สิ”

เมทินีบ่นอย่างแค้นเคืองที่ไม่สามารถตอบโต้กัญญารัตน์ได้สักเรื่อง

“เราคงต้องหาวิธีอื่นสู้ครับน้องแมร์ คงจะต้องหาวิธีอื่นที่จะบีบให้พวกนั้นกลัวได้”

“วิธีอะไรล่ะคะคุณหมอโรคหัวใจ มีวิธีทำให้ยายกิ๊บหัวใจวายเฉียบพลันหรือไง”

“คิดแต่ละวิธีโหดทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ...หวาน...”

คุณหมอหนุ่มรีบเก็บคำว่า ‘ใจ’ ลงคอทันทีเมื่อเห็นสายตาคมดุของน้องสาวเพื่อนรัก หญิงสาวที่เขาเพียรขายขนมจีบมาตลอดสามปี แต่สิ่งที่ได้รับคือฉายา ‘คุณหมอทึ่ม’ แทนที่หัวใจ

มหาสมุทรถอนใจกับความรักที่ไม่ยอมลงตัวของเพื่อนและน้องสาวนัก คนหนึ่งก็กลัวจนเกินพอดี คนหนึ่งก็ฟอร์มจัดห้าวเกิน ทำให้ความรักที่ควรลงตัวตั้งแต่สามปีก่อนกลายเป็นความรักแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนน่าเหนื่อยใจ ก่อนจะวกกลับเข้าเรื่องของตัวเอง

“วิธีบีบพวกนั้นเหรอ...ฉันก็พอมี” มหาสมุทรเปรย “ไม่ค่อยอยากใช้เท่าไหร่ แต่เมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ได้ผลก็คงต้องใช้วิธีนี้”

“วิธีอะไรคะ”

“เดี๋ยวเธอก็รู้เองล่ะยายแมร์ แต่งานนี้นายหัวมณฑลคงสั่นเป็นเจ้าเขาเลยล่ะ”

เมทินีและไตรภพสบตากันอย่างข้องใจ แต่ก็รู้ดีว่าเมื่อมหาสมุทรบอกให้คอยพวกเขาก็ต้องคอย แต่คงเป็นการรอคอยที่ไม่ผิดหวังแน่นอน



กัญญารัตน์พลิกเปิดหนังสือพิมพ์ทุกหน้าทุกฉบับอย่างขัดใจ ไม่ว่าจะเปิดหาอย่างไรก็ไม่เห็นข่าวฟ้องหย่าของเธอและมหาสมุทรอีกเลย และไม่มีการทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับแพรธาราและมหาสมุทรด้วยเช่นกัน

“นี่มันอะไรกันคะคุณพ่อ ทำไมข่าวลงเรื่องนังนั่นแค่วันเดียวเอง” กัญญารัตน์ส่งหนังสือพิมพ์ให้บิดา “ขนาดสำนักพิมพ์ที่เพื่อนคุณพ่อเป็นบรรณาธิการก็ยังไม่ลงเรื่องของมาร์คกับนังนั่นเลย”

“จริงเหรอ”

นายหัวมณฑลดึงหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างข้องใจ

“มันต้องมีอะไรแน่ พ่อจะโทรถามเพื่อนดู”

“ดีค่ะ ลูกไม่ยอมให้มันจบง่าย ๆ แน่” กัญญารัตน์สนับสนุน “ลูกต้องการให้นังนั่นอับอาย อย่าได้มีความสุขเลยสักวันเดียว”

“แน่นอนลูกรัก” นายหัวมณฑลยืนยัน “พ่อไม่ยอมให้ใครทำร้ายจิตใจลูกแล้วมีความสุขหรอก โดยเฉพาะเจ้ามาร์ค...เจ็บตัวครั้งก่อนนั่นแค่ดอกเบี้ย มันต้องถูกเราฟ้องจนหมดตัวเสียชื่อเสียงเท่านั้นพ่อถึงจะพอใจ”

กัญญารัตน์โอบกอดบิดาพลางอ้อนรอฟังบทสนทนาระหว่างบิดาและเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นบรรณิการหนังสือพิมพ์ใหญ่ยอดขายติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ

“มันทำขนาดนั้นเลยเหรอธนา”

นายหัวมณฑลคำรามอย่างหัวเสียเมื่อได้ทราบต้นเหตุที่ทำให้หนังสือพิมพ์ของเพื่อนรุ่นน้องไม่ตีข่าวอื้อฉาวของแพรธาราและเรื่องฟ้องหย่ามหาสมุทรอีก

“แล้วนายคิดว่าสำนักพิมพ์อื่นก็คงโดนเหมือนนายใช่ไหม”

“ครับพี่ คุณสิทธิพงศ์กว้างขวางในวงการสื่อมวลชนมาก คิดว่าทั้งอำนาจบารมีแถมเงินอุดหนุนคงมากจนทำให้ทุกคนเกรงใจเลยล่ะครับ” ธนายุทธเล่า “ผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่ทุกอย่างไม่เป็นตามแผน ผมเสียใจจริง ๆ ที่ช่วยหนูกิ๊บไม่สำเร็จ”

“ไม่ต้องขอโทษพี่หรอกธนา ขนาดนักข่าวจอมขุดคุ้ยอย่างนายยังต้านไม่อยู่” นายหัวมณฑลปลอบ “พี่ก็ไม่คิดว่าจะมีที่ไหนต้านอยู่เหมือนกัน เรื่องยายกิ๊บพี่จะหาวิธีการอื่นเอง...นายไม่ต้องห่วงหรอก”

“เกิดอะไรขึ้นกันค่ะคุณพ่อ”

กัญญารัตน์ที่รอฟังข่าวเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เมื่อเริ่มจับใจความบทสนทนาของบิดาได้เลา ๆ

“ขอบใจมากนะที่พยายามช่วยพี่เต็มที่ ตอนนี้พี่ขอคุยกับลูกสาวก่อน” นายหัวมณฑลตัดบท “ตอนนี้หน้าเครียดอยากรู้เรื่องจนนั่งไม่ติดแล้ว”

“ครับพี่...ขอโทษอีกครั้งนะครับ แต่ครั้งหน้าถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ก็บอกนะครับ” ธนายุทธกล่าวทิ้งท้าย “ผมยินดีและเต็มใจเสมอครับ”

“ขอบใจมากไอ้น้อง”

นายหัวมณฑลตอบรับก่อนจะหันมาเล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้จากรุ่นน้องว่านายสิทธิพงศ์ใช้อำนาจทุกอย่างที่ตัวเองมีทั้งเส้นสาย คนรู้จัก และอำนาจเงินโดยอ้างว่าเป็นเงินบริจาคสนับสนุนทุกกิจกรรมของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อให้หยุดการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับแพรธาราและมหาสมุทร จนทุกสำนักพิมพ์เกรงใจไม่ยอมตีพิมพ์เรื่องใด ๆ ที่จะพาดพิงถึงสองคนนี้อีกเลย

“กรี๊ด...ลูกไม่ยอมนะคะ” กัญญารัตน์ผุดลุกขึ้นร้องลั่นอย่างขัดใจ “พวกมันจะรอดหรือคะคุณพ่อ”

“ไม่มีทาง ไม่มีใครกล้าลองดีกับครอบครัวเราแล้วจะรอดไปได้”

“แต่ว่า...”

“ถึงเราจะไม่มีหนังสือพิมพ์เพื่อประจานมันแล้ว แต่เรายังฟ้องร้องผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นบุคคลทำให้ครอบครัวเสียหายและแตกแยกได้ รวมทั้งฟ้องหย่าเจ้ามาร์คด้วยไงลูก”

กัญญารัตน์ถอนใจก่อนทรุดลงนั่งที่เดิม แต่หน้าตายังงอง้ำอย่างไม่ชอบใจ

“แต่มันก็ยังไม่สะใจลูกอยู่ดี”

“รอก่อนลูก...อดทนหน่อย” นายหัวมณฑลปลอบใจ “เราชนะคดีเมื่อไหร่ รับรองพ่อจะจ้างให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวคดีของเราให้ได้ ถึงจะแค่ครั้งเดียววันเดียวพวกมันก็จะต้องอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะ”

“ค่ะคุณพ่อ...กิ๊บจะทน กิ๊บจะไม่ยอมถอย”

กัญญารัตน์สัญญากับตัวเองและบิดาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

“กิ๊บจะเดินหน้าฟ้องหย่าต่อไป กิ๊บจะทำให้สองคนนั่นต้องเจ็บช้ำและสูญเสียยิ่งกว่าความทรมานที่กิ๊บได้รับจากพวกมัน”

“ดีมากลูกรัก” นายหัวกอดปลอบลูกสาวอย่างให้กำลังใจ “หัวเราะทีหลังดังกว่า จำไว้...เราจะไม่แพ้...เราจะเป็นผู้ชนะที่พวกมันจะต้องกราบกรานขอโทษ”

“ค่ะคุณพ่อ”

สองพ่อลูกกอดกันอย่างมีความหวัง มุ่งมาดว่าอย่างไรก็ต้องชนะคดีและแก้แค้นมหาสมุทรกับแพรธาราได้สำเร็จแน่นอน

**********************
สาเหตุที่แพรความจำเสื่อม อันที่จริงบอกใบ้ไปเล็กน้อยแล้วแต่อาจจะไม่ทันสังเกตกัน จึงขอบอกใบ้เพิ่มว่ามีคน ๆ หนึ่งที่ไม่เคยมีบทพูดเลยเกี่ยวข้องอย่างแรง และเป็นต้นเหตุที่ความทรงจำของแพรปิดตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ลง อิอิ ...ทายถูกกันไหมคะว่าเขาเป็นใคร





พิมดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.พ. 2555, 20:24:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2555, 20:24:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1409





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
ใบบัวน่ารัก 20 ก.พ. 2555, 20:35:59 น.
ม่ายเห็นเข้าใจ..งง
อ่านดู ฐานะที่บ้าน กะครอบครัวก็รวยนี่
รักกันยังกีดกันอีกหรือ
ม่ายเข้าจาย คนรวย.


timeyu 20 ก.พ. 2555, 20:46:07 น.
สงสัยเเพรคนเสียลูกเเล้วความจำเสื่อม เเต่รู้สึกว่าการที่ผู้ชายมีครอบครัวกับคนที่รักเเเล้วต้องมาเเต่งงานกับผู้หญิงอีกคนใหม่เพื่ออีกคนหรือเพื่อหลายคน มันดูไม่น่าชมสำหรับสังคม เเม้ว่าจะเป็นเพียงเเค่นิยายค่ะ มันซับซ้อน เเละยากมากที่คนจะยอมรับค่ะ เเม้ว่าจะกลับมาเป็นสามีของภรรยาเเรกเเล้วก็ตาม มัน ดู เยอะ เกินไป ปล.นักเขียนอาจ ไม่อาจสิคะ ต้องรู้สึกเเย่มากมากที่นักอ่านวิจารณ์เเบบเสียหายหรือไม่เห็นด้วยเเม้ว่าเรื่องราวยังไม่ดำเนินการถึงไหน เเต่เเค่อยากให้รับรู้ว่า นักอ่าน เช่น เราเป็นต้น หรือาจจะเราคนเดียว รู้สึกเเบบนี้ค่ะ มันทำให้ความอยากอ่านลดลง


Auuuu 20 ก.พ. 2555, 21:03:26 น.
คิดว่าลูกตาย เลยความจำเสื้อม แต่ไม่รู้สาเหตุการตายของลูก


พิมดาว 20 ก.พ. 2555, 21:04:33 น.
คุณใบบัวน่ารัก- ขอบคุณที่ยังติดตาม มันไม่เกี่ยวกับฐานะค่ะ มันเกี่ยวกับทิฐิของคนชอบบงการ

คุณ timeyu ไม่ต้องกังวลเรื่องการวิจารณ์ค่ะ ปกติงานของพิมดาวไม่มีคนอ่านมากหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะพลอตหรือการดำเนินเรื่องก็ได้ จึงต้องบอกว่าดีใจมากกว่าที่เขามาเขียนบรรยายความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ ในส่วนตัวมันอาจไม่ใช่เรื่องน่าชม สังคมอาจไม่มีเรื่องแบบนี้เลยก็ได้ แต่ว่าตอนที่เขียนคิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากทำ ก็เลยบังคับให้มาร์คต้องรับกรรมไป อันที่จริงมันอาจจะมีแนวอื่นให้ทั้งคู่กลับมารักกันโดยที่มาร์คไม่ต้องแต่งงานกับใครเลยก็ได้ แต่เพราะมีคำพูดหนึ่งที่มีใครเคยพูดไว้ว่ามีคู่รักคู่หนึ่งรักกันมาก แต่ก็มีเหตุให้ต้องพรากจากกัน เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งเลยมีคำถามว่ากลับมาพบกันและรักกันเมื่อสายเกินไปหรือเปล่า ยังมีความรักนั้นเหลืออยู่ไหม พิมดาวก็เลยอยากเขียนเรื่องที่จะบอกว่าไม่มีคำว่าสายไปถ้าจะรัก ถึงจะนานถึงจะผ่านเรื่องอะไรมามากมายแต่ถ้าความรักนั้นยังอยู่...มันก็จะอยู่ต่อไป
อย่างไรพิมดาวหวังว่าจะกลับมาติดตามอ่านต่อนะคะ เพราะว่ายังอยากได้อ่านความคิดเห็นดี ๆ ถึงจะติหรือชมก็ไม่ว่ากันค่ะ...ขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตาม


panon 21 ก.พ. 2555, 10:57:48 น.
ตามต่อไปค่ะถึงแม้จะมีความรู้สึกว่าอ่านแล้วหายใจไม่ออกอิอิอิอิชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายไม่รู้จริงๆๆแล้วจะมีเรื่องจริงแบบมาร์คและแพรอยู่ในโลกใบนี้หรือเปล่า


teesaparn 21 ก.พ. 2555, 11:48:27 น.
ซอบจื้อของคุณขนาดเลยเจ้า พิมดาว...
คนเฮาฮักกั๋นบ่ะจำเป๋นต้องจบลงด้วยก๋านแต่งงานอยู่ตวยกั๋น
บางทีคนตี้แต่งงานกั๋นก่อบ่ะใจ๊คนตี้ฮักกั๋นมากพอเสมอไป
คนตี้แต่งงานกั๋นมีทั้งฮักและความเข้าใจ๋ซึ่งมันจะต้องมีมากปอๆ กั๋น ข้าเจ้ากึ๊ดว่าอั้นน่า สู้ๆๆ^^v


anOO 21 ก.พ. 2555, 16:16:18 น.
เราเข้าใจนะว่าคงมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้แพรสูญเสียความจำไป
แต่เพราะอยากรู้เหมือนไรเตอร์ไง ว่าคนที่เคยรักกัน พอจากันไป
กลับมาเจอกันใหม่มันจะยังรักกันอยู่ไหม
แต่ก็ไม่เข้าใจในเหตุผลของผู้ใหญ่ในเรื่องนี้เท่าไร รออ่านต่อไปดีกว่า
เดี๋ยวเรื่องอื่นๆ ก็คงจะถูกเปิดเผยเอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account