จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 5

ตอนที่ 4

เขาต้องจงใจ จงใจแกล้งเธอแน่ๆ!

เบญญาภานึกในใจอย่างดุเดือด ดวงตาคมสวยทอประกายวาวโรจน์ราวกับจะจับใครสักคนฉีกเป็นชิ้นๆได้เลยทีเดียว ซึ่งใครสักคนก็ต้องเป็น...กรวีร์ เจ้านายใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่และคือคนที่ทำให้เธอมีสภาพแบบนี้!

แบบไหนน่ะเหรอ...สภาพเธอในตอนนี้แทบจะคลานกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าหวานใสบัดนี้มันเยิ้มไปด้วยเหงื่อ เครื่องสำอางที่แต่งมาจากบ้านเลือนหายจนมองไม่เห็น ปวดเมื่อยไปหมดทั่วทั้งร่าง เข้าใจความรู้สึกของพี่ๆแม่บ้านที่โรวแรมอื่นๆแล้วว่ามันเหนื่อยขนาดไหน

ร่างบางเดินโซซัดโซเซกลับไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพนักงาน เพื่อทำการเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดที่ใส่มาเมื่อเช้า หญิงสาวพยายามส่งยิ้มทักทายเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่มองมาอย่างแปลกใจที่เห็นคนแปลกหน้าแต่ก็เลิกสนใจเมื่อเห็นชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่

เบญญาภาตรงไปที่เก็บของชั่วคราวของตนที่หัวหน้างานของเธอบอกว่าให้ใช้ไปก่อน รอป้ายชื่อเสร็จแล้วค่อยใช้ล็อกเกอร์ได้ มือเรียวปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดพลางคิด

ถ้าเรื่องที่ส่งเธอไปทำความสะอาดฟลอร์ที่แขกเพิ่งเช็คอ้าท์พร้อมกันทั้งฟลอร์เนี่ยไม่เรียกว่าแกล้งแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ หากมีคนมาช่วยสักคนสองคน เธออาจจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้ แต่นี่ไม่ใช่! เธอต้องทำคนเดียวสิบกว่าห้อง ทั้งปูเตียง ทำความสะอาดพื้น ล้างห้องน้ำและเติมเครื่องดื่ม

อีกเรื่องที่สามารถยืนยันแนวคิดนี้ของเธอได้ก็คือ...การที่เลขาของเขาคอยจับตาดูเธอตลอดเวลา

แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกมาโดยตรง แต่ไอ้อาการที่โผล่ไปแอบดูห้องที่ทำเสร็จแล้วนั้นมันฟ้องว่านายพี่วีร์กำลังให้คนของเขาจ้องจับผิดเธอ แล้วคอยไปรายงานแน่ๆ

หน๊อยแน่!แกล้งให้ทำงานหนัก นี่คงคิดว่าเธอเป็นพวกเด็กเส้นไร้น้ำยาล่ะสิ...เดี๋ยวจะทำให้รู้ว่าคิดผิด...พี่วีร์บ้า!

แต่เอ...จะว่าไปวันนี้อีตาพี่วีร์คงไม่เข้ามาที่นี่ล่ะมั้ง ไม่งั้นเลขาของเขาจะมาตามดูเธอได้ยังไง

หญิงสาวสอดชายเสื้อเข้าไปในกระโปรง รัดเข็มขัด ตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง มือเรียวคว้ากระเป๋า ยกมือไหว้พี่ๆร่วมแผนกอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของเธอ

“ค่ะ เบญพูดค่ะ”

“ยายเบญ!...กลับมาไม่บอกเพื่อน อันย่าจะงอนแล้วนะ” เสียงใสของเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่เธอสนิทรองจากกรวิชญ์เลยทีเดียว อันย่า...อนัญญา

เบญญาภายิ้มกว้าง ดีใจอย่างมากที่เพื่อนโทรมา หญิงสาวรีบง้ออีกฝ่ายทันที

“ขอโทษทีอันย่า เบญยุ่งๆนิดหน่อยเลยยังไม่ได้ติดต่อใครเลย นอกจากวิชญ์”

“เชอะ...งอน”

“โอ๋ๆ งั้นอาหารญี่ปุ่นหนึ่งมื้อ หายงอนไหม”

“หาว่าอันย่าเห็นแก่กินเหรอ”

“เปล๊า!”ปฏิเสธเสียงสูง “แค่เห็นอันย่าชอบ อีกอย่างน้องๆของอันย่าก็ชอบไม่ใช่เหรอ กินเสร็จจะได้ซื้อกลับไปฝากด้วยไง”

“ช่างจำนะเรา...ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ บ้านรึเปล่า อันย่าเพิ่งเลิกงานเดี๋ยวแวะไปหา”

“เปล่าหรอก เบญก็เพิ่งเลิกงานเหมือนกัน”

“อ้าว! เบญทำงานแล้วเหรอ ยังไง ที่ไหนล่ะ”เบญญาภาบอกสถานที่ทำงานออกไป ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจำได้

“โรงแรมของบ้านวิชญ์สินะ”

“อืม แล้วอันย่าล่ะทำงานที่ไหน” เบญญาภาทำเสียงรับรู้ “ก็แถวนี้น่ะสิ...เอางี้ไปเจอกันที่ห้าง...”บอกสถานที่นัดหมายซึ่งเป็นห้างใหญ่ใจกลางเมืองใกล้ที่ทำงานของเธอทั้งสองพอดี

“ได้เลย...เตรียมตัวกระเป๋าฉีกเลยน้องเบญ”อนัญญาแซว

“ยินดีเลย ดีเหมือนกัน เบญมีเรื่องจะบ่นให้ฟังด้วย เดี๋ยวเจอกันนะ”

“จ้า” รอจนเพื่อนวางสายแล้ว เบญญาภาจึงเก็บมือถือลงกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มาถึงพอดี อารมณ์ที่กรุ่นๆเพราะโมโหใครบางคนหายไปหมดสิ้นเพียงแค่นึกว่าจะได้พบกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานาน


“อันย่าอยู่ไหนแล้ว เบญมาถึงแล้วนะ”หลังจากออกจากที่ทำงาน หญิงสาวก็ขับรถตรงมายังที่นัดหมายทันทีด้วยกลัวว่าจะทำให้เพื่อนรอ เนื่องจากที่ทำงานของเพื่อนสาวอยู่ใกล้ห้างนี้กว่าตน

ร่างบางนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผ่านมาแล้วสิบนาทีเพื่อนก็ยังไม่มา จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา ไม่ใช่เพราะขี้เกียจรอ แต่เป็นห่วงเพราะเวลานัดกันทีไร อนัญญาจะมาถึงก่อนเธอทุกครั้ง เธอเคยพยามยามจะมาถึงก่อนเวลานัดบ้างแต่ไม่เคยสำเร็จ แต่วันนี้มาสายกว่าเลยกังวล

“โทษทีเบญ เกิดเรื่องในที่ทำงานนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวเคลียร์เสร็จแล้วอันย่าจะรีบไป ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงของเพื่อนดูกังวลมา จนเธอต้องรีบบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ

“ไม่เป็นไรอันย่า ถือว่าเจ๊ากันไงที่ปกติอันย่าต้องมารอ คุณนายสายเสมออย่างเบญ ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวเบญจะไปช้อปปิ้งรอ มาถึงเมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกัน”

“จ้า ขอบใจมาก”

เบญญาภาวางสาย ก่อนจะยืนนิ่งคิดว่าจะไปทำอะไรดี วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากซื้อของเท่าไหร่ แต่หากไม่ถุงอะไรอยู่ในมือเลยเดี๋ยวอนัญญาจะเป็นกังวลเอาได้ว่าปล่อยให้เธอรออยู่เฉย สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์ดังที่อยู่ด้านหลังทันที ตั้งใจไว้ว่าจะเดินเล่นค่าเวลาเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ...

ใช่!แค่ฆ่าเวลา...แต่แล้วไอ้ถุงกระดาษใบใหญ่ที่มีตราสินค้าพิมพ์เอาไว้บนในมือเธอนี่มันอะไร!

เบญญาภาหัวเราะกับตัวเองที่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ที่ว่าจะเดินดูเฉยๆ เพราะเมื่อเข้าไปแล้ว พนักงานขายก็ตรงรี่เข้ามาแนะนำใบนั้นนี้ ก่อนจะปิดท้ายเมื่อเห็นเธอแค่ยิ้มๆว่ามีคอลเล็คชั่นใหม่เพิ่งออกมา เท่านั้นเธอก็ตกเป็นทาสเจ้ากระเป๋าถือคอลเล็คชั่นใหม่ทันที ด้วยการควักบัตรแข็งๆในกระเป๋าสตางค์ออกมารูดฉับและก็ได้ถุงกระดาษใบใหญ่มาถือทันควัน

“เฮ้อ...เงินเดือนเดือนแรกของเรา” เบญญาภาถอนหายใจดังๆ เมื่อนึกว่าปลายเดือนนี้ต้องเอาเงินเดือนที่ได้มาจ่ายค่ากระเป๋าแทนการเก็บเอาไว้กินดอกเบี้ยในบัญชี เธอโคลงหัวอย่างอ่อนใจก่อนจะตัดสินใจเดินเล่นต่อ


กรวีร์มองนาฬิกาข้อมือตนเองเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมาได้สักพักแล้วก็ถอนหายใจ รู้สึกไม่อยากจะกลับบ้านขึ้นมาซะอย่างนั้น เพราะเขาเชื่อว่าป่านนี้ยายน้องเบญตัวดีคงวิ่งโร่ไปร้องห่มร้องไห้ฟ้องมารดาเขาแน่แล้วว่าเขาสั่งให้เจ้าหล่อนไปทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน นอกจากนั้นชนักปักหลังอีกเรื่องก็คือ เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าวันนี้แขกวีไอพีที่มาเป็นกลุ่มจะเช็คเอ้าท์ออก ตอนแรกก็คิดว่ายายตัวดีคงไม่เกี่ยวคงโดนให้ไปทำชั้นอื่น

ที่ไหนได้แม่บ้านประชำชั้นนั้นดันป่วย งานนี้ความซวยก็เลยไปตกที่ยายน้องเบญอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ได้ฟังรายงานจากเลขาหนุ่มที่เขาสั่งให้คอยจับตาดูพฤติกรรมของเบญญาภาเอาไว้ เผื่ออีกฝ่ายทำงานไม่ดีจะได้หาเรื่องเกี้ยะออกได้ว่าหญิงสาวทำงานหัวเป็นเกลียวตัวเป็นนอต วิ่งวุ่นไปทั่วทั้งฟลอร์ก็แอบสงสารแต่...ความสะใจมันมีมากกว่า

และแน่นอนเลยว่ายายตัวดีต้องรายงานเรื่องนี้รวมทั้งกล่าวหาว่าเขาแกล้งด้วยแน่ เห็นวีรพัชรบอกว่าเจ้าหล่อนเอาแต่พร่ำด่าเขาคนเดียวอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานไปด้วย งานนี้พอเขากลับไปคงจะโดนคุณนายมีนาฆาตกรรมเอาแน่ๆ น่าเจ็บใจจริงๆที่ไม่มีโอกาสแก้ต่างให้ตัวเอง

เพราะไม่อยากจะเจ็บตัว(กลัวตายว่างั้น) เขาเลยเลือกที่จะมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใกล้โรงแรมแทนเป็นการฆ่าเวลา นี่ก็กะจะเดินเล่นยาวให้ถึงเวลาห้างปิดไปเลยเชียว เพราะเป็นเวลาที่มารดาเขาเข้านอนพอดี

แล้วเรื่องอะไรจะให้เขากลับไปตอนนี้ล่ะ! สู้รอให้แม่หลับก่อนแล้วย่องเข้าบ้านสบายกว่ากันเยอะ

เหตุการณ์ทั้งหมดนั่นมันแค่เรื่องเล็ก แต่ที่ทำให้เขาเจ็บใจมากถึงมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายทำงานได้ดีเกินคาด ได้ใจจากหัวหน้าแม่บ้าน รวมไปถึงผู้จัดการแผนก แบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาหาเรื่องไล่ออกได้ยากกว่าเดิม!

ไม่เป็นไร...คนอย่างกรวีร์ มีทางออกเสมอ แค่ยังคิดไม่ออกเท่านั้น

ร่างสูงตัดสินใจเลี้ยวเข้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้านหน้า เขามีแผนที่จะเปลี่ยนโฮมเธียเตอร์ในห้องใหม่อยู่พอดี แต่ไม่ค่อยจะมีเวลา ไหนๆวันนี้มาแล้วก็ซื้อไปเลยแล้วกัน ชายหนุ่มเดินเลือกพร้อมฟังคุณสมบัติของแต่ละเครื่อง ก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องที่ดูแล้วว่าเหมาะกับเขา ที่เน้นการดูหนังซะส่วนมาก มือหนาหยิบบัตรเครดิตสีดำส่งให้พนักงานขายที่รับเอาไปจัดการแพ๊คใส่กล่อง กรวีร์หันไปหาคนสนิทที่รอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล

“เดี๋ยวนายจัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะกัน แล้วตามไปเจอที่ร้านเดิม”

“ครับนาย”

ชายหนุ่มเซ็นชื่อลงบนใบเสร็จที่พนักงานคนเดิมนำมาให้ บอกให้ขนของตามลูกน้องไป เรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากร้านเพื่อไปยังร้านอาหารประจำ ระหว่างทางเขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากด้านหลัง

กรวีร์หันไปมองก็เห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังวิ่งหายไปเข้าทางหัวมุมก่อนถึงที่ที่พวกเขายืนอยู่ ในมือมีกระเป๋าใบใหญ่ที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับเจ้าตัวนัก เห็นดังนั้นเขาจึงออกวิ่งตามไปอย่างไม่ต้องคิดทันที หางตาเหลือบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามมา คิดว่าคงเป็นเจ้าของกระเป๋า

ชายหนุ่มตามเจ้าหัวขโมยทันมือหนากระชากกระเป๋าคืนจากมัน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยื้อเอาไว้อย่างเหนียวแน่นและเมื่อเห็นว่าสู้แรงเขาไม่ไว้ก็ทำท่าจะหยิบตัวช่วยออกมา หากแต่ก่อนจะได้ทำร้ายเขา เสียงนกหวีดดังยาวก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งตรงมา เมื่อเห็นว่าจวนตัวเจ้าหัวขโมยเลยยอมปล่อยมืออย่างเสียดายวิ่งหนีไป

กรวีร์ออกคำสั่งให้คนของตนตามไป ส่วนตัวเขาเดินถือกระเป๋าย้อนกลับไปหาผู้หญิงที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของกระเป๋าใบใหญ่ใบนี้...


“ช่วยด้วยค่ะ โจรขโมยกระเป๋า”เบญญาภาตะโกนพลางวิ่งตามเจ้าโจรตัวดีไป นึกเจ็บใจตัวเองที่ประมาทวางกระเป๋าเอาไว้ขณะกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้า เพราะเห็นว่าเป็นร้านหรูที่น่าจะปลอดภัย ขณะกำลังเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อ เสียงหวีดร้องของพนักงานสาวก็ดังขึ้น เธอหันไปมองก็เห็นว่าเจ้าหัวขโมยคว้ากระเป๋าของเธอแล้วแจวอ้าวออกไปอย่างไว!

ร่างบางรีบคว้าถุงของที่เหลือวิ่งตามออกไปพร้อมร้องขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่เธอไม่ใช่คนที่ชอบออกกำลังกายเสียเท่าไหร่ทำให้ระดับความเร็วที่เธอใช้นั้นต้องบอกว่าเต่าเรียกทวด! ตามยังไงก็ตามไม่ทัน ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้นหางตาเธอเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างวิ่งแซงไป

เมื่อเห็นดังนั้นหญิงสาวจึงหยุดวิ่ง ยืนหอบแฮกรออยู่ตรงนั้น ภาวนาให้จับโจรและนำกระเป๋ามาคืนได้

“นี่ครับ กระเป๋าของคุณ” เสียงทุ้มน่าฟังดังขึ้น เบญญาภาเงยมองกระเป๋าใบโตของตนเบื้องหน้า มือเรียวคว้ามันกลับมาสำรวจข้าวของภายใน ก่อนจะยิ้มโล่งใจเมื่อไม่มีอะไรหายไป รีบกล่าวขอบคุณพลเมืองดีทันที

“ขอบคุณมากค่ะ...”ประโยคที่เหลือถูกกลืนกลับลงไปในลำคอเมื่อเห็นว่าใครคือพลเมืองดีคนนั้น กรวีร์เลิกคิ้วกับท่าทางของหญิงสาวที่...สวยมากตรงหน้าซึ่งอยู่ๆก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ แถมยังมองหน้าเขาราวกับว่าไม่เคยเห็นคนหล่อมาก่อน แต่ก็นั่นแหละ เขาเมีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม(ยกเว้นแม่ตัวเอง)เสมอ

หญิงสาวตรงหน้าสวยโดนใจเขามาก ยิ่งช่วงนี้หลังจากมีเรื่องข่าวกับยายคุณหนูไฮโซโรคจิตก็ทำให้สาวๆพากันลี้ห่างจากเขา แต่เชื่อเถอะ...พอโดนเขาพูดจาหวานๆใส่ ยิ้มให้อีกนิด ก็พากันพร้อมใจลืมเรื่องที่เคยเกิดไปทันที แต่ตอนนี้เขายังไม่อารมณ์จะสานต่อกับใคร

ใบหน้าเนียนรูปหัวใจ รับกับดวงตากลมโตและจมูกโด่งสวยได้รูป แก้มสีชมพูธรรมชาติดูน่าสัมผัส รวมไปถึงริมฝีปากเล็กแต่กลับอวบอิ่มชุ่มช่ำที่กำลังอ้าค้างอยู่ ทำให้เขารู้สึกอยาก...ลิ้มลองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

สายตาคมไล่ลงไปเรื่อยๆอย่างหยุดตัวเองไม่ได้ ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าหล่อน...อึ๋มจริงอะไรจริง!

รูปร่างบอบบาง ผอมแต่ไม่ถึงกับแห้งอย่างสาวๆบางคนสมัยนี้ที่ราวกับว่าขาดสารอาหาร ขนาดหน้าอกหน้าใจของเธอ ถ้าให้คะเนด้วยสายตาคงจะซักประมาณคัพซี ถือว่าเป็นอะไรที่หาได้ยากกับหญิงไทย มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน กรวีร์ลอบยิ้มอย่างพอใจ แม้หน้าตาจะไม่ใช่สเป็ก แต่หุ่นผ่าน ถือว่าโอเคสำหรับเขา จบงานนี้เห็นทีต้องสานต่อ!

อย่างน้อยก็จีบคั่นเวลา แก้เบื่อที่ต้องมาหายใจร่วมกับยายน้องตุ๊กแกเบญญาภาแล้วกัน...

ชายหนุ่มกำลังจะถามชื่อหล่อน แต่ก็ต้องเงียบเพราะดวงตาวาววับราวกับลูกแมวน้อยจ้องมาอย่างไม่พอใจกับสายตาจาบจ้วงของเขา ใบหน้าแดงก่ำ นี่คงจะหายตะลึงกับความหล่อเขาแล้ว ถึงได้ออกอาการเขินอายอย่างนี้

ชายหนุ่มเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง สองมือล้วงกระเป๋ารอให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนเมื่อครู่ลากตัวหัวขโมยมาหาเจ้าทุกข์ โดยมีคนสนิทของเขาเดินคุมเชิงมาห่างๆ คุณพี่ยามหน้าตาขึงขังเดินเข้ามาตะเบ๊ะรายงานกับเบญญาภา

“เดี๋ยวผมจะพาไอ้หมอนี่...”มือคล้ำกระชากหัวขโมยเข้ามาให้เธอดูหน้าใกล้ๆ “...ไปส่งตำรวจ ว่าแต่คุณผู้หญิงได้ของครบไหมครับ”

“ครบค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่”

“เป็นหน้าที่ของผมครับ ถ้างั้นผมตัวก่อนนะครับ”พี่รปภ.ยิ้มอวดฟันขาว แล้วลากไอ้หนุ่มหัวขโมยที่เดินคอตก ยอมรับสภาพออกไป เบญญาภามองตามไปก่อนจะสะดุ้งน้อยๆกับเสียงของใครบางคนที่เธอยังไม่อยากเจอ...

“คุณไม่เป็นอะไรนะ”

“เอ๊ะ! อ้อ ไม่เป็นอะไรค่ะ เขาเอาไปแต่กระเป๋า ไม่ได้ทำร้าย ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

“ไม่เป็นไร”แล้วเขาก็เงียบไป เบญญาภารู้สึกอึดอัดกับสายตาของอีกฝ่าย อีกใจหนึ่งก็รู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มน้อยๆมุมปาก ทำให้พาลนึกไปถึงสายตาสำรวจกึ่งลวนลามเมื่อครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกลา รีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่อันตรายต่อหัวใจ(และความตั้งใจดั้งเดิม)

“ถ้ายังดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“อืม...ว่าแต่ไม่คิดจะเลี้ยงขอบคุณผมหน่อยเหรอ”กรวีร์ท้วงเสียงเรียบ รอยยิ้มยังคงประดับอยู่ รู้สึกสนุกกับท่าทางระวังตัวของเธอ

“เอ่อ...แค่คำขอบคุณก็คงพอมังคะ ดิฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดเลี้ยงขอบคุณใครได้ ลาล่ะค่ะ”ว่าแล้วร่างบางก็รีบเดินจากไป ทิ้งให้กรวีร์ยืนอึ้งแต่ก็ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง จนลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังต้องลอบมองหน้ากัน

นี่เจ้านายพวกเขาคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เพิ่งโดนสาวปฏิเสธมาแต่กลับยิ้ม!

ตั้งแต่เริ่มมาบริหารโรงแรมแทนมารดา เขาก็ไม่เคยโดนสาวไหนปฏิเสธเลยสักครั้ง เมื่อไหร่ถามออกไปแบบนั้นส่วนมากอีกฝ่ายจะตอบตกลงทันที แม้สุดท้ายคนที่จ่ายจะเป็นเขาก็ตาม เพิ่งมามีลูกแมวน้อยตัวนี้ตัวแรกนี่แหละ! แต่ไม่เป็นไร เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ จะทำให้มาสยบอยู่ต่อหน้าให้ได้ คอยดูสิ! เขาพูดขึ้นมาลอยๆแต่ชายหนุ่มอีกสองคนรู้ว่ามันคือคำสั่ง

“อืม อยากรู้จังว่าเธอเป็นใคร”


“เบญ...เบญญาภา! เป็นอะไรไหม ไอ้หัวขโมยนั่นมันทำอะไรเธอหรือเปล่า แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน เดี๋ยวอันย่าจะไปเล่นงานมันเอง”อนัญญาที่มาถึงร้านอาหารอันเป็นที่นัดหมายด้วยความเร็วปานจรวดมิดไซล์ ถามพร้อมหมุนตัวเธอไปมาสำรวจความเสียหาย ใบหน้าสวยคมแบบสาวไทยดุกังวล ก็รู้หรอกนะว่าเป็นห่วง แต่ช่วยหยุดหมุนทีเถอะอันย่า...น้องเบญตาลายแล้วอ่า....

แต่แล้วชายหนุ่มอีกคนที่มาพร้อมกับอนัญญาแล้วยืนยิ้มอยู่เมื่อครู่ ก็ดึงร่างเรียวของอนัญญาออกไป เบญญาภารีบถอยห่างออกจากอุ้งมือมารมายืนจูนสมองตัวเอง ส่วนคนที่โดนขัดขวางการสำรวจเพื่อนรักก็หันมาส่งตาเขียวใส่คนที่บังอาจทันที

“นี่! นายโย่ง กล้าดียังไงมาแตะตัวฉัน” ‘นายโย่ง’ หรือ กรวิชญ์เลิกคิ้วน้อยกับคู่ปรับตัวฉกาจตั้งแต่สมัยเรียนแล้วตอบ

“อิจฉาฉันรึไงยายเตี้ย! ก็หรือเธอไม่เห็นว่าน้องเบญกำลังจะอ้วกอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้อยากแตะตัวเธอเท่าไหร่นักหรอก กลัวเชื้อหมาบ้าจะติดมา”

“ไอ้โย่ง!” อนัญญาเดือด ถลาจะเข้าไปเล่นงานเขา แต่เบญญาภาที่รู้ทางทั้งคู่ดีรีบเข้าไปจับกรวิชญ์เหวี่ยงไปทาง จับอนัญญาเหวี่ยงไปอีกทางเป็นการตัดปัญหา พร้อมบอกด้วยรอยยิ้ม

“กินข้าวกันดีกว่านะวิชญ์ อันย่า เบญหิวแล้ว หรืออยากให้เบญโมโหหิว”

เท่านั้นแหละ สองคู่อริหันกลับมาร่วมมือกันทันใด แม้จะอยากเล่นงานอีกฝ่ายแต่เรื่องที่จะให้เบญญาภาโมโหหิวก็เป็นอะไรที่ไม่ดีต่อร่างกายและจิตใจ เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าเบญญาภาเป็นคนโกรธยาก ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียได้ ยกเว้นอยู่สองเรื่อง หนึ่งเรื่องผู้ชายเจ้าชู้ เจอผู้ชายแบบนี้เข้ามาจีบทีไรเป็นต้องปรอทแตกอาละวาดจนหนุ่มๆเหล่านั้นกระเจิงไปเสียหมด

พวกที่กล้าหน่อยก็กลับมาอีก และก็โดนแกล้งแบบเจ็บแสบด้วยวิธีแปลกๆกลับไป เช่น โพนทะนาไปทั่วมหาวิทยาลัยว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นตุ๊ดบ้างล่ะ บอกว่าอีกฝ่ายหย่อนสมรรถภาพทางเพศบ้างล่ะ หนักสุดก็บอกว่าอีกฝ่ายเป็นเอดส์ แต่นี่ยังถือว่ากรุณา หนักกว่านี้ก็เคยมี แต่อย่าให้เล่าเลย...พวกเขายังไม่อยากฝันร้าย

ส่วนอีกสาเหตุที่ทำให้เพื่อนสนิทของพวกเขาคนนี้โมโหได้ก็คือเรื่อง...อาหาร เบญญาภาเป็นคนกินจุมาก (ลากเสียงยาวเวลาอ่านเพื่อให้ได้อารมณ์) ไม่รู้ว่าเอาไอ้ที่กินลงไปเก็บไว้ที่ไหน แถมเป็นที่โชคดีมากตรงที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน หวงของกินเป็นที่หนึ่ง อยากจะลองชิมอะไรในจานอีกฝ่ายต้องขอ ฉกไปเลยมีสิทธิ์ตายโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งเวลาหิวแล้วต้องรอนานกว่าที่ควรจะเป็น ก็จะเริ่มโมโห ลักษณะอาการคล้ายกับพายุ เริ่มจากลูกเล็กๆมีฤทธิ์ไม่มากเรื่อยไปจนถึงพายุเฮอร์ริเคนที่ทำลายล้างทุกอย่าง ทุกคนที่ขวางหน้า จนท้ายที่สุดเพื่อนๆทุกคนพากันลงความเห็นว่าหากเป็นเรื่องปากท้องนั้น...

ห้าม!ทำให้เบญญาภาโมโหหิวเป็นอันขาด เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนของตนเอง

“เอ่อ เบญหิวใช่ไหม งั้นลองนี่เลยยำผักบุ้งกรอบของโปรดของเบญใช่ม้า...อันย่าจำได้ ร้านนี้อร่อยนะ”อนัญญารีบตักอาหารเอาใจเพื่อนพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ส่วนกรวิชญ์ก็ตักต้มยำทะเลหม้อไฟที่กำลังร้อนได้ที่ใส่ถ้วยเล็กแล้วเลื่อนไปให้

“ส่วนนี่ ต้มยำทะเล กุ้งสดๆปลาสดๆ รสชาติจี๊ดจ๊าดถึงใจ เบญต้องชอบแน่”

เบญญาภาอมยิ้ม เรื่องอาการเวลาโมโหหิวของเธอยังคงเอามาเป็นข้อต่อรองในกลุ่มเพื่อนได้เป็นอย่างดี หญิงสาวจัดการอาหารทั้งสองอย่างที่ทั้งคู่ตักให้อย่างมีความสุขที่ได้กลับมาเจอเพื่นออีกครั้ง โดยเฉพาะเพื่อนสนิททั้งสองคนนี้

กรวิชญ์กับอนัญญานั่งสังเกตอาการอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าปลอดภัยกับชีวิตของตนเองแล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปสบตากับคู่อริที่กลายมาเป็นมิตรกันชั่วคราวพร้อมส่งยิ้มให้อย่างที่น้อยครั้งจะทำ ก่อนจะเริ่มลงมือทานบ้าง ไม่ได้รู้เลยว่าทำให้ใครคนหนึ่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ

อนัญญาหน้าแดง มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วและแรงจนเกือบจะทะลุออกมาภายนอก รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่เธอเคยเห็นเมื่อในอดีตและประทับอยู่ในใจมาเนิ่นนาน รอยยิ้มที่มีพลังมากพอจะทำให้เธอลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่เจอมรสุมชีวิตเมื่อตอนปีหนึ่ง

แต่เธอไม่เคยมีความกล้าที่บอกให้กรวิชญ์รู้ว่าเธอรักเขาเนื่องมากจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือสาเหตุหลักที่ทำให้เธอรู้ตัวดีว่ายังไงความรักที่เธอมีให้ก็เป็นได้แค่การแอบรักข้างเดียวตลอดไป เพราะกรวิชญ์มีคนที่เขารักอยู่แล้วนั่นเอง แต่แค่ได้มองห่างๆ ได้ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอ แค่นี้...เธอก็มีความสุขแล้ว

“อันย่า! เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ” เบญญาภาขมวดคิ้วมองเพื่อนที่อยู่ๆก็นั่งเหม่ออย่างเป็นห่วง จะว่าไปที่มาสายก็เห็นบอกว่ามีปัญหานี่นา

“ไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย”บอกเสียงเบาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทางอาหารที่เริ่มพร่องไปมาก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะ ‘หลุด’ อะไรให้ตาโย่งกรวิชญ์จับได้ กรวิชญ์เลิกคิ้วมองอนัญญาแล้วเหลือบมองเบญญาภาที่มีท่าทางไม่สบายใจ ชายหนุ่มวางช้อนลงแล้วถามคู่อริเสียงจริงจัง

“นี่...ยายเตี้ย เป็นอะไรไป นั่งหน้าหงอยเป็นลูกหมาโดนเจ้าของทิ้งแบบนี้ ทำเอาคนอื่นเขาหมดอารมณ์กินข้าวนะ”

“ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วเรื่องอะไรมาว่าฉันเป็นหมาฮะ ไอ้เสาไฟฟ้า!”หญิงสาวย้อนเสียงขุ่น แต่ชายหนุ่มกลับไม่ถือสา กรวิชญ์หยิบช้อนลงมือทานต่ออย่างอารมณ์ดี ส่วนเบญญาภาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะหากเพื่อนคนนี้สามารถโวยวายใส่ชายหนุ่มได้อย่างนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

“โล่งอกไปที แต่อันย่าถ้าอันย่ามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน อันย่าปรึกษาเบญ ปรึกษาวิชญ์ได้นะ”อนัญญาส่งยิ้มขอบคุณไปให้ ก่อนจะหุบฉับกับประโยคยียวนของหนุ่มเดียวบนโต๊ะ

“แต่เราคิดตังค์นะ นาทีละยี่สิบบาท”

“เออใช่ วิชญ์เรามีเรื่องจะฟ้อง”เบญญาภาจ้องเพื่อนหนุ่มหลังจากนึกขึ้นได้ว่าจะต้องบอกอะไรกับเขา กรวิชญ์วางช้อนลงอีกครั้ง เริ่มรู้สึกไม่อยากอาหารแล้วเมื่อเห็นสายตาวาวๆของเพื่อนสาว

“อะไร”

“วันนี้พี่ชายของวิชญ์เล่นงานเบญได้แสบ...มาก”

“หา...”เขาทำหน้างงๆ “...เกิดอะไรขึ้นอ่ะ วันนี้วิชญ์ต้องประชุมแทนพี่วีร์ทั้งวัน”

“ก็...”แล้วร่างบางก็เริ่มเล่าความคับแค้นใจของตนเองในวันนี้ให้น้องชายของตัวการฟัง คนที่พอฟังไปเรื่อยๆก็ยิ่งอึ้ง ก่อนที่จะหลุดขำออกมาเมื่อจินตนาการสภาพของคนเล่าได้อย่างดี อนัญญาเตะชายหนุ่มใต้โต๊ะให้หยุดขำเพราะสังเกตเห็นว่าใบหน้านวลเริ่มงอง้ำลงเรื่อยๆ แม้จะยังไม่หยุดเล่า

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่วีร์นี่ เดี๋ยวเหอะ แม่รู้เข้าล่ะก็มีหวัง...”เขาเอานิ้วชี้ปาดคอตนเองที่แปลได้ว่า ‘ตาย’ ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงยังคงยิ้มแย้ม มีหยดน้ำใสๆติดตาอยู่นิดๆ เบญญาภาค้อนใส่เพื่อนก่อนจะบอกต่อ

“อันที่จริงเบญไม่มีปัญหากับการทำงานในตำแหน่งนี้นะ เพราะตอนไปเรียนก็ต้องฝึกตรงนี้เหมือนกัน แต่ที่รับไม่ได้น่ะก็คือทำไมเขาต้องแกล้งเบญด้วย เบญไปทำอะไรให้ แค่จะไปขอทำงานแค่เนี้ย”

“คืออย่างนี้นะ...เบญจำตอนเด็กๆได้ไหม ที่เบญชอบมาเล่นที่บ้านพวกเราน่ะ”กรวิชญ์รีบไขข้อข้องใจให้ทันที

“ก็..พอได้”หญิงสาวไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะวัยที่เพิ่มขึ้นทำให้เรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญในวัยเด็กเลือนหายไป ว่าแต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการทำงานของเธอล่ะ

“ตอนนั้นน่ะเบญติดพี่วีร์แจเลย ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็จะตามติด ติดขนาดพี่วีร์ต้องหนีไปนอนบ้านเพื่อนก็หลายครั้งอยู่นะ”

“เดี๋ยวนะ” อนัญญาที่นั่งฟังเงียบๆมานานค้านขึ้นมา กรวิชญืที่กำลังจะอ้าปากพูดเลยต้องเงียบ เหล่มองอีกฝ่ายอย่างเคืองที่กล้ามาขัดจังหวะการพูดของเขา

“ตั้งแต่ฟังมายังไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุอะไรที่ทำให้นายพี่วีร์ต้องมาแกล้งเบญเลยนะ”

“ก็ถ้าไม่ขัดแล้วฟังให้จบก็จะรู้เองแหละ มีอะไรไหมยายเตี้ย...เอาล่ะนะ ทีนี้ ตอนที่แม่บอกว่าจะให้เบญมาทำงานที่โรงแรม พี่วีร์ก็ค้านหัวชนฝา ไม่เอา ไม่ยอมท่าเดียว”

“อะไรกัน เบญไม่ได้เจอพี่วีร์มาก็นานแล้วนะวิชญ์ มั่นใจว่าไม่เคยไปทำให้พี่เขาโกรธ”เบญญาภาแย้งขึ้นมา ชายหนุ่มโคลงศีรษะก่อนจะรีบบอกให้จบ

“มันไม่ใช่โกรธนะเบญ คนอย่างนายกรวีร์พี่ชายกระผมน่ะ ไม่เคยโกรธผู้หญิงคนไหนในโลก มีแต่อยากจะขย้ำแล้วกลืนลงท้องอย่างเดียวเท่านั้นแหละ...”

“...แต่ที่เกริ่นไปไง มันเป็นเรื่องโคตรจะไร้สาระสำหรับพวกเราเลยนะ สาเหตุที่พี่วีร์ไม่อยากรับเบญเข้าทำงานน่ะ ก็แค่พี่วีร์เขารำคาญเบญเมื่อตอนเด็กที่เอาแต่วิ่งตามติดเขาไง แล้วคุณแม่เองก็เรียกเบญน้องเบญคะขา แถมยังบอกว่าอยากได้มาเป็นสะใภ้ เลยยิ่งทำให้พี่แกประสาทเสีย ไม่อยากเจอเบญอีกเพราะฟันธงไปแล้วว่าเบญยังเป็นเหมือนตอนเด็กๆ”

“บ้า! บ้าที่สุด เรื่องไร้สาระมากเลยนะวิชญ์ พี่วีร์เนี่ยไม่เป็นมือโปรเอาเสียเลย ไม่รู้จักแยกแยะ คนเข้าอยากจะทำงานนะ ไม่ได้อยากจะเข้าไปจับผู้ชาย แล้วก็นะขอบอกไว้ตรงนี้ให้เข้าใจโดยทั่วกัน อ้อ...ฝากไปบอกนายพี่วีร์บ้าด้วยนะวิชญ์ว่า...”เบญญาภาพูดรัวเร็วด้วยความโกรธ โกรธที่ได้รู้ว่าสาเหตุที่ตนโดนแกล้งมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วประกาศเช่นเดียวกับที่เคยประกาศกลางบ้านของตนเอง

“...เราไม่สนใจผู้ชายเจ้าชู้ โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อ กรวีร์ สิทธิวัติ!”


“ฮัดชิ่ว! ใครคิดถึงเราเนี่ย”กรวีร์ย่นจมูก รู้สึกคันจมูกยุบยิบ ร่างสูงดึงเนกไทออกจากคอ มือหนาปลดกระดุมสองเม็ดบนเป็นการคลายความอึดอัด ที่แขนมีสูทสีดำพาดอยู่ เขาหันไปส่งสัญญาณให้คนสนิทไปพักผ่อนยังเรือนพักที่สร้างไว้ห่างออกไปไม่ไกล เขาเดินเข้าบ้านผ่านห้องรับแขกที่ปิดไฟมืด บ่งบอกว่าผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จของบ้านขึ้นนอนแล้ว

แหงล่ะ!มันดึกแล้วนี่ แม่เขาเข้านอนแล้วอย่างที่คิดไว้ เนื่องจากคุณนายเธอกลัวหน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร

กรวีร์ผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งแกล้งยายน้องเบญได้ ไม่โดนแม่เล่นงาน แล้วที่สำคัญที่สุด...ร่างสูงหยุดยืนแย้มรอยยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงสายตาที่มองเขาของสาวน้อยโชคร้ายที่ได้พลเมืองดีแถมยังหล่ออย่างเขาไปช่วยเอาไว้แล้วก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้

“หรือสาวน้อยคนนั้นกำลังคิดถึงเราอยู่”

“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าแม่ก็กำลังคิดถึงลูกอยู่เหมือนกัน”ชายหนุ่มยืนหลังตรง ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของมารดาที่น่าจะขึ้นไปนอนแล้วดังมาจากด้านหลัง หน้าห้องนั่งเล่นที่เข้าเดินผ่านมาเมื่อกี้ มุมปากกรวีร์กระตุกกึกๆ รู้สึกว่าฝ่ามือชื้นเหงื่อ แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ(หรืออีกนัยหนึ่งคือ คุณนายมีนา) ที่ยืนยิ้มหวานน่ากลัว

“มะ...แม่ ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

“ยังหรอกจ๊ะ รอลูกชายที่รักด้วยความคิดถึงยิ่งอยู่” คุณมีนาพูดเรียบๆ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม กรวิชญ์ที่รอพีชายเป็นเพื่อนมารดาพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิตอยู่เบื้องหลัง ไม่นำพากับสีหน้าอาฆาตของพี่

“โธ่ ถ้าคิดถึงลูกวีร์คนนี้ขนาดนั้น รอตอนเช้าก็ได้จ้ะ เดี๋ยวจะรีบลงมานั่งเสนอหน้าให้คุณแม่สุดสวยเห็นแต่เช้าเลย”

“กลัวแต่ว่าจะชิ่งหนีไปก่อนเพราะมีชนักปักหลังน่ะสิ”ชายหนุ่มชะงักกึก แต่ก็ยังแถ...

“ไม่หนีหรอกครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้เช้านะครับ เดี๋ยวหน้าเหี่ยว เอ๊ย หน้าคล้ำ ผมเป็นห่วงนะครับ...อีกอย่าง ผมง๊วง ง่วง วันนี้ทำงานหนักมาก”เขาพยายามทำหน้าให้ดูน่าสงสาร

“คงไม่หนักเท่าน้องเบญของแม่หรอกมั้ง...ตาวีร์... ”

“...แกกล้าขัดคำสั่งแม่ แกล้งน้องเบญทำไมหา ไอ้ลูกไม่รักดี ไอ้ลูกทรพี!” คุณมีนาพูดพร้อมกับความอดทนที่มีต่อลูกชายคนโตของตนสิ้นสุดลง นิ้วเรียวสวยทั้งบิด ทั้งหยิก ทั้งตี ชายหนุ่มอย่างโมโห ส่วนกรวีร์ที่ไม่กล้าสู้แม่เลยต้องวิ่งหนีเป็นพัลวัน

หลังจากนั้นเสียงร้องโหยหวนของกรวีร์ก็ดังลั่นไปทั่วทั้งบ้านท่านกลางความมืดมิดและเสียงหัวเราะของกรวิชญ์ที่เก็บต่อไปไม่ไหวแล้ว ส่วนเหล่าลูกจ้างทั้งหลายรวมไปถึงคนสนิทของกรวีร์ต่างส่ายหัวนึกสงสารเจ้านายแต่ช่วยไม่ได้ นี่มันเรื่องในครอบครัว
----------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ มาพร้อมกับความกะล่อนของพี่วีร์ แล้วอีแบบนี้ใครจะเชื่อล่ะว่าพี่แกเจ้าชู้หลบใน(ขนาดคนแต่งยังไม่เชื่อเลย) สำหรับตอนนี้นั้นพี่วีร์กับน้องเบญเจอกันแล้วค่ะ เขาเจอกันแล้วนะ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นน้องเบญเท่านั้นเอง (รู้ง่ายๆไม่ได้หรอก เดี๋ยวไม่สะใจ) ให้พีวีร์ดูถูกน้องเบญไปก่อน เดี๋ยวจะหนาวเมื่อเจอกัน

สำหรับไรเตอร์ไม่ต้องรอนานหรอก แต่สำหรับนักอ่านที่รักทั้งหลายรอไปอีกเจ็ดวันนะจ๊ะ (แต่อาจจะเลยไปวันสองวัน เพราะติดงานรับหน้าคุณหญิงแม่)

เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้ บ๊าย บาย



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มี.ค. 2555, 22:31:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มี.ค. 2555, 22:32:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1835





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
anOO 6 มี.ค. 2555, 15:32:30 น.
แสดงว่าตอนหน้าคงได้แนะนำตัวกันจริงๆ จังๆ แล้วสิ
งานนี้เบญคงไม่ตามติดพี่วีร์เหมือนเด็กๆ แล้วล่ะ จะเป็นพี่วีร์มากกว่ามั้งที่ต้องตาม


Auuuu 7 มี.ค. 2555, 03:00:17 น.
พระเอกเอ๋ย นายแย่แน่ๆๆๆๆ
นางเอกไม่พอใจมากกกกก
แต่แอบสงสารอันย่าอ่ะ ทำไมอันย่าถึงคิดว่าวิชญ์ชอบใครอยู่หว่าาาา
สงสัยๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account