ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก

Tags: บู๊หน่อยๆโรมานซ์นิดๆ

ตอน: บทที่ ๔

แสงไฟจากอาคารภายนอกส่องผ่านกระจกห้องทำงานใหญ่ ซึ่งยังพอมองเห็นว่าผนังกว้างด้านหนึ่งจัดวางชั้นไม้เนื้อแข็งอัดแน่นด้วยหนังสือทรงคุณค่าหลากหลาย ภายในเงาสลัว..บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานใหญ่ ร่างของบุรุษผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งเคาะนิ้วบนผิวโต๊ะมันเรียบอย่างครุ่นคิด ก่อนกดโทรศัพท์มือถือรอบุคคลปลายสายตอบรับ เขาจึงเอ่ยบทสนทนาทางบลูทูธ

“สวัสดีครับ เส.”

“ผมไม่คิดว่า คุณจะโทรหาผมเวลานี้นะ” เสียงเคร่งขรึมของชายสูงวัยตอบกลับ

“ผมก็ไม่อยากโทรมานักหรอก แต่เผอิญลูกน้องของผมมันระแคะระคายถึงความผิดพลาดซ้ำซ้อนของลูกน้องเส.ที่นอกจากจะกำจัดเป้าหมายไม่ได้ ยังให้ไอ้พวกนั้นเห็นหน้าอีก”

อีกฝ่ายนิ่งด้วยความอึดอัด เพราะคืนนั้นลูกน้องก็รายงานเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากการซุ่มโจมตีจะพลาดเป้าแล้ว พวกนั้นยังถูกบรรดาบอดี้การ์ดของเป้าหมายใช้มือถือสี่เครื่องตั้งกระจายในจุดที่เห็นภาพชัดเจนถ่ายวีดีโอส่งเข้าเครื่องของพวกมันอีกคนที่ชื่อไมค์ ซึ่งมีภูมิหลังเป็นทหารรับจ้างก่อนจะกลายมาเป็นคนสนิทของอชิร

“พวกนั้นผมเรียกมาใช้งานเฉพาะกิจเท่านั้น ถึงแม้จะเห็นหน้า แต่พวกมันไม่มีทางตามตัวเจอแน่”

“เส.ประมาทฝ่ายนั้นมากไปนะ..ทางที่ดี กำจัดคนของเส.ไปเลยดีกว่า” และยังไม่ทันจบประโยคดีนัก น้ำเสียงวางอำนาจประกาศกร้าว

“ไม่มีทาง! ผมจะไม่ทำอย่างนั้นกับลูกน้องเด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง รับรองว่าไม่มีปัญหาไปถึงตัวคุณหรอก”

“ขอให้เป็นไปตามที่เส.รับปากก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เส.คาดหวังไว้มันจะไม่มีวันได้เกิดขึ้นแน่”

ตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนตัดสัญญาณ..ทั้งๆที่ตามแผนแล้ว ทั้งอชิรกับศราต้องตายคาซากรถกันกระสุนนั่น เพื่อขั้นตอนต่อไปจะได้ถูกดำเนินการโดยไม่ต้องคอยหวาดระแวงต่อการถูกเอาคืนจากบุรุษที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อในโลกมืดที่หลายคนกริ่งเกรง ถึงแม้ว่าตอนนี้ อชิรจะพยายามถอยห่างจากโลกมืดจนอำนาจและบารมีถดถอยไม่เหมือนก่อน แต่ก็ใช่จะหมดเขี้ยวเล็บเสียทีเดียว เพราะฉะนั้น เขาก็ไม่ควรประมาท

สีหน้าเคร่งเครียดที่ผ่านประสบการณ์เลยครึ่งชีวิตมาแล้วถอนใจเฮือก ในเมื่อแผนครั้งนี้มันไม่มีอะไรได้ดั่งใจ ก็ขอให้แผนการที่เหลือประสบผลสำเร็จแทนก็แล้วกัน
เขากดโทรศัพท์อีกครั้งหาลูกน้องคนสนิท

“ครับ เจ้านาย”

“เตรียมเดินหมากตัวต่อไปได้..คราวนี้ ถึงตาแม่ราโมน่าแล้ว”

อีกฝ่ายกังขา “ราโมน่าหรือครับ..ทำไมไม่ใช้ชญาภาล่ะครับ ผมว่าชนาธิปน่าจะแค้นมากกว่า”

“เพราะชญาภาไม่ดังเท่าราโมน่าไง ลองคิดดูสิ ว่าถ้ามีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นกับแม่ดารานางแบบนั่น พวกนักข่าวก็จะรีบรุมทึ้งกระพือข่าวจนดังไปทั่วประเทศ ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ปิดไม่อยู่..หึๆ ยิ่งดังยิ่งแรงก็ยิ่งอับอายขายหน้า คราวนี้รับรองนายชนาธิปเดือดแน่ ดีไม่ดี อาจจะลงมือทำอะไรโดยที่เราไม่ต้องออกแรงเลยก็ได้”

“ผมเข้าใจล่ะ แล้วจะให้ลงมือเมื่อไหร่ครับ”

“เร็วที่สุด..ตีเหล็ก มันก็ต้องตีตอนร้อนๆนี่ล่ะ”

“ครับ”

สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดอีกครั้ง เมื่อลูกน้องคนสนิทรับคำ และร่างนั้นยังคงนั่งทบทวนถึงแผนการที่ได้เริ่มต้นไว้แล้วนับสิบปี ซึ่งกำลังใกล้ถึงเป้าหมายในไม่ช้า และกลิ่นอายแห่งความสำเร็จมันช่างแสนเย้ายวนเหลือเกินจนแทบจะอดใจรอไม่ไหว เมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ โดยมีเขาเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดขององค์กร

สายตามุ่งมั่นเรืองวาวในแสงสลัว
“แผนการที่วางไว้ มันจะต้องสำเร็จ!”


......................

เสียงนาฬิกาดิจิตอลตั้งโต๊ะร้องดังก้องห้องนอนกว้างโทนสีอ่อนละมุน เรียกสติให้เจ้าของร่างที่ซุกใต้ผ้านวมอุ่นให้ตื่นจากนิทรา และไม่กี่อึดใจ ผ้าผืนนุ่มที่ให้ความอบอุ่นก็ถูกถีบร่นไปขดกองที่ปลายเท้า ให้ช่วงขาเรียวขาวเนียนลออคู่สวยพ้นชายกางเกงนอนขาสั้นกุดสีหวานได้อาบไล้แสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา แต่บนตัวของเธอถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อนอกสีเข้มที่เริ่มซีดลงตามกาลเวลาของนักเรียนชาย มีปักตราสัญลักษณ์โรงเรียนมัธยมของเอกชนดังอย่างชัดเจนที่แผ่น อก ซึ่งเธอได้ยึดครองมาจากอนาวินผู้เป็นเจ้าของเดิมอย่างไม่ตั้งใจ

ดวงตาคมสวยสีเขียวน้ำทะเลกะพริบมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านปอยผมยาวยุ่งเหยิง กลุ่มเมฆสีขาวเป็นปุยสงบนิ่งท่ามกลางแผ่นฟ้าสีครามสด ซึ่งหากภาพตรงหน้านี้ได้เห็นจากภายในบ้านของลุงชัช เธอคงชอบใจเพราะว่ามันดูสวยดี หากแต่ในขณะนี้ ความรู้สึกของเธอกลับเต็มไปด้วยความอ้างว้างเดียวดายกับการถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ภายในห้องชุดหรูหราใจกลางเมือง ทุกครั้งที่ลืมตาตื่น เธอเกลียดความรู้สึกเหงาจับขั้วหัวใจ ทุกๆค่ำคืน เธอต้องยืนดูแสงสีของท้องถนนและตึกรามบ้านช่องที่สามารถเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา แต่นั่นมันก็ยิ่งตอกย้ำถึงความโดดเดี่ยวที่เธอต้องทนอยู่กับมันอย่างไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด..โชคดีที่เธอยังมีเสื้อตัวนี้ เสมือนว่ามันเป็นอ้อมกอดคอยปลอบประโลมจากผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเธอมักนำมาสวมแทบทุกคืนจนกลายเป็นของรักของหวงที่เธอเก็บซุกซ่อนนานนับสิบปี แต่ความรู้สึกอบอุ่นของแผ่นหลังกว้างที่ได้โอบกอดยังคงติดตรึงในใจของเธอจนถึงเดี๋ยวนี้

หญิงสาวกดปุ่มคำสั่งปิดมู่ลี่พรางสายตา ก่อนลุกขึ้นลงจากเตียงพร้อมถอดเสื้อตัวนอกออกมาบรรจงแขวนเก็บในตู้เสื้อผ้าเช่นเดิม และเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเอง แต่เพียงแค่ถอดชุดนอนลงไปกองกับพื้นห้องน้ำเท่านั้น เธอก็จำต้องคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวหลวมๆเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือ ร่างอวบอิ่มโน้มลงรวบชุดนอนของตนโยนใส่ตะกร้าก่อนรีบกดรับโทรศัพท์จากชายหนุ่มผู้ที่เธอให้ความสนิทสนมและไว้วางใจมากที่สุด เสมือนว่าเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ พี่ปอ”

“สวัสดีครับ..ออกมาอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกพี่สักคำเลยนะ” เสียงทุ้มทอดนุ่มไม่ได้แสดงความรู้สึกน้อยใจหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด

“คือ..มันฉุกละหุกน่ะค่ะ แม้แต่พวกเพื่อนๆ โม้นาก็ยังไม่ได้บอกสักคน..แล้วพี่ปอรู้มาจากใครล่ะคะ”

“พี่รู้มาจากคุณภาน่ะ เจอกันเมื่อวานที่งานเลี้ยงของลูกค้าธนาคาร..วันนี้พี่ก็เลยอยากให้เด็กหนีออกจากบ้านมาเลี้ยงข้าวกลางวันหน่อย”

ราโมน่าหัวเราะเสียงใส แม้ว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนั้น แต่เวลาที่ไปไหนมาไหนกับเขา เธอก็ไม่เคยต้องเสียเงินสักบาทเดียว

“แล้วพี่ปออยากจะให้เด็กหนีออกจากบ้านคนนี้เลี้ยงอะไรดีล่ะคะ”

“อืม..อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่จะกรุณา”

รอยยิ้มสดใสยังคงเกลื่อนบนใบหน้าสวย “งั้นอีกชั่วโมง เจอกันที่ร้านเดิมนะคะ”

“ไม่ให้พี่ไปรับเหรอ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวโม้นาขับรถไปเองดีกว่า เพราะต้องไปงานอีเว้นต่อด้วยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็..เดี๋ยวเจอกันนะครับ”

“ค่ะ”
หญิงสาววางโทรศัพท์ แล้วก็หมุนร่างเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้ง




ภายในร้านอาหารมีชื่อ สายตาของบรรดาลูกค้าที่มีบางตาเริ่มหันมองเป็นตาเดียวเมื่อรถสปอร์ตสีแดงเพลิงปราดมาจอดที่หน้าร้าน ตามด้วยร่างอวบอิ่มกลมกลึงของดารานางแบบสาวคนดังเปิดประตูลงจากรถและก้าวเข้ามาด้วยเสื้อตัวหลวมสีสวยเนื้อเบาสบายแต่กระนั้นขนาดของทรวงอกที่เกินมาตรฐานก็ยังดันเนื้อผ้าขึ้นมาจนโดดเด่น และกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาคู่สวยสวมใส่รองเท้ามีส้นเพียงเล็กน้อยพอเดินได้สบาย ส่งให้ร่างงามยิ่งระเหิดระหงยามเยื้องย่าง เส้นผมยาวสีน้ำตาลปล่อยเป็นลอนสลวยเคลียร์แผ่นหลังบาง ดวงตาคู่สวยที่คอยสะกดตรึงเหล่าบุรุษบดบังไว้ภายใต้แว่นตากันแดดราคาแพง

หญิงสาวก้าวตรงไปยังโต๊ะมุมใน ซึ่งชายหนุ่มผู้มีดีกรีเป็นลูกชายนายธนาคารใหญ่ในชุดเรียบเนี๊ยบนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าขาวสะอาดคมเข้มแย้มยิ้มละไมก่อนลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้

ราโมน่าถอดแว่นตาก่อนเอ่ยถาม
“มานานรึยังคะ”

“สักสิบนาทีได้ครับ”

พนักงานสาวนำรายการอาหารมาให้ เมื่อเห็นว่าลูกค้าเจ้าประจำทั้งสองยอบตัวนั่งลงเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว..และรอเพียงไม่นาน อาหารตามออร์เดอร์ก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ และบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

“แล้วงานอีเว้นวันนี้จะเลิกดึกไหมครับ”

“คงราวๆสาม-สี่ทุ่มนั่นล่ะค่ะ”

“กว่าจะกลับถึงคอนโด ก็คงดึกเหมือนกันนะ”

“ก็..นิดหน่อยค่ะ แต่โม้นาชอบนะคะ เพราะตอนกลางคืนน่ะรถไม่ติด ไม่ต้องเครียดเหมือนตอนกลางวัน”

“ ถ้าวันนี้พี่ไม่ติดธุระล่ะก็ พี่จะอาสาเป็นสารถีให้ทั้งวันเลย”

หญิงสาวยิ้มกว้าง “ แต่น่าเสียดายนะคะที่พี่ปอไม่ค่อยมีเวลาว่าง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ โม้นาคงทำงานสบายไปเลย”

“ใช่..พี่ก็เสียดาย”

ปริพันธ์พึมพำด้วยประโยคเรียบง่าย แต่ในความรู้สึกนั้นช่างแสนเสียดายเป็นที่สุด เพราะช่วงจังหวะเวลาในหน้าที่การงานของเขาและเธอมันไม่ค่อยตรงกันเลย แม้เขาจะพยายามหาเวลาแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่มากพอตามความต้องการของหัวใจที่เรียกร้องอยากอยู่ใกล้ชิดกับเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้..แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคใหญ่มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของช่วงเวลาเท่านั้น แต่เป็นที่ตัวของเธอเองต่างหาก ที่แม้จะให้ความสนิทสนมกับเขามากกว่าผู้ชายคนอื่นที่ตกเป็นข่าว แต่ดูเหมือนว่าสี่ห้องหัวใจของเธอนั้นได้ถูกใครบางคนจับจองไว้แล้ว เธอถึงไม่เปิดโอกาสให้เขาเปลี่ยนสถานะจากพี่ชาย กลายเป็น คนรัก เสียที

ราโมน่านั่งทานอาหารไปเรื่อยๆพร้อมบทสนทนากับบุคคลที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจที่สุด แม้จะถูกสายตาหลายคู่จับจ้องแต่เธอก็ชินเสียแล้ว และก็รู้ว่ามีใครบางคนแอบถ่ายรูป ที่เดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นข่าวตามหน้าหนังสือกรอสซิปทั่วไป..ซึ่งเธอก็เบื่อที่จะใส่ใจแล้ว คิดเสียว่าเป็นการทำบุญทำทานช่วยเหลือคนอื่นให้มีรายได้พิเศษบ้าง

หลังจากมื้ออาหารผ่านไป สองหนุ่มสาวพากันเดินเที่ยวไม่นาน ก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่การงานของตน


ขณะที่ราโมน่ากำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้า และเห็นเจ๊ต้อยผู้จัดการส่วนตัวเดินป้วนเปี้ยนกระวนกระวายเหมือนว่ามีเรื่องกลุ้มใจเสียหนักหนา และมีแต่เธอเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้ ซึ่งท่าทางเช่นนี้เธอรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทนแล้ว

ผู้จัดการหนุ่มหายใจฟืดฟาดเท้าเอวอย่างหงุดหงิด ในที่สุดก็หมุนวนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจิกกัดช่างแต่งหน้าทันที
“เอ้าแม่คุณ จะแต่งหน้าให้สวยยันไปถึงชาติหน้าเลยรึไง นี่มันใกล้เวลาจะเริ่มงานแล้วนะ”

ช่างแต่งหน้าเพศเดียวกันตวัดหางตาขุ่นเคืองก่อนบรรจงปัดบรัชออนบนแก้มเนียนอีกเล็กน้อยก็หันเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดใส่กระเป๋า และสะบัดหน้าใส่เจ๊ต้อยก่อนหิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้อง

ราโมน่าถอนใจเฮือก เงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการหนุ่มที่กำลังทำปากขมุบขมิบไล่หลังช่างแต่งหน้า ก่อนจะหันมายิ้มหวานเจี๊ยบให้เธอ

“เจ๊มีอะไรจะพูดกับโม้นาหรือคะ”

“คือ..” เจ๊ต้อยเริ่มอ้ำอึ้งเป็นเสต็ปแรก จากนั้นก็เริ่มทำหน้าเศร้าเป็นเสต็ปที่สอง “เจ๊ต้อยรับงานมางานหนึ่งจ้ะ..”

“งานอะไรคะ” ราโมน่าถามเสียงเย็นเช่นเดียวกับสีหน้า

“เอ่อ..เป็น..คอลเลกชั่นชุดนอนจ้ะ” กระมิดกระเมี้ยนตอบ และทันที่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายอ้าปากหมายปฏิเสธ เจ๊ต้อยก็ชิงงัดเสต็ปที่สามออกมาด้วยการกะพริบตาทำท่าจะร้องไห้ “เจ๊ต้อยรู้ว่าโม้นาไม่อยากรับงานพวกนี้ แต่ครั้งนี้เจ๊จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆนะ แล้วอีกอย่างเจ๊ก็สกรีนชุดเรียบร้อยแล้วด้วย รับรองเซตนี้ไม่โป้ไม่เปลือย แค่เรียกเลือดลมให้แล่นซู่ซ่ากระชุ่มกระชวยเท่านั้นเอง”

“ให้เลือดกำเดากระฉูดน่ะสิไม่ว่า”

ราโมน่าต่อให้พร้อมลุกขึ้นยืน..คราวที่แล้ว เธอก็หลงคารมยอมถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำจนถูกลุงของเธอเรียกไปสวดเสียยกใหญ่ คราวนี้อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมใจอ่อนอีก

“โธ่โม้นาจ๋า ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆนะ..ไม่งั้นเจ๊ตายแน่”
เจ๊ต้อยพยายามอ้อนวอน ราโมน่าเขม็งมองผู้จัดการส่วนตัวของเธอก่อนยืนยันหนักแน่น

“ไม่ต้องมาคร่ำครวญเลย ต่อให้เจ๊ไปฆ่าตัวตายโม้นาก็ไม่สน แต่โม้นาจะช่วยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงกระเพาะปลาให้สักคืนก็แล้วกัน”

พูดจบก็หันเดินไปหาออแกนไนเซอร์ เจ๊ต้อยกระทืบเท้าขัดใจที่เด็กในสังกัดแข็งข้อจนทำให้ส่วนแบ่งก้อนโตหายวับไปในอากาศ ซึ่งถ้าหญิงสาวไม่ใช่ลูกหลานของผู้มีอิทธิพลล่ะก็ คงถูกเขาจับใส่พานทองประเคนพวกนักการเมืองหรือไม่ก็เสี่ยกระเป๋าหนักคนใดคนหนึ่งไปแล้ว ฮึ!



หลังจากจบงานอีเว้นเจ๊ต้อยพยายามตื๊ออีกรอบ แต่หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็งและขู่ว่าถ้าตื๊อมากๆเข้า เธอจะไปอยู่กับผู้จัดการคนอื่น เจ๊ต้อยจึงรีบถอยทัพคอตกกลับบ้านไป เพราะรู้ว่ามีนักปั้นหลายคนจ้องฉกหญิงสาวไปจากเขา เนื่องจากหญิงสาวยังเป็นสินค้าที่สร้างรายได้อีกมหาศาล

ราโมน่าถอนใจฟืด เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม..แค่เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าฉีกยิ้มหวานๆให้กับผู้คนภายในงานแล้ว ยังต้องมาหนักใจกับเรื่องบ้าบอคอแตกอีก..น่าเบื่อจริงๆ!

หญิงสาวขับรถด้วยความเร็วไม่มากนัก เพียงแค่คิดว่าจะต้องกลับไปสถานที่ที่มีแต่ความเปลี่ยวเหงา หัวใจเธอก็รู้สึกห่อเหี่ยวจนบอกไม่ถูกเลยจริงๆ

และขณะที่แล่นบนเส้นทางที่ค่อนข้างเงียบ รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีดำมีคนนั่งมาสามคนก็ขับตีขนาบข้างขึ้นมา และคนนั่งฝั่งผู้โดยสารทั้งเบาะหน้าและหลังต่างเลื่อนกระจกลงโผล่หน้ามาตะโกนแซวเธอลั่นถนน

“ขับรถคนเดียวเหงาไหมจ๊ะ”

“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไหมจ๊ะคนสวย”

“ไอ้พวกบ้า! ไปให้พ้นเลยนะ” ราโมน่าเข่นเขี้ยวนึกก่นด่าสารพัดและคิดจะเหยียบคันเร่งหนี ซึ่งมั่นใจว่าความเร็วรถของเธอเหนือกว่าแน่นอน แต่ในวินาทีนั้น..อีกฝ่ายกลับเร่งเครื่องแซงหน้าขึ้นไปก่อนพร้อมกระทำในสิ่งที่หญิงสาวไม่คาดฝัน เมื่อเจ้าสองคนเมื่อครู่ดันขว้างไข่ดิบใส่หน้ากระจกรถแตกกระจายบดบังวิสัยทัศน์ ก่อนจะพากันหัวเราะลั่นจากไป

หญิงสาวจอดรถเข้าข้างทางกรี๊ดลั่นรถทั้งเจ็บใจ ทั้งคลั่งแค้นกับการกระทำของพวกมัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดประตูลงไปแช่งชักหักกระดูกไล่หลังไปเท่านั้น แล้วก็กลับเข้ารถเปิดสวิตซ์ฉีดน้ำพร้อมไล่ที่ปัดน้ำฝนทำความสะอาดแผ่นกระจก แต่ก็ล้างคราบสกปรกออกไม่หมด จึงคว้ากล่องกระดาษทิชชู่เปิดประตูรถลงไปอีกครั้ง ขยุ้มดึงแผ่นกระดาษเช็ดคราบสกปรกอย่างกระฟัดกระเฟียด

“วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของฉันเนี่ย ไอ้บ้าเอ้ย!”

เธอยังคงงุ่มง่ำตั้งหน้าตั้งตาเช็ดกระจก จนไม่ทันเห็นว่าเจ้ารถคันเดิมได้เลี้ยวกลับมาอีกครั้ง..กว่าจะเห็น ก็เมื่อตัวรถปราดมาจอดใกล้ และชายฉกรรจ์ทั้งสามลงจากรถตรงเข้าคุกคามอย่างรวดเร็วจนเธอหนีกลับขึ้นรถไม่ทัน

“นะ..นี่ พวกนายมาทำไมกันอีก ไปให้พ้นเลยนะ”

ราโมน่าถามเสียงตื่นพลางขยับถอยหนี แต่ก็ถูกต้อนจนติดรถของตัวเอง ซึ่งสายตาหื่นกระหายของแต่ละคนนั้นกวาดมองโลมเลียทั่วเนื้อตัว ทำให้เธอขยะแขยงระคนหวาดกลัวจนแทบร้องไห้

“..ถอยออกไปนะ พวกนายต้องการอะไร..จะเอาเงินเหรอ ฉันมีอยู่ในกระเป๋าน่ะ เอาไปได้เลย มือถือก็อยู่ในนั้น คงขายได้หลายตังค์อยู่นะ..”

เธอพยายามเปล่งเสียงสั่นเครือต่อรองกับกลุ่มคนที่กำลังรุมล้อมรอบตัว ภาวนาให้พวกมันสนใจในสิ่งที่เธอเสนอ ซึ่งหนึ่งในสามแสยะยิ้มเย็น

“เงินน่ะเราเอาแน่ รวมทั้งตัวเธอด้วย แม่ดาราคนสวย”

และทันทีที่พูดจบ ทั้งสามต่างกรูเข้ารุมจับหญิงสาวที่ส่งเสียงกรี๊ดลั่นพยายามวิ่งหนีแต่สองแขนนั้นฝ่ามือใหญ่ของชายทั้งสองคว้าไปล็อกแน่น และหมายพาไปจัดการตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างที่ต้องการให้พวกเขารุมโทรมแม่ดาราสาวคนนี้พร้อมเผยแพร่ภาพให้คนทั่วไปได้เห็น ซึ่งพวกเขาต่างรีบกระโจนรับข้อเสนอทันที..ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งผู้หญิงที่สวยสะเด็ดขนาดนี้ เป็นใครก็เอาทั้งนั้น!

“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! กรี๊ด..ช่วยด้วย!!”

ราโมน่าพยายามดิ้นสุดฤทธิ์พร้อมกรีดร้องไม่หยุด จนทั้งสองแสบแก้วหูไปหมดแล้ว แต่เจ้าเพื่อนร่วมขบวนการอีกคนมันยังไม่สามารถรวบขาหญิงสาวได้เสียที

“เฮ้ย! เร็วสิโว้ย เดี๋ยวพ่อมึงก็แห่กันมาหรอก”

เจ้าคนที่โน้มตัวพยายามรวบขาทั้งสองข้างของหญิงสาว เงยใบหน้ามาเถียงเพื่อน
“มึงไม่เห็นรึไง แม่งดิ้นฉิบหาย ถีบจนกูเจ็บไปหมดแล้ว”

“ก็ทุบเลยสิวะ เสือกโง่อยู่ได้”

“เออว่ะ” เจ้าคนฟังคล้อยตามเพื่อน แต่ในวินาทีนั้นเอง ราโมน่าหาจังหวะได้จึงรีบยกเข่ากระแทกเสยเข้าปลายคางอย่างจัง จนคนร่างใหญ่ตรงหน้าผงะล้มหงายวูบไหวเห็นดาวเดือนเลยทีเดียว

“เฮ้ย!”

ชายทั้งสองต่างอุทานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อน จึงถูกปลายของรองเท้าส้นสูงกระทืบลงบนปลายเท้าของชายคนหนึ่งอย่างจังจนเต้นโหยง หญิงสาวรีบสะบัดแขนจนหลุดและหันไปใช้สองนิ้วจิ้มตาของอีกคนจนร้องลั่นตามเพื่อนเช่นกัน..แม้ว่าจะสะบัดหลุดมาได้ แต่เธอก็ไม่สามารถกลับขึ้นรถได้ทันแน่ จึงหันหลังกลับหมายวิ่งไปยังถนนอีกเส้นที่เห็นว่าพอมีรถแล่นผ่านพร้อมส่งเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือลั่น เผื่อจะมีใครได้ยินบ้าง

“เฮ้ย! หนีไปโน้นแล้ว”

เจ้าคนที่ถูกกระทืบปลายเท้าโวยวาย รีบแตะเพื่อนที่นอนมึนกับพื้นให้รีบลุกขึ้นไล่ตามโดยเร็ว พร้อมแค่นคำราม“ฤทธิ์มากนักนะมึง จับได้ล่ะน่าดู”



ทั้งสามเร่งฝีเท้าสุดฤทธิ์ ในที่สุดก็คว้าร่างอวบอิ่มละมุนมือได้สำเร็จ ก่อนเงื้อมือตบใบหน้าสวยนั้นเต็มอารมณ์โกรธจนล้มคว่ำลงไปกับพื้น

ราโมน่ารับรู้ถึงรสเลือดที่ค้างอยู่ในโพรงปากพร้อมๆกับอาการเจ็บชาของซีกแก้ม พลางกระถดร่างถอยหนีก่อนยกมือไหว้วอนขอชายทั้งสามที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาเสียงเครือ พร้อมน้ำตาร่วงรินกับชะตากรรมที่จะส่งให้เธอตกนรกทั้งเป็น

“ฉันไหว้ล่ะ..ปล่อยฉันไปเถอะนะ..อยากได้อะไรก็เอาไปเลย ฉันจะไม่แจ้งความด้วย แต่อย่าทำอะไรฉันเลยนะ..ฉันไม่เคยทำอะไรให้พวกนายเลย..ขอร้องล่ะ..ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

“เธอไม่ได้ทำ แต่ลุงของเธอเป็นคนทำ”

“คุณลุง!?”

“ก็นายชนาธิปไม่ใช่เรอะที่ส่งคนไปลอบกัดเจ้านายของพวกเราจนเกือบเดี๊ยงไง..ถ้าจะโทษ ก็โทษที่ลุงของเธอก็แล้วกัน”

“ไม่! คุณลุงไม่ได้ส่งคนไปทำร้ายคุณอชิรนะ พวกนายเข้าใจผิดแล้ว” ราโมน่ารีบแย้ง เมื่อคิดว่าพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว แต่อีกฝ่ายตะคอกกลับ

“ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ลุงของเธอหรอก เพราะใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น” พร้อมยื่นมือมาฉุดดึงหญิงสาวที่ส่งเสียงกรี๊ดลั่นพร้อมดิ้นรนอีกครั้งให้ลุกขึ้น ก่อนส่งกำปั้นหนักหน่วงกระแทกเข้าบริเวณหน้าท้องบอบบางอย่างจังจนร่างที่ดิ้นรนตัวงอฟุบลงไปกับวงแขนแกร่งที่รองรับไว้

“สิ้นฤทธิ์ซะที..จัดการตรงนี้เลยดีกว่าไหมว่ะ”

แต่เพื่อนอีกคนรีบแย้ง“เฮ้ย ไม่ได้หรอกเดี๋ยวใครมาเห็น รีบพาไปดีกว่า”

“ก็ได้วะ”

ชายหนุ่มที่มีร่างกายใหญ่โตที่สุดในกลุ่มก้าวเข้ามาแบกร่างไร้สติกลับขึ้นรถ แต่ทั้งหมดจำต้องหันขวับตามแสงไฟหน้ารถที่สาดเข้ามาขัดจังหวะ และไม่กี่อึดใจ..ร่างสูงเพรียวกำยำเปิดประตูลงจากรถยนต์คันใหญ่ให้หนึ่งในสามลอบกลืนน้ำลายอย่างขลาดๆ เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ชัดเจน

“บรรลัยแล้ว!”

.......................................................................

จบตอนค่า
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ



ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2555, 04:03:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2555, 04:03:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 3113





<<    ตอนที่ ๕ >>
ann 21 ก.พ. 2555, 09:46:08 น.
ไปแอบเห็นหน้าปกเรื่อง บ่วงพันธการมาแล้ว แต่แอบสงสัยว่าทำไมเปลี่ยนนามปากกาหล่ะคะ เกือบจำไม่ได้แหน่ะ แล้วจะรอซื้อน้า ^^


ระรินใจ 21 ก.พ. 2555, 10:40:27 น.
นามปากกา"กรณ์ วรรณกานต์"สำหรับเขียนเรื่องแนวแอกชั่น หรือไม่ก็นิยายที่เนื้อหาแรงขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ ส่วน"ระรินใจ"สำหรับแนวโรแมนติกหวานๆ ซึ้งๆหรือไม่ก็ตลก เนื้อหาสบายๆค่ะ..เวลาคนอ่านเห็นนามปากกาบนหน้าปก จะได้รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นแนวไหนจ้า

ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะจ๊ะที่ช่วยอุดหนุนนักเขียน "ตัวน้อยๆ" คนนี้ *__*


ann 21 ก.พ. 2555, 10:54:16 น.
ไม่เป็นไรค่ะ ก็อุดหนุนกันมาทุกเล่มเลยนี่นา ชอบงานเขียนของคุณระรินใจมากค่ะ ^^


nunoi 21 ก.พ. 2555, 11:42:19 น.
อนาวิน มาช่วย ราโมน่า หรือเปล่าเนี๊ยะ


XaWarZd 21 ก.พ. 2555, 11:59:31 น.
ใครมาน๊า


แพม 21 ก.พ. 2555, 13:58:50 น.
อนาวิน?


Zephyr 21 ก.พ. 2555, 14:55:07 น.
พี่จิลป่ะคะ ขอให้ใช่เถอะนะ ไม่ตายดีแน่ๆไอ้สามตัวหน้าตัวเมีย
ว๊ากกกกก เลว จริงๆ คาดว่าน่าจะมีมือที่สามมาใช้ประดยชน์แทรกแซงจากการที่ไม่ถูกกันของสองครอบครัวนี้ใช่มั้ยคะ แต่จะเป็นใครต้องรอลุ้นใช่ม้า เอ หรือ ลุงอีกคนอ่ะ ลุงคนโตอ่ะ น่าสงสัยน้า


ระรินใจ 21 ก.พ. 2555, 14:56:59 น.
คุณann === ฮิ้ววว..ปลื้มใจจนน้ำตาจะไหล ^__________^


คุณnunoi === ตอนหน้าก็รู้แล้ว อิอิ



คุณXaWarZd === ฮ่าๆ ตอนนี้คนอ่านกำลังเล่นเกม..ใครเอ่ย!?



คุณ แพม=== ยังมีเวลาเดากันได้เรื่อยๆ จนถึงจันทร์หน้าค่า...


ระรินใจ 21 ก.พ. 2555, 15:03:10 น.
คุณ Neferretti === ตอนนี้คนเขียนชักเริ่มสนุกกับการเห็นคนอ่านคาดเดาไปเรื่อย อิอิ ต้องตามอ่านค่ะ ถึงจะรู้ ^^


anOO 21 ก.พ. 2555, 16:39:43 น.
ท่าทางคุณลุงจะไม่ส่วนรู้เห็นกับเรื่องของอชิรจริงๆ ใช่ไหมเนี้ย
เอ...หรือว่างานนี้ลูกน้องอยากได้หน้าเลยมาจัดการโม้นา


bloomberg 21 ก.พ. 2555, 18:15:49 น.
แหม..คุงไรเตอร์ใจร้าย ต้องให้น้องโม้นาของเราพุงเขียวก่อนถึงจะให้เฮียจิลมาช่วย (หรือว่าเป็นมุข ต้องการให้เฮียของเราได้โอกาสเห็นพุงโม้นากันน้ออ..)


ระรินใจ 21 ก.พ. 2555, 19:52:56 น.
คุณ an00 === ลุงชัชไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอกค่ะ ส่วนใครเป็นคนสั่งนั้น ต้องตามกันอีกยาววววเลยล่ะค่ะ ^^"



คุณ bloomberg === ฮ่าๆ ถ้าเฮียจิลได้เห็นพุงโม้นาจริงๆล่ะก็ เฮียไม่ยอมหยุดมองแค่พุงหรอกค่า


หมูอ้วน 23 ก.พ. 2555, 00:22:56 น.
ช่วงนี้คอมฯ มีปัญหา อาจจะเป็นนินจา ไม่ได้เม้นท์บางตอน อย่าโกรธกันนะค่ะ


ระรินใจ 23 ก.พ. 2555, 11:19:18 น.
ไม่หรอกค่าคุณหมูอ้วน แค่รู้ว่ายังตามอ่านกันก็ดีใจแล้ว ^^


ทิปปี้ 23 ก.พ. 2555, 12:18:13 น.
ให้เราลุ้นว่าจะเป้นจิลหรือตำรวจ โปรดติดตามตอนต่อไป หนังสือว่างแผงเมื่อไหรค่ะ


ระรินใจ 24 ก.พ. 2555, 14:57:15 น.
อาจจะเป็นคนนอกสายตาก็ได้ค่าคุณทิปปี้ ^^

หนังสือคงเร็วๆนี้ล่ะค่ะ เดี๋ยวถ้าวางเมื่อไหร่ คนเขียนจะบอกอีกทีนะคะ


IAmJin 25 ก.พ. 2555, 17:37:36 น.
รู้สึกว่าตัวเองตกข่าว "บ่วงพันธการ" กำลังจะออกเป็นหนังสือแล้วหรือคะ ยินดีด้วยคะ แต่ว่าออกกับสำนักพิมพ์อะไรหรือคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account