ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก

Tags: บู๊หน่อยๆโรมานซ์นิดๆ

ตอน: ตอนที่ ๕

ยามค่ำคืนของคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง..เสียงพูดคุยของสองหนุ่มต่างวัยดังขึ้นภายในห้องกว้าง ที่ออกแบบตกแต่งด้วยโทนสีทึมและเรียบง่าย..ไมค์โน้มตัวใช้แขนข้างหนึ่งยันร่างของตนกับโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมตัวใหญ่ที่มีรูปภาพวางกระจัดกระจายหลายใบ ซึ่งเป็นภาพที่ได้มาจากวีดีโอสดถ่ายจากมือถือของตฤนและเพื่อนร่วมอาชีพอีกสามเครื่องส่งเข้ามือถือของเขาในแต่ละมุม จากนั้นก็ใช้ระบบ Mobicast มาช่วยคำนวณลักษณะทางกายภาพ จัดเรียงเฟรมแต่ละฟุตเทจจนได้ภาพที่สมบูรณ์ในแต่ละมุมมอง สามารถเผยโฉมหน้าของกลุ่มมือสังหารทั้งเจ็ดได้เกือบทุกคน และแม้ใบหน้าที่เห็นจะไม่ชัดเจน แต่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยให้เขาแกะรอยจนตามตัวเจอได้ไม่ยากนัก ถ้าพวกมันไม่โดนสั่งเก็บเสียก่อน

และเลือกหยิบภาพใบหนึ่งส่งให้เตชิต ซึ่งร่างสูงเพรียวกำยำสวมชุดสีดำเป็นการไว้ทุกข์ ใบหน้าคมหวานภายใต้กรอบผมยาวประบ่ารวบมัดเกล้าครึ่งหัวยังคงสงบนิ่งยามรับภาพนั้นมา แต่เมื่อได้เห็นใบหน้ารางๆของชายฉกรรจ์ที่ลั่นกระสุนเข้ากลางแสกหน้าของผู้ให้กำเนิด นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลเรืองวาวด้วยความคลั่งแค้นปะทุแน่นในอก แค่นเสียงอาฆาต

“คนอื่นผมไม่สน แต่คนนี้ ผมจอง”

“ลุงก็ว่าจะเก็บไว้ให้อยู่แล้ว”

“แล้วลุงจะจัดการเรื่องนี้เมื่อไหร่”

“รอให้แน่ใจ ว่าเสี่ยปลอดภัยแล้วจริงๆ ลุงถึงจะเริ่มตามล่าพวกมัน” เพราะอาการของผู้เป็นนายใหญ่นั้น ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะแม้ว่าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แล้วยังเรื่องความปลอดภัยของบรรดาลูกๆของผู้เป็นนายอีก เขาต้องจัดการวางระบบรักษาความปลอดภัยให้แน่ใจว่าไม่มีจุดอ่อนใดๆเสียก่อน แล้วค่อยออกไปพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้พวกนั้นมาชำระแค้น

“แต่ตอนนี้ พวกเจ้าตงเริ่มลงมือแกะรอยพวกมันแล้ว” ซึ่งหมายถึงลูกน้องอีกกลุ่มของเจ้านาย

“..ผมคงไปด้วยไม่ได้”

“ขืนเราหายไป มีหวังคุณหนูเล็กอาละวาดบ้านพังแน่” ไมค์พูดเจือรอยยิ้ม เพราะพวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่า ลูกสาวคนเล็กผู้แสนเอาแต่ใจของเจ้านายนั้นหวงเตชิตไม่ต่างอะไรกับจงอางหวงไข่ หากไม่เป็นเพราะห่วงกังวลในอาการของผู้ให้กำเนิดจนกิน-นอนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมนายหญิง และเตชิตต้องมาจัดการงานศพของบิดา โมรียาคงไม่ยอมปล่อยให้ชายหนุ่มคนนี้ห่างตัวเป็นแน่

ใบหน้าคมหวานยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงท่าทียินดียินร้ายในสิ่งที่ไมค์พูด ก้มมองภาพในมืออีกครั้งราวกับจะจดจำให้มันฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ ก่อนวางลงบนโต๊ะรวมกับภาพอื่นๆ

“ผมคงต้องกลับแล้ว”

เมื่อไมค์พยักหน้า ร่างสูงจึงหันเดินออกจากห้องชุดราคาแพงตรงไปตัวลิฟต์ หมายกลับบ้านของมารดาที่เคยอาศัยกับบิดาตามลำพัง เพราะเขานั้นได้เข้าไปอยู่ภายใต้การปกครองของผู้เป็นนายใหญ่ตั้งแต่อายุสิบสาม และพี่สาวต่างบิดาที่เป็นอายุรแพทย์ก็แต่งงานไปอยู่กับนายแพทย์โรงพยาบาลเดียวกันไปแล้ว และตอนนี้พี่สาวพยายามเกลี้ยกล่อมให้มารดาไปอยู่ด้วยกัน แต่ติดว่ามารดายังผูกพันกับความทรงจำเก่าๆร่วมกับบิดา จึงอาลัยอาวรณ์ที่จะย้ายไปจากบ้านหลังนั้น แต่คิดว่าอีกไม่นาน มารดาคงต้องยอมทำตามคำชักชวนของพี่สาว เพราะตัวเขาก็สนับสนุนเช่นกัน



ระหว่างทางที่เตชิตกำลังขับรถ สายตาเขาเหลือบมองไปยังถนนอีกเส้น และในแสงสว่างของไฟข้างทางเห็นร่างไกลๆของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังหนีการไล่ล่าจากชายสามคนสุดชีวิต เขาจึงหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนเส้นทางไปหาหญิงสาวคนนั้นทันที..และกว่าจะไปถึง ร่างไร้สติของหญิงสาวก็ถูกแบกขึ้นบ่าเสียแล้ว จึงตบไฟสูงใส่ก่อนเปิดประตูลงจากรถโดยไม่มีทีท่ากริ่งเกรงชายทั้งสามเลยสักนิดเดียว

หนึ่งในสามใบหน้าเผือดซีด หันไปสะกิดเพื่อน
“รีบหนีเหอะ”

เพื่อนตัวใหญ่ยอบตัวลงปล่อยร่างราโมน่าทอดตัวลงนอนกับพื้น ก่อนหันมากระซิบเสียงเครียดใส่เพื่อนที่ทำท่าหวาดกลัวชายหนุ่มหน้าสวย ท่าทางสะโอดสะองจนลนลาน
“บ้ารึไง มันมีแค่คนเดียวนะโว้ย”

อีกคนหันมาสำทับ “นั่นสิ ท่าทางแบบนี้แค่หมัดเดียวก็จอดแล้ว”

แล้วทั้งสองก็หันไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ไม่คิดจะฟังคำทัดทานของเพื่อนสักนิด และร่างสูงโปร่งของผู้ทัดทานก็ขยับถอยไปยืนในระยะปลอดภัย พร้อมพูดไล่หลัง

“กูเตือนพวกมึงแล้วนะโว้ย”

เพราะเมื่อปีก่อนที่เขายังเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างในเครือบริษัทของอชิร จึงพอจะมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาบรรดาบอดี้การ์ดของคนในตระกูลพาณิชย์ไพศาลบ้าง และชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นบอดี้การ์ดของโมรียา ลูกสาวสุดรักสุดหวงของอชิร ซึ่งเขาเห็นฝีไม้ลายมือมาแล้วโดยบังเอิญภายในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งสาเหตุมาจากกลุ่มนักเที่ยวชายห้าคนหมายจะลวนลามโมรียาและหาเรื่องชกต่อยกับเตชิต แต่ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น..ทั้งหมดต่างร้องโอดครวญกับสภาพแขนหักสองคน อีกคนซี่โครงหัก ส่วนสองคนที่เหลือฟันหัก ดั้งจมูกเบี้ยว ใบหน้าแตกยับเยิน ในขณะที่พวกการ์ดของผับต่างยืนอึ้ง..

ชายหนุ่มพึมพำถึงเหตุการณ์ที่ยังจำได้ติดตาด้วยความรู้สึกแหยง
“ขนาดห้าคนพ่อยังเก็บเรียบ แล้วนี่แค่สอง มันจะเหลือเรอะวะ”

สายตาขลาดกลัวมองเพื่อนทั้งสองที่เดินกร่างเข้าหาอีกฝ่าย และตวาดไล่
“จะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย”

ผู้มาใหม่ยืนนิ่งราวกับไม่ได้ยิน สีหน้าไร้ความรู้สึก ทำให้ผู้ตวาดไล่มีอาการควันออกหูเมื่อคิดว่ากำลังถูกท้าทาย จึงแผดเสียงกร้าวอีกครั้ง “มึงอยากโดนนักใช่ไหม” ก่อนเงื้อหมัดขวาพุ่งใส่ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยกฝ่ามือรับหมัดได้อย่างง่ายดาย และในเสี้ยวนาที ฝ่ามือแข็งแกร่งขยุ้มกำหมัดเขาแน่นก่อนกระแทกกดหักข้อมือในทันใด เรียกเสียงร้องโหยหวนที่ยังไม่ทันจะขาดช่วง แขนอีกข้างก็ถูกจับกระชากหมุนร่างให้หันหลังกลับพร้อมขาพับด้านในถูกเตะจนทรุดลงไปนั่งคุกเข่า แขนที่ถูกยึดตวัดขึ้นล็อกคอตนเอง โดยมือแกร่งของอีกฝ่ายกดแน่นพร้อมเหยียบตรึงขาพับของเขาไว้จนขยับไม่ได้

เพื่อนอีกคนนิ่งอึ้งกับการเคลื่อนไหวรวดเร็วของอีกฝ่าย แต่ก็กระโจนเข้าใส่ในอึดใจต่อมา..เจ้าคนที่ถูกล็อกในคราวแรกต้องแหกปากร้องลั่นอีกครั้ง เมื่อถูกขยุ้มผมกดกระแทกหน้ากับพื้นอย่างแรง

ปั่ก!

“โอย..” ชายหนุ่มร่างใหญ่ร้องโอดโอยเจ็บทั้งหน้า ร้าวระบบทั้งข้อมือที่หัก ยอกทั้งขาที่ถูกเหยียบ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง เพื่อนของเขาก็ถูกซัดลงไปนอนกองร้องครวญครางกับพื้นอีกคน

เมื่อคู่ต่อสู้หมดพิษสงแล้ว เตชิตหันไปหาเจ้าคนสุดท้ายที่ยืนเลิ่กลั่กห่างออกไป แต่ผู้ชายคนนี้เหมือนว่าเขาจะเคยเห็นหน้า เพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน และทันทีที่เขาก้าวขาตรงไปหา เจ้านั่นก็แหกปากหน้าตาตื่น

“ผมไม่เกี่ยวนะครับ”

จากนั้นก็หันหลังโกยอ้าวกลับขึ้นรถ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งไล่หลังตามขึ้นรถไปติดๆ และรีบบึ่งหนีอย่างไว

เตชิตจึงหันมาสนใจกับหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติ..ความตั้งใจแวบแรกคิดจะพาเธอไปโรงพยาบาล จากนั้นก็สุดแล้วแต่ว่าเธอจะจัดการกับชีวิตของตัวเองต่อไปอย่างไร แต่เมื่อเห็นดวงหน้าสวยซึ้ง ที่เขาเห็นบ่อยครั้งผ่านทางสื่อต่างๆและรับรู้จากลุงไมค์ว่า เธอเป็นหลานสาวของชนาธิป ความตั้งใจเดิมเมื่อครู่ถูกยกเลิกทันที ขืนเขาพาเธอไปโรงพยาบาลในสภาพนี้ ได้กลายเป็นข่าวครึกโครมแน่ ดีไม่ดี เขาอาจถูกลากไปเติมเชื้อไฟให้สองตระกูลยิ่งโหมกระพือก็เป็นได้..แต่จะทิ้งไว้อย่างนี้ จิตใต้สำนึกดีชั่วของเขาก็ค้านเต็มที่ และที่สำคัญ เจ้าคนร้ายที่วิ่งหนีเขาไปนั่น มันชวนให้รู้สึกสังหรณ์ใจ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าจะมีอะไรแอบแฝงมากกว่าแค่การฉุดคร่าธรรมดาๆ เป็นแน่!

........

อนาวินเปิดประตูห้องนอนด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง สูทตัวนอกถูกเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนร่างสูงจะทิ้งตัวลงนอนแผ่ขวางกลางเตียงอย่างคนหมดเรี่ยวแรง สาเหตุเป็นเพราะวันนี้ทั้งวัน เหมือนว่าเขายืนอยู่ท่ามกลางเฮอร์ริเคนที่ซัดกระหน่ำมาจากคณะกรรมการบริหารและบรรดาผู้ถือหุ้นที่แสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อเขาในการรับช่วงคุมอำนาจสูงสุดต่อจากบิดา และพิมพ์ศิริรับภาระหน้าที่ของศรามาทำแทนทั้งหมด..บรรดาผู้เข้าประชุมแบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจน ผู้สนับสนุนเขามีจตุพล ที่เป็นทั้งกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นลำดับสาม ขณะที่อีกฝ่ายมีดนุพงษ์ ผู้ถือหุ้นลำดับสี่และเป็นกรรมการบริหารเช่นกันเป็นหัวเรือใหญ่ในการปะทะ จนทั้งห้องประชุมกลายเป็นสมรภูมิสงครามน้ำลายให้เขาต้องปวดขมับ และกว่าจะไกล่เกลี่ยกันได้เส้นเลือดฝอยเขาก็แทบแตก

ชายหนุ่มขยับตัวพลิกคว่ำ ดวงตาปิดปรือ พลางเอ่ยเสียงยานคาง
“โอย..อยากได้อีหนูมาอาบน้ำให้สักคน..”

เพียงแค่พึมพำออกมาลอยๆเท่านั้น แต่สมองเจ้ากรรมดันส่งภาพของราโมน่าในชุดบิกินีโผล่พรวดขึ้นในทันใด ส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองรุ่มร้อน จนต้องขยับลุกขึ้นนั่ง งุ่นง่านหัวใจ

“โธ่เว้ย! เป็นเอามากนะ ไอ้จิล”

ไม่นานก็ถอนใจเฮือก ยอมรับว่าบ่อยครั้งที่เขามักจะคิดถึงรุ่นน้องแสนเซ็กซี่คนนั้น ซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไรที่ผู้ชายคนหนึ่งจะหลงใหลในเสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ที่มันจะผิดมหันต์ก็ตรงที่ว่า เลือดของเขาเป็นพาณิชย์ไพศาล ส่วนของเธอเป็น รัตนากร ที่มันไม่มีทางจะไหลเวียนผสมผสานกันได้เท่านั้นเอง!

แต่ถึงแม้จะไม่ได้เชยชมตัวจริง เขาก็ยังมีรูปให้ชื่นชมแก้ขัด..นึกได้ดังนั้นก็เลื่อนตัวยื่นมือมาเปิดตู้ใต้ลิ้นชักข้างหัวเตียง เห็นถึงแป้นรหัสเซฟที่ต้องแสกนลายนิ้วมือก่อนถึงจะกดรหัสได้..ไม่กี่อึดใจ ประตูเซฟก็เปิดกว้างให้เขาหยิบนิตยสารที่วางปะปนกับกล่องสมบัติส่วนหนึ่งของเขาออกมา ซึ่งเป็นภาพปกของราโมน่าในชุดว่ายน้ำ และเขายังแอบซื้อนิตยสารที่มีหญิงสาวขึ้นปกอยู่อีกหลายเล่ม แต่มันได้ถูกย้ายไปซุกซ่อนอยู่ที่ห้องชุดของเขาแทน

ชายหนุ่มนั่งพิงหัวเตียงดูภาพในนิตยสารได้ไม่กี่อึดใจ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น..จากเตชิต
จึงกดรับ

“มีอะไรเรอะ ถึงโทรมาซะดึกเชียว”

และเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับราโมน่าถูกถ่ายทอดให้ได้รู้ อนาวินถึงกับเบิกตาค้างลุกพรวดด้วยความห่วงใยที่ไม่รู้ว่ามันหลั่งไหลมาจากที่ใด แต่มันกำลังทำให้เขากระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด

“ราโมน่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เตชิตเหลือบมองซีกแก้มข้างซ้ายที่เห่อบวมของหญิง ก่อนตอบเสียงขรึม “โดนตบ..นิดหน่อย”
แต่คำว่า นิดหน่อย ของเตชิต มันทำให้คนฟังเดือดพล่าน

“โดนตบเนี่ยนะ!..พาเขากลับมา”

“หือ!? พาไปบ้านคุณเรอะ”

“เออ เร็วๆด้วย..ฉันอยากเห็นกับตาว่าเขาเจ็บมากน้อยแค่ไหน”
สั่งจบก็ตัดสัญญาณเดินหงุดหงิดงุ่นง่าน พลางคิดว่า หากเขาอยู่ตรงนั้นล่ะก็ จะยิงไอ้เลวพวกนั้นทิ้งให้หมด!



อนาวินอดทนยืนรอใต้มุขหน้าบ้านเสมือนว่าผ่านไปแล้วหนึ่งชาติ..รถยนต์สีดำของตฤนที่เตชิตนำมาใช้ก็แล่นเข้ามาจอดเทียบเชิงบันได

ชายหนุ่มก้าวลงบันไดในจังหวะที่เตชิตเปิดประตูลงจากรถเดินมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารตอนหลัง ให้อนาวินเห็นร่างของราโมน่านอนนิ่งบนเบาะ ชายหนุ่มโน้มตัวเลื่อนเข้าไปภายในตัวรถเหนือร่างอวบอิ่มสำรวจหาร่องรอยบอบช้ำตามที่เตชิตบอก แล้วก็พึมพำอย่างเจ็บแค้น

“บ้าเอ้ย! เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ไง”

จากนั้น ก็ประคองร่างหญิงสาวออกมา และโอบอุ้มอย่างถนอมก้าวเข้าบ้านตรงดิ่งขึ้นห้องนอนของตน ทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยความกังขา เพราะจากสีหน้าและการกระทำเมื่อครู่ของอนาวิน มันแสดงความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวออกมามากกว่าแค่คนรู้จักกันเพียงผิวเผิน..เขากอดอกยืนพิงตัวรถไม่กี่อึดใจ ไมค์ก็ขับรถของราโมน่าเข้ามาตามคำขอทางโทรศัพท์ของเตชิต

และเปิดประตูรถลงมาหาชายหนุ่ม
“คุณจิลล่ะ”

“อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นห้องไปแล้ว”

“หา!?..อุ้มขึ้นห้อง..ไม่ใช่แค่โซฟาในห้องโถงเรอะ”

“ตรงดิ่งขึ้นห้องนอนของเขาเลย” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง ก่อนเดินนำเข้าบ้านตรงขึ้นบันไดไปหาอนาวิน โดยมีไมค์เดินตามมาอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายหนุ่ม..แค่ที่พาคนของฝ่ายตรงข้ามเข้าบ้านก็แปลกมากแล้ว แต่นี่ยังพาขึ้นห้องนอนให้เขาตื่นตะลึงอีก..ขืนนายใหญ่รู้เข้า เป็นเรื่องแน่!

ไมค์เคาะเรียกไม่กี่อึดใจ อนาวินก็เปิดประตูก้าวออกมาจากห้องก่อนปิดประตูตามหลัง และผู้ที่มีอายุมากที่สุดเอ่ยออกมาคล้ายติติง
“คุณจิลไม่ควรทำอย่างนี้นะครับ มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้”

“ผมรู้น่ะ..ไว้ให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน”

ขณะทั้งสามกำลังยืนพูดคุย..ราโมน่าขยับตัวฟื้นขึ้นมา พลัน นิ่วหน้ากับอาการร้าวระบมบริเวณหน้าท้อง ใบหน้าและเคล็ดขัดยอกแปลบปลาบทั่วเนื้อตัว ก่อนกวาดมองห้องนอนกว้าง สะอาด ที่ไม่คุ้นตาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว และแม้ว่าจะจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอก็ขอไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด

หญิงสาวลนลานลงจากเตียงเดินตัวงองุ้มเปิดประตูผัวะออกไป เจอเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสามคนซึ่งบัดนี้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยอาการหวาดผวา และทันทีที่เห็นไมค์ซึ่งยืนอยู่ในมุมโฟกัสชัดเจนของสายตา เส้นเสียงแห่งความตื่นกลัวก็กรี๊ดลั่นพร้อมปิดบานประตูอีกครั้ง แต่อนาวินรีบยันไว้พร้อมเรียกสติของเธอ

“ราโมน่า! นี่พี่เอง..พี่จิลไง”

โดยไม่รู้เลยว่า ประโยคนั้น มันยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวกระหน่ำลงไปในใจของคนฟัง..ก็ไอ้สามคนนั่นไม่ใช่เรอะที่เป็นคนของเขา..ขนาดเป็นแค่ลูกน้องของอชิรยังแค้นเธอจนไม่ฟังอะไรกันเลย แล้วเขาเป็นถึงลูกชาย มิยิ่งแค้นเธอหนักกว่าอีกเรอะ..ทั้งๆที่เธอมีใจให้เขามากมาย แต่หากเขาคิดจะใช้เธอเป็นเครื่องมือระบายแค้นแล้วล่ะก็ เธอขอยอมตายเสียดีกว่า!

อนาวินออกแรงผลักอีกไม่เท่าไหร่ ก็สามารถก้าวเข้าไปยืนอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง แต่หญิงสาวกลับถอยกรูดใบหน้าเผือดซีด หันรีหันขวางหาทางออก สุดท้ายก็กระโจนตรงไปยังหน้าต่างให้อนาวินอุทานเสียงหลง
ผวาตามไปรวบร่างอวบอิ่มที่ทำท่าจะกระโดดลงไปไว้ในวงแขนแน่น

“ราโมน่า! หยุดดิ้นก่อนซิ”

เขาบอกเสียงเครียดพร้อมยื้อยุดร่างของคนในอ้อมแขนให้ห่างออกมาจากหน้าต่าง แต่ราโมน่ากลับกรีดร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง เมื่อสองมือสั่นเทาพยายามเกาะขอบหน้าต่างได้ไม่เท่าไหร่ก็เลื่อนหลุด ได้แต่สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงทรุดยวบ ร่างแกร่งกำยำที่กอดซ้อนอยู่ด้านหลังยอบตัวลงนั่งตามโดยมีเธอนั่งกลางหว่างขา พร่ำพูดวอนขอ

“พี่จิลอย่าทำอะไรโม้นาเลยนะ..ลุงชัชไม่ได้ทำร้ายพ่อของพี่อย่างที่ทุกคนเข้าใจหรอก..พี่จิลอย่าแก้แค้นโม้นาแบบนี้เลย..โม้นาไม่เกี่ยวอะไรด้วย..ปล่อยโม้นาไปเถอะนะ..ได้โปรด”

พลางขยับตัวจะลุกหนี แต่วงแขนแกร่งเพิ่มแรงกระชับโอบกอด เสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบเหนือศีรษะ
“พี่รู้ว่าโม้นาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วพี่ก็ไม่เคยคิดแค้นอะไรเลย..พี่ไม่มีทางทำร้ายโม้นาหรอก ไม่ต้องกลัวนะ คนดี”

พลางเอนซบใบหน้ากับกลุ่มผมยาวยุ่งเหยิง โยกตัวเบาๆหวังปลอบประโลมให้เธอคลายจากอาการขวัญกระเจิง..ช่วงนาทีแห่งการครุ่นคิดผ่านไปไม่นาน ร่างนุ่มละมุนสั่นสะท้านของคนในอ้อมกอดลดการเกร็งแข็งขืน แต่ยังไม่คลายสะอื้นถามเสียงเครือ

“แต่สามคนนั่นเป็นลูกน้องของพี่นี่คะ..เขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของพี่เหรอ” พลางขยับตัวนั่งพับเพียบหันมามองใบหน้าคมเข้ม สบกับประกายตาอ่อนแสงนุ่มนวล ที่กำลังมองสบ สองแขนยังคงโอบประคองไม่ปล่อย

“พี่ไม่เคยสั่งใครให้ทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น..และที่โม้นามาอยู่ที่นี่ ก็เป็นเพราะคนของพี่ช่วยโม้นามาจากสามคนนั่น..นี่คือความสัตย์จริง ที่พี่อยากให้โม้นารู้”

ราโมน่ามองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมด้วยความสับสน แต่เมื่อพบกับความมั่นคง หนักแน่นในสิ่งที่พูด
“..พี่ไม่ได้สั่งจริงๆนะคะ..” เธอขอคำยืนยันเสียงสั่นเครือ

และเขาก็ย้ำชัดอีกครั้ง “พี่ไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด”

ความหวาดหวั่น หวาดระแวงและสิ้นหวังที่รัดรึงเมื่อครู่ค่อยจางหาย เมื่อมั่นใจแล้วว่าเขาไม่ใช่ซาตานร้ายที่หมายทำลายเธอ ใบหน้าเจิ่งนองด้วยหยาดน้ำตาเอนซบแผ่นอกกว้างอย่างโล่งใจ ซุกตัวแสวงหาที่พึ่งพิงที่เชื่อว่าปลอดภัย ปลดปล่อยน้ำตาแห่งความหวาดกลัวทะลักทลายให้เขาได้รับรู้และช่วยปัดเป่าพาเธอผ่านพ้นค่ำคืนอันแสนเลวร้าย เพื่อจะกลับมาเข้มแข็งดังเดิม

ไมค์กับเตชิตยืนมองสองหนุ่มสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมผละห่างจากกันในนาทีนี้ ทั้งสองจึงพร้อมใจกันหันเดินลงบันไดสีหน้าครุ่นคิด และเตชิตเป็นคนเอ่ยออกมาก่อน

“ลุงว่า คนของเรากล้าทำเรื่องนี้จริงๆเรอะ”

“ไม่มีทาง ทั้งพวกที่บ่อนหรือพวกที่ไซต์ ต่างก็รู้ว่าเสี่ยเกลียดการกระทำแบบนี้ที่สุด ขืนขัดคำสั่งเสี่ยเล่นงานหนักแน่”

“แต่หนึ่งในสามนั่น รู้สึกว่าผมจะเคยเห็นหน้านะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องสืบหาตัวให้เจอ ดูเหมือนงานนี้จะมีคนอื่นเข้ามาเอี่ยวซะแล้วสิ..แล้วแบบนี้ คุณจิลจะรับมือไหวเรอะ”

ไมค์พึมพำออกมาด้วยความหนักใจ แม้ว่าอนาวินจะเป็นลูกชายของนายใหญ่ แต่นิสัยและประสบการณ์นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากมีศราคอยแนะนำอยู่เคียงข้างเขาก็ยังไม่เป็นกังวลใดๆ แต่การลอบโจมตีครั้งนี้ นำพาศราให้เจ็บหนักไปด้วย อนาวินจึงเหลือเพียงแค่พิมพ์ศิริเท่านั้น และหญิงสาวที่ถึงแม้จะถูกเคี่ยวเข็ญจนแกร่งกร้าว แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงและยังด้อยประสบการณ์ คงสามารถช่วยเหลืออนาวินได้ไม่เท่าไหร่

“เดี๋ยวผมจะเสก็ตภาพเจ้าคนที่ผมเคยเห็นหน้าส่งไปให้คนของเราที่บ่อนกับที่ไซต์ดูก็แล้วกัน ถ้าเป็นคนของเราจริง เดี๋ยวก็คงรู้แล้ว”

“อืมม์ ก็ดี..งั้นตอนนี้กลับกันก่อนดีกว่า” เพราะขณะนี้ ดูทีท่าว่าเจ้านายหนุ่มคงไม่เหลือจิตใจคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว

“เดี๋ยวผมไปส่ง”

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไอ้หลานชาย”



เมื่อแรงสะอื้นคลายลง พร้อมๆกับสติเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง ราโมน่าค่อยๆผละเนื้อตัวออกห่างจากอ้อมอกแกร่งที่ซุกซบ จมูกที่สูดสะอื้นสัมผัสกับกลิ่นกายของผู้ชายที่เจือด้วยน้ำหอมชั้นดีแปรเปลี่ยนหัวใจเปี่ยมด้วยความตื่นกลัวในคราวแรกเป็นเต้นรัวด้วยความรู้สึกอย่างอื่นแทรกขึ้นมาแทนที่ จนไม่กล้าสบประกายตาคมวาวที่กำลังจับจ้องไม่วางตา

“..คือ..โม้นาว่า โม้นากลับดีกว่า..ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ..”

อนาวินปล่อยร่างนุ่มละมุนอ้อยอิ่ง ซ่อนความเสียดายไว้ภายใต้รอยยิ้มแกนๆ พลางขยับตัวลุกขึ้นพร้อมช่วยประคองหญิงสาวขึ้นยืน

ราโมน่ารู้สึกว่าสองขาของตนนั้นกำลังสั่นเทา เรี่ยวแรงไม่รู้ไปอยู่ไหนหมดสองมือยังคงสั่นระริก เนื้อตัวยังคงรวดร้าวกับอาการบอบช้ำ แต่เธอยังฝืนยิ้มให้อนาวินก่อนก้าวเดินเพียงเท่านั้นก็ทรุดฮวบให้ชายหนุ่มที่เฝ้าจับตามองแทบทุกเสี้ยวนาทีรีบยื่นสองแขนไปประคองร่างนั้นอีกครั้ง

“คืนนี้โม้นานอนที่นี่ก่อนเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“ไม่เป็นไรค่ะ โม้นาว่า..”

“แต่พี่เป็นห่วงนะ”

ประโยคที่อนาวินโพล่งออกมาสะดุดใจคนฟังให้นิ่งขึง หัวใจเต้นกระโจนโครมครามหวั่นไหวกับถ้อยคำที่ได้ยินชัดเจน ในขณะที่ตัวคนพูดเองก็อึ้งไปชั่วอึดใจเช่นกัน..แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ต่อให้จบด้วยน้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

“ตอนนี้โม้นาอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปใครจะช่วยได้ล่ะ อยู่ที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน..หรือไม่ไว้ใจพี่”

“เปล่าค่ะ..เพียงแต่โม้นาคิดว่า มันคงไม่สมควรที่โม้นาจะอยู่ที่นี่เท่านั้นเอง..”

“สมควรรึไม่ พี่เป็นคนตัดสินเอง..เข้าใจไหม”

หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองสบสายตาเรืองวาวเพียงครู่ ก็ก้มหน้าพร้อมพยักหงึกหงัก.. ‘ดุแบบนี้ ใครจะกล้าบอกว่าไม่เข้าใจกันล่ะ’

“ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว งั้นนั่งลงก่อน”

อนาวินประคองเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ยาวปลายเตียง และเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำในห้องน้ำเดินกลับมายอบตัวลงนั่งเคียงข้าง
“พี่เช็ดตัวให้ เดี๋ยวจะได้ทายา”

ราโมน่าอึกอัก แต่เมื่อปลายนิ้วเรียวยาวยื่นมาเกลี่ยปอยผมพร้อมสายตาคมเข้มสะกดตรึง ถ่ายทอดความห่วงใยส่งผ่านถึงกลางใจเธอ ร่างกายและคำพูดที่คิดจะทัดทานเป็นอันเงียบงัน ปล่อยให้เป็นไปสุดแท้แต่ความต้องการของเขา.. หัวใจที่เต้นแรงของเธอกำลังซึมซับทุกวินาทีของการเคลื่อนไหวนุ่มนวล เริ่มตั้งแต่ผืนผ้าเปียกชื้นน้ำอุ่นเช็ดคราบสกปรกจากฝุ่นดินและคราบน้ำตาอย่างแผ่วเบาทั่วผิวหน้า ไล่ลงตามลำคอให้เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของเลือดที่สูบฉีดแรง ก่อนที่สองแขนของเธอถูกเขาบรรจงเช็ดอย่างถนอม และแทบกลั้นใจในเวลาต่อมา เมื่อร่างเขาเลื่อนลงไปยอบตัวลงนั่งบนส้นเท้าตนเองเพื่อเช็ดเรียวขาทั้งสองข้างของเธอ

ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยวาววับหวามไหวยามเผลอจับจ้องเสี้ยวหน้าคมสะอาดที่ก้มต่ำ ทุกเครื่องหน้าสลักเสลางดงามเฉกเช่นบุรุษอย่างหาที่ติไม่ได้เลย..และเป็นเพราะใบหน้านี้อีกเช่นกันที่ตราตรึงอยู่เต็มสี่ห้องหัวใจของเธอมานานนับสิบปี จนไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ชายคนไหนได้กล้ำกลาย

และขณะที่กำลังมองเพลินๆ ใบหน้าที่เธอหลงใหลเงยขึ้นมาและหยัดยิ้มประกายพราวระยับส่งถึงดวงตาคู่คม ดั่งรู้ตัวว่ากำลังถูกแอบมองด้วยความชื่นชม ราโมน่าอึกอักรีบหยิบยกบทสนทนาขึ้นมาแก้เขิน

“..คือ..โม้นากำลังนึกถึงตอนที่เจอกับพี่ครั้งแรกน่ะค่ะ..มันเหมือนกับตอนนี้เลย ที่พี่ต้องมาเช็ดเนื้อตัวให้น่ะค่ะ”

“นั่นสิ..ครั้งแรก เป็นเด็กหญิงตัวยาวเก้งก้าง หน้าตาบ้องแบ้ว..แต่ครั้งที่สอง กลับกลายเป็นสาวสวยเจ้าเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชายทั้งเมืองต้องใจสั่น เพียงแค่ได้สบดวงตาสวยๆคู่นี้” และเขา ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

ราโมน่านิ่งขึง ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้จะวางมือวางไม้ไว้ตรงไหนกับถ้อยคำเอ่ยชมที่เขาคงพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร เธอได้แต่ก้มหน้างุดฟังในประโยคต่อมาของเขา

“และแต่ละครั้ง โม้นาต้องเจ็บตัวก่อนทุกที โดยเฉพาะครั้งนี้..พี่ไม่อยากให้โม้นาต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวเลยสักนิด”
ความอุ่นวาบบังเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง และไม่อยากทึกทักเอาเองเลยว่า กระแสเสียงและสายตาที่แสนอ่อนโยนนั้น มันมีความหมายพิเศษอะไรแฝงอยู่ ในเมื่อระหว่างเธอกับเขาต่างยืนอยู่บนเส้นทางคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

ร่างสูงลุกขึ้นเดินนำผ้าขนหนูไปไว้ในห้องน้ำ และหยิบตลับยามานั่งเคียงข้างเธออีกครั้ง บรรจงแตะแต้มเนื้อยาแผ่วเบาบนรอยเขียวช้ำและรอยขีดข่วนตามใบหน้า แขน-ขา เท่าที่สายตาเขาจะมองเห็น

“โม้นาพักผ่อนนะ แล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้” บอกพร้อมประคองให้เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแทน ซึ่งหญิงสาวมองไปรอบๆอย่างพินิจอีกครั้งจนแน่ใจว่าห้องนี้เป็นห้องนอนของเขา

“..แต่นี่..มันห้องของพี่ไม่ใช่เหรอคะ”

“ครับ แต่เดี๋ยวพี่ไปนอนห้องอื่นแทน โม้นานอนห้องนี้ล่ะ มันสะดวกกว่าด้วย”

ราโมน่าฟังคำตอบพร้อมๆกับร่างถูกจับเอนลงนอน และเขาตลบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างให้เสร็จสรรพ

“กู๊ดไนท์ครับ”

“เอ่อ..ค่ะ”

ใบหน้าคมเข้มหยัดยิ้มพึงใจ ก่อนหันเดินเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดทำงานที่จะสวมพรุ่งนี้เช้าติดมือเดินออกจากห้องนอนของตนไปยังห้องนอนของน้องสาวที่อยู่ถัดไปหมายอาศัยนอนชั่วข้ามคืน..ความจริงแล้วเขาจะให้ใครขับรถไปส่งราโมน่าที่คอนโดก็ได้ เพียงแต่เขาหาเหตุยืดเวลาให้เธอได้ใกล้ชิดเขาอีกหน่อยเท่านั้นเอง

ชายหนุ่มเปิดประตูก้าวเข้าไปภายในห้อง ซึ่งเครื่องใช้เครื่องนอนส่วนใหญ่เป็นโทนสีแดงเลือดหมูตามสไตล์ที่เจ้าของห้องโปรดปราน และยอบตัวลงนั่งบนเตียงหนานุ่ม ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งได้ชื่นชมบนแผ่นกระดาษจะปรากฏกายมาอยู่ตรงหน้าให้เขาได้สัมผัสตัวจริงที่ผิวกายแสนจะนุ่มละมุนละไม และขณะนี้ เธอก็กำลังอยู่บนเตียงนอนของเขา!

แต่ไม่กี่อึดใจ พลัน สะดุ้งผุดขึ้นยืน เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เก็บนิตยสารที่ราโมน่าขึ้นปกในชุดว่ายน้ำ และมันก็ยังวางอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่มผืนนั้น จึงรีบก้าวออกจากห้องตรงไปเคาะประตูไม่กี่ครั้งก็เปิดเข้าไป ให้หญิงสาวที่ยังทอดร่างนอนท่าเดิมกะพริบตามองเขาหน้าตื่น

“คือ..พี่ลืมของสำคัญน่ะ”

หญิงสาวขยับหมายจะลงจากเตียง แต่เขารีบห้าม เพราะเกรงว่าเธอจะเหลือบไปเห็นมัน
“โม้นานอนเถอะ พี่หยิบแป๊บเดียวเท่านั้น” แล้วก็รีบเดินไปอีกฝั่งเตียง เหลียวหาหนังสือเล่มอื่นมาถือก่อนเปิดชายผ้าห่มด้านหลังราโมน่าวางหนังสือที่คว้าเมื่อครู่ปิดทับนิตยสารเจ้าปัญหารวบมาถือด้วยกันอย่างเร็ว

“เรียบร้อยจ้ะ..พี่ไปแล้ว”
ล่ำลาอีกครั้ง ก่อนเดินตัวปลิวออกจากห้องปิดประตูตามหลัง พร้อมเป่าปากใจอย่างโล่งอกกับหนังสือในมือ

“เฮ้อ! เกือบไปแล้วไหมล่ะ..สงสัยต้องรีบเอาไปเก็บที่คอนโดซะแล้ว”

...................................................................................

จบตอนค่า
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ



ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.พ. 2555, 20:34:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.พ. 2555, 20:34:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 2458





<< บทที่ ๔   บทที่ ๖ >>
ระรินใจ 26 ก.พ. 2555, 20:57:38 น.
แว่บมาตอบคุณ IAmJin ที่ยังไม่ได้ตอบจากบทที่แล้ว === ออกกับสนพ.กรีนมายด์ ค่า ^^


IAmJin 26 ก.พ. 2555, 21:10:09 น.
ตอนนี้หวานถูกใจจริงๆคะ

เข้าไปดูที่เวปไซด์ของกรีนมายด์มาแล้ว ถามนิดนึงนะคะ เรื่องป๊้ะป๋าฯ ที่ตีพิมพ์ใหม่มีการแก้ไขไปจากที่ตีพิมพ์กับสนพ. ยาหยี-ยาใจ หรือเปล่าคะ ถ้าใช่จะได้ซื้อใหม่ ส่วนเรื่อง"สัมผัสรักที่กลางใจ" เป็นเรื่องใหม่ใช่ไหมคะ


Gingfara 26 ก.พ. 2555, 21:25:16 น.
น่าร๊กอ่ะพี่จิล
มีแอบซ่อนด้วย อิจฉาโม้นา คริคริ


ann 26 ก.พ. 2555, 22:34:45 น.
เรื่องนี้ไม่เหมื่อนรุ่นพ่อแม่จริงๆด้วย ออกแนวพระเอกน่ารักแอ๊บแบ๊วนะเนี่ย กร๊ากกกก มีการแอบเอานิตยสารมาดูต่างหน้าด้วย


Zephyr 26 ก.พ. 2555, 23:42:41 น.
แหม อ่านแล้วแอบคิดว่าตาพี่จิลนี่ลูกเสี่ยเล่ยจริงๆเหรอเนี่ย ป๊ะป๋านี่โหด เหี้ยมได้โล่ห์เลย แต่พี่จิลแบบ - -" ฮ่าๆๆๆ น่ารักอ่า แบ๊วได้อีก ฮ่าๆๆๆ ขำอ่ะ เอานิตยสารโมน่าเข้าเซฟเลยนะนั่น แสดงว่าสำคัญมากกกกก
แต่ นายเต้นี่สิ ลูกไม้ใกล้ๆๆๆๆๆต้นมากกกกกก แถมยังดูจะโหด เย็น กว่าพ่อหลายเท่าเลย


ใบบัวน่ารัก 26 ก.พ. 2555, 23:55:11 น.
พี่ขา หื่นมากไปนะ


อริสา 27 ก.พ. 2555, 07:19:36 น.
กริ๊ดสลบค่ะ พี่จิลอ่อนโยนมากๆโม้นาหวั่นไหวแย่เลย แต่ถึงคราวโหดพี่จิลคงไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ส่วนเตชิตเหมือนจะได้บุคลิกพ่อผสมกับเสี่ยเล่ยมารึเปล่า แต่เท่ห์มากอ่ะ ขอให้เสี่ยหายเร็วๆ


bloomberg 27 ก.พ. 2555, 09:58:34 น.
ก็รู้นี่ ว่าโม้นาออกมาอยู่คนเดียว ป๊ากับแม่ก็อยู่ร.พ. เฮียก็รุกคืบเลย แต่อย่ารุกแรงนะ สงสารน้องเค้า


nunoi 27 ก.พ. 2555, 09:58:51 น.
พี่จิล น่ารักจัง


ระรินใจ 27 ก.พ. 2555, 10:35:21 น.
คุณ IAmJin === แหะๆ เรื่องนี้บทหวานเยอะกว่ารุ่นพ่อค่า

ส่วนหนังสือไม่ได้แก้ไขอะไรมากหรอกค่ะ เพราะไม่รู้จะเพิ่มอะไรตรงไหนแล้ว (ทีแรกก็คิดอยากจะเพิ่มบทหวานๆเข้าไปอีกหน่อย..แต่หาที่ใส่ไม่เจอแล้ว อิอิ) ส่วนเรื่อง"สัมผัสรักที่กลางใจ"เป็นเรื่องใหม่ ออกตั้งแต่ช่วงวาเลนไทน์ปีที่แล้ว แล้วล่ะค่ะ..นั่นน่ะเรื่องใหม่สุดแล้ว ^^"



คุณGingfara === ต้องซ่อนสุดชีวิตค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเห็น อิอิ




คุณ ann=== ก็ทำไงได้ล่ะคะ อยากจีบก็จีบไม่ได้ เพราะเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม (เดี๋ยวถูกป๊าตีหัว ฮ่า..)




คุณ Neferretti === ตาจิลเป็นเด็กที่เสี่ยเล่ยตัดจากกระบอกไม้ไผ่แล้วเอากลับมาเลี้ยงเป็นลูกค่ะ ฮาๆ..ส่วนนิตยสารนั่นก็สำคัญเยี่ยงชีพค่ะ ถึงต้องเก็บเข้าเซฟกันเลย เพื่อความชัวร์ว่าจะไม่มีใครเห็น ส่วนเตชิต เป็นอย่างที่เห็นนั่นล่ะค่า




คุณใบบัวน่ารัก === ต่อไปจะเห็นพี่แกหื่นกว่านี้อีกคร่า




คุณอริสา ===พี่จิลโหดไม่มากหรอกค่ะ เพราะพ่อขอไว้ อิอิ
ส่วนเตชิต ได้ส่วนผสมของเสี่ยเล่ยมาจริงๆค่ะ เพราะเสี่ยเป็นคนเทรนกับมือเลย




คุณbloomberg === ช่วงนี้นาทีทองค่ะ นายจิลรีบคว้าไม่ปล่อยเลย ^^




คุณnunoi ==== น่ารักน่าหยิกค่ะ นายคนเนี้ย อิอิ เชียร์สุดฤทธิ์


anOO 27 ก.พ. 2555, 14:27:21 น.
จริงๆ น่าจะให้โม้น่าเห็นหนังสือนะ จะได้รู้ว่าพี่จิลก็มีใจให้ไง


ระรินใจ 27 ก.พ. 2555, 16:55:48 น.
เฮียจิลเขินค่ะ เลยเม้มสุดฤทธิ์ ^^


ann 27 ก.พ. 2555, 17:50:50 น.
ลืมถามเลยว่า เตชิตกะคุณหนูเล็กคู่กันปะคะ ถ้าคู่กันคงออกแนวคุณนู๋เอาแต่ใจกะนายเฉยชาไรงี้ กร๊ากกก


ระรินใจ 27 ก.พ. 2555, 21:38:19 น.
ฮ่า..ตั้งชื่อแนวเกาหลีเลยนะคะคุณ ann
ถ้าตามกันไปอีกหน่อย จะรู้ว่าหนูเล็กเอาแต่ใจขนาดไหน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account