รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง

รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด

ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง

ตอน: ตอนที่ 11

ตกบ่ายอวิกาซึ่งกลับมาอยู่บ้านตั้งแต่ช่วงสายก็เข้าครัวหั่นผักและเนื้อสัตว์เตรียมไว้ผัดเมื่อพารินธรกลับมาถึงบ้าน วิจิตรที่รู้ว่าตนลืมซื้อไข่มาจากห้างสรรพสินค้าเมื่อวันก่อนก็ไปขนซื้อมาใส่เอาไว้เต็มช่องเก็บ หญิงสาวจึงคิดไว้ว่าจะทำไข่เจียวอีกหนึ่งอย่าง ไม่มากไม่น้อยสำหรับกินกันสองคน ‘พี่น้อง’ จัดการซาวและหุงข้าวทิ้งไว้แล้วจึงกลับขึ้นห้องนอนนั่งพักผ่อนรอเวลา

เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงได้พักใหญ่ สลิลาก็ปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลใสนั้นดูมีแววร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ทำให้อวิกาเห็นแล้วคอไม่ดีนัก

“คุณฝน...มีเรื่องอะไรคะ”

“คุณเพชร ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณเพชรค่ะ”

“เรื่องอะไรคะคุณฝน”

“คุณเพชร คุณเพชรทราบไหมคะว่าก่อนหน้าที่จะมาคบคุณเพชร แฟนคุณเพชรคบหากับใครมาก่อนรึเปล่า แบบว่า...ทิ้งผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อมาหาคุณเพชรอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ”

ผู้ที่ได้ฟังคำ กัดริมฝีปากเบา ๆ สิ่งที่ได้ยินนั้นกระทบเข้าไปในใจ เธอเอาแต่คิดว่าชนวิทคงไม่แอบมีใครตอนที่คบหากัน ลืมนึกไปเสียสนิทว่าบางทีอาจเป็นตัวเองที่เป็นผู้หญิงคนอื่นสำหรับใครอีกคน

“คุณฝนไปรู้อะไรมาเหรอคะ”

สลิลาทำท่าเหมือนไม่อยากเล่าแต่เมื่ออ้าปากได้แล้วก็กลับพรั่งพรูเรื่องที่ได้พบเห็นมาในบ้านของอวิกา แม้จะจำคำพูดไม่ได้ทุกคำแต่ก็สรุปความให้ฟังได้ว่าฝ่ายนั้นคิดว่าอวิกาไปแย่งคนรักของเธอและต้องการจะมาเอาคืน

“คุณเพชรคะ คุณเพชร”

คนเล่าเหมือนเพิ่งรู้ว่าคนฟังยิ่งฟังยิ่งใจลอย คิดอะไรไปเรื่อยจึงเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ อวิกาจึงได้สติหันไปรับคำ

“คะ”

“คุณเพชรอย่าคิดมากนะคะ ฉันว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณเพชร เพราะคุณเพชรไม่ทราบนี่คะว่าแฟนคบหากับใครอยู่รึเปล่าตอนที่มาจีบ ดีไม่ดี เขาอาจจะเลิกกันไปนานแล้วแต่ฝ่ายหญิงทำใจไม่ได้ เลยมาตามตอแย”

“แต่..” น้ำเสียงเครือสื่อให้รู้ว่าผู้พูดสะเทือนใจกับสิ่งที่ได้ฟังและความคิดวิตกของตน “ถ้าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะ...”

“ค่ะ เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความผิดของคุณเพชรนะคะ”

อวิกาพยักหน้าคล้ายจะยอมรับในเหตุผลแต่ในใจนั้นยังคงครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นั้น มีเรื่องราวร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้นกับอดีตคนรัก แต่ชนวิทไม่เคยปริปากเล่าให้เธอฟังเลยสักครั้ง

เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงเรียกของพารินธรแว่วเข้ามาภายในห้องนอน สลิลาทำท่าตกใจเอ่ยด้วยเสียงเพียงกระซิบ

“พี่เมฆจะได้ยินเราคุยกันไหมคะ”

“คุณเมฆคงไม่ได้ยินเสียงคุณฝนหรอกค่ะ” อวิกาตอบด้วยเสียงดังระดับเดียวกัน “แต่...”

สลิลาพยักหน้าแสดงความเข้าใจ จะว่าพารินธรไม่ได้ยินเสียงเธอก็คงไม่ใช่ หากเงี่ยหูฟังเขาคงได้ยินสิ่งที่อวิกาพูดแต่เสียงนั้นเป็นเสียงของน้องสาว

“คุณเพชรรีบออกไปเถอะค่ะ ยิ่งนานพี่เมฆจะยิ่งสงสัย รายนี้หูตาไวยังกับอะไรดี”

อวิการะบายลมหายใจยาวก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน ส่งยิ้มให้กับพารินธร พยายามจับสังเกตสีหน้าของชายหนุ่มแต่ไม่พบว่าเขามีท่าทีผิดปกติ

“กลับมาแล้วเหรอ”

“อืม...มาบอกเผื่อว่าจะกินข้าวกันเลย วันนี้เหนื่อยอยากพักเร็วหน่อย”

“งั้นฝนเข้าครัวแป๊บนึงนะ ข้าวหุงไว้แล้ว แค่ผัดผักกับทอดไข่ง่าย ๆ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ พี่เมฆอาบน้ำก่อนสิจะได้สดชื่น”

พารินธรพยักหน้ารับคำเดินผละไปยังห้องนอนของตัวเอง อวิกาจึงหันไปมองร่างโปร่งของใครอีกคนในห้องต่างฝ่ายต่างถอนใจอย่างโล่งอกที่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่สงสัยอะไร

อวิกาเดินลงมานั่งที่โถงรับแขกกะเวลาสักครู่จึงค่อยเดินลงครัวไปทำอาหารไว้รอและเมื่อเธอวางจานไข่เจียวลงบนโต๊ะอาหาร ร่างสูงก็เดินลงมาจากชั้นสองในชุดเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายที่กลางอก กางเกงขาสามส่วนสีเข้ม เรือนผมยังคงเปียกชื้นเล็กน้อย

“ไม่เช็ดผมให้แห้ง ระวังจะเป็นหวัด”

“ห่วงพี่เป็นด้วยเหรอยัยตัวดี ปกติเห็นไม่เคยสนใจ” ชายหนุ่มว่ายืนมองอาหารฝีมือน้องสาวแล้วเอ่ยชม “ไม่น่าเชื่อนะว่าจะทำอาหารได้น่ากินขนาดนี้ ไปแอบหัดที่ไหนมา”

“ดูถูกน้องมากไปแล้วนะพี่เมฆ”

สลิลาโพล่งออกมาอย่างไม่ตั้งใจแต่ทำให้อวิกาฉวยเอาคำพูดนั้นมาใช้กับชายหนุ่มได้ทันทีก่อนจะต่อให้อีกว่า

“อาหารง่าย ๆ แค่นี้ถ้าตั้งใจทำก็ทำเป็นหรอก ผัดผักกับไข่เจียว”

“ดีนะ ไม่อย่างนั้นเราแต่งงานแต่งการไป น้องเขยพี่คงจะผอมแห้งหัวโตแน่ ๆ”

“พี่เมฆอ่ะ...พูดแบบนี้เสียหายหมด ตัวเองดีตายล่ะ...ลอยไปลอยมาไม่คิดจะลงหลักปักฐานกับใครสักทีจนแม่บ่นจะแย่แล้ว”

อวิกาก้มหน้าลงวางจานข้าวลงบนโต๊ะอาหารพอดีกับที่สลิลาร้องโวยวายคำพูดของพี่ชายขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนเอ่ย

“แบบนี้สิ ค่อยสมเป็นน้องสาวพี่หน่อย”

คนที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ หญิงสาวสองคนลอบมองกันขณะที่อวิกาหน่อยตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับพารินธร สลิลาเอามือปิดปากตัวเอง ก่อนจะหายตัววับไปกับสายตา อวิกามัวแต่มองภาพนั้นทำให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าหันไปมองทางเดียวกันก่อนหันมาถาม

“มองอะไรน่ะฝน มีอะไรผิดปกติหรือไง”

“เปล่า ๆ กินข้าวกันเถอะค่ะ”

หญิงสาวพยายามไม่พูดอะไรมากนักระหว่างมื้อเย็นเรียบง่ายนั้น หากอดไม่ได้ที่จะลอบมองชายหนุ่มตรงหน้าเป็นระยะ ความรู้สึกหวั่นไหวบางอย่างสร้างความอึดอัดให้อวิกา สำหรับเขาแล้วคนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันคือน้องสาว...แต่สำหรับเธอ นี่คือการใช้ชีวิตร่วมกับชายหนุ่มแปลกหน้า และมันชวนให้คิดถึงการใช้ชีวิตคู่สามีภรรยาเสียเหลือเกิน



หลังอาหารมื้อเย็นอวิกาออกไปนั่งเล่นที่ชิงช้าหลังจากพารินธรขอตัวขึ้นห้องนอนเพื่อพักผ่อน เธอนึกห่วงครอบครัวจึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือติดตัวออกจากบ้านมาเพื่อต่อสายถึงน้องชาย สอบถามก็ได้ความว่า ‘เธอ’ ยังแสดงท่าทีเป็นปกติไม่มีอะไรผิดสังเกตให้พ่อแม่และน้องชายเห็น

“จะมีก็แต่...เขาดูจะเอาอกเอาใจ พูดง่าย ๆ ว่าอ้อนพี่ชนมากกว่าพี่แค่นั้นล่ะมั้งพี่เพชร”

การรายงานของอาศิสยิ่งทำให้แน่ใจได้ว่า วิญญาณหรือดวงจิตของหญิงสาวคนนั้นต้องการจะอยู่ในร่างและสวมรอยเป็นอวิกาเพราะต้องการใกล้ชิดกับชนวิท แต่เธอคนนั้นคบหากับชนวิทก่อนหน้าอวิกาหรือในช่วงเวลาเดียวกันกันแน่ล่ะ แล้วที่มาปรากฏตัวขวางหน้ารถเช่นนั้นได้ เพราะ...ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้วหรือ

พี่เพชร ยังอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“อืม...ฟังอยู่ ยังไงพีทต้องคอยจับตาดูไว้ตลอดด้วยนะ”

“ต้องจับตาอยู่แล้วพี่เพชร ใครไม่รู้มาอยู่ในร่างพี่สาว” ปลายสายเหมือนลังเลอะไรบางอย่างก่อนยิงคำถาม “แล้วพี่เพชรจะออกจากร่างนั้นกลับมาอยู่ในร่างนี้ได้ยังไง เมื่อไหร่อ่ะพี่”

“พีทถามพี่ พี่ก็ไม่รู้จะไปถามใคร มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หรอกที่จะเข้าร่างโน้นออกร่างนี้”

“ยังไงล่ะพี่เพชร เหมือนต้องแล้วแต่บุญกรรมหรือไง”

“บางทีมันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ทุกอย่างคงถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นไปอย่างนี้...แค่นี้นะพีทดูแลพ่อกับแม่ดี ๆ นะ”

หญิงสาววางสายแล้วระบายลมหายใจยาว ก่อนจะร้องอุ้ยเบา ๆ เมื่อร่างของสลิลาปรากฏให้เห็นตรงหน้าอย่างปัจจุบันทันด่วน

“พี่เมฆล่ะคะ”

“ขึ้นไปบนห้องแล้วค่ะ เห็นบอกว่าวันนี้เหนื่อย”

“ฉันไปบ้านไร่มา สถานการณ์ทางนั้นปกติค่ะ แม่ดูไม่สงสัยอะไร ห่วงแต่ยุ่งจนไม่มีเวลา นี่คิดว่าจะโทร.มาแต่กลัวว่าฉัน...เอ่อ...ฉันหมายถึงคุณ จะหลับไปแล้ว”

“ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ ก่อนจะมานี่ฉันไปบ้านคุณเพชรมา” อวิกานั่งนิ่งไม่ซักต่อเมื่อสลิลาหยุดพูด คนที่รอให้ถามกลับทนไม่ได้เสียเอง “คุณเพชรไม่อยากรู้เหรอคะว่าเรื่องอะไร”

“อยากค่ะ”

คำตอบสั้น ๆ ทำให้คนอยากเล่าอ้าปากค้างก่อนจะพูดออกมาได้

“พรุ่งนี้คุณเพชร...เอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นจะไปทำงานแล้วค่ะ”

“ทำงาน...” อวิกาทวนคำได้เพียงเท่านั้น

“ใช่ค่ะ ยืนยันหนักแน่นว่าไม่อยากอยู่บ้านจะไปทำงาน พ่อกับแม่คุณเพชรก็ท้วงอยู่ แต่สุดท้ายก็เหมือนจะยอมตาม เพราะเขาบอกว่าไปไหวแน่ ๆ”

“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น”

“นั่นสิคะ ทำไมต้องรีบขนาดนั้นก็ไม่รู้ ทั้งรีบออกจากโรงพยาบาล รีบไปทำงาน นี่คุณชนแฟนคุณเพชรเลยอาสาจะรับส่งบ้าน ที่ทำงานเพราะรถคุณเพชรพังไปแล้ว”

อวิกานิ่งฟังสลิลาแล้วนิ่งไปพักใหญ่ ไม่ทันจะขยับพูดอะไรอีกฝ่ายก็ร้องออกมาเบา ๆ

“อุ๊ย...พี่เมฆ”

จบคำสลิลาก็หายวับไปกับตา อวิกาหันหลังกลับไปมองก็เห็นพารินธรเดินตรงเข้ามาอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้แถวตรงข้าม เท้าศอกกับโต๊ะเหล็กซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างเก้าอี้สองแถว

“ขอนั่งด้วยคนนะ”

“ไหนว่าจะขึ้นไปนอนแล้วไงคะ”

“ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...นอนกลิ้งไปกลิ้งมาตั้งนาน ไม่ยอมหลับเลยลงมา ไม่นึกว่าเราจะมานั่งตรงนี้ด้วย นี่หายดีแน่แล้วใช่ไหม”

“แน่สิพี่เมฆ”

เขาชะโงกหน้าเขามาใกล้แถมยังออกแรงดันเบา ๆ ทำให้ชิงช้าโยกไปมา อะไรบางอย่างในดวงตาคมคู่นั้นทำให้อวิการู้สึกหวิวโหวงในอกขึ้นมา หญิงสาวเอื้อมมือไปยึดโต๊เหล็กเชื่อมที่กั้นกลางระหว่างเธอและพารินธร ออกแรงดันเอาไว้ให้ชิงช้าหยุดนิ่ง

“ฝนไปนอนก่อนละ”

อวิกาผุดลุกขึ้นแล้วก้าวฉับกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน แววยั่วล้อบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่ที่ชิงช้าเลือนหายไปแทบจะทันที และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น



ความคุ้นเคยกับสถานที่ทำให้อวิกานอนหลับได้นานขึ้นแต่ก็ไม่สายเกินกว่าที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าครัวเปิดตู้เย็นทำอาหารเช้าง่าย ๆ เตรียมไว้ให้พารินธร เธอไม่เห็นสลิลาเลยตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งวางจานไส้กรอก ไข่ดาวและขนมปังปิ้งสองจานลงบนโต๊ะอาหาร ปาดเนยและแยมสตรอเบอร์รี่ลงบนจานข้างแผ่นขนมปังเพราะไม่รู้ว่าพารินธรชอบรับประทานขนมปังกับอะไร ส่วนจานของตนเองนั้นเธอใส่เพียงแยมเท่านั้น

เสียงเครื่องรถจักรยานยนต์ดังอยู่หน้าบ้านก่อนจะค่อย ๆ แล่นออกไปทำให้อวิการู้ว่าพนักงานมาส่งหนังสือพิมพ์แล้ว เธอหยิบกุญแจเดินออกไปที่หน้าประตูรั้วเปิดประตูเล็กเดินออกไปไขกล่องหยิบหนังสือพิมพ์จากกล่อง กลับเข้าไปในตัวบ้านก็พบพารินธรในชุดเสื้อยืดคอปกสีขาวลายทางน้ำเงิน กางเกงยีนสีเข้ม

“นึกแล้วว่าต้องไปเอาหนังสือพิมพ์ พี่เลยรอกินอาหารเช้า”

อวิกาส่งยิ้มตอบ ‘พี่ชาย’ วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอาหารก่อนหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกับที่นั่งของพารินธร

“ยังทำไข่ดาว ไส้กรอกได้ดูดีเหมือนทุกครั้งเลยนะ”

ตกลงคุณฝนทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นนะ ไข่ดาวแบบอาหารเช้ากับไส้กรอก คงพอทำได้...แต่...อย่าเสี่ยงดีกว่า คิดแล้วอวิกาก็เอ่ยถามไปอีกทาง

“พี่เมฆไม่ไปทำงานเหรอวันนี้ ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ”

“โทร.ไปลาแล้ว เมื่อเช้าแม่โทร.มาบอกว่าเป็นห่วง พี่เลยบอกว่าจะพาเราไปตรวจให้แน่ใจอีกที”

“ฝนหายดีแล้วไม่เห็นต้องไปตรวจอะไรเลย”

“ทำเหมือนไม่รู้จักแม่ไปได้ ถ้าลองเป็นห่วงล่ะก็ยังไงก็ต้องเช็คให้แน่ใจ ไม่จำเป็นจริง ๆ พี่ก็ไม่ลางานหรอก”

หญิงสาวไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มให้ก่อนหยิบขนมปังปิ้งมาทาแยม กัดคำเล็กและเคี้ยวอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายหนุ่มยังไม่ลงมือกินอาหารเช้าในจาน

“ไม่หิวเหรอพี่เมฆ”

“หิวสิ ได้ไส้กรอก ไข่ดาว แบบนี้ดีเลย แต่จะดีกว่านี้อีกถ้ามีกาแฟสักถ้วย”

“งั้นรอเดี๋ยวนะ”

อวิกาวางขนมปังที่กัดไปได้ไม่กี่คำลงในจาน กลับเข้าครัวไปตักกาแฟผงสำเร็จรูปใส่ถ้วยกดน้ำร้อนแล้วหยิบโหลครีมเทียมและน้ำตาลซองออกไปวางข้างจานอาหารเช้าของพารินธร

ชายหนุ่มเปิดโหลตักครีมเทียมใส่ถ้วยกาแฟ ฉีกน้ำตาลใส่สองซอง สายตายังคงจับจ้องที่กิริยาของ ‘น้องสาว’ ที่ใช้มีดตัดชิ้นไส้กรอกเป็นชิ้นเล็กแล้วใช้ส้อมจิ้มใส่ปากเคี้ยว

พารินธรจิบกาแฟอึกเล็ก ๆ ก่อนจัดการกับอาหารเช้าง่าย ๆ ในจาน ไม่เร่งรีบนักเพราะเขาโทร.ไปนัดหมอเอาไว้ว่าจะเข้าไปช่วงสาย



การจราจรบนท้องถนนช่วงสายไม่ติดขัดเท่าช่วงเร่งด่วน พารินธรจึงพาอวิกาไปถึงที่หมายภายในเวลาไม่นานนัก ทว่า ‘ที่หมาย’ ของชายหนุ่มนั้นไม่ใช่สถานที่ที่หญิงสาวคิดเอาไว้ หากเป็นสถานพยาบาลทางด้านสุขภาพจิตย่านชานเมือง หญิงสาวใจคอไม่ดีตั้งแต่พารินธรพาเลี้ยวรถเข้ามาแล้วหากทำใจดีสู้เสือหันไปเอ่ยถาม

“พี่เมฆ มาทำอะไรที่นี่คะ”

“ก็พาเรามาตรวจไง”

“ตรวจร่างกายทำไมต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ”

“พี่บอกว่าจะพามาตรวจไม่ได้บอกว่าจะให้ตรวจร่างกาย พี่จะให้ลองคุยกับจิตแพทย์ดู”

อวิกาหันขวับไปมองพารินธรอย่างตกใจ

“พี่เมฆ...ฝนไม่ได้เป็นบ้าสักหน่อย”

“พี่ก็ไม่ได้ว่าเราบ้านะยัยฝน แค่อยากให้ลองคุยดู เผื่อว่าเราอาจจะฝังใจจากอุบัติเหตุแล้วมีผลอะไรบางอย่างกับสภาพจิตใจ” ชายหนุ่มโต้พลางดับเครื่องยนต์ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วรีบเปิดประตูรถก้าวฉับ ๆ อ้อมหน้ารถมาเปิดประตูฝั่งน้องสาว “ลงมาเถอะ แค่ลองคุยกับหมอเท่านั้นเอง”

“ไม่...ฝนไม่ได้บ้า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ลงมาเถอะ พี่ขอร้อง”

“พี่เมฆ...ฝนก็ขอร้องพี่เมฆเหมือนกัน ฝนไม่อยากคุยกับจิตแพทย์อะไรทั้งนั้น ฝนสบายดี” อวิกาหันไปมองพารินธร สบตาเขาด้วยแววตาแน่วแน่ “ฝนยังปกติดีทุกอย่าง”

“แต่พี่ว่าฝนไม่ปกตินะ ฝนพูดคนเดียวเป็นตุเป็นตะ พี่ได้ยินหลายครั้งแล้ว พี่ถึงเป็นห่วงเพราะฝนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เชื่อพี่นะลองคุยกับหมอหน่อย เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องปกติ ที่ฝนเป็นอาจจะเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนก็ได้”

อวิกามองพารินธรด้วยสายตาที่แสดงความเจ็บปวด นี่เขาคิดว่าเธอผิดปกติทางจิตเพราะอุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ...วินาทีนั้นหญิงสาวไม่ได้คิดว่า ชายหนุ่มเป็นห่วงน้องสาวแต่นึกน้อยใจที่เขากล่าวหาตนเอง

อารมณ์บางอย่างปะทุขึ้นมาพร้อมกับน้ำใสที่เอ่อมาจากดวงตาสีน้ำตาลใส มือเรียวเอื้อมไปดึงประตูต้านกับแรงดึงของชายหนุ่ม

“ฝนพี่เป็นห่วงฝนนะ ถึงได้พาฝนมา”

“ไม่ ! คุณไม่ได้เป็นห่วงฉัน คุณกล่าวหาว่าฉันบ้า”

เมื่ออารมณ์อยู่เหนือสติหญิงสาวก็หลุดสรรพนามอีกแบบออกไปและนั่นยิ่งทำให้พารินธรออกแรงดึงมากขึ้น

“ฝนนี่พี่นะ ทำไมฝนถึงพูดแบบนั้น”

อวิกาได้สติกลืนน้ำลายลงคอ รวบรวมความคิดก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็นขึ้นหวังให้ชายหนุ่มเชื่อคำพูด

“พี่เมฆ ฝนยืนยันอีกครั้ง ฝนไม่ได้เป็นอะไร เรากลับบ้านกันเถอะ”

“แต่ที่พูดเมื่อกี้นี้มันไม่ปกตินะฝน จะให้พี่วางใจได้ยังไง”

พารินธรออกแรงมาขึ้นและสามารถดึงประตูให้เปิดพอที่จะสอดตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เขาเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัย ขณะที่อวิกาพยายามยื้อไว้เต็มที่

“พี่เมฆ”

อวิการ้องพลางดึงสายเข็มขัดกลับมาพาดอก ทั้งสองออกแรงดึงแย่งกันไปมาอยู่นานจนกระทั่งหญิงสาวเริ่มเห็นแววว่าจะพ่ายแพ้ต่อพละกำลังของชายหนุ่มอีกครั้ง อารามตกใจและหวาดกลัวจึงโพล่งออกมา

“คุณฝนคะ คุณฝนช่วยฉันด้วยค่ะ”

พารินธรชะงักงัน ผงะถอยออกจากตัวรถ อวิกาจึงตระหนักว่าเผลอตัวไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว กำลังจะหาข้อแก้ตัวกับชายหนุ่มสายตาก็เหลือบไปเห็นสลิลานั่งอยู่หลังเบาะรถพร้อมกับได้ยินเสียงพูด

“พี่เมฆ ทำอะไรน่ะ...แล้วพาคุณเพชรมาที่นี่ทำไม”

วินาทีนั้นชายหนุ่มยืนนิ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นว่ามีน้องสาวของเขาถึงสองคนนั่งอยู่ในรถคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับส่วนอีกคนนั่งเบาะหลังด้านคนขับ

คงไม่ใช่แค่น้องสาวของเขาแล้วที่ต้องการหมอ!!!



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2555, 18:14:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2555, 18:14:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2238





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
กมลภัทร 22 ก.พ. 2555, 18:19:19 น.
pseudolife >>>> จะค่อย ๆ เผยเรื่องวิญญาณในร่างของเพชรนะครับ

ของขวัญ >>>> ชนวิทเกี่ยวข้องอย่างมากมายกับผู้หญิงคนนี้แน่นอนครับ

sai >>>> นั่นสิเนอะ ท่าทางอาฆาตมาก ๆ

XaWarZd >>>> พี่เมฆก็ไม่เบานะครับ แต่เค้าไม่คบใครจริงจังไง

lovemuay >>>> จะเป็นแบบแฟนเก่าหรือแอบรัก ต้องติดตามครับ

น้องอุด้ง >>>> รอตามต่อนะครับ

panon >>>> วิญญาณใครหนอ

wane >>>> เจอแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะครับ ^^


Liez 22 ก.พ. 2555, 18:38:31 น.
พี่ เมฆ เห็น แล้ว อ่ะ


ปรางขวัญ 22 ก.พ. 2555, 18:51:57 น.
ลุ้นมาก พี่เมฆคงจ็อคมากด้วย เห็นฝนตั้ง2คน


ของขวัญ 22 ก.พ. 2555, 22:15:58 น.
โอ้วว มีฝนสองคน พี่เมฆ คงช็อคน่าดู


wane 22 ก.พ. 2555, 23:02:13 น.
555+ ทั้งขำและสงสารพี่เมฆอ่ะ


sai 22 ก.พ. 2555, 23:29:17 น.
พี่เมฆก็ต้องการหมอเช่นกัน ช่ายไหมค่ะพี่อ๋องงง แต่เปนหมอแขนงไหนหว่า อิอิ


pseudolife 23 ก.พ. 2555, 07:12:45 น.
พี่เมฆก็เห็นด้วยเหรอ...
คงช็อคมากเลย แต่ถ้าตั้งสติได้อาจมีคนช่วยตามสืบความจริงอีกคน...มั้ง

เย่ๆ ลุ้นต่อ

---------------------------------------------
ขณะที่อวิกาหน่อยตัวลงนั่ง...หย่อน?


น้องอุด้ง 23 ก.พ. 2555, 09:01:51 น.
พี่เมฆเห็นแล้ววววววววววววววววว จะยังไงต่อหละเนี่ยยยยยยยย


panon 23 ก.พ. 2555, 09:14:02 น.
ตกลงพี่เมฆใช่ไหมที่ต้องหาหมออ่ะอิอิอิอิ


lovemuay 23 ก.พ. 2555, 21:07:34 น.
เอาเข้าแล้วไงหล่ะ? พี่เมฆถูกดึงมาร่วมขบวนการอีกคนนึงแล้ว อิอิ


teesaparn 24 ก.พ. 2555, 11:23:33 น.
อยากฮู้เหมือนกั๋นว่าอ้ายเมฆจะเยียะจะใด


เพียงพลอย 24 ก.พ. 2555, 23:17:04 น.
555+ พี่เมฆโดนผีหลอกกลางวัน


นกอุมาพร 29 ก.พ. 2555, 00:02:57 น.
ช็อค มั้ยค่ะคุณพี่


XaWarZd 29 ก.พ. 2555, 00:42:20 น.
สมน้ำหน้า ช็อคเลยงานนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account