รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง

รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด

ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง

ตอน: ตอนที่ 12

คนที่ตกใจไม่แพ้พารินธรก็คืออวิกา เธอหันไปมองสลิลาที่นั่งอยู่บนเบาะหลังแล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่นอกรถสลับกันไปมา คนที่โพล่งออกมาก่อนเป็นสลิลาเช่นเคย

“ยืนงงอยู่นั่นแหละพี่เมฆ ขึ้นรถแล้วพาคุณเพชรออกจากที่นี่เลยนะ ไว้ค่อยคุยกันหรือถ้าจะคิดว่าคุณเพชรบ้าก็เช็คประสาทตัวเองด้วยเลยทีเดียว เพราะพี่เมฆก็เห็นฝนเหมือนกันใช่ไหม”

เพชร...เพชร...หมายถึงคุณจริง ๆ เหรอเนี่ย

ชายหนุ่มขยับอ้าปากจะพูดอะไรแต่แล้วกลับทำเพียงแค่ปิดประตูรถด้านที่อวิกานั่ง เดินอ้อมหน้ารถกลับมาสอดตัวกลับเข้ามานั่งหลังพวงมาลัยด้วยท่าทางเหมือนคนหมดแรง เขาหันไปมองข้างตัวก่อนจะเหลียวหลังไปมองหลังเบาะตัวเอง ก่อนรำพึงออกมา

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

“เราสองคนก็ไม่รู้เหมือนกันแหละพี่เมฆว่ามันเรื่องบ้าอะไร”

น้องสาวตัวจริงเสียงจริงต่อปากต่อคำกับพี่ชายทันที ก่อนเริ่มเล่าเรื่องราวที่หลังจากเกิดอุบัติเหตุตนต้องเร่ร่อนไม่มีร่าง ส่วนอวิกานั้นอยู่ในร่างของเธอ ส่วนร่างของอวิกาก็มีใครอีกคนอยู่

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละพี่เมฆ...ฟังแล้วช่วยฝนกับคุณเพชรคิดหน่อยสิ ว่ามันเรื่องบ้าอะไร”

พารินธรหันไปมองน้องสาวขยับจะตอบอะไรบางอย่างแล้วกลับเปลี่ยนใจหันไปมอง ‘น้องสาว’ อีกคนที่นั่งอยู่ข้างตัว เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสลิลาหลังฟื้นจากอาการคล้ายเจ้าหญิงนิทราในช่วงระยะสั้น ๆ นั้น ‘น้องสาว’ คนนี้ความสุภาพอ่อนหวานมากขึ้น ทำกับข้าวเป็น...ไม่ใช่แค่เป็นต้องเรียกว่าทำได้อร่อยเสียด้วย

ชายหนุ่มพยายามจะค้นหาสาเหตุที่ทำให้น้องสาวแปลกไป แต่เพราะไม่ใช่คนที่คิดถึงเรื่องจิตวิญญาณเหนือกว่าความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ พารินธรจึงคิดไปว่าการกระทบกระเทือนทางสมองอาจมีผลบางอย่างกับน้องสาว เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีสาเหตุพิสดารล้ำลึกเพียงนี้

“มันไม่น่าเชื่อ”

“เชื่อเถอะค่ะ คุณเมฆ...เรื่องนี้ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวฉันเองฉันก็คงจะพูดประโยคเดียวกันกับคุณ และถ้าคุณมองเห็นน้องสาวอยู่อย่างนี้แล้วจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ มันก็คงจะไม่ใช่”

“แล้วทำไมคุณ...เอ่อ...แล้วก็ฝน ถึงไม่...”

“ทำไมถึงไม่อธิบายกับพี่เมฆ พ่อ แม่ใช่ไหม” เจ้าของร่างที่ดูโปร่งกว่าอีกสองคนชะโงกมาจากเบาะหลัง “ถ้าขืนคุณเพชรเขาบอกอย่างนั้นแต่แรกพี่เมฆคิดว่าจะเชื่อรึเปล่าล่ะ แล้วจะตกใจไหม แล้วถ้าขืนฝนทำอะไรกระโตกกระตากไป พ่อแม่ตกใจใหญ่โตแน่ สู้หาทางแก้กันเงียบ ๆ ดีกว่า”

ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องโดยสารรถยนต์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนหันไปถาม ‘น้องสาว’ คนที่นั่งอยู่ข้างตัว

“ไม่ใช่ความคิดของน้องสาวผมใช่ไหมครับ”

“ไห้...พี่เมฆ...ไหงดูถูกน้องอย่างนั้นล่ะ คิดว่าฝนคิดอะไรแบบนี้เองไม่ได้หรือไงกัน”

“คิด” พารินธรตอบสั้น ๆ “ถ้าขืนเราคิดเองทำเองได้แต่แรก มีหวังได้อาละวาดให้พ่อกับแม่รวมถึงพี่เห็นไปแล้ว เราไม่ใช่คนใจเย็นไม่รู้ตัวหรือไงยัยฝน”

“ก็ไม่ใช่ว่าคิดเองไม่ได้ซะหน่อย แค่ปรึกษากับคุณเพชรแล้วก็นายว่านเท่านั้นแหละ”

พี่ชายอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อน้องสาวเอ่ยถึงวงศ์วรัณ ตั้งแต่ฟังเรื่องราวจากปากหญิงสาวทั้งสองแล้วที่เขาอดคิดไม่ได้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้มีเพื่อนของน้องสาวคนนี้เพียงคนเดียวที่เห็นและได้ยินสลิลาอยู่ตลอดเวลาในขณะที่กับคนอื่นจะต้องใช้ความพยายามในการสื่อถึงผู้นั้นจึงจะทำให้มองเห็นและได้ยินสิ่งที่พูดได้ แล้วดูเหมือนว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้จะมีส่วนสำคัญในการพูดโน้มน้าวให้สลิลาตั้งสติเสียด้วย

เห็นหงอ ๆ คอยตามยัยฝนต้อย ๆ เอาเข้าจริงก็แน่เหมือนกันนะนายว่าน

ช่วงที่ละสายตาจากร่างโปร่งแสงของน้องสาว เขาได้เห็นว่าผู้หญิงข้างตัวกำลังยิ้มอ่อนเช่นกัน ภาพทับซ้อนของหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับสลิลาที่เขาเคยได้เห็นไปพูดคุยกับพ่อแม่ของฝ่ายนั้นปรากฏขึ้นในห้วงความคิด

ใบหน้าของหญิงสาวที่เขาเคยได้พบเจอหลายครั้ง ก่อนที่จะได้พินิจพิเคราะห์ใบหน้านั้นนานที่สุดตอนที่เธอในชุดผู้ป่วย แม้วงแก้มจะซีดเผือดไร้สีเลือด ทว่าก็คงไว้ซึ่งเค้าของความงดงาม เป็นความงามในลักษณะที่ไม่ฉูดฉาดหวือหวา แต่กลับดูเยือกเย็นสงบ แม้ขณะที่อยู่ในร่างของน้องสาวหน้าเป็นของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็ยังดูสงบในยามคลี่ยิ้ม

เครื่องมือสื่อสารที่วางไว้ในช่องเก็บข้างประตูคนขับดังปลุกพารินธรขึ้นจากภวังค์ความคิด ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอทำให้เขาต้องหันไปมองน้องสาวข้างตัวเล็กน้อย ก่อนจะไพล่บอกกับน้องสาวที่นั่งบนเบาะหลัง

“เดี๋ยวรับโทรศัพท์แป๊บนะ”

“สาวล่ะสิ ทำมีลับลมคมใน”

“ยุ่งจริงยัยฝน เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

พารินธรเปิดประตูก้าวออกจากรถแล้วรับสายผู้หญิงร้อนแรงคนหนึ่งซึ่งเขาพัวพันด้วยในตอนนี้ น้ำเสียงออดอ้อนเย้ายวนของเหมือนฝันดังขึ้นแทบจะทันทีที่เขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเพราะเท่าทันกันทั้งคู่ชายหนุ่มจึงใช้เวลาเพียงไม่นานในการพูดคุยนัดหมายกับหญิงสาว ปล่อยให้เธออ้อยอิ่งพร่ำความระลึกถึงอยู่สักพักก็ขอตัวไปจัดการธุระเรื่องน้องสาวต่อ



วงศ์วรัณมองซ้ายมองขวาก่อนก้าวออกจากห้องน้ำ ทั้งที่สวมเสื้อผ้าซึ่งผลัดเป็นชุดนอนแล้ว มองไปรอบห้องเมื่อไม่เห็นใครก็พาดผ้าเช็ดตัวกับราวตากก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนฟูกนุ่ม

“กลัวอะไรนักหนานายว่าน”

“เฮ้ย...มาได้ไง” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโยนเมื่อหันไปเห็นสลิลานั่งอยู่ข้าง ๆ “ไม่ให้ซุ่มให้เสียง”

“อะไรก็เมื่อกี้ไงให้เสียงแล้ว นายถึงได้หันมาเห็นฉัน” หญิงสาวย่นจมูก “ผู้ชายอะไรขวัญอ่อนซะจริง ๆ”

“ก็...ฝน...ไม่เห็นโผล่มาให้เห็นเลยทั้งวัน อยู่ ๆ ก็มาแบบนี้ มันก็น่าตกใจอยู่นะ”

“มีเรื่องอื่นน่าตกใจกว่าอีก ตอนนี้พี่เมฆรู้เรื่องแล้วด้วย”

“รู้เรื่องอะไร เรื่องที่ฝนเป็นวิญ...เอ่อ...เป็นดวงจิตเร่ร่อนอยู่นี่น่ะเหรอ”

หญิงสาวพยักหน้าอย่างเซ็ง ๆ ก่อนเล่าสาเหตุที่ทำให้จำต้องแสดงตัวกับพี่ชาย

“พี่เมฆรับปากแล้วว่าจะช่วยปิดพ่อกับแม่ให้ เฮ้อ...จะว่าไปพี่เมฆรู้ก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้มั้ง”

“เราว่าจะวุ่นวายหน่อย ๆ มากกว่ามั้งฝน”

“ยังไง”

“ก็สองคนนั้นเขาผู้ชายกับผู้หญิง มาอยู่ร่วมบ้านกันแบบนี้ ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ คงวางตัวลำบาก”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ยังไงนั่นก็ร่างฉันนะนายว่าน พี่เมฆคงไม่คิดอะไรหรอก จะมีก็แต่คุณเพชร แต่ยังไงคุณเพชรก็ต้องปรับตัวอยู่แล้วถึงพี่เมฆจะรู้หรือไม่รู้ก็เถอะ”

สลิลาพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่พักใหญ่ ทั้งที่ปากบอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วง แต่เธอกลับพร่ำเรื่องที่หาหนังสือมาอ่าน หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมามากแต่ก็ยังไม่เห็นมีข้อมูลแหล่งไหนที่จะช่วยแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้

วงศ์วรัณมองความกระวนกระวายนั้นอย่างไม่สบายใจนัก ก่อนคิดอะไรขึ้นได้เอ่ยเรียกหญิงสาวเบา ๆ

“ฝน”

“อะไร” หญิงสาวหยุดยืนกับที่หันมามองชายหนุ่มที่ยังคงนั่งมองเธออยู่บนเตียง “นึกอะไรดี ๆ ออกหรือไง หาวิธีให้ฉันกลับเข้าร่างได้หรือยังไง”

“เปล่า...แค่อยากให้ดูแบบเสื้อให้อีกทีสักหน่อยน่ะ วันนี้คิดได้อีกหลายแบบ ร่าง ๆ ไว้ตอนอยู่ที่ร้าน”

เขาเอ่ยแล้วเดินไปนั่งหน้าขาตั้งวาดรูป เปิดแบบที่ร่างเอาไว้แล้วค่อย ๆ อธิบายแนวคิดให้สลิลาฟัง ลอบถอนใจเมื่อคิดว่าสามารถดึงเธอให้หลุดพ้นจากความวุ่นวายใจไปได้บ้าง

“เดี๋ยวนะ”

“มีอะไรเหรอ มีตรงไหนต้องแก้รึเปล่า”

“ไม่มี แต่ที่นายเรียกฉันมาดูร่างแบบเสื้อพวกนี้ ตั้งใจจะดึงให้ฉันเลิกคิดเรื่องกลับร่างใช่ไหม”

วงศ์วรัณที่ไม่เคยจะโกหกสลิลาได้สักครั้ง อ้ำอึ้งจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นเท้าเอว

“ก็ยอมรับมาง่าย ๆ มันยากตรงไหนหา นายว่าน”

“เราแค่ไม่อยากให้ฝนเครียดน่ะ ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่ฝนจะคิดเรื่องกลับร่างก็ได้”

“หรือไม่อย่างนั้นก็ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันต้องยอมรับว่าตัวเองตายแล้วใช่ไหม”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” ชายหนุ่มรีบโบกมือปฏิเสธ “ฝนยังไม่ตาย เราเชื่ออย่างนั้น แต่ตอนนี้มันยังหาทางทำอะไรไม่ได้นี่ คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ”

“ฉันไม่มีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้หรืออะไรทั้งนั้นหรอกนะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันไม่มีร่าง” สลิลาทำท่าถอนใจหนัก หากสุดท้ายก็เอ่ยออกมาเบา ๆ “แต่ขอบใจนะที่เป็นห่วง มาเถอะ มาดูแบบเสื้อกันต่อ”

วงศ์วรัณมองใบหน้าด้านข้างของสลิลาข้าง ยิ้มกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน แต่แล้วต้องสะดุ้งรีบหันไปอธิบายแบบร่างของลายเสื้อเมื่อหญิงสาวหันมาขมวดคิ้วมอง รอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้าของสองหนุ่มสาวตลอดเวลาที่พูดคุยกันเรื่องแบบลายเสื้อของวงศ์วรัณ



อวิกาก้าวเท้าลงจากเตียงอีกครั้งหลังจากที่พยายามข่มตาหลับไปพักใหญ่แต่ไม่สามารถจะหลับลงได้ จะเป็นความรู้สึกว่าต้องอยู่เพียงลำพังในบ้านที่ไม่คุ้นเคยรึเปล่าหญิงสาวก็ไม่แน่ใจนัก แต่เธอเดินไปเปิดม่านหน้าต่างอีกครั้ง มองไปที่ถนนหน้าบ้านพบเพียงความมืดมิด เธอเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งตัดสินใจที่จะไม่ล้มตัวลงนอน แต่เอื้อมไปเปิดโคมไฟหัวเตียงเดินไปหยิบเอาหนังสือเกี่ยวกับการวาดภาพศิลปะที่ชั้นหนังสือมาเปิดดูผ่าน ๆ

เพียงไม่นานหญิงสาวก็วางหนังสือลงข้างตัว เดินไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างมองออกไปยังถนนอีกครั้ง ระบายลมหายใจยาวเมื่อภาพที่เห็นยังคงเป็นภาพของถนนในหมู่บ้านว่างเปล่ายามค่ำเช่นเดิม เมื่อตัดใจจะหันหลังกลับหูก็แว่วเสียงล้อรถเบียดมาตามพื้นถนนในหมู่บ้านพร้อมกับภาพที่เห็นแสงไฟส่องพื้นถนนหน้ารั้วบ้าน

ประตูรั้วอัตโนมัติค่อย ๆ เลื่อนออกพร้อมกับพาหนะคู่ใจของพารินธรที่เลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณจอดรถหน้าตัวบ้าน แสงไฟหน้ารถดับลงก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวลง เงยหน้าขึ้นมองมาทางหน้าต่างห้องของน้องสาว

คนที่ยืนแง้มม่านหน้าต่างมองอยู่เพิ่งจะรู้สึกตัว แม้ว่าบ้านจะปิดไฟมืดทั้งหลังแต่แสงสว่างจากไฟถนนคงพอส่องให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอก็ยืนมองเขาอยู่

หัวใจ...เต้นแรงประหลาด รู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่ากำลังขโมยกินขนมก่อนเวลาอาหาร หากอวิกาก็นิ่งพอที่จะคลายมือจากผ่านหน้าต่างแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน กดสวิตซ์ไฟทางเดินให้สว่างขึ้นแล้วค่อยก้าวเท้าเดินลงไปเผชิญหน้ากับ ‘พี่ชาย’ ที่กำลังปิดล็อคประตูหน้าตัวบ้าน

“หิวไหมคะ เดี๋ยวฉันลองดูในครัวว่ามีอะไรทำบ้าง”

ชายหนุ่มยิ้ม...รอยยิ้มของเขาดูแปลกไปจากที่เธอเคยเห็นก่อนหน้านี้ ตอนที่เขายังคิดว่าเธอเป็น ‘น้องสาว’ แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เมื่อเขารู้เต็มอกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของตน ท่าทางก็ดูเหมือนจะห่างเหินกว่าเดิมเล็กน้อย

อวิกาควรจะเบาใจด้วยซ้ำเพราะไม่ต้องคอยระแวงกับความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอ

“ก็นิดหน่อย แต่วันนี้ไม่ต้องผัดอะไรก็ได้นะครับ เดี๋ยวจะเหม็นกลิ่นอาหารติดตัวเสียเปล่า”

“เป็นข้าวต้มเครื่องก็ได้ค่ะ ข้าวสวยยังพอมี ต้มน้ำซุปใส่หมูสับนิดหน่อยแป๊บเดียวก็เสร็จ คุณเมฆขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะคะ ลงมาก็คงจะทานได้พอดี”

กลิ่นหอม...โชยปะทะจมูกอวิกาอีกครั้ง กลิ่นน้ำหอมที่คงไม่ใช่กลิ่นประจำตัวของพารินธรแน่ น้ำหอมกลิ่นผู้หญิง หวานหอม เย้ายวนใจไม่น้อย

เหมือนเขาจะตระหนักได้ว่าเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นนั้นเช่นกัน ดวงตาคมมีแววคล้ายจะสำนึกเสียใจวูบขึ้นมา ก่อนจะกลับเป็นประกายขึ้นเมื่อเขายิ้มตอบคำ

“ก็ดีครับ เหนียวเนื้อเหนียวตัวเหมือนกัน”

อวิกามองตามร่างของชายหนุ่มที่เดินขึ้นชั้นสองไปช้า ๆ ก่อนจะก้าวไปยังห้องครัวจัดการเตรียมอาหารมื้อดึกให้พารินธรหากใจนั้นคิดถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มกลับบ้านดึกในคืนนี้

อาการหวั่นไหวในอกรบกวนความคิดของหญิงสาวไม่น้อยหากเธอพยายามปัดมันออกไปจากใจ เป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มอย่างพารินธรจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาว และก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องรู้สึกอะไรไปกับความสนุกชั่วแล่นของหนุ่มโสดอย่างเขา ในเมื่อเธอเองก็มีคนรักอยู่แล้ว

หญิงสาวระบายลมหายใจเมื่อคิดถึงชายคนรักซึ่งเธออาจจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยพบเจอกับเขาอีก หากไม่สามารถที่จะกลับคืนสู่ร่างเดิมได้



“คิดอะไรอยู่ครับ ดูใจลอย ๆ”

เสียงของพารินธรดึงอวิกาออกจากห้วงความคิด เธอเพิ่งจะวางชามข้าวต้มหมูและพวงเครื่องปรุงลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานั่งรอที่โต๊ะอาหารได้สักพัก หญิงสาวฝืนยิ้มให้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง

“คิดเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ คิดว่าจะเป็นยังไง ถ้าฉันไม่สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตในร่างเดิมได้”

เขาขยับจะเอ่ยอะไรแต่แล้วเหมือนจนด้วยคำพูดหยิบช้อนกระเบื้องคนข้าวต้มในชามพักหนึ่งก่อนตักเพียงน้ำซุปขึ้นชิม

“ผมคงอ้วน”

“คะ”

“ผมหมายถึงถ้าคุณเพชรยังอยู่ในร่างของยัยฝนต่อไปแบบนี้ ผมคงอ้วนแน่”

ความอ่อนละมุนของรอยยิ้มบนใบหน้าคมนั้น ทำให้อวิกาอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มตอบแม้จะรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม

“เป็นยัยฝนล่ะก็ ป่านนี้คงนอนหลับไม่รู้เรื่อง ผมก็คงทำได้แค่ชงบะหมี่กินมื้อดึก ไม่ได้กินข้าวต้มรสชาติดีแบบนี้หรอกครับ”

“คนเราเก่งไม่เหมือนกันนี่คะ ให้ฉันไปวาดรูป สอนเด็ก ๆ แบบคุณฝน ฉันก็คงทำได้แย่เหมือนกัน”

พารินธรพยักหน้าเบา ๆ เริ่มชินกับอุณหภูมิที่เย็นลงบ้างแล้วของอาหารในชาม จึงตักกินช้า ๆ พลางจับตามองน้องสาวคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาคงไม่คิดว่าสลิลามีอะไรแปลกหากไม่ได้รับรู้ความจริงว่ามีหญิงสาวอีกคนอยู่ในร่างน้องสาว

ภาพตรงหน้าในตอนนี้จึงไม่ใช่หญิงสาวผิวขาว ใบหน้ารูปหัวใจ ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มหากแต่เป็นจินตนาการถึงหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าเรียวรูปไข่ ผมตรงดำยาว

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกผิดที่ทิ้งให้เธอต้องอยู่ในบ้านเพียงลำพัง รู้สึกว่าตนไม่ควรจะตอบรับนัดเหมือนฝัน ความสุขที่มีจากรสสัมผัสก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น

“คุณเพชรอยู่คนเดียว กลัวรึเปล่าครับ”

คนถูกถามขมวดคิ้ว

“คุณเพชรคงยังไม่คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ แล้วต้องอยู่คนเดียว”

อวิกาส่ายหน้าแทนคำตอบ แม้ว่าในความรู้สึกนั้นการอยู่เพียงลำพังในบ้านที่ไม่คุ้นชินจะแตกต่างจากการที่มีชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงหน้าอย่างนี้อยู่ไม่น้อยก็ตาม

“ถ้าพอมีอะไรให้ผมช่วยได้ ผมก็ยินดีนะครับคุณเพชร”

แววหม่นเศร้าบนใบหน้าของน้องสาวยังคงทำให้พารินธรไพล่ไปนึกถึงแววตาเศร้าของหญิงสาวอีกคน และเหมือนจะทอนรสชาติอร่อยของข้าวต้มในชามลงไปได้ ชายหนุ่มจึงวางช้อนลงเอ่ยหนักแน่น

“ถึงตอนนี้จะยังดูไม่มีหนทางอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกนะครับคุณเพชร เพียงแต่เราอาจจะยังมองไม่เห็นเท่านั้นเอง”

รอยยิ้มอ่อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสลิลาอีกครั้ง และสำหรับพารินธรมันยังคงเป็นรอยยิ้มของหญิงสาวอีกคนที่เขาจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำแม้จะได้พบเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม



บรรยากาศภายในผับชื่อดังสำหรับคนในวงสังคมชั้นสูงใจกลางเมืองยังคงครึกครื้นแม้เวลาจะเลยตีหนึ่งไปแล้วเล็กน้อย ร่างระหงของทายาทเจ้าของสถานที่ขยับไปตามพื้นที่ทางเดินเมื่อเห็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทยกมือโบกเรียก เสียงอึกทึกทำให้เหมือนฝันต้องเอียงหน้าเข้าไปชิดเมื่อใครคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไหนบอกว่าคืนนี้ มาไม่ได้ไงจ๊ะมิน เราก็นึกว่าเพลินอยู่กับหนุ่มที่ไหนเสียอีก”

ใบหน้างามง้ำลงเล็กน้อย

“อย่าพูดถึงเลย เสียอารมณ์ ตอนแรกก็เหมือนทำท่าจะไปด้วยดี อยู่ ๆ ก็เกิดอยากจะรีบกลับบ้านขึ้นมาเสียอย่างนั้น บอกว่าเป็นห่วงน้องสาว”

คนถามขมวดคิ้วเหมือนแปลกใจกับท่าทีและคำตอบทั้งไม่เก็บงำความสงสัย

“ปกติเธอไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอยัยมิน แล้วแต่ความพอใจ หรือว่ากับคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น”

“ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ แต่ถ้าข้อมูลของพ่อฉันไม่ผิดละก็...คนนี้ก็ไม่ใช่ระดับกระจอก ๆ แล้วอีกอย่าง...เขาก็ทำให้ฉันพอใจได้มาก ๆ เสียด้วย” เอ่ยตอบเพื่อนพลางสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ ที่จับจ้องไปทางคนที่นั่งดื่มอยู่ก่อนแล้ว “ท่าทางหลังผับปิดคืนนี้เธอก็คงจะไม่เหงาหรอกมั้ง หนุ่มโต๊ะข้าง ๆ มองตาเป็นมันเลยนี่”

“ของมันแน่อยู่แล้วจ๊ะ...ดีนะที่เธอก้าวเข้ามาแล้วเข้ายังไม่เบนเข็มไปมองเธอแทน ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอกลับ”

“มีสิทธิอะไรมาไล่ นี่มันผับพ่อฉันนะยะ เอาเถอะน่า...ฉันไม่แย่งของเพื่อนหรอก”

“อิ่มมาแล้วด้วยล่ะสิใช่ไหม”

“พูดมากน่า”

บทสนทนาระหว่างกลุ่มเพื่อนสาวรสนิยมเดียวกันยังคงดำเนินต่อไปอย่างเผ็ดร้อนหลังจากเหมือนฝันได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วแรกเข้าปาก และยิ่งพูดถึงชายหนุ่มคนที่ชิงผละจากเธอไปตั้งแต่เวลายังไม่ถึงเที่ยงคืนดีคนนั้น หญิงสาวก็ยิ่งนึกถึงเขา

บางทีพารินธรอาจจะเป็นผู้ชายคนที่เธออยากจะลงเอยด้วย...ฐานะเขาไม่เลว...รูปร่างหน้าตาก็ดี...ทั้งยังสร้างความประทับใจอย่างไม่รู้ลืมให้บนสังเวียนรัก

จะหาคนที่ถูกใจเหมือนฝันขนาดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มี.ค. 2555, 21:04:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2555, 21:04:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2029





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
กมลภัทร 1 มี.ค. 2555, 21:13:04 น.
Liez >>>> ทะลุปรุโปร่งเลยครับ

ปรางขวัญ >>>> น่าช็อคอยู่เหมือนกันนะครับ

ของขวัญ >>>> นั่นสิเนอะ

wane >>>> ดีใจที่มีคนขำครับ ^^

sai >>>> ไม่ถึงหมอ ยาดมน่าจะพอช่วยได้ครับ

pseudolife >>>> จ๊าก พิมพ์สลับอักษร....ส่วนเรื่องพี่เมฆนี่ได้ช่วยแน่นอน แต่จะเรื่องอะไรนั้นต้องติดตามครับ

น้องอุด้ง >>>> พี่เมฆก็ไปหาสาวต่อ 555

panon >>>> พี่เมฆจะยอมไปเหรอครับ เห็นอย่างนี้แล้ว อิอิ

lovemuay >>>> ขบวนพาวเวอร์ เรนเจอร์???

เพียงพลอย >>>> ฝนเค้าบอกว่าเค้าไม่ใช่ผีนะ 555

นกอุมาพร >>>> ประมาณนึงล่ะครับ แต่เป็นพระเอกต้องมีฟอร์มหน่อย ^^

XaWarZd >>>> อ้าว....ไม่คิดว่าจะมีคนสมน้ำหน้าพี่เมฆนะเนี่ย ^^!


ของขวัญ 1 มี.ค. 2555, 22:34:14 น.
นายเมฆกับคุณเพชรต้องเคยรู้จักกันมาก่อนแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ


wane 1 มี.ค. 2555, 23:49:14 น.
นายเมฆน่าจะเมานะ ตอบเพชรว่า "ผมคงทำได้แค่ ชง บะหมี่กินมื้อดึก"


pseudolife 2 มี.ค. 2555, 00:20:47 น.
พี่เมฆเริ่มเห็นแววจะสิ้นลาย อิอิ

------------------------------------------

ดีนะที่เธอก้าวเข้ามาแล้ว(เข้า)ยังไม่เบนเข็มไปมองเธอแทน


lovemuay 2 มี.ค. 2555, 09:46:19 น.
พี่เมฆแย่แล้ว มีสาวคิดจะจับแล้วน้า ไม่รีบแก้ปัญหาคงจีบเพชรได้ยาก อิอิ


panon 2 มี.ค. 2555, 09:47:39 น.
พี่เมฆเริ่มสปาร์คนิดๆๆแล้วใช่ไหมจ๊ะอิอิอิ


XaWarZd 2 มี.ค. 2555, 09:51:22 น.
อีตาพี่เมฆเอ๋ย งานนี้ไม่รอดแน่ๆ เจ้าชู้ดีนัก แล้วเมื่อไหร่จะมีแววได้กลับร่างล่ะเนี่ย


เพียงพลอย 2 มี.ค. 2555, 23:57:11 น.
เออ นั่นสินะ เค้าเป็นดวงจิตนี่นะ อิอิ ดูเหมือนงานจะเข้าพี่เมฆ แต่เราเชื่อ พลิ้วๆ อย่างพี่เมฆ รอดได้สบายยยยย ^^


น้องอุด้ง 5 มี.ค. 2555, 09:21:48 น.
555 พี่เมฆหาสาวต่อจิงๆด้วย อะนะปู้ชายยยยยยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account