ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต
เมื่อเธอเดินทางตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ โดยปล่อยให้ชะตาลิขิตเส้นทาง จนได้มาเจอเขา ชีวิตเธอกับเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
Tags: ชะตา

ตอน: Rose03

ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต ตอนที่ 3

เสียงโครมดังลั่นจนทั้งสองคนที่อยู่ในกระท่อมต้องสะดุ้งตื่น ก่อนนวาระมองหาไฟฉายส่องไปทั่วๆ แล้วหันไปถามเขา “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

“เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะ” เขามีท่าทีระมัดระวัง แต่เมื่อไอเย็นเข้ามาทั้งที่ยังไม่ได้เข้าใกล้ประตูมากนัก เขาก็รู้ในทันที ก่อนหันไปมองเธอที่มีหน้าตาตื่น “ดับไฟเร็วที่สุด”

“เกิดอะไรขึ้น” เธอมองเขาเอาน้ำรดลงกองไฟอย่างงุนงง

“ผมคิดว่าเราคงถูกฝังด้วยหิมะ เมื่อกี้หิมะคงถล่ม ถ้าเราจุดไฟไปเรื่อยๆ อากาศของเราจะลดลงนะ แต่ถ้าบนเขาหิมะถล่ม ก็จะมีคนช่วยเราในตอนเช้าแน่นอน” ซีเซียบอกให้เธอสบายใจ

“คุณแน่ใจนะ แน่ใจหรือเปล่า” นวาระถามอย่างตื่นตระหนก

“อืม แต่ไม่ต้องห่วง คิดว่าคงไม่ลึกเท่าไร ดีที่นี่ไม่ถล่ม คิดว่าคงไม่ลึกมาก แต่อากาศจะหนาวกว่าที่เคย เราควรจะนอนข้างๆ กันแล้วรอความช่วยเหลือนะ” ซีเซียบอกเธอ และเห็นเธอพยักหน้าจากไฟฉายที่ถืออยู่

พวกเขาเผลอหลับไปแค่ชั่วโมงเดียว แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวมากขึ้นอย่างที่เขาว่า เพราะกองไฟที่มีก็ดับลงไปแล้ว เพื่อให้พวกเขามีอากาศมากพอสำหรับความช่วยเหลือในวันพรุ่งนี้

“ฉันมีขวดออกซิเจนนะ” นวาระค้นเป้ออกมา ก่อนถูกเขาจับไปกอดเอาไว้ “เดี๋ยวสิ”

“ไว้จำเป็นแล้วกัน ตอนนี้เราต้องอบอุ่นตัวเองนะ คุณถอดเสื้อหนาๆ ออกก่อน แล้วเราจะเอามันสุ่มที่ตัวเรา ให้ไออุ่นเราถึงกันไว้ เราก็รอด” ซีเซียไม่ได้คิดแง่นั้นกับเธอ แน่นอนเขาคิดแต่เรื่องเอาตัวรอด

“ฉันว่ามีอีกวิธีนะ” นวาระพยายามหันไปหยิบของจากกระเป๋า “เบียร์ก็ช่วยให้เราอุ่นได้”

“จริงของคุณ” ซีเซียรับเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง แล้วมองเธอดื่มอย่างกล่ำกลืน ก็เผลอหัวเราะออกมา “อะไรจะทรมานอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ฉันไม่ชอบนี่ แต่เอามาไว้กันหนาวแบบนี้แหละ” เธอดื่มได้แค่ครึ่งกระป๋องก็วางลง แล้วค่อยๆ ลงไปอยู่ในถุงนอน แล้วถอดเสื้อผ้าออกอย่างที่เขาว่า ก่อนจะพยายามถมทุกอย่างให้ทับตัวเองกับเขาได้ “เข้ามาสิ เร็วๆ หนาวนะ”

“อ๋อ ได้” เขาขยับไปใกล้ๆ มองเธอค่อยๆ ถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วอยู่ในถุงนอน เขาเป็นคนเสนอ แต่พอทำเข้าจริงๆ ก็ชักไม่ไว้ใจตัวเองเสียแล้ว

เขามองเธอดื่มจนหมดกระป๋อง และเอาอุปกรณ์ยังชีพไว้ใกล้ๆ เผื่อมีปัญหา ร่างกายของเธอกับเขาสัมผัสกัน ทำให้อบอุ่นขึ้นก็จริง แต่ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น แล้วยังถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์อีก ทั้งความตกใจ

“คุณว่าพรุ่งนี้เราจะปลอดภัยไหม” นวาระพูดขณะอยู่ในอ้อมแขนเขา แล้วเธอก็พยายามลูบหลังเขาให้เขาอุ่นไปด้วย แล้วในใจก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ใจเย็นๆ พรุ่งนี้เราต้องรอดแน่นอน ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรหรอกนะ” ซีเซียพูดแล้วกอดเธอให้มั่นใจ แต่ก็รู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเธอลูบหลังเขาแล้วซบหน้าที่อกเขา

“อืม พรุ่งนี้เราจะได้ออกไปด้วยกัน” นวาระพูด แต่ก็รู้สึกว่า นอกจากจะไม่ปลอดภัยด้านนอก ตอนนีด้านในก็ไม่ปลอดภัย เธอจึงขยับตัวเล็กน้อย นึกอยากถอยแต่ก็คงยาก เพราะรู้สึกว่าเขากอดเธอแน่นมาก

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามขึ้น เมื่อเธอขยับตัวใต้กองผ้าหนา ที่พวกเขาพยายามห่มให้มากที่สุด

เขาก้มลงมอง ขณะที่เธอก็เงยหน้าขึ้น กลายเป็นจูบกันโดยไม่ตั้งใจ แทนที่รอยจูบจะถอยออกจากกัน เขากลับขยับตัวเธอขึ้นมาแล้วจูบหนักหน่วงขึ้น อ้อมแขนก็กอดเธอเอาไว้แน่น

ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนลืมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น...ลืมลมหนาว

****************************************


ไออุ่นช่วยให้ทั้งสองคนรอดพ้นทุกอย่างมาได้ แต่การตื่นครั้งนี้ ทั้งคู่ไม่พูดคุยกันอย่างเคย ต่างก็เงียบเพราะความใกล้ชิดเกินพอดี

พวกเขายังไม่รู้ว่าเช้าแค่ไหน จนกระทั่งมองนาฬิกา แล้วต่างก็ถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้น แต่ก็ยังคงแลกไออุ่นกันอยู่ แล้วเธอก็คว้าเสื้อมาสวมทับ และคว้าเป้ โดยไม่ยอมออกมาจากถุงนอน เพราะอากาศยังหนาวเย็นกว่าเดิมอยู่ แม้จะเป็นช่วงเช้าของวัน

เธอแบ่งอาหารให้เขา เพราะพวกเธอคงไม่มีใครลุกเข้าห้องน้ำแน่นอน และเธอยังง่วงอยู่ แม้จะเป็นช่วงสายของวันแต่ท้องหิวแล้ว เธอจึงนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ

“เดี๋ยวคงมีคนมาช่วยเรา” ซีเซียโอบไหล่เธอขณะทานอาหารและให้ไออุ่นกัน

“อืม อย่าลืมดื่มน้ำนะ ไม่งั้นเราจะลำบาก ถ้าไม่ได้ดื่มน้ำน่ะ” เธอพูดแล้วส่งให้เขา ยิ้มให้เล็กน้อย และพยายามไม่ให้กระอักกระอ่วนใจ

“อากาศยังเย็นอยู่เลยนะ” ซีเซียก็หาเรื่องมาคุย

“ใช่ค่ะ ยังง่วงอยู่เลย คงเพราะหนาวนะเนี่ย” เธอพูดไปเรื่อยเปื่อย

เขาและเธอต่างไม่กล้าต้มน้ำ เพราะกลัวว่าจะขาดอากาศหาย การต้องจมอยู่ใต้หิมะ อากาศจึงสำคัญมาก

“ถ้าเรารอดกลับไปได้ ผมขอไปเที่ยวบ้านคุณได้ไหม ยังไงผมก็มีเวลาหยุดพักเหลืออยู่แล้ว” ซีเซียถามขึ้น

“ถ้าเรารอดไปได้นะ” เธอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะยังคิดแต่เรื่องเฉพาะหน้า เรื่องอนาคตเอาไว้รอดไปได้ เธอค่อยคิดอีกที

เขามองเธออย่างเงียบๆ ก่อนเชยคางเธอขึ้นมอง แล้วเห็นเธอขมวดคิ้วใส่เขา จึงปล่อยมือ “ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไร” นวาระหันไปมองทางอื่น แล้วทานอาหารตัวเองอย่างเงียบๆ

เธอไม่เคยให้ความใกล้ชิดผู้ชายคนไหนเท่าเขา แค่คิดแค่นี้ เธอก็ทำหน้าไม่ถูกแล้ว เพราะงั้นการไม่พูดจึงจะเป็นการง่ายกว่า แล้วสะดวกใจมากกว่า

“ผมขอโทษเรื่องเมื่อคืน” ซีเซียพูดขึ้น

“อืม เราต้องเอาตัวรอด เพราะงั้นเราต้องทำตัวให้อบอุ่น คุณก็อย่าคิดมากเลย” นวาระพยายามตัดบทการสนทนานี้ และเมื่อเขาทำท่าจะพูดอีก จึงตัดบทจริงจัง “ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้นะ ขอจะได้ไหม ฉันเป็นผู้หญิง ฉันก็อายเป็นนะ ขอล่ะ”

“อืม ได้สิ” ซีเซียจึงได้แต่รับปาก ก่อนจะจัดการอาหารที่ค่อยๆ ทานจนเสร็จ เขามองนาฬิกาก็ถอนหายใจยาว “แต่งตัวกันดีไหม พวกที่เราแจ้งไว้ เขาคงรู้เรื่องแล้วล่ะ นี่ก็สิบโมงเช้าแล้ว พวกเขาคงรู้ว่าเราติดอยู่ในเหตุหิมะถล่ม คุณสวมก่อนเถอะ สวมพร้อมกันมันไม่ค่อยสะดวก”

“ค่ะ” นวาระจัดการกับตัวเอง แล้วลุกขึ้นออกมาเดิน พร้อมทั้งห่อตัว รู้สึกว่าหนาวกว่าที่เคย

“สวมหน้ากากปิดหน้าเอาไว้ อย่าหายใจเอาไอเย็นเข้าปอดมากนะ เดี๋ยวจะน้ำท่วมปอดไม่รู้ตัว” เขาเตือน เพราะเขาเองก็สวมอยู่ เมื่อคืนพวกเขาใช้ผ้าคลุมเอาไว้ แบบไม่ต้องกลัวหายใจไม่ออก

“น่าจะเอาเต็นท์มาด้วยนะคะ จะได้กันหนาวได้อีกนะ” นวาระพูดขึ้น แต่เพราะเขาห้ามไว้ เธอจึงไม่ได้เอามาด้วย

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณจะโทษผมไหม” เขาถามขึ้นแล้วรู้สึกผิด เพราะครั้งเขากะจะพาเธอเล่นสกีลงไปในสายวันนี้ แต่ทุกอย่างผิดคาด

“ไม่หรอกค่ะ ก็ในเมื่อฉันยอมมาด้วย แสดงว่าฉันก็เตรียมใจในระดับหนึ่ง ฉันไม่โทษคุณหรอก ถ้าชีวิตฉันจะจบลงที่นี่ ฉันก็ไม่โทษแม่ฉันเหมือนกัน เมื่อฉันเลือกแล้ว ฉันก็ต้องทนให้ได้สิ ไม่มีใครจับฉันกดแล้วให้ลงมือทำ เมื่อตกลงใจทำเองจะโทษใครได้ อย่าคิดมากเลย” นวาระพูดตามจริง

เขารีบแต่งตัวแล้วเรียกเธอมานั่งข้างๆ เพื่อรอคอยเวลา ทั้งคู่ยังคงนั่งเคียงข้างกัน “ขอบคุณที่ไม่ว่าผม”

“ว่าอะไรล่ะ ดีเสียอีก อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมเดินทาง จะได้ไม่เหงาไง” เธอพูดขึ้นแล้วค่อยโล่งใจ เพราะอย่างน้อยไม่ต้องเผชิญสถานการณ์เพียงลำพัง แต่ยังมีเขาเป็นเพื่อน

ซีเซียค่อยยิ้มออก แล้วทั้งคู่ก็พยายามอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ รอความช่วยเหลือ ยังดีที่ห้องนี้กว้างกว่าที่คิดมากนานกว่าสี่ชั่วโมง กว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงเรียก

“ได้ยินไหมเสียงอะไรน่ะ” นวาระรู้สึกตัวก่อน

ซีเซียมองหาต้นเสียง ก่อนจะเห็นปล่องเตาผิงเก่าๆ ที่ปิดตายด้านบนเอาไว้ จึงเดินไปที่เตาผิง แล้วตะโกนตอบ “เราอยู่ที่นี่”

“มีคนข้างล่าง รอนะ กำลังขุดหิมะ” คนด้านบนตะโกนลงมาเป็นภาษารัสเซีย

“มีคนมาช่วยเราแล้วล่ะ เก็บของกันเถอะ” ซีเซียยิ้มยินดีเมื่อรู้ว่าความช่วยเหลือมาถึง

“แสดงว่ามันแค่ปิดที่ประตูใช่ไหม พวกเขาก็จะมาช่วยเราได้” นวาระค่อยยิ้มออกอย่างมีความหวัง

“ใช่แล้วล่ะ เขาคงจะขุดหิมะออกจากหน้าประตู พอให้เราขึ้นไปได้น่ะ เราโชคดีแล้วล่ะ” ซีเซียบอกก่อนเดินไปกอดเธอเอาไว้อย่างดีใจ และเธอก็กอดเขาเช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างดีใจที่รอดพ้นวิกฤตมาได้ แต่เพราะบ้านหลังนี้ทั้งหลังสร้างจากท่อนไม้ใหญ่แข็งแรง ประตูหน้าต่างทำจากไม้ทึบ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าข้างนอกมีหิมะทับถมแค่ไหน กะได้แต่ความหนาวเย็นที่เข้ามาใกล้ กับประตูที่เปิดไม่ออกเท่านั้น

****************************************


เตียงอ่อนนุ่ม ผ้าห่มจากผ้าเนื้อดี ทำให้เธอสบายมากกว่าที่คิด เธอนอนพักให้มากที่สุด และรู้ได้เลยว่าการเดินทางสิ้นสุดแล้ว เหลือแค่จะเดินทางกลับวันไหนเท่านั้น

บ้าน...ที่ที่เธออยากเอาหัวไปกระแทกหมอนมากที่สุด ถึงที่นี่จะหรูหราไฮโซแค่ไหน แต่บ้านก็เป็นสถานที่ที่เธออยากนอนพักมากที่สุด และเมื่อผ่านเรื่องร้ายๆ มาได้ เธอก็ไม่คิดอะไรนอกจากอยากกลับบ้านเท่านั้น

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หัวเตียง เธอยกหูขึ้นรับสายก่อนถามเป็นภาษาสากล “มีอะไรคะ”

“รู้เหรอว่าผมจะโทรหา” เขาถามมาตามปลายสาย

“เปล่าค่ะ แต่มีฉันอยู่ในห้องคนเดียว ถ้าไม่โทรหาฉันแล้วจะโทรหาใครกันล่ะ” นวาระพูดตามจริงแล้วรู้ว่าใครโทรมา

“ยังไม่ยอมตื่นอีกเหรอ จะนอนไปถึงไหนล่ะ” เขาถามขึ้นแล้วส่ายหนน้านิดๆ

“ก็แหม ฉันอยากนอนให้เยอะๆ ให้สมกับที่รอดตายมาได้ คุณล่ะ มีอะไรเหรอ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ลงไปทานอาหารเย็นด้วย แต่ฉันอยากซุกตัวในผ้าห่มมากที่สุดเลย” นวาระบอกตามตรง

จะมีสุขไหนสบายใจได้เท่าสุขบนที่นอนเป็นไม่มี...

“ผมคิดถึงคืนของเรานะ” ซีเซียพูดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจจีบ แต่เขานึกถึงคืนนั้นมากกว่าคืนไหนๆ

“โห! ลืมคืนนั้นไปเถอะ คิดถึงเตียงนอนอุ่นๆ ผ้าห่มหนาๆ ดีกว่าคุณ ฉันยังคิดถึงพัดลมที่เมืองไทยมากกว่าเลย อยากกลับให้เร็วที่สุด จะอู้งานสักสองสามวัน นอนอยู่บนเตียงไม่ลงมาทำอะไรเลยล่ะ” นวราระพูดอย่างคล่องปาก เมื่อนึกถึงบ้านขึ้นมา

“ผมไปด้วยนะ ผมยังเหลือเวลาพักร้อนอยู่อีก” เขาไม่เชิงถาม แต่ตั้งใจจะไป

นวาระกลับนิ่งเงียบ จะตอบรับหรือปฏิเสธดี เมื่อเธอแทบลืมไปแล้ว ก่อนจะตัดสินใจบอกเขาตามตรง “ฉันตั้งใจว่า กลับไปนี่ก็จะกลับไปดูแลธุรกิจของฉัน ฉันคงไม่สามารถพาคุณเที่ยวได้หรอกนะคะ เรื่องไป ฉันไม่ห้ามคุณหรอกนะ แต่ฉันคงไม่มีเวลาพาคุณเที่ยว ฉันมีออร์เดอร์ทอผ้าลายต่างๆ อยู่หลายชิ้น”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมแค่อยากไปจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ เพื่อฟื้นฟูจิตใจเท่านั้น มันไม่ลำบากหรอก นี่คุณหิวไหม” เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ว่าเธอยังไม่ได้ทานอะไร

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงขมวดคิ้ว “หิวก็หิวค่ะ แต่ใครไม่รู้มาเคาะประตู”

“เปิดสิ ผมเอง” เขาบอกเธอ ก่อนเธอจะรีบลุกไปที่ประตู

เมื่อเธอเปิดประตู เขาก็ถือถาดใหญ่ใส่อาหารสำหรับสองคนอยู่หน้าประตู “เข้าไปได้ไหม”

“เชิญค่ะ” เธอชี้ไปที่โต๊ะชุดรับแขกในห้องนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน แต่เธอไม่คิดฝากความหวังไว้ที่เขาหรือผู้ชายคนไหนที่ผ่านเข้ามา

“ยังไม่ทานอาหารเหรอคะ” เธอมองก็รู้ว่าสองทุ่มกว่าแล้ว เธอตื่นมาก็ทุ่มกว่า ซึ่งพวกเขาน่าจะทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว

“ยังน่ะ ฉันก็ตื่นเย็นเหมือนกัน ตื่นมา พวกเขาก็เริ่มทานกันแล้วล่ะ แล้วก็คิดว่าอยู่ว่าคงยังไม่ได้ทาน และก็รู้ว่าตื่นแล้วก็คงหิว ก็ลงไปเอาอาหารแล้วเอามาให้นี่แหละ มานั่งทานด้วยกันเถอะ” ซีเซียมองเธอเดินไปเดินมา แล้วก็เข้าห้องน้ำก่อนจะออกมา จึงชวนมานั่ง

นวาระนั่งลงข้างๆ เขา ทานอาหารด้วยกันที่ข้างเตาผิง โดยไม่รู้ว่าเขามองเธออยู่ เธอเพียงทานให้อิ่มเท่านั้น จึงทานไปเรื่อยๆ อย่างไม่สนใจนัก

“ไม่เปิดทีวีเหรอ” เขาถามขึ้น หลังจากสังเกตรอบๆ ห้อง

“ไม่ล่ะ ขี้เกียจฟังภาษาที่ไม่เข้าใจ” เธอตอบตามตรง ก่อนทั้งคู่จะตกใจ เพราะมีอีกคนเปิดประตูเข้ามา เธอกับเขาต่างก็มองคนที่เข้ามาอย่างงงๆ

“พี่ทานมื้อเย็นอยู่เหรอ เสร็จหรือยัง” อูริย์ถามพี่ชาย

“ยัง พี่เพิ่งเริ่มทานเอง มีอะไรเหรอ ทำไมไม่คุยเป็นภาษาอังกฤษล่ะ” ซีเซียพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้นวาระเข้าใจ

“ก็ไม่เห็นจำเป็นเลย ยังไงเรื่องที่เราคุยกันก็ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ ผมมีปัญหาเรื่องเรียนอยากถามพี่ก็เท่านั้น” อูริย์ยืนพูดแล้วกอดอกอย่างเข้มงวด

“ออกไป!” ซีเซียไล่น้องชายทันที ก่อนจะยืนตัวตรงและมีท่าทางเข้มงวดใส่น้องชาย “อย่าบังอาจทำท่าทางแบบนั้นกับฉัน แกออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว”

อูริย์ถูกพี่ชายชี้หน้าขับไล่ก็ตกใจ แล้วรีบออกไป ยามเด็ดขาดพี่ชายก็เป็นนายทหารที่เข้มงวดได้ เขาชักเริ่มกลัว จึงรีบทำตามคำสั่ง ราวกับผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งด้วยตนเอง

นวาระมองหน้าเขาอย่างตื่นๆ เพราะเขาพูดภาษารัสเซียแล้วน้ำเสียงก็เด็ดขาด การพูดก็รวดเร็ว ก่อนมองเขานั่งลงข้างๆ แล้วทานอาหารต่อ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซีเซียเห็นเธอมองมา แล้วทำตาโตไม่หยุด จึงปลอบ “ทานเสียสิ เดี๋ยวหิวนะ”

เธอค่อยๆ ทานแต่ยังมองเขาอยู่ ท่าทางจะกลัวเขาไม่ต่างจากน้องชายเท่าไรนัก

“อูริย์ทำเกินไป เขาเข้ามาก้าวก่ายชีวิตผม ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควร เพราะผมเป็นพี่ชาย แล้วไม่ใช่ลูกไล่ของเขา ทั้งผมยังมียศสูงกว่า ถ้าทหารแตกแถว ก็ไม่ควรเป็นทหาร แล้วทหารราชองค์รักษ์มีหน้าที่พิทักษ์รักษาเชื้อพระวงศ์ ถ้าไม่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อเชื้อพระวงศ์ได้ เพราะงั้นผมถึงต้องใช้ท่าทางเฉียบขาด เพื่อสั่งสอนเขา” ซีเซียอธิบาย

“ขอโทษค่ะ ฉันแค่ตกใจมากไปหน่อย ไม่ค่อยได้เห็นคุณมีท่าทางเข้มงวดอย่างนั้น” นวาระพูดอย่างยอมรับความจริง แล้วถอนหายใจอย่างโล่งใจ

ซีเซียยกมือขึ้นลูบผมเธออย่างเอ็นดู ก่อนปลอบ “ปกติฉันไม่ดุแบบนั้นหรอก ถ้าไม่ทำอะไรขัดใจฉันเกินไปนัก”

“งั้นฉันต้องตามใจคุณทุกอย่างหรือเปล่า” เธอถามยิ้มๆ เห็นเขาเอ็นดูเธอก็ผ่อนคลาย

“ก็ไม่ถึงกับอย่างนั้นหรอก อย่างคุณ คุณก็มีขอบเขตสำหรับคนอื่นด้วย ผมก็มีของผมเหมือนกัน ถ้าไม่มีใครล้ำเส้นที่คุณขีด คุณก็สงบจริงไหม ปกติผมไม่ดุน้องแบบนี้หรอก ถ้าเขาไม่ล้ำเส้นที่ผมขีด” ซีเซียอธิบาย แล้วทานอาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ

“อืม ตั๋วเครื่องบินของฉันได้หรือยังคะ” นวาระถามเขา เพราะอยากกลับบ้านแล้ว

“ได้แล้ว แต่เราต้องไปต่อเครื่องอย่างที่คุณมานั่นแหละ ผมจองตั๋วให้เผื่อตัวผมเองด้วย ผมอยากไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้ง” เขาพูดชัดเจน แล้วมองเธอพร้อมรอยยิ้ม

ถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ได้แต่ปล่อยไป เพราะเจ้าตัวยืนยันแบบนั้น เธอก็รู้ว่าไม่มีทางห้ามได้ แล้วดูจากท่าทางที่เขาตวาดน้องชายแล้ว แทบไม่ปล่อยช่องให้น้องชายตอบโต้ แสดงว่ายามเข้มงวด เขาก็ทำได้เฉียบขาดไม่น้อย

****************************************


เมื่อเดินทาง เธอก็ขัดใจนิดๆ เพราะเธอให้เงินค่าตั๋วเป็นชั้นประหยัด แต่เขากลับอัพขึ้นเป็นเฟิร์สคลาสให้ ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้นั่งสบายๆ เพราะเขาก็ตัวสูงใหญ่ แต่เธอนั้นตัวเล็ก อีกอย่างจะให้นั่งแยกกันก็ดูจะแบ่งแยกไปนิด เขาก็เลยจับเธอมานั่งชั้นเดียวกันแทน

นวาระทำสีหน้างอนๆ จนกระทั่งเครื่องขึ้นถึงระดับปกติ แล้วทำเงียบไม่ค่อยอยากคุยกับเขาเท่าไรนัก

“ก็ผมหวังดีนะ” ซีเซียพยายามประนีประนอมกับเธอตลอดการเดินทาง

ตอนที่อยู่สตาสเซีย เขาไม่เคยเอาใจเธออย่างนี้มาก่อน แต่พอผ่านช่วงเวลาเลวร้ายร่วมกัน เขาก็รู้สึกสนิทสนมกับเธอมากขึ้น แต่เธอก็เอาใจยากเหลือเกิน จนเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก

ที่ว่าเอาใจยาก...ไม่ใช่เธอเอาแต่ใจ แต่เธอไม่ค่อยเรื่องมาก จึงไม่ค่อยยิ้มยินดีกับสิ่งที่เขาทำให้ ถ้าเพียงเธอยิ้มนิดๆ มีท่าทางน่าเอ็นดูมากกว่านี้ เขาก็รู้สึกดีมากขึ้น

บางครั้งเธอก็เข้าใจยากเสียเหลือเกิน...

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แต่เดี๋ยวกลับไป คุณบอกมาแล้วกันว่าฉันต้องให้เงินคุณอีกเท่าไร” เธอบอกชัดว่าไม่อยากเอาเงินใครมาฟรีๆ

“ผมบอกว่าไม่เอาไง ทำไมพูดไม่รู้เรื่องนะ น้ำใจของผมมันไม่มีค่าเลยเหรอ” ซีเซียจ้องสบตาถามเอาจริงจัง

นวาระกระแทกลมหายใจ เมื่อเขาใช้เหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้ “เปล่าสักหน่อย น้ำใจจากทุกคนก็ดีทั้งนั้นแหละค่ะ โดยเฉพาะจากคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ขอบคุณนะคะ”

ซีเซียค่อยยิ้มออก ก่อนก้มลงไปจูบผมเธอเบาๆ “ไม่เป็นไร”

นวาระสะดุ้งเมื่อเขาทำแบบนั้น ก่อนจะมองอย่างแปลกๆ แล้วก็ต้องประหลาดใจอีกรอบ

“ขอโอบไหล่เหมือนอยู่ที่กระท่อมได้ไหม อยากสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่มีใครสักคนอยู่ข้างๆ น่ะ” เขาพูดขึ้น ทำให้เธอขยับถอย ก่อนเขาหัวเราะนิดๆ อย่างไม่ถือสา “กลัวมากอย่างนั้นเลยเหรอ”

“ฉันไม่ได้กลัวหิมะถล่ม แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมต้องโอบไหล่กันด้วย อีกอย่างในเครื่องบินก็ไม่ได้หนาวอย่างนั้นสักหน่อย” นวาระแย้ง แล้วรอฟังเหตุผลของเขา

สิ่งที่เธอพูดทำให้เขานิ่งอึ้งไป เมื่อนึกถึงช่วงเวลานี้ ก็เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ เขากับเธอไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในฐานะใด เพื่อน เพื่อนร่วมทาง หรือคนที่กำลังศึกษาดูใจกัน

เขานิ่งเงียบแล้วหันไปอีกทาง ไม่ตอบคำ เขานิ่งเฉยจนเธอต้องถอนหายใจแรงๆ แทน ก่อนจะดึงมือเขามาโอบไหล่เธอ แล้วมองไปอีกทาง

เขาแอบยิ้มนิดๆ เมื่อเธอทำแบบนั้น แสดงว่าเธอก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ

“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่” นวาระพูดขึ้นแล้วหันมายอมซบไหล่เขา

การเดินทางครั้งนี้จึงไม่แย่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับเปิดใจคนทั้งสอง ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของการถอยหนีจากความเจ็บปวด หากตอนนี้พวกเขาได้แต่ยอมรับมิตรภาพในความสัมพันธ์

****************************************


เมื่อถึงเชียงใหม่ นวาระก็โล่งใจ เห็นคนรถที่บ้านขับมารับแต่เช้า จึงรีบเข้าไปทักทาย ยกมือไหว้ตามธณรมเนียมแม้จะเป็นลูกจ้างของเธอ “น้าผลมารอนานหรือยังเจ้า”

“บ่นานหรอก น้องโรส น้าดีใจ๋แต้ว่า ที่น้องโรสถึงเวียงเชียงใหม่เฮานี้” น้าผลเข้ามาช่วยถือของ แล้วรู้สึกโล่งใจที่นายจ้างกลับมาเสียที

เขาเคยเห็นเธอมาแต่เล็กแต่น้อย เพราะทำงานอยู่ที่บ้านหลังนี้มานาน แม้ในยามตกต่ำ จนแทบไม่เหลืออะไร แต่เขาไม่เคยทอดทิ้ง ทั้งยามที่ไม่มีค่าจ้าง ขอแค่มีอาหารพอให้อิ่มไปวันๆ จนลืมตาอ้าปากได้อย่างทุกวันนี้

“ตอนนี้แม่จั๋นกับอุ๊ยเตี้ยงสบายดีก่อ” นวาระถามคนรถที่บ้าน ที่ทำงานสวนไปด้วย ทำสิ่งที่มีในสวนทั้งหมด

“โอ๊ย! แม่ทั้งสองต่างก็คิดถึงน้องโรส เป็นห่วง กลัวว่าจะลำบาก แต่พอน้องโรสโทรมาบอกว่าจะปิ๊กละ แทบจะลุกฟ้อนกันเลยทีเดียว น้องโรสบอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วย ก็จัดแจงห้องที่เรือนใหญ่ไว้รอ ขอให้กลับบ้านเตอะ แม่เขาก็ดีใจ๋กันจาดนักเลย” น้าผลเล่าความ

“ที่สวนเป็นจะใด มีปัญหานักก่อ” นวาระถามคนรถ ขณะเดียวกันก็กวักมือเรียกซีเซียให้เดินตามมา ก่อนบอก “เรากำลังจะไปบ้านฉันน่ะ”

เขาเพียงพยักหน้า เพราะฟังเธอคุยกับคนที่บ้านไม่รู้เรื่อง

“คนที่บ้านฉันพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน หวังว่าคุณจะไม่คิดว่าฉันเสียมารยาทนะที่ไม่พูดภาษาอังกฤษให้เข้าใจ” นวาระอธิบายให้เขาฟัง และเมื่อเห็นเขาพยักหน้าก็หันไปถามน้าผลอีกรอบ

“บ่มีหยัง งานก็ยะกันดี แม่จั๋นดุจะตาย ใครบ่ยะการยะงานเป็นโดนเดือด ใครว่าบ่ใช่ของเปิ้น เปิ้นด่าตั้งแต่เจ๊ายันแลง เปิ้นว่ายังใดก็ไร่สวนหลานเปิ้น เปิ้นบ่ยอมแน่” น้าผลเล่าแล้วก็หัวเราะ

เพราะรู้ว่าเจ้านายจัดแจงงานแต่แรก แล้ว ใครๆ ก็ต้องทำตาม ใครไม่ทำตาม นวาระก็จะไล่ออกเหมือนกัน เพราะที่นี่จ่ายค่าแรงเป็นธรรม ไม่เคยกดขี่ใคร ความที่เคยเป็นลูกจ้างเขา คิดถึงใจเขาใจเราเป็นหลัก เจ้าของตั้งแต่รุ่นแม่จนมารุ่นลูก ชอบเข้าวัดเข้าวาเสมอ

“แม่จั๋นยังด่าได้เก่งแบบนี้แสดงว่าแข็งแรงเนาะ แล้วน้าผลล่ะเจ้า ไปตรวจสุขภาพบ้างก่อ” นวาระถามไถ่คนที่บ้านอย่างดี เขาก็ช่วยเลี้ยงเธออยู่บ้าง

“โอ๊ย! น้านะ สบาย อีเมียที่บ้านยังว่า จะมั่นไปไหน” น้าผลพูดแล้วก็หัวเราะ ก่อนถาม “อ้าว ฝรั่งคนนี้พูดภาษาเฮาได้ก่อ”

นวาระหัวเราะ ก่อนส่ายหน้า “บ่ได้ๆ อู้แต่อังกฤษกับรัสเซีย ส่วนภาษาอื่นนี่บ่รู้บ่ได้ถาม แต่บ่เป็นหยัง เดี๋ยวน้องจัดการเอง น้าผลบ่ต้องเป็นห่วง”

“น้าก็ต้องห่วงกะ จะให้อีหล้าบัวมันยะกับข้าวฮื้อกิน” น้าผลมองแปลกๆ หลังเก็บของเสร็จ

“เขามองผมทำไม” ซีเซียหันไปถาม ตัวเขาสูงเขาจึงต้องก้มลงมองเธอแทน

“ไม่มีอะไรหรอก เขากลัวว่าถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่รู้ว่าคุณทานยังไงไงล่ะ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้ละของเผ็ดไว้ คุณจะได้ไม่ต้องเผ็ดไง” เธอบอกเขาให้สบายใจ ก่อนจะบอกน้าแกด้วย “บ่ต้องคิดมาก หล้าบัวทำกับข้าวบ่เผ็ดก็พอแล้วล่ะ น้าผล”

น้าผลจะนั่งที่คนขับ แต่นวาระขอกุญแจ “ให้น้องขับดีกว่า บ่ต้องกลัว น้องขับนิ่มเน้อ”

“ก็ได้ๆ” น้าผลยื่นกุญแจให้เจ้านาย ก่อนเดินไปนั่งข้างหลัง

“คุณนั่งข้างฉันล่ะดีแล้ว แต่อย่าขอขับเลยนะคะ ถนนหนทาง คุณก็ไม่รู้ ฉันขับสะดวกกว่า ไปกันค่ะ จะได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ได้ขับรถเสียนาน” นวาระนั่งประจำที่ด้านหลังคนขับ ก่อนรอพร้อมแล้วขับกันออกไป

เธอขับรถพาเขาออกไปจากเมือง ขึ้นเขาผ่านป่า หนทางอาจไกล แต่ก็ไม่มากนัก เมื่อเข้าช่วงสาย เธอก็ถึงที่หมาย ก่อนจะลงจากรถ แล้วถอนหายใจ ยิ้มดีใจที่ถึงบ้าน

“น้าผลให้คนเอาของไปเก็บที่บ้านก่อนเน้อ น้องจะไปหาแม่จั๋นกับอุ๊ยเตี้ยง จะพาเพื่อนไปไหว้ก่อน แล้วค่อยขึ้นบ้าน ยังใดฮื้อละอ่อนจัดอาหารกับข้าวไว้ด้วยเน้อ น้องหิวละ แล้วจะลงไปดูฝ้ายดูเอื้องสักหน่อย” นวาระจับมือเขาแล้วรีบพาที่ดินติดกัน ก่อนจะบอกเขา “บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเพื่อนแม่ฉัน ฉันนับถือเพื่อนแม่ดังแม่ จึงเรียกเขาว่าแม่เสมอกับแม่ของฉัน แล้วแม่ของเพื่อนแม่ฉัน ก็เรียกว่ายายนะ”

“อ๋อ ที่คุณเคยเล่า” เขานึกถึงสิ่งที่เธอเล่าได้

“ใช่ เดี๋ยวเขาก็จะทักทายเรา แล้วทำพิธีพื้นเมืองรับขวัญ ด้วยการผูกด้ายสีขาวให้เรา คุณก็ดูฉันเป็นตัวอย่างนะ ฉันทำอะไรก็ทำตาม การทักทายแบบไทยคืออย่างนี้” นวาระพยายามสอนเขาไหว้ แม้จะดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ก็มีเวลาจำกัด

เมื่อถึงบันไดขึ้นเรือนหลังข้างๆ เธอก็ค่อยๆ เดินขึ้นเรือนไป เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งรออยู่ก็ค่อยๆ เดินเข้าไป “สวัสดีเจ้า แม่จั๋น อุ๊ยเตี้ยง”

เธอยกมือไหว้ ก่อนเดินเข้าไปนั่งที่พื้นข้างๆ ผู้ใหญ่ทั้งสอง “แม่กับอุ๊ยสบายดีก่อ นี่เพื่อนหล้า ชื่อซีเซีย คารอฟสกี้ เป็นชาวประเทศสตาสเซีย เขาอยากมาแอ่วเมืองไทยเจ้า”

“อีหล้านี่ก่อ ดูล่ะ หน้าเปิ้นมีแต่เหงื่อ อะหยังจะฮ้อนอย่างนั้น” จันทร์เพ็ญส่งขันน้ำให้แขกของหลานสาว “ดื่มน้ำก่อนนะคะ”

ซีเซียมีสีหน้าแปลกใจ ที่ผู้ใหญ่ของเธอพูดภาษาอังกฤษได้ “คุณพูดภาษาอังกฤษได้?”

“ค่ะ ฉันพูดได้ ยุคนี้ยังไงก็ต้องตามให้ทัน มาเที่ยวเมืองไทยทำตัวให้สบายนะ” จันทร์เพ็ญบอกเพื่อนหลานสาว ก่อนคุยกับหลานสาว “แม่ล่ะ โล่งใจ๋ ที่หล้ากลับมา อย่าละบ้านละจองอีกเน้อ แม่จะบ่เฝ้าให้ละ”

“แม่จั๋นก็ หล้าจะบ่ไปไหนละ จะอยู่นี่ให้อุ๊ยให้แม่เอ็นดูไปนานๆ” นวาระพูดก่อนจะประจบยายต่างสายเลือด ที่กำลังมองอย่างเอ็นดู

“มาให้อุ๊ยรับขวัญหน่อย อุ๊ยจะปันปอนให้เน้อ เป็นสิริมงคลให้หลานๆ เจริญก้าวหน้า” คำเที่ยงหันไปคว้าด้ายสีขาวสะอาด เพื่อผูกข้อไม้ข้อมือ อวยพรรับขวัญลูกหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัย

นวาระขยับเข้าไปใกล้ ยกมือไหว้งามๆ แล้วยื่นข้อมือให้

คำเที่ยงใช้ด้ายถูที่ข้อมือหลานสาวขึ้นลง ท่องคาถาเป่ามนต์อวยพร “ขอให้หล้าอายุมั่นขวัญยืน บ่มีทุกข์โศก ประสบโชคประสบชัย พ้นเคราะห์คราวนี้กลับมาได้ ก็ขอให้เจริญรุ่งเรืองเน้อ”

“ขอบคุณเจ้า” นวาระยกมือไหว้ขอบคุณ เมื่อยายผูกข้อมือให้

“ฮ้องอ้ายบ่าวมาใกล้ๆ อุ๊ยจะได้ปันปอน” คำเที่ยงกวักมือเรียกชายหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้า ให้ขยับมาใกล้ๆ

นวาระสะกิดเขาแล้วพยักหน้า ให้เขาทำตามที่เธอเคยทำไว้ เขาเข้าไปใกล้ ยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะยื่นข้อมือให้อย่างที่เห็นเธอทำ และฟังคำอวยพรแบบเดียวกัน ก่อนเขาจะยกมือไหว้แบบเดียวกับเธอ แล้วพูดขอบคุณ จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยไปนั่งข้างหลังเธอ

“วันนี้หล้าจะเข้าไปดูในสวนก่อ” จันทร์เพ็ญถามหลานสาว

“คงจะอั้นนะเจ้า หล้าว่าจะเดินดูอะหยังหน่อย แต่คงยังบ่ได้ทำงานอะหยังนัก” นวาระบอกแล้วนึกอยากเตร็ดเตร่อีกสักสองสามวัน

“คุณแสงดาว ลูกสาวเจ้าบัวคำเพิ่งจบจากนอก จะมาดูแลเรื่องในคุ้มแสงคำแตนแม่เปิ้น เปิ้นขอเข้ามาดูสวนดอกเอื้องของหล้า แม่ก็ได้แต่บอกผลัดๆ ไปก่อน อยากให้หล้ามาดูแลเองดีกว่า หล้าจะว่าจะใด” จันทร์เพ็ญถามหลานสาว

“แม่จั๋น ยังบ่ให้หลานๆ ขึ้นมานั่งคุยกันบนเก้าอี้ เดี๋ยวอ้ายบ่าวคนนั้นก็ปวดขาหรอก” คำเที่ยงบอกลูกสาว

“หล้าก็ลืมไปบ้างก่าเจ้า อีแม่ก็” จันทร์เพ็ญบอกแม่ ก่อนจะหันมาทานหลานสาวแล้วพยักหน้า “คุณขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เถอะ เดี๋ยวจะปวดเมื่อยเสียเปล่าๆ”

นวาระหันมาพยักหน้า ก่อนขึ้นนั่งด้วยกัน “เรื่องแม่จั๋นว่า หล้าบ่มีปัญหา อีกสองสามวันนัดเปิ้นมาก็ได้ สวนดอกเอื้องเฮา ก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก เปิ้นจะดูสวนต้นฝ้ายก่อ”

“เรื่องนั้นเปิ้นบ่ได้คุย แต่ถ้าหล้าจะให้ดู ก็พาไปดูด้วยก็ได้” จันทร์เพ็ญสรุป ก่อนจะนึกได้ “เอ้อ นี่กินอะไรมาหรือยังล่ะ คุณคงหิวแล้ว ไปทานที่เรือนโน้นเถอะ ทานอาหารให้อร่อยนะ หล้าๆ จะไปดีลืมไหว้ผีปู่ย่าด้วยเน้อ แล้วก็ห้ามผิดผีด้วยเน้อ”

นวาระฟังแล้วตกใจ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ แล้วลาลงเรือน ก่อนจะพาเขาเดินไปที่บ้านอีกหลัง แล้วแนะนำ “นี่เป็นบ้านของฉัน บ้านสองหลังนี่ เราทำทางเข้าออกติดกันไว้ตรงรั้ว เพื่อจะได้ไปหากันได้ง่ายน่ะ แล้วบ้านของฉันก็อยู่ที่นี่มาร้อยกว่าปีแล้วนะ ตั้งแต่พ่อของทวด ตอนนั้นท่านมั่งคั่งมาก แล้วมาสร้างที่ดินอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวาย พอดีว่าครอบครัวฉันเกิดจากหลานคนโต ก็เลยได้ที่ดินสิบไร่กับบ้านหลังนี้ เดี๋ยวเราทานอาหารแล้วค่อยลงไปเดินเล่นที่สวนกันนะคะ”

ซีเซียมองบ้านไม้สักหลังใหญ่ อายุร้อยปีแล้วมองอย่างทึ่งๆ ก่อนก้มลงมองเชือกที่อยู่ที่ข้อมือเขากับเธอ ทำให้รู้สึกถึงชะตากรรมที่ชักนำให้เขากับเธอได้รู้จักกันอย่างช้าๆ เรียนรู้กันอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว

****************************************

สวัสดีค่ะ
เพราะตอนนี้ร้อนมากก็เลยเอาบรรยากาศหนาวๆมาฝากไงคะ
อิอิ เด๋ยวก็ร้อนแล้วงิงิ
ขอบคุณที่ติดตตามนิยายนะคะ

sirinda
คุณ ร้อยวจี --- ยิ่งกว่าคิดถึงค่ะ ^^
คุณ pattisa --- >,< ขอบคุณค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- ว๊าย!! รู้ทัน ก็กลัวจะไม่ได้เจอซีเซียน่ะสิคะ อิอิ
คุณ Auuuu --- หนาวก็ต้องหาไออุ่นค่า อิอิ
คุณ anOO --- หรืออาจไม่ต้องจากกันสักพักค่ะ อิอิ (คนเขียนคนหนึ่งไม่กล้า)
คุณ ตุ๊งแช่ --- อ่ะแน่นอน เดี๋ยวจะไม่ได้เป็นพระเอก (มั้ง) ค่ะ
คุณ sai --- กอดกันๆๆๆๆ

jj-book
คุณ ฌัลลกัณฐ์ // Esperanza --- ความสัมพันธ์ต้องพัฒนาแน่นอนค่ะ
คุณพี่ chakansi --- 555+ มองหลายอย่างเนอะ
คุณ นอนดูดาว --- 555+นั่นสิคะ

bloggang
คุณ mooda --- เป็นกำลังใจให้นะคะ เกิดเป็นคนต้องผ่านเรื่องดีและร้ายไปได้ ถ้าใจยังมีหวังค่ะ สู้ๆๆๆๆ (ได้สานต่อแน่นอนค่ะ)



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2555, 14:30:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2555, 14:30:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2057





<< Rose02   Rose04 >>
sai 27 ก.พ. 2555, 15:33:58 น.
แหง่มมมม ช้าไปแล้วเค้าผิดผีกันไปแว้วคร้า


anOO 27 ก.พ. 2555, 17:54:21 น.
โดนผู้ใหญ่ดักทางไว้เรียบร้อย ห้ามผิดผีกันนะ


konhin 27 ก.พ. 2555, 17:54:39 น.
นางเอกไม่โวยวาย พระเอกติดใจตามมาซะงั้น


น้องแสตมป์ 27 ก.พ. 2555, 18:11:23 น.
ผิดผีไปเรียบร้อย รร.สตาสเซีย


pattisa 27 ก.พ. 2555, 19:06:14 น.
อ้าวผิดผีแล้วเหรอ นึกว่าจูบอย่างเดียว 55
ซิเซียน่ารักมากกกกก
แต่แอบไม่ค่อยเข้าใจเหนือ แต่โชคดีมีพื้นฐานอีสาน 55555


ร้อยวจี 27 ก.พ. 2555, 19:56:04 น.
อีกหน่อยก็รักกันชัวร์ ห้าห้า


Auuuu 27 ก.พ. 2555, 20:31:38 น.
ตกลงแค่จูบหรือผิดผีหว่า ชักงง เอิ๊กๆๆๆ
น่ารักอ่าาาาาาาา


ใบบัวน่ารัก 27 ก.พ. 2555, 22:00:20 น.
ถามนิดนะ แลกไออุ่นกันเนี่ย
ถอดเสื้อผ้าแค่ไหนเนีย ผิดผีกันแล้วยังอ่ะ
ก็พอเข้าใจภาษาภาคเหนือนะแต่อยากได้
บรรยายไทยบ้าง เรื่องสนุกแต่อ่านไม่เข้าใจ
ไม่อยากให้เหมือนผีเม้ย นะ ฟังไม่ออก ..


ตุ๊งแช่ 28 ก.พ. 2555, 10:18:30 น.
สตาเซียเสียดุลให้สาวไทยเสียแล้ว อิอิ แต่จะละลายใจสาวกุหลาบได้หรือเปล่านี่สิ


หนอนฮับ 4 มี.ค. 2555, 13:08:39 น.
สาวไทย...เสนห์เพียบ อิอิ เหมือนหนอนไง 55555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account