เพลิงรัก มนต์สวาท
เดี๋ยวมาลงจ้ะ
Tags: มนต์ดำ เสน่ห์ยาแฝด เพียงดาว อัศนัย เพลงพิณ
ตอน: ตอนที่ 11
ตอนที่ 11
“อย่าเข้ามานะ ออกไป” หญิงสาวร้องเสียงดังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อภัยตรงหน้า
เสียงฝีเท้าหนักๆ หลายคู่วิ่งตรงเข้ามายิ่งทำให้สติของเพียงดาวแทบขาดกระเจิดกระเจิงเพราะคิดว่าเป็นพวกของมันตามมาสมทบอีก แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณดาวเป็นยังไงบ้างครับ” อัศนัยพร้อมคนงานเกือบสิบชีวิตอาวุธครบมือวิ่งกรูกันเข้ามาห้อมล้อมไอ้พวกคนร้าย พวกมันวิ่งแตกกระเจิงหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทางเพราะมีจำนวนน้อยกว่า
“ตามมันไปและจับให้ได้” อัศนัยสั่งลูกน้องเสียงขึงขัง เด็ดขาด ใบหน้าเหี้ยมเกรียม จากนั้นคนงานทั้งหมดก็ไล่ตามคนร้ายไป
หญิงสาวปล่อยโห ผวาเข้ากอดเขาแนบแน่น จนชายหนุ่มต้องวางอาวุธลงก่อนจะรั้งร่างบางมากอดแนบอก แต่ในใจกำลังยิ้มเยาะอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
“คุณอั๊ด ช่วยดาวด้วยค่ะ ดาวกลัว พวกมันกำลังจะ..หือๆ” ร่างบางสั่นเทาราวกับลูกนกตกน้ำ
“แถวนี้มันอันตรายมาก มีคดีฆ่าชิงทรัพย์ ฆ่าข่มขืนกันออกบ่อยๆ ทำไมคุณไปไหนมาไหนถึงไม่บอกผม” น้ำเสียงดุ แต่ฝ่ามือของเขาลูบเรือนผมนุ่มของเธอเป็นการปลอบโยน
“ดาวขอโทษค่ะ คราวหลังดาวจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” น้ำตายังไหลไม่หยุด
สมน้ำหน้ายัยตัวแสบ ชายหนุ่มยิ้มเยาะในใจ
แม้อัศนัยจะนึกสงสารแต่ก็อยากสั่งสอนให้เธอได้รับบทเรียนเสียบ้าง
“ถ้าผมมาช้ากว่านี้อีกสักนิดจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม โชคยังดีที่บังเอิญผมออกมาตามหาคุณ และเห็นรถของนายชิดจอดทิ้งอยู่ข้างทาง”
“แล้วคุณชิดเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพียงดาวรู้สึกเป็นห่วงชิดณรงค์
“เขารอดอย่างหวุดหวิด ไม่อยากจะคิดถ้าหากว่าพวกเรามาไม่ทันป่านนี้นายชิดคงไปเฝ้ายมบาลแล้ว”
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของดาวเองค่ะ เพราะดาวดื้อรั้นและเอาแต่ใจ”
“รู้ตัวแล้วเหรอว่าผิด”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ
“ดาวเป็นหนี้ชีวิตคุณ ต่อไปนี้ดาวสัญญาว่าจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวรับคำทั้งที่ยังสะอื้น
“ไม่ต่อล้อต่อเถียง ผมสั่งอะไรก็ต้องทำ ห้ามหือตกลงไหม” เขาจ้องตาเธอ
“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำหนักแน่น
อัศนัยอยากจะหัวเราะดังๆ เขากำราบแม่เสือร้ายให้กลายเป็นแมวเชื่องได้แล้ว คอยดูเขาบ้างแล้วกันจะแกล้งเธอให้หนักกว่านี้โทษฐานที่ทำให้หวานใจของเขาต้องจับไข้
+++++++++++++++++++++++
วันต่อมาภายในไร่องุ่น
“อะไรนะ คุณจะให้ดาวตัดองุ่นพวกนี้คนเดียวทั้งหมดเลยหรือคะ”
เจ้าของไร่หนุ่มพยักหน้า
“ทั้งหมด คนเดียว”
หญิงสาวกวาดตามองไร่องุ่นที่บัดนี้ผลผลิตกำลังออกเป็นพวงระย้า มันแก่จัดจนสามารถตัดไปขายได้แล้วเขาสอนวิธีตัดขั้วองุ่นไม่ให้ช้ำกับเธอ เพียงดาวหัวไวเธอทำได้ แต่จะให้ตัดคนเดียวทั้งหมดนี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร
ทุกๆ วัน เธอเห็นมีคนงานเป็นสิบที่ช่วยกันตัด
“แล้วคนงานของคุณหายไปไหนกันหมดคะ”
อัศนัยถอนหายใจ
“ผมไม่อยากจะพูดหรอกว่าเพราะอะไร หรือจะโทษว่าเป็นความผิดของใครที่ทำให้พวกเขาต้องเจ็บตัว”อัศนัยปรายตามองหญิงสาว
“เพราะฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เพียงดาวทำสีหน้าสงสัย
“เมื่อคืนคนงานที่ไปช่วยคุณ นายต๋องถูกแทง นายแดงถูกยิง ลุงสิงห์ข้อมือหัก นายรักสู้กับคนร้ายพลาดท่าถูกตีหัวแตกเย็บไปยี่สิบเข็ม”
“อะไรนะ! ขนาดนั้นเชียวเหรอไม่น่าเลยเพราะดาวคนเดียวทำให้พวกเขาต้องเจ็บตัว” เธอเชื่อสนิทและโทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่
“แล้วพวกคนงานคนอื่นๆ ของคุณล่ะคะไปไหนกันหมด”
“ท้องเสีย”
“ท้องเสียกันทุกคนเลยเหรอ” หญิงสาวเบิกตากว้าง
“ใช่ครับ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่คนงานทั้งไร่เกิดอาการท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษพร้อมกัน คุณก็รู้คนงานทุกคนกินข้าวจากหม้อเดียวกัน ลูกค้าก็เร่งจะเอาของด้วยถ้าเราตัดองุ่นส่งขายไม่ทันงานนี้ผมคงถูกปรับหนักแน่” เขาถอนหายใจใบหน้าแสดงความวิตกกังวล
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นดาวจะตัดองุ่นให้คุณเอง”
“แน่ใจเหรอว่าคุณจะทำไหว ผมไม่ค่อยมั่นใจนักสาวกรุงผิวบางอย่างคุณจะทำได้ทั้งไร่เลยนะครับ” เขาปรามาสหญิงสาว
“ฉันจะพยายามช่วยคุณตัดให้ได้มากที่สุด” สายตามาดมั่น
หญิงสาวเริ่มลงมือตัดพวงองุ่นตั้งแต่เช้าโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ แม้อากาศยามสายจะเริ่มร้อนขึ้น หญิงสาวปาดเหงื่อนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็รีบทำงานแม้รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เธอจะตัดองุ่นคนเดียวได้หมดแต่เธอก็จะพยายามตัดให้ได้มากที่สุด อัศนัยอ้างว่าเขาจะช่วยตัดอีกแรง แต่คงจะเป็นอีกฝากหนึ่งของไร่ แต่ที่แท้แล้วเขาไปแอบสุ่มยืนดูเธอทำงาน ส่วนคนงานทั้งไร่วันนี้ได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้หนึ่งวันโดยได้รับค่าแรงปกติ
เพียงดาวไม่ได้อู้งานอย่างที่เขาคิด เธอตั้งใจทำงานและทำอย่างดี โดยระวังไม่ให้พวงองุ่นช้ำเพราะจะทำให้เสียราคา
“นี่ผมแกล้งคุณมากเกินไปหรือเปล่าเพียงดาว” อัศนัยกอดอกยกมือกุมคางอย่างใช้ความคิด หลายครั้งที่เขาเห็นเธอหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมแต่แล้วก็รีบทำงานต่ออย่างตั้งใจ
“นายทำอะไรอยู่ ดูลับๆ ล่อๆ”
เสียงนั้นทำให้อัศนัยสะดุ้งและต้องหันกลับไปมอง
“เบาๆ สิ ไอ้ชิด ดูนั่นสิคนงานใหม่ของฉัน หน่วยก้านใช้ได้ไหม”
ชิดณรงค์มองตามภาพคนงานหญิงที่กำลังตัดองุ่นอยู่คนเดียว เขาเพ่งมองอีกครั้งนั้นไม่ใช่คนงาน นั่นมันคุณเพียงดาวกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่กลางแดด
“นายทำอะไรกับคุณดาว ทำไมเธอถึง”
อัศนัยจึงเล่าแผนการทั้งหมดให้ชิดณรงค์ฟัง
สีหน้าของชิดณรงค์บอกบุญไม่รับ
“แกทำเกินไปแล้วไอ้อั๊ด ความผิดของคุณดาวที่แกล้งคุณพิณ มันเทียบไม่ได้เท่ากับที่แกแกล้งเธอ”
“แต่พิณต้องเป็นไข้ไม่สบายก็เพราะผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ แค่นี้มันยังน้อยไป”
“คุณพิณเขาแค่เป็นไข้ แต่คุณดาวเสียขวัญ หากเมื่อคืนนี้คุณดาวเกิดช็อกไปจะทำอย่างไร เรื่องแบบนั้นสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ยิ่งกว่าฆ่ากันทั้งเป็นเสียอีก”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะได้หัดกลัวอะไรเป็นเสียบ้าง และอย่างน้อยเธอคงไม่กล้าแข็งข้อกับฉันอีกนาน” เขาเลิกคิ้วสูง
“นายไม่กลัวคุณดาวรู้เรื่องที่นายแกล้งเธอหรอกเหรอ”
อัศนัยยักไหล่เขาเหยียดยิ้มและชี้ไปที่เพื่อนรัก
“แกไม่พูด ฉันไม่พูด เธอไม่มีวันรู้หรอก”
เจ้าของร่างระหงยังไม่ย่อท้อต่อแสงแดดที่กำลังโลมเลียผิวกายของเธอแม้แต่น้อย สองมือบรรจงตัดองุ่นพวงแล้วพวงเล่าบรรจุลงในตะกร้า เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าและเรือนกาย
สายตาของหญิงสาวพร่าเลือนลงเมื่อมององุ่นพวงถัดไป
“เที่ยงคืนจะตัดเสร็จไหมเนี่ย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเหนื่อยเท่าวันนี้มาก่อนเลย” ร่างบางพยายามทรงตัวแต่มันกลับเซถลาราวกับลูกนกปีกหักกรรไกรร่วงจากมือ
“ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว แกมันไอ้คนใจร้าย หัวใจทมิฬ คุณดาวเขาไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนจะทนได้ยังไง”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ก็เธออาสาฉันเองนี่หว่าฉันไม่ได้บังคับ จะแต่งงานกับชาวไร่ทั้งทีมันก็ต้องทดลองงานกันหน่อย” อัศนัยหัวเราะ
“ไอ้บ้า ทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้ว”
“คุณดาว!”
ชิดณรงค์วิ่งออกจากมุมที่หลบอยู่ในทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวล้มลงที่พื้นดิน แต่ทว่าเขาไปถึงตัวของเธอช้ากว่าอัศนัย
“เพียงดาว” เขาช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอกและรีบพาเธอเข้าไปพักในที่ร่มใต้ต้นไม้ใหญ่
“เป็นยังไงสาแก่ใจแกหรือยัง เขามันสาวชาวกรุงผิวบาง ไม่ได้หนังหนาทนแดดทนฝนเหมือนแกนะ” “ฉันอาจจะทำเกินไปหน่อยก็ได้” อัศนัยรีบล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ใบหน้าเนียนที่กำลังซีด
“ไม่เกินไปหน่อยหรอก แกทำกับคุณดาวมากเกินไป” ชิดณรงค์กระแทกเสียงใส่
“เอาเป็นว่าฉันผิดเอง พอใจหรือยัง”
++++++++++++++++++++
แม่บ้านบิดผ้าขนหนูพอหมาดๆ และเช็ดไล่ไปตามใบหน้าของหญิงสาวจนทั่ว ก่อนจะไล่ต่ำลงไปที่ลำคอขาวผ่อง นางเหลียวมองมาที่เจ้านายหนุ่มก่อนจะยิ้มแปลกๆ
“ป้าแช่ม ทำไมไม่รีบเช็ดตัวให้คุณดาวล่ะครับรีรออะไรอยู่ เร็วสิครับ เผื่อเธอจะฟื้น” สายตาคมกริบยังจ้องอยู่ที่ใบหน้าซีดของหญิงสาวอย่างนึกสงสารขึ้นมา
“จะให้ป้าเช็ดยังไงล่ะคะคุณอั๊ด” นางยิ้มแหยๆ
“ก็เช็ดเหมือนที่เคยเช็ดให้หนูตะวันนั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มเผยอยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกขึ้นได้
“ขอโทษทีครับ ผมลืมไปว่าป้าแช่มต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกก่อน ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปรอข้างนอก”
“ดีค่ะ ป้าจะได้รีบเช็ดตัวให้เธอ”
แต่สองขาของเขายังไม่ยอมก้าวออกไปจากห้องอยู่ดี เมื่อเห็นความต่างระหว่างผิวขาวตัดกับผิวแดงคล้ำที่ถูกแดดโลมเลียบริเวณแขนเสื้อของคนที่นอนสลบ
“ผมใจร้ายกับคุณเกินไปรึเปล่าเพียงดาว”
“คุณอั๊ดคะประตูค่ะ” ป้าแช่มเตือน และนึกขำที่เจ้านายหนุ่มดูจะเป็นห่วงหญิงสาวมากเหลือเกิน
“ครับๆ ขอโทษทีครับ” เขารีบออกจากห้องนึกอายต่อป้าแช่ม
เกือบจะหกโมงเย็น หญิงสาวได้สติแต่ยังรู้สึกหนักหัว เธอพยายามลืมตาขึ้นมาและพบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน ข้างกายมีชายคนหนึ่งนั่งหมอบหลับอยู่ใกล้ๆ
“คุณอั๊ดๆ” หญิงสาวเรียกเบาๆ เพราะลำคอของเธอแห้งผาก แต่เขาไม่ได้ยิน
“คงเป็นคุณที่พาฉันกลับมาที่นี่” หญิงสาวเผลอยิ้มเมื่อพิจารณาเครื่องหน้าของเขาชัดๆ ตั้งแต่เขาช่วยเธอเอาไว้เมื่อคืนแถมยังไม่ได้เอาเรื่องที่เธอแกล้งเพลงพิณทำให้หญิงสาวมองเขาในแง่ดีมากขึ้น
“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณหล่อมาก” มือเรียวเผลอไผลไปแตะที่โหนกแก้มของเขา เธอแค่อยากรู้ว่าผิวของเขาจะนุ่มอย่างที่คิดหรือเปล่า
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เขาเงยหน้าขึ้นถาม
มือเรียวบางชะงักกำลังจะดึงกลับแต่ทว่ากลับถูกยึดเอาไว้ด้วยฝ่ามืออุ่นร้อน
อัศนัยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหมู่นี้เขากลับรู้สึกเฉยชาทางใจกับเพลงพิณไม่เหมือนเช่นแต่ก่อนที่ต้องการเห็นหน้าทุกห้านาทีหรือว่าเขากำลังคิดนอกใจแฟนอัศนัยตั้งคำถามกับตัวเอง
“ฉันขอโทษค่ะ แค่อยากรู้ว่าผิวคุณมันจะนุ่มมือไหม” หญิงสาวตอบไปตามตรง
“แล้วมันนุ่มไหมล่ะครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ แววตาอ่อนโยนไม่เหมือนทุกครั้งที่พบกัน เพราะรู้สึกผิดที่ทำกับเธอเกินไป
“เอ่อ…ฉัน” พวงแก้มขาวเนียนแดงขึ้นทันที
“ถ้าไม่แน่ใจลองจับดูอีกทีก็ได้นะครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ” เธอพยายามดึงมือออกแต่ทว่าเขากลับกดฝ่ามือของเธอทาบทับไปที่ใบหน้าของเขา
ตาสบตามีบางอย่างกำลังเดินทางเข้าสู่หัวใจของคนทั้งคู่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่แล้วทั้งคู่ก็รีบผละออกจากกันเมื่อสาวน้อยร้อยชั่งอย่างตะวันผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงของเพียงดาว
“กำลังจีบกันอยู่หรือคะคุณพ่อคุณแม่” สาวน้อยตาแป๋วยิ้มแฉ่งส่งให้คนทั้งคู่
“ใครสอนให้ลูกพ่อพูดแบบนี้บอกพ่อมาสิ” อัศนัยเร่งสอบสวนลูกสาวเป็นการใหญ่
สาวน้อยตากลมมองไปที่เพียงดาวสลับกับคนเป็นพ่อ
“หนูพูดผิดตรงไหนคะ ก็น้าดาวกำลังจะแต่งงานกับคุณพ่อก็ต้องเป็นคุณแม่ของหนูในอนาคต”
“จริงสินะลูกพูดถูก” อัศนัยอมยิ้มและหันไปสบตากับคนที่นอนอยู่ แต่เพียงดาวหลบสายตาทันที
“วันนี้ไปโรงเรียนมาสนุกไหมจ๊ะตะวัน”
สาวน้อยสั่นศีรษะระรัว
“ทำไมล่ะจ๊ะ” เพียงดาวดึงร่างเล็กเข้ามากอด สายตาแสดงความห่วงใย
สาวน้อยก้มหน้าทำตาปริบๆ
“หนูถูกล้อว่าเป็นเด็กตะกร้า เกิดมาไม่มีแม่” จากนั้นก็ร้องไห้โฮ
“ตายจริง อย่าร้องไห้สิตะวัน”
เพียงดาวรีบเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็กด้วยความรู้สึกสงสารเป็นที่สุด
“ลูกพ่อ” อัศนัยรีบอุ้มตะวันก่อนจะจุมพิตที่หน้าผาก
“ใครบอกว่าลูกของพ่อไม่มีแม่”
“แล้วไหนล่ะคะ แม่ของหนู” สาวน้อยสวนทันควัน
อัศนัยอึกอักเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าแม่ที่แท้จริงของคนช่างพูดในอ้อมกอดเป็นใครกัน
“เห็นไหมตะวันเกิดมาจากตะกร้า หาแม่ไม่ได้จริงๆ ด้วย”
อัศนัยรู้สึกสงสารและเวทนาในชะตาของบุตรสาวบุญธรรม
“ใครว่าไม่มี ก็ผู้หญิงตรงหน้าของลูกยังไงล่ะ” อัศนัยหาทางออก เขาไม่อยากให้ตะวันมีปมด้อย
“จริงไหมครับ” เขาส่งสัญญาณให้เพียงดาวยอมรับแต่โดยดี
เด็กหญิงจ้องตาแป๋วไปที่เพียงดาวอย่างรอคำตอบ
โยนกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ แต่ก็ยอมพยักหน้าเป็นการยอมรับ
“จริงสิจ๊ะ ต่อไปนี้น้าดาวจะเป็นแม่ให้ตะวันเอง” เพียงดาวรู้สึกเขินกับตำแหน่งใหม่ที่ถูกยัดเยียดแต่ก็เอ็นดูสาวน้อยอย่างจับใจ
“จริงๆ นะคะ ไชโยๆ ตะวันหาแม่ได้สำเร็จแล้ว พรุ่งนี้ตะวันจะเอาแม่ดาวไปอวดยัยชูรสที่โรงเรียน”
รับรองยัยชูรสต้องหน้าจ๋อยแน่ๆ เพราะแม่ดาวสาวและก็สวยกว่าแม่ของยัยชูรสจอมหยิ่งเป็นไหนๆ สาวน้อยคิด เด็กหญิงให้รางวัลคนทั้งคู่ด้วยการหอมฟอดใหญ่ ลิ้นเล็กๆ แอบเลียริมฝีปากรูปกระจับนึกถึงลูกอมที่จะได้รับจากบรรดาเพื่อนๆ รวมถึงยัยชูรสคู่ปรับ ที่พนันกันว่าหากใครมีแม่สวยที่สุดในห้องและพาไปโชว์ตัวที่โรงเรียนได้ในวันพรุ่งนี้คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อย่าเข้ามานะ ออกไป” หญิงสาวร้องเสียงดังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อภัยตรงหน้า
เสียงฝีเท้าหนักๆ หลายคู่วิ่งตรงเข้ามายิ่งทำให้สติของเพียงดาวแทบขาดกระเจิดกระเจิงเพราะคิดว่าเป็นพวกของมันตามมาสมทบอีก แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณดาวเป็นยังไงบ้างครับ” อัศนัยพร้อมคนงานเกือบสิบชีวิตอาวุธครบมือวิ่งกรูกันเข้ามาห้อมล้อมไอ้พวกคนร้าย พวกมันวิ่งแตกกระเจิงหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทางเพราะมีจำนวนน้อยกว่า
“ตามมันไปและจับให้ได้” อัศนัยสั่งลูกน้องเสียงขึงขัง เด็ดขาด ใบหน้าเหี้ยมเกรียม จากนั้นคนงานทั้งหมดก็ไล่ตามคนร้ายไป
หญิงสาวปล่อยโห ผวาเข้ากอดเขาแนบแน่น จนชายหนุ่มต้องวางอาวุธลงก่อนจะรั้งร่างบางมากอดแนบอก แต่ในใจกำลังยิ้มเยาะอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
“คุณอั๊ด ช่วยดาวด้วยค่ะ ดาวกลัว พวกมันกำลังจะ..หือๆ” ร่างบางสั่นเทาราวกับลูกนกตกน้ำ
“แถวนี้มันอันตรายมาก มีคดีฆ่าชิงทรัพย์ ฆ่าข่มขืนกันออกบ่อยๆ ทำไมคุณไปไหนมาไหนถึงไม่บอกผม” น้ำเสียงดุ แต่ฝ่ามือของเขาลูบเรือนผมนุ่มของเธอเป็นการปลอบโยน
“ดาวขอโทษค่ะ คราวหลังดาวจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” น้ำตายังไหลไม่หยุด
สมน้ำหน้ายัยตัวแสบ ชายหนุ่มยิ้มเยาะในใจ
แม้อัศนัยจะนึกสงสารแต่ก็อยากสั่งสอนให้เธอได้รับบทเรียนเสียบ้าง
“ถ้าผมมาช้ากว่านี้อีกสักนิดจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม โชคยังดีที่บังเอิญผมออกมาตามหาคุณ และเห็นรถของนายชิดจอดทิ้งอยู่ข้างทาง”
“แล้วคุณชิดเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพียงดาวรู้สึกเป็นห่วงชิดณรงค์
“เขารอดอย่างหวุดหวิด ไม่อยากจะคิดถ้าหากว่าพวกเรามาไม่ทันป่านนี้นายชิดคงไปเฝ้ายมบาลแล้ว”
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของดาวเองค่ะ เพราะดาวดื้อรั้นและเอาแต่ใจ”
“รู้ตัวแล้วเหรอว่าผิด”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ
“ดาวเป็นหนี้ชีวิตคุณ ต่อไปนี้ดาวสัญญาว่าจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวรับคำทั้งที่ยังสะอื้น
“ไม่ต่อล้อต่อเถียง ผมสั่งอะไรก็ต้องทำ ห้ามหือตกลงไหม” เขาจ้องตาเธอ
“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำหนักแน่น
อัศนัยอยากจะหัวเราะดังๆ เขากำราบแม่เสือร้ายให้กลายเป็นแมวเชื่องได้แล้ว คอยดูเขาบ้างแล้วกันจะแกล้งเธอให้หนักกว่านี้โทษฐานที่ทำให้หวานใจของเขาต้องจับไข้
+++++++++++++++++++++++
วันต่อมาภายในไร่องุ่น
“อะไรนะ คุณจะให้ดาวตัดองุ่นพวกนี้คนเดียวทั้งหมดเลยหรือคะ”
เจ้าของไร่หนุ่มพยักหน้า
“ทั้งหมด คนเดียว”
หญิงสาวกวาดตามองไร่องุ่นที่บัดนี้ผลผลิตกำลังออกเป็นพวงระย้า มันแก่จัดจนสามารถตัดไปขายได้แล้วเขาสอนวิธีตัดขั้วองุ่นไม่ให้ช้ำกับเธอ เพียงดาวหัวไวเธอทำได้ แต่จะให้ตัดคนเดียวทั้งหมดนี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร
ทุกๆ วัน เธอเห็นมีคนงานเป็นสิบที่ช่วยกันตัด
“แล้วคนงานของคุณหายไปไหนกันหมดคะ”
อัศนัยถอนหายใจ
“ผมไม่อยากจะพูดหรอกว่าเพราะอะไร หรือจะโทษว่าเป็นความผิดของใครที่ทำให้พวกเขาต้องเจ็บตัว”อัศนัยปรายตามองหญิงสาว
“เพราะฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เพียงดาวทำสีหน้าสงสัย
“เมื่อคืนคนงานที่ไปช่วยคุณ นายต๋องถูกแทง นายแดงถูกยิง ลุงสิงห์ข้อมือหัก นายรักสู้กับคนร้ายพลาดท่าถูกตีหัวแตกเย็บไปยี่สิบเข็ม”
“อะไรนะ! ขนาดนั้นเชียวเหรอไม่น่าเลยเพราะดาวคนเดียวทำให้พวกเขาต้องเจ็บตัว” เธอเชื่อสนิทและโทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่
“แล้วพวกคนงานคนอื่นๆ ของคุณล่ะคะไปไหนกันหมด”
“ท้องเสีย”
“ท้องเสียกันทุกคนเลยเหรอ” หญิงสาวเบิกตากว้าง
“ใช่ครับ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่คนงานทั้งไร่เกิดอาการท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษพร้อมกัน คุณก็รู้คนงานทุกคนกินข้าวจากหม้อเดียวกัน ลูกค้าก็เร่งจะเอาของด้วยถ้าเราตัดองุ่นส่งขายไม่ทันงานนี้ผมคงถูกปรับหนักแน่” เขาถอนหายใจใบหน้าแสดงความวิตกกังวล
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นดาวจะตัดองุ่นให้คุณเอง”
“แน่ใจเหรอว่าคุณจะทำไหว ผมไม่ค่อยมั่นใจนักสาวกรุงผิวบางอย่างคุณจะทำได้ทั้งไร่เลยนะครับ” เขาปรามาสหญิงสาว
“ฉันจะพยายามช่วยคุณตัดให้ได้มากที่สุด” สายตามาดมั่น
หญิงสาวเริ่มลงมือตัดพวงองุ่นตั้งแต่เช้าโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ แม้อากาศยามสายจะเริ่มร้อนขึ้น หญิงสาวปาดเหงื่อนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็รีบทำงานแม้รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เธอจะตัดองุ่นคนเดียวได้หมดแต่เธอก็จะพยายามตัดให้ได้มากที่สุด อัศนัยอ้างว่าเขาจะช่วยตัดอีกแรง แต่คงจะเป็นอีกฝากหนึ่งของไร่ แต่ที่แท้แล้วเขาไปแอบสุ่มยืนดูเธอทำงาน ส่วนคนงานทั้งไร่วันนี้ได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้หนึ่งวันโดยได้รับค่าแรงปกติ
เพียงดาวไม่ได้อู้งานอย่างที่เขาคิด เธอตั้งใจทำงานและทำอย่างดี โดยระวังไม่ให้พวงองุ่นช้ำเพราะจะทำให้เสียราคา
“นี่ผมแกล้งคุณมากเกินไปหรือเปล่าเพียงดาว” อัศนัยกอดอกยกมือกุมคางอย่างใช้ความคิด หลายครั้งที่เขาเห็นเธอหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมแต่แล้วก็รีบทำงานต่ออย่างตั้งใจ
“นายทำอะไรอยู่ ดูลับๆ ล่อๆ”
เสียงนั้นทำให้อัศนัยสะดุ้งและต้องหันกลับไปมอง
“เบาๆ สิ ไอ้ชิด ดูนั่นสิคนงานใหม่ของฉัน หน่วยก้านใช้ได้ไหม”
ชิดณรงค์มองตามภาพคนงานหญิงที่กำลังตัดองุ่นอยู่คนเดียว เขาเพ่งมองอีกครั้งนั้นไม่ใช่คนงาน นั่นมันคุณเพียงดาวกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่กลางแดด
“นายทำอะไรกับคุณดาว ทำไมเธอถึง”
อัศนัยจึงเล่าแผนการทั้งหมดให้ชิดณรงค์ฟัง
สีหน้าของชิดณรงค์บอกบุญไม่รับ
“แกทำเกินไปแล้วไอ้อั๊ด ความผิดของคุณดาวที่แกล้งคุณพิณ มันเทียบไม่ได้เท่ากับที่แกแกล้งเธอ”
“แต่พิณต้องเป็นไข้ไม่สบายก็เพราะผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ แค่นี้มันยังน้อยไป”
“คุณพิณเขาแค่เป็นไข้ แต่คุณดาวเสียขวัญ หากเมื่อคืนนี้คุณดาวเกิดช็อกไปจะทำอย่างไร เรื่องแบบนั้นสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ยิ่งกว่าฆ่ากันทั้งเป็นเสียอีก”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะได้หัดกลัวอะไรเป็นเสียบ้าง และอย่างน้อยเธอคงไม่กล้าแข็งข้อกับฉันอีกนาน” เขาเลิกคิ้วสูง
“นายไม่กลัวคุณดาวรู้เรื่องที่นายแกล้งเธอหรอกเหรอ”
อัศนัยยักไหล่เขาเหยียดยิ้มและชี้ไปที่เพื่อนรัก
“แกไม่พูด ฉันไม่พูด เธอไม่มีวันรู้หรอก”
เจ้าของร่างระหงยังไม่ย่อท้อต่อแสงแดดที่กำลังโลมเลียผิวกายของเธอแม้แต่น้อย สองมือบรรจงตัดองุ่นพวงแล้วพวงเล่าบรรจุลงในตะกร้า เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าและเรือนกาย
สายตาของหญิงสาวพร่าเลือนลงเมื่อมององุ่นพวงถัดไป
“เที่ยงคืนจะตัดเสร็จไหมเนี่ย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเหนื่อยเท่าวันนี้มาก่อนเลย” ร่างบางพยายามทรงตัวแต่มันกลับเซถลาราวกับลูกนกปีกหักกรรไกรร่วงจากมือ
“ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว แกมันไอ้คนใจร้าย หัวใจทมิฬ คุณดาวเขาไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนจะทนได้ยังไง”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ก็เธออาสาฉันเองนี่หว่าฉันไม่ได้บังคับ จะแต่งงานกับชาวไร่ทั้งทีมันก็ต้องทดลองงานกันหน่อย” อัศนัยหัวเราะ
“ไอ้บ้า ทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้ว”
“คุณดาว!”
ชิดณรงค์วิ่งออกจากมุมที่หลบอยู่ในทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวล้มลงที่พื้นดิน แต่ทว่าเขาไปถึงตัวของเธอช้ากว่าอัศนัย
“เพียงดาว” เขาช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอกและรีบพาเธอเข้าไปพักในที่ร่มใต้ต้นไม้ใหญ่
“เป็นยังไงสาแก่ใจแกหรือยัง เขามันสาวชาวกรุงผิวบาง ไม่ได้หนังหนาทนแดดทนฝนเหมือนแกนะ” “ฉันอาจจะทำเกินไปหน่อยก็ได้” อัศนัยรีบล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ใบหน้าเนียนที่กำลังซีด
“ไม่เกินไปหน่อยหรอก แกทำกับคุณดาวมากเกินไป” ชิดณรงค์กระแทกเสียงใส่
“เอาเป็นว่าฉันผิดเอง พอใจหรือยัง”
++++++++++++++++++++
แม่บ้านบิดผ้าขนหนูพอหมาดๆ และเช็ดไล่ไปตามใบหน้าของหญิงสาวจนทั่ว ก่อนจะไล่ต่ำลงไปที่ลำคอขาวผ่อง นางเหลียวมองมาที่เจ้านายหนุ่มก่อนจะยิ้มแปลกๆ
“ป้าแช่ม ทำไมไม่รีบเช็ดตัวให้คุณดาวล่ะครับรีรออะไรอยู่ เร็วสิครับ เผื่อเธอจะฟื้น” สายตาคมกริบยังจ้องอยู่ที่ใบหน้าซีดของหญิงสาวอย่างนึกสงสารขึ้นมา
“จะให้ป้าเช็ดยังไงล่ะคะคุณอั๊ด” นางยิ้มแหยๆ
“ก็เช็ดเหมือนที่เคยเช็ดให้หนูตะวันนั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มเผยอยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกขึ้นได้
“ขอโทษทีครับ ผมลืมไปว่าป้าแช่มต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกก่อน ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปรอข้างนอก”
“ดีค่ะ ป้าจะได้รีบเช็ดตัวให้เธอ”
แต่สองขาของเขายังไม่ยอมก้าวออกไปจากห้องอยู่ดี เมื่อเห็นความต่างระหว่างผิวขาวตัดกับผิวแดงคล้ำที่ถูกแดดโลมเลียบริเวณแขนเสื้อของคนที่นอนสลบ
“ผมใจร้ายกับคุณเกินไปรึเปล่าเพียงดาว”
“คุณอั๊ดคะประตูค่ะ” ป้าแช่มเตือน และนึกขำที่เจ้านายหนุ่มดูจะเป็นห่วงหญิงสาวมากเหลือเกิน
“ครับๆ ขอโทษทีครับ” เขารีบออกจากห้องนึกอายต่อป้าแช่ม
เกือบจะหกโมงเย็น หญิงสาวได้สติแต่ยังรู้สึกหนักหัว เธอพยายามลืมตาขึ้นมาและพบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน ข้างกายมีชายคนหนึ่งนั่งหมอบหลับอยู่ใกล้ๆ
“คุณอั๊ดๆ” หญิงสาวเรียกเบาๆ เพราะลำคอของเธอแห้งผาก แต่เขาไม่ได้ยิน
“คงเป็นคุณที่พาฉันกลับมาที่นี่” หญิงสาวเผลอยิ้มเมื่อพิจารณาเครื่องหน้าของเขาชัดๆ ตั้งแต่เขาช่วยเธอเอาไว้เมื่อคืนแถมยังไม่ได้เอาเรื่องที่เธอแกล้งเพลงพิณทำให้หญิงสาวมองเขาในแง่ดีมากขึ้น
“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณหล่อมาก” มือเรียวเผลอไผลไปแตะที่โหนกแก้มของเขา เธอแค่อยากรู้ว่าผิวของเขาจะนุ่มอย่างที่คิดหรือเปล่า
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เขาเงยหน้าขึ้นถาม
มือเรียวบางชะงักกำลังจะดึงกลับแต่ทว่ากลับถูกยึดเอาไว้ด้วยฝ่ามืออุ่นร้อน
อัศนัยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหมู่นี้เขากลับรู้สึกเฉยชาทางใจกับเพลงพิณไม่เหมือนเช่นแต่ก่อนที่ต้องการเห็นหน้าทุกห้านาทีหรือว่าเขากำลังคิดนอกใจแฟนอัศนัยตั้งคำถามกับตัวเอง
“ฉันขอโทษค่ะ แค่อยากรู้ว่าผิวคุณมันจะนุ่มมือไหม” หญิงสาวตอบไปตามตรง
“แล้วมันนุ่มไหมล่ะครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ แววตาอ่อนโยนไม่เหมือนทุกครั้งที่พบกัน เพราะรู้สึกผิดที่ทำกับเธอเกินไป
“เอ่อ…ฉัน” พวงแก้มขาวเนียนแดงขึ้นทันที
“ถ้าไม่แน่ใจลองจับดูอีกทีก็ได้นะครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ” เธอพยายามดึงมือออกแต่ทว่าเขากลับกดฝ่ามือของเธอทาบทับไปที่ใบหน้าของเขา
ตาสบตามีบางอย่างกำลังเดินทางเข้าสู่หัวใจของคนทั้งคู่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่แล้วทั้งคู่ก็รีบผละออกจากกันเมื่อสาวน้อยร้อยชั่งอย่างตะวันผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงของเพียงดาว
“กำลังจีบกันอยู่หรือคะคุณพ่อคุณแม่” สาวน้อยตาแป๋วยิ้มแฉ่งส่งให้คนทั้งคู่
“ใครสอนให้ลูกพ่อพูดแบบนี้บอกพ่อมาสิ” อัศนัยเร่งสอบสวนลูกสาวเป็นการใหญ่
สาวน้อยตากลมมองไปที่เพียงดาวสลับกับคนเป็นพ่อ
“หนูพูดผิดตรงไหนคะ ก็น้าดาวกำลังจะแต่งงานกับคุณพ่อก็ต้องเป็นคุณแม่ของหนูในอนาคต”
“จริงสินะลูกพูดถูก” อัศนัยอมยิ้มและหันไปสบตากับคนที่นอนอยู่ แต่เพียงดาวหลบสายตาทันที
“วันนี้ไปโรงเรียนมาสนุกไหมจ๊ะตะวัน”
สาวน้อยสั่นศีรษะระรัว
“ทำไมล่ะจ๊ะ” เพียงดาวดึงร่างเล็กเข้ามากอด สายตาแสดงความห่วงใย
สาวน้อยก้มหน้าทำตาปริบๆ
“หนูถูกล้อว่าเป็นเด็กตะกร้า เกิดมาไม่มีแม่” จากนั้นก็ร้องไห้โฮ
“ตายจริง อย่าร้องไห้สิตะวัน”
เพียงดาวรีบเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็กด้วยความรู้สึกสงสารเป็นที่สุด
“ลูกพ่อ” อัศนัยรีบอุ้มตะวันก่อนจะจุมพิตที่หน้าผาก
“ใครบอกว่าลูกของพ่อไม่มีแม่”
“แล้วไหนล่ะคะ แม่ของหนู” สาวน้อยสวนทันควัน
อัศนัยอึกอักเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าแม่ที่แท้จริงของคนช่างพูดในอ้อมกอดเป็นใครกัน
“เห็นไหมตะวันเกิดมาจากตะกร้า หาแม่ไม่ได้จริงๆ ด้วย”
อัศนัยรู้สึกสงสารและเวทนาในชะตาของบุตรสาวบุญธรรม
“ใครว่าไม่มี ก็ผู้หญิงตรงหน้าของลูกยังไงล่ะ” อัศนัยหาทางออก เขาไม่อยากให้ตะวันมีปมด้อย
“จริงไหมครับ” เขาส่งสัญญาณให้เพียงดาวยอมรับแต่โดยดี
เด็กหญิงจ้องตาแป๋วไปที่เพียงดาวอย่างรอคำตอบ
โยนกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ แต่ก็ยอมพยักหน้าเป็นการยอมรับ
“จริงสิจ๊ะ ต่อไปนี้น้าดาวจะเป็นแม่ให้ตะวันเอง” เพียงดาวรู้สึกเขินกับตำแหน่งใหม่ที่ถูกยัดเยียดแต่ก็เอ็นดูสาวน้อยอย่างจับใจ
“จริงๆ นะคะ ไชโยๆ ตะวันหาแม่ได้สำเร็จแล้ว พรุ่งนี้ตะวันจะเอาแม่ดาวไปอวดยัยชูรสที่โรงเรียน”
รับรองยัยชูรสต้องหน้าจ๋อยแน่ๆ เพราะแม่ดาวสาวและก็สวยกว่าแม่ของยัยชูรสจอมหยิ่งเป็นไหนๆ สาวน้อยคิด เด็กหญิงให้รางวัลคนทั้งคู่ด้วยการหอมฟอดใหญ่ ลิ้นเล็กๆ แอบเลียริมฝีปากรูปกระจับนึกถึงลูกอมที่จะได้รับจากบรรดาเพื่อนๆ รวมถึงยัยชูรสคู่ปรับ ที่พนันกันว่าหากใครมีแม่สวยที่สุดในห้องและพาไปโชว์ตัวที่โรงเรียนได้ในวันพรุ่งนี้คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.พ. 2555, 11:06:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.พ. 2555, 11:06:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 7142
<< ตอนที่ 10 | ตอนที่ 15 >> |

อัปสรา 29 ก.พ. 2555, 11:17:34 น.
สวัสดีค่ะ ได้อ่านทุกเม้นต์ขอบคุณนักอ่าน-นักเขียนทุกท่าน แต่ไม่ค่อยมีเวลามาตอบค่ะเพราะงานประจำของตัวเองก็ยุ่งค่ะ ไม่ว่ากันนะคะ
สวัสดีค่ะ ได้อ่านทุกเม้นต์ขอบคุณนักอ่าน-นักเขียนทุกท่าน แต่ไม่ค่อยมีเวลามาตอบค่ะเพราะงานประจำของตัวเองก็ยุ่งค่ะ ไม่ว่ากันนะคะ

Zephyr 29 ก.พ. 2555, 11:19:10 น.
น่านไงตาอั๊ด แผนแตกเมื่อไรจะรอซ้ำๆๆๆๆๆเอาให้ช้ำในตายเลย คอยดู มาแกล้งดาวที่น่ารักได้ยังไง
นายชิดณรงค์ก็ดูเป็นคนดีนี่คะ รู้ว่าถ้าผู้หญิงถูกทำยังงั้นจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่....(ฮ่าๆๆ คุณอัปสรารู้ใช่มั้ยคะ ว่าตะเขียนอะไร เรารู้กัน เนอะๆๆ)
ตะวันนี่ติดเจ้าเล่ห์จากพ่ออั๊ดใช่มั้ย สอนให้ลูกนิสัยเสีย พ่ออะไร ฮี
น่านไงตาอั๊ด แผนแตกเมื่อไรจะรอซ้ำๆๆๆๆๆเอาให้ช้ำในตายเลย คอยดู มาแกล้งดาวที่น่ารักได้ยังไง
นายชิดณรงค์ก็ดูเป็นคนดีนี่คะ รู้ว่าถ้าผู้หญิงถูกทำยังงั้นจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่....(ฮ่าๆๆ คุณอัปสรารู้ใช่มั้ยคะ ว่าตะเขียนอะไร เรารู้กัน เนอะๆๆ)
ตะวันนี่ติดเจ้าเล่ห์จากพ่ออั๊ดใช่มั้ย สอนให้ลูกนิสัยเสีย พ่ออะไร ฮี