รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง

รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด

ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง

ตอน: ตอนที่ 13

พนักงานในบริษัทคำโภคาพากันทักทายอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าอวิกาซึ่งเพิ่งจะประสบอุบัติเหตุและกลับมาพักฟื้นได้เพียงไม่กี่วันเดินทางมาทำงานแล้ว แม้หัวหน้างานโดยตรงของเลขานุการสาวจะเรียกเข้าไปสอบถามความแน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายแต่เธอก็ยืนยันว่าเป็นปกติดี หลังจากนั้นก็รับงานต่อจากเลขานุการผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่มาช่วยรับงานในช่วงที่เธอลาพักไป

“ก็มีเท่านี้แหละ เพชร นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วนะ”

“ขอบคุณค่ะพี่น้ำ”

“ว่าแต่เพชรหายดีแล้วแน่นะ”

หญิงสาวผิวน้ำผึ้งหัวเราะ “วันนี้เพชรฟังคำถามนี้จนเบื่อแล้วนะคะพี่น้ำ เพชรสบายดีแล้ว แล้วก็เบื่อ อยากทำงานแล้วค่ะ”

เลขานุการสาวรุ่นพี่พยักหน้าคล้ายยอมรับในความคิดหากไม่วายจับจ้องที่ใบหน้าของรุ่นน้อง

“พี่น้ำว่าเพชรแต่งหน้าแปลกไปนะ ปกติแต่งอ่อนกว่านี้นิดหน่อย พยายามกลบสีหน้าไม่ปกติรึเปล่า”

“เพชรอยากให้ทุกคนเห็นว่าเพชรสดชื่น สบายดีแล้วเท่านั้นแหละค่ะ พี่น้ำไม่ต้องห่วง” หญิงสาวว่าน้ำเสียงชักห้วนลงเล็กน้อย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเพชรขอทำงานนะคะ พี่น้ำเองก็คงต้องกลับไปทำงานเหมือนกัน”

เมื่อได้อยู่เพียงลำพังใบหน้าของหญิงสาวผิวน้ำผึ้งก็บึ้งตึงขึ้นมาเล็กน้อย...เป็นห่วงกันจังนะ ก็อีแค่งานเลขานุการ ฉันทำมาไม่รู้เท่าไหร่ ไม่เห็นจะหนักหนาอะไรสักนิด

จะว่าไปแล้วเรื่องการทำงานไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่ยึดครองร่างของอวิกาอยู่ หากแต่เป็นเรื่องผู้คนในสถานที่ทำงานต่างหากที่เธอเป็นกังวล ลำพังพวกผู้บริหารของบริษัทเธอก็เรียกชื่อตามที่ได้เห็นจากรายงานการประชุม ป้ายชื่อหน้าห้องได้ แต่กับเพื่อนร่วมงานนั้นตอนแรกหญิงสาวก็นึกกังวลแต่เป็นโชคดีของเธอที่เลขานุการรุ่นพี่แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นดังนั้นเธอจึงสามารถผ่านเช้าวันแรกของการกลับมาทำงานได้อย่างไม่มีใครคลางแคลงสงสัยอะไร

ความพยายามในการเป็นอวิกา ไม่ใช่เรื่องยากลำบากและยิ่งทำให้เธอได้มีโอกาสที่จะได้รับความรักจากชนวิท...ทำไมเธอจะทำเรื่องแค่นี้ไม่ได้เล่า มากมายหนักหนากว่านี้ก็ยังทำมาแล้วด้วยซ้ำ

เครื่องมือสื่อสารส่งเสียงสัญญาณบอกว่ามีข้อความเข้ามาถึง และเมื่อเธอยกขึ้นอ่านหญิงสาวก็ยิ้มกว้าง มื้อกลางวันวันนี้เธอจะไม่ต้องทำแค่แอบมองชนวิทนั่งอยู่กับหญิงสาวคนอื่นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป



วันธรรมดาในย่านการค้าใจกลางเมืองผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าวันหยุด หากร้านเสื้อของวงศ์วรัณยังคงมีลูกค้าทั้งปลีกและส่งทยอยเข้ามาเป็นระยะ ธุรกิจการค้าส่งเสื้อยืดสกรีนลายเริ่มจะไปได้ดี วันนี้มีลูกค้าซึ่งเป็นร้านเสื้อจากห้างสรรพสินค้าย่านชานเมืองมานั่งเลือกลายจากเครื่องคอมพิวเตอร์ วงศ์วรัณแก้ไขงานผ่านเครื่องกราฟฟิคแท็บเล็ตจนลูกค้าพอใจและส่งต่อให้ลูกจ้างในร้านดูแลเรื่องของจำนวนการสั่งผลิตและการวางเงินมัดจำสินค้า

เขารับหน้าที่เดินไปส่งลูกค้าที่หน้าร้าน กำลังจะหันหลังกลับไปเปิดประตูเสียงเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ว่าน”

“อ้าว...เจี๊ยบ มาได้ไง”

“วันนี้หยุด ก็เลยมาเดินเล่น”

จริณพรเอ่ยตอบยิ้ม ๆ หญิงสาวทำงานในร้านออกแบบและขายกระเป๋าในศูนย์การค้าใหญ่ไม่ไกลจากร้านของวงศ์วรัณนักและเคยแวะมาเยี่ยมเยียนเขาที่ร้านหลายหน

“จะชวนไปกินข้าวกลางวันด้วย กินอะไรรึยังล่ะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “แต่วันนี้หุ้นส่วนเบี้ยวหมดไม่มีใครเข้าเลย เดี๋ยวขอสั่งงานลูกจ้างเอาไว้หน่อยก็แล้วกันนะ”

“อือ”

หญิงสาวรับคำในลำคอขณะที่เดินตามเขาเข้ามาภายในตัวร้าน เดินดูเสื้อผ้าภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดย่อมนั้นขณะที่วงศ์วรัณเดินไปสั่งงานพนักงานขาย ไม่นานก็เดินมาสมทบ

“เป็นไงบ้าง”

“สวยดี ลายนี้...ว่านออกแบบใช่ไหมล่ะ”

“รู้ได้ไง”

“ก็...ดูจากลาย การใช้สี ไม่รู้สิ ตอนเรียนหนังสือ ว่านก็ชอบเขียนลาย ใช้สีประมาณนี้นะ” จริณพรว่าก่อนปลดไม้แขวนเสื้อยืดเข้ารูปสำหรับผู้หญิงลงสีด้วยมือตัวนั้นออกจากราว “ขออุดหนุนว่านหน่อยก็แล้วกันนะ ไม่ได้มานานแล้ว”

“ไม่เป็นไร...ถ้าเจี๊ยบชอบ เราให้ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก”

“ได้ยังไงล่ะ ของซื้อของขาย ตัวนี้วาดมือด้วย”

จริณพรไม่ฟังคำเดินนำเสื้อไปวางให้พนักงานขายใส่ถุง ชำระเงินแล้วเดินกลับมาหาชายหนุ่มที่ยืนมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“เอางี้...ว่านเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน ดีไหม มีร้านนึงอยากไปลองกินมานานแล้วไม่มีโอกาสสักที วันนี้ได้เจ้าภาพ”

“โห”

“เราไม่กินเยอะหรอก แหม...รับรองว่าไม่ล้มทับแน่ ๆ เดี๋ยวเราไปรถไฟฟ้ากันนะร้านที่จะชวนไปกินเขาไม่ค่อยมีที่จอด ไปตอนนี้รถติดด้วย”

วงศ์วรัณยิ้มเก้อยกมือขึ้นเกาท้ายทอย ขณะที่หญิงสาวที่ยืนตรงหน้านั้นยิ้มกับอาการที่คุ้นชินมานานของเพื่อนชายคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่เรียนศิลปกรรมมาด้วยกัน

ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาไปรอบ ๆ ร้านอย่างลังเลก่อนที่จะเดินนำจริณพรออกไป คล้อยหลังเพียงไม่นานนักร่างของสลิลา คิ้วของหญิงสาวขมวดเมื่อไม่พบวงศ์วรัณ



ร้านอาหารไทยย่านธุรกิจที่จริณพรชวนวงศ์วรัณมารับประทานมื้อกลางวันนั้นเป็นร้านในอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ตกแต่งสวยงามจึงมีลูกค้าที่เป็นพนักงานของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ในละแวกนั้นมาอุดหนุนหนาตาในช่วงเวลาพักกลางวัน

“ร้านนี้ ถึงลูกค้าจะเยอะแต่เขาทำอาหารเร็ว เคยมากินกับเพื่อน ๆ ที่ทำงาน อาหารไทยรสชาติไม่จัด ว่านน่าจะชอบนะ” จริณพรเอ่ยขณะที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้บุนวม “ปลากะพงทอดน้ำปลาอร่อยมากเลยนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำขณะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามหากสายตานั้นมองเข้าไปทางด้านในของร้าน หญิงสาวเหมือนจะสังเกตเห็นจึงหันหลังไปมอง

“ใครน่ะ ว่านรู้จักด้วยเหรอ”

“คุณเพชรน่ะ”

“คุณเพชร ใครนะ”

“ก็คู่กรณีของฝนไง”
วงศ์วรัณเอ่ยตอบอย่างแปลกใจและจริณพรก็ดูจะสงสัยไม่แพ้กัน เธอค่อย ๆ หันไปมองหญิงสาวกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในอีกครั้งก่อนหันมาถาม

“หายดีแล้วเหรอ มาทำงานแล้ว”

“ก็คงอย่างนั้นมั้ง”

“แล้วฝนล่ะเป็นยังไงบ้าง ว่านได้ไปเยี่ยมบ้างไหม ไปทำงานได้รึยังก็ไม่รู้”

“เอ่อ...พักนี้เราไม่ค่อยว่างน่ะ ฝนเค้าคงอยากพักผ่อนด้วยมั้ง” ชายหนุ่มเอ่ยตอบไม่ตรงตามความเป็นจริงนักเพราะจะว่าไปแล้วเขาไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมสลิลา เธอผลุบโผล่มาที่ห้องเขาทุกวันอยู่แล้ว “พักนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่”

หญิงสาวที่ได้ฟังคำตอบยกสมุดรายการอาหารขึ้นพลางบอกให้เขาดูว่าอยากจะสั่งอะไรบ้างนอกจากปลากะพงทอดน้ำปลาที่เธอแนะนำไป ลดสมุดรายการลงลอบสังเกตสีหน้าของวงศ์วรัณขณะที่ขมวดคิ้วอ่านรายการอาหารในเล่ม

ท่าทางของชายหนุ่มทำให้จริณพรลอบยิ้มได้เสมอมา และหญิงสาวยิ่งรู้สึกว่ายิ้มได้กว้างขึ้นเมื่อได้รู้ว่าพักนี้วงศ์วรัณค่อนข้างห่างกับสลิลาแล้ว ไม่ทันสังเกตว่าสายตาของชายหนุ่มนั้นมักจะเลื่อนมองไปทางด้านในร้านจับตาคู่กรณีของสลิลาด้วยความสงสัยใคร่รู้



หญิงสาวที่เป็นเป้าสายตาของวงศ์วรัณนั้นจดจำเขาได้ทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้หญิงที่เธอไม่เคยพบมาก่อนเช่นกัน ในใจนั้นนึกเคืองที่จะต้องมาพบเจอกับคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนั้นอีก ยิ่งเขากับเพื่อนซึ่งเป็นคู่กรณีในอุบัติเหตุของเธอทำท่าทางแปลก ๆ ตอนมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล เหมือนอยากรู้อยากเห็นอะไรด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอขัดเคืองใจ

มาตอนนี้หญิงสาวในร่างอวิกาก็ยังคงเห็นว่านายคนนั้นกำลังจับตามองเธอเป็นระยะ ทั้งยังทำเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ชนวิทซึ่งสั่งอาหารเสร็จและส่งรายการอาการคืนให้พนักงานเหมือนจะสังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม

“มีอะไรครับเพชร ผมเห็นเพชรมองไปทางนั้นหลายหนแล้ว”

“ไม่มีอะไรคะ เพชรแค่สงสัยว่าผู้ชายคนนั้นเขามองเพชรแปลก ๆ เท่านั้นเอง”

คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะทันที หญิงสาวไม่แม้แต่จะพยายามท้วงเอาไว้หากเดินตามไปช้า ๆ อย่างอยากรู้เช่นกันว่าชนวิทจะปกป้อง ‘ผู้หญิงคนนี้’ แค่ไหน

“ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”

“เอ่อ...ปละ...เปล่าครับ”

“คือแฟนผมเขาเห็นว่าคุณมองเขาแปลก ๆ จริงรึเปล่าครับ” ชนวิทเอ่ยพลางมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย “คุณก็มากับแฟน ไม่คิดเหรอครับว่ามองแฟนคนอื่นแบบนี้มันไม่ดี”

“ฉันว่าคงเข้าใจผิดกันแล้วล่ะค่ะ” คนที่เอ่ยขึ้นก่อนกลับเป็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วย “คือ...ว่าน เพื่อนฉัน เขาจำแฟนคุณได้น่ะค่ะ”

“จำแฟนผมได้?”

ดูเหมือนชนวิทจะจำวงศ์วรัณไม่ได้จริง ๆ

“คือ ผมเป็นเพื่อนกับฝนน่ะครับ คนที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมกับคุณเพชร พอดีเห็นคุณเพชรแล้วผมแปลกใจนิดหน่อยว่าเธอหายดีแล้วเหรอ เห็นแต่งตัวเหมือนมาทำงานแล้ว ขอโทษนะครับที่ทำให้เข้าใจผิดกัน”

“อ๋อ...คุณนี่เอง”

แววระลึกได้ปรากฏในดวงตาของอวิกา ทำให้วงศ์วรัณเองก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะดูเหมือนเธอก็มองตอบสายตาเขาแบบระลึกได้อยู่หลายครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นคงจะเข้าใจผิดกันมากกว่าค่ะพี่ชน เพชรเองก็เพิ่งจะนึกออกว่าเคยเจอคุณคนนี้ที่ไหน เรากลับไปที่โต๊ะกันเถอะนะคะ คนมองใหญ่แล้ว”

หญิงสาวเอ่ยพลางคล้องแขนชนวิทเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง จริณพรมองตามแล้วถอนใจอย่างโล่งอกเสนอตัวเปลี่ยนที่นั่งกับวงศ์วรัณเพื่อตัดปัญหา



ชนวิทเองก็สลับที่นั่งกับอวิกาเพราะไม่ต้องการให้ผู้ชายอื่นมามองคนรักของตนแปลก ๆ ‘คนรัก’ คำคำนี้สำหรับเขาแล้วถือเป็นเหมือนกับสมบัติ...สิ่งของที่เขายึดถือเอาไว้และไม่ต้องการให้ใครมาข้องแวะ

หญิงสาวตรงหน้า ‘ต่าง’ จากผู้หญิงคนก่อน ๆ ของเขา เธออ่อนหวาน ช่างเอาใจ ไม่เอาแต่ใจกระเง้ากระงอดเรียกร้องจะเอาโน่นเอานี่ เหมาะที่เขาจะ ‘จริงจัง’ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

อาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ เขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษตักอาหารให้เธอขณะที่หญิงสาวเองก็เอาใจตักอาหารที่อยู่ใกล้ตัวเองมากกว่าให้ และมองสบสายตาเขาลึกซึ้ง อาจจะดูลึกซึ้งกว่าที่เคยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่หลังประสบอุบัติเหตุเขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอวิกา หากเป็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เขาพึงพอใจ หญิงสาวยังคงอ่อนหวานเช่นเดิม หากดูเหมือนเธอจะรู้จักเพิ่มเติมบางอย่างในท่าที มันดูออดอ้อน เย้ายวนใจขึ้น และทำให้ชายหนุ่มรู้สึกลิงโลด ดูอย่างตอนที่เธอควงแขนเขากลับมานั่งที่โต๊ะทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ ทั้งยังไล้นิ้วเบา ๆ กระตุ้นให้เขารู้สึกสุขใจอย่างประหลาด

จริงอยู่เขาอยากคิดจริงจังกับอวิกา หากแต่จะได้เชยชมความอ่อนหวานละมุนลึกซึ้งอย่างที่เคยได้รับจากคนอื่นบ้าง ชายหนุ่มก็ไม่รังเกียจ

“เย็นนี้เพชรต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านรึเปล่าครับ”

“พี่ชนจะชวนเพชรไปไหนล่ะคะ ถ้าสำหรับพี่ชน...เดี๋ยวเพชรบอกที่บ้านได้ค่ะ”

“เพชรหายดีทั้งที ผมก็อยากจะหาร้านดี ๆ กินมื้อเย็น ฟังเพลง คุยกัน”

“ไม่ดึกมากใช่ไหมค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง”

“ไม่ดึกหรอกครับ ผมก็ไม่เคยพาเพชรกลับบ้านเกินสี่ทุ่มสักครั้ง”

หญิงในร่างอวิกายิ้ม...หากเป็นยิ้มที่มาพร้อมกับการนึกหยันอยู่ในใจ

มิน่าล่ะ...แม่นี่ถึงได้ดูมีคุณค่านัก เพราะยังไม่ได้ตัวนี่เองล่ะมั้ง กับเธออยู่ด้วยกันทั้งคืน ป้อนความสุขให้กันและกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เจ้าเล่ห์นักนะแม่อวิกา รู้จักเล่นตัว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเล่นบทเธอต่อไปอีกสักพักก็แล้วกัน ดูสิว่า พี่ชนจะอยากได้ตัวเธอจนคลั่งตายต่อหน้าต่อหน้ารึเปล่า



วงศ์วรัณต้องพยายามระงับใจตัวเองไม่ให้หันไปมองทางชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งลึกเข้าไปภายในอาคารพาณิชย์อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารนั้น ฝืนยิ้มและพยายามฟังหัวข้อการสนทนาที่จริณพรหยิบยกมาเล่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องภาพยนตร์ต่างประเทศนอกกระแสที่เขาเองก็ชอบที่จะหาเวลาว่างซื้อหาแผ่นหรือตีตั๋วเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ที่เน้นฉายหนังแนวนี้

การที่ได้พูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ตนสนใจ ช่วยชายหนุ่มได้ไม่น้อย เขายังคงห่วงเรื่องร่างของอวิกาที่ถูกยึดครองโดยคนอื่น ซึ่งหมายความว่าสลิลาอาจจะไม่มีร่างอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน หรือกระทั่ง...

“อาหารไม่ถูกปากเหรอว่าน”

“อะไรนะเจี๊ยบ”

“อาหารไม่ถูกปากเหรอ เห็นว่านเหมือนใจลอย ๆ หรือว่าเบื่อคุยเรื่องหนังกับเรา”

วงศ์วรัณค่อยได้สติสังเกตเห็นว่าจริณพรหน้าเสียไปเล็กน้อย เขาฝืนยิ้มให้หญิงสาวอีกครั้งหากครั้งนี้ใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อไม่ให้เธอเห็นว่าตนมีเรื่องกังวลในใจ

เมื่อคิดว่าตนมีส่วนทำให้เพื่อนรู้สึกไม่ค่อยดี ขากลับชายหนุ่มจึงยอมไปนั่งรับประทานไอศครีมในร้านใกล้กับร้านเสื้อของเขาที่หญิงสาวชักชวนโดยเสนอตัวเป็นผู้ออกเงินค่าอาหาร หญิงสาวทำท่าจะเดินตามเขาไปที่ร้านแต่แล้วก็เอ่ยถามขึ้น

“จริงสิ แล้วว่านมีนัดลูกค้าหรือว่าต้องเคลียร์บัญชีอะไรที่ร้านรึเปล่า เราจะได้ไม่กวน”

“ก็นิดหน่อย”

เขาปด ต้องการแยกตัวจากจริณพรเพราะยังไม่พบสลิลามาทั้งวัน ไม่รู้ความคืบหน้าหรือจะพูดให้ถูกคือความไม่คืบหน้าของสถานการณ์ นอกเหนือไปจากที่ว่าพารินธรพี่ชายของสลิลารับรู้เรื่องราวพิสดารที่เกิดขึ้นแล้วเพิ่มขึ้นอีกคน

“ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้ก็ได้นะ ขอบคุณนะที่ว่านไปกินข้าวเป็นเพื่อน เราหยุดวันธรรมดาไม่ตรงกับวันหยุดใครเขา หาเพื่อนไปไหนมาไหนลำบาก นึกถึงว่านได้นี่แหละ”

“ไม่เป็นไรหรอกก็เราเป็นเพื่อนกันนี่”

หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเหมือนขยับจะพูดอะไรแต่แล้วเปลี่ยนใจ เพียงโบกมือให้แล้วหันหลังเดินกลับไปอีกทางหนึ่ง ใจที่จดจ่ออยู่แต่กับสลิลาลากวงศ์วรัณให้จ้ำอ้าวกลับไปที่ร้านแทบจะทันที

พนักงานร้านเงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูนที่อ่านอยู่ แทบจะโยนมันลงกับพื้นเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หนึ่งในนายจ้างก็ก้าวพรวดเข้าไปในร้าน แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอาการนั้น เพียงแต่มองซ้ายมองขวา ก่อนจะหันหลังกลับไปที่ประตู

“เฮ้ย!”

ทางเดินหน้าประตูร้านที่เขาเพิ่งจะก้าวผ่านเข้ามาโดยไม่มีใครยืนอยู่ตรงหน้า ปรากฏภาพหญิงสาวผิวขาว ดวงตาสีน้ำตาลคมโต มีแววขุ่นเคืองเล็กน้อย

“คะ คุณว่าน มีอะไรคะ”

เสียงพนักงานสาวของร้านเรียกให้เขาหันไปยิ้มแหย “ไม่มีอะไร ตกใจเมื่อกี้เหมือนเห็นแมงสาบน่ะ วิ่งผ่านไปปรู้ดนึง ยังไงดูแลความสะอาดให้ดีด้วยล่ะ เดี๋ยวลูกค้าจะว่าเอา”

“ตัวโตยังกะอะไร โกหกไปได้ว่าร้องตกใจเพราะแมงสาบ แล้วนี่ไปไหนมา เช้านี้แวะมาหาตั้งหลายรอบแล้วนะ รถก็จอดอยู่”

วงศ์วรัณหันมายิ้มแห้งให้กับ...ลูกค้าที่เปิดประตูร้านเดินผ่านร่างของสลิลาเข้ามาพอดี เขาเอ่ยต้อนรับลูกค้าหนุ่มสาวคู่นั้นแล้วเดินออกจากร้านตามการกวักเรียกของหญิงสาวที่มีเพียงเขาที่มองเห็น รู้ตัวว่าเขาคงต้องเดินหาที่เงียบสงบเป็นส่วนตัวสักที่เพื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ที่ได้ไปเจอมาที่ร้านอาหารให้สลิลาได้รับรู้

พื้นที่สงบในย่านการค้าเนี่ยน่ะ

เขาหันกลับไปผลักประตูร้าน เอ่ยบอกกับพนักงานทันที

“วันนี้พี่ไม่เข้าร้านแล้วนะ จะกลับบ้านเลย ฝากบอกพี่คนอื่นด้วยก็แล้วกัน”

“ดี...เพราะนายต้องตอบคำถามฉันให้ชัด ๆ ว่าไปไหนไปทำอะไรยังไงมา ไม่อย่างนั้นล่ะน่าดู”

วงศ์วรัณหน้าแหยขึ้นมาทันทีหากยังทำใจดีสู้เสือก้าวเท้าจนไปถึงรถยนต์ที่จอดเอาไว้ที่ลานไม่ไกลจากร้านมากนัก


ค่ำนั้นวงศ์วรัณเลยกลายเป็นแขกรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของสลิลา โดยมีอวิกาในร่างของสลิลาลงมือทำอาหารเย็นให้ คนที่มีร่างทั้งสามรวมกับคนที่ไม่มีร่างอีกหนึ่งต่างถกกันเครียดถึงความพยายามในการยึดครองร่างของอวิกาโดยคนที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร

“ทำไงล่ะพี่เมฆ...ทีนี้ ท่าทางคุณเพชรคงไม่ได้กลับคืนร่างแน่ ๆ ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นไม่ยอมออกมากจากร่าง” หญิงสาวที่ไร้ร่างว่า “แล้วน้องสาวพี่เมฆก็จะเป็นวิญญาณไร้ร่างตลอดไป”

“เอ่อ...เรียกตัวเองว่าดวงจิตก็ได้มั้งฝน” ชายหนุ่มผู้เป็นแขกเอ่ยขึ้น “ฝนไม่ชอบให้ใครเรียกว่า...”

“โอ๊ย...ช่างมันเถอะ ตอนนี้จะเรียกอะไรก็เหมือนกันทั้งนั้น ฉันก็กลายเป็นวิญญาณล่องลอยเหมือนกันนั่นแหละ”

“ยังไงเราก็ยังไม่รู้วิธีการที่จะถอดร่าง ถอดจิต ถอดวิญญาณอยู่ดีไม่ใช่เหรอยัยฝน” พารินธรเอ่ยขึ้น “อย่าโวยวายไปเลย หรือว่าจะลองให้คุณเพชรไปวัด ทำสมาธิ พี่เคยได้ยินเหมือนกันนะ พวกที่ถอดจิตได้เพราะสมาธิน่ะ”

“แล้วถ้าเกิดคุณเพชรออกจากร่างแล้ว ฝนกลับเข้าร่างได้ คุณเพชรจะเป็นยังไงล่ะครับพี่เมฆ”

คนแนะนำนิ่งงันไป ก่อนตอบ “กว่าจะทำได้ถึงขั้นนั้นคงต้องใช้เวลา พี่ว่าการนั่งสมาธิจนสามารถที่จะดึงจิตออกจากกายได้มันคงไม่ได้ทำได้ในไม่กี่วันหรอกมั้ง”

อวิกาในร่างของสลิลานิ่งอยู่นานก่อนจะเอ่ยอย่างหนักแน่น

“ถ้าทำอย่างนั้นได้จริง ฉันก็ยินดีค่ะ อย่างน้อยคุณฝนจะได้กลับเข้าร่างของตัวเอง ส่วนฉัน...”

หญิงสาวไม่กล้าพูดต่อและไม่มีใครในที่นั้นกล้าที่จะเอ่ยต่อประโยคของเธอเช่นกัน



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2555, 21:17:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2555, 21:17:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1992





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 14 >>
กมลภัทร 8 มี.ค. 2555, 21:22:07 น.
ของขวัญ >>>> อาจจะเรียกได้ว่ารู้จักมั้งครับ ^^

wane >>>> ขอเช็คอีกที แต่คำว่าชงน่าจะใช้ได้กับบะหมี่ถ้วยนะครับ จะเรียกว่าลวกก็ไม่ใช่ ต้มก็ไม่เชิง กดน้ำร้อนใส่แล้วคน ๆ

pseudolife >>>> มีไม้โทแถมให้ อิอิ

lovemauy >>>> ^^! เหงื่อตกแทนพี่เมฆ

panon >>>> จะว่าเริ่มก็ไม่เชิงนะครับ

XaWarZd >>>> ลองตามต่อนะครับ จริง ๆ เรื่องไม่หวือหวามากเท่าไหร่ ไปเรื่อย ๆ ครับ

เพียงพลอย >>>> รอดูกันไปว่าพี่เมฆจะทำไง

น้องอุด้ง >>>> ตั้งใจเขียนพี่เมฆให้เป็นผู้ชายธรรมด๊า ธรรมดา แต่ว่าหยุดเป็นอ่ะครับ ^^



ของขวัญ 8 มี.ค. 2555, 21:44:09 น.
กำลังลุ้นเลยค่ะ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ตัดจบตอนซะงั้น
เอาตอนต่อไปมาลงเร็วๆนะคะ


นกอุมาพร 9 มี.ค. 2555, 00:10:01 น.
คิดไม่ออก ถ้าเจอเรื่อง ยุ่ง ๆ อย่างนี้


มะกัน 9 มี.ค. 2555, 03:35:47 น.
หมั่นไส้ ยัยผีในร่างเอมวิกาจังอ่าาาาา ปรึกษาหมอผีด่วนนน


wane 9 มี.ค. 2555, 04:04:34 น.
ฝนหึงนายว่านแบบไม่รู้ตัวเหรอเนี่ย ...

ปล. มันต้องเป็น "แมลงสาบ" หรือป่าวค่ะ


panon 9 มี.ค. 2555, 10:42:12 น.
ทำไงดีเนี่ยยยยยยยย


XaWarZd 9 มี.ค. 2555, 10:59:20 น.
ความจริงเริ่มแง้มมาทีละนิด ลุ้นต่อไปว่าพี่เมฆจะมีลุ้นเล็ก ๆหรือไม่


lovemuay 9 มี.ค. 2555, 20:16:19 น.
ว่าแล้วเชียว หมอนั่นไม่ใช่คนดี ยังดีนะที่ยัยผีคิดจะเล่นตัว ไม่งั้นหล่ะแย่แน่เลย -*-


pseudolife 9 มี.ค. 2555, 23:25:50 น.
รอลุ้นต่อจ้า


เพียงพลอย 10 มี.ค. 2555, 23:34:02 น.
อ่าวๆ เพื่อนเจี๊ยบนี่ยังไงซะแล้วนี่


น้องอุด้ง 12 มี.ค. 2555, 09:04:32 น.
ลุ้นนนนนนนน!!><


ใบบัวน่ารัก 14 มี.ค. 2555, 21:25:58 น.
คบคนม่ายดีกะฟันแล้วทิ้ง แย่มากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account