นิทานธารา
อยากเปิดม่านฟ้า ให้คนเรามองเห็นอะไรบางอย่างจากดวงดาวที่ทอแสงลงมา
ได้เห็นภาพความรักที่ต่างออกไป ...ว่าแม้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
หรือใบไหนๆ พวกเราล้วนไม่ต่างกัน

Tags: โลกเก่า อความารีน่า ลารีน่า รูบีส ดอน เงือก เจ้าชาย เจ้าหญิงจากดวงจันทร์ ชาวประมง

ตอน: :เรื่องชุดในคืนแห่งดาวใต้เงาจันทรา: : บทที่ ๑ ถึงโลกที่จากมา{ต่อ-จบบท}

คุณ ฯเฟอร์ฯ
ตอนนี้ขอเปิดตัวชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตอนที่แล้วค่ะ
หุหุ เป็นตัวละครสำคัญทั้งคู่ มีบทบาทมากกับทั้งกับชายและหญิงนะ
เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆนิดนึง แต่รับรองว่าช้าๆได้พร้าเล่มงามงอมแงะแน่นอน
ส่วนเรื่องฝั่งอดัมปล่อยไปก่อน หุหุหุ

คุณ เมล็ดทานตะวัน
การเดินทางกำลังเริ่มขึ้น ทั้งการเดินทางของความรู้สึกและของผู้คนบนทางอันยาวไกล

คุณ Chiiจัง
หุหุ อย่าเพิ่งโฟกัสตรงวายนะจ๊ะ ถึงแม้คนเขียนจะชอบพูดเล่นก็เถอะ*-*
อยากให้มองที่ความเป็นมนุษย์ คนทุกคนถ้าแกะเปลือกออกไปก็ไม่เหลือเพศ
มีเพียงใจต่อใจเท่านั้น

คุณพระอาทิตย์สีทอง(ผ่องอำไพ^^)
จริงๆคนเขียนบ้าเรื่องสิ่งแวดล้อมพอสมควร แต่นิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้เพื่อสอนหรอกนะคะ
แค่แทรกสิ่งที่ตัวเองอยากพูดลงไป(เยอะ) ...สุดท้ายแล้วก็เน้นที่ตัวผู้คนมากกว่าอยู่ดี

คุณ ฮอบบิท
หวังว่าจะมีประโยคที่ทำให้ชอบและจำได้ไม่ลืมไปนานๆอีกค่ะ จุ๊บๆ

น้องมีน(บุลินทร)และน้องมูน(ริญจน์ธร)
ขอบคุณที่มาเชียร์ อิอิ เรามาขยันกันเถอะ สู้เข้า

คุณ หมูอ้วน
หวังว่าจะยังอยู่นะคะ ไม่ว่างเม้นต์ไม่เป็นไร



...ผมของเธอเป็นสีทองเข้ม ตาของเธอเป็นสีฟ้าสดใส
อย่างที่คนโบราณเรียกกันว่า “ฟ้าเหมือนท้องฟ้า”

แต่รอสโซ่เองไม่เคยเห็นสีท้องฟ้าจริงๆ เป็นดังเช่นที่ว่า ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึก ภาพดวงตาคู่งาม
ที่จดจ้องเขาเป็นสีสันงามล้ำ เขาสบสายตานั้นอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้ง ลืมตาตื่นขึ้นมา...

ดวงตาของผู้หญิงที่ชื่อมอร์แกน ไนด้า ยังคงติดตรึงในฝันเหมือนเคย แต่เธอไม่ได้ชอบเขา
หึ...คนอื่นจะรู้รึเปล่าก็เรื่องของมัน เขารู้ดีว่าเจ้าหล่อนคอยแต่แอบมองผู้นำยานโอเดสซ่าอยู่เสมอ
คงจะสนใจผู้ชายคนนั้นอยู่ลึกๆ ในยานที่ยากจะเจอผู้หญิงถูกใจมาอยู่ใกล้ชิดแบบนี้เขาก็เลย
หาได้แต่เพียงคู่นอนเพศที่สามแบบสแตนลีย์ อย่างน้อยก็คุยกันรู้เรื่อง...

รอสโซ่ คล้าก ไม่ได้รังเกียจ สำหรับเขาผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ดี แต่ถ้ามีโอกาสเลือก
ก็พอใจจะมีคู่นอนเป็นหญิงมากกว่า เขาอยากมีลูก เพราะถูกปลูกฝังมาว่าการมีบุตรสักคน
นั้นมีค่ายิ่งกว่าทอง ในยุคสมัยที่อยู่กันอย่างลำบากลำบนเช่นที่ผ่านมา

รอสโซ่ขยับลุกจากการก่ายกอดของคนข้างกาย พยายามไม่ให้สแตนลีย์ตื่น
เขาเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ก่อนจะล้างมือ ล้างหน้า ยืนอยู่หน้ากระจกเงา
ทอดตามองร่างเปลือยเปล่าของตนเอง มัดกล้ามตึงแน่นที่เขาพึงใจ

หายากที่นักวิทยาศาสตร์ซึ่งถูกฝึกให้มาประจำบนยานรูปร่างดูดีขนาดนี้
แม้ส่วนใหญ่จะออกกำลังกันพอให้ร่างกายแข็งแรง แต่เขาออกกำลังกาย
เพื่อให้ได้รูปร่างสัดส่วนงดงามโดยเฉพาะ บวกกับความที่เป็นช่างผู้เชี่ยวชาญ
ด้านเครื่องและวิศวกรรม เขาชอบออกแรงพอๆ กับชอบใช้สมองร่างแผนผัง
ของอะไรบางอย่าง แผนของเขายังอีกยาวไกลนัก

หนวดเคราดำๆ ชักจะเริ่มถูกปล่อยปละให้ยาวจนดูเด่นชัดออกมาจากใบหน้าตอบซีดขาว
มีคนบอกว่าเขาเหมือนแวมไพร์ และเวลาที่สถานการณ์พาเครียดจนหน้าซูบตาลึกอย่างนี้
ก็ยิ่งเหมือน รอสโซ่ไล่สายตาไปตามลาดไหล่กว้างผึ่งผายของตนเองซึ่งเต็มพรืดไปด้วย
รอยสักตลอดแนว ลามเรื่อยขึ้นมาตามลำคอจรดคาง เขาชอบรอยสัก มันอาจแสดงถึง
ชีวิตจิตใจ ตัวตน ตลอดจนจิตวิญญาณ ทุกๆ อย่าง... บ้างมาจากเนื้อแท้ บ้างเป็นแค่
ภาพหลอกๆ ที่วาดไว้ชี้ชวนให้ผู้มองเห็นคิดว่าเขา “เป็น” แท้จริงมันก็เพียงการสร้างภาพ
แต่รอยสักที่เขาชอบที่สุด เห็นจะเป็นกลางหน้าอกนี้เอง

“The Way To Live Forever”
ตัวอักษรงดงามพาดผ่าน
หนทางที่จะคงอยู่ตลอดไป...

ไม่ใช่ความเชื่อทางศาสนา แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล รอสโซ่กำลังตามหาหนทางนั้น
แม้อาจไม่ใช่ตัวเขาแต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของเขา ตระกูลคล้าก ลูกหลานของรอสโซ่ คล้าก
ต้องคงอยู่ต่อไป ถ้าหากว่ามนุษย์จะพินาศเขาก็อยากให้คนนามสกุลนี้ได้อยู่ไปจนเป็นคนสุดท้าย

เขายังยิ้มเยาะอดัม กรีนแมน ผู้โง่พอจะเลือกตายไปพร้อมโลกเก่า ต่างกับตัวรอสโซ่
ซึ่งหมายใจจะทำทุกทางให้ตนเองรอด มีชีวิตยืนยาว แย่หน่อยก็ตรงที่เขายังอดคว้าบุหรี่
มาจุดสูบไม่ได้เวลาเครียดเท่านั้นเอง

เสียงกุกกักในห้องบอกให้รู้ว่าสแตนลีย์ตื่นแล้ว ฝ่ายนั้นเดินมาโอบกอดเขาจากด้านหลัง
คงจะรู้สึกพิศวาสเขามาก ค่าที่รอสโซ่เองลงทุนปรนเปรอให้ทุกอย่าง แต่เขาทำก็เพียงเพื่อ
แลกกับความลับของยานลำนี้ มีหลายๆ อย่างที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้รู้ ไม่เหมือนสแตนลีย์
ซึ่งนิสัยเข้ากันได้กับทุกคน ทั้งหน้าที่โดยตรงบุรุษเพศที่สามคนนี้เป็นถึงผู้ช่วยของ ดร.วิศรุต
ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกับมอร์แกน เผลอๆ ก็ไปคอยปลอบใจตาลุงฟูจิวาระนักฟิสิกส์ที่นับวัน
จะยิ่งสติแตกขึ้นเรื่อยๆ เขาคงทำไม่ได้จริงๆ เป็นมิตรสนิทกับผู้ชายสองคนนั่น แค่อยู่ใกล้ๆ
ก็หงุดหงิดแล้ว แต่กับมอร์แกน เป็นเธอมากกว่าที่ทำเหมือนไม่อยากใกล้เขาเกินจำเป็น

“รอยสักบนตัวคุณนี่ มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ” สแตนลีย์พึมพำอย่างเอาใจ

“แล้วคุณชอบรอยไหน” รอสโซ่เอี้ยวคอไปถามยิ้มๆ เขาเองก็อยากเอาใจอีกฝ่ายเช่นกัน
“รูปเทพีตาเดียวที่ไหล่ขวาคุณนี่ ผมชอบ สวยมาก ประณีตจริงๆ ”

“ตาอีกข้างถูกเส้นผมบังอยู่เท่านั้นเอง เทพีไกอา มารดาแห่งผืนดิน... ผมออกแบบเอง
ให้เส้นผมที่เป็นเหมือนคลื่นน้ำนี้สยายมาล้อมกรอบ สวยใช่ไหม”

“ผมชอบจังเลย” สแตนลีย์จุมพิตร่องรอยนั้นอย่างบรรจง “ฟังแล้ว...ทำให้คิดถึงโลกที่จากมา”

“ต่อไปก็จะต้องมีโลกใหม่ที่สวยงาม มีน้ำ มีอากาศ มีผืนดินที่มนุษย์อยู่ได้ เชื่อผมสิ
เราจะดำรงอยู่ ตลอดไป...”



โอเดสซ่าหมายเลข ๑๓ ยังคงล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายในอวกาศ เวลาผ่านจากเดือนเป็นปี
ดร.วิศรุต พงศ์ธารา ผู้นำยาน กับมอร์แกนซึ่งทำหน้าที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับชีวพันธุ์จากโลก
กลายจากคู่อริมาเป็นคู่รัก ไม่มีใครแปลกใจนัก เพราะกรณีเกลียดอะไรก็มักจะได้อย่างนั้น
มีให้เห็นอยู่เรื่อย ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เป็นความหวัง กำลังใจของกันและกัน แม้วันที่ผู้นำยาน
แทบจะสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังก้าวไปข้างหน้าเพราะเธอ

“ทำอะไรน่ะมอร์แกน” วิศรุตเยี่ยมหน้าเข้าไปถามคนรักในห้องทดลองของเธอ

หญิงสาวยิ้ม ชูกระถางเล็กๆ ที่บรรจุดินเทียมเบาหวิวให้อีกฝ่ายดู “พืชกินสัตว์
ถ้าไม่มีสัตว์ให้กินมันก็จะกลายเป็นพืชกินพืช พืชนักล่า ทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่รอด...”

“ผมว่ามันชักจะเริ่มเข้าใกล้มนุษย์ ล่าคนอื่น แล้วก็หันมาล่าพวกเดียวกัน แต่ในหมู่มนุษย์
ก็ยังมีคนที่สู้เพื่อพวกเดียวกัน ยอมให้ตัวเองถูกทำลาย แม้ไม่รอดก็ขอให้คนอื่นรอด”

“คุณพูดถึงอดัมหรือไง” มอร์แกนยิ้ม เธอกลายเป็นคนอารมณ์ดีกว่าแต่ก่อนมาก
เมื่อมีความรักแล้วไม่ต้องฝืนใจแสดงว่าเกลียดอีกต่อไป

“อดัมกับพวกเรา ไม่ต่างกัน...”


ผ่านไปเป็นเวลาสิบสามปีของโลกมนุษย์ นับตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง พวกเขาจึงได้ลงจอด
บนดาวสีสดสวยมลังเมลืองราวอัญมณีกลางห้วงอวกาศ น่าฉงนที่มันช่างเหมือนโลกที่จากมา
ราวกับถูกเตรียมไว้ต้อนรับ

วิศรุตขนานนามดาวดวงนี้ว่า “อความารีน่า” หลังจากทดสอบแล้วว่าปลอดภัย
มอร์แกนเองยังจำได้ถึงวินาทีที่ทั้งคู่จับมือกันก้าวลงสู่พื้นน้ำแข็งขั้วโลกของโลกใหม่
ด้วยข้อจำกัดอันสุดวิสัย พวกเขาเลือกที่ลงไม่ได้อย่างใจนัก อากาศเย็นจัด แต่ก็สดชื่น...
พวกเขารู้ รู้ว่าที่นี่เต็มใจต้อนรับเหล่ามนุษย์ผู้มาเยือน
ความรู้สึกซึ่งส่งตรงสู่ใจนั้นบอกให้ทั้งคู่ถอดหน้ากากป้องกันที่สวมไว้เผื่อๆ ออก
น่าฉงนเมื่อได้เห็นพร้อมๆ กันว่าตาของอีกฝ่ายที่มือยังเกาะกุมกันไว้นั้นกลายเป็นสีฟ้าสดใส
ทอประกายน้ำเงินลึกล้ำเหมือนอย่างภาพของดาวดวงนี้ที่มองเห็นจากภายนอกอวกาศ
หันไปมองคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกเขายอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยใจเบิกบาน
มากกว่าสงสัย เพราะความเข้าใจอันไร้สาเหตุ แม้จะไม่ใช่เข้าใจทั้งหมด

แต่แล้วหลายสัปดาห์ต่อมาก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด ยานมีเหตุต้องทรุดจมลงในน้ำแข็งขั้วโลก
ซึ่งแยกแตกออก สืบเนื่องมาจากไม่สามารถเลือกที่ลงจอดได้ เพราะเมื่อมาถึงดาวดวงนี้
ตัวยานเองก็สะบักสะบอมร่อแร่มาในอวกาศ ด้วยอุบัติเหตุสุดวิสัยตามระยะเวลาหลายขวบปี
ที่ผันผ่าน จนวิศรุตแทบจะต้องสวดอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

แม้จะยังคงมียานเล็กสำรองเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง กับความรู้บางอย่างซึ่งติดอยู่ในซากยานส่วนบน
ยังมิได้หักพังจมลงสู่ก้นบึ้งลึกใต้น้ำแข็งขั้วโลกไปด้วยกันกับลำยานส่วนใหญ่ แต่นั่นก็ยังนับว่า
น้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่สูญเสียไป

“พวกเราต้องไปจากที่นี่ อากาศหนาวเกินไป เรามีเสบียงและข้าวของไม่เพียงพอสำหรับ
ปักหลักอยู่นี่กันทั้งหมด” วิศรุตโต้เถียงรุนแรงกับรอสโซ่ คล้าก ซึ่งดึงดันจะอยู่ไปจนกว่าจะกู้ซากยานได้

“ดี...ก็ไปสิ ถ้าคนเหลือน้อยที่นี่ก็พอจะอยู่กันได้ แต่จำไว้ ว่าอะไรที่สามารถกู้ขึ้นมา
จากใต้น้ำแข็งนี่ได้ก็นับเป็นสมบัติของพวกเรา คนขี้ขลาดที่คิดทิ้งไปคงไม่มีสิทธิ์มาขอทวงคืน”
รอสโซ่เยาะ “เอาไอ้แก่บ้าฟูจิวาระไปด้วยแล้วกัน มันคงไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกฉันแล้ว”
เจ้าของร่างสูงสง่าหัวเราะลั่น ถ่มน้ำลายลงพื้นแรงๆ ก่อนก้าวจากไป

หิมะพร่างพรมลงมาในขณะที่ผู้เตรียมอพยพย้ายถิ่นกำลังจะขึ้นยานเล็ก
มอร์แกนยืนอยู่ตรงกลาง มองหน้าสแตนลีย์เพื่อนรักอย่างลำบากใจ

“เธอ ...จะไม่ไปกับฉันจริงๆ หรือ” หญิงสาวถามออกไป
สบตาสวยซึ้งเกินชายของเพื่อนที่ยามนี้ดูออกจะแดงๆ
“ไม่ ฉันคง...ต้องอยู่กับรอสโซ่ ขอโทษด้วยนะ”
ชายผู้มีหัวใจอ่อนไหวเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากพร้อมหยาดน้ำตา

“เธอรักเขาสแตนลีย์ แต่ผู้ชายคนนั้นรักตัวเองเท่านั้น”

“ถ้าฉันไม่อยู่ใครจะคอยรั้งเขาไว้บ้างล่ะมอร์แกน รอสโซ่เชื่อว่าการจากไปพร้อมพวกเธอ
เป็นทางที่ไม่มีอนาคต เพราะขุมความรู้กว่าเจ็ดสิบส่วนร้อยของพวกเรายังจมอยู่ใต้น้ำแข็ง
อีกอย่างฉันต้องอยู่ช่วยให้ความฝันของเขาเป็นจริง ฝันที่เราจะรอดและสามารถดำรงอยู่ ตลอดไป...”

“เราต้องได้พบกันอีกแน่ สแตน... นี่จะไม่ใช่การจากกันครั้งสุดท้าย”
หญิงสาวผมทองพูดพลางสูดจมูกแรงๆ โผเข้ากอดเพื่อนรัก

...แล้วพวกเขาก็แยกจากกัน

ลำบากบ้างสุขบ้างหลังจากนั้นตลอดเวลาที่อพยพลงใต้มาเรื่อยๆ แม้เสียดายที่ต้องสูญเสีย
ทั้งทรัพยากร ตัวบุคคล ทั้งขุมความรู้มากมายซึ่งบรรพบุรษสั่งสมมา แต่มันก็ยากยิ่งที่จะ
ให้หวังอย่างรอสโซ่ การกู้ซากยานมหึมาขึ้นจากน้ำแข็งโดยไม่มีทั้งกำลังและเทคโนโลยี
แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ผู้คนพร้อมเหล่ายานเล็กเกือบทั้งสิ้นเลือกอพยพลงใต้แม้รอสโซ่จะไม่พอใจแต่เนื่อง
ด้วยเสียงของคนหมู่มาก ยานเล็กจึงต้องแบ่งกันตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับจำนวนคน
เมื่อเดินทางลงมาพบเกาะซึ่งพอจะอยู่ได้ พวกเขาเริ่มหาเสบียง ต่อเรือ มีแยกย้ายออกไปบ้าง
อยู่รวมหมู่กันบ้าง เริ่มจะแตกคอแย่งชิงข้าวของสินทรัพย์อันมีค่ากันบ้าง
แต่อย่างน้อยสังคมของพวกเขาก็ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วในดาวดวงใหม่...

เมื่ออะไรหลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง วิศรุตและมอร์แกนจัดงานแต่งงานเพียงลำพัง
ที่ริมทะเลแสนงามแห่งอความารีน่า จูบสาบานรักต่อสักขีพยานคือลมหายใจของท้องฟ้า
ต่อสายตาของแผ่นดิน

วิศรุตเขียนจดหมายถึงอดัม กรีนแมน แต่คราวนี้เขาใส่มันลงขวด
ปล่อยให้ลอยออกสู่ทะเลในวันแต่งงานนั้นเอง โดยมีสายตายิ้มๆ ของภรรยามองตาม

“คุณบอกอดัมว่าไงบ้าง”

“อยากให้เขารู้ว่าเรายังอยู่...บอกว่าเราได้พบโลกใหม่แล้ว และคราวนี้จะช่วยกันรักษามันให้ดีที่สุด
ไม่ให้เป็นเหมือนอย่างที่ผ่านๆ มาอีก เมื่อมนุษย์ยังอุตส่าห์ได้มีโอกาสแก้ตัว”

“ฉันเชื่อว่าข้อความนั้นจะต้องไปถึงเขาอย่างแน่นอน...”
มอร์แกนมองคนรักด้วยดวงตาพร่างรอยยิ้ม

ดวงดาวริมฟ้าขึ้นแล้ว มองไปเห็นดาวดวงสว่างที่สุดของอความารีน่ากะพริบทักทายมา
วิศรุตมองเลยขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งเริ่มจะเห็นเป็นโดมมืดลงทุกขณะ นอกจากประกายดาว
ที่เห็น เขาอยากมองไกลไปกว่านั้น หากแม้ว่าตาคนสามารถมองทะลุฟ้า ผ่านล้านดารา
กลับไปสู่มาตุภูมินั่นแล้ว

สายตาจะใช้เวลาเดินทางผ่านห้วงอวกาศไปเร็วกว่าความเร็วของปีแสงรึเปล่า
เมื่อไหร่กันที่ความในใจของเขาจะสามารถส่งไปถึงคนบนโลกนั้น ...คงไม่มีวัน

ลูกสาวคนแรกที่เกิดมามีดวงตาสีฟ้าจรัสดุจอความารีน่าเช่นกัน
มอร์แกนเรียกเธอว่า เอวา พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุข

...จนถึงวันที่มอร์แกนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดร.วิศรุตแทบเป็นบ้า
เขาเหลือเพียงอย่างเดียวที่จะเตือนใจให้นึกถึงเธอ คือลูกสาว
ผู้มีผมสลวยสีทองเข้มเหมือนมารดา

เด็กหญิงมักจะไปยืนตรงริมทะเล
เธอจะทำแบบนั้น เวลาที่ว่างจากการเรียนเขียนอ่านเสมอ

“เหม่ออะไรหรือลูก” วิศรุตมักจะถามเอวา และเธอก็จะหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม...
แบบเดียวกันกับยิ้มของมอร์แกน

“คิดถึงแม่ค่ะ... หนูรู้ว่าแม่ยังอยู่ ไม่เคยจากพวกเราไปไหนเลย”

“พ่อก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

สายตาของมอร์แกนยังมองพวกเขาอยู่จริงๆ เธออยู่ในที่ที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลออกไปนัก
พลังงานของอความารีน่าซึ่งพวกเขาไม่เคยเข้าใจลึกซึ้งตั้งแต่แรกมาถึง มันเป็นยิ่งกว่าที่คาดไว้
ตอนนี้ไม่เพียงพลัดถิ่นมาจากโลกเก่า แต่โลกของเธอเองได้ถูกแยกออกจากสามีและลูกแล้วโดยสิ้นเชิง

คงมีแต่คำว่า
รัก
คิดถึง
เสียใจ
และเสียดาย เท่านั้น

ที่พร่ำจากหัวใจดวงหนึ่ง ตลอดเวลายังคงส่งมันไป หวังให้ล่องลอยสู่โลกที่จากมา
...แม้ไม่รู้ว่าถ้อยความเหล่านั้นจะส่งผ่านไปถึงคนผู้ซึ่งกำลังรอคอยหรือไม่ก็ตาม...



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2555, 13:32:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2555, 13:38:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1543





<< :เรื่องชุดในคืนแห่งดาวใต้เงาจันทรา: : บทที่ ๑ ถึงโลกที่จากมา{ตอนแรก}   
Zephyr 2 มี.ค. 2555, 13:48:49 น.
อ้าว โห เรื่องไปเร็วมากๆเลย แว้บๆ มีไบเซ็กช่วล ลงไปๆ เอ้ย รักกัน(^^) อืมๆๆ อ่านต่อๆๆๆจอดโลกใหม่(-_-?) ยานจม(o_O) งืมๆ ทะเลาะกัน (>.<)ต่อๆ แยกทาง(O_o) เอ๊ะ แต่งงาน(o_O) เฮ้ยยย มีลูก (O_O) ????
วู้ๆๆๆ มีไทม์แมชชีนเหรอค้า รวดเร็วปานติดจรวด เหอๆๆๆ ตัวละครหลักอยู่รุ่นเอวา อ๊ะป่าวน้า หนูมอร์ไปไหนแล้วอ่า อ่า ไม่หนูแล้วสิ มีลูงแล้วหนิ ป้ามอร์ เกินไปมะเนี่ย (- -") กะลุงรุต ลุงอดัมอีก กลายเป็นซากไปแล้วป่าวน้อ ลุงรอสกะลุงสแตนอีกสองค่า ตัวละครเยอะเกิ้นนนน จดๆจำๆ งืมๆๆๆ พอเขาใจบ้างแล้ว แต่ยังไม่เก็ทพ้อยน์ทั้งหมดเลย รอต่อๆๆๆ \(^^)/


SunSeed 2 มี.ค. 2555, 13:50:22 น.
TT อ่านแล้วให้อารมณ์เหงาๆ เศร้าๆ จังค่ะ การรอคอย คนที่รอคอย กับคนที่ถูกคอย เฮ้อ อยากอ่านเยอะๆกว่านี้อีกจังพี่อสิตา


อสิตา 2 มี.ค. 2555, 13:51:01 น.
ตัวละครหลักอยู่อีกรุ่นฮ๊าฟฟฟฟ ตามชื่อในTagค่ะ หุหุ


Zephyr 2 มี.ค. 2555, 13:54:14 น.
อความารีน่า ชื่อยาวมากกก นางน่าจะเป็นลูกเอวาอีกทีป่ะเนี่ย
ลารีน่า ลูกใครหว่า หรือน้องคนข้างบน หรือชีจะเป็นเงือก?
รูบีส ชื่อเยี่ยงนี้ผู้ชาย แหงๆ เอ หรือไม่ใช่
ดอน หืม คนป่ะนะ หรือตัวอะไร??


อสิตา 2 มี.ค. 2555, 13:58:32 น.
55 อความารีน่าชื่อดาวค่ะคุณเฟอร์
ส่วนที่เหลือ เงือกทั้งหมด o_O


Zephyr 2 มี.ค. 2555, 14:03:00 น.
อ้าว แหม เดาผิด - -" (เพล้ง เสียงหน้ากระจาย ไปเก็บก่อนนะ เดี๋ยวซ่อมก่อน)
แหงะ แล้วตอนแรกก็คนอยู่ดีๆ ทำเยี่ยงไรกลายเป็นเงือกไปฉะนี้??
ตอนแรกแอบคิดว่า ลงไปโลกใหม่ แล้วจะเจอ เอเลี่ยน ฮ่าๆๆ ไม่ก็ พรีเดเตอร์ เอ หรือลิงเอปป์ดีหว่า กร๊ากกก สรุปมิเจอสิ่งใดเลย - -" นอกจากบรรยากาศดีๆ ชริ!! ไม่ตื่นเต้นเลยหนิ


อสิตา 2 มี.ค. 2555, 14:07:16 น.
มันค่อยๆเกิดขึ้นช้าๆ ตาเปลี่ยนสี คนหายไป นอกจากมอร์แกนแล้วคนทางเหนือก็มีหายไปด้วย(แต่ที่ลงไว้ยังไม่ถึง)


Zephyr 2 มี.ค. 2555, 14:11:31 น.
อ่อ mutation ฮ่าๆๆๆ
อารมณ์เปลี่ยนยีน เหมือน X-men ป่ะเนี่ย - -"


ฮอบบิท 2 มี.ค. 2555, 20:07:13 น.
พืชกินสัตว์น่าสนใจ แล้วต่อไปมันจะกลายเป็นพืชกินคนหรือเปล่านะ...ตรงช่วงที่มอร์แกนท้อง คลอดลูก แล้วหายไป มันกระชับดีนะ ได้ใจความ แต่มันว่างๆ หายๆ หรือเราชอบอ่านนิยายที่บรรยายยืดยาวเวิ่นเว้อก็ไม่รู้นะ


Chii 2 มี.ค. 2555, 22:44:51 น.
เจ้าหล่อนกลายเป็นเงือกติ?
...เอวาเป็นลูกครึ่ง... ลารีน่าเป็นลูกอีกคนของมอร์แกน
..รูบีสเป็นลูกของเจ้ารอสโซ่?

..เลื่อนเปื้อนแระ //ไปอ่านเปเปอร์ต่อไป๊ ^^"


หมูอ้วน 4 มี.ค. 2555, 13:26:52 น.
ยังอยู่ค่ะ แต่ไม่มีเวลาเมนท์เลยค่ะ
อ่านจบก็ต้องรีบออกเลย เด๋วโดน... หุหุหุ

เน็ตที่บ้านเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่ที่ทำงานอ่ะค่ะ ฮือ....


goldensun 5 มี.ค. 2555, 20:55:56 น.
ไม่ใกล้ ไม่ไกล หรือมอร์แกนกลายเป็นเงือกคะ เลยไม่กล้ามาเจอวิศรุต รออ่านต่อค่ะ


อสิตา 5 เม.ย. 2555, 23:44:19 น.
เรื่องนี้ท่าจะต้องพักก่อน อาถรรพ์จริงๆ
วันที่ลงตอนแรกปุ๊บก็ได้ข่าวมาเลยว่าต้องทำงานอื่นก่อน ไม่มีเวลาแก้งานนี้แล้ว ทู่ซี้ลงมาได้สามตอนเองสินะ T.T


shadha 8 ส.ค. 2555, 10:54:54 น.
นิทานอาถรรพ์ หึ หึ
อีกเรื่องอาถรรพ์กว่านะ ได้ข่าว TT^TT


angelK 10 ม.ค. 2556, 10:54:57 น.
รออ่านต่อนะคะ ชอบเรื่องนี้จังค่ะ เขียนได้ดีมากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account