อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..
ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ
รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ
"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..
ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย
"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..
ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ
รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ
"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..
ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย
"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า
ตอน: ตอนที่ 4
4
“คุณชวนชมคะ ดิฉันอยากเตรียมของไว้ใส่บาตรบ้าง”
คุณชวนชมทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้ยิน
“ของที่นี่ก็พอเพียงกับพระที่มาอยู่แล้ว”
“แต่มันเป็นของ ของคุณผู้หญิง ดิฉันอยากทำบุญให้ตากับยาย พ่อ แม่บ้าง คือตอนที่ดิฉันอยู่บ้านนอก เคยใส่บาตรพระทุกวัน”
“ตอนนั้นเป็นเงินของเธอซิ ที่ซื้อข้าวของ”
“ของยาย แต่ ก็เหมือนของดิฉัน เพราะช่วยกันทำ”
คุณชวนชมนิ่งคิด
“อย่าเลย ภาพออกมาไม่สวย ไม่เห็นมีใครเขาทำกัน”
สายบัวถอยออกมา รู้สึกอยากร้องไห้ เธอจะทำอย่างไรดี ของคนอื่นแค่ยืนอยู่ตรงนั้นมันก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่บุญของตน
“เป็นอะไร ยืนร้องไห้” สายบัวตกสะดุ้ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงทักทาย จากผู้เป็นใหญ่ในรั้วบ้าน
หญิงสาววัยสิบหกซึ่งอยู่ในชุดพนักงานทำความสะอาดบ้านหลังเล็กทรุดนั่งกับพื้นทันที
“เฮ้ย ลุกขึ้น ๆ ไม่ต้องขนาดนั้น” คุณผู้หญิง คุณหญิงศิรินทิพย์ปรี่เข้าไปดึงขึ้นด้วย
“ก้อ” สายบัวไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน ประหม่าเพราะเป็นคุณแม่คุณหมอ เกรงด้วยมีราศีจับ แต่ก็อุ่นใจ ด้วยรู้สึกว่าไม่ใช่คนดุ
“ยังไม่ตอบฉันเลยว่าหนูเป็นอะไร”
“คือ บัวอยากทำบุญค่ะ”
คนฟังทำหน้าฉงน
“ทำบุญ แบบไหน ไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่า” ตรงโน้นคือที่เก้าอี้ริมสระว่ายน้ำทางทิศตะวันตกของตัวบ้านใหญ่ สายบัวเดินตามไปอย่างเกร็ง ๆ
“เล่าซิ” คนเป็นใหญ่ในบ้านยังจ้องหน้า
“คะ”
“เล่าซิ ทำไมอยากทำบุญ”
“คือ บัว เอ้ย ดิฉัน อยู่กับตากับยายมาแต่เล็ก พ่อแม่ตายหมดแล้ว ตากับยายพาใส่บาตรพระทุกวัน เพราะว่าจะได้ส่งบุญให้พ่อแม่ พอตากับยายมาตายไป ดิฉันมาอยู่ที่นี่ ดิฉันไม่มีโอกาสได้ทำให้พ่อกับแม่ ตากับยายเลย” ว่าแล้วคนเล่าก็มีน้ำตาไหลแหมะแบบสุดกลั้น
“คิดดูซิคะ คนเคยได้รับ แล้วไม่ได้รับจะเป็นอย่างไร”
คุณหญิงยิ้มแบบเต็มตื้น
“แล้วตอนเช้า ๆ ที่เธอไปยืนอยู่ตรงนั้นเธอคิดว่าไม่ได้บุญรึ”
“ได้ แต่มันไม่เท่าค่ะ”
“รู้จริง ไม่น่าเชื่ออายุเท่าเธอจะรู้เรื่องในวัด”
“เมื่อก่อนดิฉันนอนกับตากับยาย กลางคืนก็จะเปิดวิทยุฟังรายการธรรมะเพื่อประชาชนของหลวงพ่อก็พอรู้อยู่บ้าง”
คนฟังถอนหายใจออกมา
“แล้วเธอบอกกับคนบ้านนั้นหรือยัง”
“บอกแล้ว”
“คุณชวนชม เขาว่า กลัวภาพออกมาไม่สวย”
“ไปบอกเขาสิว่า ฉันอนุญาต เธออยากทำอะไรใส่บาตรล่ะ”
“น้ำพริกกะปิ ปลาช่อนแดดเดียว ยายกับตาชอบ”
“ถ้าฉันสั่งให้คนทำให้เธอว่าดีกว่าไหม” คงรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง
“จะดีหรือคะ”
“ไม่ต้องยุ่งยากทั้งเธอ และแม่ครัวบ้านนั้น”
“แต่มันก็ยังไม่ใช่ของดิฉันอยู่ดี”
“เอามา 20 บาทแล้วกัน ฉันขายให้”
คุณศิรินทิพย์ขึ้นตึกไปแล้ว สายบัวยังยืนตื้นตันใจอยู่ที่ริมสระน้ำ ความอิ่มใจมันเข้ามาแทนที่ท่ามกลางความมืดมนในเถื่อนถ้ำ เธอรู้สึกมีแสงสว่างเป็นจุดเล็ก ๆ เท่าปลายเข็มเล็ดลอดลงมา
พลัน!!
“สายบัว” เป็นเสียงร้องเรียกของกระแตให้ไปพบคุณชวนชม
“งามหน้าไหมล่ะ ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนบ้านนั้น แล้วคุยอะไรกัน”
สายบัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบ้านนี้
“เรื่องใส่บาตร คือ ดิฉัน อยากใส่บาตรให้ตากับยาย”
“แล้วไง”
“คุณไม่ ดิฉันก็เลยไปยืนร้องไห้ คุณผู้หญิงท่านเห็นก็ถาม ดิฉันก็เล่า แล้วคุณเขาก็ บอกว่าจะช่วย ให้มาบอกว่าคุณผู้หญิงท่านอนุญาต” สายบัวเล่าตะกุกตะกัก
“คนบ้านนี้ก็เลยกลายเป็นยักษ์เป็นมารกันไป เรื่องนี้ถ้าถึงหูคุณผู้หญิงนะ รับรองเธอถูกเอ็ดแน่”
สายบัวก้มหน้า
น้าดาวเรืองพอรู้เรื่องก็ค่อยๆ เดินเข้ามาทรุดนั่งฟังด้วย คุณชวนชมเล่าด้วยเสียงสะบัด ๆ ให้ฟังในทันที น้าสาวหันมาจ้องหน้า แววตานั้นตำหนิ สายบัวรู้สึกว่าตัวโทสะมันกรุ่นขึ้นในใจอีกแล้ว
เรื่องเล็กทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ เธออยู่บ้าน พอพระเดินมาแต่ไกลๆ เด็ก ๆ หลานป้าก็ช่วยกันตะโกนเสียงดังโหวกเหวกให้คนที่ตั้งใจใส่บาตรได้รู้ตัว ได้เตรียมของมานั่งรอ แต่นี่ เธอเอ่ยปากอยากทำบุญบ้าง ดูเป็นเรื่องใหญ่ระดับคณะรัฐมนตรีพิจารณา
น้าเธอก็เหมือนกัน กลับไปบ้านนอกมีปากมีเสียง แต่พออยู่ที่นี่ ทำตัวเหมือนคนเป็นใบ้ คนเหมือนกันจะกลัวอะไรนักหนา ทำงานแลกเงินไม่ได้มากมาย แค่มีที่ซุกหัวนอนสบาย กินอิ่มไม่เสียตังค์แค่นี้ ทำไมจะต้องลดสิทธิ์เสียงตัวเองด้วย
เรื่องนี้สรุปที่ว่า ต่อไปสายบัวไม่มีสิทธิ์ไปเจ๋อ อยู่ที่หน้าบ้านในตอนเช้าอีกแล้ว พอกลับถึงห้อง สายบัวร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า ภาพตากับยาย และพ่อแม่รออาหารทิพย์อยู่ในมโนนึก
ไหนจะคุณผู้หญิงที่พลอยถูกตำหนิไปด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะมาก้าวก่ายกับคนในบ้านหลังนี้
“พี่ดวงใจ” สายบัวไปแอบร้องเรียกเบาๆ หลังพุ่มไม้
“มีอะไร” เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นข่าวในสองบ้าน
“คือ พี่ช่วยเอาตังค์นี่ไปให้คุณท่านด้วยนะ” สายบัวส่งเงินแบงก์ยี่สิบให้ห้าใบ พี่ดวงใจไม่ยอมรับไว้
“ช่วยบอกคุณท่านว่า ช่วยบัวสัก 5 วันแค่นี้คุณท่านก็รู้แล้วค่ะ” สายบัวยัดเยียดเงินให้แล้วผละออกมา โดยไม่ฟังคำปฏิเสธ
เมื่อถูกขัดขวางก็ยิ่งอยากเอาชนะ
สำหรับคำว่า ‘บุญ’ ยิ่งยาก ยิ่งปลื้ม
“บัว มานี่หน่อย”
ขณะเดินกลับมาจากโรงเรียน พี่ดวงใจดักเรียก แล้วเดินนำเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทางด้านหน้า สายบัวรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน สิ่งใดที่คุณหมอได้ใช้ เธอจะได้เห็นก็คราวนี้ แล้วสิ่งแรกที่ทำให้เธอสะเทือนใจ นั่นก็คือ ภาพถ่ายของครอบครัว มีพ่อแม่พี่ชายพี่สาวและก็คุณหมอ ที่ยิ้มแย้มสดใส ในชุดข้าราชการ
คงอบอุ่น มีความสุขหากไม่มีมารหัวขนคนบ้านโน้นที่เต๊ะจุ๊ยสูบบุหรี่เรียกหาคนใช้ให้รับใช้ไปวัน ๆ
“รอตรงนี้นะ” สายบัวทรุดลงนั่งกับพื้น วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโพรกกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ กับกระเป๋าสะพายใส่หนังสือใบใหญ่เทอะทะ
รอได้อึดใจ คุณนันทพร ก็เดินออกมา สายบัวยกมือทำความเคารพ
“เรื่องเงินร้อยบาทที่เธอเอามาฝากให้คุณผู้หญิง สำหรับเป็นค่าอาหารทำบุญ” สายบัวไม่อยากจะคิดว่ามันจะออกหัวหรือก้อย เป็นเรื่องที่ควรถูกตำหนิอีกหรือเปล่า แต่เธอก็ดีใจที่เธอสามารถแหกกฎของบ้านนั้นมาทำในสิ่งที่ดีงามได้
“คุณหญิงท่านรับไว้ แล้วฝากมาบอกด้วยว่าอนุโมทนาบุญกับเธอด้วย”
สายบัวยิ้มกว้าง แล้วน้ำตาก็หยดแหมะ ซึ้งในน้ำใจที่เขามอบให้ ตากับยาย พ่อกับแม่ จะได้มีอาหารทิพย์เพิ่มความสว่างไสวให้กับกายทิพย์
“เธอได้เงินเดือน เดือนละเท่าไหร่”
“4,500 บาทค่ะ”
“วันละ 10 บาทไหวไหม สำหรับค่าอาหารทำบุญ”
“ไหว ไหวคะ” เมื่อได้ยิน สายบัวดีใจจนขนลุก
“วันนี้คงช่วยให้เธอสมปรารถนาในเรื่องดี ๆ ได้เท่านี้ แต่ดีใจที่เธอเชื่อว่าบุญมีจริง”
“สายบัวเธอนี่เก่งนะกล้างัดข้อกับคุณชวนชม”
“ชมหรือด่ากันคะนี่” สายบัวถามคนขาเจ็บไปตรง ๆ
“ชมซิ เออ เรียนจบมอหกแล้วจะไปเรียนต่ออะไร” สายบัวทำหน้าแปลกใจที่เขาสนใจเรื่องของตนเอง
“คนจนอย่างบัวจะเรียนอะไรได้นอกจากไปเรียนที่รามคำแหง”
“แล้วเธออยากเป็นอะไรล่ะ” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระน้ำ สูบบุหรี่ไปด้วยคุยกับเธอไปด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อนว่าตัวเองนอนเจ็บอย่างนี้แล้วเรื่องอื่นๆ ที่ทำค้างไว้จะไม่สำเร็จ
“อยากทำงานในโรงพยาบาล” สายบัวบอกตามตรง ส่งผลให้คนฟัง สำลักบุหรี่ในทันที
“ในนั้นมันมีดีอะไรนักหนานะ มีแต่เลือดมีแต่คนเจ็บมีแต่น้ำตาและความเศร้าสร้อย”
สายบัวไม่ตอบ เพราะคำตอบของเธอไม่ใช่อยู่ที่คนเหล่านั้น มันคือหน้าหมอโกมุทคือความฝันของเธอ คือความสุขที่ทำให้เธอได้นึกถึง
“เมื่อไหร่คุณอารักษ์จะเลิกสูบบุหรี่ แล้วสูบมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่” สายบัวเปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง
“อยากรู้ไปทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย”
สายบัวทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อถูกตำหนิ แต่ในใจนั้นก็เดือดปุด ๆ เหมือนกัน ใช่ซิ อย่างไรเขาก็มองเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น ไม่มีวันมองเธอได้สูงกว่านี้หรอก
“บัวฉันปวดขา นวดให้ฉันบ้างสิ” น้ำเสียงกระเส่าลงจนสายบัวรู้สึกแปลกใจ
“ไม่ค่ะ ใช้กระแตมันซิ บัวนวดไม่เป็น”
“ฉันให้ห้าร้อย แต่ต้องไปนวดให้ฉันบนห้องนะ” ความโกรธแล่นฉิวขึ้นหน้าสายบัวทันที เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันนะ
“เป็นอะไรเงียบไป”
ไม่เงียบเปล่า สายบัวค่อย ๆ ถอยหลังแล้วรีบวิ่งกลับไปร้องไห้ในห้องตัวเอง
เมื่อเธอร้องไห้จนหนำใจแล้ว น้าดาวเรืองก็เปิดประตูเข้ามาหา คนเป็นหลานพยายามซ่อนดวงตาที่แดงช้ำ
“คุณอารักษ์ทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า”
“ถ้าเขาทำจริง ๆ น้าจะช่วยอะไรบัวได้ ดูเหมือนคนที่นี่รู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับเขาทุกอย่างแต่ยังให้บัวได้ไปมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด”
“ก็เขาขาหัก เขาจะทำอะไรเธอได้”
“ตัวทำไม่ได้แต่คำพูดและสายตาของเขาที่เล้าโลมบัวละน้า”
“บัวสวยขึ้นนะ แต่ระวังตัวไว้ดีแล้วน้าดีใจกับเธอด้วยจริง ๆ ปะ ออกไปซิ นี่ก็ให้มาตาม เรียกหาเธออยู่”
สายบัวเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาออกมาที่หน้ากระจก เธอมองดูใบหน้าและแววตาของเธอ เส้นผมที่ดำขลับยาวถึงกลางหลังซึ่งมัดสูงทำให้ใบหน้าของเธอดูเรียวงาม หากคนที่จ้องเธอเป็นหมอโกมุทแทนน้องชายเขา เธอคงจะดีใจมาก
หญิงสาวถอนหายใจออกมา แล้วรีบผละออกจากห้อง
“บัว” คุณอารักษ์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“เดี๋ยวเพื่อน ๆ ฉันจะมากินเหล้าที่นี่ ช่วยจัดสถานที่และเตรียมกับแกล้มไว้ให้ด้วยนะ” เมื่อได้ยินสายบัวอยากกรี๊ดใส่ เธอนึกว่าเขาจะขอโทษที่เป็นฝ่ายจาบจ้วงเธอ แต่เขาหาสำนึกถึงความผิดของตนได้ จริง ๆ ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ชายคนนี้ได้มองผู้หญิงที่ด้อยกว่าเป็นคนขึ้นมาบ้าง
“แต่ขาคุณเจ็บนะคะ คุณจะกินเหล้าได้อย่างไร”
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันกิน เธอไม่ใช่คนกินสักหน่อย”
“แต่หมอห้ามไว้ไม่ใช่หรือคะ”
“เอ๊ะเธอนี่ เธอเป็นใคร และฉันเป็นใคร รู้ตัวเองไว้ด้วย”
สายบัวหันหลังให้ทันที เธอไม่สนใจหรอก ใครจะว่าเธอก็ช่าง ถือว่างานนี้มันเป็นงานนอกหน้าที่ที่เคยทำประจำ
“งั้นตามกระแตมาหาฉันหน่อย”
“ได้เจ้าค่ะ”
สายบัวไปตามกระแตมาตามที่เจ้านายหนุ่มต้องการ เมื่อเห็นกระแตปฏิบัติตามคำสั่งแล้ว สายบัวก็เข้าห้องอาบน้ำเตรียมออกมากินข้าวเย็นแล้วก็อ่านหนังสือเรียน
แต่เสียงของเจ้านายกับเพื่อนยังดังจนมาถึงหูจนได้
“ไหนวะคนใช้ที่ว่าหน้าตาดี ๆ หุ่นดี ๆ เรียกออกมาให้ดูหน้าหน่อยดิ๊”
“ไอ้รักษ์เอ็งรู้ไหมว่า ตั้งแต่เอ็งเจ็บขาหักนี่ น้อง ๆ ที่โรซ่า สโรน่า คิดถึงเอ็งน่าดูเลยนะโว้ย ถามกูตลอดว่าพี่รักษ์หายหรือยัง”
“เอาเรื่องคนใช้มันก่อน เรียกออกมาดิ๊”
“เล่นตัวฉิบเลยว่ะ นึกว่าจะหมู ไม่หมูว่ะ”
“เสนอน้อยไปหรือเปล่าวะ”
“เออ พูดเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวถอดเฝือกเมื่อไหร่เราไปลุยกันเหมือนเคยนะโว้ย”
คืนนั้นนับว่าดึกเอาการกว่าที่เพื่อน ๆ ของอารักษ์จะกลับไป ว่าจะไม่สนใจ แต่เมื่อกระแตมาเคาะประตูเรียกให้ไปช่วยกันเก็บของ สายบัวก็จำต้องออกจากห้องไปอย่างเสียไม่ได้
เมื่อไปถึงที่โต๊ะริมสระน้ำ สายบัวพบคู่กรณีนั่งตาแดงก่ำ สายตานั้นบอกให้รู้ว่า ยังพร้อมมีเรื่องอยู่กับเธอ สายบัวรีบเข้าไปเก็บถ้วยจานชามเพื่อช่วยเหลือกระแต
“หยิบไม้เท้าให้ฉันหน่อย” คุณอารักษ์พูดขึ้นลอย ๆ แต่เสียงนั้นดังมาก
สายบัวกับกระแตมองหน้ากันเป็นเชิงเกี่ยงกัน เพราะไม่รู้แน่ว่าใช้ใคร
“ไม่ได้ยินหรืออย่างไร”
พอดีกับที่คุณชวนชมเดินออกมาจากห้องพัก เธอเดินมาหยุดแล้วเป็นผู้กำกับการแสดงเสียเอง
“บัว หยิบไม้เท้าให้คุณอารักษ์เขาหน่อย คุณอารักษ์ขึ้นนอนไหวไหมคะ”
“ไม่ไหวแล้วคุณชวนชมจะประคองผมหรือครับ”
“เดี๋ยวให้สายบัวไปตามนายสะอาดมาก็ได้ เอ้อ กระแตสิ ไปตามลุงเธอมาที อ้อลืมไปว่าออกไปกับคุณผู้หญิง”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้” คนเจ็บแต่ทำซ่า ขยับตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สายบัวมองท่าทางนั้นแล้วเบ้หน้า พ่อไปทางแม่ไปทาง มีเงินแต่ไม่มีความสุข หรือคนเหล่านี้ทำไมไม่หาความสุขแบบ ดี ๆ ให้ตัวเองบ้างนะ
คุณอารักษ์ค่อย ๆ ใช้ไม้เท้าพาตัวเองขึ้นชั้นบนไปแล้ว กระแตกับคุณชวนชมกลับห้องพักของตัวเอง แต่สายบัวยังนั่งปล่อยใจให้เลื่อนลอยอยู่ตรงนั้น พื้นน้ำที่กระเพื่อมตามแรงลมเป็นระลอกเข้าหาฝั่ง นานแล้วที่คุณหมอไม่ได้ใส่กางเกงสีดำตัวเล็กลงว่าย
ห้องนอนใหญ่คุณหมอที่อยู่หลังทิวไม้ นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าของไม่ได้กลับเข้ามาใช้ ป่านนี้หมอโกมุทจะเป็นอย่างไรบ้าง แค่คิดถึงหน้าหมอความเจ็บแปลบที่หัวใจก็เข้ามาแทนที่ ทำไมเธอไม่มองใครสักคนที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเธอบ้าง
สายบัวนึกถึงเพื่อนที่เรียน กศน. ด้วยกัน เธอรู้ว่ามีหลายคนทีเดียวที่เพียรขายขนมจีบเธออย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะเขาคนนั้นเชื่อว่าความรักมันต้องจริง ๆ จัง ๆ จึงจะสำเร็จ เมื่อเขาเชื่อเช่นนั้นเธอก็จะเก็บความเชื่อเช่นนั้นมาไว้สอนใจตัวเองบ้าง
มีหวังก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไม่มีหวัง สายลมเย็นพัดเอาดอกปีบที่ริมรั้วโชยมา สายบัวกระชับมือทั้งสองข้างเข้ากับทรวงอกรู้สึกหดหู่เวิ้งว้างกับอนาคตของตน
ด้วยความเงียบของยามวิกาล สายบัวได้ยินเสียงเหมือนมีใครสักคนอาเจียนเสียงดัง และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คุณลูกชายเจ้าของบ้าน
สายบัวถอนหายใจออกมานึกเวทนาอยู่เหมือนกัน เขาจะพาสังขารนั้นไปที่ห้องน้ำและกลับออกมาอย่างไรหนอ
เมื่อเสียงอาเจียนยังดัง ทำให้เธอต้องรีบเดินขึ้นไปด้านบนแล้วถือวิสาสะ ผลักประตูห้องนอนใหญ่เข้าไป
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“หมดแรง ปวดหัว” คนตอบยังนอนแผ่อยู่กับพื้นห้องน้ำที่ใช้วัสดุเกรดเอ สายบัวเข้ามาทำความสะอาดอยู่ประจำยังแอบนอนอ่านการ์ตูนฆ่าเวลาก็ตั้งหลายหน หญิงสาวเกาะอยู่ที่วงกบแล้วชะโงกหน้าไปในห้องน้ำ พบกากอาหารที่เขากับเพื่อนกินด้วยกันเปรอะเปื้อนนองพื้นไปหมด
“แหวะเหม็น” สายบัวพูดไปอย่างที่เธอรู้สึก
“แล้วล้มลงไปอย่างนั้นขาไม่หักรอบสองหรือไงนะ” แต่อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันก็ไม่ได้อยากเจ็บหรือไปหาหมอหรอก ฉันเอาตัวรอดได้หรอกน่าลงไปเถอะ”
“เชอะ ทำเป็นไล่ ไปก็ได้”
“แต่ขอยาพาราสักสองเม็ดนะ เอาน้ำดื่มมาให้ด้วย”
“เจ้าค่ะ” ตอบรับแล้วรีบเดินลงมา เมื่อมาถึงข้างล่าง พบคุณจารุวรรณกำลังเปิดประตูเข้ามาพอดี สายบัวยอบตัวลงกับพื้นตามธรรมเนียมของบ้านทันที
คนเป็นเจ้าของบ้านชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นสายบัวลงมาจากชั้นบนในยามค่ำคืนแบบนี้
“คือ คุณอารักษ์ชวนเพื่อนมากินเหล้าที่บ้านค่ะ แล้วก็เมาอ้วก เอ้ย อาเจียนเปรอะเปื้อนไปหมด ดิฉันได้ยินเสียงก็เลยขึ้นไปดู”
สีหน้าของเจ้าของบ้านดีขึ้น แล้วก็ถอนหายใจออกมา
“มันจะทำตัวแย่ ๆ อย่างนี้ไปถึงไหนนะ เธอจัดการแทนฉันทีแล้วกัน นี่เขาจะเอาอะไรอีก”
“ยากับน้ำค่ะ”
คนเป็นแม่ซึ่งกลับมาจากงานสังคม พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไปด้วยท่าทางนางพญา
สายบัวมองตามรู้สึกสงสารคุณอารักษ์ขึ้นมานิดหนึ่ง
“บัว”
คุณอารักษ์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเรียกให้สายบัวช่วยไปประคองที่ประตูเพื่อกลับมาที่เตียงนอน สายบัวยืนมองอยู่อย่างนั้นเพราะในห้องน้ำนั้นมีไม้เท้าค้ำยันไว้อยู่แล้ว
“ยังไม่ง่วงเหรอ”
“คุณผู้หญิงให้เฝ้าดูคุณจนกว่าจะห่มผ้าและหลับตา” สายบัวพูดตามตรง
“เธอมีแฟนหรือยัง” คนที่ทุลักทุเลพาตัวเองกลับมาที่เตียงยังถามคำถามเดิม สายบัวเลิกคิ้วทำทีว่าแปลกใจกับคำถามแบบเดิม
“เธอมีความรักไหม”
“ถามทำไม”
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่า ไม่รู้ซิ ฉันมีความรักอยู่บ่อย ๆ มั้ง ฉันก็เลยคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนฉันหรือเปล่า”
“ประสาท” สายบัวสบถเบา ๆ
“ชอบหมอโกมุทใช่ป่ะ” สายบัวอยากจะวิ่งไปทุบเสียให้ได้ เป็นได้อย่างไรก็เธอว่าเธอปิดอาการจนมิดแล้วแต่ทำไมคุณอารักษ์ยังรู้ได้
“คุณชวนชมคะ ดิฉันอยากเตรียมของไว้ใส่บาตรบ้าง”
คุณชวนชมทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้ยิน
“ของที่นี่ก็พอเพียงกับพระที่มาอยู่แล้ว”
“แต่มันเป็นของ ของคุณผู้หญิง ดิฉันอยากทำบุญให้ตากับยาย พ่อ แม่บ้าง คือตอนที่ดิฉันอยู่บ้านนอก เคยใส่บาตรพระทุกวัน”
“ตอนนั้นเป็นเงินของเธอซิ ที่ซื้อข้าวของ”
“ของยาย แต่ ก็เหมือนของดิฉัน เพราะช่วยกันทำ”
คุณชวนชมนิ่งคิด
“อย่าเลย ภาพออกมาไม่สวย ไม่เห็นมีใครเขาทำกัน”
สายบัวถอยออกมา รู้สึกอยากร้องไห้ เธอจะทำอย่างไรดี ของคนอื่นแค่ยืนอยู่ตรงนั้นมันก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่บุญของตน
“เป็นอะไร ยืนร้องไห้” สายบัวตกสะดุ้ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงทักทาย จากผู้เป็นใหญ่ในรั้วบ้าน
หญิงสาววัยสิบหกซึ่งอยู่ในชุดพนักงานทำความสะอาดบ้านหลังเล็กทรุดนั่งกับพื้นทันที
“เฮ้ย ลุกขึ้น ๆ ไม่ต้องขนาดนั้น” คุณผู้หญิง คุณหญิงศิรินทิพย์ปรี่เข้าไปดึงขึ้นด้วย
“ก้อ” สายบัวไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน ประหม่าเพราะเป็นคุณแม่คุณหมอ เกรงด้วยมีราศีจับ แต่ก็อุ่นใจ ด้วยรู้สึกว่าไม่ใช่คนดุ
“ยังไม่ตอบฉันเลยว่าหนูเป็นอะไร”
“คือ บัวอยากทำบุญค่ะ”
คนฟังทำหน้าฉงน
“ทำบุญ แบบไหน ไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่า” ตรงโน้นคือที่เก้าอี้ริมสระว่ายน้ำทางทิศตะวันตกของตัวบ้านใหญ่ สายบัวเดินตามไปอย่างเกร็ง ๆ
“เล่าซิ” คนเป็นใหญ่ในบ้านยังจ้องหน้า
“คะ”
“เล่าซิ ทำไมอยากทำบุญ”
“คือ บัว เอ้ย ดิฉัน อยู่กับตากับยายมาแต่เล็ก พ่อแม่ตายหมดแล้ว ตากับยายพาใส่บาตรพระทุกวัน เพราะว่าจะได้ส่งบุญให้พ่อแม่ พอตากับยายมาตายไป ดิฉันมาอยู่ที่นี่ ดิฉันไม่มีโอกาสได้ทำให้พ่อกับแม่ ตากับยายเลย” ว่าแล้วคนเล่าก็มีน้ำตาไหลแหมะแบบสุดกลั้น
“คิดดูซิคะ คนเคยได้รับ แล้วไม่ได้รับจะเป็นอย่างไร”
คุณหญิงยิ้มแบบเต็มตื้น
“แล้วตอนเช้า ๆ ที่เธอไปยืนอยู่ตรงนั้นเธอคิดว่าไม่ได้บุญรึ”
“ได้ แต่มันไม่เท่าค่ะ”
“รู้จริง ไม่น่าเชื่ออายุเท่าเธอจะรู้เรื่องในวัด”
“เมื่อก่อนดิฉันนอนกับตากับยาย กลางคืนก็จะเปิดวิทยุฟังรายการธรรมะเพื่อประชาชนของหลวงพ่อก็พอรู้อยู่บ้าง”
คนฟังถอนหายใจออกมา
“แล้วเธอบอกกับคนบ้านนั้นหรือยัง”
“บอกแล้ว”
“คุณชวนชม เขาว่า กลัวภาพออกมาไม่สวย”
“ไปบอกเขาสิว่า ฉันอนุญาต เธออยากทำอะไรใส่บาตรล่ะ”
“น้ำพริกกะปิ ปลาช่อนแดดเดียว ยายกับตาชอบ”
“ถ้าฉันสั่งให้คนทำให้เธอว่าดีกว่าไหม” คงรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง
“จะดีหรือคะ”
“ไม่ต้องยุ่งยากทั้งเธอ และแม่ครัวบ้านนั้น”
“แต่มันก็ยังไม่ใช่ของดิฉันอยู่ดี”
“เอามา 20 บาทแล้วกัน ฉันขายให้”
คุณศิรินทิพย์ขึ้นตึกไปแล้ว สายบัวยังยืนตื้นตันใจอยู่ที่ริมสระน้ำ ความอิ่มใจมันเข้ามาแทนที่ท่ามกลางความมืดมนในเถื่อนถ้ำ เธอรู้สึกมีแสงสว่างเป็นจุดเล็ก ๆ เท่าปลายเข็มเล็ดลอดลงมา
พลัน!!
“สายบัว” เป็นเสียงร้องเรียกของกระแตให้ไปพบคุณชวนชม
“งามหน้าไหมล่ะ ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนบ้านนั้น แล้วคุยอะไรกัน”
สายบัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบ้านนี้
“เรื่องใส่บาตร คือ ดิฉัน อยากใส่บาตรให้ตากับยาย”
“แล้วไง”
“คุณไม่ ดิฉันก็เลยไปยืนร้องไห้ คุณผู้หญิงท่านเห็นก็ถาม ดิฉันก็เล่า แล้วคุณเขาก็ บอกว่าจะช่วย ให้มาบอกว่าคุณผู้หญิงท่านอนุญาต” สายบัวเล่าตะกุกตะกัก
“คนบ้านนี้ก็เลยกลายเป็นยักษ์เป็นมารกันไป เรื่องนี้ถ้าถึงหูคุณผู้หญิงนะ รับรองเธอถูกเอ็ดแน่”
สายบัวก้มหน้า
น้าดาวเรืองพอรู้เรื่องก็ค่อยๆ เดินเข้ามาทรุดนั่งฟังด้วย คุณชวนชมเล่าด้วยเสียงสะบัด ๆ ให้ฟังในทันที น้าสาวหันมาจ้องหน้า แววตานั้นตำหนิ สายบัวรู้สึกว่าตัวโทสะมันกรุ่นขึ้นในใจอีกแล้ว
เรื่องเล็กทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ เธออยู่บ้าน พอพระเดินมาแต่ไกลๆ เด็ก ๆ หลานป้าก็ช่วยกันตะโกนเสียงดังโหวกเหวกให้คนที่ตั้งใจใส่บาตรได้รู้ตัว ได้เตรียมของมานั่งรอ แต่นี่ เธอเอ่ยปากอยากทำบุญบ้าง ดูเป็นเรื่องใหญ่ระดับคณะรัฐมนตรีพิจารณา
น้าเธอก็เหมือนกัน กลับไปบ้านนอกมีปากมีเสียง แต่พออยู่ที่นี่ ทำตัวเหมือนคนเป็นใบ้ คนเหมือนกันจะกลัวอะไรนักหนา ทำงานแลกเงินไม่ได้มากมาย แค่มีที่ซุกหัวนอนสบาย กินอิ่มไม่เสียตังค์แค่นี้ ทำไมจะต้องลดสิทธิ์เสียงตัวเองด้วย
เรื่องนี้สรุปที่ว่า ต่อไปสายบัวไม่มีสิทธิ์ไปเจ๋อ อยู่ที่หน้าบ้านในตอนเช้าอีกแล้ว พอกลับถึงห้อง สายบัวร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า ภาพตากับยาย และพ่อแม่รออาหารทิพย์อยู่ในมโนนึก
ไหนจะคุณผู้หญิงที่พลอยถูกตำหนิไปด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะมาก้าวก่ายกับคนในบ้านหลังนี้
“พี่ดวงใจ” สายบัวไปแอบร้องเรียกเบาๆ หลังพุ่มไม้
“มีอะไร” เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นข่าวในสองบ้าน
“คือ พี่ช่วยเอาตังค์นี่ไปให้คุณท่านด้วยนะ” สายบัวส่งเงินแบงก์ยี่สิบให้ห้าใบ พี่ดวงใจไม่ยอมรับไว้
“ช่วยบอกคุณท่านว่า ช่วยบัวสัก 5 วันแค่นี้คุณท่านก็รู้แล้วค่ะ” สายบัวยัดเยียดเงินให้แล้วผละออกมา โดยไม่ฟังคำปฏิเสธ
เมื่อถูกขัดขวางก็ยิ่งอยากเอาชนะ
สำหรับคำว่า ‘บุญ’ ยิ่งยาก ยิ่งปลื้ม
“บัว มานี่หน่อย”
ขณะเดินกลับมาจากโรงเรียน พี่ดวงใจดักเรียก แล้วเดินนำเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทางด้านหน้า สายบัวรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน สิ่งใดที่คุณหมอได้ใช้ เธอจะได้เห็นก็คราวนี้ แล้วสิ่งแรกที่ทำให้เธอสะเทือนใจ นั่นก็คือ ภาพถ่ายของครอบครัว มีพ่อแม่พี่ชายพี่สาวและก็คุณหมอ ที่ยิ้มแย้มสดใส ในชุดข้าราชการ
คงอบอุ่น มีความสุขหากไม่มีมารหัวขนคนบ้านโน้นที่เต๊ะจุ๊ยสูบบุหรี่เรียกหาคนใช้ให้รับใช้ไปวัน ๆ
“รอตรงนี้นะ” สายบัวทรุดลงนั่งกับพื้น วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโพรกกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ กับกระเป๋าสะพายใส่หนังสือใบใหญ่เทอะทะ
รอได้อึดใจ คุณนันทพร ก็เดินออกมา สายบัวยกมือทำความเคารพ
“เรื่องเงินร้อยบาทที่เธอเอามาฝากให้คุณผู้หญิง สำหรับเป็นค่าอาหารทำบุญ” สายบัวไม่อยากจะคิดว่ามันจะออกหัวหรือก้อย เป็นเรื่องที่ควรถูกตำหนิอีกหรือเปล่า แต่เธอก็ดีใจที่เธอสามารถแหกกฎของบ้านนั้นมาทำในสิ่งที่ดีงามได้
“คุณหญิงท่านรับไว้ แล้วฝากมาบอกด้วยว่าอนุโมทนาบุญกับเธอด้วย”
สายบัวยิ้มกว้าง แล้วน้ำตาก็หยดแหมะ ซึ้งในน้ำใจที่เขามอบให้ ตากับยาย พ่อกับแม่ จะได้มีอาหารทิพย์เพิ่มความสว่างไสวให้กับกายทิพย์
“เธอได้เงินเดือน เดือนละเท่าไหร่”
“4,500 บาทค่ะ”
“วันละ 10 บาทไหวไหม สำหรับค่าอาหารทำบุญ”
“ไหว ไหวคะ” เมื่อได้ยิน สายบัวดีใจจนขนลุก
“วันนี้คงช่วยให้เธอสมปรารถนาในเรื่องดี ๆ ได้เท่านี้ แต่ดีใจที่เธอเชื่อว่าบุญมีจริง”
“สายบัวเธอนี่เก่งนะกล้างัดข้อกับคุณชวนชม”
“ชมหรือด่ากันคะนี่” สายบัวถามคนขาเจ็บไปตรง ๆ
“ชมซิ เออ เรียนจบมอหกแล้วจะไปเรียนต่ออะไร” สายบัวทำหน้าแปลกใจที่เขาสนใจเรื่องของตนเอง
“คนจนอย่างบัวจะเรียนอะไรได้นอกจากไปเรียนที่รามคำแหง”
“แล้วเธออยากเป็นอะไรล่ะ” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระน้ำ สูบบุหรี่ไปด้วยคุยกับเธอไปด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อนว่าตัวเองนอนเจ็บอย่างนี้แล้วเรื่องอื่นๆ ที่ทำค้างไว้จะไม่สำเร็จ
“อยากทำงานในโรงพยาบาล” สายบัวบอกตามตรง ส่งผลให้คนฟัง สำลักบุหรี่ในทันที
“ในนั้นมันมีดีอะไรนักหนานะ มีแต่เลือดมีแต่คนเจ็บมีแต่น้ำตาและความเศร้าสร้อย”
สายบัวไม่ตอบ เพราะคำตอบของเธอไม่ใช่อยู่ที่คนเหล่านั้น มันคือหน้าหมอโกมุทคือความฝันของเธอ คือความสุขที่ทำให้เธอได้นึกถึง
“เมื่อไหร่คุณอารักษ์จะเลิกสูบบุหรี่ แล้วสูบมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่” สายบัวเปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง
“อยากรู้ไปทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย”
สายบัวทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อถูกตำหนิ แต่ในใจนั้นก็เดือดปุด ๆ เหมือนกัน ใช่ซิ อย่างไรเขาก็มองเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น ไม่มีวันมองเธอได้สูงกว่านี้หรอก
“บัวฉันปวดขา นวดให้ฉันบ้างสิ” น้ำเสียงกระเส่าลงจนสายบัวรู้สึกแปลกใจ
“ไม่ค่ะ ใช้กระแตมันซิ บัวนวดไม่เป็น”
“ฉันให้ห้าร้อย แต่ต้องไปนวดให้ฉันบนห้องนะ” ความโกรธแล่นฉิวขึ้นหน้าสายบัวทันที เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันนะ
“เป็นอะไรเงียบไป”
ไม่เงียบเปล่า สายบัวค่อย ๆ ถอยหลังแล้วรีบวิ่งกลับไปร้องไห้ในห้องตัวเอง
เมื่อเธอร้องไห้จนหนำใจแล้ว น้าดาวเรืองก็เปิดประตูเข้ามาหา คนเป็นหลานพยายามซ่อนดวงตาที่แดงช้ำ
“คุณอารักษ์ทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า”
“ถ้าเขาทำจริง ๆ น้าจะช่วยอะไรบัวได้ ดูเหมือนคนที่นี่รู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับเขาทุกอย่างแต่ยังให้บัวได้ไปมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด”
“ก็เขาขาหัก เขาจะทำอะไรเธอได้”
“ตัวทำไม่ได้แต่คำพูดและสายตาของเขาที่เล้าโลมบัวละน้า”
“บัวสวยขึ้นนะ แต่ระวังตัวไว้ดีแล้วน้าดีใจกับเธอด้วยจริง ๆ ปะ ออกไปซิ นี่ก็ให้มาตาม เรียกหาเธออยู่”
สายบัวเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาออกมาที่หน้ากระจก เธอมองดูใบหน้าและแววตาของเธอ เส้นผมที่ดำขลับยาวถึงกลางหลังซึ่งมัดสูงทำให้ใบหน้าของเธอดูเรียวงาม หากคนที่จ้องเธอเป็นหมอโกมุทแทนน้องชายเขา เธอคงจะดีใจมาก
หญิงสาวถอนหายใจออกมา แล้วรีบผละออกจากห้อง
“บัว” คุณอารักษ์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“เดี๋ยวเพื่อน ๆ ฉันจะมากินเหล้าที่นี่ ช่วยจัดสถานที่และเตรียมกับแกล้มไว้ให้ด้วยนะ” เมื่อได้ยินสายบัวอยากกรี๊ดใส่ เธอนึกว่าเขาจะขอโทษที่เป็นฝ่ายจาบจ้วงเธอ แต่เขาหาสำนึกถึงความผิดของตนได้ จริง ๆ ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ชายคนนี้ได้มองผู้หญิงที่ด้อยกว่าเป็นคนขึ้นมาบ้าง
“แต่ขาคุณเจ็บนะคะ คุณจะกินเหล้าได้อย่างไร”
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันกิน เธอไม่ใช่คนกินสักหน่อย”
“แต่หมอห้ามไว้ไม่ใช่หรือคะ”
“เอ๊ะเธอนี่ เธอเป็นใคร และฉันเป็นใคร รู้ตัวเองไว้ด้วย”
สายบัวหันหลังให้ทันที เธอไม่สนใจหรอก ใครจะว่าเธอก็ช่าง ถือว่างานนี้มันเป็นงานนอกหน้าที่ที่เคยทำประจำ
“งั้นตามกระแตมาหาฉันหน่อย”
“ได้เจ้าค่ะ”
สายบัวไปตามกระแตมาตามที่เจ้านายหนุ่มต้องการ เมื่อเห็นกระแตปฏิบัติตามคำสั่งแล้ว สายบัวก็เข้าห้องอาบน้ำเตรียมออกมากินข้าวเย็นแล้วก็อ่านหนังสือเรียน
แต่เสียงของเจ้านายกับเพื่อนยังดังจนมาถึงหูจนได้
“ไหนวะคนใช้ที่ว่าหน้าตาดี ๆ หุ่นดี ๆ เรียกออกมาให้ดูหน้าหน่อยดิ๊”
“ไอ้รักษ์เอ็งรู้ไหมว่า ตั้งแต่เอ็งเจ็บขาหักนี่ น้อง ๆ ที่โรซ่า สโรน่า คิดถึงเอ็งน่าดูเลยนะโว้ย ถามกูตลอดว่าพี่รักษ์หายหรือยัง”
“เอาเรื่องคนใช้มันก่อน เรียกออกมาดิ๊”
“เล่นตัวฉิบเลยว่ะ นึกว่าจะหมู ไม่หมูว่ะ”
“เสนอน้อยไปหรือเปล่าวะ”
“เออ พูดเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวถอดเฝือกเมื่อไหร่เราไปลุยกันเหมือนเคยนะโว้ย”
คืนนั้นนับว่าดึกเอาการกว่าที่เพื่อน ๆ ของอารักษ์จะกลับไป ว่าจะไม่สนใจ แต่เมื่อกระแตมาเคาะประตูเรียกให้ไปช่วยกันเก็บของ สายบัวก็จำต้องออกจากห้องไปอย่างเสียไม่ได้
เมื่อไปถึงที่โต๊ะริมสระน้ำ สายบัวพบคู่กรณีนั่งตาแดงก่ำ สายตานั้นบอกให้รู้ว่า ยังพร้อมมีเรื่องอยู่กับเธอ สายบัวรีบเข้าไปเก็บถ้วยจานชามเพื่อช่วยเหลือกระแต
“หยิบไม้เท้าให้ฉันหน่อย” คุณอารักษ์พูดขึ้นลอย ๆ แต่เสียงนั้นดังมาก
สายบัวกับกระแตมองหน้ากันเป็นเชิงเกี่ยงกัน เพราะไม่รู้แน่ว่าใช้ใคร
“ไม่ได้ยินหรืออย่างไร”
พอดีกับที่คุณชวนชมเดินออกมาจากห้องพัก เธอเดินมาหยุดแล้วเป็นผู้กำกับการแสดงเสียเอง
“บัว หยิบไม้เท้าให้คุณอารักษ์เขาหน่อย คุณอารักษ์ขึ้นนอนไหวไหมคะ”
“ไม่ไหวแล้วคุณชวนชมจะประคองผมหรือครับ”
“เดี๋ยวให้สายบัวไปตามนายสะอาดมาก็ได้ เอ้อ กระแตสิ ไปตามลุงเธอมาที อ้อลืมไปว่าออกไปกับคุณผู้หญิง”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้” คนเจ็บแต่ทำซ่า ขยับตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สายบัวมองท่าทางนั้นแล้วเบ้หน้า พ่อไปทางแม่ไปทาง มีเงินแต่ไม่มีความสุข หรือคนเหล่านี้ทำไมไม่หาความสุขแบบ ดี ๆ ให้ตัวเองบ้างนะ
คุณอารักษ์ค่อย ๆ ใช้ไม้เท้าพาตัวเองขึ้นชั้นบนไปแล้ว กระแตกับคุณชวนชมกลับห้องพักของตัวเอง แต่สายบัวยังนั่งปล่อยใจให้เลื่อนลอยอยู่ตรงนั้น พื้นน้ำที่กระเพื่อมตามแรงลมเป็นระลอกเข้าหาฝั่ง นานแล้วที่คุณหมอไม่ได้ใส่กางเกงสีดำตัวเล็กลงว่าย
ห้องนอนใหญ่คุณหมอที่อยู่หลังทิวไม้ นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าของไม่ได้กลับเข้ามาใช้ ป่านนี้หมอโกมุทจะเป็นอย่างไรบ้าง แค่คิดถึงหน้าหมอความเจ็บแปลบที่หัวใจก็เข้ามาแทนที่ ทำไมเธอไม่มองใครสักคนที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเธอบ้าง
สายบัวนึกถึงเพื่อนที่เรียน กศน. ด้วยกัน เธอรู้ว่ามีหลายคนทีเดียวที่เพียรขายขนมจีบเธออย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะเขาคนนั้นเชื่อว่าความรักมันต้องจริง ๆ จัง ๆ จึงจะสำเร็จ เมื่อเขาเชื่อเช่นนั้นเธอก็จะเก็บความเชื่อเช่นนั้นมาไว้สอนใจตัวเองบ้าง
มีหวังก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไม่มีหวัง สายลมเย็นพัดเอาดอกปีบที่ริมรั้วโชยมา สายบัวกระชับมือทั้งสองข้างเข้ากับทรวงอกรู้สึกหดหู่เวิ้งว้างกับอนาคตของตน
ด้วยความเงียบของยามวิกาล สายบัวได้ยินเสียงเหมือนมีใครสักคนอาเจียนเสียงดัง และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คุณลูกชายเจ้าของบ้าน
สายบัวถอนหายใจออกมานึกเวทนาอยู่เหมือนกัน เขาจะพาสังขารนั้นไปที่ห้องน้ำและกลับออกมาอย่างไรหนอ
เมื่อเสียงอาเจียนยังดัง ทำให้เธอต้องรีบเดินขึ้นไปด้านบนแล้วถือวิสาสะ ผลักประตูห้องนอนใหญ่เข้าไป
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“หมดแรง ปวดหัว” คนตอบยังนอนแผ่อยู่กับพื้นห้องน้ำที่ใช้วัสดุเกรดเอ สายบัวเข้ามาทำความสะอาดอยู่ประจำยังแอบนอนอ่านการ์ตูนฆ่าเวลาก็ตั้งหลายหน หญิงสาวเกาะอยู่ที่วงกบแล้วชะโงกหน้าไปในห้องน้ำ พบกากอาหารที่เขากับเพื่อนกินด้วยกันเปรอะเปื้อนนองพื้นไปหมด
“แหวะเหม็น” สายบัวพูดไปอย่างที่เธอรู้สึก
“แล้วล้มลงไปอย่างนั้นขาไม่หักรอบสองหรือไงนะ” แต่อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันก็ไม่ได้อยากเจ็บหรือไปหาหมอหรอก ฉันเอาตัวรอดได้หรอกน่าลงไปเถอะ”
“เชอะ ทำเป็นไล่ ไปก็ได้”
“แต่ขอยาพาราสักสองเม็ดนะ เอาน้ำดื่มมาให้ด้วย”
“เจ้าค่ะ” ตอบรับแล้วรีบเดินลงมา เมื่อมาถึงข้างล่าง พบคุณจารุวรรณกำลังเปิดประตูเข้ามาพอดี สายบัวยอบตัวลงกับพื้นตามธรรมเนียมของบ้านทันที
คนเป็นเจ้าของบ้านชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นสายบัวลงมาจากชั้นบนในยามค่ำคืนแบบนี้
“คือ คุณอารักษ์ชวนเพื่อนมากินเหล้าที่บ้านค่ะ แล้วก็เมาอ้วก เอ้ย อาเจียนเปรอะเปื้อนไปหมด ดิฉันได้ยินเสียงก็เลยขึ้นไปดู”
สีหน้าของเจ้าของบ้านดีขึ้น แล้วก็ถอนหายใจออกมา
“มันจะทำตัวแย่ ๆ อย่างนี้ไปถึงไหนนะ เธอจัดการแทนฉันทีแล้วกัน นี่เขาจะเอาอะไรอีก”
“ยากับน้ำค่ะ”
คนเป็นแม่ซึ่งกลับมาจากงานสังคม พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไปด้วยท่าทางนางพญา
สายบัวมองตามรู้สึกสงสารคุณอารักษ์ขึ้นมานิดหนึ่ง
“บัว”
คุณอารักษ์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเรียกให้สายบัวช่วยไปประคองที่ประตูเพื่อกลับมาที่เตียงนอน สายบัวยืนมองอยู่อย่างนั้นเพราะในห้องน้ำนั้นมีไม้เท้าค้ำยันไว้อยู่แล้ว
“ยังไม่ง่วงเหรอ”
“คุณผู้หญิงให้เฝ้าดูคุณจนกว่าจะห่มผ้าและหลับตา” สายบัวพูดตามตรง
“เธอมีแฟนหรือยัง” คนที่ทุลักทุเลพาตัวเองกลับมาที่เตียงยังถามคำถามเดิม สายบัวเลิกคิ้วทำทีว่าแปลกใจกับคำถามแบบเดิม
“เธอมีความรักไหม”
“ถามทำไม”
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่า ไม่รู้ซิ ฉันมีความรักอยู่บ่อย ๆ มั้ง ฉันก็เลยคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนฉันหรือเปล่า”
“ประสาท” สายบัวสบถเบา ๆ
“ชอบหมอโกมุทใช่ป่ะ” สายบัวอยากจะวิ่งไปทุบเสียให้ได้ เป็นได้อย่างไรก็เธอว่าเธอปิดอาการจนมิดแล้วแต่ทำไมคุณอารักษ์ยังรู้ได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 14:20:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 14:20:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 2301
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |

pattisa 3 เม.ย. 2554, 10:42:07 น.
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาไหล..
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาไหล..

innam 4 เม.ย. 2554, 10:34:54 น.
ตามเป็นกำลังใจ
ตามเป็นกำลังใจ