อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 5

5

ผ่านไปเดือนเดียวขาคุณอารักษ์กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เมื่อขาหาย ตัวของเขาก็หายไปจากบ้านด้วย จนกระทั่งโรงเรียนคุณอาภัสวรรณปิดเทอม พี่ชายกับน้องสาวจึงได้กลับมาอยู่บ้านตามความต้องการของคนเป็นแม่

“เอ้า ชุดนี้ ลองใส่ดู”

คุณอาภัสวรรณ โยนเสื้อผ้าออกมาจากตู้ลงบนเตียง สายบัวที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น เพียงชะโงกดู ไม่กล้าใช้มือเข้าไปแตะต้อง

“นั่งเฉยอยู่ทำไมล่ะ ลุกขึ้น หยิบขึ้นมาทาบตัว” ลูกสาวเจ้านายคะยั้นคะยอ

สายบัวยิ้มแหย ๆ ให้ อีกใจก็นึกอเนจอนาถใจตน

อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่อีกคน ประหนึ่งองค์หญิง เธอตกบันไดอยู่ในภาวะนางสนองพระโอษฐ์

“คืนนี้ไปกับฉันนะ ฉันขอคุณชวนชมเรียบร้อยแล้ว”

“น้าดาวเรืองคงไม่อนุญาต” อยากจะบอกให้รู้ว่า คุณชวนชมมีสิทธิ์อะไรกับเรื่องนอกเวลางาน

“ถ้าคุณชวนชมให้ ใครก็ขัดไม่ได้”

เมื่อจำหยิบชุดมาสวม

“สั้นไป ดิฉัน ไม่กล้า” บอกจากใจจริง ยายไม่เคยห้ามเรื่องการแต่งตัว เป็นเธอเองที่รู้ว่า ควรจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน ประหยัด รัดกุม ปลอดภัย

“เหอะ” น้ำเสียงบังคับกราย ๆ

“ไม่ค่ะ” เด็ดขาดเช่นกัน

แล้วคุณอาภัสวรรณ จำต้องหยิบอีกชุดมาให้ลอง

“ไม่ไปไม่ได้หรือคะ”

“ไปเถอะ เป็นเพื่อนฉัน”

“ทำไมไม่เอากระแตมันไปด้วยคะ”

“ไม่เอาหรอก กระแตมันหน้าบ้านนอกเกินไป ปลอมตัวเป็นเพื่อนฉันไม่ได้หรอก”

แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย คุณอารักษ์ผู้เป็นพี่ชายถอยรถเก๋งคันหรูหราราคาแพงออกมารับ

เมื่อเห็นสายบัว ยืนหนีบกระมิดกระเมี้ยนอยู่ เขายิ้มที่มุมปาก ยากคาดเดาความรู้สึก

คุณอาภัสวรรณเปิดประตูแล้วผลักสายบัวเข้าไปที่เบาะหลัง

“เป็นไงพี่ชาย”

“พอทน”

สายบัวไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อไปถึงสถานที่นั้น เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นแสง สี และได้ยินเสียงกระชากอารมณ์ที่เคยสงบให้ร้อนรุ่ม รู้ตัวว่า เก้ ๆ กัง ๆ เด๋อ ๆ ด๋า ๆ พยายามไม่ทำท่าแบบบ้านนอกเข้ากรุง อย่างที่น้าดาวเรืองพร่ำบอก หรือที่กระแตเป็นให้เห็นอยู่บ่อย ๆ

คุณอาภัสวรรณหัวเราะนิด ๆ กับพี่ชาย สายบัวรู้สึกว่าตนเหมือนตัวตลก

เมื่อเข้าไปข้างใน พบเพื่อนสาว ๆ กลุ่มใหญ่ของสองพี่น้อง ทักทายกันกรี๊ดกร๊าด

คุณอาภัสวรรณแนะนำว่าเธอคือเพื่อนที่โรงเรียนประจำ สายบัวยิ้มไม่เต็มปากนัก พอถูกแนะนำอย่างนั้นจึงพยายามวางท่าเป็นนักเรียนประจำผู้มีชาติตระกูลคงจะดี

แล้วสิ่งที่สายบัวได้เห็นคือ คุณอารักษ์กับเด็กผู้หญิงอีกคน จุ๊บปากกันอย่างเปิดเผย คนเห็น ใบหน้าร้อนผะผ่าว รู้สึกอายแทน เด็กคนนั้นคงจะวัยเดียวกับเธอ ยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“บัว เขาเรียบร้อย นี่อยากให้พี่ชายของนังนี่รู้จักจังเลย”

“โทรตามเอาไหม” พูดกันแบบตะโกนสุดเสียง มันมีความสุขตรงไหน เสียงเพลงก็ดังจัด กลิ่นและควันบุหรี่ก็คละคลุ้ง ทนอยู่ได้อย่างไร

“ลองซิ บอกว่า มีคนจะแนะนำให้รู้จัก”

เพื่อนคนนั้นรีบปฏิบัติตาม

“ไม่ว่าง ไม่มา” เมื่อได้ยินสีหน้าของคุณอาภัสวรรณเจื่อนลง

ค่ำคืนนั้น ในกลุ่มนั้น สายบัวเหมือนเป็นคนอื่น ศัพท์แสงบางคำ ถ้อยคำบางอย่างเธอไม่เข้าใจ สรุปแล้วเธอโง่ อีกอย่างรู้สึกว่ารู้ไป ใช่ว่ามันจะทำให้เธอมีความสุข

เกือบตีหนึ่งที่คุณอารักษ์พาน้องสาวและเธอกลับเข้าบ้าน

“สนุกไหมบัว”

จะให้ตอบว่าอย่างไร เธอฟังเพลงฝรั่งอะไรนั่นไม่รู้เรื่อง เธอไม่ชอบเห็นผู้หญิงกินเหล้าสูบบุหรี่มันดูก๋ากั่น ไม่ดี แล้วไหนจะพวกผู้ชายโต๊ะอื่น ๆ ที่ใช้สายตาแทะโลมพวกผู้หญิงในกลุ่มนี้ กับเงินแบงก์พันหลายใบที่คุณอารักษ์จ่ายไป มันน่าจะอยู่ในตู้บริจาคค่าน้ำค่าไฟของวัดเสียมากกว่า

“รู้ไหมว่าวันนี้เราพาเธอไปด้วยทำไม” คุณอาภัสวรรณตั้งคำถามขึ้น

“พี่ชายฉันเขาอยากเลี้ยงแต้งกิ้วเธอนะ อย่าคิดอะไรมากนะ ที่ได้เห็นก็คิดว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตแล้วกัน แล้วอย่าเที่ยวไปปากโป้งล่ะว่าเราทำอะไรกันบ้าง แล้ววันหลังจะพาไปอีก”

“ค่ะ” ตอบไปอย่างนั้น เพราะชีวิตเราลิขิตมันเองไม่ได้ทั้งหมด

เมื่อสองพี่น้องแยกขึ้นชั้นบนไปแล้ว สายบัวก็ไปหยุดนั่งอยู่ตรงม้าหินซึ่งสามารถมองเห็นห้องของคุณหมอโกมุท หากผู้ชายที่ขับรถให้ในวันนี้ไม่ใช่คุณอารักษ์ เธอคงมีความสุขมหาศาล

ป่านฉะนี้ ดึกอย่างนี้คุณหมอจะนอนหรือยัง วันนั้นประมาณตีสองตีสาม มีคนเจ็บอาการหนัก เธอยังเห็นคุณหมอ เดินวกไปวนมาอยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลประจำอำเภอ เขาเป็นวีรบุรุษ ผู้ช่วยชีวิตคน

สายบัวลูบแขนของตนแล้วกอดกระชับกับหน้าอก ถึงใบหน้าจะละม้าย ถึงเขาจะชายตามอง แต่เธอหาได้รู้สึกใด ๆ คุณหมอเท่านั้น คือคนในดวงใจ นานแค่ไหน เธอก็จะรอ



“บัว” รถเก๋งคันที่เธอเคยนั่ง แซงแล้วไปจอดดักหน้า พอเธอเดินมาถึงก็เปิดกระจกร้องเรียก

“ขึ้นรถซิ”

สายบัวเหลียวซ้ายแลขวา จะดีหรือ

“กลับบ้านไม่ใช่รึ ไปด้วยกัน”

“อย่าดีกว่าคะคุณอารักษ์ เดี๋ยวถูกคุณชวนชมว่าเอาได้”

“ไปกับฉันใครจะว่า”

“เหอะขึ้นรถ รถติดเห็นไหม” สายบัวจำใจ เดินไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง แอร์เย็นฉ่ำ รถคันใหญ่ทันสมัย กับบุรุษรูปหล่อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีมีราคา ควรจะดีใจได้ปลื้มแต่เธอกลับรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะคำถามด้วยน้ำเสียง จับผิด คาดคั้น

“เรียนอะไร เลิกเกือบมืดค่ำ”

“เรียนพิมพ์ดีด แค่ตอนเย็นวันอาทิตย์ เก็บให้ได้ 250 ชั่วโมง เอาไว้เทียบโอน จะได้จบเร็วขึ้น” สายบัวตอบแบบเกร็ง ๆ อาการกลัว ๆ

“ทำตัวตามสบาย” คนขับสวมแว่นสีชา แม้จะหันมามองเธอก็ไม่เห็นดวงตาของเขา

“ให้ดิฉันลงหน้าบ้านก็ได้ค่ะ อย่านั่งรถเข้าไปเลย มันไม่เหมาะ”

กลัวคุณหมอโกมุทรู้ กลัวเขาไม่สบายใจ ใคร ๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าคุณอารักษ์ เจ้าชู้เหมือนพ่อ ส่วนคุณหมอก็เอาแต่ทำงาน

คุณอารักษ์ เหยียบเบรกจนรถหยุดกึก สายบัวหน้าคะมำ

“ขอโทษ ตามใจเธอแล้วกัน” รถแล่นเข้าบ้านไปแล้ว สายบัวถอนหายใจออกมา

คุณอาภัสวรรณ กำลังจะได้เป็นดาราระดับนางเอก ด้วยฝีมือการผลักและดันของคุณแม่ผู้มีความทะเยอทะยาน เมื่อลูกมีอนาคตในแบบธรรมดาที่คนส่วนใหญ่เป็นกันไม่ได้ ก็หาทางลัดเพื่อให้มีหน้าตาในสังคม

คิดถูกแล้วหรือ เป็นเด็กต้องเรียนหนังสือ กรณีของเธอที่ไม่เรียนก็ไม่ได้เหลวไหล ตอนนั้นต้องการเพียงตอบแทนบุญคุณของตากับยายและอีกอย่าง เธอก็คิดว่าอยู่บ้านนอกเหมือนที่ตาเคยอยู่มาเดี๋ยวชีวิตมันก็ดีขึ้น ๆ มาเอง หากต้องแต่งงานกับใครสักคนแถวนั้นก็ต้องเลือกให้ถึงที่สุด
อยู่ไปนาน ๆ สายบัวรู้แล้ว ใครคือคนที่เธอควรอยู่เป็นพวก

บ้านเล็ก ได้มาด้วยการช่วงชิง วางแผน ทำทุกวิถีทาง จนได้เลื่อนจากประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลมาเป็นคุณผู้หญิงบ้านเล็ก แม้จะไม่ให้ความร่วมมือ แต่คุณอารักษ์ก็มีส่วนทำให้คุณหมอโกมุทเจ็บช้ำ โตมาด้วยกัน แต่คนเป็นน้องเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ทางใดที่จะทำให้พี่บอบช้ำได้ เธอเป็นต้องทำ แย่งแฟนพี่สมัยมัธยม หรือเลือกที่จะเด่นกว่า ดีกว่าในหลาย ๆ เรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณอารักษ์ทำไม่ได้นั่นก็คือสอบเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ พอทำไม่ได้ก็อ้างว่า ไม่ชอบโรงพยาบาล

ข้อมูลที่สายบัวได้มานี้มั่นใจว่าไม่ผิดเพราะคนที่พูดคือคนบ้านใหญ่ซึ่งเป็นคนดีมีศีลธรรม



“สายบัว” แม้นาน ๆ จะได้ยินแต่มันเป็นเสียงที่ติดอยู่ในความทรงจำอันแสนหวาน สายบัวหันกลับไปทันที รู้ว่าสัปดาห์นี้คุณหมอกลับมาบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกันตรงนี้ แต่ก็แอบหวังตลอดว่าคงจะเห็นตรงไหนสักที่ในกรุงเทพ

“เพิ่งกลับมารึ”

“ค่ะ” สายบัวปรี่เข้าไปหาที่ประตูรถ เพราะยืนคุยกันไกล ๆ ไม่ได้ยิน แต่ลึก ๆ นั้นสายบัวอยากสูดกลิ่นกายของเขาให้ชื่นถึงหัวใจ

“มีอะไรรึคะ”

คุณหมอโกมุทส่งถุงพลาสติกซึ่งมีกล่องกระดาษมาให้

“เครื่องเล่นซีดีแบบพกพา เอาไว้ฟังสื่อภาษาอังกฤษ เธอจะได้เรียนรู้เรื่องขึ้น” ยังไม่ทันที่สายบัวจะพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ คุณหมอก็ขับรถเข้าบ้านไปแล้ว สายบัวลัดเลาะไปตามเส้นทางของคนรับใช้ อดเหลียวมองรถของคุณหมอไม่ได้ เห็นทีไรหัวใจของสายบัวเต้นแรงทุกทีไป

สายบัวกระชับกล่องเครื่องเล่นในมือ วันหนึ่งเธอกำลังนั่งอ่านหนังสือแบบเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่ใต้ต้นลีลาวดีหลังบ้าน คุณหมอโกมุทเดินเข้ามาพร้อมกับถามไถ่จนได้รู้ว่า เธอกำลังศึกษาเพิ่มเติม วิธีจะทำให้ก้าวหน้าคือ ต้องหัดฟังด้วย คุณหมอรับปากจะช่วย แล้วก็ทำอย่างที่พูด

สายบัวถือมันไว้แนบที่หัวอก แล้วเดินกลับไปที่ห้องพักของตน

“อะไรน่ะ” กระแตร้องถามแววตาใคร่รู้

“เครื่องเล่นซีดีแบบพกพา”

กระแตปรี่เข้ามาดู

“โอ้โฮ กล้าซื้อของแพงใช้ด้วยรึเนี่ย ยี่ห้อนี้นะ ฉันเคยไปแอบมองในห้างสรรพสินค้า มันหลายพันนี่”

สายบัวไม่ตอบ ได้แต่นึกขอบคุณ คนให้อยู่ในใจ
คืนนั้นเธอรู้สึกว่า ซีดีเพลง Wind of change ของ Scorpions มันเข้าไปฝังแน่นอยู่ในหัวใจ



แล้วสายบัวก็ต้องตัดสินใจเรื่องทางเดินชีวิตอีกครั้ง เมื่อน้าดาวเรืองบอกว่าจะไปใช้ชีวิตคู่ กับน้าชนะพ่อม่ายเจ้าของร้านข้าวมันไก่หน้าปากซอย

“ไปอยู่ด้วยกัน น้าบอกแล้ว ชีวิตของเรามันจะต้องมีโอกาส”

สายบัวหยุดคิด เธอจะอยู่ที่นี่เพื่อรอโอกาสเหมือนกัน

“บัวคงไม่ไปหรอกน้า มันไม่สะดวกนักหรอก บอกตามตรง บัวอยู่ที่นี่บัวรู้สึกปลอดภัย” เป็นเหตุผลที่อย่างไรน้าเธอก็ต้องยอมจำนน

“ก็ตามใจ ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน อดทนไว้นะสายบัว ตัวคนเดียวไม่มีใคร ผิดพลาดไปใครก็ไม่ได้เข้ามาอุ้มชีวิตของเธอ น้าเห็นใจนะ อะไรที่น้าพอจะช่วยได้ ก็ให้รีบไปบอก”

“แล้วน้าจะอยู่ด้วยกันเฉย ๆ อย่างนั้นหรือ”

“จนปูนนี้แล้วสายบัว อีกอย่างพ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว คนที่บ้านเราเขาก็ไม่ได้มองว่าน้าดิบดีอะไรนักหรอก เรารู้ว่าเราเป็นอย่างไรก็พอแล้ว”

น้าดาวเรืองขึ้นไปลาออกและฝากฝังหลานสาวไว้ คุณผู้หญิงกับคุณชวนชมให้ศีลให้พร และให้เงินมาอีกก้อน บอกว่าเอาไว้ทำทุน สายบัวเห็นน้าดาวเรืองมีน้ำหูน้ำตา

“อยู่กันไปนาน ๆ มันก็ผูกพันเหมือนญาติผู้ใหญ่”
ข้อนี้สายบัวไม่เถียง ถึงคุณชวนชมจะขี้บ่นไปนิด แต่ก็พูดเพื่อให้เธอและกระแตได้ดี เธออยู่ไป ๆ มันก็เริ่ม ‘ชิน’ อย่างที่น้าดาวเรืองเคยพูดไว้ แต่เธอจะไม่ให้มันหยั่งรากฝังลึกจนเธอกลัวที่จะเผชิญต่อโลกภายนอกอย่างเด็ดขาด การที่จะคู่ควรกับคุณหมอได้นั้น จะต้องเป็นให้ดีกว่านี้

ตราบใด ที่ เธอก็ยังมีความหวัง

ตราบใด ยัง เธอก็หวังจะคอย



ผลการเรียนในศูนย์การศึกษานอกเรียนเป็นที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้เกรดสี่เกรดสามทุกวิชาแต่สายบัวก็ถือว่าเป็น ท็อปของห้อง เรียนอาทิตย์ละหนึ่งวันทำได้แค่นี้ก็พอแล้ว วันที่สายบัวเรียนจบได้ใบประกาศนียบัตรรับรองวุฒิ เป็นวันเดียวกับที่คุณหมอย้ายกลับจากต่างจังหวัดมาอยู่โรงพยาบาลของรัฐพร้อมกับดูแลงานในโรงพยาบาลของครอบครัว

สายบัวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงยาวถึงน่องสีดำกลีบรอบเดินถือใบประกาศเดินไปตามทางด้วยจิตที่ร่าเริง ระหว่างทางนั้น เธอหวังที่จะได้พบคุณหมอเหมือนเมื่อครั้งที่เขาได้มอบเครื่องเสียงขนาดเล็กไว้ให้ แต่เมื่อเดินลัดเลาะไปตามหนทางของ ‘คนใช้’ พลันสายตาของสายบัวก็ได้เห็น

คุณหมอโกมุท กับผู้หญิงที่สวยกว่าคุณหมอผู้หญิงในโรงพยาบาลแถว ๆ บ้าน สายบัวรู้สึกว่าโลกของเธอนั้นพังทลายอีกครั้ง ความดีใจที่ประสบความสำเร็จกับการศึกษา ไม่สามารถกลืนความขมขื่นที่มันเกิดขึ้น เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ เธอกำลังผิดหวังเสียใจ

สายบัวเก็บตัวอยู่ในห้องจนกระทั่ง ได้สติระลึกว่า ตนเป็นใครเขาเป็นใคร แล้วหญิงสาวก็สาวเท้า เรื่อย ๆ ไปทางด้านหลังบ้าน

“สายบัว”

“คุณอารักษ์” สีหน้าของสายบัวเกลื่อนความผิดหวังไว้ไม่หมด เธอรู้สึกอยากให้เป็นคุณหมอแต่ทำไม

“ได้ข่าวว่าเรียนจบแล้ว”

“ค่ะ” ตอบแล้วสายบัวรีบมองไปรอบ ๆ ตัว สายตาของคู่สนทนากวาดมองไปบ้างเช่นกัน คงรู้ว่าสายบัวคิดอย่างไร

“กลัวฉันอย่างนั้นซิ”

“ค่ะ”

คู่สนทนายิ้มเยาะที่มุมปาก อย่างไม่ถือสากับคำตอบนั้น สายบัวลอบมองบุคลิกของสุดหล่อจอมเกเรประจำตระกูล นึกไม่ออกว่าเขาต้องการทักทายเธอทำไม ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ดูดีใจได้ปลื้มกับความหล่อเหลาของเขา

“จะเรียนต่อไหม”

เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องของตัว สายบัวจำต้องสนทนาด้วย

“ยังไม่รู้เลยค่ะ สายบัวไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเป็นอะไร”

“แล้วเธออยากเป็นอะไร” สายตาคนถามแพรวพราว

เธอไม่มีฝัน ชีวิตของเธอวันนี้ มีแต่หน้าของคุณหมอโกมุท เธอรู้แต่ว่ารักเขา เธออยากอยู่ใกล้ ๆ กับเขา ส่วนความฝัน มันจะเป็นอย่างไรก็ได้ สายบัวรู้สึกแน่นในหัวอก เหตุเพราะรักนี่กระมังทำให้หัวสมองของเธอไม่โลดแล่นนัก

“เรียนจบจาก กศน. คงเป็นประเภทสายศิลป์ หน้าตาหุ่นก้านดี ๆ อย่างเธอเรียนสายประชาสัมพันธ์ซิ”

“ประชาสัมพันธ์” สายบัวทวนแผนการเรียนแล้วนึกถึงแม่ของเขากับคุณหมอกมล

“เธอทำได้” สายตาของคู่สนทนาจ้องอยู่ที่ใบหน้าจนสายบัวรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา

“ค่ะขอบคุณค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

จริง ๆ ทางที่เธอจะเดินกลับออกมาจะต้องผ่านเขา แต่สายบัวก็อ้อมต้นไม้ไปอีกทาง เนื้อตัวของเธอต้องถนอมไว้ เพื่อคุณหมอคนเดียว แล้วร่างของเธอยังไม่ทันพ้นจากบริเวณนั้นเหมือนคุณอารักษ์จะรู้สึกได้เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“ทำไมฉันมันน่ารังเกียจนักหรือไง”

“ค่ะ” สายบัวตอบแล้วรีบผละออกไปอย่างไม่เกรงกลัวบารมีของลูกเจ้าของบ้านสักนิด



เมื่อกลับมาถึงห้องพัก พบว่าน้าดาวเรืองนั่งอุ้มลูกสาววัยขวบเศษอยู่บนตัก

“อ้าย เยลหลี” สายบัวรีบวิ่งเข้าไปหาลูกพี่ลูกน้องผู้มีหน้าไทยผิวออกคล้ำแต่ชื่อเป็นฝรั่ง หญิงสาวดึงหลานเข้ามากอดแล้วหอมแก้มซ้ายขวา ถามสารทุกข์แล้วน้าดาวเรืองก็เข้าเรื่องทันที

“น้าอยากให้เธอเรียนต่อ เพราะ”

“ค่ะ บัวจะเรียนต่อ บัวจะเอ็นฯ เข้าธรรมศาสตร์หรือไม่ก็จุฬา หรือจะเป็นพระจอมเกล้าลาดกระบังดี” คนเป็นหลานแกล้งพูดเล่น

“มีปัญญาสอบเข้าได้หรือเปล่า ถ้าเธอสอบเข้าได้ฉันก็มีปัญญาส่งเสียนะ”

สายบัวยิ้มให้พลางยกมือขอบพระคุณ

“บัวคงไม่มีปัญญาไปถึงตรงนั้นหรอกค่ะน้า คงอยู่แถว ๆ รามฯ นี่แหละ ยังมีเวลาหนีเที่ยวได้ และอีกอย่าง บัวไม่อยากรบกวนน้าหรอก”

“ฉันห่วงเธอนะบัว”

“บัวรู้ค่ะ ขนาดเยลหลีลูกน้า บัวยังเป็นห่วงแกเลย แล้วทำไมน้าจะไม่ห่วงบัวละคะ”

คนเป็นน้ายิ้มให้

“ตั้งใจเรียนให้จบนะบัว เพื่ออนาคตที่ดี เพื่อโอกาส”

“ค่ะเพื่อโอกาส” เธอตอกและย้ำคำนี้ไว้ในใจมาสองปีแล้ว



น้าดาวเรืองกลับออกไปแล้ว สายบัวนำปัญหานี้ไปปรึกษากับคุณชวนชม

“ปัญหาคือดิฉันต้องออกไปเรียนบ้าง ถึงแม้จะไม่ทุกวัน แต่มันอาจทำให้เสียงาน”

“ปัญหาของฉันก็คือ ถ้าเธอออกจากบ้านไปแล้วไม่ตั้งใจเรียนต่างหาก ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันเสียใจแน่นอน”

“คุณชวนชม”

“แม่นี่ แผดเสียงเข้าไป นั่งอยู่กันแค่นี้” คนพูดริมฝีปากกลั้วด้วยรอยยิ้ม

“ระบบการเรียนของรามฉันพอรู้หรอก เอาตารางสอนมาให้ฉันดู เอ้อ การศึกษานะมันทำให้คนมีคุณค่าขึ้น แต่ถ้าคิดเอาความรู้ไว้เพื่อกอบโกยนี่ก็ถือว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร”

“ช่วยทำให้โกงได้แนบเนียนขึ้นไงคะ”

“ปากดีเหมือนเคย”

“ก็อยู่ใกล้ ๆ กับคุณชวนชมนี่ค่ะเชื้อคงแพร่มาได้” แล้วปลายเล็บก็หยิกแม๊บให้แสบ ๆ คันจนต้องหัวเราะกันทั้งสองคน

คืนนั้นแสงไฟในห้องคุณหมอโกมุทสว่างไสว คุณหมอคงอยู่บ้าน สายบัวปลอบใจตัวเองว่า เขาไม่ได้อยู่เวร แทนความรู้สึกที่ว่าเขาออกไปกับใคร





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 14:21:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 14:21:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2254





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
หมูบิน 2 เม.ย. 2554, 20:23:13 น.
ตามมาอ่าน และมาให้กำลังใจค่ะ ชอบนิยายแนวนี้มากๆ แนวที่เป็นของคุณมะเฟื่องนี้แหละค่ะ


songsee 3 เม.ย. 2554, 00:48:07 น.
อ๊าวววววววววววววตอนแรกก็คิดว่าคุณหมอเป็นพระเอก
คุณอารักษ์เป็นพระเอกหรือคะเนี่ย? แอบไปอ่านเรื่องย่อมา...อิอิ..ก็กะว่าจะทักอยุ่เลยว่าคุณหมอมีบทน้อยกว่าคุณอารักษ์ ซะอีก...อิอิ เห็นบัว รักมั่น มาก...มาตามเป็นกำลังใจค่ะ...สนุกมาก


lovely 3 เม.ย. 2554, 09:02:40 น.
^
^
^
หลงคิดว่าคุณหมอเป็นพระเอกเหมือนกัน
แต่เป็นคุณอารักษ์ก็ดีค่ะ แบดบอยดี - -" อยากเห็นตอนกลับตัวว่าจะเป็นแนวไหน เป็นกำลังใจให้ด้วยคน


pattisa 3 เม.ย. 2554, 10:43:17 น.
ติดตามตอนต่อไปค่ะ :)


innam 4 เม.ย. 2554, 10:56:03 น.
อ้าวอารักษ์เป็นพระเอกหรอกหรือ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account