จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 5

“แม่ขอสั่งเลยนะ ไปย้ายน้องเบญให้ขึ้นมาทำงานกับลูกในวันพรุ่งนี้ เข้าใจไหม”คุณมีนาสั่งก่อนจะดมยาดมที่ลูกชายคนเล็กส่งให้ พร้อมกับปล่อยแขนให้อีกฝ่ายบีบนวด ส่วนกรวีร์ก็นั่งมองแผลตัวเองอย่างน่าสงสาร ไร้คนเหลียวแล

“แกรู้ไหมตาวีร์ว่าน้องลำบากแค่ไหน ต้องทำความสะอาดคนเดียวตั้งหลายห้องขนาดนั้น ตัวรึก็เล็กนิดเดียว”

“ไม่ทราบหรอกครับคุณแม่ เพราะวันนี้เบญบอกผมว่าพี่วีร์ไม่ได้เข้าบริษัทเลย”กรวิชญ์จัดแจง ‘ฟ้อง’ แทนคนที่ไม่ได้อยู่ในที่นี้ทันที กรวีร์ถลึงตามองน้องชายที่ทรยศกันซะอย่างนั้น แต่แล้วก็กลับไปทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมเพราะคุณมีนามองตาขวาง

“ผมติดธุระอยู่อีกสาขาครับ แล้วก็เรื่องแขกที่เช็กเอ้าต์ออกวันนี้ทั้งฟลอร์ ผมไม่ได้แกล้งนะ แต่ผมลืม”

“มันก็เหมือนกันล่ะยะ ไม่ได้เจตนาจะแกล้งให้ทำงานหนัก แต่แกเจตนาจะแกล้งให้น้องทนทำงานไม่ได้ แล้วขอลาออกเองใช่ไหมล่ะ อย่านึกว่าฉันจะรู้ไม่ทันแกนะ...ตาวีร์”

“ง่า...ก็ได้ครับ ผมขี้เกียจแถแล้วเหมือนกัน ใช่...ผมไม่ต้องการจะใช้อากาศหายใจร่วมกับยายน้องหนูตุ๊กแกเบญญาภาของคุณแม่...”ชายหนุ่มลากเสียงยาวบอกพร้อมยักไหล่ อาการเจ็บที่โดนมารดาตีเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง เขาถอยห่างไปทางประตูช้าๆ เมื่อเห็นว่าพ้นรัศมีอาละวาดของมารดาแล้วจึงต่อ

“...ชัดเจนไหมครับ...คุณแม่”

“ตาวีร์!!!!”



ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร่างสูงที่เพิ่งจะถอดเสื้อเชิ้ตโยนลงถังผ้า เปลือยท่อนบนอวดมัดกล้ามแข็งแรงต้องขมวดคิ้ว เหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียงที่บอกว่าได้ก้าวเข้าสู่วันใหม่มาแล้วสิบนาที ขายาวๆก้าวไปยังหน้าประตู แต่ยังไม่ยอมเปิด แอบกลืนน้ำลายกลัวว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะเป็นมารดาที่ตามขึ้นมาเอาเรื่อง

สุดท้ายเพื่อความปลอดภัยของร่างกานอันหล่อเหลา ชายหนุ่มตัดสินถามออกไป

“นั่นใคร”

“แม่เองฮ่ะ”เสียงห้าวที่ดัดให้แหบคล้ายหญิงสูงวัย แต่พอรู้ว่าใครเป็นคนทำก็พาลให้นึกถึงเสียงกระเทยก้ามปูเสียมากกว่า กรวีร์กรอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามา แต่ก็แอบชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าเจ้าน้องชายตัวดีไม่ได้แอบซ่อนมารดาไว้ด้านหลัง

กรวิชญ์มองท่าทางหวาดกลัวเกินเหตุของพี่ชายแล้วก็หัวเราะหึหึ ทำให้โดนมองตาเขียว แถมด้วยคาดโทษ

“ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเยาะฉัน...ไอ้วิชญ์ ไอ้น้องทรยศ แกใช่ไหมที่คาบข่าวมาบอกแม่”

“ยังไงพี่ก็คิดว่าน้องเบญต้องมาฟ้องแม่อยู่แล้วนี่ ผมเลยช่วยมาฟ้องแทนให้ไม่ดีตรงไหน นี่ก็แอบช่วยพี่ไปตั้งเยอะนา” ชายหนุ่มหน้าหวานบอกอย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาอาฆาตของพี่ชาย

“ช่วย?...ช่วยบ้านแกสิ แกช่วยใส่ร้ายฉันแทนเพื่อนมากกว่า ไม่ต้องทำมาพูดเอาดีใส่ตัว”กรวีร์ย้อนอย่างรู้ทัน กรวิชญ์ทำตาโต เอามือมาประกอบแก้ม ปากอ้าค้างอย่างเสแสร้งแกล้งตกใจ ท่าทางที่ดูๆไปก็น่ารัก แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกอยากจะประเคนฝ่าเท้าไปให้มากกว่า

“อุ๊ยตาย! แสนรู้”

“ไม่ใช่หมา!” ชายหนุ่มค้อนตาคว่ำ แล้วประชด “แน่ล่ะ ฉันเลี้ยงแกมานี่ แค่แกอ้าปากก็เห็นไปถึงไส้ติ่งแล้ว ถ้าวันไหนที่แกแก้ตัวแทนฉัน วันนั้นฉันค่อยแปลกใจ”

“ช่วยไม่ได้ ผมบอกแล้วว่าเพื่อนคนนี้น่ะเพื่อนรักผม ห้ามแกล้ง”

“อย่าบอกนะว่าสเป็กแกเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มแกล้งถามลองเชิง กรวิชญ์แกล้งถอนหายใจ ส่ายหัวน้อยๆอย่างระอา

“พี่วีร์นี่ท่าจะต้องกลับไปเรียนภาษาไทยใหม่ ผมบอกว่าเบญเป็น เพื่อน-รัก ของผม พี่ไม่เข้าใจเหรอ”

“เหอะ สมัยนี้เพื่อนกินเพื่อนตัวเองมีถมไป”

“ถูกต้อง! แต่ไม่ใช่กับคนนี้แล้วกัน เบญเป็นเพื่อนและจะเป็นตลอดไป แต่ก็ไม่แน่นะ อนาคตอาจจะมาเป็นพี่สะใภ้ผมก็ได้”เขาแกล้งหยอดก่อนจะโดนตวาดกลับมา

“ไม่มีวัน!”

“อนาคต...ใครจะไปรู้ได้”

“ฉันนี่แหละรู้ แกอย่าหวังเลยฉันไม่เอาตุ๊กแกมาเป็นเมียแน่นอน! แกนั่นแหละ ตอนนี้บอกว่าเพื่อน อนาคตอาจะเป็นแฟนก็ได้”

“ก็บอกแล้วว่าเป็นเพื่อน...อีกอย่างนะ...ผมมีคนที่ผมรักแล้ว” ชายหนุ่มพูดเบาๆอย่างเหนื่อยใจ ดวงตามคมเข้มเหม่อลอย ก่อนจะเงียบไป จนกรวีร์รู้สึกผิดสังเกต

“เฮ้ย! เป็นไรไป โกรธเหรอวะ เออๆก็ได้ เพื่อนก็เพื่อน ฉันก็แค่แหย่เล่น เห็นหวงนักนี่ ว่าแต่ใครวะ...คนรักแกฉันรู้จักไหม” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ดึงน้องชายออกจาก
ภวังค์อย่างเป็นห่วง ไม่ชอบให้อีกฝ่ายเงียบอย่างนี้ แต่แล้วก็รู้ว่าคิดผิด

“เอาอีกแล้วนะ พี่วีร์นี่เดี๋ยวผมให้แม่ส่งพี่วีร์ไปเรียนภาษาไทยใหม่จริงๆนะ”

“อะไรอีกวะ ฉันเข้าใจอะไรผิดอีกล่ะ” คราวนี้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว กรวีร์โวยพร้อมเอามือหนาขยี้ผมจนยุ่ง

“ก็บอกอยู่หยกๆว่า คน-ที่-ผม-รัก ไม่ใช่ คนรัก ไม่รู้เรื่องรึไง”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ!”

“ต่างกันตรงที่เราไม่ได้เป็นแฟนกันไง”

“ก็จีบสิโว้ย...”กรวีร์ตะโกนอย่างเหลืออด อยากจับน้องชายมาเขย่าให้เผื่อมันจะฉลาดขึ้น

“ก็เขาแต่งงานไปแล้วนี่!”

“หา...แต่งงานไปแล้วเหรอ”ชายหนุ่มอึ้งไป มองน้องชายที่พอตะโกนเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเขา กรวิชญ์ยกสองมือปิดหน้าตนเองไว้ ไม่อยากให้พี่เห็นความเศร้าที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้

“ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังวะ ไอ้วิชญ์ ฉันอาจจะช่วยแกได้”สุดท้ายด้วยความรักน้อง แม้จะงัดข้อกันบ้างแต่เขาก็ไม่สามารถมองข้ามความทุกข์ของอีกฝ่ายไปได้ ชายหนุ่มนึกอยากจะต่อยตัวเองที่ไม่ได้สังเกตว่าน้องมีปัญหาหัวใจ

กรวิชญ์ส่งยิ้มเซียวๆให้พี่ บอกเสียงอ่อน

“ก็...ช่วงนั้นพี่วีร์ต้องทำงานหนัก อีกอย่างมันก็ไม่มีหวังมาตั้งแต่ต้น เลยไม่บอก นึกว่ามันจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแต่...มันก็ยังเจ็บ...เจ็บจนทุกวันนี้น่ะพี่”

เขาถอนหายใจ ทรุดตัวนั่งเคียงข้างน้องชาย แขนแกร่งโอบไหล่กว้างแต่น้อยกว่าเขาแล้วเขย่าเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

“ไม่ต้องรีบไอ้วิชญ์ แกมีเวลาทั้งชีวิตที่จะช่วยให้แกลืมผู้หญิงคนนั้นได้ในสักวัน ฉันกับแม่จะคอยให้กำลังใจแก” พี่น้องมองสบตากันให้ดวงตาเป็นสื่อส่งผ่านความจริงใจ ความเข้าใจที่มีให้กับคนในครอบครัว กรวิชญ์กลืนก้อนสะอื้นที่มาจุกอยู่ที่คอ พูดไม่ออกได้แต่พยักหน้าเงียบๆ กรวีร์กอดน้องชายพร้อมย้ำเสียงหนัก

“จำไว้ แกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แกยังมีฉันมีแม่ที่จะอยู่กับแกตลอดไป ฉันจะไม่มีวันทิ้งแก!”

“ขอบคุณครับ”

“เออ...เลิกเศร้าได้แล้ว เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ไปท่องราตรีกัน”

“พาเบญไปด้วยนะพี่”

“ถ้าแกพาไปก็ขาดกัน!” ชายหนุ่มบอกเสียงห้วน กรวิชญ์หัวเราะร่า ลืมความเศร้าได้เป็นปลิดทิ้ง กรวีร์หรี่ตาลงอย่างสงสัยว่าทำไมถึงได้หายเศร้าเร็วนัก แต่ก็ไม่คิดจะถามเขานึกขอบคุณยายน้องเบญเป็นครั้งแรกที่มาอยู่ในบทสนทนาแล้วสามารถทำให้น้องชายเขาร่าเริงขึ้นได้

“แล้ว...แกมาหาฉันดึกดื่นเนี่ยมีอะไร อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันหาหนุ่มให้แกกิน?”
“อืม กำลังหิวเลย ขอสักสองคนนะ...ถ้าพี่วีร์ยังไม่เลิก เดี๋ยวผมควงผู้ชายกลับบ้านให้เห็นจริงๆเลย” หนุ่มหน้าหวานประชดก่อนจะมองตาขวาง กรวีร์ยิ้มมุมปาก ยักไหล่

“ก็หน้าแกหวานนี่หว่า แล้วก็กำลังอกหัก ฉันก็กลัวว่าแกจะคิดสั้นเปลี่ยนความชอบจากด้านหน้ามาด้านหลัง”

“โรคจิต!”กรวิชญ์ว่าเข้าให้ ก่อนจะรีบถอยห่างไปพิจารณาอีกฝ่าย “หรือว่าพี่วีร์มีรสนิยมอย่างนั้นเสียเอง นี่อย่าบอกนะว่าคิดจะเคลมผม อย่าเชียวนา...”

“ไอ้เวรเอ๊ย! คิดได้ไง...แมนเกินร้อยอย่างฉันเนี่ยนะ แกต่างหากที่ฉันต้องกลัว บอกไว้ก่อนนะว่าฉันอยากมีน้องสะใภ้ ไม่ใช่ น้องเขย อย่าริหามาให้ฉันเชียว” ชายหนุ่มชี้หน้าขู่ ก่อนจะถามอีกครั้ง

“ตกลงแกมาหาฉันมีเรื่องอะไร”

“ก็ไม่อะไรหรอก แม่ฝากให้มาย้ำกับพี่ว่า....” เขากระแอมไอให้คอโล่ง แล้วดัดเสียงล้อเลียนมารดา “... ‘อย่าลืมย้ายน้องเบญขึ้นมาชั้นบนนะตาวีร์’น่ะ”

“โธ่โว้ย! จะอะไรนักหนากับยายตุ๊กแกนี่นะ ทำไมหนีไม่พ้นเสียที สั่งนักใช่ไหมได้...เดี๋ยวจะจัดให้หนัก ให้เผ่นออกจากโรงแรมแทบไม่ทันเลย คอยดู!” กรวีร์เข่นเขี้ยว นึกโมโหคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าขึ้นมาติดหมัด กรวิชญ์เหล่มองอาการแล้วถาม

“นี่พี่วีร์เจอเบญบ้างยัง”

“ยัง!...แล้วก็ไม่คิดจะเจอด้วย”ตอบอย่างหงุดหงิด แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ “แต่ว่าตอนนี้ชักอยากเจอเสียแล้ว อยากรู้จริงว่าหน้าตาจะอัปลักษณ์แค่ไหน แม่ถึงได้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นตุ๊กแกเป็นผีเสื้อไปได้”

“อื้อหือ เปรียบซะ...”กรวิชญ์ส่ายหน้ากับวาจาแสบสะท้านทรวงของพี่ แต่ก็พยายามจะช่วยพูดให้เพื่อนกลายมาเป็นเจ้าหญิงในสายตาพี่ชาย

“ไม่แน่นาพี่วีร์ บางทีเบญอาจจะต่างจากที่พี่วีร์คิดไว้ก็ได้”

“ต่างยังไง...อ่อ...น่าเกลียดกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ล่ะซิ”

“เปล่า...แบบว่าสวย น่ารัก สง่า กว่าที่พี่วีร์เคยเคลมมาไรเงี้ย”

“นี่แกกำลังพูดถึงนางสาวไทย ไม่ใช่เพื่อนแกใช่ไหม? แกอย่าเข้าข้างเพื่อนให้มากนักเลยนายวิชญ์...” ชายหนุ่มทำหน้าตาไม่เชื่อถือ ก่อนจะยิ้มกริ่ม

“เออ...จะว่าไปวันนี้ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่ง สวย น่ารัก ดูไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เคยเจอว่ะ”

“หือ...ใครกัน ทำให้พี่ชายผมถึงกับเพ้อได้เนี่ย”กรวิชญ์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที กรวีร์หันมามองน้องชายแล้วเล่าที่เกิดให้ฟัง ข้างฝ่ายกรวิชญ์ฟังไปฟังมาก็เริ่มปะติดปะต่ออะไรได้

ร่างที่สูงน้อยกว่าพี่ชายลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอก หูก็ยังฟังอีกฝ่ายพร่ำพรรณาความงามของ ‘หญิงสาว’ที่ว่า ก่อนที่กรวิชญ์จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มน้อยๆแต้มอยู่

“งี้เองเหรอ...พี่วีร์เองเหรอเนี่ย”

“เฮ้ย! แกฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”กรวีร์ตบลงที่ไหล่ของน้องชายที่สะดุ้งเฮือก หันขวับมามองอย่างตกใจ เพราะตั้งสติได้จึงบ่น

“เล่นอะไรเนี่ยพี่วีร์ ผมตกใจหมด ถ้าหัวใจวายไปทำไง”

“ก็ดี...จะได้ไม่มีตัวหาร มรดกจะได้เป็นของฉันทั้งหมด”

“เออ จำไว้เลย ว่าแต่นี่พี่วีร์”กรวิชญ์รีบเปลี่ยนเรื่อง กระโดดเขามานั่งใกล้ๆพี่ชาย

“แล้วผู้หญิงคนนั้นเขาชื่ออะไรอ่ะ พี่ได้ถามรึเปล่า”

“ลืมว่ะ...มันแต่ตะลึงที่เขาปฏิเสธไม่ไปกินข้าวกับฉันอยู่ รู้อีกทีก็เดินลิ่วหายไปแล้ว” เขายักไหล่ “แต่ไม่เป็นไร ฉันสั่งให้หาตัวแล้ว พรุ่งนี้คงได้เรื่อง” ชายหนุ่มยิ้มอย่างหมายมาด กรวิชญ์มองอย่างหมั่นไส้

“ครับคุณคนเก่ง แล้วพี่วีร์ยังอยากเห็นหน้าน้องเบญอยู่ป่ะ เดี๋ยวผมจัดให้”

“ทำไมต้องให้แกมาจัดการ ตอนนี้ยายนั่นเป็นลูกน้องฉันอยู่ แค่โทรเรียกให้ขึ้นมาพบก็ได้แล้ว แต่ขอฉันทำใจก่อน”

“โห...ขนาดนั้น ไม่รู้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน ผม พี่แล้วก็น้องเบญ”กรวิชญ์รีบมัดมือชกทันที เตรียมจะเผ่นออกจากห้อง หากแต่พี่ชายมือไวกว่าฉกเข้าที่คอเสื้ออีกฝ่ายดึงรั้งเอาไว้ก่อน แล้วโวยวาย

“บ้ารึไง! ฉันบอกว่าขอทำใจก่อน หมายถึง อีกสักปีหน้าค่อยมาเจอ ไม่ใช่พรุ่งนี้นะ”

“โธ่! พี่วีร์ ก็เจอให้มันจบๆไปเลยไง แล้วจากนี้พี่จะไปทำอะไรต่อก็เรื่องของพี่ เชื่อผมสิ ว่าหลังจากพรุ่งนี้ไปน้องเบญจะไม่ยุ่งกับพี่อีกเลย มีแต่พี่นั่นแหละ...”ชายหนุ่มลากเสียงยาว ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กรวีร์เห็นแล้วรู้สึกหนาวๆร้อนๆ

“ฉันทำไม?”

“ก็มีแต่พี่นั่นแหละที่จะไปยุ่งกับน้องเบญแทน”

“ไม่มีทางโว้ย! ก็ได้ ตกลง...ฉันจะไปเจอหน้ายายน้องเบญ ตุ๊กแกเรียกพี่ของแกพรุ่งนี้ แล้วคอยดูนะว่าฉันจะตอกกลัยเอาให้อับอายไปเจ็ดชั่วโคตรเลย ถ้ายายนั่นมาเกาะแกะฉันน่ะ”

พูดจบร่างสูงก็เปิดประตูแล้วเหวี่ยงร่างโปร่งของน้องชายออกไปข้างนอก พร้อมปิดประตูดังโครม ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนคลำคอป้อยๆ กรวิชญ์บ่นพึมก่อนจะยิ้มกว้างอย่างพอใจในสิ่งที่ตนคิด ร่างสูงเดินกลับห้องของตนพร้อมจินตนาการถึงเหตุการณ์วันพรุ่งนี้อย่างสนุกสนาน

“เตรียมตัวช็อกกับเซอร์ไพร์สของผมได้เลยขอรับ คุณพี่ชายที่เคารพ”


เบญญาภานอนไม่หลับ ทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนนอนยากอะไร หัวถึงหมอนปุ๊บก็ไปเฝ้าพระอินทร์ทันทีแต่เพราะมีบางเรื่องกวนใจทำให้จิตใจมันไม่สงบ ต้องลุกมานั่งมองดวงจันทร์อยู่อย่างนี้

แล้วก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ใจเธอไม่สงบคืออะไร แต่ก็ทำใจให้ยอมรับกับเรื่องบ้าๆนั่นไม่ได้ นั่นก็คือ...กรวีร์แกล้งเธอก็เพราะเรื่องสมัยเด็ก!

เฮอะ! เรื่องสมัยเด็กๆ เด็กขนาดเธอยังจำแทบจะไม่ได้เลยว่าตัวเองเคยไปตามตื้ออีกฝ่ายไว้มากขนาดนั้น จำได้คับคล้ายคับคราว่าติดเขาอยู่เหมือนกัน แต่นั่นก็เพราะเธอเห็นเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีต่างหาก ไม่ใช่ด้วยความพิสวาสบาดจิตอะไรเลย เพราะถึงแม้เขาจะเจ้าอารมณ์แต่ก็ยังยอมมาเล่นกับเธอบ้าง(ครึ่งหนึ่งนั้นโดนบังคับ) ไม่เหมือนพี่ชายแท้ๆ ที่ทิ้งน้องออกไปเล่นบาสกับเพื่อน ซึ่งมันก็แค่นั้นแล้วเขาจะมาเหมาว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเธอหลงใหลเขาได้ยังไง...ปัญญาอ่อน!

นี่ถ้าตอนนั้นรู้ว่าโตขึ้นมาแล้วเขาจะกลายเป็นผู้ชายประเภทที่เธอเกลียดเข้าไส้แบบนี้ด้วยล่ะก็...จ้างให้ร้อยล้านก็ไม่ชายตาแล ไม่เล่นด้วย ไม่ตามตื้อให้เสียจริต เสียความรู้สึกอย่างตอนนี้หรอก เหอะ!

ร่างบางกระชับผ้าคลุมไหล่แน่นขึ้นอีก ในหัวก็คิดไปถึงเรื่องวันนี้ที่ชายหนุ่มเอากระเป๋าจากโจรมาคืนให้เธอ มันคงจะทำให้เธอรู้สึกแย่กับเขาน้อยลงกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาวิบวับยามมองเธอ สายตาที่สำรวจไปทั่วร่างกายอย่างจาบจ้อวงจนเธอออยากจะเอากำปั้นน้อยๆกระแทกหน้าซักทีสองทีให้หายหื่น! มองอย่างน่าเกลียดแล้วยังมีหน้ามาถามชื่ออีก ไร้ยางอายที่สุด!

อ้อ...แต่ยังไงซะก็ต้องขอชมเชยในความมีน้ำใจที่ยังเสมอต้นเสมอปลาย เห็นคนเดือดร้อนแล้วยังให้ความช่วยเหลือ ช่วยวิ่งตามเอากระเป๋ามาคืนเธอ ข้อนี้ยังพอทำใจให้พูดคุยด้วยได้ ถ้าเขาเมินเฉยต่อความเดือดร้อนของคนอื่นด้วยล่ะก็ ชาตินี้เห็นทีต้องขอบาย ลาแล้วลาลับ!

ไม่รู้ทำไมพวกผู้หญิงที่เธอเคยเห็น เคยได้ยินมาจากกรวิชญ์ที่มานั่งบ่นเรื่องการคบหาเพื่อนสาวของกรวีร์ตอนที่พวกเธอเรียนมหาวิทยาลัยให้ฟัง ถึงได้ไปหลงใหลได้ปลื้มเอากับผู้ชายที่เห็นตนเป็นเพียงของเล่นชั่วคราวยามเหงาอย่างกรวีร์ได้ ทั้งที่หน้าตาของพวกหล่อนรึก็ดี ฐานะบางคนก็ไม่ได้ด้อยเลย แต่กลับยอมคบกับเขา แม้จะเพียงแค่คืนเดียว ไม่สิ! แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ยอม พวกหล่อนเหล่านั้นเลือกเอาความสุขทางกายเพียงชั่วคราว มากกว่าความสุขถาวรทางใจอย่างนั้นเหรอ

เบญญาภาถอนหายใจ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรขนาดนั้น แว่วๆว่าจะเกลียดเข้าไส้ด้วยซ้ำ ประเมินได้หลังจากที่ได้ยินกรวิชญ์บอกในวันนี้ และเธอก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจอะไรเลยกับคำพูดของผู้ชายที่มองผู้หญิงแค่รูปร่างหน้าตาภายนอกกับเรื่องเก่าๆในอดีตพรรค์นั้น...

ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ล่ะดีที่สุด เธอตัดสินใจแล้วว่าจะฝึกงานไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ฝึกในฝ่ายบริหาร หลังจากนั้นเธอก็จะกลับไปทำงานที่โรงแรมของเธอ ไม่ต้องมาเจอกันอีก เขาก็จะเป็นเพียงแค่พี่ชายเพื่อนสนิท ส่วนเธอก็เพื่อนน้องชายเขา เท่านั้นชีวิตเธอก็จะสงบสุขอย่างที่เธอต้องการ แค่ยอมๆทนกับการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆแบบเด็กเอาแต่ใจของเขาก็พอ

คิดถึงตรงนี้แล้วก็เพลียใจ...ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเจออะไรจากคุณเจ้านายงี่เง่าเอาแต่ใจของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขึ้นตรงกับเขาก็จริง แต่หากเขาอยากจะแกล้งอยู่ส่วนไหนเขาก็แกล้งเธอได้ ก็เขาเป็นเจ้าของโรงแรมนี่นา

“เฮ้อ! เบื่อจริงๆ ไม่รู้จะเป็นยังไง ลองให้ทำความสะอาดคนเดียวหลายสิบห้องอย่างวันนี้อีกสิ จะไปโวยให้ดู” ร่างบางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว ก่อนจะยกมือปิดปากหาวออกมา ดูท่าคราวนี้คงจะได้นอนแล้วล่ะ หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดไฟล้มตัวลงนอนก่อนจะลุกพรวดเมื่อโทรศัพท์มือถือกรีดเสียงดังลั่นขึ้นมา

“ฮัลโหลวิชญ์”เบญญาภากรอกเสียงทักทาย เมื่อเห็นชื่อที่หน้าจอซึ่งทำให้ตัดสินใจรับแทนที่จะกดทิ้งไป กรวิชญ์ยิ้มร่าอยู่ที่ปลายสายก่อนจะรีบเข้าเรื่องของตนทันทีเพราะไม่อยากจะรบกวนเพื่อนในเวลาพักผ่อน ซึ่งเรื่องที่ได้ฟังนั้นก็ทำให้เบญญาภาตาค้างจนเช้าไปเลยทีเดียว

“เบญ...พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ไปทานข้าวกัน พี่วีร์เขาอยากเจอน่ะ”


“นี่มันอะไรหือ...วีรพัชร ฉันให้พวกนายหาข้อมูลผู้หญิงคนนึงให้ฉัน ก็รู้อยู่ว่ามันค่อนข้างยากเพราะไม่มีรูปให้ แต่ฉันก็แอบหวังว่าอย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็ยังดี แต่นี่...แค่ชื่อก็ยังไม่ได้ น่าผิดหวัง น่าผิดหวัง” ชายหนุ่มเอนตัวพิงเก้าอี้ ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายขณะประชดประชันเลขาหนุ่มและคนสนิทอีกสองคนที่เหลือ เขาอุตส่าห์มาทำงานอย่างร่าเริงเพราะหวังจะได้รับประวัติของแม่สาวตาคมอกโตคนนั้น เพื่อเป็นการปลอบใจเรื่องที่ต้องไปทานข้าวเที่ยงกับยายตุ๊กแก

วีรพัชรดันแว่นให้เข้าที่ก่อนจะเป็นตัวแทนเพื่อนร่วมชะตากรรมคนอื่นเป็นฝ่ายต่อความกับเจ้านายหนุ่มที่ตอนนี้แทบจะกลายร่างเป็นเสือหง่าว

“ก็อย่างที่บอสพูดเมื่อครู่ ผมไม่มีรูป เลยไม่สามารถหาประวัติเจ้าหล่อนให้ได้ครับ”

“แล้วกล้องวงจรปิดของห้างล่ะ ยังไงมันก็ต้องมี ฉันรู้ว่าเห็นแค่เพียงขนคิ้ว นายก็หาประวัติให้ฉันได้”

“บอสครับ ผมเป็นคนธรรมดาไม่ใช่เชอร์ล็อก โฮลส์ม จะได้ตามหาคนได้แค่เพียงเห็นขนคิ้วเขาหรอกครับ...” วีรพัชรย้อนกลับ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้กระโดดบีบคอเจ้านายตัวเอง ในขณะที่ชายหนุ่มอีกสองคนที่เหลือพากันหันหน้าหนีไปแอบขำกันคนละทาง น้อยครั้งที่เลขาหนุ่มแสนสุภาพอย่างวีรพัชรจะย้อนหรือประชดเจ้านายเสียที

“...อีกอย่าง...เรื่องจะให้ผมไปขอเทปวงจรปิด โดยให้เหตุผลไปว่า ‘ผมอยากได้รูปผู้หญิงอกโตคนนั้น’ เท่านั้นเหรอครับ เขาจะได้หาว่าผมโรคจิตน่ะสิ แล้วมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นด้วย ใครเขาจะมาให้กันง่ายๆ”

“เออ...ประชดหรอก เห็นปกติฉันถูกใจคนไหน นายก็หาให้ฉันได้นี่แล้วก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงด้วย บางคนไม่มีรูปด้วยซ้ำ แล้วทำไมคนนี้หาไม่ได้”

“ก็คนก่อนๆ ผมเห็นหน้าเขานี่ครับ ไม่มีรูปผมก็วาดขึ้นมาได้...”วีรพัชรบอกเสียงเรียบ ซึ่งกรวีร์ก็พยักหน้ารับรู้ว่านอกจากการทำงานและการจิกกัดเขาบางเวลาอย่างเป็นเลิศแล้ว เลขาของเขายังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างคือ การวาดรูปชนิดที่ว่าจิตรกรมืออาชีพยังอาย

“... แล้วก็ไปตามหาแค่นี้เอง แต่กับคนนี้ของคุณผมไม่เคยเห็นหน้า แล้วจะให้ผมตามหาได้ไง สิ่งที่คุณสั่งเนี่ยมันยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก” ได้ทีเลขาหนุ่มแว่นเลยร่ายยาวราวกับอดกลั้นมานาน และทำท่าจะนานไปอีกหากไม่ใช่เพราะกรวีร์ยกมือห้ามไว้

“นายก็วาดขึ้นมาสิ พัชระกับธัชพลก็เห็นหน้าไม่ใช่เหรอ ให้ช่วยอธิบายก็ได้” เขาหมายถึงคนสนิทอีกสองคนที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ข้างหลังวีรพัชร ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตได้ถึงบรรยากาศอึมครึมของคนสนิททั้งสาม โดยที่คนสร้างบรรยากาศนั้นคือ เลขาหนุ่มแว่นของเขา

วีรพัชรขยับแว่นอีกครั้ง ยิ้มเย็นๆ ชายหนุ่มหัวเราะหึ ก่อนจะกัดเพื่อนร่วมงานของตนจนเหวอะหวะ หายาใส่แทบไม่ทัน “แค่อธิบายหน้าตาบุพการีตัวเอง นายระกับนายธัชยังบอกออกมาเป็นใครก็ไม่รู้เลยครับ ขืนให้อธิบายหน้าตาผู้หญิงคนนั้นผมเกรงว่า เจ้านายอาจจะได้ประวัติสัตว์ประหลาดมาแทน”

กรวีร์อยากจะเอาขาพาดคอตัวเองเสียจริง ลองลูกน้องพูดแบบนี้แสดงว่าเขาต้องชวดแม่สาวตาคม แสนอึ๋มคนนั้นไปจริงๆใช่ไหม ให้ตายสิเอ้า! เกิดมาจนเป็นหนุ่มหล่อบาดใจสาวขนาดนี้ ยังไม่เคยมีใครที่หมายตาไว้หลุดมือไปเลยสักคน มีคนนี้แรกเนี่ยแหละ สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ตะโกนออกมาลั่นห้อง

“โธ่โว้ย! อย่าให้เจออีกนะแม่สาวน้อย จะจับมัดแล้วโยนขึ้นเตียงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”

วีรพัชร ธัชพลและพัชระ มองอาการคลุ้มคลั่งเพราะขาดรัก(?) ของเจ้านายอย่างแหยงๆ ก่อนที่สองหนุ่มหลังจะขอตัวไปทำงานของตน พัชระกับธัชพลกลับไปตรวจดูความปลอดภัยของโรงแรมต่อ ส่วนวีรพัชรก็ยืนรอให้อีกฝ่ายหายคลั่งก่อนจะบอกตารางงานช่วงบ่ายต่อ พร้อมกับยื่นแฟ้มหนาสองแฟ้มไปให้เขาเซ็น

กรวีร์เบ้หน้าแต่ก็รับมาอ่านรายละเอียด ก่อนจะจรดปากเซ็นทีละแผ่น เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น ชายหนุ่มส่งสัญญาณให้เลขาหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่เป็นคนรับ

“สวัสดีครับ ห้องทำงานท่านประธานครับ อ้อ ท่านรอง จะเรียนสายกับท่านประธานใช่ไหมครับ กรุณารอสักครู่” เลขาหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้เจ้านายที่ยื่นมือมารับโดยไม่เงยหน้าจากแฟ้มงาน วีรพัชรเดินเลี่ยงออกไปรอนอกห้อง

“ว่าไงนายวิชญ์ เร็วหน่อย ฉันกำลังยุ่ง”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะโทรมาเตือนพี่ว่าอย่าลืมนัดของเรานะครับ อีกครึ่งชั่วโมง”

กรวีร์รีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาทันที ร่างสูงรู้สึกอยากจะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อเห็นว่าเหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมง เวลาหายนะก็จะมาเยือนเขาแล้ว

“เออ! ไม่ลืมหรอก” เขากระแทกหูโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด อะไรๆก็ไม่เป็นดั่งใจเขาซะอย่างวันนี้ ไม่ได้ประวัติสาวที่หมายตาแถมยังต้องไปทรมานสายตากับยายอัปลักษณ์เบญญาภา ชีวิตเขาจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหมเนี่ยวันนี้!

ชายหนุ่มนิ่งคิด ก่อนจะยิ้มร้าย “เรื่องอะไรต้องไปทนนั่งใช้อากาศหายใจร่วมกับยายนั่น สู้ออกไปหาอาหารตาข้างนอกดีกว่า”

ตัดสินใจแล้วว่าจะเบี้ยวนัด เป็นการหาความสุขให้ตัวเองอีกทั้งยังเป็นการหักหน้าเบญญาภากับกรวิชญ์ด้วย ดังนั้นกรวีร์จึงกดอินเตอร์โฟนเรียกเลขาหนุ่มมาสั่งการทันที

“วีรพัชร...เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก ระหว่างนี้ถ้ายังไม่เลยเที่ยง ห้ามนายรับโทรศัพท์เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม โดยเฉพาะไอ้วิชญ์”

“แต่บอสมีนัดกับท่านรองนี่ครับ”

“ก็เพราะไอ้นัดนั่นแหละฉันถึงต้องเผ่นอยู่นี่ไง อย่าถามมาก! ทำตามที่สั่งก็พอ เฮ้ย! สี่สิบห้าแล้ว ฉันไปล่ะ” ชายหนุ่มรีบเดินแกมวิ่งไปที่ลิฟต์เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาให้หนีอีกแค่สิบห้านาที วีรพัชรมองตามหลังเจ้านายไปอย่างงุนงง

----------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาแล้วค่า!!!!! หายหน้าไปเกือบเดือบฃนและตอนนี้ข้าพเจ้สก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีหายไปนานอีกแล้ว เพราะข้าพเจ้าเรียนจบแล้ว เย้!!! สำหรับอาทิตย์นี้มีของขวัญมาไถ่โทษนักอ่านที่น่ารักของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นอาทิตย์จะลงสองตอนค่ะ คือตอนนี้กับอีกตอนนึง แต่!! เป็นวันพุธนะคะ สำหรับอีกตอน ส่วนแฟนๆอาทิตย์พรางดาวก็อดใจรออีกนิดน้า >M< คือแบบว่าข้าพเจ้า คิดเนื้อเรื่องออกแต่ลืมพิมพ์ลงเครื่อง เลยขอเวลาพิมพ์อีกนิดนึง คาดว่า น่าจะลงได้จันทร์หน้า พร้อมกับเรื่องนี้ค่ะ

สำหรับตอนนี้ ทิ้งสาวปริศนาคนหักอกพ่อหนุ่มหน้าหวานเราไว้ให้คิดกันนะว่าเป็นใคร สำหรับพี่วีร์กับน้องเบญ ตอนหน้าบอกได้คำเดียวว่าพ่อเสือของเรางานเข้า!!!

ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ เจอกันวันพุธนี้ แล้วก็ติ-ชมได้ค่า บ๊ายบาย




ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2555, 12:14:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2555, 12:14:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1680





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
Auuuu 2 เม.ย. 2555, 17:26:14 น.
ฮ่าๆๆๆ งานเข้าแน่ๆๆ :"P


Setia 3 เม.ย. 2555, 01:59:20 น.
หยั่งงี้คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอย่างเป็นทางการล่ะนะ


anOO 3 เม.ย. 2555, 12:50:35 น.
อีตาพี่วีร์จะหนีอีกแล้ว แล้วเมื่อไรจะได้เจอ
หวังว่านายวิชญ์คงมีแผนตลบหลังพี่ชายแล้วนะ เพราะไงงานนี้คุณพี่ต้องเป็นคนตามน้องเบญ


aom 4 เม.ย. 2555, 10:02:27 น.
แล้วจะได้เจอกันไหมเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account