ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 9.จันทร์เจ้าฉาย

ม่านพรหม

9.

“สวยไหม” วิจิตรศราเอ่ยปากถามเมื่ออุสาเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ที่เธอนั่งทำโปรแกรม Photoshop
อยู่กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่หิ้วลงมาจากข้างบน..

อุสามองรูปที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เอียงคอมองรูปอ่านข้อความที่ติดอยู่กับภาพสบู่สีเหลืองอ่อน ๆ บนเลเยอร์ลายฟองอากาศสีฟ้า ๆ ขาว ๆ “สบู่จันทร์เจ้าฉาย สบู่มะเฟือง ลดฝ้า สิว กระ จุดด่างดำ กำจัดสิว ผลัดผิวเซลล์เก่า เสริมสร้างผิวเซลใหม่ ทำให้ผิวนุ่มนวลเรียบเนียน..สวยค่ะ..”

เมื่ออุสาชม วิจิตรศราจึงเลื่อนภาพอื่น ๆ ให้ดู..เป็นภาพสบู่แฟนซีหลากสีสันหลากชุดน้ำเอ็นไซม์ที่ได้จากพืชผักผลไม้ดอกไม้ต่างชนิดต่างสรรพคุณกันเพียงเล็กน้อย โดยอุสาก็ชมฝีมือการทำงานของวิจิตรศราอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงภาพสุดท้ายเป็นภาพสติ๊กเกอร์ โลโก้ ‘จันทร์เจ้าฉาย’ ที่วิจิตรศรานั่งออกแบบอยู่ทั้งคืน หลังจากที่เมื่อวานนี้ เธอเห็นกรรมวิธีการผลิตโทนเนอร์จากเอ็นไซม์พืชผลทางการเกษตรที่บ้านของเขา และเขาก็ขอให้เธอลองออกแบบโลโก้ตามที่เขาคิด..

พระจันทร์ดวงกลมอยู่ด้านหลังฟร้อนลายเส้นเล่นหางแบบลายมือคนไทย..

เมื่อได้โลโก้อย่างที่มั่นใจว่า ศุภนิมิตรต้องการ วิจิตรศราก็ส่งข้อความไปหาเขาผ่านโปรแกรม สนทนาทางอินเตอร์เน็ต..

“สะดวกดูหรือยังคะ”

“ได้ครับ” เช้าวันจันทร์ศุภนิมิตรจะเข้าออฟฟิศเพื่อเคลียร์เอกสาร..ในตอนบ่ายหรือวันอื่นๆ ของสัปดาห์นั้นเขาจะตระเวนออกไปพบลูกค้า และหลังเลิกงาน เขาก็คุยโทรศัพท์กับพ่อที่อยู่ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นคนดูแลสถานที่ผลิต และระหว่างที่พูดคุยเขาก็จะทำงานบ้าน หรือไม่ก็ออกกำลังกาย..

นอกจากพ่อที่มีอยู่เพียงคนเดียวแล้ว ศุภนิมิตรก็เอาใจใส่พี่ชายทั้งสองคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะศุภชัย พี่ชายคนรองที่อยู่ปราจีนบุรี ศุภชัยอยู่ใกล้พ่อมากที่สุด หากรู้ว่าพ่ออยากกินอะไรที่มีขายในตลาดย่านนั้น เขาจะรีบโทรสั่งให้ศุภชัยออกไปซื้อให้ทันที โดยเขาจะฝากเงินสำหรับค่าใช้จ่ายของพ่อไว้เพื่อไม่ให้ศุภชัยที่ทำงานใน อบต.นั้นต้องเดือนร้อน ด้วยเงินเดือนน้อยกว่าเขาและมีลูกเมียต้องดูแล

..ส่วนพี่ศุภโชค พี่ชายคนโตชายนั้นแม้จะไม่สนิทสนมกันเท่าพี่ชายคนรองเพราะพี่ศุภโชคนั้นสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารได้ตั้งแต่จบม.3 จึงต้องออกจากบ้านไปเรียนหนังสือ และออกเรืออยู่ทะเลยากจะติดต่อ แต่เขาก็ระลึกเสมอว่า หลังจากที่แม่เสียชีวิต ช่วงที่เขายังเด็กอยู่นั้น ศุภโชคทำงานบ้านเหมือนแม่ที่จากไป พี่ศุภโชคเอาใจใส่ห่วงใย เขากับศุภชัยเป็นอย่างมาก อาหารที่แม่เคยทำแล้วพ่อชอบ เขาจะพยายามทำจนกระทั่งชำนาญและอร่อยถูกลิ้นพ่อกับน้อง ๆ ในที่สุด..นอกจากนั้น หน้าที่ซักรีดเสื้อผ้าของเขานั้นตอนที่พี่ศุภโชคยังอยู่ที่บ้าน เขาทำให้น้องทั้งสองรวมถึงของพ่อเป็นอย่างดี

..และตอนที่พี่ศุภโชคแต่งงานกับพี่หิรัญญาซึ่งเป็นนักเขียนอาชีพอย่างกะทันหัน เขาก็ได้ช่วยเหลือค่าจัดงานผ่านทางพ่อไปเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาท ซึ่งตอนหลังพี่หิรัญญาพี่สะใภ้ผู้มากอารมณ์ขันของเขามารู้เรื่องนี้ จะนำเงินก้อนนั้นมาคืนให้ เขาจึงต้องบ่ายเบี่ยงไปว่า ให้ค่อยผันเงินมาช่วยตอนที่เขาแต่งงานแล้วกัน ซึ่งวันนั้นสำหรับเขามันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ หรือถ้ามี กับระยะเวลาที่เนินน่าน เงินจำนวนนั้น เขาก็คงจะหาข้ออ้างยกให้ ‘ศุภหิรัญ’หลานชายคนแรกที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานไปซะเลย..

บนโต๊ะทำงานของเขา จะมีรูปพ่อกับแม่ตอนแต่งงานกัน กับรูปหมู่ของพ่อ พี่ชายสองคน กับเขาตอนวันรับปริญญาวางไว้คู่กัน และพอเพื่อนร่วมงานคว้ารูปมาถามถึงพ่อกับพี่ชาย เขาจะเล่าถึงอดีตอย่างไม่ปิดบัง..
แต่ว่าเรื่องที่เขาเอาใจใส่ครอบครัวมากมายถึงเพียงนี้ กลับเป็นปัญหาระหว่างเขากับ อัจฉรา ผู้หญิงที่เขารู้จักและนึกรักตั้งแต่เข้ารั้วมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ..จนกระทั่งปัญหานั้นทำให้เกิดรอยร้าวและในที่สุด อัจฉรา ก็บอกเลิกกับเขาและแต่งงานกับคุณหมอที่ไปติดต่องานอยู่เป็นประจำในที่สุด..

แต่ว่าความรักที่อัจฉราคิดว่าเพอเฟคกลับมาเป็นปัญหาในภายหลัง..หมอวิฑูรย์นั้นทุ่มเทกับงานจนกระทั่งไม่มีเวลาให้ครอบครัว..แม้จะอยู่สุขสบายไม่ต้องทำงานประจำ แต่อัจฉรากับเหงาหงอย รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นนกน้อยในกรงทอง รอเวลาให้สามีกลับมาที่บ้านเพื่อปรนเปรอความสุขไปอย่างแกน ๆ
และบ่อยครั้งที่หญิงสาวโทรมาหาเขา เพื่อระบายความอึดใจ เขาก็ได้แต่รับฟัง โดยวางใจไว้ที่คำว่าเพื่อนเก่า..จนกระทั่งเขาบังเอิญเจออัจฉราในห้างสรรพสินค้าเมื่อช่วงหัวค่ำของวันเสาร์ อัจฉราเดินซื้อของระบายความเบื่อหน่าย เขาบังเอิญไปพบเข้า จึงได้ช่วยถือของและด้วยโลกนั้นก้าวหน้าขึ้น ภาพนั้นก็หลุดมาถึงวิจิตรศราอย่างรวดเร็ว..

..ซึ่งเขาไม่ชอบโลกแบบนี้เท่าไหร่ เขาชอบทุ่งนา ชอบธรรมชาติ ชอบอะไรที่มีรากของความเป็นไทย จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนร่วมงานซื้อโทนเนอร์มะเฟืองมาฝาก พอทดลองใช้ มันก็ทำให้เขานึกถึงผลมะเฟืองในสวนของพ่อ พอศึกษาเพิ่มเติม เขาจึงได้เห็นช่องทางทำมาหากินในแบบที่เขาอยากทำ คือแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ โดยตั้งต้นจากการหมักแบบชีวภาพตามสูตรที่ได้มาจากอินเตอร์เน็ต แต่ของเขาจะแตกต่างกว่า คือนำน้ำหมักเข้าห้องทดลองปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่าง จนกระทั่งได้สัดส่วนที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณ ลดการระคายเคือง และทดลองใช้กับผิวตัวเอง ซึ่งมันก็เห็นผลทันตา

และต่อมาเขาก็ตั้งคำถามว่า มีพืชพันธุ์ผลไม้ตัวไหนบ้างที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับผิวพรรณ

จนกระทั่งค้นพบว่า ดอกกุหลาบ ดอกอัญชัญ แอปเปิ้ล สตรอเบอรี่ เชอรี่ ทับทิม สับปะรด มะเขือเทศ
แตงกวา ใบย่านาง ต่างก็มีสรรพคุณทางด้านผิวพรรณ เขาจึงได้หมักเป็นน้ำชีวภาพและแปรรูปมาเป็นส่วนประกอบในโทนเนอร์ ทดลองใช้เองกับพี่ศุภชัย พี่สะใภ้ และพี่ป้าน้าอาในถิ่นนั้น จนกระทั่งเห็นผล..

จึงได้ขยับขยายมาสู่วงเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในสายงานบังคับบัญชา แม่บ้าน ยามรักษาความปลอดภัยในคอนโด จนกระทั่ง แม่ค้าที่รู้จัก

และเมื่อหลายๆ คนยอมรับว่า ได้ผลดี เขาจึงได้ยื่นขออนุญาตกับองค์การเภสัชกรรม ใช้ชื่อโทนเนอร์ ‘จันทร์เจ้าฉาย’ ซึ่งเอาชื่อ แม่ ‘จันทร์ฉาย’ ที่ล่วงลับไปแล้วของเขามาดัดแปลง..

และตั้งแต่รู้จักกับวิจิตรศรา ผ่าน เมลขา น้องสาวของผู้การการจิรวัติ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพี่ ศุภโชค วิจิตรศราดูสนใจสินค้าของเขาเป็นพิเศษ หญิงสาว ซื้อไปทดลองใช้ทั้งโทนเนอร์ทั้งสบู่ และเมื่อมันได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หญิงสาวก็รับไปขายต่อ ทำยอดการสั่งซื้อให้เขาเป็นเงินหลักหมื่นต่อเดือน ทั้งที่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง นอกจากนั้น คำถามบางคำถามของหญิงสาวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ทำให้เขาต้องเฟ้นวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาตอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนขายเพื่อความสบายใจของผู้ซื้อสินค้าไปใช้ ซึ่งการที่วิจิตรศราทำอย่างนี้ ส่วนหนึ่งเขาดูออกว่า หญิงสาวนั้นมีใจให้กับเขา อยู่ไม่น้อย
หญิงสาวพยายามทอดสะพานอยู่เนือง ๆ แต่ว่ามันก็ยังมีทีท่าเชิดหยิ่งอยู่ในที..ซึ่งมันไม่แปลกกับคนที่มีความรู้ ฐานะกับรูปสมบัติเช่นนั้น..เขายอมรับว่า ตั้งแต่รู้จักกับวิจิตรศรา วันคืนที่เหงา ๆ ซึ่งมีสีทึม ๆ ที่มันซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจของเขานั้น เหมือนมีแสงสว่างสาดเข้ามาให้ความอบอุ่น แต่ถึงกระนั้น ในเวลานี้เขาเองอยากจะหยุดพักเรื่องหัวใจ และพัฒนาชีวิตในด้านการงานให้เต็มที่ เพราะเขาคิดว่า ความรักนั้น ส่วนหนึ่งมันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาลดลง

และที่สำคัญ หากใครจะมาทำให้เขากับครอบครับที่อยู่กันคนละทิศละทางนี้ มีอันต้องห่างไกลจากกันขึ้นอีก เขาคิดว่า เขายังไม่พร้อมให้เป็นอย่างนั้น.. เขาเติบโตมาได้ ด้วยความรักของพ่อ และพี่ ๆ
เพราะฉะนั้นวันนี้ เมื่อเขาทำงานและมีเงินพร้อมดูแลพ่อกับพี่ ๆ เขาก็อยากให้หยาดเหงื่อแรงกายนี้ เป็นไปเพื่อพี่ชายทั้งสองคนที่มีรายได้น้อยกว่าเขา..

เขาอยากเป็นผู้ให้ ทั้งที่ไม่มีใครร้องขอ เขาอยากให้ชีวิตในปั้นปลายของพ่อมีแต่ความสุขให้สมกับที่เหนื่อยยากทำงานเลี้ยงดูเขากับพี่ ๆ มา..และผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ครองของเขาก็ต้องเข้าใจในจุดนี้ของเขา เข้าใจว่าเขามีพื้นฐานชีวิตเป็นมาอย่างไร..

เขามาถึงวันนี้ได้เพราะการศึกษา เพราะการให้การสนับสนุนจากครอบครัว เพราะฉะนั้น ถ้าเขามั่งมีแล้วจะให้ทำเป็นลืมเรื่องในอดีต เขาทำไม่ได้..จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอกับเมขลา ความรู้สึกแรกคือชอบความน่ารัก ดูเป็นธรรมชาติผิดผู้หญิงในยุคเดียวกัน และความรู้สึกถัดมาคือ เมขลานั้นมีพื้นฐานทางครอบครัวไม่ได้แตกต่างจากตนเอง พ่อแม่เป็นชาวนาที่ส่งเสียให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือจนกระทั่งลูก ๆ มีอาชีพที่แตกต่างจากบรรพบุรุษ และพี่ชายก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมพี่แพรวพรรณว่าที่พี่สะใภ้ของเมขลากับพี่หิรัญญาพี่สะใภ้ของเขาก็ยังเพื่อนรักกันด้วย เขารู้สึกว่าเขาได้แรงเชียร์จากพี่แพรวพรรณ คู่รักของพี่ต้นกล้า กับพี่หิรัญญาอย่างออกนอกหน้า

แต่ว่าสายตาของเมขลาที่มองเขานั้นกลับว่างเปล่า

แต่ในวันเดียวกันนั้น เขาได้พบวิจิตรศรา สายตาของวิจิตรศราเปิดเผยความรู้สึก จนกระทั่งการพบกันวิจิตรศราอีกหลายๆ ครั้ง โดยมีเมขลาเป็นสื่อกลาง เขาก็มั่นใจว่า เมขลานั้นเป็นแม่สื่อให้เขากับเพื่อนรัก โดยที่วิจิตรศรานั้นก็แตกต่างจากเมขลาเป็นอย่างมาก เจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงในแบบที่ไม่ใช่สเป็คของเขา หญิงสาวเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวสำหรับเขา แต่ระยะเวลาเพียงสามเดือน วิจิตรศราก็สามารถพลิกความรู้สึก ดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้เช่นกัน..

ในรูปร่างที่ดูเป็นคุณหนูไฮโซเหมือนไม่รักการทำงานให้เหนื่อยยากมากกว่าการเที่ยวเตร่ วิจิตรศรา กลับคิดลู่ทางทำมาหากินใช้ทรัพย์ที่มีอยู่ต่อทรัพย์เข้ากระเป๋า และเมื่อค้นพบว่าตัวเองชอบและไม่ชอบงานอะไร วิจิตรศราก็ชัดเจนกับตัวเอง ถึงขนาดกล้าเปิดร้านขายของไม่สนใจสมัครเข้าทำงานหรือกลับไปทำงานที่บ้านที่จะไม่ต้องเสี่ยงเรื่องกำไร และวิจิตรศราเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจปล่อยให้ลูกน้องทำงานเพียงอย่างเดียว หญิงสาวมีกลยุทธลูกเล่นทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตัวของเมขลาที่มีดีในตัว คือมีเซ้นส์ทำนายทายทักคนอื่นได้ วิจิตรศราก็จับมาเป็นส่วนหนึ่งของร้าน..

ถ้าจะดูดวงกับเมขลาต้องมาต่อคิว และตอนรอคิว..สินค้าในร้านรวมถึงสบู่และโทนเนอร์ของเขา จึงพลอยขายดีไปด้วย เวลาที่เจ้าหล่อนพรีเซนส์ขายสบู่กับโทนเนอร์ จันทร์เจ้าฉาย เขาเองยังอดทึ่งไมได้..ทุกถ้อยคำที่เขาอธิบายให้ได้รู้ ถูกแต่งแต้มด้วยจริตสาว ปรับน้ำเสียง สินค้าของเขาจึงดูเร้าใจและขายได้ในที่สุด..

และใจที่คิดว่าจะไม่มีใครไปสักพัก ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป..

มีแฟนเป็นเพื่อนคู่คิด..ทำให้ชีวิตไม่อ่อนล้าจนเกินไป

ดังนั้น เมื่อวานวิจิตรศราถึงต้องถูกทดสอบอีกครั้ง หญิงสาวไม่ได้รังเกียจบ้านของเขา ไม่ได้รังเกียจพ่อของเขา ไม่ได้รังเกียจกับพื้นเดิมของเขา และทึ่งกับกรรมวิธีเพื่อให้ได้โทนเนอร์จันทร์เจ้าฉายของเขา นอกจากนั้นเธอก็ยังลงมือช่วยเขากรอกโทนเนอร์ลงขวด ช่วยทำสบู่ชนิดไม่บ่นสักคำ

และที่สำคัญขณะที่นั่งรถกลับเธอก็ได้เลียบ ๆ เคียง ๆ ถึงผู้หญิงที่เขาเดินอยู่ด้วยแล้วเพื่อนของเธอได้แอบถ่ายรูปแล้วส่งมาให้เธอ เมื่อเขาบอกความจริงไปว่าอัจฉราเป็นใคร มีความสัมพันกันอย่างไร สีหน้าของวิจิตรศราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด..และก่อนจะลงจากรถ หญิงสาวก็รับปากว่าจะเร่งมือออกแบบโลโก้พร้อมกับฉลากข้างขวดให้..และมันก็มาอยู่ในสายตาของเขาอย่างรวดเร็วบ่งบอกถึงความใส่ใจ..

แล้วเขาจะปล่อยเจ้าหล่อนไปจากใจง่าย ๆ ได้อย่างไร..แต่ว่าเขาก็ยังไม่พร้อมจะให้วิจิตรศราเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนรุ่นน้องมาเป็นคนรู้ใจในเวลานี้..ด้วยเขาอยากสู้ด้วยหนึ่งสมองสองมือของเขาให้ประสบความสำเร็จ..และเมื่อนั้น ใครก็จะว่าเขาได้ดีเพราะนารีอุปถัมภ์ไม่ได้

“สวยมาก พี่ถูกใจมาก”..

“มีอะไรให้แก้อีกไหม..”

“ภาพรวมพี่พอใจนะ..”

“อุสากับดอกอ้อก็ชมกันยกใหญ่..แล้วนี่ จะเอาเข้าโรงพิมพ์เลยไหม แถว ๆ นี้ก็มีนะ วิ ดู ๆ ไว้แล้ว..”

“ก็อยากรีบเหมือนกัน เพราะคนซื้อเขาอยากได้ฉลากข้างขวด ยืนยันว่าของเราได้มาตรฐาน..บ่าย ๆ
พี่ว่าง พี่เข้าไปแล้วกัน วิว่างไหม”

“ว่างค่ะ สำหรับพี่มิตรวิว่างเสมอค่ะ” บอกเขาเป็นนัย ๆ ไปแล้ว นัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว วิจิตร ศราก็นั่งอมยิ้มหวานเอียงคอมองผลงานตัวเองซึ่งในกาลข้างหน้านั้นมีคนเห็นเป็นจำนวนหลักล้าน...




“แม่กับพ่อกำลังจะถึงร้านเขาแล้วนะลูก” นางกุหลาบที่โทรถามทางลูกชายเพื่อไปร้านนางฟ้าคาเฟ่มีน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะการไปที่ร้านนางฟ้าคาเฟ่ในครั้งนี้ต้องไปอย่างคนมีแผนการณ์ แม้มันจะไม่ใช่แผนการณ์ชั่วร้าย แต่เรื่องช่วยลูกชายจีบสาวมาเป็นสะใภ้แบบนี้มันก็เพิ่งได้ทำเป็นครั้งแรก

“เขาจะกลับมาถึงร้านประมาณหกโมงกว่า ๆ ..แม่ไปตอนนี้ก็ดีแล้ว สั่งอะไรมากินรอ ๆ เขาไปนะ ร้านเขามีอาหารจานเดียว สปาเก็ตตี้ก็ได้แม่”

“แม่ไม่ชอบ..เขามีอย่างอื่นไหม”

“ไม่รู้สิ แต่ข้าวผัดคงไม่มีหรอก เขาเน้น ฝรั่ง ๆ แปลก ๆ หน่อย ๆ ผมไม่เคยกินอะไรในร้านเขาหรอก..แล้วยายคนที่เป็นเจ้าของร้านนะแม่ แม่ต้องทำให้เขาชอบแม่ให้ได้นะ ถ้าเขาชอบแม่แล้ว พอเปิดตัวทีหลังว่า แม่เป็นแม่นะ เขาจะได้..ได้..ยายวิจิตศรานั่นจะได้อึ้งกับความล้ำลึกแผนจีบหญิงของผม”

“เขาจะไม่โกรธแม่เหรอ ถ้ามารู้ทีหลัง..”

“ทีหลังก็ค่อยว่ากัน..แม่เข้าไปดูก่อนแล้วกัน..”

“แล้วนี่จะกลับจากชุมพรวันไหน”

“พรุ่งนี้ครับ..แม่อยากได้อะไรไหม”

“ไม่เอา เดี๋ยวแม่ไปหาซื้อเอง..โอเค ถึงหน้าร้านเขาแล้ว..ใช่ไหมพ่อ” ท้ายประโยคถามผู้เป็นสามีที่หักพวงมาลัยพารถชิดบาทวิถี..

“ตรงข้างหน้าไม่มีที่จอดแน่ ๆ ตรงนี้แหละ เดินเข้าไปกัน”

พอรถจอดเรียบร้อย สองผัวเมียซึ่งมีลูกชายเพียงคนเดียวก็พากันเดินไปในร้านโดยพยายามเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด



“รับอะไรดีคะ” เมื่อเข้าไปยืนอยู่หน้าพนักงานในร้านก็ต้องร้องทักตามความน่าจะเป็น คนเป็นเมียยิ้มให้น้องพนักงานตัวอ้วน พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน..

“เอาอะไรมาดับร้อนหน่อย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเบา ๆ พอให้เมียได้ยินก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้
เป็นการบอกให้เด็กในร้านรู้ว่า สองคนนี้ ไม่ได้สั่งแล้วถือไปกินไปดื่มที่อื่นแน่ ๆ

ในระหว่างนั้นแม่กุหลาบก็กวาดสายตามองเมนูอาหารและเครื่องดื่มบนฝาผนัง และพอพนักงานร่างอ้วนในร้านเผลอนางก็มองหาเจ้าของร้าน กับว่าที่ลูกสะใภ้ แต่ก็ไม่เห็นมีใคร..

“อยู่คนเดียวเหรอ”

“เจ้าของร้านอยู่ข้างบน อีกคนอยู่หลังร้าน ทำสปาเก๊ตตี้อยู่ ร้านเสริมสวยสั่งมา..ป้าจะรับอะไรคะ”

“ขอเป็นน้ำส้มคั้นสองแก้วแล้วกัน”..

ได้รับคำสั่งแล้วอุสาก็หันไปทำงาน..ระหว่างนั้นแม่กุหลาบก็มองไปที่ส่วนอื่น ๆ ของร้านจนกระทั่งไปสะดุดตากับขวดโทนเนอร์..ซึ่งเป็นขวดสีฟ้าฝาขวดเป็นหัวจุกแบบสเปรย์วางเรียงรายอยู่บนถาดและถาด ข้าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าก็มีสบู่ก้อนกลม ๆ เรียงกันหลากสีสัน..

แม่กุหลาบหยิบกระดาษเอสี่สีชมพูอ่อนมีตัวอักษรทั้งสองหน้ามาดูตามวิสัยคน อยากรู้อยากเห็น..

“โทนเนอร์จันทร์เจ้าฉาย เลขที่จดแจ้ง จาก อย. เลขที่ 75-1-5400005 ผลิตจากเอ็นไซม์ดอกไม้และผลไม้หลากชนิด คุณสมบัติ เพื่อผิวสวยกระจ่างใส ลดฝ้า สิว กระเนื้อ จุดด่างดำ กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย วิธีการใช้ หลังทำความสะอาดใบหน้าและร่างกายเช้าเย็น ฉีดบางๆให้ทั่ว ตบเบาๆให้ซึมซาบ แล้วลงครีมบำรุงตามปกติ หมายเหตุ ฝ้าและกระจะค่อย ๆ จางลง ส่วนกระเนื้อบางคนจะเริ่มค่อย ๆ หลุดใน 2 อาทิตย์บางรายอาจใช้เวลานานกว่านั้น สีและกลิ่นของผลิตภัณฑ์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ..หนู ไอ้นี่เหรอโทนเนอร์..”

“จ้า..” ดอกอ้อ เงยหน้าตอบแล้วหันกลับไปทำงานต่อ..

“สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายทำให้แม่กุหลาบต้องเบนสายตาจากเอกสารไปหาต้นเสียงที่เดินเข้ามาหาจากหลังร้าน ใบหน้าผุดผ่องเป็นยองไยสีสันบาง ๆ ทั้งปากและตา เรือนผมที่เป็นลอนใหญ่ ๆ กับเสื้อผ้าชุดแซคสีเขียวปีกแมลงทับดูสุภาพแต่แฝงไว้ด้วยความเก๋บ่งบอกให้รู้อย่างแน่ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร..
แม่วิจิตรศราคนปากจัดที่ลูกชายบอกไว้แน่นอน..

“สวัสดีจ๊ะหนู”

“สนใจโทนเนอร์เหรอคะ”

“มันคืออะไรเหรอ..สบู่นี่ก็น่าสนใจเนอะ สีสันสวยงามรูปทรงน่ารักดี”

อุสาทำน้ำส้มคั้นเสร็จพอดีจึงใส่ถาดถือออกมาจากเคาน์เตอร์และเดินไปหาคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ วินัยรับน้ำส้มมาดูดเข้าปาก..แต่ระหว่างนั้นวิจิตรศราท่าจะไม่ยอมให้เป้าหมายเดินกลับมานั่งที่โต๊ะง่าย ๆ เสียแล้ว

“ขอโทษนะคะ หน้าคุณพี่มีฝ้า ถึงไม่เยอะจนหน้าเกลียดแต่ก็มี แล้วก็ใต้ตามีกระเนื้ออีกนิดหน่อย..ริ้วรอยเป็นไปตามวัย ขอโทษนะคะ อายุเท่าไหร่”

“ห้าสิบกว่า ๆ ตาพ่อห้าสิบห้า”

“นี่เลยค่ะแนะนำสบู่ล้างหน้าก่อน สบู่มะเฟืองเคยได้ยินไหมคะ”

“เคย..แต่ไม่เคยใช้”

“แนะนำให้ลองคะ สบู่ของเราไม่มีสารเคมีนะคะ ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติทั้งหมด แล้วน้ำเอ็นไซม์นี่เคยได้ยินไหมคะ” วิจิตรศราพยายามเลือกใช้คำเพื่อยกใจคนฟังให้ล่องลอยตามหลักการขายที่ได้เล่าเรียนมา และรายไหนรายนั้น ถ้าถึงมือวิจิตรศราแล้ว เป็นอันต้องเสียเงินให้ผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ซึ่งหลังจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผ่านการรับรองคุณภาพ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาวิจิตรศรายิ่งมั่นใจและพร้อมที่จะลุยแหลก..

เพราะนอกจากส่วนต่างจากต้นทุนแล้ว ส่วนหนึ่งเธอก็ต้องการพิชิตใจของศุภนิมิตรให้ได้ด้วย..ดังนั้นวัน ๆ หนึ่ง ดอกอ้อกับอุสาจะเห็นวิจิตรศราเชียร์สินค้าตัวนี้อยู่ไม่ว่างเว้น และบ่อยครั้งที่วิจิตรศราขับรถออกจากหน้าร้านเอาสบู่กับโทนเนอร์ไปส่งกรณีที่มีร้านเสริมสวยจะสั่งไปเพื่อขายต่อเป็นจำนวนมากและหลังจากที่การขายของลุล่วงมีเคสใหม่ ๆ เข้ามา ไม่มีว่าจะเป็นการตอบคำถามอย่างชาญฉลาดหรือมีใครใช้แล้วเห็นผลประการใด วิจิตรศราก็จะรีบบอกเล่าให้ศุภนิมิตรรู้ทันที แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็มีชั้นเชิงพอตัววิธีการบอกเล่านั้นนอกจากจะใช้ช่องทางอินเตอร์เน็ตเพื่อไม่ให้รบกวนเวลาทำงานของเขา วิจิตรศราก็ใช้โทรศัพท์คุยกับเขาในเวลาที่เห็นสมควรว่าเขาพร้อมจะคุยกับเธอ ซึ่งมันเป็นช่วงบ่ายโมงต้น ๆ หรือไม่ก็หลังหกโมงเย็น แต่ก็ไม่เกินทุ่มหรือสองทุ่ม..ซึ่งเวลานั้นศุภนิมิตรจะกระชุ่มกระชวย..คลายจากปัญหาจากงานประจำ แต่ถึงกระนั้น วิจิตรศราก็ยังไม่มั่นใจมากนักว่า เขามีใจให้เธอแล้ว..

“น้ำเอ็นไซม์ ..รู้จักป้าเช็งไหม ดร.รสสุคนธ์ล่ะ..สองคนนี้เขาบุกเบิกเรื่องนี้มาก่อนค่ะ ก็เอาพืชผักผลไม้ของเรานี่แหละ หมักกับน้ำตาลทรายแดง แล้วก็ได้น้ำตัวนี้มา..เราใช้เวลาหนึ่งปีค่ะ นานมาก แล้วคนที่เขาคิดสูตรนี่ เขาก็ ปรับค่ากรดด่างให้เหมาะกับสภาพผิวเรา..ขอโทษนะคะ” ว่าแล้ววิจิตรศราก็ยื่นมือไปหยิบขวดสำหรับทดลองออกมาก่อนจะดึงแขนข้างซ้ายของคุณพี่ที่ยังไม่ได้ถามชื่อแซ่มาฉีดน้ำหมักชีวภาพที่ตั้งชื่อใหม่ว่าน้ำเอนไซม์ลงไป..

“สักครู่ค่ะ เอาแขนข้างขวามาเทียบดูค่ะ..แตกต่างเลยไหมคะ”

ตาของคนมองนั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างอะไร พอยกแขนดูก็ได้กลิ่นน้ำหมักผลไม้พอให้ได้ชื่นใจ แต่สัมผัสหนึ่งที่ได้ความเย็น ๆ ที่แขนข้างซ้าย..

“ขวดละเท่าไหร่”

“สองร้อยเก้าสิบบาทค่ะ แต่ถ้าซื้อวันนี้พร้อมสบู่มะเฟืองก้อนละห้าสิบบาทสองก้อนร้อย สองอย่าง สามร้อยเก้าสิบบาท แต่เราขายแค่ สามเจ็ดศูนย์ค่ะ ลดให้ยี่สิบบาท..”

คนจะซื้อครุ่นคิด แต่นายวินัยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า..

“แล้วเอ็นไซมมันคืออะไรล่ะแม่หนู..” จริง ๆ แล้วตัวตาพ่อเองนั้นพอรู้อะไรอยู่บ้าง เพราะว่าช่วงที่ขับรถมหาวิทยาลัยไปให้ทางอาจารย์ไปทำธุระนั้นตัวแกเองก็ฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งเรื่องของน้ำเอ็นไซม์นี้ก็มีมาให้อ่านอยู่เป็นประจำ เพียงแต่แกเองไม่ค่อยจะศรัทธาเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ด้วยสุขภาพของแกนั้นยังปกติดี ตรวจร่างกายประจำปีหมอก็ยังไม่ได้สั่งยาอะไรให้มากิน แกคิดว่าคนเรานั้น ถ้ารู้จักกินอาหารให้ครบสามมื้อ ออกกำลังกายบ้าง และพักผ่อนให้เต็มที่ พวกอาหารเสริมนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ส่วนเรื่องราคาหลังจากที่ฝ่ายแม่ค้าบอกมาแล้วนั้นแกก็ไม่รู้สึกว่าแพงนัก แต่ว่าแกต้องการยื้อเวลาไว้ เพราะตอนนี้ว่า
คนที่แกต้องการมาดูตัวนั้นยังไม่มา..และอีกอย่าง แกเองก็อยากลองภูมิคนขายเหมือนกัน..

แต่พอวิจิตรศราจะเอยปากอธิบายที่หน้าร้านก็มีลูกค้าหญิงวัยทำงานถึงห้าคนซึ่งยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดินเข้า
มา..

“เจอคุณวิด้วย..พาเพื่อนมาค่ะ..จะมาขอคิวดูหมอกับหมอเม”

“เอ่อ ..ช่วงนี้” และด้วยเห็นว่า ถ้าคุยขายของ ทางนั้นซึ่งเป็นลูกค้าโทนเนอร์กับสบู่อยู่แล้วคงจะสั่งอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างที่รอเธอ วิจิตรศราจึงบอกไปว่า “ขอเวลาอธิบายเรื่องเอ็นไซม์ให้พี่ผู้ชายเขาฟังก่อนนะคะ รอก่อนค่ะสั่งอะไรรอก่อนได้เลย”

สองผัวเมียแอบเหลือบตามองกัน..และคนที่ผ่านโลกมานาน ย่อมรู้ว่าคนลักษณะนี้ติดจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นคนตรงและก็ใจนักเลงพอตัว ไม่งั้นก็คงไม่กล้าที่จะสั่งให้สาวใหญ่กลุ่มนั้นให้รอก่อนทั้งที่ตรงนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปิดการขายได้หรือเปล่า..

“คุณพี่มาดื่มน้ำส้มก่อนค่ะ..นั่ง ๆ ค่ะ” ว่าแล้ววิจิตรศราก็เจ้ากี้เจ้าการดึงแขนแม่กุหลาบไปนั่งที่โต๊ะ ตาก็มองไปหาลูกค้ากลุ่มนั้นซึ่งกำลังยืนดูเมนูอาหารรอให้เธอเสร็จธุระ..

“พี่เสื้อดำก็ใช้โทนเนอร์คะ ดูหน้าพี่เขาสิ” วิจิตรศราบอกเล่าให้พ่อได้ยินแค่คู่สนทนาผัวเมีย..

“มันทำให้หน้าขาวค่ะ ตัวโทนเนอร์มันจะไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวค่ะ ผลัดผิวใหม่ แล้วริ้วรอยของเราก็จะค่อยๆ ตื้นขึ้นค่ะ เห็นคุณเสื้อดำจะไม่ขาวเด้งนะคะ แต่ดูเป็นธรรมชาติ..ประโยชน์ของสบู่กับเอ็นไซม์เป็นแบบนี้แหละคะ” คนที่ถูกพูดถึงหันมายิ้มให้ วิจิตรศรายิ้มตอบ เพื่อนของคนเสื้อดำที่เพิ่งมาใหม่จึงเกร่มาดูโทนเนอร์บ้าง..วิจิตรศราจึงต้องสอดเข้าไป..

“มี อย.นะคะ มีสติกเกอร์แล้วด้วยแต่ว่า ทางร้านจะมาส่งพรุ่งนี้ค่ะ ไว้ใจได้ค่ะ..”

พอวิจิตรศราบอกอย่างนั้นสาวเสื้อดำจึงหันมาบอกเล่าสรรพคุณของโทนเนอร์แทนวิจิตรศรา ซึ่งสองคนผัวเมียที่นั่งอยู่ก็พลอยได้ยินไปด้วย..

“โอเคอนุมัติแม่เอามาหนึ่งชุด..หรือว่าสองชุดดีเอาไปให้ไอ้ลูกชายเราด้วยไหม”

“สบู่มีหลายแบบนะคะ..มีทั้ง สบู่จากเอนไซม์มะเฟือง สับปะรด สตรอเบอรี่ กุหลาบ ก็มี ตัวกุหลาบนี่หนูแนะนำนะคะใช้ฟอกตัวจะสดชื่นค่ะ ตัวสบู่เป็นเหมือนกลิ่นบำบัด อโรมาเทอราปี..ผ่อนคลายคลายเคลียด..แล้วลูกชายนี่อายุเท่าไหร่คะ”

“25 ปี ยังไม่มีแฟน”

“หนูมีแฟนแล้วค่ะ แฟนหนูก็คนผลิตสินค้าตัวนี้แหละคะ”

“แต่งงานกันหรือยัง” นายวินัยซักไซ้

“ยังค่ะ..หนูเพิ่งเรียนจบ..ต่อนะคะ ของคุณพี่ผู้ชาย สบู่หนูแนะนำ ถ่านไม้ไผ่กับตัวย่านาง ใช้ดีมาก”

“สองก้อนเลยเรอ”

“ก็หลาย ๆ ก้อนจะมีสวนลด แล้วอยู่ที่ไหนกันค่ะ ถ้าอยู่แถวๆ นี้ก็หมดก้อนแล้วมาใหม่ก็ได้ ใช้ดีแล้วมาใหม่” ที่บอกไปอย่างนั้นส่วนใหญ่มาอีกรอบก็ต้องสั่งเครื่องดื่มด้วยนั่นเอง..

และยังไม่ทันที่วิจิตรศราจะเสนอขายสินค้าเพิ่มเติมที่หน้าร้านก็เมขลาก็ปรากฏกายพร้อมกับผู้ชายที่วิจิตรศราคุ้นหน้าเป็นอย่างดี..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2555, 08:17:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2555, 08:17:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 3085





<< 8.2 "คนชอบกันก็ต้องคิดถึงกัน พอคิดถึงมันก็ห้ามตัวเองไม่ได้"   10. "สวยถูกใจแม่จังเลย" >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มี.ค. 2555, 08:19:49 น.
หายหน้าหายตาไปซะนาน..ขอโทษทีนะครับ มัวแต่ไปหาข้อมูล จันทร์เจ้าฉาย มาต่อนิยายให้ได้อรรถรสมากยิ่ง ๆ ขึ้นครับ บางท่านก็รู้อยู่แล้ว ได้รสเกินจนกลัวว่าผมจะไม่กลับมา เขียนนิยาย...สำหรับราชนาวีที่รัก จะมีงานเปิดตัววันที่ 6 เมษายน 2554 นะครับตอนบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็นที่ ห้องมิตติ้งรูม 3 เรียนเชิญนะครับ..แล้วจะส่งข่าวให้ทราบเป็นระยะ ๆ


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มี.ค. 2555, 08:20:38 น.
สำหรับท่านที่อยากไปย้อนรอยราชนาวีที่รัก วันที่ 11 มีนาคม ที่สัตหีบ กับผมนะครับ ยังมีที่นั่งว่างครับ ติดต่อที่ f_nakhon@hotmail.com หรือที่ข้อความลับได้เลยครับ..


แว่นใส 6 มี.ค. 2555, 10:21:32 น.
ใครมาด้วยนะ อยากรู้จริง


Orathai 6 มี.ค. 2555, 10:25:35 น.
แผนการจีบสาวให้ลูกชายเริ่มแล้ว... อธิบายเรื่องจันทร์เจ้าฉายละเอียดจนอยากจะใช้บ้างนะเนี่ย....


Zephyr 6 มี.ค. 2555, 11:13:56 น.
นั่งอ่านจันทร์เจ้าฉายเพลินเลย นึกว่าเอนไซโคพีเดีย ไม่ใช ม่านพรหม อิอิ เพลินดีค่ะ ^^ แหม แม่กะพ่อเข้าถูกทางซะด้วย อะไรที่เกี่ยวกะศุภนิมิตร ยายวิยอมเสมอ ฮ่าๆๆๆ เมขลามากะใครน้า


มุกมาดา 6 มี.ค. 2555, 12:51:03 น.
มาติดตามม่านพรหมของกฤษณะ // ยิ่งอ่านจันทร์เจ้าฉายยิ่งเห็นภาพชัด เพิ่งได้มาไว้ในครอบครองแล้ววันนี้ กลิ่นหอมมาก จะกลับไปลองใช้ดู


anOO 6 มี.ค. 2555, 15:51:36 น.
พ่อกับแม่ฟังยัยวิ จนลืมเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้แล้วมั้ง


nutcha 6 มี.ค. 2555, 23:36:07 น.
คะน้าไปทำไรที่ชุมพรอ่ะ


XaWarZd 7 มี.ค. 2555, 03:36:27 น.
who la nia?


loveleklek 7 มี.ค. 2555, 16:23:05 น.
ใครมานะ


OPUS 14 มี.ค. 2555, 16:16:34 น.
คิดถึงหนูนา กะคะน้าแล้วนะคะสัปดาห์นี้ไม่โพสเลยเหรอคะ


OPUS 14 มี.ค. 2555, 16:18:48 น.
แล้วขอถามอีกข้อค่ะ เรื่องของคุณสูนย์กะไอ่ม่าออกมารึยังค่ะ จะได้ไปหาซื้อ รอคำตอบอยู่นะคะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 23 มี.ค. 2555, 17:37:42 น.
กุหลาบซ่อนกลิ่นวางแผงแล้วครับ ช่องสาม ซื้อไปสร้างละครแล้วด้วยครับ


OPUS 9 เม.ย. 2555, 12:16:40 น.
เมื่อไหร่คุณเฟื่องจะเข้ามาโพสเรื่องนี้ต่อสักทีคะ หายไปเป็นเดือนแล้วน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account