เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 14
ตอนที่ 14
นายหัวเมฆาขับรถเลี้ยวเข้าไปในไร่แสงตะวัน ไร่กาแฟอันกว้างใหญ่ ด้านซ้ายเป็นโรงงาน และลานตากเมล็ดพันธ์ขนาดใหญ่ ด้านขวาเป็นไร่กาแฟเกือบทั้งหมดไร่แห่งนี้สวยงามเพราะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่สวยราวกับภาพวาด หากไม่ได้ถูกจับมาพีระดาคงมีความสุขที่จะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของมัน แต่ในเวลานี้หญิงสาวอยากพาตัวออกไปให้ไกลจากนายหัวเมฆาเสียเดี๋ยวนี้ เพราะระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันหลายครั้งที่เขาชำเลืองมองเธออย่างมีเลศนัย
“นายรู้ไหมว่าจะถูกจับข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว”
คนหน้าคมผิวแทนพยักหน้า “รู้ แต่ไม่กลัว”
“นายจะจับฉันมาเพื่ออะไรจะให้ฉันสารภาพต่อหน้าน้องสาวนายหรือไง ว่าฉันไม่มีอะไรกับคุณอัคนี” “เธอจะต้องสาบานว่าเธอจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา เธอไม่ควรทำแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น เพราะมันจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องขาดพ่อ เพราะผู้หญิงมากกิเลศอย่างเธอ”
“เอาอะไรมาพูด นายมันหน้ามืดตามัวเชื่อแต่คำโกหกของน้องสาว”พีระดาตะคอกใส่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! น้องผมไม่เคยโกหก”
เขาขึ้นเสียง เมฆาเชื่อเมยาวีเสมอเพราะตั้งแต่เกิดมาน้องสาวที่ประดุจแก้วตาดวงใจที่พ่อแม่ฝากฝังไว้ก่อนตายก็ไม่เคยที่จะสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขา เธอเชื่อฟังทุกอย่างไม่เคยโกหก แต่ครั้งนี้เมยาวีเลือกที่จะโกหกเธอวางแผนแกล้งกินยาฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้ที่ตัวเองท้องไม่มีพ่อ เมฆาเครียดจัดเมื่อรู้ว่าน้องสาวที่ส่งไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ปริญญามาพร้อมกับลูกในท้องที่หาพ่อไม่ได้
เขาคาดคั้นจนรู้ว่าเมยาวีตั้งท้องกับอัคนี ซึ่งเขารู้จักอัคนีมาตั้งแต่เด็กเมื่อก่อนพ่อของไอ้หมอนั่นมีไร่กาแฟเล็กๆและนำมาขายส่งให้นายหัวตะวันพ่อของเขา จนเมื่อพ่อและแม่ของอัคนีเสียชีวิตเขาจึงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯอย่างถาวร ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะไปสานสัมพันธ์กันต่อที่นั่นแต่ที่น่าเจ็บใจ นายอัคนีไม่คิดเข้าตามตรอกออกตามประตูกลับชิงสุกก่อนห่ามแถมยังทิ้งน้องสาวเขาให้แบกหน้าอับอายกลับมาที่นี่ ส่วนตัวเองไประเริงรักกับผู้หญิงอื่น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโหนายหัวเมฆาเบรครถแรงอย่างจงใจก่อนจะจอดสนิท อยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์รีสอร์ท
+++++++++++++++++
ขณะที่ภาคินัยขับรถเลี้ยวเลาะไปตามเส้นทางหมู่บ้านหนึ่งซึ่งดูเหมือนหมู่บ้านนี้จะปลูกกาแฟกันทั้งหมู่บ้านบางบ้านก็กำลังตากเมล็ดกาแฟ บ้างก็นั่งจักสานอะไรบางอย่างแต่ภาคินัยไม่มีเวลาสนใจนักเพราะเขามีจุดหมายที่สำคัญยิ่ง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องตกใจและหักพวงมาลัยหลบทันทีเมื่อเด็กน้อยวัยสามขวบวิ่งตัดหน้ารถออกมาจาบ้านหลังหนึ่ง
โครม!
ภาคินัยหักรถหลบลงข้างทางเพื่อไม่ให้ชนเด็กน้อยที่วิ่งมากลางถนน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยเขาคิดเพียงแต่ว่าถ้าเขาไปช่วยพีระดาช้าหญิงสาวจะเป็นอย่างไร ไอ้คนที่จับเธอไปมันจะทำอย่างไรบ้างเขาห่วงเธอเหลือเกิน ห่วงแสนห่วงจากนั้น เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาก็ปิดลงสติเริ่มพล่าเลือนไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆที่อยู่รอบตัวอีกเลย
“คุณ! เป็นยังไงบ้าง” คนในหมู่บ้านเล็กๆออกมาดูอุบัติเหตุที่ทำให้ไฟดับทั้งหมูบ้านเพราะรถเก๋งราคาแพงคันงามชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ผลปรากฏว่าไฟฟ้าหัก รถพังยับแต่คนขับไม่ยักกะตาย
“ท่าทางจะอาการหนักว่ะ โรงพยาบาลก็อยู่ไกลนัก เอาไปส่งที่อนามัยก่อนจะดีกว่า” ชายคนหนึ่งเสนอและส่งภาษาใต้กัน
พยาบาลสาวตาคมรีบวางมือจากนิยายรักที่กำลังอ่านอยู่ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาพักของเธอก็ตามเพราะหน้าที่ต้องมาก่อน
“เขาเป็นอะไรมา” พยาบาลสาวถามพร้อมสั่งการให้ชาวบ้านสองคนพาคนเจ็บไปไว้ที่ห้องทำแผล
“รถชนครับ ชนกับเสา เสาหักไฟดับทั้งหมู่บ้านเลย” ชายคนหนึ่งพูดเป็นภาษากลางแต่ทองแดง เพราะรู้ดีว่าพยาบาลสาวสุชาวีเป็นคนกรุงเทพฯ
“เอาเข้าข้างในก่อนถ้าหนักมากอาจจะต้องส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด แล้วไหนล่ะญาติผู้ป่วย”
“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“คนเจ็บมีเอกสารอะไรติดตัวมาบ้างไหม ไหนกระเป๋าสตางค์เขาล่ะ”
“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน
“แล้วที่นี้จะรู้ได้อย่างไหรว่าเขาเป็นใคร”
พยาบาลสาวสั่นศีรษะก่อนจะรีบเข้าไปดูคนไข้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ไร่กาแฟแสงตะวัน
“อะไรนะ เมยาวีไม่ได้พาผู้ชายคนนั้นกลับมาที่นี่เหรอ แล้วเธอพาไอ้หมอนั่นไปไหน”
“นายหญิงให้พวกผมกลับมาก่อน”ลูกน้องของเมยาวีตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้นายหัวเมฆาอารมณ์เสีย
“แล้วนายหญิงของพวกแกอยู่ที่ไหนล่ะ” นายหัวเมฆาถามเสียงดุ เขาอุตสาห์พานางแบบคนนี้มา คิดว่าจะจัดการตกลงให้เรียบร้อยเมื่ออยู่กันครบ แต่นี่เมยาวีคิดจะทำอะไร
“เอ่อ...เอ่อ...”
“ปัดโธ่โว้ย! เอ่อ...กันอยู่ได้อึกอักแบบนี่จะรู้เรื่องได้ไงตอบมาว่าน้องสาวฉันอยู่ไหน” นายหัวเมฆาตะคอกเสียงใส่
“กะ..กะ เกาะมาหยา...ครับนายหัว”
เมฆาไหวไหล่ ส่ายหัวอย่างหงุดหงิด “นี่เขาคิดจะทำอะไร เอาผู้ชายไปเก็บไว้ในเกาะ”
“ไปๆๆ ให้พ้นหน้าเลยบอกให้ดูนายหญิง ก็ดูกันจริงๆไม่เคยห้ามปราม” แต่ที่จริงนายหัวเมฆารู้ดีขนาดเขาเป็นพี่เธอยังไม่เชื่อ นับประสาอะไรกับลูกน้อง
นายหัวเมฆา รีบโทรศัพท์ติดต่อน้องสาวกะจะต่อว่าให้หนำใจ แต่หญิงสาวปิดเครื่องหนีซะ จะมีใครคิดว่าเกาะสัมปทานเกาะนั้นมีสัญญาณโทรศัพท์ด้วยอำนาจเงินของเขาก็บันดาลให้เกาะเล็กๆแทบจะกลายเป็นเกาะสวรรค์
“เบื่อจริงๆ หาเรื่องมาให้แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ แล้วจะเอายังไงกับยัยปลาทองสมองกลวง” เขายังไม่เชื่อว่าเธอไม่มีอะไรกับอัคนีจริงๆ
พีระดามองห้องนอนผู้ชายที่ตกแต่งเรียบหรูดูมีรสนิยม แต่เธอไม่มีเวลาชื่นชมหรอกหากภาคินัยไม่คิดจะมาช่วยเธอ พีระดาก็คิดจะช่วยตัวเองลึกๆแอบน้อยใจป่านนี้เขาคงไปเริงร่ากับแม่เขมมิกานางแบบสุดเซ็กซี่คนนั้นแล้วก็ได้
หน้าต่างกระจกถูกเลื่อนออกแม้จะดึกแล้วแต่ภายในไร่แห่งนี้กับมีเวรยามเฝ้าตลอด คงเป็นเพราะเมล็ดกาแฟที่นี่มีราคาแพงมากแบบที่นายหน้าโหดคุยเอาไว้คงกลัวใครจะมาขโมย
“เอาล่ะ ถ้าไม่หนีมีหวังโดนจับปล้ำแน่” เธอเห็นสายตาหื่นๆของนายหัวเมฆาเมื่อตอนกลางวันและบอกได้คำเดียวว่าอันตราย
พีระดาก้าวขึ้นไปบนหน้าต่างและกำลังพาขาอีกข้างก้าวตามขึ้นไปนึกในใจคิดว่าโชคดีที่ตัวเองใส่กางเกงยีนมาแต่แล้วขาอีกข้างก็ก้าวตามขึ้นมาไม่ได้เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้ง
เฮ้ย! “ว้าย! ไม่นะปล่อยนะ ปล่อยฉันกำลังจะตก” พีระดาร้องลั่นเสียงหลง
เขาไม่ปล่อยแต่รั้งร่างบางลงมาจากหน้าต่างทำให้เธอเสียหลักล้มทับเขาทันที
นายหัวเมฆามีสีหน้าเหยเกแม้หญิงสาวจะหุ่นบอบบางแต่หล่นมาทับเขาจากที่สูงแบบนี้มันทำให้เจ็บและจุกไปหมด
“ปล่อยฉันๆ ปล่อยฉัน” เธอหลับตานิ่งทุบเขาระรัวไม่หยุด
“ไม่ได้จับเลย จุกจะตายอยู่แล้วด้วย” นายหัวเมฆาแม้ร่างกายสูงใหญ่แต่ก็เจ็บเป็น
พีระดามองที่ประตูมันเปิดอยู่ เธอไม่คิดอะไรแล้วได้แต่พยายามวิ่งออกไป แต่ว่าไม่พ้นเพราะมือหนาใหญ่สอดมาที่เอวบางจากนั้นกระชากเข้าหาตัว เขาลุกขึ้นจนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบอุ้มร่างบางลอยลิ่วและเดินไปที่เตียงจากนั้นโยนหล่อนลงบนที่นอนแรงๆ
“จะหนีทำไมหนักหนา หนีไม่รอดหรอกจนกว่าเธอจะตกลงกับน้องสาวฉันให้รู้เรื่อง”
“ไม่มีอะไรที่จะต้องตกลง ในเมื่อฉันกับอัคนีไม่มีอะไรกัน ฉันบอกนายแล้วนะครั้งที่ร้อยเห็นจะได้” “เก็บเอาไว้บอกยัยเมยาวีเองจะดีกว่า แต่ตอนนี้สองคนนั่นกำลังมีความสุขกันบนเกาะตามประสาผัวเมีย”เขายั่วเธอ แต่พีระดาหน้าเฉยชาไม่แสดงความรู้สึก
“ไม่หึงเหรอ” เขาถาม
เธอสั่นศีรษะ “หึงทำไม ไม่ใช่แฟนฉันนี่” ถ้าเป็นภาคินัยเธอคงจะรู้สึกเพราะลึกๆรู้ดีว่าเธอคิดยังไงกับเขา แต่อัคนีเธอมีแค่ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่ดี
“อย่างว่าเธอมีผู้ชายในสต๊อกเยอะนี่ ที่เห็นในข่าวก็มีอีกคนไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องของฉัน อย่ามาแส่”
นายหัวเมฆาอึ้งไปชั่วขณะตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครเคยตอบโต้เขา คนงานในไร่น้อยคนที่จะกล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ “ใครว่าอยากยุ่งกับผู้หญิงมั่วๆอย่างเธอ”
พีระดาเพิ่งสังเกตุว่าเขาใส่ชุดนอนเข้ามา “นี่ห้องใคร”
“ห้องผม” เขาเดินไปล็อคห้องใส่แม่กุญแจ และสิ่งที่หญิงสาวอยากจะกรีดร้องคือเขาหยิบลูกกุญให้เธอดูจากนั้นหย่อนมันใส่กระเป๋ากางเกงชุดนอนของตัวเองและเดินไปที่เตียงเสียอย่างนั้น
“หมายความว่ายังไง ฉันอยู่ห้องนี้ไม่ได้ นายเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง”
“คืนก่อนก็ยังนอนด้วยกันมาแล้ว คืนนี้จะเป็นอะไรไป คืนก่อนไม่ได้นอนเฉยๆด้วย” เขาทำตาวาว
“คิดว่าฉันมีหน้าคล้ายกระบือหรือไง” เธอยักคิ้วให้เขา “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคืนนั้นฉันจะเสียพรหมจรรย์ให้นาย”
“พรหมจรรย์! อย่างนั้นเหรอ” เขาหัวเราะเสียงดังเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด ++++
“มันน่าขำมากนักหรือไง”
“ใช่มันเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา คุณเป็นชู้กับนายอัคนียังกล้ามาบอกอีกว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์”
พีระดาเหนื่อยหน่าย ระอาใจไม่ว่าจะพูดอะไรหมอนี่คงจะไม่เชื่อ แต่ด้วยความฉลาดของหญิงสาวเธอก็รู้ทันทีว่าไอ้รอยคล้ำเขียวเป็นจ้ำๆที่เหมือนรอยดูดกัดที่ก่อเกิดให้เป็นราคีที่แผ่นหลังและคอขาวๆของเธอคงถูกนายหัวเมฆาจัดฉากเท่านั้นเพราะถ้าเขาขืนใจเธอขณะที่เธอถูกวางยานอนหลับเขาคงเชื่อไปแล้วล่ะว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์
“ขอบคุณนะที่คุณทำให้ฉันรู้ว่า ฉันยังไม่ถูกผู้ชายเลวๆแบบคุณข่มขืน”
เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่เชื่อหรือไงว่าคืนนั้นคุณเสร็จผมไปแล้ว หรือทำใจไม่ได้ว่าได้ผัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง” เขาหัวเราะเยาะ
“โง่ ไม่พอยังอวดฉลาดอีก” พีระดาต่อว่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“หากคืนนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริงคุณคงไม่กล้ามาด่าว่าฉันสำส่อนอย่างนั้นอย่างนี้ และมีอะไรกับอัคนี เพราะคุณคงรู้ทันทีว่าฉันยังบริสุทธิ์และน้องสาวคุณแต่งเรื่องโกหก”
นายหัวเมฆากำหมัดแน่น แต่เขาลองคิตตามเธอมันก็มีส่วนจริงทำให้เขาเกิดอาการลังเล
“มีทางเดียวที่ผมจะรู้ว่าคุณพูดเรื่องจริงรึเปล่า ก็คือต้องพิสูจน์ใช่ไหมถ้าคุณยังซิงแปลว่าคุณพูดจริง” เขาย่างสามขุมมาหาเธอ
“ไม่นะ ออกไป” พีระดาปาหมอนใส่หน้าเขาแต่นายหัวหนุ่มยังเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
“คุณบอกเองนี่ว่ามันจะทำให้ผมรู้ว่าคุณพูดจริงหรือเปล่า”
“ออกไปนะ เรื่องแบบนี้ใครจะให้พิสูจน์กันได้ง่ายๆ”
เขาจับเธอได้แล้วดึงเข้ามาหาตัว ใบหน้าคมอย่างคนใต้ซุกไปที่ลำคอระหงเขาได้กลิ่นหอมอ่อนจากร่างแบบบาง พีระดากลั้นใจจากนั้นแกล้งเป็นลมล้มพับลงไปกอง
“คุณ! เป็นอะไรไปเนี่ย ผมยังไม่ได้ทันได้ทำอะไรเลยนะ” นายหัวเมฆาช้อนร่างบางขึ้นมาเขามองใบหน้าสวยที่ซีดขาวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“แม่งเอ้ย! ยุ่งจริง ยัยเมยาวี หาเหามาใส่หัวและตัวเองก็หนีหาย” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากนั้นพาร่างบางวางบนเตียงนุ่มเขาจ้องเธอไม่มีทีท่าว่าเธอจะรู้สึกตัว นายหัวหนุ่มถอนใจก่อนจะเดินออกไปนอกห้องและตะโกนโหวกเหวกโวยวายเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแลเธอหาน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวหญิงสาวอย่างเร่งด่วน
++++++++++++++++++++++++++++
ภาคินัยลืมตาขึ้นได้อย่างช้าๆ ตามเนื้อตัวเขาปวดเมื่อยไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบๆที่ศีรษะ เขามองฝ้าสีขาวและไล่มองต่ำมาที่ผนังสีขาวมอๆไปตามกาลเวลาจากนั้นก็มองที่ข้างตัวเขาเห็นหญิงสาวสวมใส่ชุดสีฟ้ารองเท้าขาวอย่างเจ้าหน้าที่อนามัยฟุบหลับอยู่ข้างๆ มันพอจะสรุปได้ว่าที่นี่จะต้องเป็นอนามัย หรือโรงพยาบาลเล็กๆประจำตำบลอย่างแน่นอน
“คุณครับ คุณพยาบาล” เธอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงเขาภาคินัยยังไม่เห็นหน้าเธอ
เธอยังไม่ตื่น ภาคินัยจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือเธอเบาๆ “คุณครับ”
พยาบาลสุชาวีเริ่มรู้สึกตัวและเมื่อเงยหน้ามาเห็นว่าคนไข้ของเธอตื่นแล้วพยาบาลสาวก็ดีใจจนเก็บอาการแทบจะไม่อยู่ ภายในใจแอบกรี๊ดแล้วกรี๊ดอีกเมื่อเห็นนักเขียนดังฟื้นแล้ว
“คุณเมาคลี ๆ คุณฟื้นแล้วเหรอคะ ฉันดีใจจริงที่ได้พบคุณที่นี่ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอตัวจริง เป็นๆแบบนี้”
ภาคินัยงง ใครกันเนี่ยเขาคิด
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ” ภาคินัยจำไม่ได้ว่าเคยพบหน้าเธอด้วย แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอเรียกเขาว่าเมาคลีก็เดาเอาว่าคงเป็นแฟนนิยายของเขา
“ฉันเป็นแฟนนิยายของคุณค่ะ ฉันเคยไปขอลายเซ็นกับถ่ายรูปคู่กับคุณด้วยค่ะ ในงานสัปดาห์หนังสือเมื่อปีที่แล้ว” ไม่พูดเปล่าพยาบาลสาวหยิบนิยายออกมาจากกระเป๋าถือใบใหญ่และเปิดออก มีรูปของเธอกับเขาอยู่จริงๆด้วย เธอยื่นให้เขาดูแสดงให้เห็นกันชัดๆว่าเธอไม่มั่วแต่เป็นแฟนคลับตัวจริง
“อ๋อ คุณนี่เอง” ภาคินัยเริ่มนึกออกผู้หญิงที่เอานิยายของเขากว่าสิบเล่มมาให้เซ็นด้วยในงานวันนั้น
“ดีใจจังที่พบคุณ” พยาบาลสาวเอ่ยขึ้น
“ผมจะดีใจมากกว่านี้อีกครับถ้าเราเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาล” ภาคินัยยิ้มแห้งๆมองผ้าพันแผลที่ถูกพันทั้งขาทั้งแขน
“จริงด้วย” พยาบาลสาวยิ้มแก้เก้อ
“แย่แล้ว! พีระดา” ภาคินัยนึกถึงหญิงคนรักป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
“ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วครับผมต้องรีบไป”ภาคินัยฝืนลุกขึ้นมานั่งแม้จะปวดไปทั่วร่างกายที่บาดเจ็บ
“ไม่ได้นะคะอย่าลุกขึ้นมา” พยาบาลสาวตาคมกดเขาลงไปที่เตียงนอน
“คุณพยาบาลครับผมจะรีบไปหาแฟนเธอตกอยู่ในอันตราย”
“ไม่ได้ค่ะคุณได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะคะ อย่างน้อยก็ต้องพักฟื้นสักสองสามวัน”
“ไม่มีเวลาแล้วครับ ช่วยถอดสายน้ำเกลือให้ผมที”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงจะปลื้มคุณเป็นการส่วนตัวแต่ในฐานะพยาบาลฉันอนุญาตให้คุณออกไปไม่ได้”
“ต้องได้สิครับ คนรักของผมเธอต้องการความช่วยเหลือ” ภาคินัยถอดสายน้ำเกลือเองเลือดพุ่งกระฉูดตัวเขาไม่สนใจสักนิดว่าจะเป็นเช่นไร แต่พีระดาจะต้องปลอดภัย
“แต่คุณเองที่กำลังต้องการความช่วยเหลือเพราะบาดเจ็บ”
“ผมจะไม่ยอมนอนนิ่งอยู่แบบนี้”
“ว้าย! แย่แล้ว ทำไมทำแบบนี้” พยาบาลสาวหมดเวลาคิดเธอไม่สามารถจะปล่อยให้คนไข้หนีออกไปแบบนี้ได้
ภาคินัยก้าวลงจากเตียงกำลังจะออกไปจากห้องแต่แล้วเข็มฉีดยาเข็มหนึ่งก็แทงเข้าที่เนื้อของเขา มันคงเป็นยาสลบที่แรงมากภาคินัยรู้สึกง่วงอยากจะหลับในทันทีตาของเขาเริ่มจะปิด ร่างของเขาเกือบจะล้มคำมำลงไปแต่พยาบาลสาวก็เข้ามาพยุงเขาเอาไว้ด้วยความทุลักทุเลและพากลับไปที่เตียงก่อนจะรีบไปแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ว่าคนไข้เตรียมจะหนี
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ภาคินัยสลบไปเขาตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกพันธนาการด้วยสายรัดที่ติดอยู่กับเตียงเขาพยายามดิ้นให้หลุดแต่ไม่เป็นผล
“โธ่ โว้ย!”
ต่อมาไม่นานประตูห้องก็เปิดพร้อมพยาบาลคนเดิมเธอมาพร้อมถาดยาภาคินัยเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวยมากแต่นั่นก็ช่างเถอะตอนนี้หญิงเดียวที่เขาห่วงและอยากพบมากที่สุดคือพีระดา
“เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณเมาคลี” พยาบาลสาวยิ้ม “ขอโทษทีนะคะที่เรียกด้วยนามปากกา ดิฉันไม่ทราบชื่อจริงของคุณ เอกสารเกี่ยวกับตัวคุณก็ไม่มีใครพบ”
“ภาคินัยครับ ผมชื่อ ภาคินัย คุณทราบชื่อผมแล้วจะปล่อยได้หรือยัง”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จนกว่าร่างกายและแผลที่ศีรษะของคุณจะดีกว่านี้ไม่เห็นหรือคะว่าว่าแผลของคุณยังดูบวมอยู่เลยเรากลัวจะมีปัญหาทีหลังเพราะแผลค่อนข้างใหญ่”
“ต่อให้ขาแขนผมหักผมก็ต้องไป” น้ำเสียงและสายตามั่นคง
“ขอโทษนะคะ คุณจะไปไหนเหรอคะ”
“ไร่แสงตะวัน! ผมจะไปกุดหัวไอ้เมฆา”เขาสบถอย่างนึกเจ็บใจ
ไร่แสงตะวัน!
“คุณคิดว่าที่นั่นเป็นสวนสาธารณะให้คุณเดินเข้าออกเล่นๆได้เหรอคะ”
ภาคินัยมองพยาบาลสาว “คุณรู้จักที่นั่น”
“แน่นอน ฉันต้องไปที่นั่นทุกสองสัปดาห์เพื่อไปตรวจสุขภาพให้กับคนงานในไร่สลับกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ” เป็นรายได้เสริมของเธอ ทางไร่จ้างพยาบาลให้ไปตรวจสุขภาพคนงาน
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกพิกัดที่ชัดเจนได้ใช่ไหมครับว่าไร่นั้นมันอยู่ที่ไหน”
“แน่นอนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นดีเลยช่วยปล่อยผมที แล้วคุณพาผมไปหน่อย ผมสัญญาทันทีที่ธุระผมเสร็จสิ้นกลับถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ จะส่งนิยายทุกเล่มของผมพร้อมลายเซ็นมาเป็นของกำนัลให้คุณ”
“นิยายทุกเล่มในนามปากกาเมาคลี” พยาบาลสาวแสดงสีหน้าดีใจสุดขีด เมื่อนึกได้ว่าอยู่ในเครื่องแบบพยาบาล จรรณยาบรรณแห่งวิชาชีพทำให้เธอปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างเดิม
“ไม่ได้ค่ะ ติดสินบนเจ้าหน้าที่มันผิดนะคะ ฉันอนุญาตให้คุณไปไม่ได้เพราะสภาพร่างกายคุณไม่พร้อมไม่ใช่เพราะฉันอยากจะแกล้งคุณ”
“ผมถามหน่อยถ้าคุณเป็นผม คนรักของคุณถูกผู้ชายจับตัวไปคุณจะนอนรอจนกว่าจะหายได้ไหม”
พยาบาลสาวนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
“ได้โปรดเถอครับ คุณพยาบาลคนสวยผมคิดว่าใจคุณคงไม่ดำเพราะคุณเป็นคนหน้าตาดี” แอบหยอด “อย่าเลยค่ะ อย่ามายอพยาบาล ถึงคุณจะปากหวานอย่างไรก็ไม่ได้”
“ถ้าคุณเป็นห่วงผมมากก็ไปกับผมก็ได้นี่ครับ นะครับคุณพยาบาลถ้าไอ้หมอนั่นมันเกิดทำมิดีมิร้ายกับผมจะทำอย่างไร คุณก็เป็นผู้หญิงไม่สงสารเธอบ้างเหรอครับ”
พยาบาลสุชาวี เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของนายหัวเมฆามามาก แม้ว่าเธอไม่เคยพบเขาก็ตามเคยเห็นสองครั้งแบบไกลๆ
“เขาอันตรายนะคะ และมีอิทธิพลมากที่นี่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาคุณบุกเข้าไปก็ตายเปล่า”
“นั่นนะสิครับเขาอันตรายแล้วร้ายมาก แฟนผมก็สวยมากเสียด้วยคุณคิดดูสิครับปล่อยไว้นานจะเกิดอะไรขึ้น”
พยาบาลสาวมีสีหน้าเครียด “อย่าทำให้ฉันหนักใจสิคะ”
“นะครับคุณพยาบาล”ภาคินัยพยายามตื้อให้พยาบาลสาวใจอ่อน
“ถ้าอย่างนั้นขอที่คั่นหนังสือแถมด้วยนะคะ ว่าแต่อย่าไปบอกใครนะคะฉันอาจถูกไล่ออกได้”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นายหัวเมฆาขับรถเลี้ยวเข้าไปในไร่แสงตะวัน ไร่กาแฟอันกว้างใหญ่ ด้านซ้ายเป็นโรงงาน และลานตากเมล็ดพันธ์ขนาดใหญ่ ด้านขวาเป็นไร่กาแฟเกือบทั้งหมดไร่แห่งนี้สวยงามเพราะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่สวยราวกับภาพวาด หากไม่ได้ถูกจับมาพีระดาคงมีความสุขที่จะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของมัน แต่ในเวลานี้หญิงสาวอยากพาตัวออกไปให้ไกลจากนายหัวเมฆาเสียเดี๋ยวนี้ เพราะระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันหลายครั้งที่เขาชำเลืองมองเธออย่างมีเลศนัย
“นายรู้ไหมว่าจะถูกจับข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว”
คนหน้าคมผิวแทนพยักหน้า “รู้ แต่ไม่กลัว”
“นายจะจับฉันมาเพื่ออะไรจะให้ฉันสารภาพต่อหน้าน้องสาวนายหรือไง ว่าฉันไม่มีอะไรกับคุณอัคนี” “เธอจะต้องสาบานว่าเธอจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา เธอไม่ควรทำแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น เพราะมันจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องขาดพ่อ เพราะผู้หญิงมากกิเลศอย่างเธอ”
“เอาอะไรมาพูด นายมันหน้ามืดตามัวเชื่อแต่คำโกหกของน้องสาว”พีระดาตะคอกใส่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! น้องผมไม่เคยโกหก”
เขาขึ้นเสียง เมฆาเชื่อเมยาวีเสมอเพราะตั้งแต่เกิดมาน้องสาวที่ประดุจแก้วตาดวงใจที่พ่อแม่ฝากฝังไว้ก่อนตายก็ไม่เคยที่จะสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขา เธอเชื่อฟังทุกอย่างไม่เคยโกหก แต่ครั้งนี้เมยาวีเลือกที่จะโกหกเธอวางแผนแกล้งกินยาฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้ที่ตัวเองท้องไม่มีพ่อ เมฆาเครียดจัดเมื่อรู้ว่าน้องสาวที่ส่งไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ปริญญามาพร้อมกับลูกในท้องที่หาพ่อไม่ได้
เขาคาดคั้นจนรู้ว่าเมยาวีตั้งท้องกับอัคนี ซึ่งเขารู้จักอัคนีมาตั้งแต่เด็กเมื่อก่อนพ่อของไอ้หมอนั่นมีไร่กาแฟเล็กๆและนำมาขายส่งให้นายหัวตะวันพ่อของเขา จนเมื่อพ่อและแม่ของอัคนีเสียชีวิตเขาจึงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯอย่างถาวร ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะไปสานสัมพันธ์กันต่อที่นั่นแต่ที่น่าเจ็บใจ นายอัคนีไม่คิดเข้าตามตรอกออกตามประตูกลับชิงสุกก่อนห่ามแถมยังทิ้งน้องสาวเขาให้แบกหน้าอับอายกลับมาที่นี่ ส่วนตัวเองไประเริงรักกับผู้หญิงอื่น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโหนายหัวเมฆาเบรครถแรงอย่างจงใจก่อนจะจอดสนิท อยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์รีสอร์ท
+++++++++++++++++
ขณะที่ภาคินัยขับรถเลี้ยวเลาะไปตามเส้นทางหมู่บ้านหนึ่งซึ่งดูเหมือนหมู่บ้านนี้จะปลูกกาแฟกันทั้งหมู่บ้านบางบ้านก็กำลังตากเมล็ดกาแฟ บ้างก็นั่งจักสานอะไรบางอย่างแต่ภาคินัยไม่มีเวลาสนใจนักเพราะเขามีจุดหมายที่สำคัญยิ่ง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องตกใจและหักพวงมาลัยหลบทันทีเมื่อเด็กน้อยวัยสามขวบวิ่งตัดหน้ารถออกมาจาบ้านหลังหนึ่ง
โครม!
ภาคินัยหักรถหลบลงข้างทางเพื่อไม่ให้ชนเด็กน้อยที่วิ่งมากลางถนน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยเขาคิดเพียงแต่ว่าถ้าเขาไปช่วยพีระดาช้าหญิงสาวจะเป็นอย่างไร ไอ้คนที่จับเธอไปมันจะทำอย่างไรบ้างเขาห่วงเธอเหลือเกิน ห่วงแสนห่วงจากนั้น เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาก็ปิดลงสติเริ่มพล่าเลือนไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆที่อยู่รอบตัวอีกเลย
“คุณ! เป็นยังไงบ้าง” คนในหมู่บ้านเล็กๆออกมาดูอุบัติเหตุที่ทำให้ไฟดับทั้งหมูบ้านเพราะรถเก๋งราคาแพงคันงามชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ผลปรากฏว่าไฟฟ้าหัก รถพังยับแต่คนขับไม่ยักกะตาย
“ท่าทางจะอาการหนักว่ะ โรงพยาบาลก็อยู่ไกลนัก เอาไปส่งที่อนามัยก่อนจะดีกว่า” ชายคนหนึ่งเสนอและส่งภาษาใต้กัน
พยาบาลสาวตาคมรีบวางมือจากนิยายรักที่กำลังอ่านอยู่ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาพักของเธอก็ตามเพราะหน้าที่ต้องมาก่อน
“เขาเป็นอะไรมา” พยาบาลสาวถามพร้อมสั่งการให้ชาวบ้านสองคนพาคนเจ็บไปไว้ที่ห้องทำแผล
“รถชนครับ ชนกับเสา เสาหักไฟดับทั้งหมู่บ้านเลย” ชายคนหนึ่งพูดเป็นภาษากลางแต่ทองแดง เพราะรู้ดีว่าพยาบาลสาวสุชาวีเป็นคนกรุงเทพฯ
“เอาเข้าข้างในก่อนถ้าหนักมากอาจจะต้องส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด แล้วไหนล่ะญาติผู้ป่วย”
“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“คนเจ็บมีเอกสารอะไรติดตัวมาบ้างไหม ไหนกระเป๋าสตางค์เขาล่ะ”
“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน
“แล้วที่นี้จะรู้ได้อย่างไหรว่าเขาเป็นใคร”
พยาบาลสาวสั่นศีรษะก่อนจะรีบเข้าไปดูคนไข้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ไร่กาแฟแสงตะวัน
“อะไรนะ เมยาวีไม่ได้พาผู้ชายคนนั้นกลับมาที่นี่เหรอ แล้วเธอพาไอ้หมอนั่นไปไหน”
“นายหญิงให้พวกผมกลับมาก่อน”ลูกน้องของเมยาวีตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้นายหัวเมฆาอารมณ์เสีย
“แล้วนายหญิงของพวกแกอยู่ที่ไหนล่ะ” นายหัวเมฆาถามเสียงดุ เขาอุตสาห์พานางแบบคนนี้มา คิดว่าจะจัดการตกลงให้เรียบร้อยเมื่ออยู่กันครบ แต่นี่เมยาวีคิดจะทำอะไร
“เอ่อ...เอ่อ...”
“ปัดโธ่โว้ย! เอ่อ...กันอยู่ได้อึกอักแบบนี่จะรู้เรื่องได้ไงตอบมาว่าน้องสาวฉันอยู่ไหน” นายหัวเมฆาตะคอกเสียงใส่
“กะ..กะ เกาะมาหยา...ครับนายหัว”
เมฆาไหวไหล่ ส่ายหัวอย่างหงุดหงิด “นี่เขาคิดจะทำอะไร เอาผู้ชายไปเก็บไว้ในเกาะ”
“ไปๆๆ ให้พ้นหน้าเลยบอกให้ดูนายหญิง ก็ดูกันจริงๆไม่เคยห้ามปราม” แต่ที่จริงนายหัวเมฆารู้ดีขนาดเขาเป็นพี่เธอยังไม่เชื่อ นับประสาอะไรกับลูกน้อง
นายหัวเมฆา รีบโทรศัพท์ติดต่อน้องสาวกะจะต่อว่าให้หนำใจ แต่หญิงสาวปิดเครื่องหนีซะ จะมีใครคิดว่าเกาะสัมปทานเกาะนั้นมีสัญญาณโทรศัพท์ด้วยอำนาจเงินของเขาก็บันดาลให้เกาะเล็กๆแทบจะกลายเป็นเกาะสวรรค์
“เบื่อจริงๆ หาเรื่องมาให้แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ แล้วจะเอายังไงกับยัยปลาทองสมองกลวง” เขายังไม่เชื่อว่าเธอไม่มีอะไรกับอัคนีจริงๆ
พีระดามองห้องนอนผู้ชายที่ตกแต่งเรียบหรูดูมีรสนิยม แต่เธอไม่มีเวลาชื่นชมหรอกหากภาคินัยไม่คิดจะมาช่วยเธอ พีระดาก็คิดจะช่วยตัวเองลึกๆแอบน้อยใจป่านนี้เขาคงไปเริงร่ากับแม่เขมมิกานางแบบสุดเซ็กซี่คนนั้นแล้วก็ได้
หน้าต่างกระจกถูกเลื่อนออกแม้จะดึกแล้วแต่ภายในไร่แห่งนี้กับมีเวรยามเฝ้าตลอด คงเป็นเพราะเมล็ดกาแฟที่นี่มีราคาแพงมากแบบที่นายหน้าโหดคุยเอาไว้คงกลัวใครจะมาขโมย
“เอาล่ะ ถ้าไม่หนีมีหวังโดนจับปล้ำแน่” เธอเห็นสายตาหื่นๆของนายหัวเมฆาเมื่อตอนกลางวันและบอกได้คำเดียวว่าอันตราย
พีระดาก้าวขึ้นไปบนหน้าต่างและกำลังพาขาอีกข้างก้าวตามขึ้นไปนึกในใจคิดว่าโชคดีที่ตัวเองใส่กางเกงยีนมาแต่แล้วขาอีกข้างก็ก้าวตามขึ้นมาไม่ได้เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้ง
เฮ้ย! “ว้าย! ไม่นะปล่อยนะ ปล่อยฉันกำลังจะตก” พีระดาร้องลั่นเสียงหลง
เขาไม่ปล่อยแต่รั้งร่างบางลงมาจากหน้าต่างทำให้เธอเสียหลักล้มทับเขาทันที
นายหัวเมฆามีสีหน้าเหยเกแม้หญิงสาวจะหุ่นบอบบางแต่หล่นมาทับเขาจากที่สูงแบบนี้มันทำให้เจ็บและจุกไปหมด
“ปล่อยฉันๆ ปล่อยฉัน” เธอหลับตานิ่งทุบเขาระรัวไม่หยุด
“ไม่ได้จับเลย จุกจะตายอยู่แล้วด้วย” นายหัวเมฆาแม้ร่างกายสูงใหญ่แต่ก็เจ็บเป็น
พีระดามองที่ประตูมันเปิดอยู่ เธอไม่คิดอะไรแล้วได้แต่พยายามวิ่งออกไป แต่ว่าไม่พ้นเพราะมือหนาใหญ่สอดมาที่เอวบางจากนั้นกระชากเข้าหาตัว เขาลุกขึ้นจนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบอุ้มร่างบางลอยลิ่วและเดินไปที่เตียงจากนั้นโยนหล่อนลงบนที่นอนแรงๆ
“จะหนีทำไมหนักหนา หนีไม่รอดหรอกจนกว่าเธอจะตกลงกับน้องสาวฉันให้รู้เรื่อง”
“ไม่มีอะไรที่จะต้องตกลง ในเมื่อฉันกับอัคนีไม่มีอะไรกัน ฉันบอกนายแล้วนะครั้งที่ร้อยเห็นจะได้” “เก็บเอาไว้บอกยัยเมยาวีเองจะดีกว่า แต่ตอนนี้สองคนนั่นกำลังมีความสุขกันบนเกาะตามประสาผัวเมีย”เขายั่วเธอ แต่พีระดาหน้าเฉยชาไม่แสดงความรู้สึก
“ไม่หึงเหรอ” เขาถาม
เธอสั่นศีรษะ “หึงทำไม ไม่ใช่แฟนฉันนี่” ถ้าเป็นภาคินัยเธอคงจะรู้สึกเพราะลึกๆรู้ดีว่าเธอคิดยังไงกับเขา แต่อัคนีเธอมีแค่ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่ดี
“อย่างว่าเธอมีผู้ชายในสต๊อกเยอะนี่ ที่เห็นในข่าวก็มีอีกคนไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องของฉัน อย่ามาแส่”
นายหัวเมฆาอึ้งไปชั่วขณะตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครเคยตอบโต้เขา คนงานในไร่น้อยคนที่จะกล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ “ใครว่าอยากยุ่งกับผู้หญิงมั่วๆอย่างเธอ”
พีระดาเพิ่งสังเกตุว่าเขาใส่ชุดนอนเข้ามา “นี่ห้องใคร”
“ห้องผม” เขาเดินไปล็อคห้องใส่แม่กุญแจ และสิ่งที่หญิงสาวอยากจะกรีดร้องคือเขาหยิบลูกกุญให้เธอดูจากนั้นหย่อนมันใส่กระเป๋ากางเกงชุดนอนของตัวเองและเดินไปที่เตียงเสียอย่างนั้น
“หมายความว่ายังไง ฉันอยู่ห้องนี้ไม่ได้ นายเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง”
“คืนก่อนก็ยังนอนด้วยกันมาแล้ว คืนนี้จะเป็นอะไรไป คืนก่อนไม่ได้นอนเฉยๆด้วย” เขาทำตาวาว
“คิดว่าฉันมีหน้าคล้ายกระบือหรือไง” เธอยักคิ้วให้เขา “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคืนนั้นฉันจะเสียพรหมจรรย์ให้นาย”
“พรหมจรรย์! อย่างนั้นเหรอ” เขาหัวเราะเสียงดังเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด ++++
“มันน่าขำมากนักหรือไง”
“ใช่มันเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา คุณเป็นชู้กับนายอัคนียังกล้ามาบอกอีกว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์”
พีระดาเหนื่อยหน่าย ระอาใจไม่ว่าจะพูดอะไรหมอนี่คงจะไม่เชื่อ แต่ด้วยความฉลาดของหญิงสาวเธอก็รู้ทันทีว่าไอ้รอยคล้ำเขียวเป็นจ้ำๆที่เหมือนรอยดูดกัดที่ก่อเกิดให้เป็นราคีที่แผ่นหลังและคอขาวๆของเธอคงถูกนายหัวเมฆาจัดฉากเท่านั้นเพราะถ้าเขาขืนใจเธอขณะที่เธอถูกวางยานอนหลับเขาคงเชื่อไปแล้วล่ะว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์
“ขอบคุณนะที่คุณทำให้ฉันรู้ว่า ฉันยังไม่ถูกผู้ชายเลวๆแบบคุณข่มขืน”
เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่เชื่อหรือไงว่าคืนนั้นคุณเสร็จผมไปแล้ว หรือทำใจไม่ได้ว่าได้ผัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง” เขาหัวเราะเยาะ
“โง่ ไม่พอยังอวดฉลาดอีก” พีระดาต่อว่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“หากคืนนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริงคุณคงไม่กล้ามาด่าว่าฉันสำส่อนอย่างนั้นอย่างนี้ และมีอะไรกับอัคนี เพราะคุณคงรู้ทันทีว่าฉันยังบริสุทธิ์และน้องสาวคุณแต่งเรื่องโกหก”
นายหัวเมฆากำหมัดแน่น แต่เขาลองคิตตามเธอมันก็มีส่วนจริงทำให้เขาเกิดอาการลังเล
“มีทางเดียวที่ผมจะรู้ว่าคุณพูดเรื่องจริงรึเปล่า ก็คือต้องพิสูจน์ใช่ไหมถ้าคุณยังซิงแปลว่าคุณพูดจริง” เขาย่างสามขุมมาหาเธอ
“ไม่นะ ออกไป” พีระดาปาหมอนใส่หน้าเขาแต่นายหัวหนุ่มยังเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
“คุณบอกเองนี่ว่ามันจะทำให้ผมรู้ว่าคุณพูดจริงหรือเปล่า”
“ออกไปนะ เรื่องแบบนี้ใครจะให้พิสูจน์กันได้ง่ายๆ”
เขาจับเธอได้แล้วดึงเข้ามาหาตัว ใบหน้าคมอย่างคนใต้ซุกไปที่ลำคอระหงเขาได้กลิ่นหอมอ่อนจากร่างแบบบาง พีระดากลั้นใจจากนั้นแกล้งเป็นลมล้มพับลงไปกอง
“คุณ! เป็นอะไรไปเนี่ย ผมยังไม่ได้ทันได้ทำอะไรเลยนะ” นายหัวเมฆาช้อนร่างบางขึ้นมาเขามองใบหน้าสวยที่ซีดขาวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“แม่งเอ้ย! ยุ่งจริง ยัยเมยาวี หาเหามาใส่หัวและตัวเองก็หนีหาย” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากนั้นพาร่างบางวางบนเตียงนุ่มเขาจ้องเธอไม่มีทีท่าว่าเธอจะรู้สึกตัว นายหัวหนุ่มถอนใจก่อนจะเดินออกไปนอกห้องและตะโกนโหวกเหวกโวยวายเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแลเธอหาน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวหญิงสาวอย่างเร่งด่วน
++++++++++++++++++++++++++++
ภาคินัยลืมตาขึ้นได้อย่างช้าๆ ตามเนื้อตัวเขาปวดเมื่อยไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบๆที่ศีรษะ เขามองฝ้าสีขาวและไล่มองต่ำมาที่ผนังสีขาวมอๆไปตามกาลเวลาจากนั้นก็มองที่ข้างตัวเขาเห็นหญิงสาวสวมใส่ชุดสีฟ้ารองเท้าขาวอย่างเจ้าหน้าที่อนามัยฟุบหลับอยู่ข้างๆ มันพอจะสรุปได้ว่าที่นี่จะต้องเป็นอนามัย หรือโรงพยาบาลเล็กๆประจำตำบลอย่างแน่นอน
“คุณครับ คุณพยาบาล” เธอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงเขาภาคินัยยังไม่เห็นหน้าเธอ
เธอยังไม่ตื่น ภาคินัยจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือเธอเบาๆ “คุณครับ”
พยาบาลสุชาวีเริ่มรู้สึกตัวและเมื่อเงยหน้ามาเห็นว่าคนไข้ของเธอตื่นแล้วพยาบาลสาวก็ดีใจจนเก็บอาการแทบจะไม่อยู่ ภายในใจแอบกรี๊ดแล้วกรี๊ดอีกเมื่อเห็นนักเขียนดังฟื้นแล้ว
“คุณเมาคลี ๆ คุณฟื้นแล้วเหรอคะ ฉันดีใจจริงที่ได้พบคุณที่นี่ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอตัวจริง เป็นๆแบบนี้”
ภาคินัยงง ใครกันเนี่ยเขาคิด
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ” ภาคินัยจำไม่ได้ว่าเคยพบหน้าเธอด้วย แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอเรียกเขาว่าเมาคลีก็เดาเอาว่าคงเป็นแฟนนิยายของเขา
“ฉันเป็นแฟนนิยายของคุณค่ะ ฉันเคยไปขอลายเซ็นกับถ่ายรูปคู่กับคุณด้วยค่ะ ในงานสัปดาห์หนังสือเมื่อปีที่แล้ว” ไม่พูดเปล่าพยาบาลสาวหยิบนิยายออกมาจากกระเป๋าถือใบใหญ่และเปิดออก มีรูปของเธอกับเขาอยู่จริงๆด้วย เธอยื่นให้เขาดูแสดงให้เห็นกันชัดๆว่าเธอไม่มั่วแต่เป็นแฟนคลับตัวจริง
“อ๋อ คุณนี่เอง” ภาคินัยเริ่มนึกออกผู้หญิงที่เอานิยายของเขากว่าสิบเล่มมาให้เซ็นด้วยในงานวันนั้น
“ดีใจจังที่พบคุณ” พยาบาลสาวเอ่ยขึ้น
“ผมจะดีใจมากกว่านี้อีกครับถ้าเราเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาล” ภาคินัยยิ้มแห้งๆมองผ้าพันแผลที่ถูกพันทั้งขาทั้งแขน
“จริงด้วย” พยาบาลสาวยิ้มแก้เก้อ
“แย่แล้ว! พีระดา” ภาคินัยนึกถึงหญิงคนรักป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
“ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วครับผมต้องรีบไป”ภาคินัยฝืนลุกขึ้นมานั่งแม้จะปวดไปทั่วร่างกายที่บาดเจ็บ
“ไม่ได้นะคะอย่าลุกขึ้นมา” พยาบาลสาวตาคมกดเขาลงไปที่เตียงนอน
“คุณพยาบาลครับผมจะรีบไปหาแฟนเธอตกอยู่ในอันตราย”
“ไม่ได้ค่ะคุณได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะคะ อย่างน้อยก็ต้องพักฟื้นสักสองสามวัน”
“ไม่มีเวลาแล้วครับ ช่วยถอดสายน้ำเกลือให้ผมที”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงจะปลื้มคุณเป็นการส่วนตัวแต่ในฐานะพยาบาลฉันอนุญาตให้คุณออกไปไม่ได้”
“ต้องได้สิครับ คนรักของผมเธอต้องการความช่วยเหลือ” ภาคินัยถอดสายน้ำเกลือเองเลือดพุ่งกระฉูดตัวเขาไม่สนใจสักนิดว่าจะเป็นเช่นไร แต่พีระดาจะต้องปลอดภัย
“แต่คุณเองที่กำลังต้องการความช่วยเหลือเพราะบาดเจ็บ”
“ผมจะไม่ยอมนอนนิ่งอยู่แบบนี้”
“ว้าย! แย่แล้ว ทำไมทำแบบนี้” พยาบาลสาวหมดเวลาคิดเธอไม่สามารถจะปล่อยให้คนไข้หนีออกไปแบบนี้ได้
ภาคินัยก้าวลงจากเตียงกำลังจะออกไปจากห้องแต่แล้วเข็มฉีดยาเข็มหนึ่งก็แทงเข้าที่เนื้อของเขา มันคงเป็นยาสลบที่แรงมากภาคินัยรู้สึกง่วงอยากจะหลับในทันทีตาของเขาเริ่มจะปิด ร่างของเขาเกือบจะล้มคำมำลงไปแต่พยาบาลสาวก็เข้ามาพยุงเขาเอาไว้ด้วยความทุลักทุเลและพากลับไปที่เตียงก่อนจะรีบไปแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ว่าคนไข้เตรียมจะหนี
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ภาคินัยสลบไปเขาตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกพันธนาการด้วยสายรัดที่ติดอยู่กับเตียงเขาพยายามดิ้นให้หลุดแต่ไม่เป็นผล
“โธ่ โว้ย!”
ต่อมาไม่นานประตูห้องก็เปิดพร้อมพยาบาลคนเดิมเธอมาพร้อมถาดยาภาคินัยเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวยมากแต่นั่นก็ช่างเถอะตอนนี้หญิงเดียวที่เขาห่วงและอยากพบมากที่สุดคือพีระดา
“เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณเมาคลี” พยาบาลสาวยิ้ม “ขอโทษทีนะคะที่เรียกด้วยนามปากกา ดิฉันไม่ทราบชื่อจริงของคุณ เอกสารเกี่ยวกับตัวคุณก็ไม่มีใครพบ”
“ภาคินัยครับ ผมชื่อ ภาคินัย คุณทราบชื่อผมแล้วจะปล่อยได้หรือยัง”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จนกว่าร่างกายและแผลที่ศีรษะของคุณจะดีกว่านี้ไม่เห็นหรือคะว่าว่าแผลของคุณยังดูบวมอยู่เลยเรากลัวจะมีปัญหาทีหลังเพราะแผลค่อนข้างใหญ่”
“ต่อให้ขาแขนผมหักผมก็ต้องไป” น้ำเสียงและสายตามั่นคง
“ขอโทษนะคะ คุณจะไปไหนเหรอคะ”
“ไร่แสงตะวัน! ผมจะไปกุดหัวไอ้เมฆา”เขาสบถอย่างนึกเจ็บใจ
ไร่แสงตะวัน!
“คุณคิดว่าที่นั่นเป็นสวนสาธารณะให้คุณเดินเข้าออกเล่นๆได้เหรอคะ”
ภาคินัยมองพยาบาลสาว “คุณรู้จักที่นั่น”
“แน่นอน ฉันต้องไปที่นั่นทุกสองสัปดาห์เพื่อไปตรวจสุขภาพให้กับคนงานในไร่สลับกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ” เป็นรายได้เสริมของเธอ ทางไร่จ้างพยาบาลให้ไปตรวจสุขภาพคนงาน
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกพิกัดที่ชัดเจนได้ใช่ไหมครับว่าไร่นั้นมันอยู่ที่ไหน”
“แน่นอนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นดีเลยช่วยปล่อยผมที แล้วคุณพาผมไปหน่อย ผมสัญญาทันทีที่ธุระผมเสร็จสิ้นกลับถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ จะส่งนิยายทุกเล่มของผมพร้อมลายเซ็นมาเป็นของกำนัลให้คุณ”
“นิยายทุกเล่มในนามปากกาเมาคลี” พยาบาลสาวแสดงสีหน้าดีใจสุดขีด เมื่อนึกได้ว่าอยู่ในเครื่องแบบพยาบาล จรรณยาบรรณแห่งวิชาชีพทำให้เธอปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างเดิม
“ไม่ได้ค่ะ ติดสินบนเจ้าหน้าที่มันผิดนะคะ ฉันอนุญาตให้คุณไปไม่ได้เพราะสภาพร่างกายคุณไม่พร้อมไม่ใช่เพราะฉันอยากจะแกล้งคุณ”
“ผมถามหน่อยถ้าคุณเป็นผม คนรักของคุณถูกผู้ชายจับตัวไปคุณจะนอนรอจนกว่าจะหายได้ไหม”
พยาบาลสาวนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
“ได้โปรดเถอครับ คุณพยาบาลคนสวยผมคิดว่าใจคุณคงไม่ดำเพราะคุณเป็นคนหน้าตาดี” แอบหยอด “อย่าเลยค่ะ อย่ามายอพยาบาล ถึงคุณจะปากหวานอย่างไรก็ไม่ได้”
“ถ้าคุณเป็นห่วงผมมากก็ไปกับผมก็ได้นี่ครับ นะครับคุณพยาบาลถ้าไอ้หมอนั่นมันเกิดทำมิดีมิร้ายกับผมจะทำอย่างไร คุณก็เป็นผู้หญิงไม่สงสารเธอบ้างเหรอครับ”
พยาบาลสุชาวี เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของนายหัวเมฆามามาก แม้ว่าเธอไม่เคยพบเขาก็ตามเคยเห็นสองครั้งแบบไกลๆ
“เขาอันตรายนะคะ และมีอิทธิพลมากที่นี่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาคุณบุกเข้าไปก็ตายเปล่า”
“นั่นนะสิครับเขาอันตรายแล้วร้ายมาก แฟนผมก็สวยมากเสียด้วยคุณคิดดูสิครับปล่อยไว้นานจะเกิดอะไรขึ้น”
พยาบาลสาวมีสีหน้าเครียด “อย่าทำให้ฉันหนักใจสิคะ”
“นะครับคุณพยาบาล”ภาคินัยพยายามตื้อให้พยาบาลสาวใจอ่อน
“ถ้าอย่างนั้นขอที่คั่นหนังสือแถมด้วยนะคะ ว่าแต่อย่าไปบอกใครนะคะฉันอาจถูกไล่ออกได้”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2555, 15:45:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2555, 16:13:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 6064
<< ตอนที่ 13 | ตอนที่ 15 >> |

อัปสรา 8 มี.ค. 2555, 16:10:51 น.
มาต่อให้ค่ะ
มาต่อให้ค่ะ


Pat 8 มี.ค. 2555, 17:56:55 น.
5555 คุณพยาบาล ขออะไรไม่ขอ ขอที่คั่นหนังสือ แล้วสภาพอย่างนี้จะไปช่วยสาวไหวไหมนี่
5555 คุณพยาบาล ขออะไรไม่ขอ ขอที่คั่นหนังสือ แล้วสภาพอย่างนี้จะไปช่วยสาวไหวไหมนี่

anOO 8 มี.ค. 2555, 18:57:04 น.
เป็นนักเขียนที่มีแฟนคลับ มันดีแบบนี้นี่เอง
เป็นนักเขียนที่มีแฟนคลับ มันดีแบบนี้นี่เอง

น้องแสตมป์ 8 มี.ค. 2555, 19:02:24 น.
555 ชอบประโยคสุดท้ายอ่ะ คิดได้ไงเนี่ยะ เอิ๊กๆๆๆ
555 ชอบประโยคสุดท้ายอ่ะ คิดได้ไงเนี่ยะ เอิ๊กๆๆๆ

ษิรดา 8 มี.ค. 2555, 19:46:45 น.
ชอบมากค่ะ555 แต่สงสัยว่าที่เวปนิยายใช่คนเดียวกับคุณอัปสราหรือเปล่าค่ะชื่อเรื่องเหมือนกันค่ะแต่ชื่อนามปากกาคือ คลาล่าและ ลิลลี่ ช่วยตอบด้้วยค่ะ
ชอบมากค่ะ555 แต่สงสัยว่าที่เวปนิยายใช่คนเดียวกับคุณอัปสราหรือเปล่าค่ะชื่อเรื่องเหมือนกันค่ะแต่ชื่อนามปากกาคือ คลาล่าและ ลิลลี่ ช่วยตอบด้้วยค่ะ


violette 8 มี.ค. 2555, 21:07:20 น.
กร๊ากกกกกกกกก ฮาพยาบาลอ่า
เปลี่ยนพระเอกเป็นนายหัวดีมั้ยคะ ฮาดีค่ะ ชอบบบบ
กร๊ากกกกกกกกก ฮาพยาบาลอ่า
เปลี่ยนพระเอกเป็นนายหัวดีมั้ยคะ ฮาดีค่ะ ชอบบบบ

อัปสรา 8 มี.ค. 2555, 21:24:17 น.
คุณ น้องแสตมป์ อัปสรา กับ คาลล่า ลิลลี เป็นคนเดียวกันค่ะ ขอบคุณทุกท่านนะคะมาอ่านทุกเม้นต์ค่ะ
คุณ น้องแสตมป์ อัปสรา กับ คาลล่า ลิลลี เป็นคนเดียวกันค่ะ ขอบคุณทุกท่านนะคะมาอ่านทุกเม้นต์ค่ะ

kaero 9 มี.ค. 2555, 11:43:56 น.
หลกจิงคุงพยาบาล
หลกจิงคุงพยาบาล

อัปสรา 9 มี.ค. 2555, 11:50:48 น.
อันนี้เอามาจากชีวิตจริงๆอิอิ
อันนี้เอามาจากชีวิตจริงๆอิอิ

shotang 31 ม.ค. 2556, 20:44:59 น.
555 แอบชอบนางพยาบาจัง
555 แอบชอบนางพยาบาจัง