เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14

ตอนที่ 14


นายหัวเมฆาขับรถเลี้ยวเข้าไปในไร่แสงตะวัน ไร่กาแฟอันกว้างใหญ่ ด้านซ้ายเป็นโรงงาน และลานตากเมล็ดพันธ์ขนาดใหญ่ ด้านขวาเป็นไร่กาแฟเกือบทั้งหมดไร่แห่งนี้สวยงามเพราะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่สวยราวกับภาพวาด หากไม่ได้ถูกจับมาพีระดาคงมีความสุขที่จะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของมัน แต่ในเวลานี้หญิงสาวอยากพาตัวออกไปให้ไกลจากนายหัวเมฆาเสียเดี๋ยวนี้ เพราะระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันหลายครั้งที่เขาชำเลืองมองเธออย่างมีเลศนัย
“นายรู้ไหมว่าจะถูกจับข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว”
คนหน้าคมผิวแทนพยักหน้า “รู้ แต่ไม่กลัว”

“นายจะจับฉันมาเพื่ออะไรจะให้ฉันสารภาพต่อหน้าน้องสาวนายหรือไง ว่าฉันไม่มีอะไรกับคุณอัคนี” “เธอจะต้องสาบานว่าเธอจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา เธอไม่ควรทำแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น เพราะมันจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องขาดพ่อ เพราะผู้หญิงมากกิเลศอย่างเธอ”

“เอาอะไรมาพูด นายมันหน้ามืดตามัวเชื่อแต่คำโกหกของน้องสาว”พีระดาตะคอกใส่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! น้องผมไม่เคยโกหก”

เขาขึ้นเสียง เมฆาเชื่อเมยาวีเสมอเพราะตั้งแต่เกิดมาน้องสาวที่ประดุจแก้วตาดวงใจที่พ่อแม่ฝากฝังไว้ก่อนตายก็ไม่เคยที่จะสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขา เธอเชื่อฟังทุกอย่างไม่เคยโกหก แต่ครั้งนี้เมยาวีเลือกที่จะโกหกเธอวางแผนแกล้งกินยาฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้ที่ตัวเองท้องไม่มีพ่อ เมฆาเครียดจัดเมื่อรู้ว่าน้องสาวที่ส่งไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ปริญญามาพร้อมกับลูกในท้องที่หาพ่อไม่ได้

เขาคาดคั้นจนรู้ว่าเมยาวีตั้งท้องกับอัคนี ซึ่งเขารู้จักอัคนีมาตั้งแต่เด็กเมื่อก่อนพ่อของไอ้หมอนั่นมีไร่กาแฟเล็กๆและนำมาขายส่งให้นายหัวตะวันพ่อของเขา จนเมื่อพ่อและแม่ของอัคนีเสียชีวิตเขาจึงย้ายไปอยู่กรุงเทพฯอย่างถาวร ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะไปสานสัมพันธ์กันต่อที่นั่นแต่ที่น่าเจ็บใจ นายอัคนีไม่คิดเข้าตามตรอกออกตามประตูกลับชิงสุกก่อนห่ามแถมยังทิ้งน้องสาวเขาให้แบกหน้าอับอายกลับมาที่นี่ ส่วนตัวเองไประเริงรักกับผู้หญิงอื่น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโหนายหัวเมฆาเบรครถแรงอย่างจงใจก่อนจะจอดสนิท อยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์รีสอร์ท
+++++++++++++++++

ขณะที่ภาคินัยขับรถเลี้ยวเลาะไปตามเส้นทางหมู่บ้านหนึ่งซึ่งดูเหมือนหมู่บ้านนี้จะปลูกกาแฟกันทั้งหมู่บ้านบางบ้านก็กำลังตากเมล็ดกาแฟ บ้างก็นั่งจักสานอะไรบางอย่างแต่ภาคินัยไม่มีเวลาสนใจนักเพราะเขามีจุดหมายที่สำคัญยิ่ง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องตกใจและหักพวงมาลัยหลบทันทีเมื่อเด็กน้อยวัยสามขวบวิ่งตัดหน้ารถออกมาจาบ้านหลังหนึ่ง

โครม!

ภาคินัยหักรถหลบลงข้างทางเพื่อไม่ให้ชนเด็กน้อยที่วิ่งมากลางถนน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยเขาคิดเพียงแต่ว่าถ้าเขาไปช่วยพีระดาช้าหญิงสาวจะเป็นอย่างไร ไอ้คนที่จับเธอไปมันจะทำอย่างไรบ้างเขาห่วงเธอเหลือเกิน ห่วงแสนห่วงจากนั้น เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาก็ปิดลงสติเริ่มพล่าเลือนไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆที่อยู่รอบตัวอีกเลย

“คุณ! เป็นยังไงบ้าง” คนในหมู่บ้านเล็กๆออกมาดูอุบัติเหตุที่ทำให้ไฟดับทั้งหมูบ้านเพราะรถเก๋งราคาแพงคันงามชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ผลปรากฏว่าไฟฟ้าหัก รถพังยับแต่คนขับไม่ยักกะตาย

“ท่าทางจะอาการหนักว่ะ โรงพยาบาลก็อยู่ไกลนัก เอาไปส่งที่อนามัยก่อนจะดีกว่า” ชายคนหนึ่งเสนอและส่งภาษาใต้กัน


พยาบาลสาวตาคมรีบวางมือจากนิยายรักที่กำลังอ่านอยู่ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาพักของเธอก็ตามเพราะหน้าที่ต้องมาก่อน

“เขาเป็นอะไรมา” พยาบาลสาวถามพร้อมสั่งการให้ชาวบ้านสองคนพาคนเจ็บไปไว้ที่ห้องทำแผล

“รถชนครับ ชนกับเสา เสาหักไฟดับทั้งหมู่บ้านเลย” ชายคนหนึ่งพูดเป็นภาษากลางแต่ทองแดง เพราะรู้ดีว่าพยาบาลสาวสุชาวีเป็นคนกรุงเทพฯ

“เอาเข้าข้างในก่อนถ้าหนักมากอาจจะต้องส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด แล้วไหนล่ะญาติผู้ป่วย”

“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน

“คนเจ็บมีเอกสารอะไรติดตัวมาบ้างไหม ไหนกระเป๋าสตางค์เขาล่ะ”

“ไม่รู้ครับ” ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน

“แล้วที่นี้จะรู้ได้อย่างไหรว่าเขาเป็นใคร”

พยาบาลสาวสั่นศีรษะก่อนจะรีบเข้าไปดูคนไข้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ไร่กาแฟแสงตะวัน

“อะไรนะ เมยาวีไม่ได้พาผู้ชายคนนั้นกลับมาที่นี่เหรอ แล้วเธอพาไอ้หมอนั่นไปไหน”

“นายหญิงให้พวกผมกลับมาก่อน”ลูกน้องของเมยาวีตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้นายหัวเมฆาอารมณ์เสีย

“แล้วนายหญิงของพวกแกอยู่ที่ไหนล่ะ” นายหัวเมฆาถามเสียงดุ เขาอุตสาห์พานางแบบคนนี้มา คิดว่าจะจัดการตกลงให้เรียบร้อยเมื่ออยู่กันครบ แต่นี่เมยาวีคิดจะทำอะไร

“เอ่อ...เอ่อ...”

“ปัดโธ่โว้ย! เอ่อ...กันอยู่ได้อึกอักแบบนี่จะรู้เรื่องได้ไงตอบมาว่าน้องสาวฉันอยู่ไหน” นายหัวเมฆาตะคอกเสียงใส่


“กะ..กะ เกาะมาหยา...ครับนายหัว”

เมฆาไหวไหล่ ส่ายหัวอย่างหงุดหงิด “นี่เขาคิดจะทำอะไร เอาผู้ชายไปเก็บไว้ในเกาะ”

“ไปๆๆ ให้พ้นหน้าเลยบอกให้ดูนายหญิง ก็ดูกันจริงๆไม่เคยห้ามปราม” แต่ที่จริงนายหัวเมฆารู้ดีขนาดเขาเป็นพี่เธอยังไม่เชื่อ นับประสาอะไรกับลูกน้อง

นายหัวเมฆา รีบโทรศัพท์ติดต่อน้องสาวกะจะต่อว่าให้หนำใจ แต่หญิงสาวปิดเครื่องหนีซะ จะมีใครคิดว่าเกาะสัมปทานเกาะนั้นมีสัญญาณโทรศัพท์ด้วยอำนาจเงินของเขาก็บันดาลให้เกาะเล็กๆแทบจะกลายเป็นเกาะสวรรค์

“เบื่อจริงๆ หาเรื่องมาให้แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ แล้วจะเอายังไงกับยัยปลาทองสมองกลวง” เขายังไม่เชื่อว่าเธอไม่มีอะไรกับอัคนีจริงๆ

พีระดามองห้องนอนผู้ชายที่ตกแต่งเรียบหรูดูมีรสนิยม แต่เธอไม่มีเวลาชื่นชมหรอกหากภาคินัยไม่คิดจะมาช่วยเธอ พีระดาก็คิดจะช่วยตัวเองลึกๆแอบน้อยใจป่านนี้เขาคงไปเริงร่ากับแม่เขมมิกานางแบบสุดเซ็กซี่คนนั้นแล้วก็ได้

หน้าต่างกระจกถูกเลื่อนออกแม้จะดึกแล้วแต่ภายในไร่แห่งนี้กับมีเวรยามเฝ้าตลอด คงเป็นเพราะเมล็ดกาแฟที่นี่มีราคาแพงมากแบบที่นายหน้าโหดคุยเอาไว้คงกลัวใครจะมาขโมย


“เอาล่ะ ถ้าไม่หนีมีหวังโดนจับปล้ำแน่” เธอเห็นสายตาหื่นๆของนายหัวเมฆาเมื่อตอนกลางวันและบอกได้คำเดียวว่าอันตราย

พีระดาก้าวขึ้นไปบนหน้าต่างและกำลังพาขาอีกข้างก้าวตามขึ้นไปนึกในใจคิดว่าโชคดีที่ตัวเองใส่กางเกงยีนมาแต่แล้วขาอีกข้างก็ก้าวตามขึ้นมาไม่ได้เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้ง

เฮ้ย! “ว้าย! ไม่นะปล่อยนะ ปล่อยฉันกำลังจะตก” พีระดาร้องลั่นเสียงหลง

เขาไม่ปล่อยแต่รั้งร่างบางลงมาจากหน้าต่างทำให้เธอเสียหลักล้มทับเขาทันที

นายหัวเมฆามีสีหน้าเหยเกแม้หญิงสาวจะหุ่นบอบบางแต่หล่นมาทับเขาจากที่สูงแบบนี้มันทำให้เจ็บและจุกไปหมด

“ปล่อยฉันๆ ปล่อยฉัน” เธอหลับตานิ่งทุบเขาระรัวไม่หยุด

“ไม่ได้จับเลย จุกจะตายอยู่แล้วด้วย” นายหัวเมฆาแม้ร่างกายสูงใหญ่แต่ก็เจ็บเป็น

พีระดามองที่ประตูมันเปิดอยู่ เธอไม่คิดอะไรแล้วได้แต่พยายามวิ่งออกไป แต่ว่าไม่พ้นเพราะมือหนาใหญ่สอดมาที่เอวบางจากนั้นกระชากเข้าหาตัว เขาลุกขึ้นจนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบอุ้มร่างบางลอยลิ่วและเดินไปที่เตียงจากนั้นโยนหล่อนลงบนที่นอนแรงๆ

“จะหนีทำไมหนักหนา หนีไม่รอดหรอกจนกว่าเธอจะตกลงกับน้องสาวฉันให้รู้เรื่อง”

“ไม่มีอะไรที่จะต้องตกลง ในเมื่อฉันกับอัคนีไม่มีอะไรกัน ฉันบอกนายแล้วนะครั้งที่ร้อยเห็นจะได้” “เก็บเอาไว้บอกยัยเมยาวีเองจะดีกว่า แต่ตอนนี้สองคนนั่นกำลังมีความสุขกันบนเกาะตามประสาผัวเมีย”เขายั่วเธอ แต่พีระดาหน้าเฉยชาไม่แสดงความรู้สึก


“ไม่หึงเหรอ” เขาถาม

เธอสั่นศีรษะ “หึงทำไม ไม่ใช่แฟนฉันนี่” ถ้าเป็นภาคินัยเธอคงจะรู้สึกเพราะลึกๆรู้ดีว่าเธอคิดยังไงกับเขา แต่อัคนีเธอมีแค่ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่ดี

“อย่างว่าเธอมีผู้ชายในสต๊อกเยอะนี่ ที่เห็นในข่าวก็มีอีกคนไม่ใช่เหรอ”

“เรื่องของฉัน อย่ามาแส่”

นายหัวเมฆาอึ้งไปชั่วขณะตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครเคยตอบโต้เขา คนงานในไร่น้อยคนที่จะกล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ “ใครว่าอยากยุ่งกับผู้หญิงมั่วๆอย่างเธอ”
พีระดาเพิ่งสังเกตุว่าเขาใส่ชุดนอนเข้ามา “นี่ห้องใคร”

“ห้องผม” เขาเดินไปล็อคห้องใส่แม่กุญแจ และสิ่งที่หญิงสาวอยากจะกรีดร้องคือเขาหยิบลูกกุญให้เธอดูจากนั้นหย่อนมันใส่กระเป๋ากางเกงชุดนอนของตัวเองและเดินไปที่เตียงเสียอย่างนั้น

“หมายความว่ายังไง ฉันอยู่ห้องนี้ไม่ได้ นายเป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง”

“คืนก่อนก็ยังนอนด้วยกันมาแล้ว คืนนี้จะเป็นอะไรไป คืนก่อนไม่ได้นอนเฉยๆด้วย” เขาทำตาวาว

“คิดว่าฉันมีหน้าคล้ายกระบือหรือไง” เธอยักคิ้วให้เขา “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคืนนั้นฉันจะเสียพรหมจรรย์ให้นาย”

“พรหมจรรย์! อย่างนั้นเหรอ” เขาหัวเราะเสียงดังเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด ++++


“มันน่าขำมากนักหรือไง”


“ใช่มันเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา คุณเป็นชู้กับนายอัคนียังกล้ามาบอกอีกว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์”
พีระดาเหนื่อยหน่าย ระอาใจไม่ว่าจะพูดอะไรหมอนี่คงจะไม่เชื่อ แต่ด้วยความฉลาดของหญิงสาวเธอก็รู้ทันทีว่าไอ้รอยคล้ำเขียวเป็นจ้ำๆที่เหมือนรอยดูดกัดที่ก่อเกิดให้เป็นราคีที่แผ่นหลังและคอขาวๆของเธอคงถูกนายหัวเมฆาจัดฉากเท่านั้นเพราะถ้าเขาขืนใจเธอขณะที่เธอถูกวางยานอนหลับเขาคงเชื่อไปแล้วล่ะว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์

“ขอบคุณนะที่คุณทำให้ฉันรู้ว่า ฉันยังไม่ถูกผู้ชายเลวๆแบบคุณข่มขืน”

เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่เชื่อหรือไงว่าคืนนั้นคุณเสร็จผมไปแล้ว หรือทำใจไม่ได้ว่าได้ผัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง” เขาหัวเราะเยาะ

“โง่ ไม่พอยังอวดฉลาดอีก” พีระดาต่อว่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“หากคืนนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริงคุณคงไม่กล้ามาด่าว่าฉันสำส่อนอย่างนั้นอย่างนี้ และมีอะไรกับอัคนี เพราะคุณคงรู้ทันทีว่าฉันยังบริสุทธิ์และน้องสาวคุณแต่งเรื่องโกหก”

นายหัวเมฆากำหมัดแน่น แต่เขาลองคิตตามเธอมันก็มีส่วนจริงทำให้เขาเกิดอาการลังเล

“มีทางเดียวที่ผมจะรู้ว่าคุณพูดเรื่องจริงรึเปล่า ก็คือต้องพิสูจน์ใช่ไหมถ้าคุณยังซิงแปลว่าคุณพูดจริง” เขาย่างสามขุมมาหาเธอ

“ไม่นะ ออกไป” พีระดาปาหมอนใส่หน้าเขาแต่นายหัวหนุ่มยังเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร

“คุณบอกเองนี่ว่ามันจะทำให้ผมรู้ว่าคุณพูดจริงหรือเปล่า”

“ออกไปนะ เรื่องแบบนี้ใครจะให้พิสูจน์กันได้ง่ายๆ”

เขาจับเธอได้แล้วดึงเข้ามาหาตัว ใบหน้าคมอย่างคนใต้ซุกไปที่ลำคอระหงเขาได้กลิ่นหอมอ่อนจากร่างแบบบาง พีระดากลั้นใจจากนั้นแกล้งเป็นลมล้มพับลงไปกอง

“คุณ! เป็นอะไรไปเนี่ย ผมยังไม่ได้ทันได้ทำอะไรเลยนะ” นายหัวเมฆาช้อนร่างบางขึ้นมาเขามองใบหน้าสวยที่ซีดขาวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“แม่งเอ้ย! ยุ่งจริง ยัยเมยาวี หาเหามาใส่หัวและตัวเองก็หนีหาย” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากนั้นพาร่างบางวางบนเตียงนุ่มเขาจ้องเธอไม่มีทีท่าว่าเธอจะรู้สึกตัว นายหัวหนุ่มถอนใจก่อนจะเดินออกไปนอกห้องและตะโกนโหวกเหวกโวยวายเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแลเธอหาน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวหญิงสาวอย่างเร่งด่วน

++++++++++++++++++++++++++++

ภาคินัยลืมตาขึ้นได้อย่างช้าๆ ตามเนื้อตัวเขาปวดเมื่อยไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบๆที่ศีรษะ เขามองฝ้าสีขาวและไล่มองต่ำมาที่ผนังสีขาวมอๆไปตามกาลเวลาจากนั้นก็มองที่ข้างตัวเขาเห็นหญิงสาวสวมใส่ชุดสีฟ้ารองเท้าขาวอย่างเจ้าหน้าที่อนามัยฟุบหลับอยู่ข้างๆ มันพอจะสรุปได้ว่าที่นี่จะต้องเป็นอนามัย หรือโรงพยาบาลเล็กๆประจำตำบลอย่างแน่นอน

“คุณครับ คุณพยาบาล” เธอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงเขาภาคินัยยังไม่เห็นหน้าเธอ

เธอยังไม่ตื่น ภาคินัยจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือเธอเบาๆ “คุณครับ”

พยาบาลสุชาวีเริ่มรู้สึกตัวและเมื่อเงยหน้ามาเห็นว่าคนไข้ของเธอตื่นแล้วพยาบาลสาวก็ดีใจจนเก็บอาการแทบจะไม่อยู่ ภายในใจแอบกรี๊ดแล้วกรี๊ดอีกเมื่อเห็นนักเขียนดังฟื้นแล้ว


“คุณเมาคลี ๆ คุณฟื้นแล้วเหรอคะ ฉันดีใจจริงที่ได้พบคุณที่นี่ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอตัวจริง เป็นๆแบบนี้”

ภาคินัยงง ใครกันเนี่ยเขาคิด

“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ” ภาคินัยจำไม่ได้ว่าเคยพบหน้าเธอด้วย แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอเรียกเขาว่าเมาคลีก็เดาเอาว่าคงเป็นแฟนนิยายของเขา



“ฉันเป็นแฟนนิยายของคุณค่ะ ฉันเคยไปขอลายเซ็นกับถ่ายรูปคู่กับคุณด้วยค่ะ ในงานสัปดาห์หนังสือเมื่อปีที่แล้ว” ไม่พูดเปล่าพยาบาลสาวหยิบนิยายออกมาจากกระเป๋าถือใบใหญ่และเปิดออก มีรูปของเธอกับเขาอยู่จริงๆด้วย เธอยื่นให้เขาดูแสดงให้เห็นกันชัดๆว่าเธอไม่มั่วแต่เป็นแฟนคลับตัวจริง

“อ๋อ คุณนี่เอง” ภาคินัยเริ่มนึกออกผู้หญิงที่เอานิยายของเขากว่าสิบเล่มมาให้เซ็นด้วยในงานวันนั้น

“ดีใจจังที่พบคุณ” พยาบาลสาวเอ่ยขึ้น

“ผมจะดีใจมากกว่านี้อีกครับถ้าเราเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาล” ภาคินัยยิ้มแห้งๆมองผ้าพันแผลที่ถูกพันทั้งขาทั้งแขน

“จริงด้วย” พยาบาลสาวยิ้มแก้เก้อ

“แย่แล้ว! พีระดา” ภาคินัยนึกถึงหญิงคนรักป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

“ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วครับผมต้องรีบไป”ภาคินัยฝืนลุกขึ้นมานั่งแม้จะปวดไปทั่วร่างกายที่บาดเจ็บ

“ไม่ได้นะคะอย่าลุกขึ้นมา” พยาบาลสาวตาคมกดเขาลงไปที่เตียงนอน

“คุณพยาบาลครับผมจะรีบไปหาแฟนเธอตกอยู่ในอันตราย”

“ไม่ได้ค่ะคุณได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะคะ อย่างน้อยก็ต้องพักฟื้นสักสองสามวัน”

“ไม่มีเวลาแล้วครับ ช่วยถอดสายน้ำเกลือให้ผมที”

“ไม่ได้ค่ะ ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงจะปลื้มคุณเป็นการส่วนตัวแต่ในฐานะพยาบาลฉันอนุญาตให้คุณออกไปไม่ได้”

“ต้องได้สิครับ คนรักของผมเธอต้องการความช่วยเหลือ” ภาคินัยถอดสายน้ำเกลือเองเลือดพุ่งกระฉูดตัวเขาไม่สนใจสักนิดว่าจะเป็นเช่นไร แต่พีระดาจะต้องปลอดภัย

“แต่คุณเองที่กำลังต้องการความช่วยเหลือเพราะบาดเจ็บ”

“ผมจะไม่ยอมนอนนิ่งอยู่แบบนี้”


“ว้าย! แย่แล้ว ทำไมทำแบบนี้” พยาบาลสาวหมดเวลาคิดเธอไม่สามารถจะปล่อยให้คนไข้หนีออกไปแบบนี้ได้

ภาคินัยก้าวลงจากเตียงกำลังจะออกไปจากห้องแต่แล้วเข็มฉีดยาเข็มหนึ่งก็แทงเข้าที่เนื้อของเขา มันคงเป็นยาสลบที่แรงมากภาคินัยรู้สึกง่วงอยากจะหลับในทันทีตาของเขาเริ่มจะปิด ร่างของเขาเกือบจะล้มคำมำลงไปแต่พยาบาลสาวก็เข้ามาพยุงเขาเอาไว้ด้วยความทุลักทุเลและพากลับไปที่เตียงก่อนจะรีบไปแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ว่าคนไข้เตรียมจะหนี

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ภาคินัยสลบไปเขาตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกพันธนาการด้วยสายรัดที่ติดอยู่กับเตียงเขาพยายามดิ้นให้หลุดแต่ไม่เป็นผล

“โธ่ โว้ย!”

ต่อมาไม่นานประตูห้องก็เปิดพร้อมพยาบาลคนเดิมเธอมาพร้อมถาดยาภาคินัยเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวยมากแต่นั่นก็ช่างเถอะตอนนี้หญิงเดียวที่เขาห่วงและอยากพบมากที่สุดคือพีระดา

“เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณเมาคลี” พยาบาลสาวยิ้ม “ขอโทษทีนะคะที่เรียกด้วยนามปากกา ดิฉันไม่ทราบชื่อจริงของคุณ เอกสารเกี่ยวกับตัวคุณก็ไม่มีใครพบ”

“ภาคินัยครับ ผมชื่อ ภาคินัย คุณทราบชื่อผมแล้วจะปล่อยได้หรือยัง”

“ไม่ได้หรอกค่ะ จนกว่าร่างกายและแผลที่ศีรษะของคุณจะดีกว่านี้ไม่เห็นหรือคะว่าว่าแผลของคุณยังดูบวมอยู่เลยเรากลัวจะมีปัญหาทีหลังเพราะแผลค่อนข้างใหญ่”

“ต่อให้ขาแขนผมหักผมก็ต้องไป” น้ำเสียงและสายตามั่นคง

“ขอโทษนะคะ คุณจะไปไหนเหรอคะ”

“ไร่แสงตะวัน! ผมจะไปกุดหัวไอ้เมฆา”เขาสบถอย่างนึกเจ็บใจ


ไร่แสงตะวัน!

“คุณคิดว่าที่นั่นเป็นสวนสาธารณะให้คุณเดินเข้าออกเล่นๆได้เหรอคะ”

ภาคินัยมองพยาบาลสาว “คุณรู้จักที่นั่น”

“แน่นอน ฉันต้องไปที่นั่นทุกสองสัปดาห์เพื่อไปตรวจสุขภาพให้กับคนงานในไร่สลับกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ” เป็นรายได้เสริมของเธอ ทางไร่จ้างพยาบาลให้ไปตรวจสุขภาพคนงาน

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกพิกัดที่ชัดเจนได้ใช่ไหมครับว่าไร่นั้นมันอยู่ที่ไหน”

“แน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นดีเลยช่วยปล่อยผมที แล้วคุณพาผมไปหน่อย ผมสัญญาทันทีที่ธุระผมเสร็จสิ้นกลับถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ จะส่งนิยายทุกเล่มของผมพร้อมลายเซ็นมาเป็นของกำนัลให้คุณ”

“นิยายทุกเล่มในนามปากกาเมาคลี” พยาบาลสาวแสดงสีหน้าดีใจสุดขีด เมื่อนึกได้ว่าอยู่ในเครื่องแบบพยาบาล จรรณยาบรรณแห่งวิชาชีพทำให้เธอปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างเดิม

“ไม่ได้ค่ะ ติดสินบนเจ้าหน้าที่มันผิดนะคะ ฉันอนุญาตให้คุณไปไม่ได้เพราะสภาพร่างกายคุณไม่พร้อมไม่ใช่เพราะฉันอยากจะแกล้งคุณ”

“ผมถามหน่อยถ้าคุณเป็นผม คนรักของคุณถูกผู้ชายจับตัวไปคุณจะนอนรอจนกว่าจะหายได้ไหม”

พยาบาลสาวนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร

“ได้โปรดเถอครับ คุณพยาบาลคนสวยผมคิดว่าใจคุณคงไม่ดำเพราะคุณเป็นคนหน้าตาดี” แอบหยอด “อย่าเลยค่ะ อย่ามายอพยาบาล ถึงคุณจะปากหวานอย่างไรก็ไม่ได้”

“ถ้าคุณเป็นห่วงผมมากก็ไปกับผมก็ได้นี่ครับ นะครับคุณพยาบาลถ้าไอ้หมอนั่นมันเกิดทำมิดีมิร้ายกับผมจะทำอย่างไร คุณก็เป็นผู้หญิงไม่สงสารเธอบ้างเหรอครับ”

พยาบาลสุชาวี เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของนายหัวเมฆามามาก แม้ว่าเธอไม่เคยพบเขาก็ตามเคยเห็นสองครั้งแบบไกลๆ

“เขาอันตรายนะคะ และมีอิทธิพลมากที่นี่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาคุณบุกเข้าไปก็ตายเปล่า”

“นั่นนะสิครับเขาอันตรายแล้วร้ายมาก แฟนผมก็สวยมากเสียด้วยคุณคิดดูสิครับปล่อยไว้นานจะเกิดอะไรขึ้น”

พยาบาลสาวมีสีหน้าเครียด “อย่าทำให้ฉันหนักใจสิคะ”

“นะครับคุณพยาบาล”ภาคินัยพยายามตื้อให้พยาบาลสาวใจอ่อน

“ถ้าอย่างนั้นขอที่คั่นหนังสือแถมด้วยนะคะ ว่าแต่อย่าไปบอกใครนะคะฉันอาจถูกไล่ออกได้”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2555, 15:45:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2555, 16:13:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 5978





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 15 >>
อัปสรา 8 มี.ค. 2555, 16:10:51 น.
มาต่อให้ค่ะ


konhin 8 มี.ค. 2555, 16:17:22 น.
ฮ่าๆๆ ขำประโยคเกือบสุดท้าย

ขอที่คั่นหนังสือแถมด้วย ฮ่าๆๆ


Pat 8 มี.ค. 2555, 17:56:55 น.
5555 คุณพยาบาล ขออะไรไม่ขอ ขอที่คั่นหนังสือ แล้วสภาพอย่างนี้จะไปช่วยสาวไหวไหมนี่


anOO 8 มี.ค. 2555, 18:57:04 น.
เป็นนักเขียนที่มีแฟนคลับ มันดีแบบนี้นี่เอง


น้องแสตมป์ 8 มี.ค. 2555, 19:02:24 น.
555 ชอบประโยคสุดท้ายอ่ะ คิดได้ไงเนี่ยะ เอิ๊กๆๆๆ


ษิรดา 8 มี.ค. 2555, 19:46:45 น.
ชอบมากค่ะ555 แต่สงสัยว่าที่เวปนิยายใช่คนเดียวกับคุณอัปสราหรือเปล่าค่ะชื่อเรื่องเหมือนกันค่ะแต่ชื่อนามปากกาคือ คลาล่าและ ลิลลี่ ช่วยตอบด้้วยค่ะ


lovemuay 8 มี.ค. 2555, 20:03:17 น.
ฮา ประโยคสุดท้ายค่ะ +55
อย่างน้อยนายหัวก็เป็นคนดีนะเนี่ย ^^


violette 8 มี.ค. 2555, 21:07:20 น.
กร๊ากกกกกกกกก ฮาพยาบาลอ่า
เปลี่ยนพระเอกเป็นนายหัวดีมั้ยคะ ฮาดีค่ะ ชอบบบบ


อัปสรา 8 มี.ค. 2555, 21:24:17 น.
คุณ น้องแสตมป์ อัปสรา กับ คาลล่า ลิลลี เป็นคนเดียวกันค่ะ ขอบคุณทุกท่านนะคะมาอ่านทุกเม้นต์ค่ะ


kaero 9 มี.ค. 2555, 11:43:56 น.
หลกจิงคุงพยาบาล


อัปสรา 9 มี.ค. 2555, 11:50:48 น.
อันนี้เอามาจากชีวิตจริงๆอิอิ


shotang 31 ม.ค. 2556, 20:44:59 น.
555 แอบชอบนางพยาบาจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account