นิดหน่อยค่ะ...คุณแม่มาดมั่น VS คุณพ่อซื้อบื้อ
<center>เมื่อ...รุจิรา รุ่งเรืองเจริญสุข ตกปากรับคำท้าแฟนหนุ่ม

เธอจึงต้องหาคนมาเป็นสามีและพ่อของลูก

หากคงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเขา...นายอิสระ อดิเรกชีพ

หรือ พี่อิ อดีตคนรู้ใจ ผู้ชายบื้อที่เธอไม่ชอบขี้หน้า

เพราะเชื่อเสมอว่า...เขาโง่ และผู้หญิงฉลาดอย่างเธอ

ไม่ต้องการคนโง่เช่นเขา ทว่างานนี้เธอกลับต้องใช้คนโง่คนนี้

เพราะเขาทั้งซื่อทั้งบื้อ เขาไม่มีทางมาต่อกรกับเธอได้

เธอเชื่ออย่างนั้น

ส่วนเขา นายอิสระ อดีเรกชีพ

เมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจึงเผลอไผลไปกับเธอ

ตกเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมนี้ของเธออย่างไม่รู้ตัว

แต่หากวันใดที่เขารู้ล่ะ เรื่องวุ่นๆ จะบังเกิดขึ้นไหม

และเขาจะยอมให้อภัยเธอหรือเปล่า

จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อค่ะ
</center>
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน ๒ เหตุของเรื่อง

ตอน๒ เหตุของเรื่อง

ณ อดีตกาล เมื่อหกปีที่แล้ว...
เสียงเพลงในบาร์ดังอึกทึกครึกโครมจนหนวกหูไปหมด มิหนำซํ้าหนุ่มๆ สาวๆ มากมายยังทั้งเต้นทั้งดื่มจนดูรกรุงรังขยะลูกกะตาไปทั่วทุกที่ รุจิราจึงได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เฮือกแล้วเฮือกเล่า รอให้เพื่อนๆ ของเธอเสร็จจากการเต้นรำทำเพลงด้วยความเบื่อหน่าย
จะจัดงานวันเกิดทั้งที ทำไมต้องมาที่นี่ด้วยนะ ที่อื่นมีตั้งเยอะตั้งเเยะทำไมไม่ไป คงกะจะมาปลดปล่อยละสิไม่ว่า...เธอได้แต่ตัดพ้อพวกเขาในใจ ขณะที่มือบางก็ยกแก้วนํ้าส้มขึ้นมาจิบดื่มไปเรื่อยๆ เพื่อผ่อนเบาอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเอง หากแต่สายตาคมเรียวกลับไม่นิ่งเฉย มันเมินมองไปทั่วทุกมุมของบาร์ เพื่อเสาะหาเพื่อนๆ ของเธอต่อ
ป่านนี้ยังไม่เลิกกันอีก เฮ้อ...เธอถอดถอนใจหนที่สอง แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเสียงคุ้นหูของใครบางคนแว่วมา
“เฮ้ย! จิ นั่นแฟนแกใช่หรือเปล่า” เสียงใสๆ ของเพื่อนสาวที่ดังมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้รุจิราต้องหันหาทันควันด้วยความงงงัน เพราะเธอไม่เห็นว่าเจ้าของเสียงอยู่ ณ ตรงไหน
“แกอยู่ไหนอ่ะนุช ฉันไม่เห็นแก” รุจิรายังคงมองหาไปข้างหน้าทั้งที่เพื่อนสาวของเธอเดินมายืนอยู่ตรงข้างหลังของเธอนานแล้ว หากมันไม่ใช่ความผิดของเธอแต่อย่างใด เนื่องจากคนมันเยอะ ที่มันเบียด สาวเจ้าจึงไม่รู้ตัวว่าบุคคลที่มายืนชิดหลังเธออยู่นั้นคือแม่เพื่อนรัก เพื่อนซี้คนสนิทของเธอ
“ฉันอยู่หลังแกย่ะ หันมาสิ” นุชดา เอ่ยเสียงหงุดหงิดพร้อมยื่นมือไปจับไหล่เพื่อนให้หันมามองเธอ
“เอ่อ เมื่อกี้นี้แกว่าอะไรนะ เสียงเพลงดังมากเลยอ่ะ ฉันได้ยินไม่ชัด” รุจิราทวนถามทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสาวชัดๆ และแน่ใจว่าไม่ใช่ใครอื่น
“ฉันถามแกว่า ผู้ชายคนนั้น ที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ แฟนแกใช่ไหม คุณทศกรใช่หรือเปล่า” นุชดาเห็นเพื่อนไม่เห็นตามที่ตัวเองบอก จึงต้องทั้งพูดทั้งชี้นิ้วไปหาโจทก์ที่เธอกล่าวถึงให้เพื่อนรักดู
“ไหน...คนไหน...” แต่รุจิราก็ยังไม่เห็น จึงต้องพยายามเพ่งสายตามองตามนิ้วเรียวงามของเพื่อนไปแต่แล้วแต่เล่าก็ไม่เห็น เพราะมันมืดมาก แถมแสงไฟยังเปล่งประกายระยิบระยับเป็นสีโน้นทีเป็นสีนี้ทีจนสับสนวุ่นวายสายตาไปหมดจนนุชดาต้องพยายามชี้บอกอีกครั้ง
“นั่นไง นั่งคุยกับใครก็ไม่รู้ สนิทสนมกันเชียว อุ๊ย! กอดกันด้วย” นุชดาตั้งหน้าตั้งตามองผสมกับวิจารณ์ไปด้วยอย่างไม่หยุดปาก ขณะที่เพื่อนรักของเธอได้เห็นตามที่เธอบอกแล้ว แต่เธอกลับลืมสังเกตไปเสียสนิทว่าเพื่อนรักกำลังเลือดเดือดขึ้นหน้า เมื่อเห็นดั่งนั้น
ดวงตาคมสวยของรุจิราร้อนแผ่ว มือบางกำแน่น ไม่เคยมีใครกล้าหักหน้าเธอเช่นนี้มาก่อน แล้วไอ้บ้านี้เป็นใคร กล้าดียังไงมาควงผู้หญิงคนอื่นทั้งที่ยังมีเธออยู่ในฐานะแฟนทั้งคน แถมยังกล้ามาควงให้เพื่อนของเธอเห็นอีก เธอยอมไม่ได้
“คุณทศ คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง” รุจิราพึมพำกับตนเองแผ่วเบา เธอควรจะทำยังไง จะเดินหนีไปงั้นเหรอ ไม่มีทาง คนอ่อนแออย่างนั้นไม่ใช่เธอแน่นอน
“แกจะทำยังไง ไปถามเขาให้แน่ใจไหม” นุชดาพูดอย่างเป็นกลางและใช้เหตุผล หันมามองเพื่อนด้วยความใส่ใจ หากแต่คนถูกถามกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่! ไม่จำเป็นต้องถามหรอก ผู้ชายเวลาที่ถูกจับผิดได้ก็มักจะปฏิเสธท่าเดียว ไม่ใช่เหรอ หานู้นหานี่มาอ้างได้สารพัด แกจำไม่ได้เหรอ ตอนแฟนแกมีกิ๊กแล้วแกจับได้ มันยังโกหกหน้าตายเลย และแกก็เชื่อ แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่รอด เพราะคนมันเลว ไม่รู้จักพอ ฉันไม่อยากถูกหลอกเหมือนแกย่ะ” รุจิราโยงปัญหาของตัวเองไปประกอบกับเรื่องเก่าๆ ของเพื่อนได้อย่างแนบเนียนสมเหตุสมผล เพียงเพราะเหตุผลเดียว ไม่ยอมถูกหลอก คนฉลาดอย่างเธอถ้าเสียเชิงให้ชายคงน่าอายน่าดู
“แต่เขาอาจไม่เหมือนแฟนฉันก็ได้” นุชดายังคงพยายามเสริมให้เพื่อนมองโลกในแง่ดีเหมือนตัวเอง แต่ไม่ได้ผล เพราะคนดื้อด้านไม่ฟังใครอย่างรุจิราหรือจะฟังคำของเธอ
“ใครจะไปรู้ ฉันไม่อยากเสี่ยง”
“แล้วแกจะเอายังไง ฉันว่าแกควรไปคุยกับเขาดีๆ แล้วถามด้วยเหตุผลก่อนดีกว่า มันน่าจะเวิร์คกว่าแก...ช่างเถอะ” นุชดาตัดประโยคทิ้งท้ายไว้อย่างเบื่อหน่าย ก็เพราะเพื่อนเธอคนนี้เคยฟังใครที่ไหน เมื่อก่อนนี้กว่าจะยอมรับรักแฟนก็ทำเอาคนอื่นเขาเดือดร้อนกันไปหมด เพราะหยิ่งมากนั่นเอง และมาคราวนี้อีก คงจะไม่ยอมเสียหน้าอีกแน่ๆ
“ฉันจะเลิกกับเขาก่อนที่เขาจะเลิกกับฉัน”
นั่นไงแม่คุณ ไอ้ตัว ย-หยิ่งน่ะ ไม่เคยยอมทิ้งไปหรอก คงจะกลัวเสียฟองล่ะสิท่า ถึงจะทิ้งแฟนก่อนแฟนทิ้งตัว
“เฮ้ย...ได้ไงอ่ะ แกยังไม่รู้เลยนะ ว่าเขาหลอกแกหรือเปล่า แล้วแกจะสรุปง่ายๆ อย่างนี้ได้ไง มันไม่แฟร์อ่ะ ขนาดศาลยังเปิดโอกาสให้เชลยได้แก้ตัว...”
“แต่ฉันไม่ใช่ศาล และฉันก็ไม่ใช่นักกฏหมาย ฉันเป็นนักธุระกิจ ฉันไม่ลงทุนแน่ถ้ามันไม่ให้ผล” รุจิราแทรกขึ้นมากลางคันจนนุชดาได้แต่อ้าปากค้าง
อ้อ ที่จะเลิกกับเขาเพราะไม่อยากขาดทุน ไม่อยากเสียอะไรเลยงั้นสิ...นุชดาตะลึงตาโตมองพลอยคิดไปพลาง แต่ก็ไม่กล้ากล่าวออกมา เพราะรู้ว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะแซวเพื่อนเล่นๆ
รุจิรานิ่งลงมองเพื่อนสาวอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะตัดสินใจแน่วแน่ลุกขึ้นสาวฝีเท้าไวๆ เดินตรงไปหาแฟนหนุ่ม
“แกเอาจริงเหรอจิ” นุชดาเห็นไม่ได้การจึงรีบตามไปถามเพื่อความแน่ใจ
“แกไม่ต้องทำจริงก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก ถ้าเรารักเขา เราก็ต้องยอมลดบางอย่างที่เรายึดมั่นถือมั่นบ้าง ยอมเสียฟองหน่อยจะเป็นไรไป ยอมกลืนนํ้าลายตัวเองก็ไม่มีใครว่า” นุชดาพยายามเทศน์ให้รุจิราฟัง แต่นักต้นทุนอย่างรุจิราหรือจะยอมขาดทุน เธอไม่มีวันกลืนนํ้าลายตัวเองเด็ดขาด
“ฉัน จะ เลิก กับ เขา” รุจิราไม่สนที่เพื่อนพล่าม ชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยพร้อมหันมาเค้นเสียงพูดเชื่องช้าและเน้นแน่นทุกถ้วยคำอย่างหนักแน่นให้เพื่อนฟัง ก่อนที่ตัวเองจะก้าวต่อไปหาแฟนหนุ่ม นุชดาจึงได้แต่ส่ายศีรษะให้กับความดื้อด้านของเพื่อนสาวที่ไม่มีใครเกิน

เผลอแค่แป๊บเดียว สาวเจ้าก็เดินมาถึงที่โต๊ะของเขา พร้อมกับ...
“สวัสดีค่ะคุณทศ” เสียงใสๆ ทักทายตามธรรมดาดังแว่วมาจากทางด้านข้างทำให้ชายหนุ่มต้องชะเง้อเงยหน้าขึ้นแล้วเหลียวไปมอง
“จิ คุณมาได้ไงครับ ไหนบอกว่า... เอ่อ พลอยนี่ไงคนที่พี่เล่าให้ฟังบ่อยๆ” ทศกร รีบหันมาเมื่อได้ยินเสียงทัก และฉับพลันยิ้มหวานตอบเธอด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่ทันไร กลับรีบหันไปแนะนำให้เพื่อนรุ่นน้องรู้จักกับเธอ โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำนี้ มันผิดถนัด เพราะมันทำให้เธอยิ่งมั่นใจกับสิ่งที่เธอคิด สายตาคมงามจึงฉายแววประกายด้วยหยดนํ้าตาแห่งความผิดหวัง โกรธเคื่อง และ... เสียใจ
รุจิราพยายามฝืนความรู้สึก ข่มอารมณ์มองคนสองคนที่ยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้าอย่างอดกลั้น รอให้พวกเขาได้แนะนำตัวและรู้จักกับเธอเสียก่อนที่เธอจะเริ่มทุกอย่าง
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณจิ” พลอยไพขวยเขินเล็กน้อย ยกมือไหว้ทักทายรุจิราพอเป็นพิธี หากฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้ยินดีทักทายเธอตอบ เจ้าหล่อนเพียงแค่ยกมือรับไหว้เฉยๆ แล้วจ้องเล็งตรงไปหาเป้าหมายของตัวเอง
“คุณทศคะ เราเลิกกันเถอะค่ะ” รุจิราข่มความโกรธเอาไว้ แล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างนุ่มนวลและใจเย็นที่สุด พร้อมกับพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ใครดูรู้ว่าเธอกำลังผิดหวังในตัวแฟนหนุ่มมากแค่ไหน
ทศกรตะลึงตาค้างทันทีเมื่อได้ยินคำสวนย้อนกลับมาของแฟนสาว เขาหันขวับมาหาเธอแทบจะทันทีด้วยท่าทางงงๆ พร้อมกับรีบไถ่ถามอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“จิ...คุณ...พูดอะไร เลิกกัน...หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องเลิกกันด้วย มันเกิดอะไรขึ้น” เขางง เขาไม่เข้าใจ เขาไปทำอะไรผิดตอนไหน เมื่อไร เธอถึงตามมาขอเลิกเขาถึงที่นี่ แต่เท่าที่จำได้เมื่อวานเธอกับเขายังคุยกันดีๆ อยู่เลย แล้วทำไม...
รุจิราเม้มปากแน่น เธอไม่ขอพูดอะไรหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะเชื่อว่าเขาทำ เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ
“ผมทำอะไรผิดเหรอครับ ทำไมเราต้องเลิกกัน” ทศกรทวนอีกครั้งอย่างสับสน เขาเริ่มโมโหเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเอาแต่เงียบ จ้องมองเธอด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า เพราะเขาไม่อาจหยั่งรู้หัวใจของผู้หญิงคนนี้ได้เลยจริงๆ ไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เธอคิดและเธอทำ
“คุณไม่ผิดหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันเบื่อคุณแล้ว ฉันอยากหาใหม่” รุจิราโกหกออกมาหน้าตาเฉย พูดเรียบเสียจนคนฟังหัวใจสลาย เพียงเพราะแค่อยากจะทำให้เขาเจ็บเหมือนอย่างที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ อยากให้เขารู้สึกผิดหวังและเสียใจบ้างกับสิ่งที่เขาเชื่อมั่น อย่างที่เธอผิดหวังที่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนดี และเพอร์เฟคท์กว่าคนรักคนก่อนของเธอ
“จิ...คุณ” ทศกรเหลือบตาขึ้นมอง ครางออกมาอย่างผิดหวัง เขาทุ่มเทเวลากับเธอไปมากมาย แต่วันนี้เธอกลับมาตัดความสัมพันธ์ง่ายดายอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี สายตาคมจ้องมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่รุจิรากลับยืนนิ่ง ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน สบตาเขาเฉยเมยราวไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ทำให้ทศกรเหลืออด
“แล้วไอ้ผู้ชายแบบไหนล่ะที่คุณจะไม่เบื่อ มันต้องดีขนาดไหนเชียวที่จะสามารถครอบครองหัวใจคุณได้” เขาชักเสียงถามตรงออกมาอย่างขุ่นเคืองและเจ็บแค้น เขายอมเธอทุกอย่างแล้วเขายังไม่ดีพออีกเหรอเธอถึงจะหาใหม่ มันต้องแบบไหนกันที่เธอจะรัก
“ไม่ทราบสิคะ แต่ต้องดีกว่าคุณก็แล้วกัน” รุจิราพูดเสียงเรียบเฉือนใจเขานัก ทำตัวสบายๆ มองเฉิดเฉย ไม่แยแสอะไรด้วยสายตาอันว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก
“ได้ งั้นเรามาเดินพันกันว่าใครจะหาแฟนใหม่ได้เร็วกว่ากัน และต้องแต่งงานกันภายในอาทิตย์หน้า บวกกับต้องมีลูกภายในสองเดือน ถ้าใครทำไม่ได้คือแพ้ ผมจะคอยดูว่าไอ้ผู้ชายที่คุณเลือกมาแต่งงานและเป็นพ่อของลูก มันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว” ทศกรแค้นเธอนัก เพราะเธอดูถูกความรักที่เขามอบให้ ซํ้ายังเลือกสารพัด หาว่าโน้นไม่ดีนี่ไม่ดี อยากรู้นักว่าคนที่ดีของเธอจะเป็นยังไง เขาโกรธจนอดใจไม่ไหวต้องเปล่งคำท้าออกมาโดยไม่ได้ยั้งคิดและไม่คิดว่าเธอจะกล้ารับ หากแต่...
“ตกลง” สาวเจ้ารับคำท้ายของเขาง่ายดายปราศจากคิดก่อนพูด ทำให้คนประเมินเธอต่ำได้แต่เพ่งตาโตมองอย่างตะลึงคาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้ารับ หากแต่เขายังรู้จักเธอน้อยไป เพราะคนดื้อด้านอย่างเธอหากได้หลุดปากรับอะไรออกไปแล้ว ไม่ว่ามันจะยากเย็นเพียงใด เธอก็จะทำให้ได้
“จิ แกแน่ใจแล้วเหรอ ถึงไปรับคำท้าเขาอย่างนั้น” นุชดาที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นาน ย่างเข้าชิดเพื่อนสาว แล้วกระซิบถามอย่างหวาดหวั่น แอบกลัวใจว่าเพื่อนรักจะทำไม่ได้
“ฉันแน่ใจ” แต่รุจิรากลับตอบอย่างมั่นใจให้เพื่อนรัก โดยยังคงจ้องไปที่แฟนหนุ่มกับผู้หญิงคนนั้นอย่างขุ่นเคื่อง และเข้าใจอย่างเดียวว่าเขานอกใจเธอและผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละคู่ขาคนใหม่ของเขา
ซึ่งตรงข้ามกับคนที่ยื่นคำท้า บัดนี้เขากลับหงอยงอลง เพราะเห็นเธอจริงจังจริงๆ จนไม่รู้จะพูดอะไร กระทั่งเธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นมาใหม่
“คุณทศจะเปิดตัวเจ้าสาวตอนนี้เลยก็ได้นะคะ ฉันยินดีต่อให้หนึ่งเต้นค่ะ” คำเชื้อเชิญที่แลจะไม่สนอะไรมาก แต่มันเหมือนเป็นการเหยียบหัวใจของเขาอีกครั้ง ทศกรจึงกัดฟันแน่น หลิ่วตามองรุ่นน้องของตัวเอง แล้วรู้ว่าเธอคงหมายถึงพลอยไพ เขาจึงไม่นึกขัดศรัทธาเธอ รีบดึงพลอยไพให้มานั่งชิดข้างตัวเองทันที
“ดีครับ งั้นผมขอเปิดตัวเจ้าสาวของผมเลยนะครับ น้องพลอยแต่งงานกับพี่นะ” เขารับคำเธอทันทีพร้อมกับแกล้งขอพลอยไพแต่งงาน เพื่อให้เห็นความรู้สึกของคนใจแข็ง อยากรู้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรบ้าง แต่กลับตรงกันข้ามพลอยไพยิ้มรับอย่างยินดี แต่คนที่เขาหวังให้รู้สึกกลับนิ่งเฉย
นั่นไงเห็นไหม ฉันคาดไว้ไม่มีผิด ที่แท้ก็เป็นกันจริงอย่างที่ฉันคิด ฉันแค่เล่นจริงจังหน่อยเดียวเอง คุณก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ ดี...ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาด้วย
รุจิราคิดอย่างไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังไงก็จะเลิกกับเขาแล้วมันไม่มีอะไรให้เธอต้องเสียอีก ก่อนมือเรียวจะยื่นไปหยิบมือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าหนังใบเล็ก เธอยกมือถือชูขึ้นให้ทุกคนเห็น ยิ้มร่าแล้วค่อยกดตัวเลขโทรหาใครคนนั้นทันทีและเวลาเพียงแค่อึดใจคนปลายทางก็รับสาย
“พี่อิเหรอคะ มารับจิได้ไหม ตอนนี้จิอยู่ที่บาร์บอล อืม...เร็วๆ นะคะ” เมื่อจบการสนทนา ก็หันมายิ้มเย้ยใส่ทศกรอย่างมั่นใจหนักหนาว่าตัวเองต้องชนะ เพราะเธออยากสอนให้เขารู้ว่า ไม่เสมอไปที่ผู้ชายอย่างเขาจะทำได้เช่นนี้ แม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็สามารถทำได้เช่นกัน ทำเอาทศกรค้างงันทันที ได้แค่กำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ ไม่คิดว่าเธอจะแอบมีใครซ่อนไว้ แต่อย่างไรก็ตามเขาต้องชนะเธอให้ได้ เธอจะต้องรู้จักคำว่าแพ้เสียบ้าง เธอจะได้เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา
คนทั้งสองจ้องกันด้วยสายตาดุดัน ห้ำหั่นกัน ขณะที่นุชดาที่ร่วมวงอยู่ด้วยทำได้แค่ส่ายศีรษะไปมา ให้กับความไม่เคยยอมใครของเพื่อนสาวของเธอ ทว่ากลับมีคนอีกคนที่มีความสุขที่สุด ถึงแม้จะรู้ว่าเขาทำไปเพราะต้องการประชดแฟน แต่ตัวเองกลับปลื้มใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยอมเป็นหมากของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ เพียงเพราะ...รักเขา และเฝ้ารอโอกาสเช่นนี้มานาน...

"""""""""""""""""""""



เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มี.ค. 2555, 14:13:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มี.ค. 2555, 14:30:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1513





<< ตอน ๑ จุดเริ่มต้นของจุดจบ   เปิดจองวันนี้ >>
Zephyr 10 มี.ค. 2555, 15:16:45 น.
เอาแต่ใจกันทั้งทศกรและรุจิราเลย จริงๆน่าจะแต่งๆกันไปนะ อยากรู้จังเลยค่ะ ว่าจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเค้าแต่งกันไปก็ไม่มีนิดหน่อยสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account