ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต
เมื่อเธอเดินทางตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ โดยปล่อยให้ชะตาลิขิตเส้นทาง จนได้มาเจอเขา ชีวิตเธอกับเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
Tags: ชะตา

ตอน: Rose06

ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต ตอนที่ 6

เสียงเครื่องยนต์เคลื่อนผ่านสะพานดังขึ้นเรื่อยๆ ถึงเครื่องยนต์จะดังแต่คงได้รับการดูแลมาอย่างดี จึงใช้ขับได้สะดวก นัยน์ตาสีฟ้ากำลังมองรอบๆ บรรยากาศร่มรื่นย์ดูแล้วสบายตา แม้อากาศจะร้อนไปบ้าง แต่เขาก็สบายใจ เพราะรู้สึกเหมือนได้ทิ้งปัญหาไปที่บ้านเกิด

เพลงที่ใช้ภาษาไทยก็จังหวะสนุก ถึงฟังไม่รู้ความหมาย แต่ก็ไม่ใช่เพลงที่ฟังไม่ได้นัก หากน้าผลก็ชี้ไปที่แม่น้ำ ก่อนจะจอดลงชี้ชวนให้เขาดูสายน้ำนั้น

“ปีนี้น้ำจาดนัก ดูกะ น้ำขึ้นสูง” น้าผลชี้ไปที่น้ำ ทำไม้ทำมือว่าน้ำยกขึ้นสูง แล้วเขาก็เข้าใจความหมาย

หากสายตาเขาเห็นบางอย่างลอยน้ำมา เมื่อมาใกล้ เขาเห็นบางอย่างอยู่ในน้ำ จึงรีบเดินไปอีกฝั่งแล้วลงไปคว้าเอากะละมังขึ้นมา เห็นเป็นลูกสุนัขนอนหายใจอ่อนอยู่ในกะละมัง

“กรรม ตายละก้า” น้าผลเห็นลูกหมาพันธุ์บางแก้วใกล้ตายเต็มที่

“พาไปหาหมอ ด็อกเตอร์” ซีเซียพยายามบอกแต่น้าผลก็ไม่เข้าใจ แต่จะให้เขาปล่อยลูกหมาไป เขาจึงส่ายหน้าก่อนชี้ไปที่รถ พยักเพยิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจ

น้าผลได้แต่ปล่อยให้นายฝรั่งพาหมาใกล้ตายไปขึ้นรถ แล้วขับกลับสวน ก่อนจะบ่น “เอากลับไปก็ฝังเท่านั้นล่ะเน้อ”

ซีเซียไม่เข้าใจ แต่ก็สงสารลูกหมาในกะละมัง เมื่อถึงสวน ก็รีบลงจากรถพาไปหานวาระที่อยู่ในโรงทอ กำลังสั่งงานกับเครื่องทอผ้าสีเดียว จากนั้นก็พยายามพูดกับเธอ “ผมจะพาไปหาหมอนะ ช่วยมันก่อน”

นวาระมองลูกหมาแล้วลูบเนื้อลูบตัว ก่อนพยักหน้า “พาไปเถอะ ไปรอที่รถก็แล้วกัน” จากนั้นเธอก็สั่งงาน ก่อนจะตามไปที่รถ โชคดีที่เธอเอาของที่จำเป็นมาหมดแล้ว จึงออกไปได้เลย

“น้าผลฟังไม่รู้เรื่อง จะให้ผมโยนลงน้ำปล่อยให้มันตาย” เขาพูดขึ้น

“แกคงคิดว่ามันไม่รอดแล้วน่ะ” นวาระพูดไปตามเรื่อง

“ทำไมถึงเอาลูกหมามาทิ้งแบบนี้ เอาลอยน้ำมาแล้วคิดจะให้มันไปตายกลางแม่น้ำอย่างนั้นเหรอ” ซีเซียถามอย่งไม่เข้าใจนัก

“ไม่รู้สิ” เธอพูดขณะขับรถพาเขาเข้าเมืองแล้วพาไปที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ดีที่สุด ก่อนจะโดนตั้งคำถาม แล้วเธอก็ตอบตามตรง “มีคนเอาลอยน้ำมา ฉันไม่รู้เรื่องหรอก ฝรั่งคนนี้เขาช่วยมาแล้วเขาก็เป็นเพื่อนฉัน ฉันก็เลยพามาส่งโรงพยาบาล หมอก็ตรวจไปตามปกติเถอะนะ”

“น้องหมาชื่ออะไรคะ” คนรับเรื่องถาม

“อืม ชื่ออะไรดีล่ะ อ๋อ ลอย ชื่อลอยค่ะ ดูแล้วน่าจะพันธุ์บางแก้ว ส่วนฉันชื่อนวาระค่ะ ยังไงฝากหมอดูให้ด้วยนะคะ” เธอกรอกเอกสารต่างๆ จนเรียบร้อยแล้วก็หันมาฟังหมอสรุป

เจ้าลูกสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวนี้ขาดน้ำอย่างแรงและเป็นไข้ จึงต้องตรวจเลือดและนอนดูอาการที่โรงพยาบาล ทั้งยังต้องให้น้ำเกลือ แล้วค่อยดูอาการต่อ หากตอนนี้เจ้าลูกสุนัขไม่ค่อยได้สติเท่าไร

“ปล่อยให้หมอเขาดูแลเถอะค่ะ ยังไงเราก็คงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากดูมันเฉยๆ วันนี้กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาคุณมาดูมันที่นี่อีกทีนะ” นวาระหันไปบอกเขาให้สบายใจ

“คุณจะรับเลี้ยงมันอย่างนั้นเหรอ” ซีเซียถามขึ้น เพราะเขายังไม่แน่ว่าจะพามันกลับไปกับเขาได้

“ก็คงต้องอย่างนั้นแหละ ก็คุณช่วยมันไว้แล้วนี่ แต่เจ้าของมันใจร้ายนะ ไม่พามาหาหมอ แต่เอาไปลอยน้ำ อ๋อ ฉันให้มันชื่อลอยนะ” นวาระเล่าความเมื่อพาเขากลับมาที่รถ

“คุณว่ามันจะรอดไหม” ซีเซียถามเธอแล้วเป็นห่วงเจ้าลูกหมาหลงทาง

“ไม่รู้สิ หมอเขาก็คงดูแลอย่างสุดความสามารถแหละ ช่างเถอะทำบุญน่ะ ถึงมันตาย ก็ยังถือว่าเราได้ช่วยให้มันตายสบายที่สุด ไม่ต้องลอยอยู่ในน้ำเย็นๆ อย่างไม่รู้ชะตากรรม ถ้ามันรอด มันก็คงเป็นหมาที่ซื่อสัตย์กับเรา เพราะเราช่วยชีวิตมันไว้ไง” นวาระพูดไปตามเรื่องแล้วขับรถกลับสวน

“ขอบคุณคุณมากนะ ผมจะรับดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเอง” ซีเซียรู้ว่าเขาหาปัญหามาให้เธอ

“ยังไงก็ได้ แล้วแต่คุณก็แล้วกัน เพราะถ้ามันรอด คุณคงพามันด้วยไม่ได้หรอกจริงไหม จะเอาเวลาที่ไหนมาคอยดูแลมันล่ะ หน้าที่การงานของคุณต้องคอยตามดูแลความปลอดภัยของเจ้านายคุณนี่นะ” นวาระไม่ได้บอกใครว่าเขาทำงานเป็นหัวหน้าราชองครักษ์ของเจ้าหญิงรัชทายาท เพราะเขาขอไว้

เขาอยากให้ชีวิตธรรมดาที่สุด เพื่อสัมผัสชีวิตที่แตกต่าง เมื่อเขากลับไป เขาคงไม่มีเวลาแบบนี้อีกแล้ว จากคนที่มีหน้าที่การงานที่ทรงเกียรติ มาเป็นคนธรรมดาทำให้รู้จักชีวิตที่แตกต่างออกไป

“ก็จริงของคุณ ขอบคุณคุณนะ” ซีเซียพูดอย่างซึ้งน้ำใจ

“คงเพราะสิ่งที่แม่ฉันบอกให้ทำ ฉันจึงเปลี่ยนไปแบบนี้ ในเมื่อชะตาและสายน้ำพามันมาหาคุณ แล้วคุณก็พามันมาหาฉัน ฉันก็คงต้องดูแลไปนั่นแหละ ถ้าคุณมีเวลาก็กลับมาเยี่ยมมันบ้างก็แล้วกันนะ” เธอยิ้มให้แต่สายตายังคงมองถนนต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าระหว่างเธอกับเขาจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็คาดหวังว่าความเป็นเพื่อนจะคงอยู่ต่อไป

ขอเพียงมิตรภาพไม่มีวันจาง...ก็คงเพียงพอสำหรับคนสองคนที่โคจรมาพบกัน

****************************************


เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา คนรับสายก็เอามาในห้องทอผ้า จากนั้นก็ส่งให้นายหญิงใหญ่ของบ้าน นวาระจึงรับสาย เพราะรู้จากอ้อแล้วว่าเป็นใคร

“สวัสดีเจ้า คุณแสงตะวัน” นวาระทักทายลูกค้าอย่างสุภาพตามปกติ

“สวัสดีครับ คุณโรส ผมคุยกับเพื่อนแล้วนะครับ นัดวันเวลาแล้วครับ” เขาบอกเธอตามรายละเอียดที่ได้รู้มา “ทางนั้นเขาถามว่าคุณจะพักที่โรงแรมเขาไหม”

“ไม่เป็นไรเจ้า ข้าเจ้าคงบ่รบกวนหรอก ข้าเจ้าจะหาที่พักเองเจ้า พอดีเพื่อนข้าเจ้าเป็นเจ้าของโรงแรมอีกที่หนึ่ง ที่ค่าห้องราคาบ่สูงนัก ข้าเจ้ามีส่วนลดค่าห้องกับค่าอาหาร ซึ่งจะต้องถูกกว่าแน่เจ้า จะอั้นข้าเจ้าจะไปตามวันเวลานัดเน้อเจ้า โชคดีขนาดเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงโลซีซั่น คิดว่าคงหาห้องพักได้เจ้า” นวาระพูดยาวและตัดบทในทันที

“ครับๆ อืม ผมจะลงไปหาเพื่อนอยู่พอดี ยังไงเราคงได้พบกันนะครับ” แสงตะวันบอกเธอเอาไว้

“ได้เจ้า” นวาระพูดอ่อนหวานตามประสาคนเหนือ ก่อนจะบอกลาเขา

“เดี๋ยวสิครับ ยังไงคุณโรสช่วยเรียกผมว่าตะวันเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้องเรียกชื่อเต็มหรอกครับ ยังไงเมื่อถึงแล้วผมจะโทรนัดคุณโรสอีกทีนะครับ สวัสดีครับ” แสงตะวันบอกลาเธอ

นวาระถอนหายใจยาว ก่อนเดินออกไปหาอ้อที่อยู่โต๊ะทำงานและคอยรับสายลูกค้า “พี่อ้อเจ้า ช่วยน้องหน่อยเน้อ ช่วยโทรไปโรงแรมประสิทธิหน่อยเจ้า บอกจองห้องสำหรับน้องกับซีเซียห้องเดียวก็พอเน้อเจ้า จะได้บ่เปลืองเงิน เดี๋ยวน้องไปเตรียมผ้าตัวอย่างที่เหลือก่อนเน้อเจ้า”

อ้อรับคำ ก่อนจะค้นหาหมายเลขติดต่อ

“พี่อ้อๆ ไอ้ดิวมันบ่สบาย อ้ายน้อยให้มาบอกว่าไปดูมันหน่อยเน้อ” บัวเข้ามาบอกอ้อ

“ตายละ จะอัน บัวโทรไปจองโรงแรมให้น้องโรสกำ พี่จะไปดูลูกหน่อยเน้อ จองห้องเดียวให้น้องโรสกับซีเซียเน้อ สี่วันตามนี้เน้อ จองไวไวเน้อ บ่อั้นจะบ่มีที่พักนา” อ้อพูดแล้วเก็บของสำคัญไปบางส่วน แล้วรีบไปดูลูก แต่ก็จะกลับมาจัดการงานอื่นๆ

“ตายละ น้องจะจองถูกก่อเนี่ย” บัวพลิกๆ หาเบอร์เจอก็โทรจนติด “สวัสดีค่ะ ที่นั่นโรงแรมประสิทธิแม่นก่อ เอ๊ย ใช่ไหมคะ”

ทางปลายสายก็ตอบกลับมาพร้อมสอบถามจุดประสงค์ บัวก็ได้แต่บอก “ขอจองห้องพักหนึ่งห้องสำหรับคุณนวาระ ปันนาอิน กับคุณซีเซีย นามสกุลอะหยังวะ ช่างมันเตอะ คุณซีเซียค่ะ ใช่ค่ะ”

บัวก็บอกรายละเอียดวันพัก จนเรียบร้อยแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก เมื่อทำงานเสร็จ ก็จดหมายเลขห้องกับหมายเลขบัญชีค่ามัดจำต่างๆ เอาไว้

“โชคดีนาที่เฮาเรียนมาสูง ถึงจะยังบ่จบ แต่ก็พอจะช่วยงานได้เนาะ” บัวบ่นกับตัวเองแล้วยิ้มสบายใจ ก่อนจะนั่งเฝ้าโต๊ะให้จนกระทั่งอ้อกลับมา

“โอ๊ยๆ ฮ้อนแต้ๆ ดิวมันเป็นไข้ ดีที่แม่พี่อยู่เน้อ เป็นใดจองได้ก่อ” อ้อถามเรื่องงานหลังบ่นเล็กน้อย

“ได้ก่าๆ เรียบร้อยละพี่” บัวก็ยิ้มปลื้มก่อนลุกขึ้นแล้วไปทำงานของตัวเอง

สำหรับเธอที่เป็นพนักงานรายวัน ทางสวนจ่ายค่าแรงคิดตามเวลา เพราะต้องเรียนด้วย แต่เธอก็พอใจ เพราะได้ค่าขนมไว้ใช้ ถ้ามาสายก็นับชั่วโมงทำงานให้ได้เก้าชั่วโมงรวมเวลาพัก ลงเวลาตามจริง

“อืม ต้องจองตั๋วด้วยเน้อ” อ้อบอกตัวเองแล้วจดงานที่ต้องทำเอาไว้

จากนั้นก็จัดการกับงานของตัวเองให้เสร็จ แล้วก็ส่งเรื่องไปให้บัญชีจัดการทำเรื่องเบิกจ่ายตามระเบียบไป ถึงสวนนี้จะเป็นองค์กรเล็กๆ แต่ก็จัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นระบบระเบียบ ทุกคนจึงทำงานง่ายขึ้นและมีสวัสดิการต่างๆ ที่ดี เพื่อวางรากฐานของชีวิตอีกส่วนหนึ่ง

เมื่อครบอาทิตย์ เจ้าลูกหมาก็ได้กลับบ้าน ซีเซียจึงมากับน้าผลเพื่อมารับลูกหมากลับ เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของที่มาเยี่ยมทุกวัน เจ้าลอยก็กระดิกหางต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนจะถูกอุ้มขึ้นรถหลังจ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อย

“ไง ลอย” นวาระที่ไปเยี่ยมบ้างบางวันก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี เธอหยิบขนมสำหรับสุนัขมาด้วย แล้วยื่นให้มัน ซึ่งมันก็งับอย่างดี ก่อนจะวิ่งเล่นในบ้านที่มันก็เพิ่งจะรู้จัก

“ดูมันมีความสุขนะ ค่อยโล่งใจหน่อย เที่ยงนี้ก็ต้องไปภูเก็ตแล้ว ปล่อยมันเอาไว้ที่นี่ก็คงไม่เป็นไร” ซีเซียถอนหายใจยาวและโล่งใจที่เจ้าลูกสุนัขมีความสุขกับบ้านใหม่

“มันยังเด็ก ยังไม่ค่อยติดเท่าไรหรอก รอให้มันสักหกเดือนคงเริ่มติดคนแล้วล่ะ ปล่อยให้มันวิ่งเล่นนี่แหละ คุณจัดกระเป๋าเสร็จแล้วใช่ไหม” นวาระถามขึ้น เมื่อเช้าเธอติดงานที่สวนกล้วยไม้ก็ต้องอยู่จัดการก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงไปขึ้นเครื่องพร้อมรับเจ้าลูกหมาแล้ว

“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวสักสิบโมงเราออกไปกันเถอะนะ” ซีเซียพยักหน้าช้าๆ และยังคงมองเจ้าลูกหมาวิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลิน และยังชวนเขาเล่นด้วย

ชะตากรรมชักนำหลายอย่างมาที่นี่ แม้หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลง แต่อะไรๆ ก็คงจะดีขึ้น

สิบโมงน้าผลก็ขับรถไปส่งเจ้านายทั้งสองคนไปขึ้นเครื่อง เมื่อเครื่องลง นวาระก็เช่ารถไปที่โรงแรม

“ให้คุณขับรถให้ผมแล้วรู้สึกแปลกๆ” ซีเซียพูดขึ้น ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข แม้บางอย่างจะแปลกๆ ไปบ้าง แต่เขาก็คิดปรับตัวไปตามสถานการณ์

“คุณจะสับสน เพราะการขับรถที่นี่กับที่บ้านเมืองคุณไม่เหมือนกันนะ คิดมากน่า” นวาระพูดขณะขับเข้าไปในโรงแรมแล้วให้คนเอารถไปจอด

“อืม เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ” ซีเซียช่วยเธอถือของแล้วเดินตามกัน ไปที่ส่วนต้อนรับของโรงแรม

นวาระเข้าไปติดต่อทันที “สวัสดีค่ะ ฉันอยากสอบถามเรื่องห้องที่จองไว้ในชื่อ นวาระ ปันนาอินค่ะ”

“สักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับจัดการคีย์ข้อมูลแล้วตรวจสอบให้ “อ๋อ ห้องสามหนึ่งหนึ่งของคุณนวาระและคุณซีเซีย ปันนาอิน เดี๋ยวเอากุญแจให้นะคะ”

นวาระมองพนักงานที่กำลังมองเธอแปลกๆ แล้วก็มองซีเซียที่กำลังยืนถือของอยู่ จึงถามขึ้น “มีอะไรเหรอคะ”

“เปล่าค่ะ กุญแจห้องพักของคุณกับสามีนะคะ” พนักงานต้อนรับเรียกคนมาช่วยนำทางและถือของ ก่อนจะยื่นกุญแจให้

“สามีเหรอคะ” นวาระหันไปมองซีเซีย ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “นั่นไม่ใช่สามีฉันค่ะ”

“อ๋อค่ะ ขอประทานโทษค่ะ” พนักงานยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือเรียกคนมาช่วยพาแขกไป แล้วถามขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าใช้นามสกุลเดียวกันแน่ “พี่ชายเหรอคะ”

“ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนค่ะ” นวาระบอก แล้วมองซีเซียส่งกระเป๋าให้คนนำทาง

“ทำไมใช้นาสกุลเดียวกันเลยล่ะคะ คุณซีเซีย” เธอถามขึ้น พร้อมเรียกชื่อนวาระว่าซีเซีย

“เปล่าค่ะ เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันชื่อนวาระ ปันนาอิน ส่วนเขาชื่อ ซีเซีย โครอฟสกี้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” นวาระเห็นคนกำลังจะเดินไป ก็รีบตัดบท แล้วเอากุญแจตามไป

ระหว่างทางเธอก็นึกไปเรื่อยๆ แล้วขมวดคิ้วจนเขาถาม “มีอะไรเหรอ”

“เปล่าค่ะ” นวาระขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะเดินเข้าห้อง ขณะที่ซีเซียยื่นทิปให้คนที่นำของมาให้แล้วก็ต้องมองเตียงเดี่ยว จากนั้นก็มองหน้าเธอ

นวาระเห็นแล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้า เธอต้องการเตียงคู่แต่กลับได้เตียงเดี่ยวแทน จึงเป็นงง เพราะคิดว่าพักห้องเดียวแต่เป็นเตียงคู่ก็คงไม่เป็นไร

เธอจึงโทรศัพท์ลงไปที่ส่วนต้อนรับแล้วสะสางให้เข้าใจ “สวัสดีค่ะ คือว่าทำไมห้องถึงเป็นเตียงเดี่ยวคะ หรือทางฉันจองห้องผิดก็ไม่ทราบ ช่างมันเถอะค่ะ มีห้องเตียงคู่ให้ไหมคะ”

“ขอดูให้ก่อนนะคะ อืม ทางคุณจองห้องเตียงเดี่ยวไว้นะคะ ส่วนเตียงคู่ไม่มีค่ะ พอดีช่วงนี้มีงานสัมมา แล้วห้องเตี่ยงคู่ก็มีคนเข้าพักเต็มหมดแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับแจ้งข่าวให้รู้ทำเอานวาระถอนหายใจยาว

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” นวาระถอนหายใจ ก่อนโทรเช็คกับอ้ออีกที “พี่อ้อเจ้า พี่อ้อจองห้องเตียงเดี่ยวให้น้องกา แล้วจะยะยังใดนิ”

“บ่ๆ พี่ต้องจองห้องเตียงคู่ก่ะ ก็น้องบ่ได้เป็นหยังกับเปิ่นบ่ใจกา พี่จะจองห้องเตียงเดี่ยวได้จะใด” อ้อบอกอย่างรู้งานก่อนนึกขึ้นได้ “วันนั้นพี่ไปดูน้องดิว แล้วให้บัวจองห้องแทนเน้อ เอ้อ บัวๆ มาพอดี พี่ถามหน่อยเน้อ วันนั้นตัวจองห้องเตียงเดี่ยวให้น้องโรสกา”

“แม่นๆ ก็เตียงเดี่ยวแม่นละ” บัวบอก เพราะทางนั้นก็บอกมาอยู่แล้ว

“เอ๋า ไปจองเตียงเดี่ยวได้จะใดนิ” อ้อบ่นใส่บัว

“เอ๋า ก็เตียงเดี่ยวก็คือเตียงที่นอนคนเดียวบ่แม่นกา มันก็ต้องเป็นห้องที่มีเตียงเดี่ยวสองเตียงก่า” บัวบอกอย่างมั่นใจ

“บ่ใช่ๆ เตียงเดี่ยวก็คือเตียงเดียว เปิ้นเอาไว้นอนสองคน เตียงคู่ก็คือเตียงน้อยสองเตียงวางคู่กัน อีน้องนี่บ่เข้าใจเลย” อ้อก็บ่นยืดยาว ก่อนจะมาคุยกับเจ้านาย “น้องได้ยินแล้วแม่นก่อ น้องจะเอายังใดนี่”

“เฮ้อ บ่เป็นหยังพี่อ้อ น้องโทรมาเช็คดูบ่ดาย บ่เป็นหยัง แค่นี้เน้อเจ้า” นวาระถอนหายใจเมื่อเช็คแล้ว ก่อนจะบอกเขา “สงสัยเราก็คงต้องนอนร่วมเตียงกันแล้วล่ะค่ะ อ้อให้บัวโทรจอง แล้วบัวก็เข้าใจผิดคิดว่าห้องเตียงเดี่ยวหมายถึงห้องที่มีเตียงสำหรับนอนหนึ่งคนสองเตียงค่ะ แล้วทางโรงแรมก็ไม่มีห้องเตียงคู่ว่างด้วยค่ะ”

ซีเซียหัวเราะแล้วส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ถือสานัก “ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่คุณน่ะถือไหม”

“เราเคยนอนเบียดเต็นท์เดียวกันมาก็หลายคืนแล้วนะคะ แค่นอนเตียงเดียวกันก็คงไม่มีปัญหา ทำอย่างกับว่าไม่เคยนอนร่วมเตียงน่ะค่ะ” นวาระบอกอย่างปลงๆ แล้วลุกขึ้นจัดของ

“งั้นผมก็ไม่ขัดข้องครับ” ซีเซียพูดแล้วก็จัดกระเป๋าไว้ในตู้ จากนั้นก็เลือกที่จะเปิดหน้าต่างออกไปสูดอากาศด้านนอก รับลมร้อนแต่สดชื่น

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นวาระจึงรับสาย และรู้ว่าใครโทรมา “สวัสดีค่ะ คุณตะวัน”

“สวัสดีครับ ถึงโรงแรมแล้วใช่ไหม เย็นนี้คุณมีเวลาออกไปทานอาหารค่ำกับผมไหมครับ” แสงตะวันถามแล้วเข้าประเด็นทันที

“ถึงแล้วค่ะ อืม อย่างที่ฉันเคยบอกคุณ ฉันมีเพื่อนมาด้วยค่ะ” นวาระพูดภาษากลาง เพราะอยู่ในพื้นที่อื่น ไม่ใช่บ้านนอกของเธอ

แสงตะวันรู้สึกว่าฟังแปลกๆ อยู่บ้าง เพราะปกติมักได้ยินเธอพูดแต่ภาษาเหนือ มากกว่าภาษากลาง แต่ก็ตอบการสนทนาปกติ “งั้นก็พามาด้วยสิครับ ส่วนเรื่องวันพรุ่งนี้อย่าลืมนัดเพื่อนผมนะครับ”

“ค่ะ ได้ค่ะ งั้นเย็นนี้พบกันนะคะ” นวาระมองซีเซียเดินเข้ามาก็ตัดบท ก่อนจะชวนเขา “เย็นนี้ลูกค้าชวนฉันไปทานมื้อค่ำ คุณไปด้วยกันนะคะ ฉันบอกเขาไว้แล้วว่าคุณจะไปด้วยค่ะ”

ซีเซียก็พ่นลมหายใจแล้วหัวเราะ ดูท่าทางเธอไม่อยากไปทานมื้อค่ำตามลำพังกับใครนัก แต่ก็ทำท่าทางน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน “ได้สิ เพราะยังไงผมก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ก็เรามาด้วยกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันไงคะ ไม่งั้นฉันจะพาคุณมาด้วยทำไม” นวาระกอดอกแกล้งทำท่าทางจริงจัง

ซีเซียก็ยิ้มออกก่อนขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู “แม่จอมเผด็จการ”

“แหม ก็ลูกค้านี่คะ จะปฏิเสธทุกอย่างก็ยังไงอยู่ เพราะเขาก็ดี หาลูกค้ามาให้ ใจดีจริงๆ แต่ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวเราไปเที่ยวก่อน บ่ายหน่อยค่อยมาเตรียมตัว หกโมงเย็นไปที่ร้านอาหารชาเลย์ มีเวลาเหลือเฟือ พรุ่งนี้ก็ไปพบลูกค้าตอนเที่ยง ตอนเช้ายังมีเวลาออกไปเดินเล่นอีก ไหนๆ มาเที่ยวทั้งที ก็เที่ยวให้เต็มที่หน่อย” นวาระพูดอย่างตั้งใจ

“ผมนึกถึงคุณเมื่อก่อนไม่ออกเลยนะ เห็นแต่คนนี้ดูจะแบ่งปันเวลาได้ดีกว่าที่คุณเคยเล่าไว้” ซีเซียวิเคราะห์เธอและพยายามทำความเข้าใจ

“คงเพราะผ่านความเป็นความตายละมั้งคะ แต่ฉันดีใจที่ติดอยู่ในกระท่อมกับคุณนะ เพราะถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงไม่สบายใจเท่านี้ อย่างน้อยคุณก็พึ่งพาได้ในหลายเรื่อง” นวาระพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

จากคนที่เคยควบคุมทุกอย่างก็เริ่มปล่อยทุกอย่างไป เริ่มใช้ชีวิตที่ผ่อนคลาย แต่ที่เธอทำแบบนี้ได้ คงเพราะช่วงบ้างาน เธอสะสมเงินทองไว้จำนวนมากพอ ที่จะอยู่ได้แบบไม่เครียดไปอีกสามสี่ปี และไม่ต้องกังวลเรื่องความอยู่รอดของคนงานด้วย

การเป็นเจ้าของกิจการจะคิดถึงแต่ตนเองอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะถ้าคนงานอยู่ไม่ได้ องค์กรก็เป็นอันต้องล้มลง ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติที่มีเหลืออยู่ เมื่อเธอไม่มีครอบครัวอื่นใด นอกจากสิ่งที่อยู่รอบข้าง

ซีเซียได้พบเธอคนที่เติบโตขึ้นจากสิ่งที่แม่เธอร้องขอ และเชื่อว่าความกตัญญูคงช่วยให้เธอมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างแน่นอน

****************************************


เสียงคลื่นซัดฝั่งไพเราะดังดนตรีคลาสิกบรรเลง แต่เพราะช่วงนี้แขกที่มาสัมนายังมีอยู่หลายคน ทำให้มีเสียงหัวเราะบ้างเป็นระยะ ก่อนจะแยกย้ายกลับเข้าห้องประชุม เมื่อถึงเวลา

นวาระเดินเล่นกับซีเซียไปเรื่อยๆ ก่อนจะคว้าเอาเสื่อปูใต้ร่มไม้ แล้วถามเขา “คุณจะไปดำน้ำดูปะการังไหม”

“ไปสิ คุณล่ะ แต่วันนี้คงไม่นะ พักผ่อนหน่อย ไม่รู้ลอยเป็นยังไงบ้างนะ” ซีเซียนั่งลงข้างๆ เธอแล้วมองทะเลใต้ที่สดใส

“ไม่รู้สิ ตอนนี้มันก็มีคนดูแลอยู่นะ ดูแล้วมันก็ไม่ดุเท่าไร ก็คงเข้ากับพวกคนงานได้ล่ะ” นวาระบอกก่อนหยิบหนังสือออกมาอ่าน แล้ววางกระเป๋าใส่ของไว้ใกล้ๆ

ซีเซียนอนลงมองเงาไม้สักพักก็หลับตาลง ฟังเสียงคลื่น ประเทศของเขาไม่มีพื้นที่ติดทะล ยังดีที่มีแม่น้ำไหลผ่าน แม้จะมีน้ำแข็งเกาะอยู่ก็ตาม แต่เสียงน้ำไหลนับว่าได้ยินน้อยมาก เมื่อเที่ยบกับละแวกบ้านเธอ

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอทำให้นวาระต้องเงยหน้าจากหนังสือ แอบอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะหยิบเอากิ่งต้นสนที่ตกพื้นใกล้ๆ ขึ้นมา แล้วแหย่ที่จมูกเขาเบาๆ

ซีเซียยกมือขึ้นปัด แล้วเบือนหน้าหนี แต่ก็ยังโดนเธอแกล้งอีกรอบ เขาก็พลิกตัวหันมามอง “นี่โรส” เขารวบตัวเธอไปกอดรัดเอาไว้ แล้วคว้าเอากิ่งไม้โยนไปให้ห่าง เขาลืมห้ามใจเมื่อตั้งหลักได้เขาก็ลุกขึ้นนั่งแล้วก้มลงหอมแก้มเธอแรงๆ

“โอ๊ยๆๆ พอแล้วค่ะ” นวาระพยายามห้าม เพราะถูกเขากอดรัดเอาไว้แน่น แล้วยังโดนขโมยหอมแก้มอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายก็ถูกเขาจูบปิดปากเสียได้

จากนึกสนุกกลายเป็นจูบหวานซึ้ง จากกอดเพราะมันเขี้ยว ก็กลายเป็นกอดรัดแน่นด้วยความรู้สึกจริงจังขึ้นมา ก่อนเธอได้สติเพราะได้ยินเสียงคนเดินผ่านมา ก็ผลักเขา

“กล้านะ สงสัยเพราะคิดว่าเป็นเมียฝรั่ง อยากจะจูบก็จูบเลย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตำหนิ

“นั่นสิ ไม่รู้ว่าลูกหลานใครนะ ขาดการอบรมจริงๆ เลยเด็กสมัยนี้” เสียงผู้ชายตอบกลับมา

“โอ๊ย!! นี่มันยุคไหนแล้วคะ อย่าทำตัวโบราณนักเลย” เสียงหญิงสาวอีกคนดังขึ้น

นวาระกับซีเซียหันไปมองต้นเสียง แล้วเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อได้พบกับคนที่ไม่อยากพบ “พ่อ”

“โรส” ชายวัยกลางคนมองลูกสาวที่ไม่ได้เจอนานปีอย่างประหลาดใจ ก่อนมองเจ้าหนุ่มที่นัวเนียกับลูกสาวเมื่อครู่

“แม่ยังไงลูกก็อย่างนั้นเลยนะเนี่ย นอนให้ผู้ชายกอดจูบ นี่ถ้าไม่มีเราเข้ามา คงทำอะไรไปเยอะเลยนะเนี่ย” กานต์สุดามองทั้งคู่อย่างดูถูก

ส่วนสุดารัตน์กลับมองชายหนุ่มอย่างสนใจ แล้วพอมองลูกของพ่อเลี้ยงก็เบะปากไม่ชอบเท่าไรนัก เพราะท่าทางเฉิ่มๆ แต่คิดอีกที กล้าพรอดรักกลางแจ้งแบบนี้ คงซ่อนร้ายเอาไว้แน่นอน

นวาระมองกานต์สุดากับสุดารัตน์ไปด้วยหลายครั้ง แล้วพูดขึ้น “เห็นด้วยอย่างที่สุดเลยค่ะ คุณน้า ขอตัวก่อนนะคะ”

“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” กานต์สุดาถามอย่างฉุนเฉียว

“พอเถอะ คุณ” สิทธิโชติ์พยายามปรามก่อนหันมาถามลูกสาว “เดี๋ยวสิ โรส ไปยังไงถึงมาที่ภูเก็ตนี่ได้ล่ะ”

“ไม่ใช่ธุระของคุณ เราไปกันเถอะ ซีเซีย” นวาระเก็บข้าวของโดยมีเขาช่วย

ในใจก็นึกซวย เพราะมาเจอกลุ่มคนที่ไม่อยากเจอ ขณะที่ซีเซียมองเหตุการณ์นั้นแปลกๆ แต่ดูสีหน้าท่าทางของคนทั้งกลุ่มออก จึงช่วยเธอเก็บข้าวของ

“เดี๋ยวสิ ไม่เจอกันสิบกว่าปี จะไม่คุยกับพ่อบ้างเลยเหรอ” สิทธิโชติ์พยายามชวนลูกสาวคุย

“กลับกันเถอะค่ะ คุณแม่ ปล่อยให้คุณพ่อนับญาติกับพวกบ้านนอกชั้นต่ำไปคนเดียวเถอะ” สุดารัตน์เชิดหน้าแล้วเดินหนีพร้อมแม่

สิทธิโชติ์ได้แต่มองครอบครัวหนึ่งเดินหนี ส่วนลูกสาวก็เดินหนีเช่นกัน แต่ก็ตัดสินใจเดินตามลูกสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน แล้วชวนคุย “แม่เป็นยังไงบ้าง หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เจอแม่ของลูกครั้งสุดท้ายเมื่อสิบสองปีก่อนได้”

“ตอนที่แม่บากหน้าไปยืมเงินน่ะเหรอคะ ไม่ทราบคุณจะพูดขึ้นมาทำไม คุณน่าจะดีใจที่เราไม่เคยไปรบกวนคุณอีก ขอโทษนะคะ ฉันมากับเพื่อน ไม่สะดวกคุยด้วยนานๆ” นวาระเดินต่อ โดยไม่สนใจพ่อ

“เดี๋ยวสิ โรส พ่อรู้ว่าทำผิด แต่นั่นเป็นเงินของน้ากานต์เขา เขาไม่ให้ พ่อก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ ว่าแต่แม่เขาสบายดีเหรอ” สิทธิโชติ์ถามถึงภรรยาเก่า

“แม่ตายไปหลายเดือนแล้ว คุณคงโล่งใจมาก แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเราจะไม่มีวันกลับไปขอเงินคุณแม้แต่บาทเดียว นับแต่นี้ไปฉันจะไม่มีวันเหยียบไปที่บ้านคุณให้ระคายใจอีก คุณก็ควรสำนึกรู้ไว้ด้วยว่า การที่แม่ไม่ให้บอกคุณเรื่องตาย ก็เพราะต้องการตัดขาดคุณไปจากชีวิตเราแม่ลูก เพราะงั้นอย่าบังอาจทำให้แม่ฉันแปดเปื้อนอีก” นวาระดึงแขนของซีเวียไปเร็ว

สิทธิโชติ์พูดไม่ออก ยิ่งตอนที่รู้ว่าเมียเก่าตายไปแล้ว และไม่ยอมส่งข่าวให้เขารู้ จึงตอกย้ำว่าคำพูดของลูกสาวถูกต้อง

****************************************


เมื่อเข้ามาในห้อง นวาระก็แยกตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที ก่อนจะนั่งลงแล้วก็ร้องไห้อยู่อย่างเงียบๆ เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้ความทรงจำที่สวยงามของแม่แปดเปื้อน

ภาพที่แม่คุกเข่าแล้วก้มลงขอร้องแทบเท้ากานต์สุดาชัดในความทรงจำ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ แม่ยังถูกถีบหน้าจนหงายหลัง เธอจำได้ไม่ลืม

ความแค้นแทบกระอักเลือดที่โดนดูถูกเหยียดหยาม ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าล้างแค้นที่แม่เคยทำกับกับตนเอง เมื่อครั้งไปพาพ่อมาจากแม่ ทั้งที่กานต์สุดาเองเอาใบหย่ามาขว้างใส่หน้าแม่ บังคับให้แม่เซ็นมากกว่า

ถึงเธอจะอายุเพียงห้าขวบและไม่เข้าใจ แต่เหตุการณ์บางอย่างเธอก็จำได้ดี เธอได้แต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน จนเขามาเคาะประตู

“เป็นอะไรหรือเปล่า” ซีเซียถามเมื่อเห็นเธอเข้าไปนาน

“เอ่อ คุณจะเข้าห้องน้ำเหรอ” เธอพยายามซ่อนเสียงสะอื้น แต่เมื่อส่องกระจก หน้าตาเธอก็ดูแทบไม่ได้ เพราะแดงกร่ำแล้วจะออกไปได้ยังไง

“เปล่าหรอก แต่คุณอยู่ในนั้นนานแล้ว ผมเป็นห่วง มีอะไรออกมาเล่าให้ผมฟังก็ได้นะ เผื่อคุณจะสบายใจบ้าง” ซีเซียพอฟังรู้ว่าเธอสะอื้น เมื่อไม่ได้เปิดน้ำไว้ ทำให้ได้ยินชัดเจน

เธอจึงเปิดประตูออกมา เห็นเขามองอย่างเอ็นดูก็ถอนหายใจ จากนั้นเขาก็รวบไปกอดลูบหลังเธอเบาๆ แล้วพาไปนั่งที่เตียง ทีนี้เธอก็ร้องไห้โฮอีกรอบ แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น

“ร้องเถอะ ร้องให้สบายใจ” เขาลูบหลังปลอบ คิดว่าเธอคงมีเรื่องหนักใจ

“ผู้ชายคนนั้นเคยเป็นพ่อฉัน จนเขาตัดสินใจทิ้งฉันกับแม่ไป ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ใช่พ่อฉันอีก แล้ววันหนึ่งเขาก็ทำลายศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เป็นแม่ฉัน” เธอเล่าความแค่นั้นแล้วกอดเขาเอาไว้ร้องไห้อย่างเหนื่อยอ่อน

“นอนพักสักครู่ ตื่นขึ้นมาคุณอาจสบายใจขึ้น” ซีเซียพยายามปลอบ เขาไม่แสดงความเห็นเพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเธอ

“หรือไม่ตาฉันก็บวมเปล่งจนไปพบลูกค้าไม่ได้น่ะสิคะ ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะนอนไม่ได้ ขอซบไหล่คุณอย่างนี้ไปก่อนได้ไหม คุณจะเมื่อยหรือเปล่า” นวาระถามขึ้น รู้สึกแปลกแต่อบอุ่นยามได้พึ่งพาใครสักคน โดยเฉพาะคนที่เคยอยู่ร่วมทุกข์กันมาก่อนอย่างเขา

เธอไม่เคยพึ่งพาผู้ชาย...เพราะไม่มีผู้ชายอยู่ให้พึ่งพา นอกจากตาที่เสียไปแล้ว หากตอนนี้เธอมีเขา และถ้าวันหนึ่งเขาเดินจากไป เธอก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว

****************************************

สวัสดีค่ะ
รีบมาโพสต์นิยาย เพราะเสียงฟ้าร้อง กลัวว่าจะมีฟ้าผ่า
(แถวบ้านมีประวัติฟ้าผ่าบ่อยมากค่ะ)
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ
ป.ล.แวะทักทายกันที่ http://www.facebook.com/plerngwaree บ้างนะคะ

Sirinda
คุณ ใบบัวน่ารัก --- ชุดเรียบร้อยค่ะ แต่คงน่าเอ็นดูเพราะเห็นเป็นผ้าถุงแปลกตามากกว่าค่ะ (หนังสือต้องไปอ่านที่ http://bzlion.bloggang.com ตรงกลุ่มบล็อค "โครงการของเพลิงวารี" ค่ะ)
คุณ Auuuu --- งานต้องเข้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่มีเรื่องให้อ่านสนุกๆ ค่า อิอิ
คุณ sai --- 555+ เธอก็ขี้เล่นได้ แต่ไม่ค่อยได้ทำค่ะ ยังจะทำเรื่องวุ่นๆ อีกเยอะค่ะ
คุณ pattisa --- บางทีลูกก็ได้ส่วนที่ดีมาและส่วนที่ไม่ดีมาค่ะ อยู่ที่ใครจะได้ส่วนไหนมา อิอิ
คุณ konhin --- นิสัยเสียไม่กี่คนค่ะ แต่แสงตะวันน่าจีบดี อิอิ
คุณ น้องแสตมป์ --- 555+ ไม่หรอกค่ะ เขาหยิ่ง อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- พระรองน่ารัก นางร้ายยังมีร้ายกว่านี้ค่ะ
คุณ anOO --- ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ^^
คุณ ร้อยวจี --- ใช่ค่ะ เพราะไม่ได้ไปหาเรื่องเขา แต่เขามาเรื่องก่อนนี่เนาะ อิอิ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- สงสัยเพราะตัวเองนึกออกอยู่คนเดียว อิอิ ลืมบรรยายค่ะ
คุณพี่ chakansi --- แทงคู่แฝดฉึกๆ แต่ไม่ยักเข้าสมองอ่ะค่ะ (ได้รับของยังคะ ส่งไปที่อู่หน้าซองนะคะ)

bloggang
คุณ mooda --- คนนี้เขาจะแฝงแววทหารราชองครักษ์ขี้กังวลมากกว่าค่ะ อิอิ แต่น่ารักแน่นอน ตอนนี้ยังช่วยได้ไม่มากนัก แต่อนาคตมากแน่ๆ ค่ะ
(ตอนนี้เชียงใหม่ภาวนาให้ฝนตก แล้วขณะที่จะโพสต์นิยายนี่ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้อง แต่วันเสาร์ที่ผ่านมานี่ ฝุ่นเยอะมาก แค่เงาไม้ใกล้ๆ ก็ดูมัวๆ นิดๆ ค่ะ เพราะฝุ่นควันเยอะจริงๆ หวังว่าคืนนี้ฝนจะตกค่ะ)



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2555, 21:53:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มี.ค. 2555, 21:53:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1950





<< Rose05   Rose07 >>
Auuuu 12 มี.ค. 2555, 22:14:35 น.
งานเข้าแล้ววววววว อยากรู้เหตุการณ์ระหว่างพ่อกับแม่นางเอกแฮะ ว่าอะไรเป็นยังไงกันแน่

สู้ๆๆๆนะนางเอก ^^


pattisa 12 มี.ค. 2555, 22:34:55 น.
ถ้าซิเซียกลับโรสก็คงเหงาเเย่เลยสิเนี่ย ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด


konhin 12 มี.ค. 2555, 23:23:42 น.
โห นางเอกมีปมเยอะแฮะ น่าสงสารอ่ะ


ร้อยวจี 13 มี.ค. 2555, 06:29:14 น.
ชีวิตส่วนตัวน่าสงสาร พ่อแบบนี้อย่านับเป็นดี เข้มแข็งมากค่ะ เจ็บแล้วจำ


dino 13 มี.ค. 2555, 09:39:28 น.
เศร้า


anOO 13 มี.ค. 2555, 14:08:53 น.
งานนี้ซิเซียคงเห็นใจโรสไม่น้อย งั้นก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้วดีกว่าเนอะ
อยู่ไทยเลนด์นี่แหละ


ใบบัวน่ารัก 13 มี.ค. 2555, 19:55:04 น.
อยากเลี้ยง เจ้าลอย อ่ะ ได้ปะ
อายุประมาณกี่เดือนแล้ว
สีอะไรอ่ะ น่ารักมากไหม



ตุ๊งแช่ 14 มี.ค. 2555, 08:31:28 น.
หนูกุหลาบเราก็มีจุดอ่อนไหว เหมือนกันแฮะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account