ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต
เมื่อเธอเดินทางตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ โดยปล่อยให้ชะตาลิขิตเส้นทาง จนได้มาเจอเขา ชีวิตเธอกับเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
Tags: ชะตา

ตอน: Rose07

ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต ตอนที่ 7

มื้อค่ำที่แสนอึดอัด เมื่ออีกครั้งที่เธอต้องต้อนรับลูกค้าคนนี้ที่มีน้ำใจให้เธอ แต่เธอก็พาซีเซียมาด้วย เพราะไม่อยากให้เขาอยู่ตามลำพังและเบื่อหน่ายอยู่ที่โรงแรม

“อาหารไทยอร่อยนะครับ” แสงตะวันไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี จึงพูดเรื่องพื้นๆ

คืนนี้เธอแตกต่างออกไปจากทุกที ไม่ได้สวมชุดล้านนา แต่เป็นกางเกงลำลองสบายๆ กับเสื้อทันสมัยพลิ้วเวลาขยับตัวดูแปลกตา แต่งหน้าพอมองเห็นได้ไม่จืดในเวลากลางคืน

“อร่อยครับ อาหารทางใต้จะรสจัดไปหน่อย โรสเตือนผมเสมอ” ซีเซียบอกตามตรง และเริ่มสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มากกว่าลูกค้าจากชายหนุ่ม

แสงตะวันสัมผัสได้เช่นกัน เพียงแต่ชายหนุ่มอีกคนไม่แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ก็ไม่เป็นเพื่อนจนเกินไปนัก ต่างฝ่ายต่างทานอาหารและคุมเชิงกันไปเรื่อยๆ

“คุณตะวันมาเยี่ยมลูกค้าหรือมาเที่ยวคะ” นวาระถามขึ้นเปิดประเด็น

แสงตะวันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องถาม เขาจึงตอบไปอ้อมๆ “มาพบเพื่อนครับ แล้วก็มาเที่ยวด้วย มาเที่ยวคนเดียวนี่ก็เหงานะครับ”

“อ้าว แล้วไม่เที่ยวกับเพื่อนคุณล่ะคะ ไหนๆ ก็มาพบเพื่อนแล้วนี่คะ” นวาระถามตามมารยาท

“เพื่อนผมเขางานยุ่งน่ะครับ ผมก็เลยต้องเที่ยวคนเดียว” แสงตะวันพูดกับเธอพร้อมสบตาและสื่อความหมาย

นวาระจึงทำเป็นมองไปทางอื่น แล้วไม่ต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาพยายามสื่อ เพราะเธอกลัวตีความหมายผิดไปแล้วกลายเป็นเข้าข้างตัวเองไปได้

“ผมก็มาเที่ยวคนเดียวนะครับ แต่ไม่ค่อยเหงา โรสนั่งทอผ้าทำงานทั้งวัน ไม่ค่อยพาผมไปเที่ยวที่ไหน แต่ที่สวนก็มีงานให้ทำเยอะมากครับ ผมก็เพลินไปด้วย ถึงจะร้อนไปหน่อย” ซีเซียพูดร่วมสนทนาขึ้น เพื่อลดความอึดอัด

ท่าทางชายหนุ่มคนนี้สื่อความหมายออกชัด ตีความไม่ผิดแน่ ท่าทางเพื่อนคนนั้นจะเป็นหญิงสาวคนนี้มากกว่าคนที่พยายามจะชี้ไป หากเขาก็แปลกใจที่นึกอยากพูดขึ้นมา

“เมืองไทยก็ร้อนแบบนี้ล่ะครับ” แสงตะวันพูดตามมารยาท ดูไม่ค่อยออกว่าอีกฝ่ายพูดเพื่ออะไร เพราะท่าทางและน้ำเสียงเรียบเฉย ขัดกับการกระทำที่ไปไหนมาไหนกับเธอเสมอ

“ที่สตาสเซียหนาวเกือบทั้งปี มาที่นี่ผมลดน้ำหนักได้เยอะ เพราะเหมือนอยู่ในห้องอบซาวน่าทั้งวันครับ แต่ผมก็สนุกได้เรื่อยๆ คนไทยใจดี มีน้ำใจ พูดกันไม่รู้เรื่องแต่ก็สื่อความหมายด้วยน้ำใจได้ดี” ซีเซียพูดชื่นชมอัธยาศัยของคนงานในสวน

“คุณจะแปลกใจถ้าได้อยู่ในสังคมเมือง แทบจะไม่แตกต่างจากสังคมเมืองใหญ่ๆ บนโลกนี้เลย แต่คุณโชคดีมากที่ได้มาที่นี่ และรู้จักประเทศไทยผ่านชาวบ้านนิสัยซื่อและใจดีนะครับ ผมชอบวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่ของสังคมภาคเหนือ ยังมีคนที่หยิบยื่นน้ำใจ ทั้งยังพยายามอนุรักษ์ความดั้งเดิมของวัฒนธรรมไว้ด้วย ต้องบอกว่าท้องถิ่นแทบทุกภาคในประเทศไทยเราพยายามรักษาเอาไว้” แสงตะวันชวนคุยไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งป้อมเป็นศัตรูกันแต่แรก แต่เป็นมิตรกันไปดีกว่า

“ผมชอบมองคนงานในชุดพื้นเมือง จริงๆ คนงานก็บอกผมว่าใส่แบบนี้ดูสบายดี เพราะชุดผ้าฝ้าย ที่สวนของโรสมีแผนการเกษตรที่ดีด้วยครับ” ซีเซียดูจะชื่นชมสวนปันนาอิน

“แม่ของฉันเรียนจบเกษตรที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้หญิงจำนวนน้อยในสมัยนั้นที่จะจบด้านเกษตร เพราะแม่รู้ว่าชีวิตแม่จะต้องเกี่ยวข้องกับด้านนี้ค่ะ ส่วนเรื่องบริหารเนี่ย แม่จันเป็นคนดูแลบริหารมากกว่า พักหลังท่านก็เกษียณตัวเองเพราะวัยที่มากขึ้น” นวาระอธิบาย เพราะดูจะกลายเป็นคนอกวงอยู่พักใหญ่

“เอ๋ แม่คุณโรสจบมหาวิทยาลัยด้วยเหรอครับ” แสงตะวันถามด้วยความประหลาดใจ

“ค่ะ อืม แม่จัน คุณได้พบแล้วนะคะ ท่านก็จบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เหมือนกันค่ะ แต่ท่านเลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายมากกว่า ท่านทั้งสองคนเป็นแบบอย่างในการชีวิตของฉัน ผู้หญิงสองคนที่เข้มแข็ง” เธอพูดคล้ายแสดงจุดยืนที่จะอยู่อย่างพึ่งพาตนเอง

ชายหนุ่มสองคนฟังแล้วเข้าใจความหมายอย่างดี ซีเซียไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่ ส่วนแสงตะวันก็ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ชายคนไหนเข้ามาวุ่นวายกับเธอ เพราะทุกครั้งเธอจะทำงานและทำงานอย่างเดียวเท่านั้น

ยกเว้นตอนนี้...

นวาระถอนหายใจยาว...

“พรุ่งนี้หลังจากเจอเพื่อนผมแล้วคุณวางแผนจะไปไหนหรือเปล่าครับ” แสงตะวันถามขึ้น และแน่นอนว่าการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษล้วน เพื่อให้หนุ่มต่างชาติเข้าใจภาษาด้วย

“ก็จะพาซีเซียไปหาของทาน เล่นน้ำทะเล นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันล่ะค่ะ ก็พาเขามาเที่ยวนี่คะ มะรืนก็ว่าจะพาไปดำน้ำ แต่ฉันคงไม่ไปดำน้ำกับเขาหรอกนะคะ ฉันคงรออยู่บนฝั่งมากกว่า เพราะฉันว่ายน้ำไม่เป็น แล้วไม่ต้องพยายามหว่านล้อมให้ไปฝึกด้วย” นวาระเล่าและรีบดักคอซีเซียทันที เมื่อเขารู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น เขาก็พยายามชวนเธอไปเรียน แต่เธอก็ปฏิเสธเรื่อยมา

ซีเซียหัวเราะ ก่อนจะเผลอจูบหน้าผากเธออย่างเอ็นดู “ก็ทำตัวหัวดื้อแบบนี้น่ะสิ ถึงว่ายน้ำไม่เป็นน่ะ”

“ห้ามว่าฉันนะ ก็ฉันไม่ชอบ ไม่รู้ล่ะ” นวาระหันไปทำหน้ายุ่งเอาแต่ใจใส่เขา แล้วเมื่อหันมาก็เห็นแสงตะวันมองเธออย่างประหลาดใจ “ซีเซียชอบทำเหมือนฉันเป็นเด็กแบบนี้ประจำแหละค่ะ เขาไม่มีน้องสาว ก็เลยชอบคิดว่าฉันเป็นน้องสาวเขาอยู่เรื่อยๆ”

แสงตะวันจึงพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นตอนที่ซีเซียไปดำน้ำ คุณก็ว่างอยู่คนเดียวน่ะสิ”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันเอาสมุดออกแบบภาพมาด้วย ฉันก็จะออกแบบผ้าไปเรื่อยๆ จะได้มีเงินมาซื้อเครื่องทอผ้าใหม่ พักหลังมีคนสั่งผ้าสีพื้นเยอะขึ้นค่ะ ยังคิดอยู่ว่าจะขยายสวนฝ้ายออกไปอีก โชคดีมากที่กล้วยไม้ขายได้ราคา สามารถนำมาต่อยอดผ้าฝ้ายได้ อุ๊ย! ขอโทษค่ะ คุณคงเบื่อแย่ ชีวิตฉันคงไม่สนุกเท่าไร ดีที่ซีเซียก็ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่งั้นคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ฉันเป็นพวกบ้างานค่ะ” นวาระพูดตามตรง จะได้ไม่ต้องคอยสวมหน้ากากเข้าหากันอีก

“ผมว่าคนรักสนุกเที่ยวกลางคืนมีเยอะแล้วนะครับ ผมก็ไม่ชอบเที่ยวเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่ผมคบผู้หญิงไม่ค่อยยืดเท่าไร เพราะผมไม่ใช่คนสนุกนัก” แสงตะวันพูดกับเธอตามตรง

“ผมก็ชอบทำงาน ยกเว้นช่วงนี้ผมพักผ่อนในครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาเลยครับ รู้สึกว่าเราสามคนจะชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน บ้างานเหมือนกันเลยนะครับ” ซีเซียมองเห็นสิ่งที่เหมือนกัน

“แล้วนี่ถ้าคุณกลับไปทำงาน เมื่อไรจะกลับมาอีกล่ะครับ” แสงตะวันถามขึ้นอย่างสงสัย

“ผมไม่แน่ใจนัก งานของผมต้องใช้เวลาส่วนมากในชีวิต แต่ผมก็พร้อมที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่องานของผม ผมรับราชการ แต่ก็อยากจริงจังกับงานด้วยครับ” ซีเซียไม่ยอมบอกว่าเขาทำงานอะไร เพราะไม่อยากให้วุ่นวาย

“งั้นดื่มให้คนที่มุ่งมั่นกับการทำงานทั้งสามคนดีกว่านะคะ” นวาระชวนดื่ม เมื่อเห็นผู้ชายสองคนมองกันนาน หากมิใช่เพราะพิศวาสกัน แต่เพราะอะไรนั้นเธอเริ่มไม่แน่ใจ

****************************************


เสียงคลื่นซัดฝั่งทำให้นวาระโล่งใจ หลังจากได้รับออร์เดอร์แน่นอนแล้ว ส่วนผ้าที่ประดับด้านหน้า เธอจะใช้เวลาสามถึงสี่เดือนในการทอให้เสร็จ ซึ่งพวกเขาจะรอ แต่ส่วนอื่นเขาจะเปิดการทำงานไปก่อน เธอจึงค่อยโล่งใจ

“มีอะไรเหรอ” ซีเซียถามขึ้น หลังจากเดินเล่นกับเธอได้สักพัก

“สบายใจที่มีออร์เดอร์น่ะ แปลว่าฉันจะมีงานทำไปอีกพักใหญ่ๆ” นวาระพูดอย่างอารมณ์ดี

“ไหนว่างานที่มีอยู่ก็เยอะอยู่แล้วไง แล้วนี่คุณจะทำงานเยอะแบบนั้นไหวเหรอ” ซีเซียพูดด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอทำงานหนักไป

“ชีวิตฉัน สิ่งที่มีอยู่ก็คืองาน อย่างที่คุณรู้ ฉันไม่มีอย่างอื่นที่สนใจนอกจากงาน ฉันรักการทอผ้า แล้วก็เวลาตัดกล้วยไม้ จิตใจเราจะสวยงามมากขึ้น ถ้าได้เห็นสิ่งสวยงามอยู่ตรงหน้า” นวาระพูดแล้วเดินไปเรื่อยๆ บนพื้นทราย

ซีเซียยื่นแขนออกมา แล้วมองเธอเป็นเชิงให้คล้องแขน “รู้อะไรไหม อย่างน้อยตอนนี้คุณก็มีผมเป็นเพื่อนนะ”

“นั่นสิ” เธอคล้องแขนเขา แล้วกอดแขนเดินเล่นด้วยกันไปเรื่อยๆ

อย่างน้อยเธอยังเหลือความทรงจำดีๆ จากเขา...เมื่อเขาจากไป

****************************************


หลังจากส่งซีเซียลงเรือไปแล้ว เธอก็ยืนแสงตะวันอยู่ที่เก้าอี้นอนตรงจุดที่นัดไว้ เธอหยิบสมุดสเก็ตออกมาแล้วเริ่มร่างภาพไปเรื่อยๆ พร้อมดูรายละเอียดที่ลูกค้าเน้นเอาไว้ เมื่อกลับไปจะได้สั่งคนทอมือได้ถูกต้อง

สักพักเขาก็มาถึง ก่อนเวลานัดเล็กน้อย เห็นเธอเขียนภาพร่างก็ยิ้มให้ และไม่เห็นชายหนุ่มคนเดิมอยู่ข้างๆ เขาก็โล่งใจและเข้าไปทักทาย “มารอนานหรือยังครับ”

“ไม่ค่ะ ซีเซียเพิ่งลงเรือไป ฉันก็เลยหาอะไรทำสักหน่อย” เธอเก็บภาพร่างลงในกระเป๋าถือใบใหญ่ ก่อนถาม “คุณอยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนที่ไหนเหรอคะ”

“ผมจะซื้อของฝากให้น้องสาว ว่าจะเข้าร้านเครื่องประดับ คุณคงถนัดกว่าผม” แสงตะวันยิ้มให้เธอ ก่อนมองเธอจ่ายเงินแล้วชวนเขา จึงลุกตามไป

“เอารถเช่าฉันไปแล้วกันนะคะ” เธอบอกเขา ก่อนถามเขา “ทานอะไรมาหรือยังคะ”

“ยังครับ แต่คุณคงทานมาแล้ว เพราะนี่ก็ช่วงบ่ายแล้วด้วย” แสงตะวันพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปนั่งเป็นเพื่อนคุณก็ได้” เธอตอบก่อนมองเขายื่นมือออกมาอย่างงุนงง

“ขอกุญแจรถด้วยครับ” แสงตะวันบอกแล้วยิ้มให้นิดๆ เมื่อเธอยื่นให้

เมื่อถึงร้านอาหารริมทะเล ทั้งสองก็นั่งทานอาหารพร้อมกัน เธอเพียงสั่งอาหารทานเล่นแต่ก็ไม่มาก เพราะเธอไม่ใช่คนทานเยอะอยู่แล้ว โดยมากมักสนใจเรื่องอื่นมากกว่าอาหาร

“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” แสงตะวันพูดขึ้น เพราะติดใจความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนหนุ่ม

“มีอะไรเหรอคะ” นวาระมองเขาอย่างงุนงง เพราะดูแล้วไม่น่าเกี่ยวกับสินค้าที่เธอส่งให้โรงแรมเขา

“คุณกับคุณซีเซียเป็นมากกว่าเพื่อนหรือเปล่าครับ เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด” แสงตะวันถามขึ้น แม้จะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง

“ไม่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ฉันสนิทมากคนหนึ่ง เราใกล้ชิดกันมาก เพราะเคยผ่านช่วงเลวร้ายมาด้วยกัน คือฉันกับเขาเกือบตายมาด้วยกันค่ะ ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราจะสนิทกันมาก” นวาระอธิบายตามจริง เพียงทิ้งความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น...ความรู้สึกที่เธอไม่แน่ใจเท่าไรนัก

“ที่ผมถามเพราะเห็นคุณกับเขาสนิทกันมากน่ะครับ ผมกลัวว่าการที่คุณมากับผม จะทำให้เขาไม่พอใจ” แสงตะวันยิ้มนิดๆ อย่างจริงใจ แม้เขาจะแอบซ่อนความรู้สึกอยากรู้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ตาม

“ไม่หรอกค่ะ เขาออกจะสบายใจ ตอนลงเรือก็ดูอยากไล่ฉันให้ไปเร็วๆ เขาจะได้สนุก เห็นบอกว่า ตั้งแต่ทำงานมายังไม่ได้ไปดำน้ำที่ไหนเลย เพราะหน้าที่มีความสำคัญมาก ฉันก็เข้าใจ เพราะว่าฉันก็เป็นคนชอบทำงานค่ะ ปัญหาเรื่องงานยังน้อยกว่าปัญหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เรื่องคนน่ะ ปัญหาในงานเยอะอยู่แล้ว ฉันไม่คิดหาเหามาใส่หัวหรอกค่ะ” นวาระพูดตรงๆ เพราะตอนนี้เธอก็ถือว่านอกเวลางาน แม้จะระมัดระวังตัวแต่ก็ชักเริ่มแปลกๆ กับลูกค้าคนนี้

“ผมฟังแล้วก็พอเข้าใจนะครับ” แสงตะวันพูดขึ้น

“ขอโทษนะคะที่ชีวิตฉันน่าเบื่อ” นวาระพูดขึ้นแต่ตรงข้ามกับใจ ทำไมเธอต้องรู้สึกน่าเบื่อ โดยเฉพาะตอนนี้มีลูกหมาที่วิ่งวุ่นได้ตลอดวันอยู่ในสวน คอยตามคนงานช่วยให้งานในสวนวุ่นวายเพิ่ม

“ไม่หรอก อย่างน้อยครั้งหนึ่งคุณก็เคยเสี่ยงชีวิต ผมอยากรู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง พอจะเล่าให้ผมฟังบ้างได้ไหมครับ” แสงตะวันถามขึ้น เพราะสนใจที่เธอบอกว่าเคยเสี่ยงตายกับเพื่อนที่แยกตัวไปสนุกคนนี้

“ก็เป็นการไปเที่ยวตามคำขอของแม่ฉันค่ะ ก่อนท่านเสียชีวิต ท่านอยากให้ฉันได้ลองใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปค่ะ ฉันถึงได้พบกับซีเซีย” นวาระเล่าสั้นๆ และหยุดเมื่อเขาขมวดคิ้ว

“แต่ทำไมคุณถึงเลือกไปประเทศเล็กๆ ล่ะครับ” แสงตะวันถามอย่างสงสัย เพราะประเทศสตาสเซียไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก

“เอาเป็นว่าฉันไม่ได้เลือกค่ะ แต่ก็ไปมาแล้ว” นวาระละความจริงบางอย่าง เธอไม่อยากถูกลูกค้ามองว่าบ้า

“ที่นั่นหนาวมาก ฉันได้พบกับซีเซียโดยบังเอิญ เขามีปัญหาชีวิต ขอเดินทางไปด้วย ฉันก็เลยตามใจ เพราะเขาก็ช่วยฉันเอาไว้บ้างเหมือนกัน มีวันหนึ่งเขาชวนฉันขึ้นเขา จะสอนฉันเล่นสกี เราอาศัยอยู่ในกระท่อมด้วยกัน คืนนั้นหิมะถล่ม เราติดอยู่ในหิมะหลายชั่วโมง จนกระทั่งเช้า

ที่ตลกคือ คืนนั้นฉันกับเขา เราทนหนาวด้วยกันทั้งคืน เพราะไม่กล้าก่อกองไฟ กลัวว่าอากาศที่มีจะหมดไป แต่กลายเป็นว่าปล่องไฟยังใช้ได้ แต่พอดีมีต้นสนปิดทืบหน่อย ตอนเช้าเราก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ เราจะมีอากาศหายใจและก่อกองไฟได้ด้วยค่ะ คืนนั้นเราต่างก็คิดว่าน่าจะรอดไปได้ ถ้าไม่หนาวตายไปซะก่อน” นวาระเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังได้

“คุณคงหนาวมากสินะครับ” แสงตะวันมองท่าทางตื่นเต้นของเธอออก

“มากค่ะ แต่เหนื่อยมาทั้งวันก็เลยพอหลับได้ แต่ต้องผลัดกันหลับ แล้วคอยดูการเต้นของหัวใจไปด้วย กลัวว่าจะหนาวแล้วหลับตาย หลับครึ่งชั่วโมงตื่นอะไรแบบนั้นค่ะ เพราะหนาวมากจริงๆ โดนหิมะล้อมรอบแบบนั้น พอถูกช่วยออกมานะคะ ซีเซียพาไปที่บ้าน ฉันก็เอาแต่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอยู่หลายวัน ในห้องก็จุดไฟไว้ตลอดเพราะหนาวค่ะ” นวาระเล่าไปก็ทานอาหารว่างที่สั่งมาไปด้วย

เขามองเธอยิ้ม เมื่อเล่าเรื่องนี้ แสดงว่าเธอต้องประทับใจเหตุการณ์ครั้งนี้มาก “จุดนี้คงเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างมากสินะ ถ้าคนเราเจอเหตุการณ์ที่เสี่ยงตายมักเปลี่ยนวิธีคิดเสมอ”

“ฉันเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดค่ะ แต่ฉันยังไม่เห็นว่าควรเปลี่ยนการใช้ชีวิตทำไม เมื่อชีวิตฉันดีอยู่แล้ว ฉันสบายใจกับชีวิตมากค่ะ แต่ยังยืนยันจะอยู่แบบเดิมไปเรื่อยๆ” นวาระบอกเล่าให้เขาฟังอย่างสบาใจ

เธอผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเขาชวนคุย โดยเฉพาะเรื่องที่เธอยังไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

“คุณทำงานหนักแบบนี้ เพื่อนๆ ล่ะครับ เขาไม่ชวนเที่ยวบ้างเหรอ” แสงตะวันชวนคุยไปเรื่อยๆ

“เพื่อนฉันส่วนมากทำงานที่กรุงเทพค่ะ เดือนหนึ่งๆ คุยกันสักครั้งก็พอหายคิดถึงแล้ว เพื่อนคนอื่นก็ทำงานทำการพอดู มีแฟนให้บริหารเวลากันไม่จบไม่สิ้น อย่างคืนนี้ เพื่อนฉันที่เป็นเจ้าของโรงแรมที่ฉันไปพักก็จะพาแฟนมาทานมื้อค่ำด้วยค่ะ ถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษๆ ก็ไม่ค่อยได้พบกันเท่าไร” นวาระเล่าความตามเรื่อง “จริงสิคะ แล้วแฟนคุณล่ะ”

“ผมน่ะเหรอครับ ใครจะอยากเป็นแฟน ผมก็ทำงานหนักเหมือนคุณ เวลาก็ไม่มีให้ คบกันได้ไม่นานก็บอกเลิกผมแล้วล่ะ ผู้หญิงส่วนมากชอบให้เอาใจ ส่วนผมกลัวแต่โรงแรมคุณตาจะเสียหาย ก็เลยทำงานจนลืมแฟนไป ตอนนี้ก็เลยมีแต่อดีตแฟนครับ” แสงตะวันพูดติดตลก ดูผ่อนคลายไม่นิ่งเรียบอย่างเคย

“พูดซะ ฉันไม่เหมือนผู้หญิงเลยนะคะ ฉันไม่ชอบให้ผู้ชายเอาใจค่ะ เพราะไม่อยากพึ่งพาผู้ชาย เพื่อนถึงบอกว่าถ้าอย่างงั้นก็ให้ฉันหาผู้หญิงมาเป็นแฟนก็แล้วกัน ฉันก็เลยบอกอีกว่า ฉันก็ไม่ชอบเอาใจใครเกินควร สุดท้ายเพื่อนก็เลยสรุปให้ขึ้นคาน” นวาระพูดแล้วก็หัวเราะ ทำให้เขาหัวเราะไปด้วย

“ถ้าคุณขึ้นคาน ผู้ชายหลายคนคงเสียใจแย่นะครับ เชื่อเถอะครับ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่พึ่งพาเขา อย่างผม ถ้าจะเลือกแฟน คงต้องเลือกผู้หญิงที่ยืนด้วยตัวเองได้ แต่ต้องการการเข้าใจแล้วก็ใส่ใจจากผมบ้างนะครับ” แสงตะวันชวนคุยไปเรื่อยๆ ก่อนมองขึ้น เพราะเห็นผู้หญิงอีกคนหยุดยืนนิ่งแล้วมองมาที่เขา

“พี่ตะวัน สวัสดีค่ะ มาเที่ยวเหรอคะ” หญิงสาวสวมชุดสีขาวทันสมัยทักทายด้วยท่าทียินดีที่ได้พบกันอย่างไม่ตั้งใจ

“ครับ สวัสดีครับ เนตร” แสงตะวันยิ้มให้เพื่อนน้องสาว ก่อนแนะนำ “คุณโรสครับ นี่ ตรีเนตร เพื่อนน้องสาวผม”

นวาระกลับมองผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยมากกว่า ต่างฝ่ายต่างมองกันแล้วพยายามเก็บท่าทีเอาไว้ ก่อนทักทาย “สวัสดีค่ะ คุณตรีเนตร”

สุดารัตน์จ้องลูกของพ่อเลี้ยงแล้วแอบถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะมาพบกันที่นี่ แต่ถ้าร้านอาหารที่ขึ้นชื่อก็ต้องที่นี่ เพื่อนเธอก็อยากมาทานที่นี่ด้วย จึงต้องมา

“นี่รัตน์ เพื่อนของตรีค่ะ เขามาเปิดร้านร่วมหุ้นกับเพื่อนพี่ชายเนตรเอง พอดีแม่ของเนตรอยากมาเที่ยวก็เลยมากันหมด เพื่อนพี่ชายก็เลยชวนมางานเปิดร้านด้วย รัตน์กับเนตรก็เลยนัดกัน” ตรีเนตรคาดหวังให้พี่ชายเพื่อนชวนร่วมโต๊ะ แต่เขาก็ไม่ยอมชวนสักที เธอจึงคุยไปเรื่อยๆ

“ตามสบายนะครับ ไว้ไปเยี่ยมที่เชียงใหม่บ้างนะครับ ดาวคงคิดถึงเนตร” ตะวันพูดตามมารยาท แต่ไม่คิดชวนนั่งร่วมโต๊ะด้วย เพราะไม่อยากมีปัญหา

“อืม” ตรีเนตรจะขอร่วมโต๊ะก็ไม่กล้า ได้แต่ยืนนิ่ง

“เราไปนั่งโต๊ะเราเถอะ” สุดารัตน์เห็นท่าทางเพื่อนแล้วก็รีบชวนเพื่อนไปนั่งอีกโต๊ะ เพราะรำคาญที่เพื่อนยึกยักไม่ตัดสินใจ อีกทั้งไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับลูกของพ่อเลี้ยง จึงรีบเลี่ยงเสีย

เมื่อได้โต๊ะ เธอนั่งก็เห็นเพื่อนมองไปทางโน้นตาละห้อยจึงมองตาม ก่อนจะวิจารณ์ “เธอชอบเขาเหรอ ชอบก็รีบจีบเถอะ ไม่งั้นแม่นั่นแย่งไปไม่รู้ด้วยนะ เมื่อวันก่อนเห็นกอดจูบกับผู้ชายอีกคน วันนี้มาทานข้าวกับพี่ชายเพื่อนเธออีก ไม่รู้พรุ่งนี้ใครจะโดนงาบอีกมั่ง นิสัยเหมือนแม่มัน อ๋อ ลืมบอกไป มันก็ลูกพ่อเลี้ยงของฉันไง”

“อ๋อ หือ อะไร ยัยรัตน์ พี่ตะวันเขาฉลาดจะตาย ไม่โง่ให้ผู้หญิงแบบนั้นหลอกหรอกย่ะ ยัยดาวเพื่อนฉันบอกว่า ผู้หญิงเข้าหากี่รายๆ เป็นต้องเข็ด เพราะบ้างานขั้นเทพ ฉันถึงไม่กล้าเข้าหา กลัวโดนทิ้งให้เหงาตามลำพัง” ตรีเนตรถอนหายใจยาว

“ผู้ชายบ้างานก็ยังดีกว่าผู้ชายบ้าผู้หญิงนะ เธอ อีกอย่างถ้าทำให้เขาหลงได้ จะกลัวอะไรกับถูกทิ้ง ดีไม่ดีเขาจะทิ้งงานมาหาเสียมากกว่า มายาหญิงมีตั้งเยอะ เสียดายไม่ใช่สเปกเท่าไร” สุดารัตน์ยักไหล่ เพราะแค่คิดว่าเคยคั่วกับลูกของพ่อเลี้ยง เธอก็ขยะแขยงเต็มที แต่ก็อดนึกถึงหนุ่มตาสีฟ้าไม่ได้

ก่อนจะนึกอีกที ชายหนุ่มสองคนนี่ มีอะไรคล้ายๆ กัน แต่หนุ่มต่างชาติตกยากดูจะมีภาษีน้อยกว่า เจ้าของโรงแรมและเจ้าของคุ้มที่เชียงใหม่ เธอยิ้มนิดๆ มองเพื่อนที่กำลังสนใจไปที่โต๊ะโน้นอย่างตื่นเต้น ท่าทางเจ้าตัวคงสนใจอยู่มาก แต่กล้าๆ กลัวๆ

นวาระขอตัวลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ แม้จะไม่ค่อยอยากเท่าไร เพราะดูจะกลายเป็นเป้าหมายการสนทนาของอีกโต๊ะ เพราะเหลียวมองมาอยู่บ่อยครั้ง และจริงดังคาด เมื่อโดนกระทบไหล่แรงๆ ในห้องน้ำ

“แหม สับรางเก่งแบบนี้ แม่เธอคงสอนมาเยอะสินะ หรือแม่เธอเข้าสิงถึงได้เที่ยวยั่วผู้ชายไปทั่ว” สุดารัตน์กอดอกมองอย่างเหยียดหยาม และคิดว่าอีกฝ่ายอ่อนแอคงไม่กล้าตอบโต้แต่ผิดคาด

นวาระตบหน้าอีกฝ่ายแล้วเอากระเป๋าตบถี่ๆ ก่อนจะเข้าล็อคคอใส่เข่า และเมื่อล้มก็กระทืบๆ ซ้ำอีกหลายครั้ง ก่อนจะจัดท่าทาง เมื่ออีกฝ่ายทรุดลงไปนอนโอดครวญกับพื้น

“จำรสตีนของฉันเอาไว้นะ แล้วอย่าบังอาจล่วงเกินแม่ฉันอีก” นวาระเตะซ้ำอีกรอบแล้วเดินออกไปจากห้อง

“ฉันจะแจ้งความ แกพยายามฆ่าฉัน” สุดารัตน์พยายามพูดขึ้น

“เอาเลย ฉันจะรอหมายศาล” นวาระพูดขึ้น ก่อนจะออกไปแล้วไปที่โต๊ะของสุดารัตน์ แล้วพูดขึ้น “เพื่อนคุณสะดุดหกล้มหัวฟาดพื้นที่ห้องน้ำ รีบเข้าไปดูเถอะค่ะ”

ตรีเนตรตกใจ รีบคว้ากระเป๋าแล้วไปดูเพื่อนในห้องน้ำ ก่อนจะเห็นเพื่อนพยายามลุกขึ้นยืน “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

“นังนั่นมันพยายามฆ่าฉัน เธอต้องพาฉันไปแจ้งความนะ” สุดารัตน์จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

“เอ่อ จะดีเหรอ ร้านเพิ่งเปิดนะ เธอจะตกเป็นข่าวเสียหายนะ” ตรีเนตรไม่อยากเป็นข่าวเรื่องทะเลาะตบตีในห้องน้ำ ก็พยายามปรามเพื่อน

“แต่มันพยายามฆ่าฉันนะ” สุดารัตน์ยังคงแค้นอยู่

“แต่เขาก็เรียกฉันให้มาดูเธอนะ จะพยายามฆ่าได้ยังไงล่ะ เกิดแจ้งความไป แทนที่จะได้กลับเสียล่ะเธอ ตำรวจพิสูจน์ได้ว่าแค่ทำร้ายร่างกายก็แค่เสียค่าปรับไม่เท่าไรเองนะ แต่ชื่อเสียงเสียหายไปแล้วน่ะ เรื่องของครอบครัวเธอก็จะถูกตีแผ่ คิดถึงแม่เธอสิ” ตรีเนตรรู้จักเรื่องราวของเพื่อนดี จึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง

“งั้นทำอย่างอื่นก็ได้” สุดารัตน์กลับไปที่โต๊ะ แล้วรีบบอกเพื่อนเช็คบิล

เธอเดินมาที่อีกโต๊ะ พร้อมแกงที่ยังไม่ได้ทาน แต่นวาระหันมาทางนั้นแล้ว จึงลุกขึ้นจ้องเอาไว้ คว้าถ้วยเอามาด้วยเหมือนกัน เป็นเชิงที่ว่าไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว

แสงตะวันมองเหตุการณ์ต่างๆ อย่างงงๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายจ้องตากันอยู่นาน “เกิดอะไรขึ้นครับ”

“เพื่อนคุณเข้าไปตบตีฉันในห้องน้ำ น่าแค้นนัก” เธอกระแทกโถลงโต๊ะจนแกงกระฉอก แต่นวาระยืนอยู่จึงหลบทัน สุดารัตน์จึงพูดขึ้น “ฝากไว้ก่อนเถอะนะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อเธอถึงต้องการฉันมากกว่าเธอ ก็เธอมันต่ำชั้นใช้วิธีสกปรกเล่นงานคนอื่นเหมือนแม่ไงล่ะ”

“ผู้ชายคนนั้นต้องการเธอเหมือนที่ต้องการแม่เธอนั่นแหละ เขาชอบผู้หญิงพันธุ์เดียวกัน พันธุ์นี้โง่บรมไงล่ะ” นวาระตอกกลับอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร “อย่ากรีดร้องเชียวนะ ไม่งั้นล่ะก็ เธออาจจะเสียหายมากไปกว่านี้ อีกอย่างนะ แม่ฉันฉลาด ทิ้งของใช้การไม่ได้ให้แม่เธอต่างหาก แม้ตายก็ไม่อยากได้คืน”

สุดารัตน์เกือบกรี๊ด แต่ตรีเนตรรีบเข้ามาห้ามไว้ทันแล้วลากออกไป ก่อนจะเกิดเรื่องมากไปกว่านี้

แสงตะวันมองนวาระอย่างตะลึง นิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนมองเธอกระแทกนั่งลง

“คุณคงไม่อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนแล้วสินะคะ” นวาระถามขึ้น ท่าทางร้ายกาจของเธอยังคงอยู่ เพราะอารมณ์ที่คุกรุ่นอย่างเต็มที่

“อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยสิครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น” แสงตะวันถามเรียบๆ แล้วมองเธอมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลูกเลี้ยงของผู้ชายที่เคยเป็นพ่อฉันเอง เขาคงเกลียดฉันมากแต่ช่างเถอะค่ะ นี่ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง” นวาระพูดแล้วไม่ใส่ใจนัก นึกแค้นแทนแม่แต่ทำอะไรมากไม่ได้

“เขาบอกว่าคุณตบตีเขา” แสงตะวันพูดเป็นเชิงถาม

“ค่ะ เขาบังอาจพูดจาดูถูกแม่ฉันที่ตายไปแล้วนี่คะ ทำซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าฉันยังเก็บอารมณ์ได้ ฉันก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” นวาระกระแทกคำพูดได้แรงขึ้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยเจอมา แม้กระทั่งตายไปแล้ว แม่เธอก็ไม่มีทางสงบสุขได้

“ใจเย็นๆ ครับ” แสงตะวันพยายามปลอบเธอ ก่อนเรียกเด็กมาเก็บของส่วนเกินออกไป คาดว่าคนที่นำมาคงตั้งใจเอามาทำร้ายนวาระ แต่เจ้าตัวตั้งป้อมรอไว้แล้ว จึงหมดทาง

นวาระถอนหายใจยาว “ขอโทษนะคะ ที่คุณต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ปกติฉันไม่หาเรื่องใครก่อน แล้วก็ไม่ค่อยตอบโต้ใคร แต่พอสะสมมากเข้า ฉันก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน”

“เป็นเหตุสุดวิสัย ช่างมันเถอะครับ นี่คุณอิ่มหรือยัง เราไปเดินหาของฝากกันดีกว่านะครับ” แสงตะวันพอเข้าใจสิ่งที่เธอเล่า เมื่อก่อนคนที่คุ้มก็เคยบอกเล่า

แม่ลูกคู่นี้อดทนทำงานไร่สวนแล้วก็มาช่วยงานที่คุ้มอยู่เสมอ เพื่อตอบแทนบุญคุณ งานอะไรก็ไม่เกี่ยงทำให้แบบไม่คิดเงิน ไม่เคยท้อ ไม่เคยต่อปากต่อคำกับใคร โดนใครพูดจาว่าค่อนขอด ก็อดทนอดกลั้น

“ฉันอิ่มนานแล้วค่ะ รีบไปก็ดีค่ะ เดี๋ยวถ้าซีเซียเสร็จแล้วจะได้ไปรับ” นวาระยังคถอนหายใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินออกมา แต่เขายกมือขึ้นห้าม

“ให้ผมจ่ายดีกว่า ผมทานเยอะกว่านะ” เขาหยิบเงินออกมาแล้วจ่ายไป ก่อนจะพาเธอไปเลือกซื้อของฝาก

เมื่อถึงร้านเครื่องประดับ เขาก็มองเธอเลือก ก่อนจะเห็นเธอถอนหายใจ จึงถาม “มีอะไรเหรอครับ”

“บอกตามตรง ฉันไม่ค่อยถนัดเท่าไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นเรื่องผ้า ฉันคงถนัดมากกว่านี้” นวาระบอกเขาตามตรง อารมณ์เธอตอนนี้เบาลงมากจากเดิมแล้ว

“ลองดูครับเลือกที่คุณชอบก็ได้ ผมซื้อไปฝาก เขาก็คงรับหมดนั่นแหละ” แสงตะวันบอกเธอ

นวาระมองแล้วก็เลือกไปตามเรื่อง ก่อนจะมองหยุดที่จี้ทองคำขาวสลักรูปกุหลาบ มีเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับกลางดอกกุหลาบ แล้วก็ถอนหายใจยาว มองไปทางอื่น

แสงตะวันเห็นเธอชอบก็บอกเจ้าของร้าน หลังจากเธอเดินไปทางอื่น มองผ่านตาไปเรื่อยๆ ก่อนจะถามสร้อยตัวอักษรเอสประดับเพชรเม็ดเล็กๆ

“นี่เท่าไรคะ” นวาระถามขึ้น เมื่อมองอย่างพอใจ

“สองหมื่นเก้าพันบาทครับ ไม่รวมสร้อยนะครับ” พนักงานขายบอกเธอ เพราะตัวเรือนเป็นทองคำขาว กับเพชรน้ำงามเม็ดพอดี

“อยากให้สลักเอสอีแซดเจเอเว้นวรรคเคจุดค่ะ วันนี้เสร็จไหมคะ” นวาระถามขึ้น เพราะเธอต้องกลับเชียงใหม่พรุ่งนี้แล้ว

“น่าจะทันนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้น ผมจะเร่งให้พรุ่งนี้เช้าน่าจะได้รับของ” พนักงานบอกเธอ

นวาระถอนหายใจ “พรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นเครื่องตอนเที่ยงนะคะ ยังไงช่วยเร่งให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอบอกแล้วหยิบบัตรเดบิตออกมาเพื่อรูดเงินสด

“เราจะห่อของให้เลยนะครับ ว่าแต่คุณจะมอบให้ใครเหรอครับ” พนักงานถามเพื่อจะได้ห่อของได้ถูก

“เพื่อนชาวต่างชาติของฉันค่ะ เขาเป็นผู้ชาย แต่เป็นภาษารัสเซียค่ะ” นวาระบอกรายละเอียดอีกนิด ก่อนกรอกเอกสาร แล้วหันไปมองเขาที่ยืนรออยู่ “ขอโทษนะคะ พอดีฉันซื้อของให้เพื่อนค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีเสียอีก ผมจะได้ไม่รู้สึกผิด ที่ต้องลากคุณมาทำอะไรน่าเบื่อ” แสงตะวันรู้แล้วว่าเธอซื้อของให้ใคร เมื่อเธออธิบาย และเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ

ถึงจะรู้สึกแปลกที่เธอยอมจ่ายเงินแพงๆ เพื่อซื้อของให้เพื่อนที่เธอให้ความสนิทมากกว่าที่เธอเล่า แต่เขาก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองคิดอะไรกับเธอมากหรือไม่...

“ไม่หรอกค่ะ สนุกดี ฉันไม่ค่อยได้เข้าร้านเครื่องประดับเท่าไร” เธอพูดขณะกลับมาที่รถ แล้วเมื่อมองนาฬิกาก็รู้ว่าถึงเวลาที่ซีเซียจะกลับเข้าฝั่ง “ซีเซียจะกลับมาแล้วค่ะ”

“ครับ” แสงตะวันมองเธอใส่ใจชายหนุ่มอีกคนแล้วรู้สึกปั่นป่วน ก่อนถามเธอ “คุณคงอยากให้เขาประทับใจใช่ไหมครับ ถึงซื้อของที่ระลึกให้”

“เปล่าหรอกค่ะ แต่ตอนที่ฉันไปบ้านเขา เขาต้อนรับฉันดีมาก ตอนกลับมา เขาก็พาฉันขึ้นเครื่องที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส ฉันอยากตอบแทนน้ำใจให้เขาค่ะ” นวาระบอกคล้ายเป็นเรื่องธรรมดา

เธอยิ้มให้แสงตะวัน และให้ความสนิทกับเขามากขึ้น แม้เริ่มสงสัยว่าทำไมเขาจึงคอยถามเรื่องธรรมดาเหล่านี้ แต่เธอก็รู้สึกดี เพราะสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขา

เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีได้...

****************************************

สวัสดีค่ะ มาโพสต์นิยายอีก 1 ตอน
อืม สองสามวันนี้มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้น
อาทิตย์หน้า...ยังไม่แน่ว่าจะมาโพสต์นิยายหรือเปล่านะคะ
แต่ก็หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดี
ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ
ป.ล.แวะทักทายกันที่ http://www.facebook.com/plerngwaree บ้างนะคะ

Sirinda
คุณ Auuuu --- จะค่อยๆ เฉลยค่ะ ^^
คุณ pattisa --- เหงาและเสียใจด้วยค่ะ
คุณ konhin --- ฉบับเพลิงวารีต้องมีปม อิอิ
คุณ ร้อยวจี --- เจ็บแล้วต้องจำค่ะ
คุณ dino --- เฮ้อ...
คุณ anOO --- เห็นใจมากค่ะ แต่ก็ต้องกลับอยู่ดีค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- บางแก้วสีโอวัลตินค่ะ คิดว่าน่าจะสองสามเดือน
คุณ ตุ๊งแช่ --- ทุกคนก็มีจุดอ่อนไหวของตัวเองค่ะ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- 555+ นั่นสิคะ
คุณพี่ chakansi --- เกือบไปนะเนี่ย นึกว่าพี่จะไม่ได้แล้ว อิอิ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2555, 22:37:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2555, 22:37:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2006





<< Rose06   Rose08 >>
Auuuu 15 มี.ค. 2555, 22:53:36 น.
อยากบอกว่า... สะใจมากกกกก วู้ฮู ทำนางเอกไว้เจ็บแสบเหลือเกิน แม่ใคร ใครก็รัก นางเอกรู้ทัน ไม่เจ็บตัว เลิศ !!!!!!!!

สู้ๆนะคะไรเตอร์ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี :)


konhin 15 มี.ค. 2555, 22:59:00 น.
นางเอกสู้คน+++ ต้องอย่างงี้สิ ฮ่าๆๆ สะใจ

ซีเซียไม่รักหรือรักแล้วไม่รู้ นวาระเธอรักหรือไม่ยอมบอก อีตาแสงตะวันเอาไปเก็บไกลๆเลย


ร้อยวจี 15 มี.ค. 2555, 23:05:15 น.
ดุเดือดดีค่ะ เรียกว่าฆ่าได้แต่หยาบไม่ได้ (เรียกถูกหรือเปล่า) แม่ฉันใครห้ามแตะ สนุกค่ะ


sai 15 มี.ค. 2555, 23:22:47 น.
ชอบอ่ะ นางเอกแบบนี้


pattisa 16 มี.ค. 2555, 01:00:56 น.
โห นางเอกโหดใช้ได้เเฮะ :)


น้องแสตมป์ 16 มี.ค. 2555, 07:36:50 น.
โรสก้อไม่ธรรมดาเหมือนกัน
แต่อย่างว่านางเอกของเพลิงวารีแต่ละเรื่องไม่เคยธรรมสักคน


ตุ๊งแช่ 16 มี.ค. 2555, 09:04:08 น.
น้อยนักที่จะเจอนางเอกทันคน ชอบๆๆ 55


anOO 16 มี.ค. 2555, 10:29:38 น.
นางเอกเราสู้คนเหมือนกันนะ สมน้ำหน้านัก ซิเซียรีบกลับมาหน่อย
นายตะวันทำคะแนนไปเยอะแล้วนะ


ใบบัวน่ารัก 16 มี.ค. 2555, 22:25:53 น.
ฉะกันได้ใจมาก
กลับบ้านกันเถอะนะ
ไปเลี้ยงเจ้าลอย เปลี่ยนชื่อ
เป็นโอวันตินได้ปะน่ารักดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account