ป่าหนาวในเงารัก
หญิงสาวผู้ชอบหว่านเสน่ห์ ทั้งยังไม่เคยศรัทธาต่อคำว่ารักแท้ เมื่อมาพบกับหนุ่มที่ปราศจากความสนใจในตัวเธอ...อะไรจะเกิดขึ้น

Tags: กรยุพา , ยุพากร รักโรแมนติก

ตอน: 8 กรยุพา . ยุพากร

8

เมื่อตะวันลับเหลี่ยมเขา อุณหภูมิก็ลดต่ำตามไปด้วย คณะพิทักษ์ป่านำร่างโชกเลือดของมอดไม้ กลับออกมาอย่างทุลักทุเล ที่สำคัญคือเป็นตายเท่ากันเพราะเสียเลือดจากกรงเล็บของเจ้าเสือตัวนั้นไปไม่น้อย


แคมป์ใหญ่ถูกตั้งขึ้นยังลานอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นจุดใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด เพื่อเฝ้าระวัง ‘ของกลาง’ เช่นเดียวกับเสบียงได้ทยอยมาสมทบ ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก


“เราคงต้องระวังเป็นสองเท่า เพราะยังไม่รู้ว่าคนร้ายยังจะมาตลบหลังเราคืนนี้อีกหรือเปล่า” สุทธินัยกล่าวทำลายความเงียบ

“แถมเจ้าเสือนั่น…ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่าจู่ๆ มันมาโผล่ที่ผาห่มหมอกนี่ได้ยังไงกัน”
“นายอำเภออย่ากังวลไปเลยครับ ทางผมกับพากย์จัดเวณยามไว้เต็มที่แล้ว เช้าพรุ่งนี้เราก็จะเข้าไปลาดตระเวณกันอีกที” ภูมิรพีบอกเรื่อยๆ ระหว่างล้อมวงรับประทานอาหาร

แม้จะเป็นเพียงกะเพราไก่กับไข่ดาว แต่เพราะความหิวโหยทำให้อร่อยอย่างไม่น่าเป็นไปได้
“นั่นสิครับ อีกเดี๋ยวปลัดก็จะมาสมทบ ท่านจะกลับไปพักก่อนก็ได้นะครับ ทางนี้ผมกับภูจะคอยดูแลให้เอง” ณัฐพากย์สนับสนุนด้วยอีกคน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้จะให้ผมกลับไปนอนสบายอยู่คนเดียว ผมคงละอายใจแย่ จริงสิ…เห็นคุณพากย์ว่า คุณเห็นเสือตัวนั้นด้วยไม่ใช่หรือ” สุทธินัยเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
ภูมิรพีสบตานายอำเภออย่างอึดอัด
“ครับ”

วูบหนึ่งเขานึกถึงภาพนั้น เสือลายพาดกลอนตัวเขื่องที่ทะยานจากผาหินเพื่อจู่โจมคนร้ายซึ่งกำลังดักซุ่มเพื่อยิงเขา มันช่างเหมือนปาฎิหาริย์ที่เขาผ่านเหตุการณ์เฉียดตายนั่นมาได้อย่างหวุดหวิด

“นับว่าโชคดีของคุณจริงๆ เพราะหากเสือนั่นไม่โผล่มา…กระสุนนัดนั้น ยังไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“ผมว่าโชคช่วยสองต่อมากกว่าครับ เพราะไม่แน่ว่าเจ้าเสือนั่นอาจจะมาตะปบเอาไอ้ภูแทนก็ได้ แต่นี่มันจังหวะเหมาะที่ไปตะปบเอาฝ่ายคนร้ายเข้า” ณัฐพากย์พูดอย่างที่ใจคิด
“นั่นสินะครับ แสดงว่าคุณภูต้องมีพระดีคุ้มภัยอยู่แน่ๆ” สุทธินัยพูดพร้อมกับรอยยิ้ม

นาทีนั้นภูมิรพีเพิ่งได้คิด รีบเอามือทาบลงหว่างอกอย่างฉับพลัน จะใช่อย่างที่นายอำเภอพูดหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับเขานับว่าโชคดีแล้วจริงๆ ที่วันนี้ไม่ลืมอาราธนาท่านมาด้วย
“ผมขอชมเป็นขวัญตาได้มั้ยครับ” สุทธินัยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
ภูมิรพีจึงบรรจงถอดสร้อยพระส่งให้อย่างเต็มใจ
“พระปิดตา…” สุทธินัยครางเบาๆ

“นายแขวนพระนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ณัฐพากย์อดไม่ได้ที่จะสงสัย เพราะนับแต่คบกันมาไม่เคยเห็นเพื่อนสนใจในเรื่องนี้
“ไม่นานมานี่เอง จริงๆ แล้ว…ท่านเทพทัต ให้ผมมาน่ะครับ” ประโยคหลังภูมิรพีหันมาบอกกับนายอำเภอ
“นับว่าคุณโชคดีจริงๆ เพราะน้อยคนนักจะเข้าถึงท่านได้ ข่าวว่าท่านมีพระดีๆ อยู่มากมาย ว่ากันว่า…เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน” สุทธินัยพูดเรื่อยๆ

ภูมิรพีไม่ได้สนใจในเรื่องที่ได้รับฟัง เพราะมัวพะวงกับเสือโคร่งตัวนั้น แท้จริงแล้วเขาหิวจนตาลายหรือเหนื่อยจนตาฝาดไปเองกันแน่ ถึงเห็นว่าเสือตัวนั้นอัตรธานไปเองเสียเฉยๆ ซ้ำเรื่องที่เกิดก็เกินกว่าจะเอ่ยให้ใครได้รับรู้อีกต่างหาก

กลิ่นป่าผสมกับกลิ่นควันจางๆ จากแคมป์ไฟ ลอยอวลในอากาศไม่ได้ทำให้ความหนาวเย็นลดลงแม้แต่น้อย ไกลออกไปคือบรรดาหนุ่มฉกรรจน์ซึ่งตั้งวงพูดคุยอย่างแผ่วเบาถึงเรื่องที่เพิ่งประสบมา
“อ้าว…คุณปลัด”

ผู้ถูกทักข้าวของพลุงพลังหนึ่งในนั้นคือกล่องเค้กใบใหญ่ โดยมีผู้ช่วยถือตามมาด้วยอีกสองใบซึ่งดูละม้ายคล้ายกับที่ตั้งอยู่แล้วไม่มีผิด
“มาได้ยังไงกันครับนี่” ธันวินชี้ไปยังกล่องกลางวงนั่น
นายอำเภอจึงต้องเล่าให้ทุกคนได้รับฟัง
“ส่วนของผม เป็นของทางเทพทัตฝากมาน่ะครับ” ธันวินบอกยิ้มๆ

วูบหนึ่งที่ภูมิรพีนึกถึงเจ้าของหางเปียสั้นจอมเจ้ากี้เจ้าการที่เพิ่งพบเมื่อเช้ามืด ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบวัน
“ทางเทพทัตรู้ข่าวได้ยังไง” ณัฐพากย์อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ขอโทษครับคุณพากย์ ไม่ใช่รู้ข่าวเฉพาะที่เทพทัตหรอกนะครับ ป่านนี้ผมว่ารู้กันทั้งจังหวัดแล้วด้วยซ้ำ” ธันวินบอกกลั้วหัวเราะ

“นั่นสิ นี่ผมยังคิดอยู่เลยว่าพรุ่งนี้เช้านักข่าวหนังสือพิมพ์ และเผลอๆ อาจมีนักข่าวโทรทัศน์มาถึงนี่ก็เป็นได้ พวกคุณคอยต้อนรับกันได้เลย” สุทธินัยกล่าวยิ้มๆ
“งั้นผมกับทีมคงต้องขอตัวเข้าป่าแต่เช้ามืด” ภูมิรพีบอกตรงๆ
“คุณคิดจะปิดทองหลังพระไปอีกนานเท่าไหร่” ครั้งนี้สุทธินัยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมว่าจะเป็นการดีเสียอีกที่คุณจะเปิดตัว ลองเป็นข่าวก็ย่อมเป็นที่สนใจของสังคม ผืนป่าผาห่มหมอกก็จะไม่ใช่ที่ ที่ใครจะมาทำอะไรง่ายๆ ได้อีกต่อไป”
ถึงนายอำเภอจะพูดถูก แต่เขากลับกลับกลัวว่า ‘น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ’ ต่างหาก แรกๆ เมื่อข่าวแพร่สะพัด มันอาจเหมือนไฟลามทุ่ง แต่เมื่อข่าวเงียบทุกอย่างก็จะกลับเหมือนดังเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือคนที่เกลียดชังเขาย่อมต้องมีมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เห็นดีเห็นงามกับการตั้งกลุ่มอณุลักษณ์ในครั้งนี้

“แต่ก็ตามใจคุณนะ เอาให้คุณสบายใจเท่านั้นพอ” สุทธินัยรีบบอกเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของอีกฝ่าย
“หากผมไม่มีอะไรต้อง ‘ห่วง’ ผมก็คงจะทำอะไรได้มากกว่านี้” ในที่สุดภูมิรพีก็เอ่ยออกมาจนได้ วูบหนึ่งที่นึกถึงมารดาซึ่งไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ ซ้ำยังพูดอยู่บ่อยครั้งถึงอันตรายที่เขาจะได้รับ
“จู่ๆ ก็เอาตัวเองเป็นเป้าล่อกระสุน แม่ไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก ภูเป็นอะไรไป แล้วแม่จะอยู่ได้ยังไง”

ภูมิรพีสลัดความคิดต่างๆ ออกไปอย่างรวดเร็วเพราะบุรุษตรงหน้ายังจ้องเขาด้วยดวงตาไม่กระพริบ
“ผมเข้าใจ เอาเป็นว่าลืมเรื่องที่ผมพูดมานี่ก็แล้วกัน จริงๆ แล้วเท่าที่คุณเสียสละมาช่วยทุกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้มี ‘อำนาจ’ อยู่ในมือก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว”
“ผม…คิดเพียงว่าอยากให้ ‘บ้านเรา’ ยังน่าอยู่ และที่ตามมาก็น่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวเท่านั้นเองครับ” พูดออกมาจากใจจริง

“รู้มั้ยว่าท่านผู้ว่าฯ เคยพูดเกี่ยวกับคุณว่ายังไง”
นาทีนั้นสายตาของทั้งสามหนุ่มมารวมอยู่ยังนายอำเภอเป็นจุดเดียว
“ท่านว่า หากมีคนอย่างคุณเพียงสิบก็ย่อมต่อสู้กับพวกมอดไม้ได้เป็นร้อย”
ที่สุทธินัยไม่ได้กล่าวออกมานั่นก็คือ อีกคำพูดของท่านผู้ว่าฯ ที่เขาตรองแล้วว่าไม่ควรเอ่ยอย่างยิ่ง

“ผู้นำใช่ว่าใครก็จะเป็นได้กันทุกคน เพราะคนคนนั้นต้องมีทั้งบารมีและความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือต้องมีหัวใจให้กับงานอย่างแท้จริง ซึ่งคุณภู เขามีอยู่ครบถ้วน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นผู้ช่วยของคุณ ไม่อย่างนั้น เขาคงส่งเสริมคุณได้มากกว่านี้”
“เขาถึงพูดกันว่า ทุกอย่างสำคัญที่การเริ่มต้น เพียงเรากล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูก นั่นก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งเช่นกัน คุณว่ามั้ยครับ”

เป็นอีกครั้งที่คำพูดของนายอำเภอทำให้คู่สนทนาไม่มีเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ จึงได้ยินเพียงเสียงหนุ่มๆ ที่ช่วยกันกางเต๊นอยู่เท่านั้น
“ไหนๆ ก็มีเค้กมาฉลองกันแล้ว จะไม่ลงมือกันหรือไงครับ” สุทธินัยเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“ว่าแต่…ได้กาแฟสักแก้วก็จะดีไม่น้อยเลยนะครับ” ณัฐพากย์พูดกลั้วหัวเราะ
“แล้วใครว่าไม่มี” ธันวินรีบหันไปหยิบกระติกสูญญากาศใบใหญ่ที่สะพายมาด้วยเมื่อครู่ออกมาจัดแจงเทกาแฟร้อนๆ ลงในแก้วกระดาษซึ่งเจียระไนเตรียมมาพร้อมสรรพก่อนส่งให้นายอำเภอ

“ผมขอเอาของพวกนี้ไปแจกทางโน้นก่อนนะครับ เดี๋ยวจะนอนกันเสียก่อน” ธันวินหมายถึงเค้กอีกสองกล่อง และกาแฟกระป๋องอีกถุงใหญ่
“ฉันช่วย” ณัฐพากย์ลุกขึ้นทันที
สองหนุ่มที่เดินจากไปทำให้ความเงียบเข้ามาแทรกอีกครั้ง
“ผมได้ข่าวว่า…คุณสริตาเธอกลับมาแล้วไม่ใช่หรือครับ”

ภูมิรพีถึงกับพูดไม่ออกเสียเฉยๆ ไม่คิดด้วยว่านายอำเภอจะเปิดประเด็นในเรื่องนี้
“ท่านผู้ว่าฯ อยากจะพบเธอ แต่เธอกลับอยากมาพักผ่อนที่ไร่คุณก่อนที่จะไปพบกับท่าน”
นาทีนั้นภูมิรพีไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงเรื่องนั้น ที่สริตามาพูดเข้าหูเขาเมื่อคืนก่อน
“ถ้าภูยังไม่รู้ นิต้าก็จะบอกให้ว่านายอำเภอสุทธินัยก็สนใจนิต้าอยู่เหมือนกัน”


ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดจะหวังผลใดหรือไม่ แต่น่าแปลกนาทีนี้เขากลับรู้สึกผิดต่อบุรุษตรงหน้าอย่างที่สุด
“เห็นเธอว่าวันนี้จะไปพักโรงแรม”
คำพูดนั้นของคู่สนทนาทำให้สุทธินัยถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกไม่ถึง
แล้วเรื่องตะขาบก็ถูกถ่ายทอดให้นายอำเภอได้รับฟังเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง แต่ที่ตามมากลับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ จากอีกฝ่าย

“ผมก็ไม่ทราบว่าคุณรู้จักเธอดีมากน้อยขนาดไหน แต่สำหรับเธอ…คงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่”
ที่สุทธินัยไม่ได้พูดต่อก็คือ เมื่อสริตาต้องการใครสักคนแล้ว ก็ยากนักที่คนคนนั้นจะเล็ดลอดเธอไปได้
“นายอำเภออย่าได้เข้าใจผมผิด ผมกับเธอ เราไม่ได้มีอะไรพิเศษ เกินคำว่าเพื่อนแม้แต่น้อย”
นายอำเภอได้แต่หัวเราะเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็คง จะเป็นเพื่อนที่เธอรักมาก เพราะขนาดไม่ยอมกลับไปที่จวนเลยทีเดียว”
ยังไม่ทันที่ภูมิรพีจะตอบสิ่งใด โทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้นเสียก่อน สุทธินัยจึงแยกตัวไปสมทบกับกลุ่มลูกน้องอีกฟากหนึ่ง

“คุณอยู่ที่ไหนคะ นิต้าได้ข่าวว่ามีการปะทะกัน คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” เพราะเธอเพียรโทรฯ หานับแต่รู้ข่าวระหว่างแวะรับประทานอาหารกลางวัน ทว่ากลับปราศจากสัญญาณตอบรับ และเพราะเหตุนี้เช่นกันทำให้เรื่องที่จะไปเยี่ยมเยือนร้านกาแฟของเพื่อนบ้านสาวสวยก็เป็นอันพับไป
“คุณแม่เป็นห่วงคุณมาก คุยกับท่านหน่อยนะคะ”

แม้อีกฝ่ายวางสายไปนานแล้ว แต่ชายหนุ่มยังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึง
“ขอร้องให้เราเลิกก็คงไม่ได้แล้ว จะให้เห็นกับแม่ก็ยากยิ่งกว่า แต่หากนึกถึงคนที่รักภูอย่างหนูนิต้าก็คงจะทำให้ภูได้คิด จะมีผู้หญิงคนไหนทนอยู่กับความไม่แน่นอนของชีวิตได้ ภูก็ลองคิดดูก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจ นี่ขนาดมารดายังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หากรู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่าแน่ๆ

ในเวลาเดียวกันที่ฟาร์มเทพทัต…
การรวมตัวเพื่อรับประทานอาหารค่ำคือเวลาที่ทุกคนได้พร้อมหน้า
“ที่ให้จัดการนั่นเรียบร้อยมั้ย” เทพทัตถามบุตรสาวระหว่างรับประทานอาหารมื้อค่ำ
“ค่ะ”
“มีเรื่องอะไรกันครับ” ธนวัตอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณพี่ คุณพ่อเพียงให้เอื้องเอาเค้กที่จะทำไว้ขายพรุ่งนี้ไปแจกทีมที่เข้าไปจับพวกมอดไม้น่ะค่ะ”

“ตาก็ช่วยด้วยนะคะคุณพ่อ แต่เสียดายจังที่เอาเข้าไปให้เขาด้วยตัวเองไม่ได้”
“จะไปทำไม เกะกะเขาเปล่าๆ” เทพทัตบอกเสียงเข้ม
พชรถึงกับกลั้นยิ้มเมื่อเพื่อนชักสีหน้าเมื่อโดนคุณปู่เบรค
“เห็นว่า…คุณภูเกือบไป” ธนวัตกล่าวต่อ
คราวนี้ฐิตารีย์ถึงกับชะงักที่จะตัก…ของโปรด
“เกือบ…อะไรคะคุณพ่อ”
“เกือบโดนลอบยิง ดีที่ว่ามีเสือโผล่มาช่วยเขาได้ทัน…”
เรื่องที่ออกจากปากบิดา ทำให้ฐิตารีย์ถึงกับชะงักที่จะตักน้ำพริกมาใส่ปลาทูซึ่งอยู่บนโสนชุบไข่ไปทันที

“ใครเล่าให้คุณพ่อฟังกันคะ” ฐิตารีย์เบิกตากว้างอย่างอย่างตื่นเต้น
“คุณแสงดาว คุณแม่ของคุณภูน่ะสิ” ธนวัตตอบเช่นนั้นแต่อดไม่ได้ที่จะลอบมองบิดาที่ยังคงรับประทานอาหารตามปกติ
“ที่นี่มีเสือด้วยหรือคะคุณปู่”
“เราเห็นป่าใช่ว่าจะไม่มีสัตว์ แล้วมันก็มีขา ไม่แน่ว่ามันอาจเดินไปมาระหว่างรอยตะเข็บประเทศเพื่อนบ้าน กับบ้านเราก็เป็นได้ไม่ใช่หรือ”
คำตอบของคุณปู่ทำให้หลานอย่างเธอหายสงสัย ทว่าในใจกลับนึกถึงชายหนุ่มที่เพิ่งถูกเอ่ยถึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ในเวลาเดียวกันกลุ่มของสี่หนุ่มต่างวัยก็ยังคงโต้ลมหนาวอยู่หน้าเต๊นท์
ธันวินแกะกล่องใบนั้นออก จึงเผยให้เห็นเค้กปอนด์ใหญ่ที่ด้านใน ซึ่งตกแต่งด้วยผลไม้ฉ่ำแยมก่อนจะแจกจ่ายลงในจานกระดาษใบเล็ก
“อร่อยมากจริงๆ คุณว่ามั้ย ผมไม่คิดจริงๆ ว่าเด็กอย่างเธอจะมีฝีมือขนาดนี้”
สุทธินัยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากไม่คิดด้วยว่า เค้กหน้าตาแสนธรรมดาจะอร่อยอย่างเหลือเชื่อ ทั้งเมื่อได้กาแฟดำร้อนๆ ด้วยอีกถ้วยก็ทำให้ค่ำคืนอันหนาวเหน็บอบอุ่นได้อย่างประหลาด
“ท่านหมายถึงใครกันครับ” ธันวินถามงงๆ

“ก็คุณฐิตารีย์” สุทธินัยตอบอย่างใจคิด
ภูมิรพีอดไม่ได้ที่จะมองนายอำเภอ ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกจริงๆ ว่าน้ำเสียงนั้นชื่นชมหญิงสาวจนน่าหมั่นไส้
“ไม่ใช่เธอหรอกครับ แต่เป็นคุณเจียระไนต่างหาก เธอยังบอกด้วยว่าสำหรับผู้ที่ทำงานเพื่อส่วนรวมสมควรจะได้รับของขวัญพิเศษในวันนี้” ธันวินอธิบายพร้อมกับรอยยิ้ม
“ตอนแรกเธอจะทำหน้าครีม แต่มาคิดอีกทีคงไม่ถูกปากผู้ชายอย่างเราแน่ เธอก็เลยเปลี่ยใจ จึงได้มาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ”

เป็นครั้งแรกที่สุทธินัยนึกถึงเจ้าของเค้ก ถึงเธอจะรุ่นราวคลาวเดียวกับเขา แต่ด้วยไม่มีเหตุให้ต้องพบปะจึงน้อยครั้งนักที่จะได้พูดคุย หรือเพราะที่ผ่านมาเขามัวแต่มอง ‘เธอคนนั้น’ เพียงผู้เดียวกันแน่ ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีใจให้ แต่น่าแปลกที่เขายังคงปักใจอยู่กับเธอ

“นับว่าเป็นบุญปากจริงๆ ว่ะ ว่าแต่คุณตามีฝีมือได้ครึ่งของอาเธอหรือเปล่านะ” ณัฐพากย์เปรยลอยๆ
“ขอโทษ แล้วนายจะอยากรู้ทำไมไม่ทราบ” ธันวินถามอย่างหมั่นไส้
“อ้าว…ก็น้องเขายังโสดสนิท ฉันก็ต้องสนใจเป็นธรรมดาน่ะสิ”
ดูเหมือนจะเป็นเป็นคำตอบที่ทุกคนคิดไม่ถึง โดยเฉพาะภูมิรพีที่เขาถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างลืมตัว…นี่เพื่อนของเขาก็เป็นไปด้วยอีกคนหรือนี่
ทั้งที่ปลัดคันปากอยากพูดเรื่อง ‘หนี้’ ของฟาร์มนั้นอาจทำให้หนุ่มๆ ถอยหนี แต่กลับเปลี่ยนใจไม่พูดออกมา เพราะยังมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจยิ่งกว่า

“แต่หากนายรู้เรื่องที่ฉันรู้มา นายจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ” ธันวินยังงคงเล่นลิ้นอย่างตั้งใจ
ครั้งนี้สามหนุ่ม ต่างมองปลัดเป็นตาเดียว ภูมิรพีได้แต่นึกภาวนาอยู่ในใจขออย่าให้เพื่อนรักเอาเรื่อง ‘หนี้’ ของฟาร์มมาพูดอีกเลย
“เรื่องนี้ยังถือว่าเป็นความลบสุดยอดนะครับท่าน” ปลัดทำทีท่าราวผู้กำความลับระดับชาติ
“ขอโทษครับคุณปลัด คุณรู้อะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะครับ” ณัฐพากย์เอ่ยอย่างหมดความอดทน
ปลัดกระแอมกระไอจนน่าหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยปากในเรื่องที่รู้มา

“เรื่องของเรื่องก็คือ กำนันได้ทาบทามคุณตาให้ลูกชายเรียบร้อยแล้วน่ะสิครับ”
ความเงียบเข้ามาแทรกอย่างฉับพลันต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละทาง
“เท่าที่นายเอามาพูดนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นความลับแล้วล่ะว่ะ”
ผู้ที่ทำลายความเงียบคือเจ้าของภูมิรพี ชาเล่ต์ ฮิลล์
“นั่นสิวะ อย่าบอกนะว่า…น้องมิ้นท์เป็นคนบอกกับนาย” ณัฐพากย์เอ่ยถึง ‘พุธิตา’ บุตรสาวของกำนัน

ปลัดรีบส่งสัญญาณให้เพื่อน เพื่อไม่ให้เอ่ยเรื่องนี้ให้นายอำเภอได้รับรู้ เพราะเขายังตั้งใจเก็บความสัมพันธ์นั้นเป็นความลับ
“ใครวะ น้องมิ้นท์ที่นายว่า” ภูมิรพีถามงงๆ
“ลูกสาวกำนันน่ะหรือครับ”
คำถามนั้นของนายอำเภอทำเอาปลัดถึงกับวางหน้าไม่ถูก
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมรู้ข่าวนี้มาจาก…คุณไหมต่างหาก” ธันวินโกหกหน้าตาเฉย
“ขนาดคุณไหมยังรู้ ผมว่าป่านนี้เขาคงรู้ไปทั้งจังหวัดแล้ว ว่ามั้ยล่ะครับ” ณัฐพากย์หันไปถามสุทธินัย
ที่ตามมาคือเสียงหัวเราะเบาๆ จากนายอำเภอ

ผู้ที่ปลัดเอ่ยถึงกำลังง่วนอยู่กับการบดแคล็กเกอร์เพื่อทำบลูเบอรี่ชีสพาย โดยมีลูกมือหนุ่มเพื่อนซี้คอยคุมเครื่องตีเนยอยู่ไม่ห่าง
“นี่ยังไม่นอนกันอีกหรือ” ธนวัตถามอย่างสงสัยระหว่างรินน้ำจากเหยือกใส่ในแก้ว
“ยังหรอกค่ะคุณพี่ เสียงเครื่องผสมเค้กได้ยินไปถึงห้องหรือเปล่าคะ” เจียระไนเกรงว่าบิดาจะลงมาอีกคน

“ไม่หรอก นอนไม่หลับน่ะ ก็เลยว่าจะลงมาหาอะไรทาน แล้วทำไมยังไม่เลิกกันอีกล่ะ” ถามอย่างสงสัย
“ก็เอาเค้กที่ต้องส่งพรุ่งนี้ไปให้เขาเกือบหมดน่ะสิคะ ก็เลยต้องทำเพิ่มน่ะค่ะ” เจียระไนบอกพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนปราศจากความเหน็ดเหนื่อย
“คุณพ่อรีบนอนเถอะนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีก”
ผู้พูดใบหน้าเปอะเปื้อนแป้งทำขนม
“น่าจะให้คนงานมาช่วย ยัยตาก็เหลือเกิน แทนที่เพื่อนจะมาพักผ่อน กลับให้ต้องมาลำบากไปด้วยอีก” ธนวัตไม่ได้สนใจสิ่งที่บุตรสาวพูดมาเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ ผมเต็มใจช่วยครับ อยู่ว่างๆ ก็เบื่อเปล่าๆ ได้มาทำขนมนี่ก็สนุกไปอีกแบบนะครับ”

เจียระไนอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
“จะให้เด็กมาช่วย เขาก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และนี่มันก็เลยเวลาทำงานเขาแล้วด้วย คุณพี่ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ”
“นั่นสิคะ คุณพ่อไปนอนเถอะนะคะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ” บุตรสาวบอกเสียงใส
ธนวัตรไม่ได้เข้านอนตามคำบอกของบุตรสาวแต่กลับออกมานั่งรับลมยังระเบียงด้านนอก ที่กลิ่นดอกราตรีอบอวลไปทั่วบริเวณ และดวงดาวก็สุกสกาวอยู่เต็มฟากฟ้า
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”

ผู้การถึงกับสะดุ้งสุดตัวเพราะใจลอยไปไกล
“คุณพ่อ…”
“เป็นห่วงพ่อหนุ่มคนนั้น กับแม่ของเขางั้นหรือ” เป็นอีกครั้งที่เทพทัตถามบุตรชายระหว่างนั่งลงเคียงข้าง
“เปล่าหรอกครับ” ธนวัตรรีบปฏิเสธ
“เป็นห่วงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร” บอกอย่างที่ใจคิด
“จะว่าไปเวลาก็ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ หากเราอยากจะติดต่อพูดคุยกับเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่หรือ”

ในความรู้สึกของผู้รับฟังดูเหมือนว่าสิ่งที่บิดาพูดจะช้าเกินไปหลายสิบปีแล้วจริงๆ
“เรื่องนั้นไม่อยู่ในความคิดของผมมานานแล้วล่ะครับ ที่ผมเป็นห่วงอยู่ตอนนี้คือเรื่องที่ทั้งน้องและลูกต้องลำบากมากกว่า”
เทพทัตอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ


“ไม่เคยมีใครสบายจริงๆ หรอกจริงมั้ย ‘ทุกคนก็ต้องลำบากด้วยเรื่องที่ต่างกันออกไป’ ด้วยกันทั้งนั้น”
บุรุษสองวัยที่พูดคุยกันอยู่ทำให้ชยุตซึ่งคอยเมียงมองอยู่ห่างๆ อดคิดไม่ได้ว่า หลังจาก ‘นาย’ ป่วยคราวนี้ทำให้แก่กว่าอายุจริงอีกหลายเท่า ผิดกับบิดาที่เหมือนยังคงสภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ



“บางคนก็ต้องลำบากใจ บางคนก็ต้องลำบากกาย เคยได้ยินหรือเปล่าล่ะ ที่เขาว่า ถึงมีเงินจนล้นฟ้าก็ยังหาความสุขไม่ได้” เป็นอีกครั้งที่เทพทัตพูดให้บุตรชายได้คิด
“และหากมาคิดอีกที การได้เห็นยัยตากลับมาเอางานเอาการดีกว่าไปเที่ยวเล่นไม่ดีหรอกหรือ”


“ถึงคุณพ่อจะพูดอย่างนั้น แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองผิดอยู่ดี” ธนวัตยังเหมือนจมอยู่ในความคิดของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง
เทพทัตได้แต่ส่ายหน้าในความคิดของบุตรชายก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
วูบหนึ่งที่คำพูดของบิดาเข้ามาก่อกวนจิตใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาพยายามลืมเรื่องในอดีตนั่น แต่ทุกอย่างยังกลับแจ่มชัดเหมือนว่าเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง


ครั้งนั้นที่แสงดาวยังเป็นเพียงนักเรียนม.ปลาย และเขาซึ่งเพิ่งติดนักเรียนเตรียมทหารใหม่ๆ ชีวิตที่เป็นสุขอย่างเหลือล้น ดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่แค่ตรงนั้น
ธนวัตรีบสลัดความคิดนั้นออกไปเพราะรู้ดีว่าเมื่อมาคิดเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าแม้ยามนี้เวลาจะล่วงเข้าตีสองกว่า ทว่าธันวินยังไม่อาจข่มตาให้หลับ ไม่ใช่จากเสียงของแรงลมที่ปะทะเข้ากับเต็นท์ แต่เป็นเพราะโทรศัพท์สายที่เข้ามาเมื่อบ่ายแก่ยังเข้ามาก่อกวนจิตใจเขาต่างหาก


“บอกเพื่อนคุณด้วยว่าสิ่งที่ทำมันอาจนำภัยมาถึงตัว สำหรับคุณ เงินเดือนข้าราชการจะพอกินอะไร หากคุณอยากจะแต่งงานกับลูกสาวกำนันพิรัชย์ ผมก็ยินดีจะสมทบทุนทั้งบ้าน ที่ดิน รถ ยังจะแถมเงินก้นถุงให้อีกต่างหาก คุณเอาไปคิดให้ดีๆ ก็แล้วกัน”


ที่เขากลัวยามนี้ คือกลัวแพ้ใจตัวเองอย่างที่สุด ‘ความดี’ ที่ยึดมั่นจะยังคงอยู่กับเขาไปได้นานขนาดไหน
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสงสัยในคำว่า ‘เพื่อน’ ระหว่างเขากับภูมิรพี แต่…คำพูดของนายอำเภอเมื่อครู่ ต้องยอมรับว่าสามารถสั่นคลอนความรู้สึกเขาได้จริงๆ


อีกหนึ่งหนุ่ม แม้ผ่านช่วงเวลาอันสาหัสมาทั้งวันทว่าตายังค้างเติ่ง ไม่ใช่จากกาแฟดำซึ่งกินเมื่อครู่ แต่เพราะ ‘ข่าว’ เจ้าของหางเปียคู่นั่นต่างหาก
ท่ามกลางสายลมอันเย็นยเยือก และน้ำค้างที่พร่างพรมลงมานั้น ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางวันยังมีอีกมิติซึ่งทับซ้อนกันอยู่


ร่างสูงใหญ่ซึ่งขัดสมาธิบริกรรมคาถา โดยในมือคือประคำไม้ประดู่ดำอันเข้มขลังด้วยพลังทางไสเวทย์ จิตอันเงียบสงบจมดิ่งสู่ห้วงเวลาอันคาบเกี่ยวกับสถานที่ที่กลุ่มพิทักป่ากำลังไล่ล่าคนร้าย ทว่าจู่ๆ หมอกควันซึ่งลอยอ้อยอิ่งอยู่รายรอบ กลับรวมตัวอย่างรวดเร็ว



สวัสดีค่ะ พบกันในตอนที่8 แล้วนะคะ
หวังว่าจะมีความสุขกับงานเขียนของยุพากร เช่นเดียวกับที่ผู้เขียนมีความสุขที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้อ่านทุกท่านนะคะ ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆ อย่าลืมรักษาสุขภาพ ดื่มน้ำเยอะๆ ด้วยนะคะ ขอขอบคุณสำหรับทุกเมนท์ที่มีมาเพื่อเป็นกำลังใจ


ฝากบล็อกเช่นเคยค่ะ http://yupakorn.exteen.com/


สามารถพูดคุยได้ที่ http://www.facebook.com/profile.php?id=100003646250524&sk=wall

ด้วยรักจากใจค่ะ
ยุพากร



ยุพากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2555, 09:23:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2555, 16:41:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1575





<< 7 กรยุพา . ยุพากร   9 กรยุพา . ยุพากร >>
nako 13 มี.ค. 2555, 12:36:32 น.
รอลุ้นตอนต่อไปจ้า


ยุพากร 13 มี.ค. 2555, 18:12:07 น.
ขอบคุณ คุณnakoมากมายค่ะ


anOO 14 มี.ค. 2555, 19:33:03 น.
เรื่องนี้มีสิ่งลี้ลับคอยช่วยเหลือด้วย...รอตอนต่อไปค่ะ


ยุพากร 15 มี.ค. 2555, 08:17:08 น.
ขอบคุณ คุณanOO มากค่ะ


อัปสรา 15 มี.ค. 2555, 14:41:58 น.
รอลุ้นต่อนะคะ


ยุพากร 15 มี.ค. 2555, 18:34:38 น.
ขอบคุณ คุณอัปสรามากค่ะ ทีกรุณาฝากเมนท์ไว้


nuchababluesky 16 ส.ค. 2555, 20:59:12 น.
ไม่ได้เข้ามานานเลยค่ะ จอแจ คิดถึงมากมายเลย
พี่นุชมัวแต่เข้าไปอ่านนิยายที่เด็กดีค่ะ
ก่อนหน้านี้งานเยอะมากค่ะ
แต่ตอนนี้พี่นุชเพลาลงมาบ้างแล้ว
อาทิตย์หนึ่งทำสองสามวันเท่านั้นค่ะ
อีกไม่นานจะเดินทางแล้วค่ะ
เด๋วคุยกันที่เมล์นะคะ

ไม่ได้อ่านซะนานเลยเรื่องนี้
จำได้ว่าตอนที่แล้วมีเสือออกมาพอดีเลยเนาะ
เสือตัวนี้น่าจะมีทีมาทีไปแหละ
แต่บางครั้งคนเราทำดีย่อมมีสิ่งคุ้มครอง
พระที่ภูมี ครั้งหนึ่งพี่นุชก็เคยมีค่ะ
คืนหนึ่งเคยเห็นพี่ค่ะ เลยรู้สึกกลัวผีมากๆ
พี่สาวเลยให้แขวนพระปิดตาค่ะ
ไม่รู้จะช่วยได้รึป่าว แต่ตอนนี้สวดมนต์เยอะค่ะเลยไม่ค่อยกลัวผีและความมืด
พูดถึงเค๊กที่หนุ่มๆกินกันแล้วแอบกลืนน้ำลายค่ะ
อยากกินด้วยคน
โสนกับไข่เหรอ
ไม่น่าจะเข้ากันเนาะ ไม่เคยทานเลยละค่ะจอแจ

อยากมีปู่แบบนี้บ้างจัง
เวลามีทุกข์อะไรเหมือนท่านจะช่วยเราได้
ข้อคิดของท่านก็ดีค่ะ
คนเราถึงมีเงินมากมายก็ใช่ว่าจะมีความสุขเนาะ
พ่อของตาคิดมากไปป่าว
ตาเค้าก็มีความสุขดีนี่นา
รักครั้งแรกของคนเราเนี่ยมันลืมยากจริงๆเลยเนาะ

ภูรู้สึกว่าจะสะกิดใจอะไรแล้วนะ
อิอิ เริ่มชอบเค้าแล้วละสิ
ถึงกับนอนไม่หลับ

อย่าเชียวนาท่านปลัดท่านต้องหนักแน่นนะคะ
อย่าไปหลงใหลกับเงินทองของนอกกายนะคะ
เข้มแข็งหน่อยๆ
เราเอาใจช่วยท่านอยู่นา


ยุพากร 23 ส.ค. 2555, 21:58:11 น.
ขอบคุณ พี่นุชมากๆ ค่ะ ที่กรุณาสละเวลามาเมนท์ให้ ดีใจมากๆ ค่ะที่ยังไม่ลืมกัน แถมยังเมนท์ยาวอย่างที่อยากได้ด้วยค่ะ จุ๊บ จุ๊บ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account