วิวาห์ บ้านไร่
ภีม ภาสกร โชติโยธิน
ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา
หน้าที่การงานอันมั่นคง มีความสมบูรณ์ทั้งฐานะและชาติตระกูล
และที่สำคัญ ... คาสโนว่าตัวพ่อ
น้ำฟ้า ฟ้าลดา รัตนรักษ์
สาวสวยแต่..แสนแสบ..
เป็นคนไม่ยอมและต้องทำให้ตัวเองเป็นผู้ชนะ
ไม่ว่าจะกรณีใดๆ “ฉันต้องชนะ”
*-*
แต่ทว่า...เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากัน
แต่ต้องมาแต่งงานกันด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะจำเป็น
เธอและเขาจะทำอย่างไรต่อไป....
**********************
เขาทั้งสองคือผู้ช่วย
+++++
วายุ อัครวรากูล เพื่อนชี้ของนายภีมเขา นิสัยก้อจะร้ายๆเฉพาะกับหนูดรีม
ดรีม ดารินยา เพื่อนชี้ของน้องน้ำฟ้า ปากเก่งไม่ยอมใครโดยเฉพาะนาย นายวายุ
*-*
กรี๊ดดดด ทั้งสองสาวคลั่งกันใหญ่
“นี่อ่านบรรทัดนี่ สาวในฝัน : เป็นที่คนที่จิตใจดี พูดจาดี คุยเก่ง และที่สำคัญเป็นกันเองด้วยครับ กรี๊ดด เลิศอะโดนเลยเต็มๆ” สองสาวกรี๊ดกันสนั่นร้านดีที่ไม่ค่อยมีลูกค้าไม่งั้นคงหันไปมองกันเป็นตาเดียวแน่นอน
“ชั้นว่าเขาคงกินสตอฯเยอะไปแน่ๆเลย”ดารินยาเอ่ยขึ้นพลางเปิดหนังสืออีกเล่มอ่านโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองสองสาวที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่
คนคำนี้มันชักแสลงหูเสียแล้วซิ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลังของดารินยา ในขณะที่หญิงสาวกำลังพูดว่าร้ายใส่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้ง
แต่ดูเพื่อนๆของเธอสิเห็นแล้วยังไม่ยอมทักเพื่อนให้หยุด เฮ่อ มัวแต่ค้างกันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เหรอว่าเพื่อนกำลังจะมีเคราะห์ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
“ชั้นว่านะนายนี่ก็เกย์ดีดีนั่นแหละ ดูสิแต่งตัวนี่เนี้ยบชะ...”ดารินยายังพูดไม่ทันจะจบประโยค ก็มีเสียงเข้มๆพูดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง และนั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ผม กรุณาให้ความเป็นกลางหน่อยสิคุณ อ่อแล้วอีกอย่างผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันกับคุณนั่นแหละ มีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ เจ็บเป็น และก็โกรธเป็นนะ เพราะฉะนั้นกรุณาช่วยทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่าการมานั่งวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเขาอยู่อย่างนี้น่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาทันทีที่เดิมมาถึง แต่คำพูดของเขามันทำเอาหญิงสาวปรี้ดขึ้นสมองทันที เพราะตอนนี้ควันเริ่มจะออกมาทางหูแล้ว หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้ามาทางชายหนุ่ม เพื่อที่จะได้ต่อว่าให้มันถูกตัวถูกตน
“แล้วที่ชั้นพูดมันไม่จริงตรงไหนกัน ที่ชั้นพูดมันเป็นความจริงทุกประการ นี่ถ้าไม่มีมูลชั้นไม่พูดหรอกนะ” หญิงสาวเถียงต่ออย่างไม่ลดละ
ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา
หน้าที่การงานอันมั่นคง มีความสมบูรณ์ทั้งฐานะและชาติตระกูล
และที่สำคัญ ... คาสโนว่าตัวพ่อ
น้ำฟ้า ฟ้าลดา รัตนรักษ์
สาวสวยแต่..แสนแสบ..
เป็นคนไม่ยอมและต้องทำให้ตัวเองเป็นผู้ชนะ
ไม่ว่าจะกรณีใดๆ “ฉันต้องชนะ”
*-*
แต่ทว่า...เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากัน
แต่ต้องมาแต่งงานกันด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะจำเป็น
เธอและเขาจะทำอย่างไรต่อไป....
**********************
เขาทั้งสองคือผู้ช่วย
+++++
วายุ อัครวรากูล เพื่อนชี้ของนายภีมเขา นิสัยก้อจะร้ายๆเฉพาะกับหนูดรีม
ดรีม ดารินยา เพื่อนชี้ของน้องน้ำฟ้า ปากเก่งไม่ยอมใครโดยเฉพาะนาย นายวายุ
*-*
กรี๊ดดดด ทั้งสองสาวคลั่งกันใหญ่
“นี่อ่านบรรทัดนี่ สาวในฝัน : เป็นที่คนที่จิตใจดี พูดจาดี คุยเก่ง และที่สำคัญเป็นกันเองด้วยครับ กรี๊ดด เลิศอะโดนเลยเต็มๆ” สองสาวกรี๊ดกันสนั่นร้านดีที่ไม่ค่อยมีลูกค้าไม่งั้นคงหันไปมองกันเป็นตาเดียวแน่นอน
“ชั้นว่าเขาคงกินสตอฯเยอะไปแน่ๆเลย”ดารินยาเอ่ยขึ้นพลางเปิดหนังสืออีกเล่มอ่านโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองสองสาวที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่
คนคำนี้มันชักแสลงหูเสียแล้วซิ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลังของดารินยา ในขณะที่หญิงสาวกำลังพูดว่าร้ายใส่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้ง
แต่ดูเพื่อนๆของเธอสิเห็นแล้วยังไม่ยอมทักเพื่อนให้หยุด เฮ่อ มัวแต่ค้างกันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เหรอว่าเพื่อนกำลังจะมีเคราะห์ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
“ชั้นว่านะนายนี่ก็เกย์ดีดีนั่นแหละ ดูสิแต่งตัวนี่เนี้ยบชะ...”ดารินยายังพูดไม่ทันจะจบประโยค ก็มีเสียงเข้มๆพูดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง และนั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ผม กรุณาให้ความเป็นกลางหน่อยสิคุณ อ่อแล้วอีกอย่างผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันกับคุณนั่นแหละ มีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ เจ็บเป็น และก็โกรธเป็นนะ เพราะฉะนั้นกรุณาช่วยทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่าการมานั่งวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเขาอยู่อย่างนี้น่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาทันทีที่เดิมมาถึง แต่คำพูดของเขามันทำเอาหญิงสาวปรี้ดขึ้นสมองทันที เพราะตอนนี้ควันเริ่มจะออกมาทางหูแล้ว หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้ามาทางชายหนุ่ม เพื่อที่จะได้ต่อว่าให้มันถูกตัวถูกตน
“แล้วที่ชั้นพูดมันไม่จริงตรงไหนกัน ที่ชั้นพูดมันเป็นความจริงทุกประการ นี่ถ้าไม่มีมูลชั้นไม่พูดหรอกนะ” หญิงสาวเถียงต่ออย่างไม่ลดละ
Tags: วิวาห์ บ้านไร่
ตอน: บทที่ 1 แรกพบสบตา (คู่กัด คู่เหวี่ยง)
ณ สนามบิน
ภาสกรเดินมาหยุดรอหญิงสาวตามที่มารดาสั่งด้วยความไม่เต็มใจ โธ่หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้แล้วจะเจอกันมั๊ยเนี่ย นึกขึ้นได้ก็รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรูปหญิงสาวทันทีพลางบ่นไปกดไป
‘คุณแม่นะคุณแม่คนขับรถก็มี ทำไมต้องเป็นเราดะ....’
ยังพูดไม่ทันจบประโยค ตาต้องค้างปากอ้าไม่หุบ และที่สำคัญคนร่างงามไม่มีที่ติที่โชว์ในมือถือที่อยู่ในมือของชายหนุ่มทำเอาตะลึงงันไปอยู่นานสองนาน
‘ไม่ได้ ไม่ได้ เราห้ามอ่อนข้อให้ศัตรูเด็ดขาด’
แต่แล้วเวลาก็ผ่านไปมีหญิงสาวผู้หนึ่งเธอสวยมาก ผิวขาวเหมือนหยวก แก้มแดงชมพูด้วยเลือดฝาดรูปร่างสมส่วนรับกับใบหน้ารูปไข่ ปากอิ่มชมพูระเรื่อ เธอกำลังเดินลากกระเป๋าใบขนาดใหญ่มาตาเส้นทางของผู้โดยสารขาออก หญิงสาวร่างบางชะเง้อมองหาใครคนใดคนหนึ่งที่คิดว่าจะมารับเธอ แต่แล้วก็หยิกเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมากดหาเบอร์แล้วโทรออก
ทันใดนั้นเสียงมือถือที่อยู่ในมือของภาสกรก็ดังขึ้น ตอนแรกก็รังเลอยู่ว่าจะรับสายดีหรือป่าวเพราะว่าไม่โชว์ชื่อมีแต่เบอร์เท่านั้นที่โชว์ แต่มือเจ้ากรรมก็กดรับสายทันที แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ฮัลโหล...ใช่เบอร์ของคุณป้าภาหรือป่าวคะ”เสียงหวานกรอกมาตามสาย
“...”
“ใช่หรือป่าวคะ”เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสาย
“ใช่”
“แล้วนั้นใครพูดสายคะ”เมื่อได้ยินเสียงของปลายสายเป็นเสียงผู้ชายกรอกมา
“คุณไม่ต้องรู้หลอกว่าใครรู้แค่ว่ามีคนมารอรับคุณนานมากแล้ว”น้ำเสียงห้วนๆตอบกลับไปทำให้ฟ้าลดาโกรธมากเกือบวีนแตกกลางสนามบินอยู่แล้ว ยังดีที่หันไปมองเห็นว่ามีผู้คนมากมายจึงได้แต่สงบสติเอาไว้ก่อน
“แล้วใครจะรู้ได้ไงล่ะว่าใครมารอ ใครมารับ”จากที่เสียงหวานๆกลายเป็นแข็งๆห้วนๆ “แล้วตอนนี้นายอยู่ที่ไหนล่ะฉันจะได้ไปหาถูกที่ ฉันไม่ใช้เทวดานะจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร นี่นายรู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใครถึงได้มาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับชั้นเนี่ย”
“ขนาดคุณยังไม่รู้จักตัวเองเลยแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
“นี่นาย...”ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาดี
“คอยดูนะชั้นจะให้คุณป้าไร่แกออก”
“เชิญเลยครับถ้าทำได้ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งมากๆครับ”
“แล้วแกอยู่ไหนตอนนี้น่ะ”หญิงสาวตัดบทเพราะไม่อยากจะเถียงต่อแล้ว
“ก็อยู่แถวนี้ล่ะครับ”
“อย่ากวนประสาทชั้นนะ”
“ผมป่าวกวนประสาทใครนะครับ”
“แล้วอยู่ไหนละ”ฟ้าลดาตอบกลับไปแบบไม่สบอารมณ์จะพูดคุยแล้ว ตอนนี้มีอารมณ์อยากจะฆ่าคนเสียมากกว่า
“ก็หันมาสิครับคุณ” ทันทีที่หญิงสาวหันมาทางภาสกร เธอก็วางสายแล้วเดินเข้ามาหาทันที
“คอยดูนะชั้นจะเล่นงานนาย ‘หน้าตาก็ดูดี แต่นิสัยกลับตรงกันข้าม’ ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันทีเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ใครบางคนนานๆ
‘ใครกันแน่ที่จะโดนเล่นงาน หึหึ’ ชายหนุ่มสบถเบาๆแบบไม่มีใครได้ยิน แต่ก็ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ
“อ้าวคุณจะไปไหนครับ ถ้าจะไปไร่วีระกิจรถอยู่ทางนี้”ชายหนุ่มทักทันทีที่เห็นคนตัวเล็กเดินไปอีกทาง
“ก็นำไปสิยืนอยู่ทำไม”
“ครับผม เชิญครับ”ว่าแล้วก็ผายมือให้หญิงสาวเดินตาม
เมื่อมาถึงรถแล้วภาสกรก็จัดการนำกระเป๋าใส่ไว้ที่ท้ายรถ ฟ้าลดาจึงขึ้นไปนั่งรถที่เบาะรถด้านหลังทันที
ส่วนลูกชายเจ้าของไร่วีระกิจก็ต้องกลายเป็นคนขับรถจำเป็นให้หนูน้ำฟ้าของคุณแม่ไปโดยปริยาย
‘คอยดูนะยัยน้ำฟ้าชั้นจะจัดการเธอให้สาสมเลยสำหรับการที่เธอบังอาจมาแต่งตั้งตำแหน่งให้ชั้นเป็นคนขับรถของไร่ งานนี้สนุกแน่ หึหึ’ ชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ก็ไม่ทราบได้ว่ามีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่รู้แต่เพียงว่า ‘เธอเสร็จชั้นแน่ฟ้าลดา’
ไม่นานนักรถที่ทั้งคู่เดินทางมาก็มาถึงทางเข้าไร่วีระกิจ โดยทั้งสองฝั่งทางเข้าซึ่งเต็มไปด้วยไร่องุ่นที่ปลูกเรียงลายกันเป็นแถวอย่างสวยงาม ถัดจากไร่องุ่นก็เต็มไปด้วยไร่ส้ม เป็นเพราะความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ราบลุ่ม มีทั้งลำธารไหลผ่านมากลางไร่อีกด้วย
ไม่นานนัก รถเก๋งคันงามก็จอดสนิทที่ลานจอดรถ ภาสกรจึงเดินลงจากรถก่อนแล้วไปเปิดประตูให้ฟ้าลดาก่อนจะผายมือให้หญิงสาวเดินลง ทางด้านคุณหญิงวิภาเมื่อได้ยินเสียงรถก็รีบยกทัพคนใช่มาต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้เป็นการใหญ่ทีเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“ว่าไงจ๊ะหนูน้ำฟ้าเหนื่อยมั๊ย ไปลูกเข้าไปข้างในกันก่อนนะจ๊ะ ดื่มน้ำดื่มท่าเย็นให้หายเหนื่อยก่อนไปลูก” ดูซิดูดู คุณหญิงโอ๋ว่าที่ลูกสะใภ้ทำเอาคนบางคนหัวเน่าไปเลย
‘คุณแม่นะคุณแม่ เราเป็นลูกแท้กลับไม่เห็นอยู่ในสายตาสักนิด เอาเถอะโอ๋กันให้พอนะ หึหึ’ ว่าแล้วก็เดินไปทำงานในไร่ต่อทันที
“มาลูกมานั่งให้หายเหนื่อยก่อนลูก” เมื่อสาวใช้เอาน้ำเปล่าและน้ำนางเอกมาเสิร์ฟแล้วเดินออกไป ทั้งสองจึงหันมาคุยกันถึงสารทุกข์สุขดิบ
“เป็นไงบ้างลูกไปเรียนมา ดีมั๊ยลูก”คุณหญิงชวนคุยจ้อเลย
“ก็ดีค่ะคุณป้า น้ำฟ้าเรียนด้านบริหารการโรงแรมมาค่ะ ก็กะว่าจบมาจะได้ช่วยคุณพ่อทำงานที่บริษัทด้วย”หญิงสาวร่ายซะยาวก็จะเข้าได้เข้าเรื่องซะทีตามวัตถุประสงค์ของตนตั้งแต่ต้นที่มาที่นี่เพราะอะไร
“คุณป้าคะคือน้ำฟ้าอยากจะขออะไรสักอย่างได้มั๊ยคะ”
“อะไรละลูกถ้าป้าให้ได้ป้าก็ยินดีจ่ะ ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของป้า”
“เอ่อ...คือออ”
“ว่าไงลูกว่ามาสิ”จากนั้นหญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมาหลังที่มันวิ่งหนีเตลิดไป
“คืออย่างนี้ค่ะ ที่น้ำฟ้ามาที่นี่ในครั้งนี้น้ำฟ้าอยากขอร้องให้คุณป้าช่วยผัดผ่อนหนี้ที่คุณลุงได้ช่วยคุณพ่อตอนกำลังจะล้มละลาย นะคะ น้ำฟ้ายังไม่อยากแต่งงานค่ะ”คำพูดของหญิงสาวทำเอาผู้เป็นป้าลมแทบจับ
“น้ำฟ้าสัญญานะคะว่าจะรีบทำงานใช้หนี้ให้ไม่ขาดสักแดงเดียวเลยนะคะ”
“แต่มันเป็นความประสงค์ของลุงเขานะลูก แล้วหนูฟ้ารู้หรือเปล่าว่าพ่อเขาเป็นหนี้ลุงเขาเท่าไร”คำถามนี้ก็ทำเอาฟ้าลดาใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มซะและ เพาระว่าเธอไม่ได้บอกกล่าวกันบิดามารดาเลยว่าจะมาคุยถึงเรื่องนี้
*-* *-*
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ดีมั๊ย วันนี้ป้าว่าหนูน้ำฟ้าคงจะเหนื่อยไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนนะลูก”เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผู้เป็นป้าจึงตัดบททันที
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะคุณป้า พรุ่งนี้นะคะ”
“ป้าให้หนูไปคิดดูอีกที เผื่อเปลี่ยนใจก็ยังทันนะละ”
‘ไม่ต้องคิดแล้วค่ะคุณป้า คิดมาดีแล้ว’หญิงสาวพูดพลางตอบในใจ
“ไปลูกเราไปดูห้องกันดีกว่านะ”
“ค่ะ”
“เป็นไงจ๊ะพออยู่ได้มั๊ยหนูน้ำฟ้า”
“ได้ค่ะ สวยดีออก ข้างนอกก็วิวสวยด้วย”
“ป้าว่านะถ้าหนูได้เห็นเรือนอีกหลัง หนูน้ำฟ้าต้องชอบแน่ๆเลย เพราะมันสวยกว่าที่นี่เยอะเลย”แหมคุณป้าคุยอวดใหญ่เลย
“แล้วอยู่ที่ไหนคะน้ำฟ้าชักจะอยากเห็นแล้วสิค่ะ”
“ก็อยู่ท้ายไร่น่ะลูก เดี๋ยวป้าพรุ่งนี้จะให้พี่เขาพาไปดูนะ”เอาอีกแล้วเล่นให้ไปดูเรือนหอเลยนะเนี่ย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าลำบากเปล่าๆค่ะ”
“เอาเถอะป้าไม่กวนละ ป้าว่าจะไปดูเด็กเตรียมอาหารเย็นสักหน่อย พักผ่อนนะลูกเดี๋ยวอาหารเย็นจะให้เด็กมาเรียก”
“ค่ะคุณป้า”
เวลาผ่านไป (คล้ายเต่าวิ่ง)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนเย็น
“คุณน้ำฟ้าคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ”
“......”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณน้ำฟ้าคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ” สาวใช้เรียกขานอีกทีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
“จ๊ะๆ เดี๋ยวน้ำฟ้าตามลงไปนะฝากบอกคุณป้าด้วย” ฟ้าลดาบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงียนิดๆเพราะเพิ่งตื่นจากนิทรา
สักพักฟ้าลดาก็พาตัวเองเดินลงมายังห้องอาหารของบ้าน
“หนูน้ำฟ้ามาแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นป้าทักหลานสาวทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินลงมาจากช้นสองของตัวบ้าน
“ค่ะคุณป้า”
“มานั่งตรงนี้ลูก”
“ค่ะ”
“ทานเยอะๆนะลูก ดูสิผอมเชียว มาป้าตักให้ มื้อนี้ป้าลงทุนมาทำครัวเองเลยนะลูก” คนเป็นป้าคุยโวอวดตัวเอง
“อร่อยมั๊ยลูก”
“ค่ะคุณป้าอร่อยทุกอย่างเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะเลยนะลูกป้าทำไว้เยอะ”
“น้ำฟ้าทานฝีมือคุณป้าบ่อยๆเดี๋ยวอีกหน่อยต้องอ้วนแย่เลยค่ะ เพราะฝีมือการทำอาหารของคุณป้านี่ระดับ ภัตตาคารเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยชมไม่ขาดปากทำเอาคุณหญิงแทบจะตัวลอย
“หนูน้ำฟ้าก็ มาทานข้าวกันดีกว่าลูกเดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซืดซะหมด”
“ค่ะ”ฟ้าลดาเอ่ยรับคำก่อนแต่ในใจกังวลว่าคุณพี่ภีมนี่นะตั้งแต่เธอมานี่ยังไม่เคยเอาเงามาให้เห็น นี่เหรอคนที่พ่อแม่ของเธอจะฝากฝังให้ว่าจะให้แต่งงานกับเธอ เฮ่อ... แต่ก็ช่างเขาเถอะไม่มาก็ดีแล้ว ทางจะได้สะดวก อิอิ
*-* *-* *-* *-* *-*
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลานั่งเม้าเพื่อย่อยอาหารที่ห้องรับแขกอยู่เป็นนานสองนานตามประสาผู้หญิงเรื่องรักสวยรักงามบ้างละ เรื่องนั้น เรื่องนี้
“ป้าว่าเดี๋ยวให้หนูไปพักดีกว่าป้าก็จะขอตัวเหมือนกัน”
“งั้นคุณป้าไปนอนก่อนเถอะค่ะ น้ำฟ้ายังไม่ง่วงเลยคะ อยากไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยคะ”
“เอาอย่างนั้นเหรอลูก งั้นป้าไปก่อนนะแล้วอย่าตากน้ำค้างนานนะลูก ที่นี่ยิ่งดึกน้ำค้างยิ่งแรงเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ คุณหญิงรัสยาเล่นงานป้าแย่เลยว่าดูแลลูกสาวเขาไม่ดี”คนเป็นป้าบ่นอุบ
“ค่ะคุณป้าไม่ดึกค่ะ”
หลังจากการสนทนาระหว่างป้าหลานจบลงฟ้าลดาจึงเดินออกมายังนอกตัวบ้านซึ่งจัดเป็นสนามหญ้าเล็กๆเหมาะสำหรับจัดงานปาร์ตี้เล็กๆสำหรับครอบครัว มีสวนหย่อมขนาดเล็กเพื่อผ่อนคลายยามว่างของเจ้าของบ้าน
ฟ้าลดาเดินสำรวจรอบตัวบ้านอยู่ได้สักครู่ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล..แก”
“ว่าไงจ๊ะ”
“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก แค่คิดถึงแกอะ แกนะแกกลับมาอยู่เมืองไทยไม่ทันไรเลย คุยกันก็ยังไม่แค่กี่คำเอง สรุปว่ายังเม้าไม่จุใจเลยแกดันโดนคุณพ่อกับคุณแม่ของแกจับคลุมถุงชนซะงัน”
ดารินยาคุยจ้อไม่หยุดหย่อน
“นี่แกโทรมาเทศให้ชั้นฟังเหรอเนี่ย ยัยดรีม?” เมื่อได้โอกาสจังหวะเหมาะๆฟ้าลดาจึงได้พูดขึ้นมาบ้าง เป็นไงล่ะดักคอไว้ซะเลย อิอิ ก่อนที่คุณเพื่อนของเธอจะเทศยาวไปมากกว่านี้
“แหม...ก็ชั้นคิดถึงแกนี่ยั้ยน้ำฟ้า เดินทางไปเชียงใหม่ก็ไม่ยอมกริ๊งกร๊างมาบอกเพื่อนบอกฝูงกันบ้างเลยนะยะ ใจร้ายอะ”
พอสิ้นคำพูดของเพื่อนสาวฟ้าลดาก็หลุดหัวเราะก๊ากกก.. ออกมาทันทีกับความน้อยอกน้อยใจของเพื่อนสาว แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือการสนทนาของทั้งสองสาวเมื่อครู่นี้อยู่ในสายตาของภาสกรและได้ยินหมดทุกคำพูดในการสนทนา เขาไม่ได้เสียมารยาทนะแต่มันได้ยินเองต่างหาก และที่สำคำเขายืนอยู่ตรงนี้ ตรงระเบียงห้องนอนนานแล้ว นานก่อนเธอ(ฟ้าลดา)จะเดินออกมาจากตัวบ้านเสียอีก
ภาสกรเดินมาหยุดรอหญิงสาวตามที่มารดาสั่งด้วยความไม่เต็มใจ โธ่หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้แล้วจะเจอกันมั๊ยเนี่ย นึกขึ้นได้ก็รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรูปหญิงสาวทันทีพลางบ่นไปกดไป
‘คุณแม่นะคุณแม่คนขับรถก็มี ทำไมต้องเป็นเราดะ....’
ยังพูดไม่ทันจบประโยค ตาต้องค้างปากอ้าไม่หุบ และที่สำคัญคนร่างงามไม่มีที่ติที่โชว์ในมือถือที่อยู่ในมือของชายหนุ่มทำเอาตะลึงงันไปอยู่นานสองนาน
‘ไม่ได้ ไม่ได้ เราห้ามอ่อนข้อให้ศัตรูเด็ดขาด’
แต่แล้วเวลาก็ผ่านไปมีหญิงสาวผู้หนึ่งเธอสวยมาก ผิวขาวเหมือนหยวก แก้มแดงชมพูด้วยเลือดฝาดรูปร่างสมส่วนรับกับใบหน้ารูปไข่ ปากอิ่มชมพูระเรื่อ เธอกำลังเดินลากกระเป๋าใบขนาดใหญ่มาตาเส้นทางของผู้โดยสารขาออก หญิงสาวร่างบางชะเง้อมองหาใครคนใดคนหนึ่งที่คิดว่าจะมารับเธอ แต่แล้วก็หยิกเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมากดหาเบอร์แล้วโทรออก
ทันใดนั้นเสียงมือถือที่อยู่ในมือของภาสกรก็ดังขึ้น ตอนแรกก็รังเลอยู่ว่าจะรับสายดีหรือป่าวเพราะว่าไม่โชว์ชื่อมีแต่เบอร์เท่านั้นที่โชว์ แต่มือเจ้ากรรมก็กดรับสายทันที แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ฮัลโหล...ใช่เบอร์ของคุณป้าภาหรือป่าวคะ”เสียงหวานกรอกมาตามสาย
“...”
“ใช่หรือป่าวคะ”เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสาย
“ใช่”
“แล้วนั้นใครพูดสายคะ”เมื่อได้ยินเสียงของปลายสายเป็นเสียงผู้ชายกรอกมา
“คุณไม่ต้องรู้หลอกว่าใครรู้แค่ว่ามีคนมารอรับคุณนานมากแล้ว”น้ำเสียงห้วนๆตอบกลับไปทำให้ฟ้าลดาโกรธมากเกือบวีนแตกกลางสนามบินอยู่แล้ว ยังดีที่หันไปมองเห็นว่ามีผู้คนมากมายจึงได้แต่สงบสติเอาไว้ก่อน
“แล้วใครจะรู้ได้ไงล่ะว่าใครมารอ ใครมารับ”จากที่เสียงหวานๆกลายเป็นแข็งๆห้วนๆ “แล้วตอนนี้นายอยู่ที่ไหนล่ะฉันจะได้ไปหาถูกที่ ฉันไม่ใช้เทวดานะจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร นี่นายรู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใครถึงได้มาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับชั้นเนี่ย”
“ขนาดคุณยังไม่รู้จักตัวเองเลยแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
“นี่นาย...”ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาดี
“คอยดูนะชั้นจะให้คุณป้าไร่แกออก”
“เชิญเลยครับถ้าทำได้ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งมากๆครับ”
“แล้วแกอยู่ไหนตอนนี้น่ะ”หญิงสาวตัดบทเพราะไม่อยากจะเถียงต่อแล้ว
“ก็อยู่แถวนี้ล่ะครับ”
“อย่ากวนประสาทชั้นนะ”
“ผมป่าวกวนประสาทใครนะครับ”
“แล้วอยู่ไหนละ”ฟ้าลดาตอบกลับไปแบบไม่สบอารมณ์จะพูดคุยแล้ว ตอนนี้มีอารมณ์อยากจะฆ่าคนเสียมากกว่า
“ก็หันมาสิครับคุณ” ทันทีที่หญิงสาวหันมาทางภาสกร เธอก็วางสายแล้วเดินเข้ามาหาทันที
“คอยดูนะชั้นจะเล่นงานนาย ‘หน้าตาก็ดูดี แต่นิสัยกลับตรงกันข้าม’ ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันทีเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ใครบางคนนานๆ
‘ใครกันแน่ที่จะโดนเล่นงาน หึหึ’ ชายหนุ่มสบถเบาๆแบบไม่มีใครได้ยิน แต่ก็ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ
“อ้าวคุณจะไปไหนครับ ถ้าจะไปไร่วีระกิจรถอยู่ทางนี้”ชายหนุ่มทักทันทีที่เห็นคนตัวเล็กเดินไปอีกทาง
“ก็นำไปสิยืนอยู่ทำไม”
“ครับผม เชิญครับ”ว่าแล้วก็ผายมือให้หญิงสาวเดินตาม
เมื่อมาถึงรถแล้วภาสกรก็จัดการนำกระเป๋าใส่ไว้ที่ท้ายรถ ฟ้าลดาจึงขึ้นไปนั่งรถที่เบาะรถด้านหลังทันที
ส่วนลูกชายเจ้าของไร่วีระกิจก็ต้องกลายเป็นคนขับรถจำเป็นให้หนูน้ำฟ้าของคุณแม่ไปโดยปริยาย
‘คอยดูนะยัยน้ำฟ้าชั้นจะจัดการเธอให้สาสมเลยสำหรับการที่เธอบังอาจมาแต่งตั้งตำแหน่งให้ชั้นเป็นคนขับรถของไร่ งานนี้สนุกแน่ หึหึ’ ชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ก็ไม่ทราบได้ว่ามีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่รู้แต่เพียงว่า ‘เธอเสร็จชั้นแน่ฟ้าลดา’
ไม่นานนักรถที่ทั้งคู่เดินทางมาก็มาถึงทางเข้าไร่วีระกิจ โดยทั้งสองฝั่งทางเข้าซึ่งเต็มไปด้วยไร่องุ่นที่ปลูกเรียงลายกันเป็นแถวอย่างสวยงาม ถัดจากไร่องุ่นก็เต็มไปด้วยไร่ส้ม เป็นเพราะความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ราบลุ่ม มีทั้งลำธารไหลผ่านมากลางไร่อีกด้วย
ไม่นานนัก รถเก๋งคันงามก็จอดสนิทที่ลานจอดรถ ภาสกรจึงเดินลงจากรถก่อนแล้วไปเปิดประตูให้ฟ้าลดาก่อนจะผายมือให้หญิงสาวเดินลง ทางด้านคุณหญิงวิภาเมื่อได้ยินเสียงรถก็รีบยกทัพคนใช่มาต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้เป็นการใหญ่ทีเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“ว่าไงจ๊ะหนูน้ำฟ้าเหนื่อยมั๊ย ไปลูกเข้าไปข้างในกันก่อนนะจ๊ะ ดื่มน้ำดื่มท่าเย็นให้หายเหนื่อยก่อนไปลูก” ดูซิดูดู คุณหญิงโอ๋ว่าที่ลูกสะใภ้ทำเอาคนบางคนหัวเน่าไปเลย
‘คุณแม่นะคุณแม่ เราเป็นลูกแท้กลับไม่เห็นอยู่ในสายตาสักนิด เอาเถอะโอ๋กันให้พอนะ หึหึ’ ว่าแล้วก็เดินไปทำงานในไร่ต่อทันที
“มาลูกมานั่งให้หายเหนื่อยก่อนลูก” เมื่อสาวใช้เอาน้ำเปล่าและน้ำนางเอกมาเสิร์ฟแล้วเดินออกไป ทั้งสองจึงหันมาคุยกันถึงสารทุกข์สุขดิบ
“เป็นไงบ้างลูกไปเรียนมา ดีมั๊ยลูก”คุณหญิงชวนคุยจ้อเลย
“ก็ดีค่ะคุณป้า น้ำฟ้าเรียนด้านบริหารการโรงแรมมาค่ะ ก็กะว่าจบมาจะได้ช่วยคุณพ่อทำงานที่บริษัทด้วย”หญิงสาวร่ายซะยาวก็จะเข้าได้เข้าเรื่องซะทีตามวัตถุประสงค์ของตนตั้งแต่ต้นที่มาที่นี่เพราะอะไร
“คุณป้าคะคือน้ำฟ้าอยากจะขออะไรสักอย่างได้มั๊ยคะ”
“อะไรละลูกถ้าป้าให้ได้ป้าก็ยินดีจ่ะ ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของป้า”
“เอ่อ...คือออ”
“ว่าไงลูกว่ามาสิ”จากนั้นหญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมาหลังที่มันวิ่งหนีเตลิดไป
“คืออย่างนี้ค่ะ ที่น้ำฟ้ามาที่นี่ในครั้งนี้น้ำฟ้าอยากขอร้องให้คุณป้าช่วยผัดผ่อนหนี้ที่คุณลุงได้ช่วยคุณพ่อตอนกำลังจะล้มละลาย นะคะ น้ำฟ้ายังไม่อยากแต่งงานค่ะ”คำพูดของหญิงสาวทำเอาผู้เป็นป้าลมแทบจับ
“น้ำฟ้าสัญญานะคะว่าจะรีบทำงานใช้หนี้ให้ไม่ขาดสักแดงเดียวเลยนะคะ”
“แต่มันเป็นความประสงค์ของลุงเขานะลูก แล้วหนูฟ้ารู้หรือเปล่าว่าพ่อเขาเป็นหนี้ลุงเขาเท่าไร”คำถามนี้ก็ทำเอาฟ้าลดาใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มซะและ เพาระว่าเธอไม่ได้บอกกล่าวกันบิดามารดาเลยว่าจะมาคุยถึงเรื่องนี้
*-* *-*
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ดีมั๊ย วันนี้ป้าว่าหนูน้ำฟ้าคงจะเหนื่อยไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนนะลูก”เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผู้เป็นป้าจึงตัดบททันที
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะคุณป้า พรุ่งนี้นะคะ”
“ป้าให้หนูไปคิดดูอีกที เผื่อเปลี่ยนใจก็ยังทันนะละ”
‘ไม่ต้องคิดแล้วค่ะคุณป้า คิดมาดีแล้ว’หญิงสาวพูดพลางตอบในใจ
“ไปลูกเราไปดูห้องกันดีกว่านะ”
“ค่ะ”
“เป็นไงจ๊ะพออยู่ได้มั๊ยหนูน้ำฟ้า”
“ได้ค่ะ สวยดีออก ข้างนอกก็วิวสวยด้วย”
“ป้าว่านะถ้าหนูได้เห็นเรือนอีกหลัง หนูน้ำฟ้าต้องชอบแน่ๆเลย เพราะมันสวยกว่าที่นี่เยอะเลย”แหมคุณป้าคุยอวดใหญ่เลย
“แล้วอยู่ที่ไหนคะน้ำฟ้าชักจะอยากเห็นแล้วสิค่ะ”
“ก็อยู่ท้ายไร่น่ะลูก เดี๋ยวป้าพรุ่งนี้จะให้พี่เขาพาไปดูนะ”เอาอีกแล้วเล่นให้ไปดูเรือนหอเลยนะเนี่ย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าลำบากเปล่าๆค่ะ”
“เอาเถอะป้าไม่กวนละ ป้าว่าจะไปดูเด็กเตรียมอาหารเย็นสักหน่อย พักผ่อนนะลูกเดี๋ยวอาหารเย็นจะให้เด็กมาเรียก”
“ค่ะคุณป้า”
เวลาผ่านไป (คล้ายเต่าวิ่ง)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนเย็น
“คุณน้ำฟ้าคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ”
“......”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณน้ำฟ้าคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ” สาวใช้เรียกขานอีกทีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
“จ๊ะๆ เดี๋ยวน้ำฟ้าตามลงไปนะฝากบอกคุณป้าด้วย” ฟ้าลดาบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงียนิดๆเพราะเพิ่งตื่นจากนิทรา
สักพักฟ้าลดาก็พาตัวเองเดินลงมายังห้องอาหารของบ้าน
“หนูน้ำฟ้ามาแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นป้าทักหลานสาวทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินลงมาจากช้นสองของตัวบ้าน
“ค่ะคุณป้า”
“มานั่งตรงนี้ลูก”
“ค่ะ”
“ทานเยอะๆนะลูก ดูสิผอมเชียว มาป้าตักให้ มื้อนี้ป้าลงทุนมาทำครัวเองเลยนะลูก” คนเป็นป้าคุยโวอวดตัวเอง
“อร่อยมั๊ยลูก”
“ค่ะคุณป้าอร่อยทุกอย่างเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะเลยนะลูกป้าทำไว้เยอะ”
“น้ำฟ้าทานฝีมือคุณป้าบ่อยๆเดี๋ยวอีกหน่อยต้องอ้วนแย่เลยค่ะ เพราะฝีมือการทำอาหารของคุณป้านี่ระดับ ภัตตาคารเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยชมไม่ขาดปากทำเอาคุณหญิงแทบจะตัวลอย
“หนูน้ำฟ้าก็ มาทานข้าวกันดีกว่าลูกเดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซืดซะหมด”
“ค่ะ”ฟ้าลดาเอ่ยรับคำก่อนแต่ในใจกังวลว่าคุณพี่ภีมนี่นะตั้งแต่เธอมานี่ยังไม่เคยเอาเงามาให้เห็น นี่เหรอคนที่พ่อแม่ของเธอจะฝากฝังให้ว่าจะให้แต่งงานกับเธอ เฮ่อ... แต่ก็ช่างเขาเถอะไม่มาก็ดีแล้ว ทางจะได้สะดวก อิอิ
*-* *-* *-* *-* *-*
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลานั่งเม้าเพื่อย่อยอาหารที่ห้องรับแขกอยู่เป็นนานสองนานตามประสาผู้หญิงเรื่องรักสวยรักงามบ้างละ เรื่องนั้น เรื่องนี้
“ป้าว่าเดี๋ยวให้หนูไปพักดีกว่าป้าก็จะขอตัวเหมือนกัน”
“งั้นคุณป้าไปนอนก่อนเถอะค่ะ น้ำฟ้ายังไม่ง่วงเลยคะ อยากไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยคะ”
“เอาอย่างนั้นเหรอลูก งั้นป้าไปก่อนนะแล้วอย่าตากน้ำค้างนานนะลูก ที่นี่ยิ่งดึกน้ำค้างยิ่งแรงเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ คุณหญิงรัสยาเล่นงานป้าแย่เลยว่าดูแลลูกสาวเขาไม่ดี”คนเป็นป้าบ่นอุบ
“ค่ะคุณป้าไม่ดึกค่ะ”
หลังจากการสนทนาระหว่างป้าหลานจบลงฟ้าลดาจึงเดินออกมายังนอกตัวบ้านซึ่งจัดเป็นสนามหญ้าเล็กๆเหมาะสำหรับจัดงานปาร์ตี้เล็กๆสำหรับครอบครัว มีสวนหย่อมขนาดเล็กเพื่อผ่อนคลายยามว่างของเจ้าของบ้าน
ฟ้าลดาเดินสำรวจรอบตัวบ้านอยู่ได้สักครู่ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล..แก”
“ว่าไงจ๊ะ”
“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก แค่คิดถึงแกอะ แกนะแกกลับมาอยู่เมืองไทยไม่ทันไรเลย คุยกันก็ยังไม่แค่กี่คำเอง สรุปว่ายังเม้าไม่จุใจเลยแกดันโดนคุณพ่อกับคุณแม่ของแกจับคลุมถุงชนซะงัน”
ดารินยาคุยจ้อไม่หยุดหย่อน
“นี่แกโทรมาเทศให้ชั้นฟังเหรอเนี่ย ยัยดรีม?” เมื่อได้โอกาสจังหวะเหมาะๆฟ้าลดาจึงได้พูดขึ้นมาบ้าง เป็นไงล่ะดักคอไว้ซะเลย อิอิ ก่อนที่คุณเพื่อนของเธอจะเทศยาวไปมากกว่านี้
“แหม...ก็ชั้นคิดถึงแกนี่ยั้ยน้ำฟ้า เดินทางไปเชียงใหม่ก็ไม่ยอมกริ๊งกร๊างมาบอกเพื่อนบอกฝูงกันบ้างเลยนะยะ ใจร้ายอะ”
พอสิ้นคำพูดของเพื่อนสาวฟ้าลดาก็หลุดหัวเราะก๊ากกก.. ออกมาทันทีกับความน้อยอกน้อยใจของเพื่อนสาว แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือการสนทนาของทั้งสองสาวเมื่อครู่นี้อยู่ในสายตาของภาสกรและได้ยินหมดทุกคำพูดในการสนทนา เขาไม่ได้เสียมารยาทนะแต่มันได้ยินเองต่างหาก และที่สำคำเขายืนอยู่ตรงนี้ ตรงระเบียงห้องนอนนานแล้ว นานก่อนเธอ(ฟ้าลดา)จะเดินออกมาจากตัวบ้านเสียอีก
sexygirl
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2555, 17:40:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มี.ค. 2555, 17:40:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1474
<< บทนำ | บทที่ 2 ความจริง(ที่ทำให้เธอยอม...) >> |