ลำนำเถื่อน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๓

สวัสดีค่ะ

มาแล้วจ้า โทษทีที่หายต๋อม

กรรมสิทธิ์หัวใจ สัปดาห์หน้านะจ๊ะ

.............................

ตอนที่ ๓

เป็นเวลาสองวันผ่านมาแล้วหลังจากลภนกลับจากการไปทานอาหารที่บ้านอนันตกรณ์ ชายหนุ่มกลับมาทำตัวไร้กังวลเหมือนปกติแล้ว หลังจากระบายให้นภาฟังอย่างหมดเปลือกก็ดูเหมือนลภนจะไม่ใยดีอะไรกับเรื่องที่วัฒนาขอให้ช่วยอีกต่อไป

แต่คนที่ไม่สบายใจแทนกลับเป็นนภา

กับเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะใจของนภาก็เป็นห่วงทั้งคู่ทั้งสองฟาก ด้วยหนึ่งคือลูก ส่วนอีกหนึ่งก็คือคนที่รักและครั้งหนึ่งก็เคยฝากชีวิตไว้กับเขาด้วยความเต็มใจ

นภาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร แน่นอนว่าถ้าลภนถูกขอร้อง นภาก็เชื่อว่าวัฒนาคงกำลังประสบปัญหาหนักหน่วงจริงๆ แต่ว่า....

แล้วถ้ามองในความรู้สึกของคนถูกขออย่างลภเล่า? ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับไม่ใช่หรือ

คนคิดจำเป็นต้องผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขณะที่นภากำลังเค้นคิด ว่าตัวนางจะสามารถช่วยอะไรได้บ้างในสถานการณ์ที่บอบบางอิหลักอิเหลื่อเช่นนี้ นภาได้แต่ผ่อนลมหายใจยาวๆอีกครั้งเมื่อจำเป็นต้องยุติเรื่องที่คิดไว้แล้วเดินเข้าไปรับสายโทรศัพท์ที่ดังกริ๊งกร๊างไม่หยุดนั่นเสียก่อน


“สวัสดีค่ะ นภาฟาร์มค่ะ”


“ภา นั่นภาหรือเปล่า?” แล้วเสียงทุ้มๆที่ถามกลับมาก็ทำให้นภาต้องเบิกตากว้าง แม้จะแยกกันอยู่มานานหลายปีแล้ว หนำซ้ำไม่ค่อยจะได้สนทนากันบ่อยเท่าไหร่ แต่นภาก็ยังจำเสียงของคนที่โทร.มาได้ จำได้เป็นอย่างดีเสียด้วย เพราะวันนี้ทั้งวัน เรื่องกลุ้มๆของเขากับลูกนั้นอยู่ในหัวของนภามาตลอด


“คุณวัฒน์...”


“ภา ใช่ภาจริงๆด้วย ดีจริงที่ได้คุยกับคุณ คุณเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม?” คนปลายสายถามไถ่เป็นชุด สัมผัสได้ชัดอยู่ว่าเสียงเขายิ้มได้ไม่น้อยเทียว นภาจึงได้แต่คลี่ยิ้มบางๆเมื่อตอบคำถามอีกฝ่าย

“ค่ะ ฉันบายดี แล้วคุณล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ผมก็สบายดี ขอบคุณมากนะสำหรับองุ่นที่คุณฝากมาให้ อร่อยมาก”

นภาคลี่ยิ้มขึ้นมากอีกนิด ยามได้ยินประโยคอย่างนี้ก็ชวนให้ระลึกถึงใบหน้าและอุปนิสัยอบอุ่นอารีของวัฒนาได้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนสุภาพ เข้าใจใช้คำพูดจนสามารถบอกได้ว่าเป็นชายปากหวานคนหนึ่ง ซึ่งส่วนมากแล้วลักษณะนิสัยแบบนั้นก็มักจะเป็นสมบัติของคนเจ้าชู้

ทว่าวัฒนากลับไม่ใช่ แม้อัธยาศัยเขาดีแต่เขาไม่เคยจะใช้อัธยาศัยนั้นกับผู้หญิงคนไหนจนเกินงาม...นอกจากกับนภาแค่นั้น และนั่นก็คือเหตุผลที่วัฒนาได้ใจของนภาไปครอง


แต่แน่นอนว่ามันเป็นคนละเรื่องกับความรู้สึกของคุณพะยอมต่อนภา


“เอ่อ...ภา” เสียงเรียกทุ้มๆของวัฒนาดึงนภาให้หลุดจากห้วงความคิด “เอ่อ...แล้ว...แล้วลภล่ะ เขาสบายดีหรือเปล่า”

ทันทีที่ถูกถามก็เหมือนอย่างจี้โดนจุดสำคัญ แผลใหญ่จะให้หายได้นั้นมันก็ต้องใส่ยาให้ถูก และจะใส่ยาให้ถูกได้ นภาก็จำต้องรู้แจ้งถึงเหตุแห่งแผลก่อนเท่านั้น


“ลภน่ะหรือคะ” คนถูกถามทวนคำ “ฉันว่าเขาก็คงไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่หรอก”


นานเป็นอึดใจที่คนปลายสายนิ่งเงียบ


“มันเกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณวัฒน์ ทำไมถึงขอให้ลูกทำแบบนั้น”


ในที่สุดนภาก็เอ่ยถามชนิดดับเครื่องชนซึ่งยังผลให้คนถูกถามต้องถอนใจหนักหน่วง


“ผมเป็นหนี้ภา” วัฒนาบอกเรียบๆ “เซียงกงอนันตกรณ์...มีปัญหาเรื่องเงินสาหัสอยู่”


“เป็นไปได้ยังไง” นภาร้องคราง เพราะสำหรับวัฒนาคนที่นภาเคยรู้จักมาตลอดชีวิต เป็นไปไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์อย่างที่เขาบอก วัฒนาเป็นคนระมัดระวังในเรื่องการบริหารเงินมาก มิหนำซ้ำเขาก็ลงหลักกับธุรกิจอะไหล่รถยนต์มาตั้งแต่เขาอายุเพียงยี่สิบต้นๆเท่านั้น

สมัยนั้นร้านเขายังเป็นแค่ตึกแถวทรุดโทรมสี่คูหา แต่วัฒนาก็มุมานะขยายธุรกิจกระทั่งร้านเล็กๆเติบโตกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่นาม ‘เซียงกงอนันตกรณ์’ ที่ใครๆก็รู้จักอย่างทุกวันนี้

และในเมื่อรากฐานของเซียงกงอนันตกรณ์แข็งแรงมั่นคงเสียขนาดนั้น แล้วความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ตรงไหนกัน?


‘ฮึ! ก็ผิดตรงที่ดันมีคนเนรคุณอย่างผมไง ทิ้งธุรกิจยักษ์ใหญ่ให้น้องชายเล็กๆดูแล!’


นั่นเป็นคำประชดประชันที่ลภนพ่นออกมาเพราะความอัดอั้น เมื่อนภาคาดคั้นถาม ลูกชายของนางก็จะแสดงความเห็นเชิงประชดประชันคนบ้านอนันตกรณ์เสมอ หากแต่ว่านภารู้ดี นั่นมิใช่ความเกลียดชัง


แต่มันคือความน้อยเนื้อต่ำใจ และนภาก็เชื่อว่าเหตุผลที่ลภนประชดออกมาต้องไม่ใช่

เพราะเมื่อลภนตัดสินใจกลับมาอยู่กับนาง รภัทรก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆอะไรแล้ว และถ้าหากปัญหาเริ่มเกิดหลังจากที่ลภนเลิกทำงานให้อนันตกรณ์แล้วละก็...


“เรื่องนี้...เกี่ยวกับคุณภัทรไหมคุณวัฒน์?” นภาถามตรงๆ ความจริงนภาไม่ได้เกลียดชังหรืออะไรกับรภัทรแม้แต่น้อย แต่หนนี้นางก็ไม่เห็นเหตุผลอื่นใดที่จะดึงเซียงกงอนันตกรณ์เข้าสู่การเป็นหนี้สินอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้ได้


แล้วก็เป็นอีกครั้งที่วัฒนาต้องนิ่งไป นานชั่วอึดใจก่อนเขาจะได้เอ่ยยอมรับ


“ใช่ ภัทรเขา...ไม่ค่อยจะรอบคอบแล้วก็ไม่ทันคนสักเท่าไหร่” วัฒนากล่าว น้ำเสียงเจือความรู้สึกทุกข์เสียจนสัมผัสได้ นภาผ่อนลมหายใจ


“ถ้าไม่รังเกียจ เล่าให้ฉันฟังได้ไหม นึกเสียว่าปรับทุกข์กับเพื่อนเก่าก็ได้”


“ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นแค่เพื่อนเลยภา” วัฒนาพูด แม้จะไม่ถึงกับสาหัส แต่สำหรับวัฒนา มันก็มีความรู้สึกทุกข์กับเรื่องที่รุมเร้าอยู่ไม่น้อย


“ภัทรเขาเป็นคนหนุ่ม” วัฒนาเริ่ม “มั่นใจในตัวเองสูง เขาเลยไม่ต้องการให้ผมเข้าไปวุ่นวายกับการบริหารงานของเขา เพราะเขาคิดว่ามันเหมือนกับผมไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อมือ”


นภานึกภาพตามออกได้ รภัทร อนันตกรณ์ก็มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับแม่ของเขา...


เจ้าอารมณ์ เชื่อมั่นตัวเองและคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำจะถูกต้องเสมอ


“แต่ยังไงเขาก็ยังอ่อนประสบการณ์ ความลำพอง เชื่อมั่นในตัวเองเกินไปทำให้พลาด ถูกพนักงานในร้านฉ้อโกง หลอกให้รับซื้ออะไหล่เก่าไม่มีคุณภาพมาขายต่อ มิหนำซ้ำยังยักยอกเงินในบัญชีไป มาระแคะระคายก็เมื่อตอนที่...เสียหายไปหลายสิบล้านแล้ว”


“ตายจริง...” นภาคราง เมื่อได้รู้อย่างนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าเห็นใจ


“ผมก็ได้แต่กู้เงินจากนายทุนมาพยุงเซียงกงไว้ก่อน ผมไม่อยากเห็นธุรกิจที่สร้างมากับมือต้องล้มไป”
นภาผ่อนลมหายใจออกมา


“แต่ลภไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยนี่คะ ทำไมคุณถึงไปขอร้องลูกแบบนั้น คุณต้องเห็นใจลูกด้วย เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่งกลับต้องเอากระดูกมาแขวนคอ ลภไม่มีทางยอม”


“ผมรู้” วัฒนากล่าวเบาๆ “มันคงเป็นเรื่องที่ลภก่นด่าว่างี่เง่า แต่ผมคิดว่าผมไตร่ตรองดีแล้ว”


“จริงหรือคะ ขอร้องให้ลูกแต่งงานล้างหนี้ที่เขาไม่ได้ก่อ นี่น่ะหรือที่ว่าไตร่ตรองดีแล้ว ลภเสื่อมศรัทธากับคุณมากนะ ฉันไม่สบายใจเลยเพราะไม่อยากให้ลูกคิดกับคุณแบบนั้น แต่สิ่งที่คุณทำ...”


“ภา” วัฒนาเรียกชื่อของนภาเบาๆ น้ำเสียงเขาจริงจังสุขุม “ที่ผมขอร้องลภ ก็เพราะลภเป็นลูกชายที่ผมภูมิใจที่สุด”


นภาหลับตาลงมา มือขวาที่ถือหูโทรศัพท์อยู่กำแน่น นาทีนี้ความรู้สึกสงสาร เห็นใจลูกพร่างพรูออกมาจนทะลักล้น


“ค่ะ แต่เพราะคำพูดแบบนี้แหละ ที่ทำให้ลภคิดว่าคุณหวังแต่ผลประโยชน์จากเขา” นภากล่าว ออกจะผิดหวังอยู่ครามครัน เมื่อนางพยายามแล้ว พยายามที่จะคิดว่าวัฒนาทำเพราะมีเหตุผลเข้าท่ามากกว่าคำพูดหวานหูแบบนั้น แต่สิ่งที่เขาว่านั่นไม่ได้ช่วยทำให้เขาดูดีขึ้นเลย


“ภา” วัฒนาต้องเรียกชื่อคนอีกฝ่ายอีกครั้ง เมื่อสัมผัสถึงความผิดหวังในน้ำเสียง

“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ใจผมน่ะไม่เคยหวังประโยชน์อะไรจากลภเลย ที่ขอร้องลูกหนนี้ก็เพราะรู้สึกว่าผมภาคภูมิใจกับลูกชายอย่างลภมากที่สุด คุณเมธาที่ให้ความช่วยเหลือผมเรื่องเงิน เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีกับผมมากคนหนึ่ง หากเขายินดีจะดองกับครอบครัวเรา ผมก็อยากให้เขาได้ลูกเขยดีๆ ลภน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความคิดความอ่านเขาดีกว่าภัทรมาก ถ้าหากเขาแต่งงานกับลูกสาวคุณเมธา เขาก็คงจะประคับประคองชีวิตคู่ของเขาให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง”

“แล้วใจของลูกล่ะ คุณไม่คิดบ้างหรือ ว่าลภจะรู้สึกยังไง?” นภาถาม แต่ทว่า...


“ลภยังไม่มีใครไม่ใช่หรือ” อีกฝ่ายกลับเลี่ยงตอบไม่ตรงคำถาม


“ก็ใช่ แต่คุณก็ต้องนึกนะว่าการต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันก็ทรมาน”


“รู้สิ” วัฒนาบอกเสียงเบา “ทำไมผมจะไม่รู้”


นานเป็นอึดใจที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเพราะเข้าใจลึกซึ้งถึงความนัยของประโยค


“แต่ลูกสาวของคุณเมธาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ตรงไหน ถ้าลองให้ทำความรู้จักกันสักพัก เขาอาจจะถูกใจกันบ้างก็ได้”


เห็นได้ชัดว่าวัฒนาไม่ละความตั้งใจเลย แต่นภาก็รู้สึกได้ว่าเขาลำบากใจจริงๆ ธุรกิจถูกคนฉ้อโกง ยักยอกจนเสียหายไปเป็นหลายสิบล้าน หนี้สินมากมายขนาดนั้นจะให้คนวัยหกสิบกับลูกชายอารมณ์ร้อนที่มีส่วนสร้างหนี้ขึ้นมาต้องหาใช้คืนให้สิ้นก็คงจะลำบาก!

นภาได้แต่ครุ่นคิด ชั่งน้ำหนักในใจระหว่างลภนกับวัฒนาอย่างหนักหน่วง

คนหนึ่งคือลูก ส่วนอีกคน...ก็พ่อของลูกนั่นละ!


“ภา คุณจะขอร้องลภให้ช่วยพ่อที่ไม่เอาไหน...อย่างผม สักครั้งจะได้ไหม”
แล้วคนถูกถามก็ได้แต่ทอดถอนใจ


“ก็ได้ค่ะ ฉันจะลองพูดให้”


“จริงๆรึภา ขอบคุณมาก ขอบคุณ” จับได้ชัดว่าวัฒนายินดีในความช่วยเหลือครั้งนี้มากขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรนภาก็ยื่นคำขาด


“แต่ฉันรับรองไม่ได้หรอกนะคะว่าคำตอบของลภจะเป็นยังไง และขอให้คุณรู้ไว้ ถ้าสุดท้ายลูกไม่ตกลง ฉันก็จะไม่บังคับลูก”


“ได้สิภา” วัฒนารับคำ “ผมเองก็สัญญา ว่าสุดท้ายแล้วผมก็จะเคารพการตัดสินใจของลภเช่นกัน”
............................


เมื่อวางสายจากอีกฝ่าย นภาก็เดินออกมาหน้าบ้าน สายตานางเพ่งมองไปยังร่างสูงใหญ่ของบุตรชายที่กำลังเกณฑ์คนงานสองคนให้ช่วยกันขนกรวดมาถมลงถนนดินหน้าบ้านซึ่งเป็นหลุมบ่อเพราะฝนตกให้เรียบขึ้น ท่าทางการสั่งงาน กระทั่งการลงไปช่วยคนงานถมกรวดด้วยตนเองนั้นแสดงถึงความขึงขังจริงจังกับการดำเนินชีวิต


ใช่...ลูกชายของนางเป็นคนเช่นนั้น หัวแข็งและจริงจังกับชีวิต


นภาได้แต่ผ่อนลมหายใจ ตัดสินใจเดินไปหา


“เป็นยังไง เหนื่อยไหมลูก” คนเป็นแม่ส่งเสียงถาม ลภนเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มกว้าง ตอบด้วยกระแสเสียงอ่อนโยนว่า


“ไม่หรอกครับ หลุมบ่อมีอยู่ไม่เท่าไหร่ ช่วยกันขนอย่างนี้ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จครับ ไม่ทันจะเหนื่อยหรอก”


คนฟังฟังคำตอบแล้วก็ได้แต่คลี่ยิ้ม ยืนดูคนพูดเขาใช้ตัวจอบกระแทกกลุ่มหินคลุกลงไปในหลุมโคลนเละๆบนผิวถนนอยู่สองสามครั้งก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับเด็กหนุ่มรุ่นกระทงสองคนที่ช่วยเขาถมหลุมโคลน

“โต ปื๊ด เดี๋ยวไปช่วยกันขนมาใส่ตรงนี้อีกสักสี่ห้าปุ้งกี๋นะ ไอ้หลุมใหญ่นี่มันยังไม่แน่ เดี๋ยวฝนลงหนักๆมันจะเละอีก”

“ครับนาย”

เมื่อสองหนุ่มรับคำลภนจึงหันกลับมา แม้จะบอกว่าไม่เหนื่อยแต่การออกแรงถมกรวด บวกกับแสงแดดที่เริ่มทอแสงจัดขึ้นในยามสายก็ส่งผลให้เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นตามใบหน้า และยามที่ไม่ได้มีผ้าขาวม้าหรือผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงยกไหล่ซ้ายแล้วป้ายหน้ากับแขนเสื้อเช็ดไปตามใจสะดวก คนเป็นแม่เลยได้โอกาสแซวยิ้มๆ


“ไหนว่าไม่เหนื่อยไงจ๊ะ”


“โธ่! เหงื่อผมเนี่ย มันก็ออกไปนิดๆหน่อยๆเป็นกระสายเท่านั้นล่ะแม่ จริงๆไม่เหนื่อยหรอก นี่ให้ผมถมต่อไปจนสุดถนนก็ยังไหว” คนไม่เหนื่อยคุย

“โอ...นี่แม่เพิ่งรู้นะว่าแม่นี่มีลูกเป็นพ่อหนุ่มเฮอร์คิวลิส”

คนถูกแซวหัวเราะขำก่อนพยักเพยิดให้คนเป็นแม่เดินตามเขาไปยังร่มก้ามปูใหญ่ที่ปลูกอยู่ด้านข้าง ระหว่างทางก็หันมาถาม

“ว่าแต่ที่ออกมาหาผมนี่ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“แม่ก็...มีอะไรอยากคุยกับลภหน่อยซี”

ลภนชะงักกึกทันที แทบจะรู้ได้ในนาทีนั้นเลยทีเดียวว่ามารดาต้องการจะพูดเรื่องอะไร เพราะถึงแม้สองวันที่ผ่านมาเขาจะแสร้งทำว่าลืมเรื่องบ้าๆนั่นไปแล้ว แต่ที่จริงมันก็ยังจมอยู่ครบถ้วนในใจนั่นแหละ ชายหนุ่มหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นมารดา นาทีนี้ไม่มีรอยยิ้มอารมณ์ดีอีกแล้ว

“ลภ” นภาเอ่ยออกมา ก็เพราะเป็นลูกที่รักหนักหนา เพียงแค่สีหน้านางก็รู้ว่าลภนคิดอะไร มืออุ่นจึงยื่นไปสัมผัสแขนบุตรชาย


“แม่รู้ว่าลภรู้ ว่าแม่อยากพูดอะไร”


“เรื่องแต่งงาน! ทำไมครับ?” ลภนแค่นเสียงถาม “เขาโทร.มาสั่งแม่ให้หว่านล้อมผมให้ยอมช่วยใช่ไหม?!”


“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลูก” นภารีบพูด “นี่น่ะเป็นความต้องการของแม่เอง แม่อยากให้ลภลองช่วยพ่อ”


“แม่” ลภนแทบร้องคราง “ทำไมแม่ถึงรักผู้ชายคนนั้นได้ขนาดนี้ ทำไม...ทำไมแม่ไม่คิดถึงใจผมบ้าง ไอ้สิ่งที่เขาขอให้ผมทำ คือการแต่งงานล้างหนี้ที่ผมไม่ได้ก่อนะ!”


“แม่รู้ลภ แม่เข้าใจ”


“เข้าใจ? เข้าใจแล้วทำไมแม่ถึงยังขอให้ผมช่วยล่ะ ลูกชายเขาอีกคนน่ะ ทำไมไม่ไปแตะต้องบ้าง!” ชายหนุ่มร้องถาม มองคนเป็นแม่ด้วยแววตาระคนกันไปหมดทั้งขุ่นเคือง ผิดหวังและน้อยใจ! แต่ทว่า...


“ลภ” นภาเอ่ยเรียก น้ำเสียงของผู้เป็นแม่นั้นจริงจังเสมอยามหยิบยกเหตุผลของตนขึ้นอธิบาย “ลภอาจมองว่าแม่ลำเอียงรักพ่อเขามาก ใจร้าย รึไม่คิดถึงจิตใจของลภเลย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ”


ลภนสะบัดหน้าไปอีกด้าน ยามนี้เขาก็เหมือนเด็กป่วยดื้อๆที่ไม่ยอมรับเหตุผลในการต้องกินยาขมๆเพื่อรักษาโรคเท่านั้น


“ลภ ลภน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะจ๊ะ แล้วแม่ก็ไม่อยากให้อคติมันบังตาลภไปเสียจนหมด คิดดูให้ดีเถอะ มีประโยชน์อะไรที่จะปล่อยให้เขาต้องลำบาก ในเมื่อเราก็อยู่ในวิสัยที่สามารถช่วยเขาได้”


“ช่วยเขา? ทั้งๆที่เขาไม่เคยรัก ไม่เคยห่วงเราเลยงั้นน่ะหรือครับ?!”


“ไม่จริงหรอก แม่รู้ ว่าพ่อเขาห่วงลภแล้วก็รักลภมากนะ”


“ฮึ! รัก?” ชายหนุ่มทวนคำ ความรู้สึกสมเพชในชีวิตของตัวเองประดังประเดเข้ามาเสียจนเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจุก

“รัก แต่บังคับให้ผมต้องแต่งงานล้างหนี้ อย่างนี้เรียกรักแบบไหนกัน!”


นภาผ่อนลมหายใจออกมา


“นี่ก็อีก อคติบังตา” คนเป็นแม่ว่า “พ่อเขาอาจจะบอกลภตามประสาผู้ชายด้วยคำตรงๆว่าแต่งงาน แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะล็อคคอให้ลภต้องไปแต่งทันทีทันใดนี่จ๊ะ ใช่ไหม การแต่งงานมันต้องมีพิธีรีตองมากมาย อย่างน้อยๆน่ะทางผู้ใหญ่เขาก็ต้องให้ลภได้พบกับฝ่ายผู้หญิงก่อน แล้วทำไมเท่านี้ลภถึงไม่ยอมไปพบฝ่ายโน้นให้พ่อเขาสักนิดเล่า แม่เชื่อว่าบางทีฝ่ายหญิงเขาก็คงไม่ได้ต้องการจะถูกคลุมถุงชนอย่างลภเหมือนกัน เพราะไม่มีใครในโลกหรอกที่จะมีความสุขถ้าเขาต้องถูกข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า เมื่อถึงตอนนั้น เราก็ค่อยเจรจาหาทางออกที่ดีกว่าการแต่งงาน แม่ว่าทำแบบนั้นจะดีกับทุกคนทุกฝ่ายมากกว่า”


ลภนนิ่งอั้น เขาไม่ได้โต้ตอบวาจาอะไรกับคำอธิบายแกมโน้มนาวที่ยืดยาวของนภาทั้งนั้น เพราะ...มันก็เหมือนว่าทุกอย่างจะจริงตามแม่พูดหมดนั่นล่ะ!

ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองน่ะอคติ

เต็มๆล้วนๆเลยทีเดียวเชียวล่ะ!

นั่นเพราะไม่ว่าจะด้วยความโกรธ น้อยใจ เสียใจหรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็แค่อยากให้คนเหล่านั้นได้รู้สึกกันเสียบ้าง!


แต่ทำไมล่ะ ทำไมฟ้าถึงเหมือนจะกลั่นแกล้ง ให้เขาต้องกลายเป็นผู้สร้างกุศลด้วยการต้องเอาชนะความอยากสีดำในใจตัวเองเสมอ?!


“ลภ...” แล้วเสียงเรียกพร้อมมืออุ่นๆของมารดาที่ทาบลงมาบนแขนเขานั้นก็ราวกับจะย้ำ ให้ลภนต้องยอมรับ


“ถึงยังไง พ่อเขาก็เป็นพ่อของลภนะ”


“ก็ได้ครับ!” ในที่สุดเขาก็โพล่ง “ถ้าเป็นความต้องการของแม่น่ะ สำหรับผม ซ้ายก็ซ้าย ขวาก็เป็นขวาเสมอ!”
...............................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2555, 13:21:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2555, 13:21:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1752





<< ๒   ตอนที่ ๔ (๑) >>
ling 28 มี.ค. 2555, 15:06:58 น.
ว้า กำลังสนุกเลย ใกล้เจอกันแล้ว


maplezaa 28 มี.ค. 2555, 17:35:41 น.
คุณลภ อย่าแต่งดิ ให้ไอคนก่อหนี้มันไปแต่งเลย อิอิ

ทำไมคุณพ่อไม่เอาไปเล่าให้แม่กะเมียโน้นฟังบ้างละค่ะ เค้าจะได้เลิกมองคุณลภแบบนี้ หมั่นไส้(เกลียด))แทนคุณลภเลยอ่ะ


ree 28 มี.ค. 2555, 18:04:37 น.
ทำไมไม่ให้คนก่อหนี้เป็นคนแต่งล้างหนี้ล่ะ


แพม 28 มี.ค. 2555, 22:51:51 น.
จริง ๆ นะ มองอย่างปราศจากอคติ มันก็ไม่ผิดถ้าลภนไม่คิดจะช่วยเหมือนกันนะ ในเมื่อต้นเหตุมันไม่ได้เกิดจากลภนเหมือนกัน จริงไหม? การทดแทนบุญคุณทำแบบอื่นก็ได้นิ ก็ให้เขายึดทรัพย์สินไป ไปรับพ่อมาเลี้ยงดู จะพ่วงย่าด้วยก็ได้ (ถ้าเขายอมนะ ยังไงก็คงต้องยอมมั้ง เชิดหน้าไม่ได้แล้วนิ) ส่วนลูกและเมียอีกคน โต ๆ กันแล้วนิ ทำมาหากินกันเองได้นะ มีมือมีเท้า มีสมองก็ทำงานสิ


lovemuay 29 มี.ค. 2555, 09:47:12 น.
หวังว่าอีตาลภจะไม่อคติกะนางเอกของเราไปด้วยอีกคนนะ ^^


ปาริน 26 เม.ย. 2555, 11:33:11 น.
สวัสดีค่ะ

ขอโทษที่หายไปนะคะ แต่จะมาแจ้งว่า คนแต่งขออนุญาตลาไปปฏิบัติธรรม 1 เดือนจ้า แล้วเราจะกลับมานะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามเป็นกำลังใจค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account