เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 1



บทที่ 1

เช้ารุ่งอากาศสดใสท่ามกลางฤดูหนาว สภาพอากาศทางภาคเหนือนั้นหนาวเย็นเฉลี่ยต่ำกว่าภาคอื่นของประเทศ เป็นอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำพอควร หญิงสาวร่างเล็กบางจึงต้องสวมทับด้วยเสื้อไหมพรมสีฟ้าสดใสยืนกอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง วันนี้เธอมีโปรแกรมที่จะเข้าไปในตัวเมืองแต่ปัญหาก็คือเธอจะไปอย่างไรเพราะวันนี้ไม่มีใครที่เธอพอจะขอติดรถเข้าไปได้ด้วยเลย ‘ศรินดา’ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ พลางคิดในใจ

...สงสัยจะต้องถีบจักรยานออกนอกไร่แล้วต่อรถไปต่อซะแล้วล่ะมั้ง...

แต่ก็ยังไม่ได้ทำตามความคิดเพราะรถยนต์โฟร์วีลสีดำเลื่อนมาจอดสนิทตรงหน้าเธอ กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงจนเห็นใบหน้าคม ทว่าขาว คิ้วเข้ม ตาสีดำทรงอำนาจ ดูภายนอกอาจจะน่ากลัวแต่ใครจะรู้ว่ายามเมื่อผู้ชายคนนี้ยิ้มนั้นราวกับแสงตะวันที่คอยสาดส่องให้ความอบอุ่นแก่คนรอบข้างท่ามกลางอากาศที่หนาวย็นของฤดูหนาว

“จะไปไหนริน” ‘พนาดร’ ลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงธฤตเจ้าของไร่ชาชื่อดังติดอันดับต้นๆในแถบนี้ ผู้ชายที่นับตามศักดิ์แล้วเป็นพี่ชาย

“เข้าเมืองค่ะ พี่ต้นล่ะคะไปไหน” คนเป็นน้องสาวตอบเสียงใสพร้อมตั้งคำถามถามพี่ชายที่แม้จะไม่ใช่พี่ชายในทางสายเลือดแต่ศรินดาก็ทั้งเคารพ ทั้งรักพนาดรไม่ต่างไปจากพี่ชายแท้ๆ

“พี่ก็กะจะเข้าเมืองเหมือนกัน ไปด้วยกันสิ” ได้ยินดังนั้นหญิงสาวถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ด้วยเจ้าตัวดีใจสุดๆที่ไม่ต้องออกแรงเหนื่อยถีบจักรยานท้าลมหนาว ดวงหน้ารูปไข่พยักหน้าหงึก โดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

“รินรีบมั้ย ไปธุระกับพี่ก่อนได้หรือเปล่า” คนขับถามขณะที่รถหยุดนิ่งเพราะติดไฟแดง

รินส่ายหน้า “ไม่รีบค่ะ” แถมยังยิ้มรับจนคนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาโยกหัวน้องสาวเบาๆ

“พี่ต้นมาสนามบินทำไมคะ รับใครเหรอ” รินหันมาถามพี่ชายตาแป๋วอย่างคนไม่รู้อะไร เมื่อรถของพนาดรมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ แต่คนถูกถามกลับทำสีหน้างงๆอย่างไรบอกไม่ถูกจนคนถามรู้สึกแปลกใจว่าตัวเองถามอะไรที่ไม่ควรถามไปหรือเปล่า

“ทำไมคะ ถามไม่ได้เหรอ” รินถามเสียงแผ่ว กลัวเหลือเกินว่าจะถูกพนาดรดุเอา

“เปล่าหรอก พี่แค่สงสัยว่ารินไม่รู้หรือว่านายดลกลับวันนี้”

“คะ?” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูงอย่างตกใจ “คุณดล...กลับวันนี้เหรอคะ”

“ใช่สิ...ไม่รู้รึไงเราน่ะ” ศรินดาตัวแข็งขึ้นทันใดเมื่อรู้ว่าวันนี้ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตจะกลับมา เธอไม่รู้จริงๆว่าเขากลับมาและยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าธุระของพี่ต้นคือการมารับเขา...ผู้ชายคนสุดท้ายในโลกที่เธอคิดจะเจอ!

“พี่ต้น รินลงตรงนี้นะ แล้วพี่ต้นไม่ต้องมารับ รินกลับได้” พูดจบร่างบางก็รีบกระวีกระวาดลงจากรถแต่ก็ไม่ไวพอเท่ามือใหญ่แข็งแรงที่สามารถคว้าแขนหญิงสาวไว้ได้ทัน

“รินมากับพี่แล้วจะกลับไปคนเดียวได้ยังไง” พนาดรแย้งไม่เห็นด้วยแต่รินกลับอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบพี่ชายไปว่าอย่างไร ใครว่าเธอไม่อยากกลับกับพี่ต้น หากแต่เธอไม่อยากเจอใครบางคนต่างหาก เธอยังไม่พร้อม ยังไม่พร้อมเลยที่ต้องเริ่มทำสงครามความแค้นกับใคร

“ริน...ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม “แล้วคุณดลคงไม่อยากเห็นรินด้วย” แต่คราวนี้น้องสาวยอมบอกเหตุผลที่แท้จริง พนาดรจึงถอนหายใจออกมายาวเหยียด มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่โตของน้องสาว

“ริน...น้องสาวมารับพี่ชายมันผิดตรงไหนกัน แล้วพี่บอกรินกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกนายดลว่า ‘พี่’ ทำไมต้องเรียกว่า ‘คุณ’ หืม? " รินเม้มปาก ใจหนึ่งก็อยากจะลองเชื่อพี่ต้นดูสักครั้ง แต่พอนึกถึงความทรงจำในอดีตที่ธนาดลมอบแต่สิ่งที่เลวร้ายให้กับเธอ ความเชื่อใจเหล่านั้นแทบหายสิ้นไปจนติดลบ

“แต่ริน...” หญิงสาวอ้าปากจะปฏิเสธอีกครั้ง

“ถือว่าพี่ขอ...ได้มั้ย” คราวนี้พนาดรใช้ไม้อ่อนขอร้องน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ตาสวยคู่โตฉายแววความลังเลออกมาอย่างชัดเจนก่อนที่จะพยักหน้ารับคำขอร้องของพี่ชายเบาๆ










ภายในท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังยืนรอน้องชายคนเดียวที่กำลังจะเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดหลังจากจากไปนานกว่าสิบปี จากไป...อยู่อีกฟากหนึ่งของซีกโลก และกลับมายังแผ่นดินเกิดอีกครั้งเมื่อมารดาได้ออกเดินทางไกลจากโลกมนุษย์เบื้องล่างสู่สรวงสวรรค์เบื้องบน ด้านหลังของพนาดรมีสาวน้อยร่างบางยืนหลบอยู่ พยายามอย่างที่สุดที่จะทำตัวให้ลีบเข้าไว้เพื่อให้บุคคลที่กำลังจะกลับมามองข้ามเธอไปเสีย ยิ่งไม่เห็นเลยยิ่งดี แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะมองกลุ่มของผู้โดยสารเป็นครั้งคราว ดวงตาโตสวยสีดำเข้มเบิกกว้างเมื่อโฟกัสของสายตาตัวเองจับไปที่ผู้ชายสูงคนหนึ่ง ผู้ชายที่มีใบหน้าขาว ไม่สิผู้ชายที่ขาวมากคนหนึ่ง ผมตัดทรงตามสมัยนิยมระต้นคอ ดวงตาคมดุทรงอำนาจพอๆกับคนเป็นพี่ชายและริมฝีปากที่มักจะเหยียดยิ้มหยันเธอเสมอ...คุณดล!

สิบกว่าปี ทั้งที่เป็นเวลาตั้งสิบกว่าปี ทำไมเธอถึงมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นคือคุณดล มันคงเพราะความฝังใจ ความเกลียด ความแค้น ที่ทั้งเธอและเขามอบให้แก่กัน จึงทำให้ความรู้สึกลึกๆของเธอบอกว่า คนๆนี้...คือธนาดล

“พี่ต้น สวัสดีครับ” ธนาดลเดินเข้ามาหาพี่ชายพร้อมด้วยกระเป๋าใบโต

“เออ..กว่าจะเสด็จกลับมาได้นะนายดล พ่อต้องโทรไปเกลี้ยกล่อมตั้งนานสองนาน” พนาดรอดไม่ได้ที่จะติงน้องชายทั้งๆที่ตั้งใจมาแล้วว่าจะไม่ว่ามันเรื่องนี้แต่พอเห็นหน้าก็อดไม่ได้จริงๆ หากน้องชายตัวดีก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะธนาดลทำเพียงแค่หัวเราะต่ำๆเท่านั้น แต่จู่ๆเสียงหัวเราะก็หยุดลงเมื่อนัยน์ตาคมคู่นั้นหยุดกึกไปที่ร่างของผู้หญิงด้านหลังของพี่ชาย เพียงแค่เศษเสี้ยวของดวงหน้า เพียงแค่นิดเดียว เขาก็รู้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังหลังพี่ชายคือใคร...ศรินดา!

“มาทำไม” ชายหนุ่มถามเสียงต่ำ กระชาก และห้วน

“ดล” พนาดรเรียกน้องชายเชิงเตือน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนเลยแม้แต่น้อย

“ฉันถามว่าเธอมาทำไม” คนถูกถามยังคงนิ่งเงียบ ท่องในใจว่าเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรหรือเสียงของใครทั้งสิ้น วันนี้เธอหูหนวก ตาบอด ไม่ได้ยินอะไรหรือเห็นใครทั้งนั้น

“เป็นใบ้รึไง ถามทำไมไม่ตอบ” ไม่พูดเปล่าเพราะคนตัวโตถึงกลับกระชากร่างบางให้ออกจากด้านหลังของพี่ชายจนร่างนั้นแทบที่จะชิดกับตัวเอง คราวนี้คนถูกรังแกจึงเชิดหน้ามองคนตัวโตด้วยดวงตาวาววับ

“รินมีสิทธิ์ตอบด้วยหรือคะ”

“อย่ามากวนประสาท” ธนาดลพูดเสียงรอดไรฟัน “ใครใช้ให้มารับ...หรือว่าเสนอตัวมา ทำไม? คิดจะจับฉันอย่างที่แม่เธอจับพ่อฉันรึไง” ไวกว่าความคิดของหญิงสาว มือเรียวฟาดเข้าไปเต็มแรงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างแรงพอที่จะทำให้ใบหน้าของธนาดลนั้นหันไปตามแรงของมือ

“คุณจะว่ารินยังไงก็ได้ จะด่าจะกดขี่ยังไง รินไม่เคยว่าคุณ แต่อย่ามาว่าแม่ของริน!” พูดจบหญิงสาวก็ผลักคนตัวโตออกไปให้พ้นทางก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากสนามบินโดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมา

“มากไปแล้วนะดล” พนาดรเตือนน้องชายเสียงเรียบหากแฝงไปด้วยความน่ากลัว

“น้อยไปด้วยซ้ำพี่ต้น น้อยไปสำหรับคนแบบนั้น!” หากธนาดลหากลับได้สะทกสะท้านไม่ ชายหนุ่มยังคงมองตามทางที่รินวิ่งไปด้วยแววตาวาวโรจน์ มือหนาลูบแก้มข้างที่โดนตบเบาๆ

...อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆศรินดา!!...











ยามเย็นที่พระอาทิตย์เกือบจะลาลับขอบฟ้า หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งกำลังเดินอย่าโดดเดี่ยวท่ามกลางทางลูกรังเข้าไร่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มดวงหน้าหวานหากเจ้าตัวไม่สนใจที่จะเช็ดมัน ขาเรียวก้าวต่อไปเรื่อยๆอย่าง
ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลยเพราะทุกอย่างมันด้านชาไปหมด ไร้ความรู้สึก...ตั้งแต่เธอปะทะอารมณ์กับผู้ชายร้ายกาจคนนั้น

รินหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน ร่างกายแข็งทื่อราวกับหุ่นเมื่อเห็นใครบางคนยืนพิงอยู่ที่ประตูบ้าน สายตาคู่นั้นจับจ้องมาทางเธอราวกับว่าอยากให้เธอแตกสลายหายไปต่อหน้า

“ไปทำอะไรมาล่ะถึงได้กลับซะเย็นขนาดนี้” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยรอยเหยียดหยัน รินกัดฟันแน่นสะกดอารมณ์ที่พุ่งพล่านไว้ในอก ริมฝีปากบางเม้มสนิทไม่แม้แต่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา

“ถามทำไมไม่ตอบ!” คราวนี้ความอดทนอันน้อยนิดของธนาดลถึงกับขาดผึง มือหนากระชากร่างบางให้ประชิดตัวและดูเหมือนความอดทนของศรินดาก็หมดลงเช่นกัน หญิงสาวเชิดหน้ามองคนตัวโตด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน

“คุณอย่ามาระรานรินนะ” ธนาดลทำเสียง ‘หึ’ ในลำคอ ตาคมราวกับเหยี่ยวจับจ้องใบหน้าหวานอย่างมีเลศนัย

“ไม่เจอกันสิบกว่าปีเก่งขึ้นแล้วหรือศรินดา” ไม่ถามเปล่าหน้าคมสันยังโน้มเข้าใกล้ดวงหน้าหวานอย่างจงใจ

“ฉันถามว่าเก่งขึ้นแล้วหรือ” ไม่ทันที่จะตอบรับหรือปฏิเสธถ้อยคำใดๆริมฝีปากหยักลึกก็ทาบทับริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวผู้ซึ่งไม่เคยได้ลิ้มรสความหอมหวานนี้จากผู้ชายคนใดถึงกับอ่อนระทวยจนแทบไปกองกับพื้น ดีที่วงแขนแข็งแรงของคนที่กำลังแทะเล็มความหอมหวานไม่ตวัดรัดเอวไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องลงไปกองกับพื้นจริงๆ เนิ่นนานกว่าธนาดลจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ รินหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าหวานแดงจัด ทั้งโกรธ ทั้งอาย สับสนปนเปไปหมด ใจจริงอยากจะทำร้ายร่างกายผู้ชายคนนี้ให้เจ็บสักที หากแต่ร่างกายมันไม่อำนวยเอาเสียเลย เรี่ยวแรงก็ดูจะหดหายไปหมด

“ไง...จูบของฉันเล่นเอาเข่าอ่อนขนาดนี้เชียวหรือ” รินตวัดสายตามองคนที่กอดเธออย่างหลวมๆด้วยน้ำตาที่คลอเต็มหน่วย

“คุณมันเลว เลว เลวที่สุด!” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าธนาดล ร่างสูงที่โดนว่าซึ่งๆหน้าขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน ผลักหญิงสาวที่แทบยืนไม่อยู่จนล้มไปกองกับพื้น

“เธอมันก็เลวพอๆกับฉันนั่นแหละศรินดา เลวพอกันทั้งแม่ทั้งลูก พวกชอบแย่งของของคนอื่น พวกแมวขโมย!” ว่าเสร็จร่างสูงก็หันหลังเดินเข้าบ้านทิ้งให้หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นคนเดียวท่ามกลางไอเย็นของฤดูหนาว สะใจเขาแล้วใช่ไหมที่ทำกับเธอแบบนี้ มีความสุขมากใช่ไหมที่เห็นเธอเจ็บ ตาคู่โตที่ตอนนี้เอ่อล้นไปด้วยม่านน้ำตามองตามหลังคนที่คอยเติมเชื้อเพลิงความแค้นให้กับเธอไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนเธอจะไม่มีวันญาติดีกับคนอย่างนั้น...ไม่มีวัน!










เช้าวันรุ่งขึ้นที่แสนธรรมดา อากาศแจ่มใสปลอดโปร่ง หากจิตใจของรินนั้นกลับหม่นหมองราวกับมีหมอกที่อึมครึมมาบดบัง สัมผัสที่ริมฝีปากยังคงเหลือร่องรอยทิ้งไว้ในจิตใจไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามลบเลือนมันออกไปเพียงใด ภาพนั้นยังคงเล่นกลับไปกลับมาอยู่ในหัวอย่างไม่จบสิ้น

ปี๊นนนน!!!!! เสียงดังสนั่นของแตรรถทำให้รินที่เดินอาดริมถนนอย่างเหม่อลอยกระโดดหลบเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตวัดสายตามองรถที่บีบแตรไล่เธอ...โฟร์วีลสีดำคันคุ้นตา แต่บางอย่างทำให้เธอรู้ว่าคนขับไม่ใช่พนาดร ไม่ใช่พี่ต้น เพราะถ้าเป็นพี่ต้นเขาจะไม่ทำกับเธอแบบนี้ ดังนั้นหญิงสาวจึงสรุปเอาเองเลยว่าใครเป็นคนขับรถ ชั่วอึดใจ...กระจกรถถูกลดลงพร้อมกับใบหน้าขาวที่โผล่พ้น

“ขึ้นรถ” ธนาดลออกเสียงสั้นห้วน หากหญิงสาวยังคงนิ่งไม่ไหวติง

“ฉันสั่งให้ขึ้นรถ!” คนในรถเริ่มขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น

“คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตริน รินไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณ!” รินโต้กลับด้วยอารมณ์ที่โกรธไม่แพ้กัน ร่างบางกลับตัวเดินหนีอย่างรวดเร็ว แต่มีหรือที่คนที่ไม่ยอมแพ้ใครอย่างธนาดลจะยอมแพ้ให้กับเรื่องแค่นี้ ชายหนุ่มลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก้าวแค่สามสี่ก้าวก็ทันร่างบางที่กำลังเดินหนี มือหนาตวัดคว้าแขนเรียวอย่างไม่ปราณีแม้หญิงสาวจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก็ตาม

“ถ้าไม่อยากเจออย่างเมื่อวานก็อย่าทำให้ฉันโกรธ” ร่างสูงขู่เสียงต่ำ รินตวัดสายตามองคนบ้าอำนาจอย่างขุ่นเคือง กำมือแน่น ถ้าทำได้เธออยากจะต่อยหนักๆที่หน้าขาวๆนั่นสักที

ศรินดายอมนั่งเคียงข้างกับธนาดลมาด้วยความจำใจกับผู้ชายที่เอาแต่ออกคำสั่งราวกับเขานั้นเป็นเจ้าชีวิตเธอไม่ว่าเขาจะสั่งให้เธอหันซ้ายเธอก็ต้องซ้าย ให้หันขวาเธอก็ต้องขวา ณ เวลานี้รินรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกิน หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำตามคำสั่งของเขา ทำไม!

“จอดรถด้วยค่ะ” รินบอกเสียงเรียบแแต่ธนาดลหาฟังไม่ ชายหนุ่มยังคงคำรถต่อไปโดยไม่ฟังคำร้องขอของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย

“รินบอกให้จอดรถ!”

“เงียบ!!” เสียงทุ้มห้าวตวาดเสียงดัง กระแทกใจดวงน้อยเต็มๆจนรินน้ำตารื่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ธนาดลเหยียบเบรกอย่างแรงจนรถกระชาก ส่วนรินนั้นคงไม่ต้องพูดถึงเพราะหญิงสาวไม่ได้ตั้งหลักไว้ก่อน ศีรษะจึงชนเข้ากับคอนโซนรถอย่างแรง หากแต่มันคงไม่เจ็บเท่ากับสิ่งที่เขากระทำกับเธอตอนนี้หรอก มันไม่ได้ครึ่งกันเลย

“คนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน จำไว้!” ตาคมจ้องหญิงสาวอย่างดุดันก่อนที่จะออกรถอย่างรวดเร็ว รินจึงทำได้แต่กำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ นั่งนิ่งคอเชิดตรงไปข้างหน้า

...แม่จ๋า...เพราะแม่รินถึงยอมให้เขาทำกับรินแบบนี้ รินจะไม่ยอมให้คนอย่างเขามาว่าแม่ของริน ถ้าจะโดนรินขอโดนแทนแม่เองนะจ๊ะ...

รถโฟร์วีลสีดำจอดสนิทที่หน้าไร่ ธนาดลปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

“ลง” เสียงห้าวยังคงออกคำสั่งอย่างห้วนๆแต่คนข้างๆกลับทำหูทวนลมไม่ยอมทำตาม

“ลงจากรถเดี๋ยวนี้ศรินดา” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นคนข้างๆยังคงนิ่งเฉย คนที่อารมณ์ร้อนเหมือนไฟจึงลงจากรถแล้วจัดการกระชากร่างบางให้ลงจากรถอย่างรุนแรง ไร้ความปรานี

“ปล่อยรินนะ รินเจ็บ” หญิงสาวร้อง บิดข้อมือที่แข็งปานเหล็กนั่นแต่มีหรือที่คนอย่างธนาดลจะยอมทำตามความต้องการของหญิงสาว คนอย่างเขายิ่งห้าม...ก็ยิ่งทำ

“รินเป็นคน มีความรู้สึก เจ็บเป็น คุณดลได้ยินไหม” รินร้องขอเสียงอ่อน เขาลากเธอลงจากรถเหมือนกับเธอไม่ใช่คน เขาทำกับเธอเหมือนเธอเป็นตัวอะไรซักอย่างที่มันต่ำต้อย...ไร้ค่า

ธนาดลหยุดทันที แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะเห็นใจหรือนึกสงสารผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ไม่มีวัน! มือหนากระชากข้อมือเรียวให้ประชิดตัว ตาคมสีดำสนิทสบกับตาโตสวยอย่างจงใจ ตาคู่คมที่มีแต่เพลิงไฟแห่งความแค้นที่คอยแผดเผาจิตใจของรินให้มอดไหม้!

“งั้นเธอก็จำไว้ว่าฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นคน เพราะผู้หญิงเลวๆอย่างเธอมันไม่ควรค่าให้ฉันทำดีด้วย...เดิน!” พูดจบคนเผด็จการก็ออกคำสั่งพร้อมกับลากหญิงสาวให้เดินตาม ชายหนุ่มพารินขึ้นมากลางไร่ชาและเนื่องจากรองเท้าแตะที่หญิงสาวใส่มาไม่เอื้ออำนวยในการเดินขึ้นไหล่เขา ข้อเท้าจึงพลิกและลื่นล้มลงไปกองกับพื้นดินที่ชื้นแฉะ แต่ไม่ทันจะลุกมือหนาก็กระชากแขนเรียวอย่างแรงจนแทบหลุด หากแต่พอลุกรินก็ต้องลงไปนั่งกองกับพื้นอีกครั้ง มือข้างที่เป็นอิสระเอื้อมมาจับที่ข้อเท้า ดวงหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวด

“ลุกขึ้น อย่ามาสำออย!” ธนาดลกระชากแขนอีกฝ่ายอย่างแรง

“ริน! เป็นอะไรไป” สองหนุ่มสาวหันไปมองตามเสียง ธนาดลปล่อยมือจากแขนของรินราวกับต้องของร้อน ชายหนุ่มที่ร่างสูงพอๆกับธนาดล หน้าตาก็ละม้ายคล้ายกัน หากแต่ในความรู้สึกของศรินดา ...พนาดรดีกว่าคนอย่างธนาดลหลายเท่านัก!

“รินซุ่มซ่ามเองค่ะ เดินไม่ระวัง เลยลื่น” พนาดรทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือหนาอบอุ่นแตะเบาๆที่ข้อเท้าของน้องสาว สายตาอันอบอุ่นมองมาที่รินอย่างอ่อนโยน

“เจ็บมั้ย?” รินพยักหน้าเบาๆ หากแต่ต้องสะดุ้งเมื่อสายตาของพี่ต้นหยุดกึกที่ต้นแขนของเธอ “แล้วทำไมแขนถึงแดงเป็นจ้ำอย่างนี้”

“คือว่าริน...ริน...” รินไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรเพราะสถานการณ์แบบนี้โกหกว่าล้มมันก็ฟังไม่ขึ้นเลยเพราะรอยที่แขนนั้นแดงขึ้นเป็นรอยนิ้วมือ มันเห็นกันอยู่ชัดๆ และพี่ต้นก็คงไม่โง่พอที่จะเชื่อคำโกหกของเธอ แล้วก็เป็นอย่างที่หญิงสาวคิดจริงๆเมื่อร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมหันกลับไปมองน้องชายที่ยืนจังก้าอยู่

“ทำอะไรน้อง” สิ้นคำถามของพนาดร รินแทบอยากจะแปลงร่างเป็นฝุ่นละอองลอยหายไปให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเธอสามารถรับรู้ได้ทันทีเลยว่าธนาดลจะตอบว่าอย่างไร

“ไม่ได้ทำ เพราะผมมีพี่ชายคนเดียว ไม่มีน้องสาว!” พนาดรถอนหายใจยาวเหยียด คนหนึ่งก็น้องชายแท้ๆ อีกคนหนึ่งถึงจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆหากแต่เขาก็รักเหมือนน้องสาวในสายเลือด คนกลางอย่างพนาดรจึงวางตัวลำบากเพราะจะเข้าข้างใครมากก็ไม่ได้ แต่คราวนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะเข้าข้างศรินดาและถ้าถามถึงเหตุผลเขาเองก็คงตอบได้แค่ว่า...ธนาดลทำรุนแรงเกินไป ถึงจะเกลียดจะแค้นแค่ไหน แต่ศรินดาก็เป็นผู้หญิงและตัวเขาเองก็ไม่เห็นด้วยเลยที่น้องชายแท้ๆจะทำร้ายผู้หญิงแบบนี้

“เกินไปแล้วนะดล รินเป็นผู้หญิง ผู้ชายทำร้ายผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง ดลยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่หรือเปล่า” พนาดรถามน้องชายด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธ ส่วนหนุ่มร่างสูงผิวขาวอีกคนที่เห็นพี่ชายเข้าข้างศัตรูอย่างออกหน้าออกตา อารมณ์ความแค้นยิ่งทวีขึ้นอีกหลายเท่าตัว ถ้าทำได้เขาอยากจะเข้าไปขยี้ผู้หญิงเจ้ามารยาคนนี้ให้แหลกคามือนัก!

“พี่ต้นเห็นผู้หญิงคนนี้ดีกว่าน้องชายแท้ๆของตัวเองงั้นเหรอ”

“ ถ้าพี่บอกว่าเปล่า แกจะเชื่อไหม” ธนาดลทำเสียงในลำคออย่างไม่เชื่อถือ ไม่รู้ว่าพี่ต้นไปโดนผู้หญิงคนนี้หว่านเสน่ห์มาอีท่าไหนถึงได้ออกตัวปกป้องขนาดนี้ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลย

“พี่ต้นก็รู้ว่าผมไม่เชื่อ แม่ของผู้หญิงคนนี้ทำแม่ของพวกเราตาย! ถ้าพี่ต้นอยากจะลืมพี่ต้นก็ลืมไปคนเดียว แต่ผมไม่! ผมเห็นแม่ตอนที่ท่านกำลังก้าวสู่วินาทีสุดท้ายของชีวิต แม่ทรมานมากพี่ต้นเคยรู้บ้างมั้ย! เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนนี้จะต้องทรมานมากกว่าผม มากกว่าหลายร้อยเท่า!” เสียงห้าวกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม นิ้วยาวที่ชี้หน้าหญิงสาวสั่นระริกด้วยความโกรธ แล้วร่างสูงก็เดินจากไป ทิ้งไว้แค่เพียงความแค้นอันแสนสาหัสที่หญิงสาวนามว่า ‘ศรินดา’ จะต้องรับไว้เพียงผู้เดียว!



---------------------------------------------------------------------------------------

พระเอกคนแรกของปอแก้วที่เจ้าอารมณ์แบบสุดๆ ไร้เหตุผล และเจ้าคิดเจ้าแค้น (มาก...)

หวังว่าคนอ่านที่น่ารักจะรุมแช่งกันพอหอมปากหอมคอ...นะคะ




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มี.ค. 2555, 12:04:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2555, 23:24:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 2327





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
WallyValent 21 มี.ค. 2555, 12:07:51 น.
พระเอกป่าเถื่อน เอาแต่ใจ ชอบ!!! 555+


Amata 21 มี.ค. 2555, 12:52:03 น.
เรื่องใหม่ในขวดเก่า น่าติดตามมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ดาวคันชั่ง 21 มี.ค. 2555, 15:15:08 น.
เอ่อ พี่ชายกับน้องชายนิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว ><


roseolar 21 มี.ค. 2555, 16:44:10 น.
หลงรักพระเอกคนนี้ โหดร้ายกระชากใจ
แค้นกันไปแค้นกันมาแบบนี้ ช๊อบชอบสุดๆไปเลย
ขอเป็นแฟนคลับพี่ดลด้วยคน อิอิ


มุกมาดา 21 มี.ค. 2555, 22:15:51 น.
มาลงชื่ออ่านค่ะ น่าสงสารนางเอก สงสารส่วนสงสาร อิ อิ แต่ชอบพระเอกโหด เป็นกำลังใจให้นะคะ


nunoi 21 มี.ค. 2555, 23:51:14 น.
โหดอย่างนี้ซิดี พอรักหนูรินเข้า จะได้จัดหนักๆหน่อย


หมูบูลิน 22 มี.ค. 2555, 04:52:55 น.
โหดได้อีกนะค่ะพระเอกของเรา ว่าแต่อย่าโหดไปกว่านี้เลยนะค่ะ สงสารนางเองของเรา


silverraindrop 23 มี.ค. 2555, 12:09:36 น.
แนวตบจูบ...ดรามาอย่าเยอะนะตะ สงสารนางเอกอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account