เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2




ห้องนอนสีชมพูหวานตกแต่งอย่างน่ารักมีสไตล์ด้วยตุ๊กตาเซรามิกตัวเล็กน่ารัก ร่างแบบบางนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มลาย Hello Kitty ตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นอย่างงัวเงีย มือเรียวสวยดึงผ้าห่มออกให้พ้นตัว ขาเรียวก้าวลงจากเตียงทีละข้างโดยที่ขาขวาถูกหุ้มด้วยเฝือกสีขาว หัวเตียงมีไม้ค้ำสำหรับช่วยเดิน

หลังเหตุการณ์เมื่อวานนี้ หลังจากคนอารมณ์เกรี้ยวกราดเดินจากไป พี่ต้นก็พาเธอไปหาคุณหมอเพราะข้อเท้าเริ่มบวมและเดินไม่ไหว หมอบอกว่ากระดูกข้อเท้าของเธอร้าว แค่นั้นพี่ต้นถึงกับสบถออกมาเบาๆอย่างหัวเสีย รินเข้าใจดีว่าคนที่ลำบากใจที่สุดก็คือพี่ต้น เพราะเป็นคนกลางจะทำอะไรมากก็ไม่ได้ แค่พี่ต้นเข้าข้างเธอแค่นี้ เธอก็รู้สึกเป็นบุญท่วมหัวแล้ว

ส่วนข้อเท้าที่ใส่เฝือกนั้นสำหรับคนอื่นคงคิดว่าหนัก แต่สำหรับผู้หญิงที่ชื่อศรินดาเรื่องนี้เธอเจ็บจนชินจนชาไปเสียแล้ว ตั้งแต่เด็กๆเธอโดนธนาดลแกล้งแทบนับครั้งไม่ถ้วน ดีหน่อยก็ตอนที่เขาเลือกที่จะไปอยู่กับมารดาและไปเรียนต่อที่เมืองนอกตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นจนจบขั้นอุดมศึกษาแล้วจึงกลับมากลับมา ช่วงสิบกว่าปีนั้นถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอก็ว่าได้ ช่วงชีวิตที่สงบสุข มีแต่ความสุขแต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมันก็ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนเธอไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำว่าต้องมาทนรับความแค้นของเขามากมายเสียขนาดนี้

วันนี้รินตื่นสายกว่าปกติ อาบน้ำนานกว่าปกติ เพราะต้องคอยระวังเฝือกที่หุ้มขาเอาไว้ หลายครั้งหลายคราที่หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอย่างรำคาญเพราะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเนื่องจากติดเฝือกบ้าๆอันนี้ อารมณ์หงุดหงิดทำให้พาลไปนึกถึงคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้

...อย่าให้ไอ้รินคนนี้ได้โอกาสบ้างนะคุณดล แม่จะฟาดให้กระดูกหักซักสองท่อนเลยคอยดู...

ร่างบางเดินกระโผลกกระเผลกลงบันไดอย่างลำบากเนื่องจากยังไม่ชินกับการใช้ไม้ค้ำ ภายในบ้านหลังใหญ่เงียบเชียบ รินหันซ้ายหันขวาอย่างสงสัยว่าวันนี้บรรดาคุณป้าแม่บ้านหายไปไหนกันหมด หากแต่ร่างบางก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งดังขึ้นด้านหลัง

“จะไปไหน” หญิงสาวหันตัวตามเสียง คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น

“เกี่ยวอะไรกับคุณ” เจอแบบนี้คนตัวโตเลยอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาบ้าง ขายาวก้าวฉับๆเข้ามาใกล้

“หยุดตรงนั้นเลยนะคุณดล เข้ามาใกล้อีกที รินฟาดคุณแน่” รินยกไม้ค้ำอีกข้างขู่ ธนาดลยิ้มมุมปากอย่างถือดี

“กล้าหรือไง” ชายหนุ่มท้า

“งั้นก็ลองดู” รินเชิดหน้าท้าทายกลับ ตากลมโตฉายแววมุ่งมั่นไม่เกรงกลัว หากแต่ระฆังพักยกก็วิ่งเข้าช่วยมวยคู่เอกได้ทันเวลา

“คุณริน คุณนนท์มาหาเจ้า” เอื้อง...สาวใช้ชาวเหนือวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นและยิ่งตื่นเข้าไปใหญ่เมื่อเห็น ‘คุณริน’ เอาไม้ค้ำชี้หน้า ‘คุณดล’ รินจึงลดไม้ค้ำลงแล้วหันไปยิ้มให้กับสาวใช้

“รออยู่ห้องรับแขกใช่ไหมเอื้อง”

“เจ้า” สาวใช้พยักหน้ารับ รินจึงเดินกระเผลกๆไป แต่ก็ยังไม่วายที่จะหันมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง คนที่ปั้นหน้าเป็นยักษ์วัดแจ้งปักหลักอยู่กลางบ้านคนนั้น

...ก็ลองมาร้ายใส่เธอดูสิ แม่จะฟาดให้ขาเดี้ยงเป็นเพื่อนกัน!!...











รินเดินเข้ามาในห้องรับแขกและพบกับ ‘นนทนัฐ’ ลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงนพดลเจ้าของไร่ชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่ต่างจากไร่ชาของพ่อเลี้ยงธฤตแถมยังเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดการค้า หากระหว่างเธอกับ นนทนัฐนั้นกลับมีแต่ความรู้สึกดีๆให้แก่กัน ไม่มีศัตรูทางการค้าหรือคู่แข่งใดๆทั้งสิ้นและเมื่อหญิงสาวเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสภาพที่มี ‘ขาที่สาม’ นนทนัฐถึงกับลุกขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นรินเดินเข้ามาโดยใช้ไม้ค้ำช่วยและขาข้างขวาก็ใส่เฝือกเอาไว้

“เป็นอะไรไปน่ะริน ทำไมถึงต้องใส่เฝือกแบบนี้” ไม่ถามเปล่าชายหนุ่มยังใจดีพอที่จะเดินเข้าไปประคองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง

“ล้มน่ะ เมื่อวานขึ้นไร่มา ไม่ระวังเลยล้ม” นนทนัฐเลิกคิ้วสูง

“รินเนี่ยนะล้ม ซุ่มซ่ามขนาดนั้นเชียว” หญิงสาวค้อนขวับเมื่อโดนหาว่าซุ่มซ่าม หากแต่การกระทำเหล่านั้นเมื่ออยู่ในสายตาของนนทนัฐมันกลับดูน่ารักไปหมด...น่ารักถ้าหากผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำ

“เพิ่งรู้นะว่าบ้านหลังนี้กลายเป็นที่ให้คนพลอดรักกันแล้ว” นนทนัฐหันไปมองตามเสียงแต่ศรินดากลับเมินหน้าไปทางอื่น เพราะหญิงสาวรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างธนาดลถ้าไม่ได้หาเรื่องใครแล้วมันจะลงแดงตาย! นนทนัฐยิ้มอย่างเป็นมิตรหากนัยน์ตาคมกลับแสดงออกอย่างตรงกันข้าม ชามหนุ่มมองธนาดลอย่างที่ศัตรูพึงจะมองกัน!

“กลับมาเมื่อไหร่น่ะดล ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” นนทนัฐถามไปตามมารยาท ใจจริงชายหนุ่มไม่อยากให้มันกลับมาด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถของมันมีมากแค่ไหน ที่ว่าพี่ชายมันเก่งแล้ว ไอ้นี่มันเก่งว่าพี่ชายอีกเท่าตัว ถ้ามันกลับมาไม่แคล้วที่พ่อเลี้ยงธฤตจะให้มันดูแลไร่ และเขาก็ต้องเหนื่อยอีกเท่าตัวเพื่อที่จะแข่งขันกับมัน และสิ่งที่เขาต้องการก็คือคำว่า ‘ชนะ’ เท่านั้น

“ฉันจะกลับมันก็เรื่องของฉัน จำเป็นต้องรายงานใครด้วยรึไง” นับว่านนทนัฐเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งพอควรถ้าเทียบกับธนาดล เพราะชายหนุ่มยังคงรักษากิริยาไว้ได้เป็นอย่างดี

“นั่นสินะนายกลับมา คงจะมาพัฒนาไร่นี้ให้ดีขึ้น จริงมั้ย?” ธนาดลจ้องอีกฝ่ายเขม่น เมื่อจับน้ำเสียงได้ว่านนทนัฐดูถูกความสามรถของตนชัดๆ รินที่นั่งดูเหตุการณ์จึงรีบห้ามทัพก่อนที่ต่างฝ่ายจะปะทะอารมณ์กันมากกว่านี้

“นนท์มาหารินมีธุระอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” หญิงสาวถามเสียงหวาน เพียงแค่นั้นอารมณ์ขุ่นมัวของนนทนัฐก็มลายหายไปทันที ร่างสูงหันมายิ้มให้อีกฝ่าย

“นนท์จะมาชวนรินไปเที่ยวสวนกุหลาบของเพื่อนนนท์ เห็นรินชอบกุหลาบเลยคิดว่ารินน่าจะสนใจ แต่ว่าขารินเจ็บไปวันหลังก็ได้นะ” ชายหนุ่มบอกอย่างเป็นห่วง ใจจริงก็อดเสียดายเล็กๆไม่ได้ แต่กลับผิดคาดเมื่อสาวนัยน์ตาโตพยักหน้ารับปาก

“ถ้านนท์ไม่รำคาญที่รินเดี้ยงแบบนี้ รินก็ไปได้” นนทนัฐระบายยิ้มเต็มหน้า

“ไม่รำคาญซักนิดเลย ไปเลยมั้ย” รินพยักหน้าอีกครั้งพลันลุกขึ้นยืนโดยมีไม้ช่วยค้ำและนนทนัฐช่วยประคอง โดยไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าผู้ชายอีกคนจะมองด้วยสายตาอย่างไร

...เฮอะ...เมื่อวานเพิ่งอ้อนพี่ต้นจนสำเร็จ วันนี้เปลี่ยนเป้าหมายมาอ้อนว่าที่พ่อเลี้ยง ผู้หญิงอย่างเธอมันมีอะไรดีนักหนานะ...ศรินดา ผู้ชายถึงได้เวียนเช้าเวียนเย็นขนาดนี้ อ้อ...เป็นแม่ลูกกันนี่เชื้อคงไม่ทิ้งแถวนักหรอก แม่ยั่วผู้ชายได้ยังไงลูกสาวคงจะไม่แพ้กัน!!...











กว่าจะกลับมาจากการชมสวนกุหลาบก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็น วันนี้เป็นอีกวันที่รินมีความสุขที่ได้พบได้เห็นในสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ใช่ต้องมาทนพบทนเห็นกับสิ่งที่ตัวเองเกลียดที่สุดทั้งวี่ทั้งวัน ร่างเล็กบางเดินเข้าบ้านอย่างมีความสุขหากแต่ก็ต้องชะงักงันเมื่อสายตาดุๆของใครกำลังมองมาที่เธอ

“ไปไหนมา” รินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ มองหน้าพนาดรด้วยดวงตาใสแป๋วแหวว

“ไปดูสวนกุหลาบของเพื่อนนนท์ค่ะ”

“พี่บอกรินว่ายังไงเมื่อวาน” หญิงสาวรู้สึกว่าริมฝีปากตัวเองเฝื่อนขมๆอย่างไรชอบกล เมื่อพนาดรย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “บอกว่ายังไง”

รินหลุบตาลงต่ำ อ้อมแอ้มตอบ “บอกให้นอนอยู่บ้านอย่าไปไหน เพราะขายังไม่หายค่ะ”

“แล้วทำตามหรือเปล่า” คนเป็นพี่ชายถามเพื่อย้ำความผิดอีกครั้ง รินส่ายศีรษะช้าๆ ยอมรับผิดทุกประตู หากพนาดรไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้นเพราะชายหนุ่มเลือกที่จะหันหลังเดินเข้าบ้านไป

“พี่ต้น! โกรธรินเหรอ” ดีที่รินยังมือวพอที่รั้งชายเสื้อของพนาดรไว้ได้ทัน

“โกรธ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆคำเดียว แต่แค่คำสั้นๆแค่นั้นก็ทำให้รินน้ำตาแทบร่วง พี่ต้นคือคนหนึ่งซึ่งเธอใส่ใจความรู้สึกมากที่สุด ใครจะโกรธเธอก็ได้ เธอไม่สน แต่ขออย่างเดียว...อย่างเดียวเท่านั้น ขอให้คนๆนั้นไม่ใช่พี่ต้นก็พอ

พนาดรเดินเข้าบ้านโดยทิ้งรินให้ยืนอยู่ด้วยความสำนึกผิดเต็มหัวใจ หญิงสาวเดินกระโผลกกระเผลกเข้าบ้าน หากยังไม่วายที่จะมีคนตามมาแดกดันซ้ำเติม

“เสียแรงที่พี่ต้นรักหนักรักหนา”

“มีอะไรจะแดกดันรินอีกมั้ย ถ้ามีก็พูดมาให้จบๆ รินเหนื่อย” ธนาดลเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูง

“อ้อ...ไปทำอะไรกับไอ้นนท์มาล่ะถึงได้เหนื่อยขนาดนี้” รินหันไปมองคนที่หาเรื่องเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ตากลมโตลุกวาว

“คุณมันสกปรก คิดได้แต่อะไรๆที่สกปรก” ธนาดลกำมือแน่น ขายาวก้าวเข้าหารินอย่างมาดร้าย มือเรียวจึงยกไม้ค้ำขึ้นฟาดทันทีในระยะหวังผล และก็ได้ผลจริงๆเมื่อร่างสูงร้องโอย เพราะถูกไม้ฟาดเต็มที่ต้นแขน

“รินบอกคุณเมื่อเช้าแล้วว่ารินเอาจริง คุณไม่เชื่อเอง” พูดจบก็เดินกระโผลกกระเผลกตามประสาคนขาเจ็บขึ้นบ้านไป ทิ้งให้คนที่แขนเพิ่งจะเจ็บมาหมาดๆมองตามอย่างกับกำลังรวบรวมคิดบัญชีความแค้น

...อย่าทำเป็นเก่งไปเลยศรินดา เพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยชนะฉันอยู่แล้ว และครั้งนี้เธอเองก็ไม่มีวันชนะฉันเช่นกัน...













“แขนไปโดนอะไรมาน่ะดล” พ่อเลี้ยงธฤตเปิดประเด็นกลางโต๊ะอาหารเช้า ทุกคนจึงหันมามองแขนของ
ธนาดลที่พันผ้าไว้ เว้นแต่คนที่เป็นผู้สร้างบาดแผลที่นั่งกินข้าวต่ออย่างสบายใจเฉิบ ตาคมของคนถูกทักเหลือบมามองที่แขนของตนเองและยังปรารถนาดีที่จะเหลือบไปมองคนสร้างแผลอีกต่างหาก

“ฟาดกับขอบโต๊ะเมื่อคืนน่ะครับ ไม่เป็นอะไรมาก” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบผิดกับอีกหนึ่งสาวที่กลั้นยิ้มกับคำโกหกนั่นแทบตาย!

...โอ๊ยๆๆเกิดมาเป็นศรินดาตั้งยี่สิบกว่าปีเพิ่งรู้สึกสะใจสุดๆก็คราวนี้นี่แหละ...

“แล้วเราล่ะริน ขาเป็นยังไงบ้าง” ศรินดาเงยหน้าขึ้นมามองพ่อเลี้ยงธฤต ปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถาม…ถ้า! ไม่มีคนชิงตอบไปก่อน

“ก็น่าจะใกล้หายแล้วมั้งครับพ่อ เห็นเมื่อวานยังออกไปเที่ยวกับนายนนท์ได้” รินหันขวับไปทางต้นเสียงเหยียดๆนั้น คิ้วเรียวขมวดมุ่น

...นี่เขาจะหาเรื่องอะไรเธออีก...

“จริงรึเปล่าริน” พ่อเลี้ยงธฤตถาม...ไม่มีอาการตื่นเต้นหรือแปลกใจในน้ำเสียงนั้น

“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ

“คบกันอยู่หรือ” พ่อเลี้ยงของหญิงสาวถามตรงๆตามนิสัยของท่าน รินจึงได้แต่อึกอักและอาการนี้ก็ทำให้ใครบางคนทำเสียงเย้ยหยันขึ้นในลำคอ

“เปล่า...เปล่าหรอกค่ะคุณพ่อ รินกับนนท์เราเป็นแค่เพื่อนกันนะคะ” รินตอบตาที่เธอรู้สึก...ความรู้สึกของเธอคนเดียว แต่ถ้าจะถามถึงความรู้สึกของนนทนัฐ เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาคิดกับเธอแค่เพื่อน...หรือมากกว่านั้น

พ่อเลี้ยงธฤตพยักหน้าน้อยๆพอรับทราบก่อนจะหันไปทางลูกชายคนโต

“มีอะไรจะบอกรินไม่ใช่หรือต้น” พนาดรยังคงวางมาดอย่างเรียบๆผิดกับศรินดาที่ตาโตแทบจะเท่าไข่ห่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น

...พี่ต้นมีอะไรกับเธอนะ...

“พี่จ้างหมอมาดูแลริน”

“คะ?” ตาที่ว่าโตอยู่แล้วแทบถลนออกนอกเบ้าเมื่อพี่ชายสุดที่รักบอกว่าจะจ้างหมอมาดูแลเธอ ไม่สิ...ไม่ใช่จะแต่พี่ต้นจ้างหมอมาดูแลเธอแล้วต่างหาก!

...ใครป้อนข้อมูลใส่พี่ต้นแบบนี้นะ เธอไม่ได้พิกลพิการถึงขนาดต้องมีหมอมาดูแลซักหน่อย โอ๊ยๆๆๆ คร้าย...ใครเอาความคิดบ้าๆแบบนี้มาบอกพี่ต้นกัน!!...

“รินดูแลตัวเองได้นะพี่ต้น ไม่ได้พิการซักหน่อย” หญิงสาวบ่นอุบ ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชาย แม้จะรู้ดีว่าพนาดรเป็นห่วงก็เถอะ

“พี่บอกเขาไปแล้ว เดี๋ยวก็คงจะมา”

“หา...วันนี้เลยเหรอคะ” รินถามอย่างตกใจและคำตอบจากพี่ต้นของเธอก็มีเพียงแค่พยักหน้าสองทีเท่านั้น

...อะไรมันจะเร็วราวติดจรวดขนาดนี้...

“มีปัญหารึไง หรือว่าต้องการหมอที่ชื่อนนทนัฐล่ะ” รินหันควับไปมองคนที่เริ่มจะก่อสงครามประสาท ปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง

...หนึ่ง...สอง...สาม...อย่าสวนเชียวนะไอ้ริน ท่องไว้...อย่า...อย่า...

“คุณต้นเจ้า คุณหมอมาแล้วเจ้า” เอื้องเดินเข้ามาบอกและนั่นก็เป็นจุดสนใจอย่างดีที่ทำให้รินละจากสงครามประสาทที่เริ่มก่อตัว ตาโตสวยเบิกกว้างเมื่อเห็นคุณหมอเดินเข้ามา

ไอ้น้ำ!!

...หมอที่จะมาดูแลเธอคือไอ้น้ำเนี่ยนะ เดี๋ยวๆๆ คงมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ เธอกระดูกร้าวนะ ถ้าจะมีหมอมาดูแลก็น่าจะเป็นหมอออร์โธสิ ไม่ใช่หมอเด็ก!!...

“สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า” หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ขาว ตาชั้นเดียวที่บ่งบอกได้อย่างดีว่ามีเชื้อจีน มือเรียวสวยกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่ในบ้านอย่างนอบน้อม ผมยาวสลวยถูกมัดไว้เป็นหางม้าด้วยริบบิ้นสีชมพูอ่อนด้านหลัง

“มาเร็วดีนี่” พนาดรเอ่ยชมพลางจิบกาแฟดำรสเข้ม

“แล้วใครล่ะที่ตามจิกน้ำมาถึงจนถึงนี่” ‘สลิลธาร’ หรือจะเรียกให้เต็มยศว่า ‘แพทย์หญิงสลิลธาร’ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของศรินดาและ...ไม้เบื่อไม้เมาของพนาดร

“ก็จะขึ้นมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คนตัวโตสวนกลับ ลืมไปเสียสนิทว่าบิดายังคงนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่

“กินอะไรมาหรือยังจ๊ะน้ำ” หญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างพ่อเลี้ยงธฤตเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร คุณหมอน้ำจึงยิ้มเผล่ประจบ

“ยังเลยค่ะ ป้าริสา” เห็นดังนั้นศิรสาจึงสั่งให้เอื้องจัดอาการเช้าเพิ่มอีกที่ สลิลธารเดินเข้าไปนั่งข้างเพื่อนซี้

“ไงล่ะแกได้ข่าวว่าเดี้ยง” สลิลธารถามเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน

“ก็ไม่ไง แค่รำคาญเฝือก แล้วแกล่ะจะขึ้นมาทั้งทีทำไมไม่บอก” รินถามเพื่อนอย่างงอนๆเพราะปกติสลิลธารไปไหนมาไหนจะบอกเธอตลอดแต่คราวนี้เพื่อนสาวกลับเลือกที่จะปิดปากเงียบ

“โน่น...ถามพี่ต้นของแกโน่น” คุณหมอสาวหน้าหมวยโบ้ยหน้าไปทางพี่ชายคนโตของศรินดา

“ผมขอตัวนะครับ วันนี้กะเข้าไปดูงานที่ไร่ซักหน่อย” คนที่นั่งเงียบเป็น ‘สาก’ มานานลุกขึ้นและไม่วายที่จะปรายตามามองที่ศัตรูคู่แค้นคู่อาฆาต

“ใครอ่ะริน ทำไมเขามองแกแปลกๆ” สลิลธารที่เพิ่งมาถึงสะกิดถามเพื่อนเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“คุณดล เป็นน้องพี่ต้น” คุณหมอน้ำทำตาโตกับข้อมูลใหม่

“แกก็ต้องเป็นน้องเขางั้นสิ” คราวนี้รินเงียบไปชั่วอึดใจ

...น้องเหรอ...เฮอะ! น้องที่ไหนกัน แค่คนผู้ชายคนนั้นยังบอกว่าเธอไม่ใช่เลย นับประสาอะไรกับน้อง...

“เปล่า”

“อ้าว...” เพื่อนสาวอุทานอย่างสงสัย

“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง” รินรวบรัดสั้นๆ

...ไว้ฉันพร้อม ฉันจะเล่าให้แกฟัง เรื่องราวระหว่างฉันกับเขา เรื่องราวความแค้นนับสิบปี ความแค้นที่ฉันไม่มีส่วนรู้เห็นสักนิดแต่ฉันก็ต้องทนรับมัน...












สวนกุหลาบขนาดย่อมทว่าได้รับการดูแลอย่างดีเสมอมาจนออกดอกสวยงาม สวนกุหลาบที่เธอไม่เคยย่างกรายอีกเลยตั้งแต่คราวที่เธอยังเด็ก คราวที่ใครบางคนเอาดินปาเธอและสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เธอมาเหยียบที่นี่ แต่ทำไมวันนี้ ตอนนี้ เวลานี้เธอถึงได้มายืน ณ ที่ตรงนี้อีก ไม่รู้...นั่นล่ะคำตอบของเธอ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆที่ถ้าคนโมโหร้ายคนนั้นมาเห็นไม่วายที่เธอจะโดนดีอีก

หากแต่ความรู้สึกมันบอกเธอว่ากุหลาบแปลงนี้ กุหลาบของแม่เลี้ยงคนเก่าของไร่นี้ มันไม่ได้รังเกียจเธออย่างที่ลูกชายของเขารังเกียจ มันออกจะยินดีด้วยซ้ำที่มีคนชื่นชมและอยู่พูดคุยกับมันเป็นเพื่อน มือเรียวเอื้อมแตะปลายกลีบกุหลาบสีขาวเบาๆ

“เอามือออกไป” รินชักมือกลับตามคำบอกเย็นๆนั่น ในใจได้แต่นึกสมน้ำหน้าตนเอง

...นั่นไงไอ้ริน บอกแล้วว่าอย่ามาๆ เจอเรื่องจนได้ไหม...

นัยน์ตากลมโตสีดำสบกับตาคู่คมอย่างไม่คิดจะเกรงกลัว หากแต่คราวนี้หญิงสาวไม่คิดจะหลบสายตาแต่อย่างใด พอกันทีกับความขี้คลาดของตัวเอง เขาร้ายมาเธอร้ายไป จะไม่ยอมโดนรังแกหรือเป็นฝ่ายถูกทำร้ายฝ่ายเดียวอีกแล้ว พอกันที!

“เก่งขึ้นนี่ศรินดา กล้ามองตาฉันตรงๆแล้วหรือ” ธนาดลเหยียดยิ้มร้ายกาจแต่หน้าหวานกลับเชิดขึ้น

“ทำไมรินต้องกลัวคุณด้วย” เมื่อตัดสินใจแล้วคนอย่างรินจะไม่ยอมถอนตัวเด็ดขาด บุกเป็นบุก

“ถึงคุณจะเลวแค่ไหน ถึงคุณจะไร้ความเป็นสุภาพบุรุษแค่ไหน รินก็จะไม่กลัวคุณ ไม่มีทาง!” หญิงสาวว่าธนาดลตรงๆ...ตรงมากจนคนอย่างธนาดลคิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงที่กลัวเขาหนักหนาตอนเด็ก ยามเมื่อโตขึ้นกลับปีกกล้าขาแข็งได้ถึงเพียงนี้ ร่างสูงย่างสามขุมเข้าใกล้หากแต่รินยังคงใช้ไม้ค้ำมุขเดิมขึ้นขู่

“มุขเดิมเลยนะ ศรินดา” ชายหนุ่มบอกคล้ายเยาะ

“ถ้าอยากโดนอีกข้างก็เข้ามา” หญิงสาวท้า แต่หลังจากนั้นสามวินาที แค่สามวินาทีจริงๆ! ร่างบางก็ถูกรวบเข้าหาอ้อมอกกว้างเป็นที่เรียบร้อย!

“ฉันบอกเธอแล้วว่ามุขเดิม ฉันไม่โง่พอที่จะให้เธอฟาดได้อีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” เสียงทุ้มคลอเคลียอยู่ริมข้างใบหู ร่างบางที่ยืนด้วยขาข้างเดียวดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนอันแข็งแรง แต่ยิ่งดิ้นเธอเองกลับยิ่งถูกวงแขนแข็งแกร่งนั้นรัดมากยิ่งขึ้น

“ปล่อยรินนะคุณดล รินเจ็บ”

“เจ็บงั้นหรือ...ฉันนึกว่าเธอชอบซะอีก ที่โดนผู้ชายกอด” เมื่อโดนสบประมาทด้วยถ้อยคำและสายตาหยาบคาย เลือดภายในร่างกายรินก็พุ่งพล่านขึ้นมา

“คุณอย่ามาดูถูกรินนะ” หญิงสาวพูดเสียงเข้ม “รินมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น”

“ศักดิ์ศรี...ศักดิ์ศรีงั้นหรือ คนอย่างเธอมันมีด้วยหรือไง”

“คุณ!”

“ริน!” เสียงใสของคุณหมอเด็กใจดีทำให้คู่แค้นสะดุ้งโหยง ร่างระหงเดินเข้ามาอย่างหน้าตาตื่นเมื่อเห็นไม้ค้ำของเพื่อนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

“รินเป็นอะไรไปคะคุณดล” เพราะด้วยความไม่สนิทสลิลธารจึงเรียกธนาดลว่า ‘คุณ’ ตามอย่างเพื่อนสาว

“คงจะหกล้ม เผอิญผมเดินผ่านมาพอดี...เลยช่วยประคอง” ชายหนุ่มไถไปเรื่อยและคุณหมอน้ำก็เหมือนจะเชื่อซะสนิทใจผิดกับสาวร่างเล็กบางในอ้อมแขนแข็งแรงที่จู่ๆการยืนอยู่เฉยๆของเธอดันกลับกลายเป็นว่าเธอหกล้มเพราะคำโกหกของผู้ชายคนนี้

“ริน...ฉันบอกแกว่าให้อยู่แต่ในบ้านไม่ใช่รึไง ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง” รินกำหมัดแน่นช้อนตามองคนตัวโตอย่างขุ่นเคือง พูดจาไม่ดีกับเธอแล้วยังทำให้เธอโดนเพื่อนดุอีก คุณนี่มัน!!! นั่นแหละที่สาวตาเธอบอกกับธนาดล หากแต่ดวงตาคู่คมนั้นกลับมีแค่เพียงร่องรอยของความสะใจ...เขาสะใจที่เธอโดนแบบนี้...เป็นอย่างนี้

“ใช่...ทำไมไม่เชื่อคำคุณหมอ หืม...ศรินดา” เสียงทุ้มห้าวตอกย้ำชัยชนะของตัวเอง ส่วนรินทำได้เพียงแค่เก็บอารมณ์โกรธที่มันแทบทะลักออกจากอกเอาไว้ภายในใจ

“ปล่อยได้แล้ว ยืนเองได้” หญิงสาวพูดเสียงห้วน

“พูดกับคุณดลแบบนี้ได้ยังไงริน เขาช่วยแกไว้นะ” รินอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆเพื่อนสนิทก็เข้าข้างศัตรูคู่แค้นของเธอ...เสียอย่างนั้น แว่บหนึ่งเธอเห็นธนาดลเหยียดยิ้มอย่างเป็นต่อ

“แกต้องขอบคุณเขาสิ” ไม่เข้าข้างเปล่าเพราะยายเพื่อนซี้ยังจะให้เธอขอบคุณเขาด้วย

...ไอ้หมอน้ำบ้า!!! อะไรฉันทำให้แกหมดยกเว้นขอบคุณกับขอโทษคนๆนี้ ไม่มีทาง!...

“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางขอบคุณคนอย่างเขา” พูดจบร่างบางก็เดินกระโผลกกระเผลกโดยมีไม้ค้ำช่วยเดินไปเป็นเพื่อน ทิ้งให้เพื่อนสาวยืนคว้างเพราะนึกไม่ถึงว่าเพื่อนจะพูดอะไรแบบนี้ คนที่ได้ใช้คำนำหน้าว่า
แพทย์หญิงจึงทำได้เพียงมองหนุ่มร่างสูงตาปริบๆก่อนจะเอ่ยเบาๆ

“คุณดลไม่โกรธรินนะคะ”

ธนาดลยิ้มละไม “ไม่โกรธหรอกครับ” หากเสียงในใจกับตะโกนลั่นว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนั้นเข้ากระดูกดำต่างหาก!!

“เขาก็เป็นอย่างนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธถึงได้จงเกลียดจงชังผมขนาดนั้น” ตาคู่คมสีดำสนิทอ่อนลงราวกับจะเรียกความสงสารจากผู้หญิงตรงหน้าและมันก็ได้ผลชะงัดนักเมื่อร่างระหงตรงหน้าบอกว่า

“เดี๋ยวน้ำจะลองคุยกับรินให้นะคะ รินทำกิริยาแบบนี้...มันไม่ถูก” ชายหนุ่มยิ้มผงกศีรษะให้น้อยๆ มองตามร่างระหงของคุณหมอสาวที่เดินห่างออกไป ดวงตาที่หม่นลงเกิดประกายกล้าขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้มอย่างน่ากลัว

...คราวนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะศรินดา แต่เป็นเพื่อนเธอต่างหาก เพื่อนสนิทของเธอเอง...












ภายในห้องรับแขกหญิงสาวร่างบางนั่งทำหน้าบูดอย่างคนอารมณ์เสียสุดๆที่วันนี้เจอมลพิษยกกำลังสอง ทั้งผู้ชายคนนั้นและอีกคนที่น่าจะเข้าข้างเธอมากกว่า แต่ไม่เลย...ไอ้หมอน้ำดันเข้าข้างผู้ชายคนนั้น ผู้ชายเจ้ามารยาที่แต่งเรื่องโกหก ผู้ชายที่มีมารยามากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนเสียยิ่งกว่าผู้หญิง ตากลมโตมองคนที่กำลังเดินเข้ามาหา ดวงหน้าหวานสะบัดหนีอย่างกับต้องการบอกว่า ตอนนี้ฉันงอนหล่อนอยู่นะยะ!!

สลิลธารทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อน ดวงตาชั้นเดียวมองดวงหน้ารูปไข่อย่างพินิจผิดกับเจ้าเจ้าของดวงหน้าที่หันหน้าหนีไปอีกทาง

“ทำไมพูดกับคุณดลเขาแบบนั้น” คุณหมอเริ่มพูดก่อนด้วยน้ำเสียงนิ่มๆเหมือนครั้งที่เอ่ยถามอาการเจ็บป่วยของคนไข้เป็นประจำ หากแต่คนที่ถูกตั้งคำตอบกลับยังเชิดหน้าหนีไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

“ริน...”

“ถ้าแกจะถามฉันเรื่องนี้อย่าถามจะดีกว่า ไม่อยากพูดถึงคนพรรค์นั้น ระคายต่อปากเปล่าๆ” รินพูดอย่างไม่เกรงกลัวแถมยังเป็นคำพูดที่เผ็ดร้อนซึ่งแม้แต่สลิลธารก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะพูดอะไรอย่างนี้ออกมา

“ริน! ทำไมพูดแบบนี้ เกลียดอะไรเขานักหนา” คราวนี้สาวหน้าหวานหันกลับมามองเพื่อนสาวบ้าง ริมฝีปากเหยียดยิ้มน้อยๆ

“ทำไมจะพูดไม่ได้ แกรู้จักเขาแค่กี่วันเชียวน้ำ แกไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นเลวแค่ไหน...เลวมากแค่ไหน” หญิงสาวเน้นคำว่า ‘เลว’ จนเพื่อนสนิทมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่ที่รู้ๆก็คือระหว่างคนสองคนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆและเป็น ‘อะไร’ ที่มากมายเสียด้วย

“ระหว่างแกกับคุณดลมีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ตั้งแง่รังเกียจกันขนาดนี้”

“หึ!...แกเปลี่ยนจากถามฉันไปถามเขาดีกว่ามั้งว่าเขาจงเกลียดจงชังอะไรฉันนักหนา...เปลี่ยนเรื่องแถอะน้ำฉันไม่อยากพูดถึง ขอให้ฉันเลิกคิดเรื่องนี้สักพักเถอะนะ สักวันฉันจะเล่าให้แกฟัง" รินตัดบท เพราะหญิงสาวทั้งเหนื่อยทั้งล้า อ่อนเพลียทั้งกายใจเมื่อต้องพูดถึงเรื่องราวแห่งความแค้นระหว่างเธอและผู้ชายคนนั้น

กริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ดังยาวทำให้สองสาวสะดุ้งอย่างตกใจ สลิลธารกำลังจะลุกไปรับหากแต่มือเรียวสวยของรินรั้งไว้ก่อน

“ฉันรับเอง” ตอนแรกคุณหมอทำหน้าลำบากใจเพราะขาของเพื่อนสาวยังไม่หายดีแต่คนเจ็บก็ย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแล้ว เธอเป็นเจ้าบ้านจะให้แขกรับโทรศัพท์ได้อย่างไร...มันก็ดูไม่ดี

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานรับอย่างมีมารยาท

“ขอสายดลหน่อย” ผิดกับอีกฝากของสายที่ดูห้วนซะไม่มี รินรอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“ไม่ทราบว่าไปไหนแล้วค่ะ”

“ก็ไปตามมาสิ” รินมองหูโทรศัพท์อย่างอยากที่จะรู้ว่าคนที่โทรมานี่หน้าตาจะเป็นยังไงนะ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองสุดๆอย่างนี้

“แล้วคุณจะให้ฉันไปตามที่ไหนล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับไปซื่อๆ ก็เธอไม่รู้จริงนี่ว่าธนาดลอยู่ที่ไหน เขาไม่ได้ติดชิฟไว้เสียหน่อย

“เอ๊ะ! แล้วฉันจะรู้มั้ยล่ะยะ เธอเป็นคนใช้ก็น่าจะรู้สิว่าเจ้านายไปไหน” คิ้วเรียวสวยขมวดนิดๆเมื่อจู่ๆก็มีคนใจดียื่นตำแหน่งคนใช้มาให้

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้มีหน้าที่ติดตามใครและไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าใครจะไปไหน”

“เอ๊ะ! เธอ...” อีกฝ่ายแว้ดเสียงสูงหากรินก็วางหูโดยไม่แม้ที่จะฟังอีกฝ่ายว่าจะวีนกลับมาอย่างไร ผู้หญิงอะไรอารมณ์ร้ายชะมัด ถึงว่าทำไมถึงได้รู้จักกับคนอย่างธนาดล ร้ายกับร้ายมาเจอกันเลยคบกันได้

“ใครโทรมา” เสียงเย็นเยียบแว่วมาจากด้านหลัง ทั้งที่หญิงสาวก็ไม่ได้จุดธูปเชิญเสียหน่อย!

“ไม่รู้ แต่คงจะเป็นเพื่อนคุณ” รินตอบ “นิสัยแย่พอกัน” ดวงตาดีดำสนิทคู่คมเบิกกว้างเมื่อโดนต่อว่ากันซึ่งๆหน้า

“เธอว่าใคร”

“ไม่รู้...ใครอยากจะรับก็รับ” รินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และอากัปกิริยานั้นก็ทำให้อารมณ์ของธนาดลพุ่งพรวด มือหนาคว้าเข้าตรงต้นแขนขาว บีบจนหญิงสาวต้องนิ่วหน้า

“เก่งเกินไปแล้วนะศรินดา!” ธนาดลเอ่ยเสียงรอดไรฟัน มือที่จับแขนเริ่มบีบแรงขึ้น...แรงขึ้น จนคนที่อยู่อีกด้านของโซฟาที่ดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นต้องรีบพูดขัดทัพ

“ริน!” สลิลธารร้องเรียกเพื่อนสาวและนั่นก็ทำให้มือที่แข็งปานเหล็กของธนาดลหลุดออกแทบจะทันที สลิลธารเดินเข้ามาเกาะแขนเพื่อน ส่วนรินยังคงจ้องตาคมนั้นอย่างไม่ลดละ แต่คราวนี้คนที่เป็นฝ่ายเลิกราไปก่อนกลับเป็นธนาดล ชายหนุ่มเดินผละออกไปหากแต่ละก้าวของเขากลับย้ำลงราวกับจะย้ำความแค้นระหว่างเขาและเธอให้ตราตรึงไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ

“เจ็บมั้ยแก” สลิลธารแตะแขนเพื่อนที่แดงเป็นจ้ำๆ

รินส่ายหน้า “ชินแล้ว...อย่าใส่ใจเลย เปลี่ยนเรื่องดีกว่า แกขึ้นเหนือมาทำไม แล้วป๊าแกไม่ว่าหรือ”
สลิลธารกัดริมฝีปากล่างอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ก็ป๊าเป็นคนสั่งจะว่าได้ยังไงล่ะ”

“หา...” รินอุทานขึ้นอย่างตกใจ “ป๊าแกเนี่ยนะให้แกมา มาทำไม?” ถาม...เพราะปกติบิดาของสลิลธารจะขัดใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนทุกครั้งยามเมื่อสลิลธารขออนุญาตขึ้นมาหาเธอที่เชียงใหม่ เหตุผลเพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าท่านหวงลูกสาวคนนี้เสียยิ่งกว่าไข่ในหินน่ะสิ!

“มาทำความคุ้นเคยกับว่าที่สามี” สลิลธารตอบอย่างนิ่งๆ ผิดกับรินที่ตาโตแทบถลนออกนอกเบ้า ถ้าขาไม่เจ็บเจ้าตัวคงเต้นเป็นเจ้าเข้าเพราะอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่ว่าเพื่อนตัวดีแอบไปมี ‘กิ๊ก’ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

“แกชอบพี่ต้นของฉันไม่ใช่รึไง อ้าวๆๆไอ้น้ำกลายเป็นวันทองสองใจแล้วเหรอ” พูดจบมือเรียวของคนโดนกล่าวหาว่าเป็น ‘วันทองสองใจ’ ก็ฟาดเข้ากับต้นแขนกลมกลึงของรินดังป้าบ

“ไอ้บ้า! ใครชอบพี่ต้นของแกกัน อย่ามาพูดมั่วๆนะ” สลิลธารปฏิเสธหากแต่ดวงหน้าสวยที่แดงก่ำนั่นมันไม่ปฏิเสธด้วยสักนิดเลย

“โอ๊ย...ไม่ได้ชอบเลยเนอะ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกแล้วค่ะแพทย์หญิงสลิลธารขา" เพื่อนสาวล้อ " แล้วแกยอมป๊าแกแล้วเหรอ” รินถามต่อเพราะพอจะได้ยินแว่วๆมาบ้างว่าอาป๊าของสลิลธารนั้นมี ‘ว่าที่ลูกเขย’ อยู่ในใจแล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่พี่ต้นของเธอ

คราวนี้คุณหมอคนเก่งทำหน้าตาคิดหนัก ใครบอกว่ายอม เธอยังไม่ยอมต่างหากทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าจะยอมทำตามอย่างที่บิดาต้องการ แต่พอมาเจอหน้าพนาดร ผู้ชายที่ผู้หญิงอย่างเธอหลงรักมานานหลายปี เพียงแค่เจอหน้า หัวใจเจ้ากรรมมันก็แกว่งอย่างไรบอกไม่ถูก เมื่อพูดคุยยิ่งรู้สึกว่าจะมีสักนาทีหรือที่เธอจะลืมผู้ชายคนนี้ได้

“ไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะฉันแพ้พนันป๊า...แล้วหมอเขตเขาก็ไม่ได้แย่อะไรด้วย” ประโยคหลังหญิงสาวพูดเสียงเบาเมื่อนึกถึง ‘นายแพทย์สิขเรศ’ ที่ถึงแม้เธอจะพบเพียงไม่กี่ครั้งแต่ก็ดูออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว

“แล้วแกจะเลือกใครล่ะจ๊ะแม่บุษบา...ข้างระตูจรกาหรือข้างอิเหนากุเรปัน” รินถามกลับโดยเปรียบเทียบเพื่อนเป็นนางในวรรณคดี

“ใครเป็นจรกาแล้วใครเป็นอิเหนากัน” รินยักไหล่กับคำถามนั้นปากบางแย้มยิ้มอย่างนึกสนุก

“แน่นอนว่าพี่ต้นของฉันก็ต้องเป็นอิเหนาอยู่แล้ว หล่อซะขนาดนั้น” รินพูดอย่างภูมิอกภูมิใจเมื่อนึกถึงพี่ชายสุดที่รัก ส่วนคุณหมอของเรากลับทำหน้าเหยเกเพราะไม่ค่อยเห็นด้วย

“หมอเขตเขาก็ไม่ได้รูปชั่วตัวดำนะยะ ลำเอียงจริงๆเลยแก” สลิลธารค่อนขอด อย่างหมอเขตน่ะใกล้เคียงวิหยาสะกำเลยด้วยซ้ำไป “แล้วแกล่ะริน ถ้าเป็นแกแกจะเลือกใคร”

รินนิ่งไปนิดหนึ่ง หากแต่คำตอบกลับกระจ่างชัดขึ้นกลางใจ “ไม่เลือกทั้งอิเหนาทั้งจรกานั่นแหละ เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันจะเลือกสังคามารตา ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมอายุน้อยอีกต่างหาก” เหตุผลอันหลังนั้นหญิงสาวตอบทีเล่นทีจริงให้เพื่อนหายเครียดแล้วก็ได้ผลจริงๆเมื่อสลิลธารหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ และแกล้งเพื่อกลับทันควัน

“อ้อ...ฉันก็ลืมไปว่าแกน่ะชอบ ‘น้อง’ พระเอก” ไม่พูดเปล่าคุยหมอสาวยังหลิ่วตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์มาให้เสียด้วยและนั่นทำให้รินรู้ได้ทันทีว่าความหมายนั้นมันต้องมีความนัยอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่

“หมายความว่าไง”

“เปล๊า...ก็แค่บอกว่าแกน่ะชอบ ‘น้อง’ พระเอกแค่นั้นเอง” พูดจบก็ทิ้งให้คนขาเดี้ยงนั่นอยู่คนเดียว ไม่พอแค่นั้นเพราะสลิลธารยังทิ้งประโยคแปลกๆให้เพื่อนสนิทคิดหนัก คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อน

น้อง...พระเอก

พระเอกคืออิเหนา...

และอิเหนาเธอบอกว่าคือพี่ต้น...

น้องพระเอกก็ต้องเท่ากับน้องอิเหนา...

เพราะฉะนั้นก็คือ...น้องพี่ต้น...

น้อง...พี่ต้น...!?

คุณดล!!!

ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อถึงบางอ้อ รินกัดฟันกรอดเมื่อเจอเพื่อนย้อนทางเข้าให้ ในใจก็สาปแช่งเพื่อนไปเรื่อย

...ไอ้บ้า! ไอ้หมอบ้า!! อย่างเธอนี่นะจะชอบคนอย่างคุณดล ให้ตายก็ไม่! ไม่มีทาง ต่อให้ใครเอาปืนมาจ่อหัวเธอแล้วให้เธอพูดว่าชอบเขา เธอยอมให้ลูกปืนผ่านกระโหลกดีกว่าจะพูดแบบนั้นออกไป!...

มือเรียวสวยขว้างหมอนอิงใบย่อมขนาดพอเหมาะกับมือ เหวี่ยงไปตามทางที่เพื่อนสาวเดินจากไป ก็รู้อยู่เต็มอกว่ายังไงมันก็ไม่เจ็บแต่ขอให้ระบายให้หายแค้นบ้างเถอะ ไม่งั้นอกมันจะแตกตาย!

หมอนอิงบินหวือออกจากมือและ...

ตุบ!

เฮ้ย!!!

หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อหมอนอิงที่สมควรจะร่วงลงพื้นเฉยๆกลับโดนหัวใครบางคนเข้าเต็มๆ

ใคร...ที่จู่ๆก็เดินเข้ามา

ใคร...ที่ซวยเพราะดันเข้ามารับเคราะห์แทนไอ้หมอน้ำ

แต่!

ทำไมใคร...คนนั้นต้องเป็นผู้ชายที่ชื่อธนาดลด้วย!?

ธนาดลมองมาที่หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่ที่โซฟาทีหนึ่งและหมอนอิงที่เพิ่งประทุษร้ายเขาไปหยกๆอีกทีหนึ่ง มือหนาหยิบหมอนอิงขึ้นแล้วเดินฉับๆไปหาหญิงสาวที่นั่งตัวแข็งอย่างตะลึงงัน ตาคมมองมาที่ดวงหน้าหวานอย่างคาดโทษ มือที่ถือหมอนอิงชูขึ้นสูง และแน่นอนที่รินจะเกิดอาการป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหัว

เขา...คงไม่บ้าที่จะเอามันฟาดหัวเธอคืนหรอกนะ

เขา...คงจะ...ไม่ทำ...ใช่ไหม??

คงจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น...หรอกนะ

-------------------------------------------------------------------------------------

ซวยจริงๆนะรินเอ๋ยยยยยย...คุณดลจะไม่ปากลับแต่จะ 'เอาคืน' ให้ร้ายกว่านั่นน่ะสิ ติดตามตอนต่อไปค่ะ จะเอามาลงถี่กว่าเรื่องพี่อาร์มหน่อยนะคะ (แต่ก็ไม่ได้ทิ้งพี่อาร์มกับหนูมุกนะเออ...)

ปล. มีใครจำหมอเขตได้บ้างคะ (ลูกพี่ลูกน้องของหนูเกดไงคะ) แน่นอนว่าเรื่องนี้มีคุณพีค หนูเกด พี่แพง และเชสด้วยนะคะ แต่จะมาแจมตอนไหนนั้นต้องติดตามค่ะ ฮ่าๆ (ความจริงเรื่องสุดทางใจใช้ตัวละครต่อจากเรื่องนี้แหละค่ะ)


คุยกันหลังเรื่องจ้า...

คุณ WallyValent : ชอบแนวนี้ใช่มั้ยเนี่ย ฮ่าๆ อย่าลืมคอยดูพี่แพงนะ (จำไม่ได้แล้วว่าโผล่มาตอนไหน ฮ่าๆๆ)

คุณ Amata : ในขวดที่เก่ามากๆเลยล่ะค่ะ นานมากกกกกจริงๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

คุณ ดาวคันชั่ง : แตกต่างกันมากค่ะ สีขาวกับสีดำเลยก็ว่าได้ เพราะคนนึงอยู่กับแม่ที่คิดอยู่เสมอว่าโดนทิ้งเพราะผู้หญิงอีกคน ส่วนอีกคนอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงที่ทั้งใจดีและอบอุ่นน่ะค่ะ

คุณ roseolar : ปกติไม่ค่อยได้เขียนแนวนี้ค่ะ แบบว่าพระเอกร้าย กลั่นแกล้งนางเอก ถ้าผิดพลาดยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่คุณดลมีแฟนคลับกับเขาแล้ว อิอิอิ

คุณ viengkawe : ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ ตอนแรกกลัวว่าจะมีแต่คนไม่ชอบหน้าคุณดลซะอีก ><

คุณ nunoi : แน่นอนเลยค่ะ คุณดลโดนหนักกว่าใครเลย ><

คุณ หมูบูลิน : จะพยายามค่ะ สงสารนางเอกเหมือนกัน แต่คุณดลเขาโหดค่ะ นิสัยก็ร้าย อารมณ์ก็ร้อน แหะๆ แต่เขามีสาเหตุนะคะ ><




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2555, 12:50:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2555, 16:01:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 2363





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>
Amata 22 มี.ค. 2555, 13:41:12 น.
จะโดนจัดหนังรึเปล่าเนี่ย หนูริน ^^


nunoi 22 มี.ค. 2555, 14:02:59 น.
หนูรินไม่ต้องเอามือกุมหัวหรอก เพราะอย่างนายดลคงไม่ใช้หมอนหรอกมั้ง


ดาวคันชั่ง 22 มี.ค. 2555, 14:49:58 น.
แหม แค่โดนหมอนอิงปามาถูกหัวเอง ไม่เห็นต้องโกรธหรือเอาคืนเลย หาเรื่องรินตลอดนะคะคุณดล


roseolar 22 มี.ค. 2555, 15:48:12 น.
โอ๊ยโอ๊ย ลุ้นคู่หมอกับพี่ต้นชะมัด ><


anOO 22 มี.ค. 2555, 16:27:06 น.
นายดลเค้าไม่ใช้หมอนตีหัวกลับหรอก เค้าต้องเอาคืนมากกว่านั้น


หมูบูลิน 22 มี.ค. 2555, 21:23:14 น.
งานนี้พูดได้อยู่คำเดียว ซวยแล้วแหละหนูริน T_T


tutas 24 มี.ค. 2555, 11:30:23 น.
ฮ่าๆๆ โดนซะบ้างนะคุณดล อิอิ (นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาค่ะ)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account