ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ผิดพลาด

ตอนที่ 4
 
ตั้งแต่แม่รู้ว่าฉันได้งานที่บริษัทนราธร แม่ก็พูดภูมิใจในตัวฉันไม่หยุด แถมทำขนมที่ฉันชอบให้ทานบ่อยอีกต่างหาก ไม่ใช่แค่นั้น แม่ยังเขียนเรื่อง “How to get a good job” ลงในคอลัมน์ของแม่อีกด้วย แม่คะgood jobของแม่คือการได้ทำงานกับเจ้านายขี้โมโห และชอบขึ้น บีทีเอส เหรอคะ

อย่างไรเสีย ฉันไม่มีวันเปิดปากเรื่องเส้นทางการได้งานที่บริษัทนราธร ของแท้ให้แม่ฟังหรอก ชน ทุบ ตื้บ นี่ละ วิธีการได้งานของฉัน

“จะไปทำงานแล้วเหรอลูก. กลับมาเร็วๆนะจ๊ะ แม่ทำขนมหวานของโปรดไว้ให้” เสียงหวานๆ ของแม่ทำเอาฉัน เลี่ยน หนูอ้วนขึ้นมา 3 กิโล แล้วค่ะแม่

ฉันลาแม่ แล้วออกมาจากบ้าน เมื่อเดินห่างไปได้ระยะหนึ่ง ฉันก็หันกลับไปมอง แม่ยังคงยืนโบกมือลาอยู่ที่รั้ว เฮ้อ ถ้าแม่รู้ว่าฉันตดในห้องประชุม และโดนเจ้านายทักว่าขนรักแร้ยาว แม่จะภูมิใจอยู่ไหมนะ

ฉันรีบสั่นศีรษะไล่ความบ้าบอพวกนี้ออกไป วันนี้ต้องเป็นวันทำงานที่แสนสดใสสิ!!!

ไม่นานนักฉันก็มาถึงที่บริษัททันเวลา8.30น. พอดี พร้อมๆกับพนักอีกงานหลายคนที่รวมตัวกันอยู่หน้าลิฟท์ และเมื่อประตูลิฟท์เปิดทุกคนก็กุลีกุจอแซกตัวเข้าไปในตู้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ราวกับว่ามันจะพาเราไปสวรรค์ชั้น 7 อย่างนั้นล่ะ จะว่าไปฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน และเมื่อลิฟท์ชั้น 15 เปิดออก บรรดาพนักงานที่ยืนอัดกันราวกับปลากระป๋องก็แทบจะพุ่งตัวออกมาเหมือนแข่งกระโดดไกลทีมชาติ เหลือฉันยืนมึนงงในลิฟท์เพราะกลิ่นตัวทุกคนรวมกันนั่นเอง

ฉันเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่สบอารมณ์นัก หรือเป็นเพราะฉันเตี้ยล่ะเนี่ย ถึงได้แต่สูดอากาศใต้รักแร้คนอื่นน่ะ! และฉันยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นอีก เมื่อได้เห็นว่ามีใครมายืนส่งงานที่โต๊ะ

“คุณทรัพย์คะนี่เป็นข้อเสนอของฝ่ายขาย ช่วยส่งให้ท่านประธานด้วยนะคะ” ทับทิมแผนกฝ่ายขายเดินมาส่งแฟ้มงานให้ฉัน เมื่อฉันเริ่มหย่อยก้นลงนั่งประจำที่

  “ได้ค่ะคุณทับ เดี๋ยวดิฉันจะส่งให้” ฉันตอบด้วยเสียงปกติ

แต่คุณทับทิมกลับมีสีหน้าไม่พอใจ เหอๆ ฉันรู้น่า หล่อนไม่ชอบให้ฉันเรียกว่าคุณทับ แล้วทำไมล่ะ ฉันก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ให้เรียกฉันว่า ‘ทรัพย์’

“ทิมบอกคุณทรัพย์แล้วไงคะ ว่าอย่าเรียกแบบนั้น” เธอแจ้งฉันอีกครั้งอย่างเบื่อๆ

“ดิฉันก็บอกคุณทับแล้วไงคะ ว่าให้เรียกดิฉันว่า สิดี ถ้าคุณอยากเรียกสั้นๆนะคะ” นี่ฉันไม่ได้กวนโอ๊ยนะ ฉันตอบจริงจัง

คุณทับทิมเริ่มชักสีหน้า ตัวเธอเริ่มพองนิดๆในชุดสูทสีม่วงมะปราง และมันทำให้เธอกลายเป็นอึ่งอางทาสีเสียอย่างนั้น นี่คงเป็นสัญญาณบอกว่าหล่อนโมโหสินะ อะไรว้า ฉันก็ไม่พอใจเหมือนกันนะ

“ก็ได้ค่ะ ดิฉันเรียกคุณว่าคุณทิม ส่วนคุณก็เรียกฉันว่าสิดีนะคะ ราจะได้เลิกทะเลาะกันเสียที” ฉันรีบจัดการจบเรื่องอย่างชาญฉลาด ฉันเป็นเด็กใหม่ของที่นี่จึงไม่อยากจะมีเรื่องยุ่งยากตอนนี้ แต่ขอโทษที กลับกลายเป็นว่าฉันโง่ถนัด

คุณทับทิมตัวพองมากขึ้นอีก และมีสีหน้าบูดบึ้ง “ไม่! ทิมจะเรียกคุณว่าทรัพย์ มีปัญหาไหมคะ” แล้วเธอก็ทำหน้าล้อเลียนฉัน
  เหอๆ ยายนี่ บ้าบอคอแตกจริงๆ...

  เพื่อนร่วมงานในละแวกนั้นเริ่มจับจ้องมาที่เราสองคน ฉันมองยายอึ่งอ่างตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่แล้วฉันก็คิดออก จะเรียกฉันว่าอะไรก็เชิญเถอะ!
“ก็ได้ค่ะ ว่าแต่ชื่อ ทิม เนี่ย มันเหมือนชื่อหมาเลยอะ ’เฮ้ย' ไอ้ทิมมานี่’ ” พูดเสร็จฉันก็ทำท่าเรียกสุนัขประกอบ ทำเอาพนักงานแถวนั้นที่ตั้งใจฟังตั้งแต่แรก หัวเราะกันครืน ฉันเลยหัวเราะไปด้วย
แต่ยายทับทิมกรอบยังไม่ลาจากไปง่ายๆ เธอตัวสั่น โมโหอย่างแรง ฉันคิดว่าชุดหล่อนแทบจะปริแล้วนะ แต่แล้วชายผู้ขึ้นบีทีเอส ก็มาช่วยชีวิตฉันไว้

“อรุณสวัสดิ์คุณทับทิม คุณสิดี” คุณนรินทร์ทักทายเราทั้งสองอย่างสดใส
ฉันเลิกคิ้วมองยายทับ เป็นเชิงบอกว่า ‘ไงล่ะ เขาเรียกฉันว่าสิดี’

แต่ยายทับกลับไม่ใส่ใจฉัน อารมณ์โกรธของเธอเมื่อกี้หายไปทันที แล้วกลับยิ้มหวานใส่ท่านประธานอย่างหยดย้อย เธอบิดตัวไปมาแล้ววิ่งจู๊ดหนีกลับไปแผนกฝ่ายขาย อะไรของหล่อนเนี่ย

เมื่อท่านประธานหายเข้าไปในห้องแล้ว คุณนลิน ฝ่ายโฆษณาที่นั่งดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นก็เดินมาคุยกับฉันอย่างตื่นเต้น

“สิดี เมื่อกี้เธอตอกกลับได้เยี่ยมจริงๆ ไม่มีใคร เอาชนะ ความบ้าบอของยายนี่ได้หรอก แต่ที่เธอทำน่ะตลกจัง ฮ่าๆๆๆๆ คิดได้ไงเนี่ย” แล้วเธอก็ขำใหญ่ ทำเอาฉันยิ้มไปด้วย ข้อดีในตัวฉันอย่างหนึ่งคือฉันสามารถมอบเสียงหัวเราะให้คนรอบตัวได้นี่ล่ะ ตั้งแต่เริ่มมาทำที่บริษัทนี้ ฉันว่าฉันสนิทกับคุณนลินที่สุดแล้ว ธอใจดี เข้ากับคนง่าย เป็นกันเอง และน่ารัก

ฉันยักไหล่ ทำท่าประหนึ่งว่า มุกตลกนี้คิดง่ายจะตายไป “ก็นะ เคยอ่านเรื่อง 5 สหายผจญภัยไหมคุณนลิน มีหมาชื่อทิโมธี เจ้าของเรียกสั้นๆว่าทิม เอาละ ฉันต้องเข้าไปส่งงานท่านประธานก่อนนะคะ” ฉันพูดเสร็จคุณนลินก็หัวเราะอีกครั้ง เธอดูชอบใจมากเหลือเกิน

และขณะที่ฉันกำลังมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นหัวเราะ แต่พอเข้ามาในห้องท่านประธาน กลิ่นอายของความตึงเครียดก็ออกฤทธิ์ทันที

“คุณแม่ครับ แต่ว่า เอ่อ ครับ ก็ได้ฮะ” ท่านประธานพูดโทรศัพท์อย่างขลาดกลัวกับใครอยู่ก็ไม่รู้ พอวางโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เขาก็มีสีหน้าเครียด ต่างจากความสดใสที่ทักทายฉันเมื่อครู่

ฉันพยายามหุบยิ้ม ทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเป็นการเป็นงานที่สุด “นี่เป็นข้อเสนอของฝ่ายขายค่ะ แล้วนี่คือกำหนดการของวันนี้” ฉันส่งข้อมูลทั้งหมดให้เขา แล้วยืนนิ่งรอรับฟังคำสั่ง

  คุณนรินทร์พลิกดูเอกสารอย่างใส่ใจ ฉันว่าเขาก็ปรับอารมณ์มาสงบได้อย่างดีอยู่นะ “อืม วันนี้ไม่มีประชุมเลยนะ แต่ต้องออกไปเจรจาธุรกิจตอน บ่าย 2คุณสิดี คุณก็เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ คุณต้องไปกับผม”

“ค่ะ” ฉันตอบรับอย่างเรียบร้อย แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “นัดบอดเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างคะ” แล้วฉันก็ยิ้มทำหน้ากรุ้มกริ่ม จะชวนให้เขารู้สึกดีเสียหน่อย

เขาตวัดสายตาดุมามองฉันแวบหนึ่ง หึ จี้ใจดำล่ะสิ “ไม่ใช่ธุระของคุณ” เขาพูดเสียงนิ่ง คงจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเป็นแน่ ฉันใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยวนาทีไตร่ตรอง ฉันคิดว่าในฐานะเลขาที่ดี ฉันควรจะต้องให้กำลังใจเขาบ้าง

  “คุณนิรนทร์คะ ฉันเข้าใจค่ะ แต่เรื่องความรักเนี่ยมันละเอียดอ่อน คุณต้องให้เวลาเขาบ้างนะคะ” ฉันพยายามพูดแบบคนที่เข้าใจและพร้อมให้กำลังใจ ฉันนี่ช่างเป็นเลขาที่ดีจริงๆ แต่กลายเป็นว่าฉันทำผิดมหันต์ เขากลับดูโมโหมากขึ้น

“คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดรึไง ไปทำงานได้แล้ว!”

โอ๊ยยยยยยยยย โดนตวาดแต่เช้าเลยเว้ย เดี๋ยวแม่ก็ตดใส่อีกซักรอบหรอก

  แล้วฉันก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ปล่อยให้เจ้านายหงุดหงิดอยู่คนเดียว ฉันนี่ เวิร์กกิ้งวูแม่นจริงๆ

  หลายชั่วโมงผ่านไป ฉันนั่งเอกสารพิมพ์จนนิ้วหงิกแล้วยังไม่หมดอีกหรือนี่ งานเอกสารนี่มันน่าเบื่อจริงจริ๊ง แต่จะว่าไปมันก็สบายกว่างานเดิมที่เคยทำนะ งานเสนอไอเดีย ฉันคิดอะไรออกมาเยอะแยะ แต่ไม่เคยได้ใช้ ไอ้พวกร่วมงานเหม็นเขียวทั้งหลายเอาแต่หัวเราะอยู่ได้ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยตลกคาเฟ่รึไง ฉันละเกลียดจริงๆ แต่พอถามว่า หัวเราะอะไร ก็ตอบซ้ำๆว่า “คุณนี่ตลกจริงๆ” พวกแกไม่ยิ่งกว่าฉันเรอะ หัวก็เหม่ง ตัวก็เตี้ย อ้วนก็อ้วน อย่างกับตัวกัปปะที่อ่านเจอในชินจัง พูดถึงชินจัง คนเขียนไม่น่าเสียชีวิตเร็วเลย ฉันนี่เป็นแฟนตัวจริง ตั้งแต่เล่มแรกเลยนะ

“คุณทรัพย์ ท่านประธานอยู่ไหม ฉันขอเข้าพบ” คุณทับทิมกรอบมาเล่นตลกอีกแล้ว ฉันสังเกตว่าหล่อนไปเติมแป้งที่หน้ามาด้วยนะ

  ฉันมองหน้าเธออย่างสงสัย หล่อนจะพบด้วยเรื่องอะไรหรือ เอกสารก็ไม่ถือมา “สักครู่นะคะ” พูดเสร็จก็ต่อสายตรง กดปุ่มแดงเข้าไป

“ว่าไง” ท่านประธานส่งเสียงกลับมา

“คุณทับทิมมาขอพบค่ะ”

  “เชิญเขาเข้ามา” ท่านประธานอนุญาตง่ายดาย

แล้วยัยทับทิมก็เดินเชิดเข้าไป ฉันหันไปมองหน้านลินอย่างขันๆ นลินก็ขันแล้วทำท่าไม่ใส่ใจทำงานต่อไป ไม่นานนัก ทับทิมก็ออกมา ทำท่าอวดดี มองฉันอย่างเยาะเย้ย “ท่านประธานให้เข้าไปพบ” พูดเสร็จแล้วเดินบิดตูดหายไป
มันเกิดอะไรขึ้นหรือ มันจะเกี่ยวกับเรื่องตอนเช้าหรือเปล่า

ฉันจึงเดินเข้าไปในห้องท่านประธานอย่างสงบเสงี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

คุณนรินทร์นั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งตัวเดิม รอบๆห้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ทันสมัยสีเข้ม ฉากหลังของเขาออกจะว่างเปล่า นอกจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เห็นวิวทั่วกรุงเทพ สายตาเขาจับจ้องไปที่คอมพิวเตอร์ และกำลังพิมพ์อะไรบางอย่าง ท่าทีเขาก็ดูสบายๆนะ ไม่ได้จะโมโหอะไร

“ทำไมคุณถึงไปว่าคุณทับทิมว่าชื่อเขาเหมือนหมา” คุณนรินทร์เปิดประเด็นถามอย่างไม่มีพิธีรีตอง

ชะชะ เจ๊นั่นมาฟ้องเรื่องนี้หรอกหรือ ปัญญาอ่อนจริงๆ หมายถึงท่านประธานน่ะนะ

ฉันเม้มปาก นี่คือสัญญาณบอกว่า ฉันพร้อมสู้ แต่ก็พยายามตอบไปด้วยเสียงนิ่งเรียบ “ก็มันจริงนี่คะ เรื่อง 5 สหายผจญภัยคุณไม่เคยอ่านเหรอ สุนัขชื่อทิโมธี เจ้านายเรียก ทิม”  ฉันตอบไปฉะฉาน

เจ้านายละสายตาจากแมคบุ๊ค มามองฉันนิ่งๆ “ผมก็อ่าน แต่เจ้าของเขาเรียก ทิมมี่ ต่างหาก ไม่ใช่ ประเด็นคือ คุณต้องไปขอโทษเธอ”

ปากเรียวสวยของฉันที่พยายามเม้มไว้กลับเผยอกว้างขึ้น ถ้าให้ฉันต้องไปขอโทษยายทับทิมกรอบตูดใหญ่ด้วยเหตุผลแค่นี้ล่ะก็ ฉันขอตายดีกว่า

“คุณนรินทร์คะ คุณทับทิมเธอก็ผิดนะคะ ดิฉันบอกเธอแล้วว่าให้เรียกฉันว่าสิดี อย่าเรียกว่าทรัพย์ แล้วฉันก็จะเรียกเธอว่าทิมเหมือนกัน มันน่าจะจบ แต่เธอยังยืนกรานจะเรียกฉันแบบนั้น ฉันจนใจ เลยต้องบอกความจริงว่า ให้เรียกเธอว่าทิมเฉยๆน่ะ มันเหมือนชื่อหมา รึคุณว่าไม่ใช่ล่ะคะ”

  ตานรินทร์เงียบ...

“ฉันไม่ขอโทษค่ะ” ฉันยืนกราน

เงียบ....แถมจ้องหน้าฉันอีกต่างหาก.....

“นี่มันไม่ใช่ปัญหาเลยนะคะ คุณมีผลประโยชน์อีกหลายร้อยล้านที่ต้องดูแลนะคะ จะมาใส่ใจกับการเรียก ทับ หรือ ทิม มันไม่คุ้มหรอก” ฉันพยายามชักแม่น้ำอยู่

แต่แล้วตานรินทร์สุดเก๊ก ก็ขำออกมา ลูกกระเดือกใหญ่จริงๆแฮะ

“คุณสิดี คุณทำได้ไงน่ะ ที่กล้าบอกเขาว่าชื่อ ทิมน่ะมันคือชื่อหมา เชื่อไหม ไม่มีพนักงานคนไหน อธิบายความจริงให้คุณทับทิมฟังได้ชัดขนาดนี้หรอก เอาละๆ ผมรู้แล้วว่าจะจัดการยังไง คุณไปทำงานต่อเถอะ” อ้าว อะไรของเขา บทจะเข้าใจง่าย ก็ง่ายอย่างกับปอกกล้วย แถมหัวเราะตัวโยนอีกอต่างหาก  

ฉันจ้องท่าหัวเราะของเขาอย่างงงๆ “ขอบคุณค่ เออคุณนรนิทร์คะ ฝากบอกคุณทับทิมด้วยนะคะว่าเวลาเดินอย่าบิดตัวมาก เพราะก้นเธอมันสั่นน่ะค่ะ ฉันเห็นแล้วอายแทน” ถ้าฉันเป็นคุณทับทิม ฉันจะมาขอบคุณคนที่แนะนำการดำเนินชีวิตให้ขนาดนี้

คุณนรินทร์ไม่ว่าอะไร แต่ทำไมเหมือนเขาทำท่ากลั้นหัวเราะยังไงไม่รู้ นี่ฉันไม่ได้พูดอะไรตลกนะ ฉันพูดจริงจังนะ ให้ตายสิ!

แล้วฉันก็กลับเข้าไปพิมพ์งานต่ออย่างสบายใจ ในที่สุดก็เสร็จ ข้อมูลของการประชุมครั้งต่อไป

ฉันรีบนำเข้าไปส่งในห้องประธาน แล้วขออนุญาตไปทานข้าวเที่ยงกับคุณนลิน

ฉันกับคุณนลินลงมาทานอาหารที่ร้านของออฟฟิศ ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แถมราคาไม่แพง เหมาะกับสาวออฟฟิศที่เพิ่งเริ่มสร้างตัวสุดๆ ฉันสั่งกะเพราไก่ไข่ดาว ของโปรด แล้วเราก็เริ่มบทสนทนากันอย่างครื้นเครง

“ฮ่าๆๆ คุณสิดี คุณทำกับท่านประธานอย่างนั้นจริงๆเหรอเนี่ย” ฉันเล่าถึงเหตุผลที่ได้มาทำงานที่นี่

“ก็ใช่น่ะสิคะ ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่คะ ว่าเขาเป็นถึงประธานบริษัทที่ฉันจะมาสมัครงาน”

ฉันจิบน้ำหลังพูดมากจนปากแห้ง

“ที่ฉันได้งานทำเพราะต้องชดใช้กรรมน่ะค่ะไม่รู้ว่าคุณนรินทร์จะไล่ออกเมื่อไหร่” ฉันพูดอย่างเศร้า ก็มันจริงนี่นา...

“ไม่หรอกค่ะ คุณนรินทร์น่ะ เข้มงวดเรื่องพนักงานจะตายไป ถ้าไม่ดีจริง ไม่รับหรอกนะคะ เลขาคนก่อนที่ถูกไล่ก็เพราะเอาแต่เล่นinternetน่ะค่ะ” คุณนลินพูดให้กำลังใจฉัน ทำเอาฉันนึกถึงคำพูดของเขาวันนั้นที่บอกว่าฉันดูมีความตั้งใจ...

“แต่วันที่ฉันมาสัมภาษณ์เขาบอกเองเลยนะคะ ว่าฉันไม่มีคุณสมับัติเหมาะสมกับบริษัทนี้ แต่พอไปเห็นฉันสมัครงานที่บริษัทสิทรา แล้วรู้ว่าฉันได้งานที่นั่นแล้วเลยบอกคุณจิทัศน์ ว่าฉันได้งานที่บริษัทเขาเฉยเลย ตอนนั้นฉันโมโหมากเลยค่ะ เลยฟาดคุณนรินทร์ด้วยระเป๋าตั้งหลายที”

คุณนลินตาโตเท่าไข่ห่าน “โห ปกติ คุณนรินทร์เป็นคนดุมากเลยนะคะ ท่านไม่โมโหอารมณ์ร้ายใส่คุณตอบเหรอ เออแต่ว่า พอพูดถึงบริษัทสิทราเนี่ย ก็เป็นคู่แข่งกับบริษัทนราธรมานานแล้วล่ะค่ะ แข่งกันถึงขั้นแย่งซื้อตัวพนักงานเลยทีเดียว แถมมีข่าวว่าคุณจิทัศน์เคยแย่งแฟนคุณนรินทร์ด้วยนะคะ”

ทำเอาฉันแทบสำลัก “อะไรนะคะ! ขนาดนั้นเลย” แล้วจู่ๆคุณนลินก็ทำท่าตกใจเหมือนกับว่าไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ แล้วหล่อนก็รีบเปลี่ยนเรื่อง

“แล้ว เริ่มทำงานมาเกือบอาทิตย์แล้ว เข้ากับคุณนรินทร์ได้ไหมล่ะคะ”

ฉันทำท่าคิด เขาดูขี้โมโหนะ แต่ก็ใจดีพาฉันเลี้ยงแฮะ “อืม ไม่รู้สิคะ ตอบยาก ต้องรอดูไปเรื่อยๆ แต่ฉันคงต้องทนน่ะค่ะ ไม่มีที่ไปแล้ว”

นลินยิ้มหัวเราะอย่างน่ารัก “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณทำงานไปเรื่อยๆแล้วจะรู้ว่า ภายนอกแข็งๆอย่างนั้น จริงๆแล้วข้างในท่านประธานนี่อ่อนมากเลยล่ะ เชื่อฉันสิ ทำงานมานาน เห็นมาหมด” อย่างนั้นเหรอ เธออาจจะพูดให้ฉันไม่ใ่กลัวเกินไปก็ได้นะ

ฉันมองนาฬิกาข้อมือ “จะบ่ายโมงแล้ว ฉันไปทำงานก่อนดกว่านะคะ ขอบใจนะที่มาทานด้วย” แล้วฉันก็รีบเดินตัวปลิวไปหาคุณนรินทร์ที่ห้องทำงาน เผื่อเขาจะสั่งอะไรเพิ่ม แต่ทำไมจู่ๆ คิ้วขวาฉันกระตุกล่ะเนี่ย และเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เจอก็คือ...

“คุณสิดี!!! คุณมาดูนี่ว่าทำอะไรลงไป!” แล้วเขาก็กระแทกเอกสารการประชุมที่ฉันพึ่งส่งให้ลงบนโต๊ะ ฉันพยายาท่องไว้ในใจ 'ภายนอกแข็งภายในใจดี'

ฉันงง.....ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ สีหน้าเปี่ยมสุขของฉันหายไปทันที ฉันเดินเข้าไปหยิบเอกสารการประชุมที่พึ่งพิมพ์เสร็จเมื่อสักครู่ แล้วรีบตรวจดูว่าทำอะไรผิด

“ก็ไม่มีอะไรผิดนี่คะท่าน ว่าด้วยไตรมาสที่ 3 ไอ้พวกร่วมงานเหม็นเขียว.....ต้องเพิ่มงบประมาณของการลงทุนชาติที่แล้วทำบุญด้วยตลกคาเฟ่รึไง.....ควรแจ้งให้บริษัทญี่ปุ่น หัวก็เหม่ง ตัวก็เตี้ย อ้วนก็อ้วนเป็นผู้ดำเนินการประสานการลงทุน......การส่งออกอย่างกับตัวกัปปะที่อ่านเจอในชินจัง แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”

ฉันอ่านรายงานการประชุมที่เพิ่งพิมพ์เสร็จด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่นะ ฉันทำไปได้ยังไง ฉันมองหน้าท่านประธานด้วยสีหน้าแสดงความสำนึกผิด

“คุณตั้งใจทำงานรึเปล่า!!! ผมบอกแล้วไงว่าเกลียดคนไม่จริงจังกับงาน รู้ไหม ทำงานชุ่ยๆแบบนี้ แล้วถ้าผมไม่ตรวจสอบ บริษัทเราจะเป็นยังไง ผมไม่อยาก ไล่พนักงานออกติดต่อกันหรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม

ฉันน้ำตาซึม ฉันมันบ้าจริงๆ

“ฉันขอโทษจริงๆค่ะ ฉันจะไปพิมพ์ใหม่” แล้วฉันก็หันหลังอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต มุ่งหน้าสู่โต๊ะทำงานเพื่อแก้ไขความผิด โถ่เว้ยยยยย ฉันพิมเรื่องตลกคาเฟ่ ชินจัง ตัวกัปปะ ลงไปได้อย่างไรเนี่ย

“เดี๋ยวก่อนคุณสิดี” คุณนรินทร์เรียกขึ้น น้ำเสียงอ่อนลง

ฉันยังคงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดขณะที่หันไปทางเขา

“ผมบอกคุณทับทิมไปว่าชื่อสิดี ไม่มีความหมายไม่มีเหมือนชื่อทับทิมเธอถึงยอมเรียกคุณว่า สิดี ฉะนั้นเข้าใจให้ตรงกันด้วยนะ เพราะคุณทับทิมเธอยืนกรานให้เรียกเธอว่าทิมต่อไป เอาละ คุณออกไปได้”
ให้ตายสิ ชื่อฉันกลายเป็นชื่อหมาไปแล้วเหรอ แต่แล้วฉันก็นึกออกบางอย่าง

“คุณคะ บอกเธอไปรึเปล่าคะว่าอย่าเดินบิดก้น” ฉันถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

คุณนรินทร์ออกอาการกลั้นหัวเราะอีกแล้ว

“คุณไปแก้ไขงานได้แล้วไป๊” ดูเขาสิ ไล่กันยังกับหมูกับหมา
 
 
 
 
 
 
 
 
           
 



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2555, 15:24:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2555, 15:24:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 2051





<< ทำความรู้จัก   งานแรก >>
ม่านฟ้า 22 มี.ค. 2555, 15:52:28 น.
ยังสนุก ตลกเหมือนเดิม 5555555555555


คิมหันตุ์ 22 มี.ค. 2555, 17:39:21 น.
สนุกมากจ้า


Kapoh 22 มี.ค. 2555, 17:48:04 น.
เหมือนกับอ่านการ์ตูนเลย 5555


ใบบัวน่ารัก 22 มี.ค. 2555, 19:57:24 น.
ต๊องจัง


konhin 22 มี.ค. 2555, 21:12:34 น.
อ่านไปยิ้มไป


ลายเส้น 23 มี.ค. 2555, 00:14:55 น.
ขอบคุณทุกคนที่ยังรักสิดีนะค้า


ling 23 มี.ค. 2555, 11:47:38 น.
หัวเราะจนปวดท้องแล้ว มาเร็วๆนะค่ะ ชอบมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account