ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: งานแรก

ตอนที่ 5

ในที่สุดฉันก็ได้รู้ว่า ท่านประธานบริษัทนราธร หรือก็คือคุณนรินรทร์ นราธรjuniorหรือก็คือเจ้านายของฉันหรือก็คือคนที่ฉันชนล้มที่บีทีเอส หรือก็คือคนที่ ยอมสิโรราบให้ยายทับทิมกรอบก้นใหญ่ อ้อใช่สิ ฉันต้องเรียกเธอว่า คุณทิม

ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ! เขาออกจะเป็นคนดุ ขี้โมโหง่าย และจริงจังกับงานมากเสียขนาดนั้น เขาโมโหฉันเรื่องรายงานการประชุมชินจังบ้าบอคอแตก แต่ดันรับฟังคำฟ้องงี่เง่าจากคุณทิม แถมไม่โกรธหล่อน แต่ดันมาลงกับฉัน หรือว่าเขาจะเกลียดฉัน? อืม สงสัยจะเป็นอย่างนั้น แต่ที่เขารับฉันเข้ามาทำงานก็คงเพราะเขาหาใครไม่ได้แล้วจริงๆ

อืม...แม่ชีเทเรซ่าเคยพูดไว้ว่ายังไงนะ อ้อใช่ if you judge people, you have no time to love themหรือก็คือ ถ้าคุณมัวแต่ตัดสินคนอื่น คุณก็จะไม่มีโอกาสได้รักพวกเขา ฉันคงต้องหัดมองคุณนรินทร์ในแง่ดีบ้างแล้วล่ะ เขาก็เป็นคนติดดินดีนะ จะมีประธานบริษัทสักกี่คนที่กินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง กับนั่งบีทีเอสมาทำงาน เออนั่นสิ! เขาไม่ได้ต่อว่าฉันมากมายตอนฉันตดในห้องประชุมด้วยซ้ำ แล้วเขายังช่วยเตือนฉันด้วยว่าถึงเวลาถอนขนรักแร้สักที

ตื๊ด! เสียงดังมาจากโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน ต้องเป็นคุณนรินทร์แน่ๆ ฉันจะโดนอะไรอีกไหมนี่

“คะคุณนรนิทร์”ฉันพูดด้วยเสียงสงบเสงี่ยม

“คุณแก้รายงานเสร็จหรือยัง เดี๋ยวเราต้องออกไปเจรจาธุรกิจแล้วนะ” เสียงเขาดูไม่โกรธฉันเลย

“ค่ะเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันเอาไปให้นะคะ” ฉันพูดพลางไล่สายตาตรวจสอบรายงานอีกครั้ง โอเค ฉันลบข้อความงี่เง่าพวกนั้นไปแล้ว

พอเข้าไปในห้องท่านประธาน เขาก็ร้อนรนจนไม่ยอมตรวจรายงานอีกครั้ง

“ไปกันได้แล้วคุณสิดี คนญี่ปุ่นตรงเวลาเสมอ” เขาพูดเสร็จก็ถือสูทเดินนำฉันออกไป

อะไรนะ? คนญี่ปุ่น เจรจาธุรกิจกับพวกนี้เหรอ น่าสนุกแฮะ จากประสบการณ์การอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นอยากโชกโชนของฉัน ฉันรู้มาว่าพวกนี้ชอบนัดเจรจากันที่ คาราโอเกะ ไม่ก็คลับที่มีสาวเอ๊าะๆ เฮ้ๆอันหลังนี่ฉันไปไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ!

“คุณคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ” คำพูดของฉันทำเอาเขาที่เดินจ้ำอ้าว ต้องหยุดทันที เขามองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ

“คุณจะเล่นตลกอะไรอีกล่ะ จะเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้นะ ผมไม่ว่าอะไร”

ฉันทำหน้าไม่ถูก ใครบอกว่าฉันข้าศึกบุกกันเล่า “ฉันคงไปคลับที่มีสาวเอ๊าะๆ กับคุณไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ คุณขอเปลี่ยนพวกญี่ปุ่นไปคาราโอเกะแทนไม่ได้เหรอคะ น่าจะปลอดภัยกว่า”

แล้วคุณนรินทร์ก็มองฉันอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ เราจะไปบาร์เกย์กันน่ะ”

หา!!! อะไรนะ!!! ฉันยังไม่ได้ทันคัดค้าน เขาก็คว้าแขนฉันขึ้นรถมุ่งสู่ บาร์เกย์ ไม่นะ!!! ชีวิตฉันมีแต่เข้าวัดเข้าวา ฉันจะต้องมาผิดศีลคราวนี้เหรอ ใครก็ได้ ช่วยหยุดเขาที!!!!!!

เมื่อไปถึงที่หมายฉันจึงได้รู้ว่าคุณนรินทร์ก็ชอบอำใช่ย่อย จริงๆแล้วเรามาเจรจาธุรกิจกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นน่ะ เฮ้อ โล่ง แต่ก่อนจะเข้าไปในร้านอาหารคุณนรินทร์ก็แนะนำฉันเล็กน้อยๆ

“พอไปถึงเธอต้องโค้งให้พวกเขาแล้วพูดว่า กอนนิชิว่ะ นะ ทำได้ไหมลองทำซิ เธอพูดญี่ปุ่นได้บ้างรึเปล่าเนี่ย”
ฉันทำท่าเชิดเล็กน้อย “พอเป็นค่ะ”

เขามองฉันกลับมาอย่างทึ่ง “ทำไมในแฟ้มประวัติไม่มีบอกล่ะ”

อ่านะ ก็ฉันพูดไม่เป็นน่ะสิคะ แต่ถ้าบอกไป ตานี่ก็คงจะดูถูกฉันอีกล่ะสิ “ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะค่ะเลยไม่ได้ใส่ใจ” ฉันนี่สุดยอด

“อืมงั้นก็ดี คุณก็ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่คอยโปรยยิ้มให้พวกนั้นบ้าง พูดเยินยอบ้าง ออกความเห็นที่น่าคิดสักหน่อย นอกนั้นผมจัดการเอง” แล้วเขาก็เดินอย่างสง่างามเข้าร้านอาหารไป

ให้ฟ้าเป็นพยาน ฉันเป็นบ้าไปอีกแล้ว! ฉันพูดไม่เป็นสักคำจะให้ทำอย่างไรล่ะนี่ เอาวะ ไปตายเอาดาบหน้า และเมื่อถึงห้องที่จองเอาไว้ เราทั้งสองก็ถอดรองเท้า แล้วเข้าไป

“กอนนิชิว่ะ” ฉันกับคุณนรินทร์ พูดพร้อมกันแล้วโค้งให้พวกนั้น พวกญี่ปุ่นก็ทำเหมือนกันแถมมียกมือไหว้แล้วพูด “ซาหวัดดีกั๊บ” อีกต่างหาก

ฉันเริ่มปฏิบัติการตามที่คุณนรินทร์บอก....ยิ้มใส่

จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้น พร้อมอาหารญี่ปุ่นก็ทยอยเข้ามาเสิร์ฟ ว้าว ฉันชอบเกี๊ยวซ่า ขอกินเลยล่ะนะ
ข้อดีของการได้ทำงานนกับบริษัทใหญ่ คือการได้ทานอาหารหรูๆฟรีนี่ล่ะ แล้วฉันก็ได้แต่กิน กิน กิน และกิน ตลอดการเจรจา สลับกับการโปรยยิ้มใส่ อ้าว ก็ตานรินทร์ บอกฉันว่าไม่ต้องทำอะไรมากไงล่ะ แล้วทั้งคุณนรินทร์ และพวกญี่ปุ่นที่คุยอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ ได้ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน อืม เขาสมเป็นประธานบริษัทจริงๆแฮะ คุยญี่ปุ่นรู้เรื่องถึงระดับเข้าใจมุกตลก

แล้วฉันก็ต้องหัวเราะแหะๆตามให้กลมกลืน แต่ว่าอยู่ดีดีพวกนั้นก็หันมามองฉันแล้วพูดภาษาญี่ปุ่นใส่ทั้งดุ้น แย่แล้วสิ โอ๊ย! คุณนรินทร์ เตะขาฉัน ฉันหันไปมองเขาด้วยความเจ็บ

“ตอบเขาไปสิ” คุณนรินทร์กระซิบใส่

“เอ่อ...เขาพูดว่าอะไรเหรอคะ คือฉันมัวแต่ทานเกี๊ยวซ่า ไม่ทันฟังน่ะค่ะ” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

คุณนรินทร์ทำหน้าไม่พอใจ “เขาถามเธอว่าเรื่องเมื่อกี้ตลกมากใช่ไหม”

อ๊าว แล้วฉันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าคุยเรื่องอะไรกัน ซวยล่ะสิ แต่ฉันเคยดูหนังญี่ปุ่นนะ เวลาตอบว่าใช่นี่มันคือคำนี้รึเปล่า อืม ใช่แน่ๆ

“อาโน่ๆ” ฉันออกเสียงตามที่คิด แล้วพยักหน้าหงึกหงักพร้อมทั้งหัวเราะดังๆอีก 1 ที เป็นการยืนยัน ความฮาของเขา แล้วทั้งหมดก็หุบปากเงียบ อืม ฉันทำอะไรลงไป แต่จากนั้นการสนทนาก็ดำเนินต่อไปโดยไม่มีฉันร่วมวงอีกสักพัก

“เอิ๊ก!”.....นั่นเสียงอะไรน่ะ!......

“เอิ๊ก!”.....เอาอีกแล้ว.........

“เอิ๊ก!”.....ตายแล้วฉันเรอรึเนี่ย!!!!!!

สายตาของคนทั้งหมดมองมาที่ฉัน ไม่ต้องถาม คุณนรินทร์มองฉันอย่างตำหนิทันที ฉันรีบยิ้มแหยๆขอโทษ แล้วผงกหัวขออภัยใหญ่ แล้วในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลง

“คุณสิดี กล่าวอะไรกับพวกเขาครั้งสุดท้ายหน่อยสิ” คุณนรินทร์สั่งฉัน จะฆ่ากันหรือไง!

ฉันมองเขาทั้งๆที่อาหารเต็มปาก เขาส่งสายตาดุมาให้ จนฉันต้องรีบกลืนโดยไม่ได้เคี้ยว ก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปจ้องพวกญี่ปุ่นบ้างพร้อมยิ้มหวานสุดๆให้ จะให้ฉันพูดอะไรเล่า....

เงียบ....

เงียบ....

โอ๊ย! จ้องฉันกันอยู่ได้ เออๆ เอาวะอย่ามาว่าฉันทีหลังแล้วกันนะคุณนรินทร์

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพล่ามโดยไม่ได้คิด

“อายิโนะโมโต๊ะ” พวกนั้นอึ้งกิมกี่

“โชกุบุสสึโมโนกาตาริ” ฉันมันบ้าดีเดือดจริงๆ

แล้วฉันก็ก้มโค้งอย่างสง่างามปิดท้ายการเจรจาได้น่าประทับใจ “โดเรม่อน ชิสุกะ โนบิตะ ใครชนะได้เป็นไจแอนท์ ซาโยนาระ”

เดี๋ยวฉันยื่นใบลาออกให้คุณนรินทร์เลยแล้วกัน

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
อะไรกันเนี่ย ปรากฏว่าพวกญี่ปุ่นหัวเราะกันใหญ่ ดูจะพอใจมาก พวกเขามองฉันแล้วพูดยิ้มๆใส่ จากนั้นก็หันไปคุยกับคุณนรินทร์ แล้วจับมือกันเขย่า เป็นการอำลา แล้วก็พูดซาโยนาระ ก่อนจากกันไป

เมื่อพวกญี่ปุ่นไปแล้ว ฉันก็อยู่กับคุณนรินทร์ในห้องนั้น2 คนแฉันก้มหน้านิ่ง เอาสิ จะตวาดฉันขนาดไหนก็ได้ มาเล้ย!!!!

“คุณสิดี!!!” เขาคำรามใส่

ฉันยิ่งตัวเล็กลีบลงไปอีก

“คุณทำบ้าอะไรน่ะ ทำไมต้องโกหกผมด้วยว่าพูดญี่ปุ่นได้ คุณเสียสติไปแล้วเหรอที่พูดแบบนั้นน่ะ!!!” เขาโมโหฉันใหญ่

แล้วทำไมล่ะ! ก็ฉันไม่อยากโดนเขาดูถูกนี่นา ฉันก็พยายามแล้ว แล้วพวกนั้นก็หัวเราะพอใจด้วยนี่นา โถ่เอ๊ย!!!!

“เดี๋ยวฉันจะลาออกวันนี้เลยค่ะ แล้วจะค่อยๆหาเงินมาผ่อนมือถือคุณ” ฉันพูดเสียงเศร้าสุดๆ ยังคงก้มหน้ามองพื้นต่อไป

แล้วคุณนรินทร์ก็พูดต่อแต่น้ำเสียงเปลี่ยนไป “อะไรของคุณ ดีแล้วที่สำนึกผิด ไม่ต้องลาออกหรอก พวกนั้นตกลงยอมรับการทำธุรกิจข้ามชาติ เขาบอกคุณตลกดี เขาอยากเจอเรา 2 คนอีก”

อ้าว ฉันหันไปมองเขา เขาแอบยิ้ม แต่รีบซ่อนรอยยิ้มไว้ทันทีเมื่อฉันหันไปมอง

แล้วเขาก็ทำหน้าจริงจังเหมือนเดิม “ทีหลังอย่าเรออีกแล้วกัน” จากนั้นก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องไป
ฉันรอดชีวิตอีกแล้ว ฮุเร้!!!!!

เย็นวันนั้นฉันกลับไปเล่าตำนาน อายิโนะโมโต๊ะ ให้แม่ฟัง แม่ขำกลิ้งใหญ่ ก่อนจะดุฉันว่าอย่าทำเหลวไหลแบบนั้นอีก

“โถ่แม่คะ แต่นั่นก็ทำให้พวกญี่ปุ่นยอมตกลงธุรกิจนะคะ แต่หนูว่าต่อไปนี้ หนูต้องเรียนภาษาเพิ่มแล้วล่ะค่ะ แม่สอนเสปนกับฝรั่งเศสให้หน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูไปหาที่เรียนญี่ปุ่นเอง”

“ได้ลูกๆ แต่ลูกนี่ ตลกบริสุทธิ์จริงๆ ไหนลูกว่าคุณนรินทร์ดุนักดุหนาไงล่ะ เขาไม่เห็นว่าอะไรลูกเลยนี่จ๊ะ” แม่พูด

“อะไรกันคะแม่ เขาตวาดหนูใหญ่ว่าอย่าทำอย่างนั้นอีก ถ้าพวกญี่ปุ่นไม่รับข้อตกลงเขาคงไล่หนูออกไปแล้วล่ะค่ะ” ฉันนึกแล้วโมโหเขาตวาดให้ฉันกลัวบ่อยๆ จนฉันเสียสติ หวาดระแวงเวลาเขาเข้ามาใกล้

“หนูไปนอนแล้วนะคะ” ฉันรีบเผ่นขึ้นห้องนอนไป หลับๆไปซะ จะได้หายโกรธ

นะโมตัสสะยุบหนอพองหนอ นะโมตัสสะหนอยุบหนอพอง นะโมตัสสะ ยุบๆ พองๆ

“ป่อปี๊ป่อ” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

ใครโทรมาดึกป่านนี้เนี่ย อ้อ! แต่แล้วฉันก็นึกออก ยายหนูเล็กแน่ๆ

หนูเล็กเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน เราคบกันมาตั้งแต่อนุบาล รู้ใจกันทุกอย่าง บางครั้งแค่มองหน้าเฉยๆก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ต้องการอะไร หรือรู้สึกอย่างไร ถึงแม้เราสองคนออกจะแตกต่างกันมากเหลือเกิน แต่เป็นความแตกต่างที่ลงตัวอย่างน่าประหลาด ครอบครัวหนูเล็กจัดได้ว่าเป็นเศรษฐี แต่หนูเล็กเป็นคนน่ารัก หล่อนไม่เคยโอ้อวด ไม่เคยทำตัวเหนือคนอื่น ถึงแม้จะชอบของแบรนด์เนมตามปกติของมนุษย์ก็เถอะ นิสัยของเธอออกจะเปรี้ยวจี๊ด พูดตรง อารมณ์ขึ้นง่าย แต่หายเร็ว เวลาใครมาแกล้งฉัน หนูเล็กจะลุยแหลกแบบไม่คิดเสมอ หนูเล็กเป็นคนใจดี ใจใหญ่ ชอบจับจ่ายซื้อของให้คนอื่น แต่หล่อนมักจะเป็นที่หมั่นไส้ของผู้หญิงรุ่นเดียวกัน แต่ก็นั่นแหละ ใครไม่ดีกับหนูเล็กเธอก็ไม่ชายตาแลแม้แต่นิดเดียว

มีสองสามอย่างที่เราสองคนหมือนกัน นั่นคือ เราสองคนตลก ชอบหาเรื่องบ้าๆบอๆมาคุยกันเสมอ ลืมความโกรธได้ง่ายและชอบศิลปะ

ข้อน่าเบื่อของหนูเล็กก็คือหล่อนชอบโทรมากวนตอนดึกๆ และส่วนมากก็ร้องฟูมฟายเรื่องผู้ชายให้ฟัง เธอทำแบบนี้บ่อยๆจนฉันคิดว่าเป็นโสดน่าจะดีกว่า

ฉันรับโทรศัพท์โดยไม่ได้สังเกตว่าหน้าจอแสดงเบอร์ใครและเริ่มบ่น “อะไรอีกล่ะหนูเล็ก ฉันจะนอนแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องไปรับมือกับเจ้านายขี้วีนอีก!”

“คุณว่าใครขี้วีน” เสียงแหบห้าวดังมาตามสาย กรี๊ด!!!!!

ฉันรีบทำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มีอะไรเหรอคะ”

แล้วก็มีเสียงบ่นเล็กบ่นน้อยดังเข้ามา “ก็ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาขอบใจสำหรับเรื่องวันนี้ คุณจะนอนแล้วเหรอ นอนเร็วนะ ยังไม่เที่ยงคืนเลย”

อะไรนะ ถ้ามีนิสัยการนอนแบบนั้นก็ได้ตาเป็นหมีแพนด้าพอดี

“ยินดีค่ะคุณนรินทร์ แต่คุณก็ตวาดฉันน่าดูเลยนะคะ”

มีเสียงเขาหัวเราะเบาๆ ตานี่ เดาอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ

“อืม ผมจะบอกว่าบางครั้งความตลกของคุณก็มีประโยชน์บ้างนะ เอาเถอะราตรีสวัสดิ์ อย่าไปทำงานสายล่ะ” แล้วเขาก็วางสายไปดื้อๆ

ชิชะ ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นเหรอ แต่เขาโทรมาเพื่อพูดแค่นี้เนี่ยนะ แปลกจัง



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มี.ค. 2555, 12:58:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มี.ค. 2555, 12:58:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1932





<< ผิดพลาด   โทรศัพท์ >>
konhin 23 มี.ค. 2555, 13:37:43 น.
หึๆๆ ขำอีกแล้ว


คิมหันตุ์ 23 มี.ค. 2555, 14:48:50 น.
ฮาตลอด!!


ม่านฟ้า 23 มี.ค. 2555, 15:10:09 น.
ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา


เดิมเดิม 23 มี.ค. 2555, 15:29:20 น.
อีตอนใครชนะได้เป็นไจแอนท์ พี่ยุ่นแกเข้าใจมั๊ยเนี่ย 555


Kapoh 24 มี.ค. 2555, 03:40:37 น.
หลุดโลกไปแล้วนะสิดี 555


gozilar 24 มี.ค. 2555, 18:55:03 น.
รู้สึกว่าพระเอกก่อนรีไรท์ขรึมกว่านี้ แต่แบบนี้ก็น่ารักดีคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account