ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: โทรศัพท์

ตอนที่ 6

สถานการณ์ระหว่างฉันกับคุณนรินทร์ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ค่อยตวาดฉันเสียงดังเท่าไร คือฉันไม่ค่อยทำอะไรผิดน่ะ เขาดูจะใจเย็นขึ้น และที่สำคัญมีอารมณ์ขันมากขึ้นด้วยละ ดูได้จากเมื่อวานที่ฉันเอาชินจังเล่มใหม่ล่าสุดมาอ่านระหว่างพักเที่ยง ขณะที่เขากลับมาจากทานข้าวกลางวัน เขาเห็นฉันกำลังหัวเราะงอหายกับหนังสือการ์ตูน เขาก็ตีหน้าเข้มใส่ทันที ตอนนั้นฉันรู้สึกเสียววาบเกือบจะเถียงเขาแล้วว่า นี่มันยังไม่ถึงเวลาทำงาน แต่แล้วเขาก็พูดออกมาซึ่งทั้งหมดนั้นขัดกับท่าทางเข้มงวดของเขาอย่างมาก
“ถ้าคุณอ่านเสร็จแล้ว ผมขอยืมหน่อยนะ” ตอนนั้นฉันประหลาดใจ คิดว่าเขาจะเอาไปปาทิ้งแล้วสั่งสอนฉันว่าโตเป็นควายป่านนี้แล้วควรจะอ่าน ชีวิตไม่มีทางตันของคุณ ตัน โออิชิ มากกว่า ซึ่งฉันเคยเห็นเขาอ่านอยู่เมื่อ 2-3 วันก่อน
แต่ที่ไหนได้ ให้ฟ้าเป็นพยาน หลังจากที่ฉันให้เขายืมชินจังไป ก่อนกลับบ้านฉันเข้าไปในห้องเขาเพื่อทวงคืนแต่แปลกมากทีเดียวเพราะสิ่งที่ฉันเห็นอยู่คือเขากำลังหัวเราะงอหาย พอเขาเห็นฉัน เขาก็รีบวางชินจังลง แล้วทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฮ่าๆๆๆๆๆ ตาประธานบริษัทนี่ เป็นคนแปลกจริงๆ ทำไมต้องคิดว่าเสียงหัวเราะเป็นเรื่องน่าอายด้วยนะ
โอ๊ะ! เขามาแล้ว นี่มันเพิ่ง 8.40 น. เท่านั้นนะ ปกติ เขามาเวลา 9 โมงนี่นา
“สวัสดีค่ะคุณนรินทร์วันนี้มีประชุม ตอน บ่าย 3 นะคะ ช่วงเช้ามีเอกสารและโปรเจ็คให้พิจารณาเยอะเลยค่ะ นี่ค่ะ” ฉันพูดเสร็จ ก็ยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา แล้วคุณนรินทร์ ก็กล่าวสวัสดี ก่อนจะรับงานแล้วเดินเข้าห้องไป
แล้วฉันก็นึกอะไรออกจึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน
“เอ่อคุณคะ ฉันมีอะไรจะถามน่ะค่ะ”
คุณนรินทร์มองฉันแบบตกใจเล็กน้อย “เอ่อ...ผมขอโทษนะคุณสิดี”
หา? ขอโทษเรื่องอะไร ฉันแค่จะถามเขาว่าเขาเซ็นต์เอกสารของฝ่ายขายเมื่อวานหรือยัง หรือเขาจะรู้ว่าตัวเองทำงานช้า ทั้งๆที่ชอบบ่นคนอื่นเรื่องนี้
“เอ่อ ฉันไม่ได้มองเป็นเรื่องผิดอะไรนี่คะ แต่ถ้าคุณรู้สึกผิดฉันก็ขอบคุณ” แล้วฉันก็โปรยยิ้มสวยๆให้ หน้าตาเขาดูปลอดโปร่งขึ้นมาทันที เขารู้สึกผิดจนกลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
“ขอบใจนะ แต่ว่าอันที่จริง หน้านั้นมันขาดก่อนผมจะอ่านเสียอีก แต่ เอ่อ.ผมดันไปทำมันขาดเพิ่มขึ้นน่ะ เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ก็ได้”
อะไรนะ? เขาว่าทำอะไรขาดนะ?
“คุณคะฉันหมายถึงเรื่องที่คุณยังไม่ได้เซ็นต์เอกสารของฝ่ายขายค่ะ” สิ้นเสียงฉันเขาก็มีสีหน้าแปลกไป “คุณพูดถึงเรื่องอะไรคะ?”
คราวนี้เขาสำลักน้ำลายตัวเอง แล้วไอน้อยๆ “อ้อ...” แล้วเขาก็ไออีกที “ผมหมายถึงการ์ตูนชินจังเมื่อวานน่ะ ผมทำขาดไปหน้านึง แต่นี่!” แล้วเขาก็เสียงดุกลบ เมื่อเห็นว่าฉันมีสีหน้าตกใจและกำลังจะพูดต่อว่าเขา
“งานนั่นผมส่งให้คุณตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง กองเดียวกับงานที่เสร็จแล้วของคุณน่ะ เมื่อวานคุณก็ถามผมเรื่องนี้แล้วนะ ขี้ลืมจริง!” ต๊าย อยู่ดีดีฉันก็ถูกดุเสียอย่างนั้น
ถึงตาฉันเอาคืนบ้างล่ะ “แต่คุณว่าอะไรนะคะ! คุณทำชินจังของฉันขาดเหรอคะ!”
เขามีสีหน้าตกใจนิดหนึ่ง
แล้วเขาก็เสไปมองคอมพิวเตอร์ แล้วพูดเหมือนอยากให้ฉันได้ยินว่า “อ้าว มีอีเมลใหม่เข้ามาพอดี” แล้วเขาก็ยุ่งกับคอมพิวเตอร์อยู่สักครู่ ก่อนจะหันมาพูดกับฉันเรียบๆ
“เอาละๆ เดี๋ยวผมซื้อเล่มใหม่ให้ คุณออกไปทำงานได้แล้ว”
แล้วเขาก็ทำเป็นยุ่งกับการตอบรับอีเมล ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“ฉันมาขอพบท่านประธาน” คุณทิม เดินมาหยุดหน้าโต๊ะฉันแล้วจ้องมองฉันอย่างผู้มีชัยชนะ “คุณสิดี หึหึ”
ฉันมองเธอแล้วยิ้มแหยๆ “สักครู่นะคะ คุณทิม” แล้วต่อสายเข้าห้องคุณนรินทร์ แค่ฉันเน้นคำว่า คุณทิม หล่อนก็ทำหน้าไม่พอใจ นี่เธอสั่งให้ฉันเรียกแบบนั้นเองนะ คนบริษัทนี้นี่เอาใจยากจริง!
แล้วคุณทิมก็หายเข้าไปในห้องประธานเป็นนาน
ขณะที่ฉันกำลังรวบรวมข้อมูลในการเปิดสาขาโรงแรมของบริษัทนราธรที่ภูเก็ตอยู่นั้น โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ บริษัทนราธรค่ะ” ฉันรับอย่างมารยาทดี
“นั่นใช่เลขาของคุณนรินทร์รึเปล่า” เสียงหญิงมีอายุ ตอบกลับมา
“ใช่ค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ” ฉันตอบเสียงสวย
“ฝากบอกคุณนรินทร์ด้วยนะว่าวันนี้ เขามีนัดบอด ตอน 2 ทุ่ม กำชับเขาด้วยว่าห้ามหาข้ออ้างไม่ไป ห้ามไปสายด้วย” ผู้หญิงคนนั้นสั่งยืดยาวกลับมา อย่าบอกนะว่าคุณนรินทร์มีนัดบอดกับป้าคนนี้
“อ้อ คือ ดิฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน เดี๋ยวดิฉันจะต่อสายให้คุณคุยกับท่านโดยตรงดีกว่านะคะ” ฉันแนะนำเสียงสวยอีกครั้ง
“ไม่ต้อง! นี่หนูเป็นเลขาใหม่ล่ะสิ ไม่รู้รึไงว่านี่ก็คืองานของท่านประธานบริษัทนราธรเหมือนกัน” ยัยป้านั้นตะคอกฉันกลับมา เสียงเธอดูมีอำนาจมาก
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ มีนัดบอดที่ไหนคะ ดิฉันจะได้บอกท่านประธานถูก” ฉันรับคำอย่างเรียบร้อย พยายามจะไม่สติแตก
“นี่หนู” เธอพูดเสียงมีอารมณ์ “เธอมาทำงานนานขนาดไหนแล้วเนี่ย ถึงไม่รู้ว่าเขามีนัดบอดที่ไหน หนูนี่ ‘แย่มากๆ’”  หล่อนพูดเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแสนจะดูถูก
จะบ้าเหรอ ฉันเป็นเลขาเขานะ ไม่ใช่ ‘ลุงหนวด’ ในคอลัมน์มาลัยไทยรัฐ ที่คอยหาคู่ให้ชาวบ้าน และแล้วฉันก็ขาดสติจนได้
“นี่ป้า ฉันจะไปรู้เขาเหรอ ว่าเขาไปนัดบอดที่ไหน ฉันเป็นเลขานะไม่ใช่ลุงหนวด นี่ถ้าป้าไม่ตอบว่าเขาต้องไปนัดบอดที่ไหนล่ะก็ฉันก็จะไม่บอกท่านประธานเหมือนกันว่ามีนัดบอด” ฉันตอบแบบข่มอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ
ยัยป้านั่นคงเดือดดาลน่าดู “นี่หล่อน!” เธอเรียกฉันเสียงสูง “เธอไม่รู้รึว่าฉันเป็นใคร ถ้ารู้แล้วจะหนาว เธอนี่ไม่มี ‘ชาติตระกูล’ เอาซะเลย”
โอ๊ย! ชักจะมากไปแล้วนะ “ทำไม ป้าเป็นช่างซ่อมแอร์รึไง ถึงรู้แล้วจะหนาว แล้วนี่จะบอกรึไม่บอก ฉันจะวางแล้วนะ”
ฉันไม่โมโห ป้าแกหรอก ที่ว่าฉันไม่มีชาติตระกูล ถึงฉันตอบไปว่ามี แล้วบอกนามสกุล ‘ดีแต่เกิด’ ไป ป้าคงขำกลิ้งเยาะเย้ยฉันน่าดู
“หล่อน! หึ บอกคุณนรินทร์ว่า นัดบอดที่เดิม แล้วจะบอกให้นะ หล่อนต้องเสียใจ ที่ต่อปากต่อคำกับฉันวันนี้” คุณป้าวายร้ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงผู้ดี๊ ผู้ดี
“ได้ค่ะ รีบไปซ่อมแอร์ให้เสร็จนะคะ” แล้วฉันก็วางโทรศัพท์โครมลงไป
ชิ ตานรินทร์ มีนัดบอดกับป้าคนนี้อย่างนั้นเหรอ เขาไม่มีปัญญาหาคู่เดทที่ดีกว่านี้เลยหรืออย่างไร หน้าตาก็ดี บุคลิกก็เท่ห์ปานนั้น รวยจะตาย อืม แต่เขาเป็นคนโมโหร้าย ตรงนี้ล่ะมั้งทำให้จีบสาวนัดบอดไม่ติดสักที เลยต้อวลองเปลี่ยนเป็นคนแก่กว่าจะได้ยอมรับตัวเองได้
อ้าว นั่นคุณทิมเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอะไรบางอย่าง สมน้ำหน้า โดนท่านประธานตวาดมาแน่ๆ
จากนั้นฉันก็หาข้อมูล แล้วรวบรวมส่งท่านประธาน เมื่อเข้าไปในห้อง คุณนรินทร์ก็กำลังคุยโทรศัพท์หน้าเครียด แล้วพยักหน้าให้ฉันนั่งลง
“เอ่อ.....ไม่ต้องห่วงครับ ผมไปแน่ เอ่อ เรื่องนั้นผมไม่รับรองหรอกครับ อ้อ ครับ ผมจะจัดการให้ทันที ครับ สวัสดีครับ”  แล้วเขาก็วางสาย ก่อนจะหันมาจ้องฉันไม่วางตา
“ท่านมีนัดบอดตอน 2 ทุ่ม ที่เดิมนะคะ แล้วนี่ข้อมูลค่ะ ดิฉันรวบรวมเสร็จแล้ว” ฉันรายงานทุกอย่าง พร้อมกับสบตาเขาแบบคนเอาการเอางาน แต่คุณนรินทร์วางเอกสารเหล่านั้นไว้ข้างๆแบบไม่ใส่ใจ
“คุณพูดกับคุณแม่ผมอย่างนั้นได้ยังไง" เขาถามฉันเสียงเรียบๆ ไม่มีวี่แววโมโหนัก
แล้วฉันไปคุยกับแม่เขาตอนไหนล่ะเนี่ย...ฉันจ้องเขาด้วยความคิดว่างเปล่า ใบหน้าฉันคงบริสุทธิ์จริงๆ เพราะเขาดูอึดอัด
“จำเรื่อง ช่างซ่อมแอร์ และลุงหนวด ไม่ได้เลยใช่ไหม” เขายังคงพูดเสียงปกติเช่นเคย
ช่างซ่อมแอร์ และลุงหนวด อะไรกันเล่า เอ๊ย!!! ป้าคนนั้นคือแม่ของเขาเหรอ!!!!
ฉันที่ตอนแรกทำหน้าตาสงสัย ตอนนี้กลับ สะดุ้งโหยง ตกใจสุดขีด นั่งไม่ติดเก้าอี้
“คือคุณคะ...........ฉัน..........”
“ไม่ต้องแก้ตัว” เขาพูดเรื่อยๆ เหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ตะคอกเลยสักนิด
“ผมไม่ได้จะว่าคุณเพราะคนคนนั้นเป็นคุณแม่ผมหรอกนะ แต่คุณต้องจำไว้ คนที่โทรเข้ามาที่บริษัทนราธร ต้องได้รับการพูดตอบกลับไปด้วยดี ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครและ” คราวนี้เขาเหมือนจะหัวเราะ แต่รีบกลั้นมันเอาไว้ “...และไม่ว่าเขาจะพูดกวนประสาทกับคุณแค่ไหนด้วย"
ฉันนั่งนิ่ง การที่เขาเกือบหัวเราะเมื่อกี้ไม่ได้ทำให้เรื่องที่เขาตักเตือนถูกต้องน้อยลงไปเลย ใช่ คุณนรินทร์พูดถูกทุกอย่าง ฉันมีหน้าที่แบบนั้นจริงๆด้วย แล้วเขาหัวเราะอะไรน่ะ
“ฉันขอโทษค่ะ ฝากขอโทษคุณแม่คุณด้วยนะคะ” ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าเขาเป็นอย่างไร เพราะฉันก้มหน้าอยู่ตลอด จนเขาพูดว่า “ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ” ฉันจึงลุกขึ้นจากเขาไปทั้งๆที่ก้มหน้าอย่างนั้น
อืม คราวนี้ฉันผิดเต็มประตู เขาไม่ได้โมโหฉันที่พูดไม่ดีกับแม่ของเขาเลย แถมยังสั่งสอนในสิ่งที่ฉัน ‘ควรทำ’ อีกด้วย เขาเป็นเจ้านายที่ดีจริงๆ(มั้ง)
เช้าวันต่อมา ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาอีก
“สวัสดีค่ะ บริษัทนราธรค่ะ” ฉันรับโทรศัพท์
“นัดบอด ตอน 1 ทุ่ม ที่เดิม” นั่นเสียงป้าเมื่อวาน อ้อ ไม่ใช่สิ แม่คุณนรินทร์
“คุณแม่คุณนรินทร์ใช่ไหมคะ เมื่อวานดิฉันขอโท......” อ่า...คุณแม่คุณนรินทร์คงโกรธฉันจริงๆ เธอวางโทรศัพท์กระแทกหูไปเลย
อืม ตานรินทร์ นัดบอดถี่จัง เขามีปัญหาเรื่องคู่ครองมากจริงๆนะ
เช้าวันต่อมา
“กริ๊ง!” เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะฉันดังอีก
“สวัสดีค่ะ บริษัทนราธรค่ะ” ฉันรับ
“นัดบอด 6 โมงเย็น ที่เดิม” พูดเสร็จก็วางสายไป คราวนี้แม่คุณนรินทร์ไม่เปิดโอกาสให้ฉันพูดกับเธอเลย เธอบอกฉันเร็วจี๋ แล้วกระแทกโทรศัพท์โครมอีกครั้ง
เช้าอีกวันหนึ่ง (ต่อจากเมื่อวานน่ะแหละ)
โทรศัพท์ดัง ฉันรับ
“นัดบอด 2 ทุ่ม ที่เดิม” โครม! คุณแม่คุณนรินทร์อีกแล้วสินะ ฮึ่ม! ฉันสงสัยเหลือเกินว่าทำไมเขาไม่โทรเข้ามือถือบอกลูกชายเสียเอง มากวนประสาทฉันอยู่ได้ แต่ฉันต้องอดทน เฮ้อ!
แต่แล้ว ก็มาถึงเช้าวันนี้ ฉันนอนคิดมาทั้งคืนว่าจะรับมือกับคุณแม่ท่านประธานอย่างไร ถ้าเธอโทรมา
เอ่อ ไม่นะ ตลกจัง ถ้าเธอโทรมาเรื่องนัดบอดอีก แปลว่าทั้งอาทิตย์นี้ ท่านประธานนัดบอด 5 ครั้งเชียวนะ
“กริ๊ง!” นั่นไงล่ะ ฉันมองโทรศัพท์อย่างกระหยิ่มย่องใจ
แล้วฉันก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นเอามาแนบกับหูโดยไม่พูดอะไรเลย ฮ่าๆๆ ฉันตามเกมแม่คุณนรินทร์ทันแล้ว
ฝ่ายนั้นก็เงียบสงสัยกำลังสับสน แต่ฉันยังคงยืนหยัดที่จะเงียบต่อไป......และแล้ว.....
“อะแฮ่ม เลขานรินทร์ เธอยังอยู่รึเปล่า" เสียงนั้นพูดแบบกล้าๆกลัวๆกลับมา
ฉันเงียบ.....
“แฮ่ม นัดบอด 1 ทุ่ม ” เธอพูดหยั่งเสียงฉัน “ที่เดิมนะ”
ฉันเงียบ...
“นี่! เธอฟังอยู่รึเปล่าน่ะ ฉัน ฉัน” เงียบไปอึดใจ....... “จะวางแล้วนะ”
ฉันเงียบต่อ แอบหัวเราะเบาๆ คุณแม่คุณนรินทร์นี่ก็ตลกดีนะ
“..........หนู..............ฉันขอโทษ” เธอพูดเสียงอ่อนเสียอย่างนั้น
หา????? อะไรนะ!!!!! เธอขอโทษฉันเหรอ ไม่นะ!!! ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เธออาจจะมีก้อนเนื้อที่ไหนสักอย่างในร่างกาย แล้วรู้ตัวว่าเหลือเวลาอยู่ในโลกอีกไม่นาน ฉะนั้นควรรีบทำดีเข้าไว้ เฮ้ย บ้าน่า
“คุณแม่คุณนรินทร์คะ คือไม่ต้อ.....” โครม! ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยย ฉันหลงกลเธอเหรอเนี่ย ทำได้อย่างไรน่ะ แต่ก็ยังดีนะ แสดงว่าเธอไม่ได้มีก้อน
จากนั้นฉันก็เดินกระฟัดกระกระเฟียด เข้าไปบอกท่านประธาน ส่วนเขาก็พยักหน้ารับเบื่อๆ แล้วพอกลับมาที่โต๊ะทำงาน มือถือฉันก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ” ฉันรับ
“สิดี นี่หนูเล็กนะ วันนี้ เธอ เธอ วะ ว่าง ม้าย ฮือ” ยัยหนูเล็กโทรเข้ามาพร้อมด้วยเสียงสะอื้นฮักๆ
เอาล่ะสิ อย่าบอกนะว่าโดนผู้ชายทิ้งมา ไม่นะ ฉันไม่อยากรับฟังอีกแล้ว ม่ายยยยยยยยยย
“ใช่ฉันเอง หนูเล็กเป็นอะไร ใจเย็นๆก่อนนะ” ยิ่งฉันพูดแบบนั้นเธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“ฉันอยากเจอเธอสิดี วันนี้ได้ไหม” หนูเล็กพูด
นึกแล้ว ฉันไม่อยากไปเลย ไปถึงฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่นั่งมองเพื่อนร้องไห้และคร่ำครวญ
ฉันเงียบไปนาน คงทำให้หนูเล็กไม่พอใจ “เธอจะปฏิเสธเหรอ” คราวนี้หล่อนส่งเสียงแข็งขึ้นมา
ชิชะ จะมาบังคับกันเหรอ
“สิดี ฉันไม่มีใครแล้วนะ ฮือออออออออ” แย่ล่ะสิ หนูเล็กร้องไห้หนักขึ้น
“โอเคๆ ฉันไป หยุดร้องได้แล้ว นะนะหนูเล็กคนดี” ในที่สุดฉันก็ต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้
เสียงหนูเล็กหายเศร้าไปทันที “ดีจัง ขอบใจนะ ถ้าอย่างนั้นก็ที่เดิม เวลาเดิม นะสิดี บายจ้า” แล้วก็วางสายไปเฉยเลย



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2555, 23:00:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2555, 23:00:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1879





<< งานแรก   บังเอิญ >>
Auuuu 24 มี.ค. 2555, 23:23:26 น.
แม่พระเอกเจ้าเล่ห์มากกกกกกกกกกกก


คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2555, 03:38:26 น.
ตลกแม่ พระเอกจัง


คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2555, 03:39:24 น.
ตลกแม่ พระเอกจัง


Kapoh 25 มี.ค. 2555, 10:02:10 น.
สิดีแพ้ทางแม่พระเอกเหรอเนี่ย 55


ม่านฟ้า 25 มี.ค. 2555, 11:51:17 น.
แม่พระเอกแกเพี้ยนป่ะเนี่ย 555555555555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account