เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 19

ตอนที่ 19


อาหารมื้อค่ำสุดแสนโรแมนติกและน่าจดจำภาคินัยเป็นคนที่ชอบเสาะแสวงหาเขาจึงเลือกพาเธอมาที่นี่และพีระดาก็ชอบมันมากสมกับความคาดหวังของเขา เธอเพลิดเพลินกับวิวสวยในมุมสูงอันน่าทึ่งของกรุงเทพฯ ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนและแสงดาวที่โอบล้อม ลมเย็นๆที่พัดผ่านบนดาดฟ้าของโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้ อีกทั้งยังมีวงดนตรีแจ๊สที่เล่นกันสด ๆ คอยขับกล่อมให้เคลิบเคลิ้มไปกับอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียนรสเลิศ
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ากรุงเทพฯ ก็มีร้านอาหารแบบนี้ด้วย” หญิงสาวกวาดตามองวิวสูงของกรุงเทพฯยามค่ำคืนมันสวยมาก

“ผมดีใจที่คุณชอบ” เขาตักอาหารใส่จานให้เธอ ดูเหมือนว่าคืนนี้หญิงสาวจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเห็นนางแบบที่ไหนจะทานเก่งเท่าเธอมาก่อน

“คุณตักให้ฉันแต่ไม่เห็นคุณทานบ้างเลย” พีระดารู้สึกว่าภาคินัยยังกังวลเรื่องอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเรื่องของอัคนีที่หายตัวไปและยังไม่ได้ข่าวคราวแม้ว่าเธอจะเล่าให้เขาฟังไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัคนี

“นอกจากเรื่องพยาบาลสุชาวี คุณคงยังเป็นห่วงคุณอัคนีเขาอยู่ใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ ถึงคุณจะเล่าว่ามันถูกน้องสาวของไอ้นายหัวนั่นพาตัวไปก็เถอะถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่ผมก็ยังห่วงไอ้อัคนีมันอยู่ดี ผู้หญิงอะไรหาญกล้าขนาดมาลักพาตัวผู้ชายในโรงพยาบาล” เมื่อพูดถึงสองพี่น้องเจ้าของไร่กาแฟ ภาคินัยก็ดูจะอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาทันที

“เชื่อเถอะค่ะว่าคุณอัคนีไม่เป็นอะไรหรอก ซิกเซ้นต์ของฉันมันบอกว่าอย่างนั้นบางทีอีกไม่นานคุณอาจจะได้รับข่าวดีแทนก็ได้”

“ผมก็หวังว่ายัยผู้หญิงบ้าระห่ำนั่นคงไม่ฆ่าปาดคอเพื่อนผมและโยนลงทะเลหรอกนะครับ”

พีระดาหัวเราะเบาๆ

“ไม่หรอกค่ะ วันนี้พี่อินบอกฉันว่าคุณอัคนีติดต่อมาที่สำนักพิมพ์โทรมาขอลางานยาวบอกว่ามีปัญหาจะต้องไปเคลียร์”

“อ้าว! มันติดต่อมาแล้วเหรอครับ ถ้ามันไม่ตายผมก็สบายใจ” ภาคินัยค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง

“สบายใจแล้วใช่ไหมคะ”

“ยังไม่สบายใจทุกเรื่องหรอกครับ คุณก็รู้ว่าถ้าผมยังเอามันเข้าคุกไม่ได้ชาตินี้คงนอนตายตาไม่หลับ” พีระดาหยุดยิ้มเธอรู้ดีว่าภาคินัยหมายถึงใคร

“ทำไมคะคุณยังลืมมันไม่ได้ใช่ไหมว่าเขากับฉันเคย.............”พีระดานิ่งเงียบ

ภาคินัยรีบกุมมือหญิงสาวเอาไว้ “ไม่เอาน่า ผมสาบานกับคุณได้ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย แต่ที่ผมทนไม่ได้ทำไมเราไม่เอาไอ้คนเลวเข้าคุก เรื่องนี้ผมช่วยได้โดยจะไม่ให้มันเป็นข่าวรับรองว่าจะไม่กระทบถึงชื่อเสียงคุณแน่”

“ถ้าคุณรักฉันจริงก็อย่ารื้อฟื้นเรื่องนี้อีกเลย ถ้าหากคุณบอกว่าลืมมันไปได้ก็อย่าพูดถึงมันให้ฉันได้ยิน”

ภาคินัยขมวดคิ้ว หลับตานิ่งขับไล่ความเครียดแค้นชิงชัง“ตกลง ถ้าคุณต้องการแบบนั้น”


ภาคินัยมั่นใจว่าตัวเขาไม่เคยรังเกียจเธอเลยที่เธอถูกไอ้นายหัวเมฆานั่นรังแก เขากลับสงสารและรักเธอมากขึ้น ความรักที่มีให้เธอมันทำให้เขามองข้ามทุกเรื่องไป แต่ที่ทำใจไม่ได้เรื่องเดียวก็คือพีระดากลับปกป้องมันทั้งที่มันสร้างตราบาปให้เธอ พีระดาไม่ต้องการให้เขาไปเอาเรื่องกับไอ้หมอนั่นอีกเขาไม่เข้าใจเธอเลย

“สัญญามาสิคะว่าถ้าคุณลืมเรื่องนั้นได้จริงๆ จะไม่ไปยุ่งกับเขาอีก”

“ก็ได้ผมจะไม่ไปยุ่งกับมันก่อน แต่อย่าให้ผมเห็นหน้ามันอีกในชาตินี้ เพราะถ้าเจอมันอีกครั้งผมรับประกันไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

พีระดาคิดว่าหลังการแต่งงานเรื่องราวทุกอย่างก็คงจบลงเมื่อเขารู้ความจริง แต่อีกอย่างที่นึกกังวลาคือเธอไม่มั่นใจว่าถ้าเขารู้ความจริงว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ นั่นเท่ากับว่าเธอหลอกลวงเขา ภาคินัยจะโกรธเธอหรือเปล่า แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่เธอจะพิสูจน์ได้ว่าเขารักเธอจริงไม่ใช่แค่คำพูดจากลมปากเท่านั้น


“เอาเป็นว่าเราอย่ามาคุยเรื่องเครียดๆกันเลยค่ะ วันนี้คุณตั้งใจทำให้ฉันมีความสุขไม่ใช่เหรอคะ”

“แน่นอนครับ” เขาพยายามทำทุกอย่างให้คนรักมีความสุขแต่ภายในใจยังเต็มไปด้วยแรงแค้นนายหัวเมฆาไอ้สารเลวที่กล้าเหยียบย่ำหัวใจเขา


ทั้งสองคนทานอาหารและเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเกือบจะลืมไปว่าเกือบจะห้าทุ่มแล้วร้านก็กำลังจะปิด

“กลับกันเถอะค่ะร้านเขาคงใกล้ปิดแล้ว”

“ผมยังไม่อยากลับเลย”

“ ไหนคุณบอกว่าพรุ่งนี้มีคุยงานกับผู้รับเหมาแต่เช้าไม่ใช่เหรอคะ”

“ใช่ครับ แต่ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณมันมีความสุขนี่ครับทำให้ผมลืมเรื่องเวลาเสียสนิท จนผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้”

“ปากหวานจริงๆนะคะ ถ้าหลังแต่งงานแล้วคุณปากหวานกับคนอื่นอีกมีหวังฉันคงต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ” เธอสบตากับเขา

“ต่อไปนี้ผมสัญญาว่าจะหวานกับคุณคนเดียว จะไม่มีเรื่องผู้หญิงอื่นมาทำให้คุณต้องเสียใจ” เขามองจ้องไปในดวงตาคู่สวยของพีระดา วันนี้เธอสวยมากชุดแซกสีชมพูอมพีชขับผิวขาวหยวกให้โดดเด่น ยิ่งใบหน้าเรียวรูปไข่ทำผมเกล้าสูงเน้นใบหน้าของเธอให้สวยโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม

ในขณะเดียวกันที่เขากำลังมองเธออย่างเพลินตาโทรศัพท์ของเขาก็สั่นตอนแรกภาคินัยไม่คิดจะรับ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอื่นใดเขาก็ไม่อยากสนใจในเวลานี้ แต่คนโทรมาไม่ยอมวางสายจนเขารำคาญจึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง และพบว่าเป็นเบอร์ของเขมมิกา


“ใครโทรมาคะ”

หากพูดออกไปก็คงทำลายบรรยากาศไปเปล่าๆภาคินัยจึงเลี่ยงที่จะตอบแบบตรงๆ “เพื่อนครับ”

“ทำไมไม่รับล่ะครับ”

“รับไปก็คงปวดหัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภาคินัยเคลียร์สายทิ้ง แต่เซ้นตส์ของผู้หญิงในเรื่องนี้บอกพีระดาว่าต้องไม่ใช่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเขาไม่พูดเธอก็ไม่อยากจะถามต่อ



หลังจากที่ภาคินัยไปส่งพีระดาที่คอนโดแล้วเขาต้องขับรถกลับไปพักที่ชลบุรีเพราะพรุ่งนี้มีงานต้องเคลียร์กับผู้รับเหมาแต่เช้า ในเรื่องโครงการคอนโดหรูริมทะเล ซึ่งเป็นโครงการใหม่ของเขามันเริ่มก่อสร้างไปบ้างแล้วแต่เกิดติดขัดเพราะผู้รับเหมาทำงานล่าช้ากว่ากำหนดและงานไม่เป็นไปตามแบบงานนี้ภาคินัยรู้สึกเครียดเขาอยากจะสะสางงานให้เสร็จสิ้นจะได้มีเวลาฮันนีมูนยาวๆกับเจ้าสาวคนสวย หลายคนมักจะว่าเขาเสมอว่าจะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนธุรกิจก็ทำ งานเขียนก็ยังมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาคิดเสมอว่าค่าของคนอยู่ที่ผลงานภาคินัยภูมิใจทุกครั้งยามที่โครงการแต่ละโครงการของเขาขายได้จนหมดเกลี้ยงลำพังจากการทำธุรกิจด้านนี้ด้านเดียวเขาก็มีเงินมากพอจนไม่ทำงานทั้งชาติก็ยังได้ แต่งานเขียนเป็นงานที่เขารักจึงไม่อยากทิ้งมัน แต่ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเขาอาจจะต้องทำงานให้น้อยลงกว่านี้ เขาไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหาเขาอยากมีเวลาที่จะพาพีระดาไปท่องเที่ยว อยากมีเวลาอยู่ใกล้ชิดเธอเขาคิดทบทวนทุกอย่างขณะที่ขับรถ


+++++++++++++++++++++++++++++

“ใครกันนะโทรมาตอนกำลังจะอาบน้ำ”
พีระดาหยิบกดรับสายโดยไม่ทันได้มองชื่อก่อน

“สวัสดีว่าที่เจ้าสาวคนสวย ทำอะไรอยู่จ้ะ”

“คุณเขมมิกามีอะไรกับฉันเหรอคะถึงได้โทรมาดึกดื่นป่านนี้”

“เปล่า...ฉันนะเหรอจะกล้ามีเรื่องกับเธอ”น้ำเสียงเย้ยหยัน “ว่าแต่ภาคินัยเขาคงไม่ได้อยู่กับเธอล่ะสินะคืนนี้” จากนั้นเขมมิกาก็หัวเราะเสียงดังเหมือนซะใจกับคำพูดของตัวเอง
พีระดากดวางสายทันที “ประสาท”

หญิงสาววางโทรศัพท์มือถือลงที่โต๊ะ รีบเดินไปทางห้องน้ำหวังว่าความเย็นจากน้ำคงจะช่วยเธอได้เธอไม่อยากจะให้ใจตัวเองร้อนรุ่มไปตามเขมมิกา คนที่กำลังจะร่วมหัวจมท้ายกันควรจะเชื่อใจกันให้มาก

โทรศัพท์ภายในบ้านดังขี้นอีก พีระดาฉุกคิดถ้าเป็นเขมมิกาโทรมาอีกจะทำอย่างไรเธอไม่อยากจะรับเลย แต่ก็ตัดสินใจเดินไปรับเพราะมั่นใจว่าเขมมิกาไม่มีเบอร์นี้


“อย่าวางนะ ถ้าวางฉันจะโทรมาอีก”คนที่โทรเข้ามาขู่

“เก่งจริงนะหาเบอร์ที่คอนโดของฉันได้ด้วย ถ้ารู้ว่าเป็นเธอฉันจะไม่รับสายหรอก”


“แน่นอนเรื่องแค่นี้ไม่ยากเลยถ้าคนอย่างเขมมิกาต้องการ”


“มีอะไรมากกว่าการอยากโทรมาป่วนฉันไหมคะ”


“ตกลงคืนนี้ผู้ชายของฉันไม่ได้อยู่กับเธอใช่ไหม เพราะคืนนี้เขานัดให้ฉันไปหาที่คอนโดชลบุรี”


พีระดาพยายามไม่เชื่อคำยุแยงที่กรอกเข้ามมาจากอีกฝ่าย แต่ก็อดใจสั่นไม่ได้ ยิ่งนึกถึงตอนที่อยู่ร้านอาหารเขามีท่าทีผิดปกติ


“อย่าโทรมายุแยงเสียให้ยากเลยเขมมิกา เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วเธอคงทำอะไรไม่ได้มันสายไปแล้วล่ะ”

“แต่งก็แต่งไปสิใครจะไปสน แต่เธอคงใจกว้างพอให้ฉันยืมใช้บ้างเป็นบางครั้งใช่ไหม”


“เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ”


“ฉันเคยคิดว่าเธอฉลาดนะไม่คิดว่าจะเจอคำถามอะไรโง่ๆ ฉันต้องการเขาคืนน่ะสิ ภาคินัยต้องเป็นของฉันไม่ใช่ผู้หญิงหน้าด้าน ชุบมือเปิบแบบเธอ”
“แล้วเธอเคยถามเขาบ้างไหมว่าเขาต้องการเป็นของเธอหรือเปล่า”


เขมมิกากรีดร้องอยู่ในใจเจ็บแค้นคำที่พีระดาตอกกลับแต่คืนนี้เธอจะพยายามใจเย็นเพื่อปั่นประสาทคู่ต่อสู้


“ฉันว่าเขายังต้องการฉันอยู่นะไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาไม่ร่ำร้องขอให้ฉันมาหาเขาที่คอนโดหรอก ป่านนี้ภาคินัยคงรีบขับรถกลับมาหาฉันแล้ว คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่นี่คงไม่ต้องบรรยายให้เธอฟังใช่ไหม” เขมมิกาหัวเราะเสียงดัง

“ฉันไม่เชื่อ” น้ำเสียงพีระดาหนักแน่น

“รับความจริงไม่ได้เหรอ ผู้ชายอย่างภาคินัยเขาไม่หยุดง่ายๆหรอก”

“แค่นี้นะเขมมิกาฉันไม่อยากฟังอะไรที่มันไร้สาระ เปลืองสมอง”


“รับไม่ได้มากกว่ามั้ง”เขมมิกาย้อน


“ ถ้าเธอโทรมาอีกฉันจะชักสายออกเขมมิกา”

“อย่าเพิ่งวางโทรศัพท์หนีไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งสิจ้ะคนดี เดี๋ยวคืนนี้เราสองคนจะมีความสุขเพื่อเธอด้วยนะ ต้องการแบบไหนก็ฝากฉันได้นะจะจัดให้ทุกท่าเลย”


“บ้า ไร้ยางอาย” พีระดากระแทกโทรศัพท์ลงไปด้วยอาการมือสั่นนิดๆ ในใจสั่นและหวิวอย่างประหลาด เธอนิ่งอยู่นานก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขี้นมาอีกครั้งและกดเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ตกเป็นประเด็น
+++++++++++++++++
“สวัสดีครับที่รักยังไม่นอนอีกเหรอ นี่มันดึกมากแล้วนะ”

“ยังเลยค่ะ แล้วคุณล่ะคะขับรถถึงไหนแล้ว”
“ผมผ่านสมุทรปราการมาแล้วตอนนี้ก็น่าจะอยู่แถวนิคมเวลล์โกลล์ ขับรถคนเดียวไม่มีคนนั่งเป็นเพื่อนรู้สึกเหงาจังครับ”เขาอ้อน

“อย่ามาหยอดเสียให้ยากเลยค่ะ ขับรถกลับดึกๆแบบนี้ระวังด้วยนะคะ ไม่มีใครรอยู่ที่คอนโดไม่ใช่เหรอ”

พีระดาหยั่งเชิงดู

“ไม่มีหรอกผมสาบาน”

“แล้วนัดไว้ที่อื่นหรือเปล่า”

“ไม่มีจริงๆ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีการที่เธอถามแบบนี้มาบ้างเขาก็รู้สึกดี เพราะปกติพีระดาจะไม่เคยแสดงอารมณ์เหล่านี้มาให้เขาเห็นเลย

“เชื่อได้ไหมคะ”

“มากกว่าคำว่าเชื่อได้อีก” เขาหัวเราะ

“คืนนี้ผมรู้สึกหนาวๆร้อนๆปวดหัว เหมือนจะเป็นไข้อย่างไรก็ไม่รู้ครับ นี่ถ้าได้ข้าวต้มร้อนๆสักถ้วยคงดี”

“แถวชลบุรีมีข้าวต้มโต้รุ่งเยอะแยะไปก็แวะทานก่อนกลับไปที่คอนโดสิคะ”

“ไม่เอาหรอก ผมอยากทานฝีมือคุณมากกว่าพรุ่งนี้ทำข้าวต้มกุ้งให้ผมทานนะครับคนสวย”เขาอ้อนอีก “อย่าปากหวานไปหน่อยเลยฉันไม่หลงกลคุณหรอก”

“ไม่หลงกลแต่หลงรักใช่ไหมครับ”

พีระดาคุยกับเขาจนเพลินเกือบจะลืมไปว่าเธอโทรมาเพื่อจับผิดอะไรบางอย่าง แต่จากการคุยกับเขาเธอก็ไม่เห็นความผิดปกติสิ่งที่เขมมิกาพูดคงเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อมาบั่นทอนจิตใจเธอเท่านั้น

แต่ตอนนี้พีระดากลับนึกห่วงอาการไม่สบายของเขามากกว่า อยู่คนเดียวคงไม่มีใครดูแล

“ทำพูดดีไปเถอะ ขับรถมองทางด้วยนะคะถึงจะใส่สมอล์ทอล์กก็ใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น”

“ครับผมต้องรักษาเนื้อรักษาตัวเป็นอย่างดี เดี๋ยวไม่ได้เป็นเจ้าบ่าวที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง”

“แค่นี้นะคะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน”


“แน่นอนครับ เสร็จธุระจะรีบขับรถกลับไปหาคุณทันทีต้มข้าวต้มกุ้งรอไว้เลยนะ”


“อยากกินมากเลยเหรอคะ”



“ครับ เหมือนมันจะไม่สบายเลยนึกอยากกินขึ้นมา”


“หึหึ...ตกลงค่ะ”

หลังจากวางสายพีระดาตั้งใจจะเปลี่ยนเสื้อไปอาบน้ำเสียที แต่เธอเกิดหิวน้ำขึ้นมาคงคอแห้งจากการคุยโทรศัพท์นานจึงเดินไปที่ตู้เย็นก่อน เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาเธอมองเห็นอะไรบางอย่างที่แช่เอาไว้ในตู้เย็นทำให้เธอนึกอะไรขึ้นมาได้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ภาคินัยเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถแต่เมื่อรูดการ์ดเพื่อเปิดเข้าห้องหวังจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายจะได้นอนหลับพักผ่อนก็ต้องตกตะลึงในเมื่อมีใครบางคนถือวิสาสะเข้ามานั่งรอยู่ในห้องก่อนแล้ว


“เขมมิกา คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

“ก็มาเหมือนที่เคยมาน่ะสิคะ ”


เขาไม่เคยให้การ์ดกับผู้หญิงคนไหน ยกเว้นพีระดาซึ่งเขาเอาการ์ดที่เขาทำขึ้นอีกใบให้เธอไปเมื่อสองวันก่อน


“ไม่ยากหรอกค่ะอย่าลืมสิคะว่าเมื่อก่อนฉันเคยมาที่นี่บ่อยแค่ไหนจนเขาคุ้นหน้า ฉันก็แค่ไปบอกเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดนี้ว่า ฉันลืมเอาการ์ดมาคุณให้ฉันมารอที่นี่ ถ้าเขาไม่ให้การ์ดฉันอาจจะถูกเจ้านายไล่ออก”



“เขมมิกา! คุณทำมากเกินไปแล้วนะ”


“ก็คุณทำให้ฉันต้องเสียหน้าก่อน คุณเลือกนังพีระดาไม่เลือกฉันทั้งที่คุณเพิ่งจะรู้จักกับมันได้ไม่นาน” “ใช่เราเพิ่งจะมารู้จักกันไม่นาน แต่ผมรักพีระดามานานแล้ว”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ผมขอไม่ตอบละกัน แต่คุณก็รู้ดีว่าตอนนี้ผมกำลังจะแต่งงานแล้วการที่คุณเข้ามาอยู่ในห้องนี้มันคงส่งผลไม่ดีทั้งตัวคุณและผม”

“จะไล่ฉันเหรอคะคุณภาคินัย แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ”

“ผมไม่อยากทำให้คนที่ผมจะแต่งงานด้วยเสียใจ เชิญคุณกลับไปเถอะ”


“ไม่อยากให้มันเสียใจ และฉันละคะอย่าลืมสิว่าฉันก็เมียคุณคนหนึ่ง และมาก่อนมันด้วยซ้ำไป” เขมมิกาปล่อยโฮทั้งเสียใจจริงอีกส่วนหนึ่งก็คือมารยา


เมื่อเห็นน้ำตาของผู้หญิงหัวใจผู้ชายแทบทั้งโลกย่อมเกิดความสงสารเป็นธรรมดา

“เขมมิกาครับ อย่าร้องไห้เลยเห็นคุณเป็นแบบนี้ผมก็ไม่สบายใจ” เขาลูบหลังเธอพยายามปลอบโยน เขมมิกาซบลงไปที่อกกว้างของเขาและบอกตัวเองว่าเธอจะต้องได้เขากลับคืน เธอจะไม่มีวันยอมเสียผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่างให้ผู้หญิงคนไหนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อพีระดา

+++++++++++++++++++++++++++++


เส้นทางสายบางนา-ตราดแม้จะเป็นทางหลวงเส้นใหญ่แต่ยามดึกสงัดในเวลาตีหนึ่งกว่าก็มีรถไม่กี่คันเท่านั้นที่วิ่งบนถนนเส้นนี้ทำให้มันดูเว้งว้างยามที่ต้องขับรถคนเดียวแบบนี้ พีระดาจึงต้องเปิดเพลงฟังและร้องเพลงคลอเบาๆเพื่อให้คลายความเหงาความกลัวแต่เมื่อชำเลืองมองหม้อเก็บความร้อนสีเงินที่ข้างในบรรจุข้าวต้มกุ้งตัวเขื่องหอมฟุ้งน่ากินอยู่เต็มหม้อ ก็ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะขับรถต่อไป และเมื่อนึกถึงใบหน้าของภาคินัยที่กำลังไม่สบายหากเขาได้ทานข้าวต้มร้อนๆสักถ้วยก่อนนอนคงจะดีไม่น้อย หญิงสาวเผลอยิ้มอย่างลืมตัว และขับรถเร็วกว่าปกติต้องการไปให้ถึงที่หมายเร็วๆ



“รอหน่อยนะคะภาคินัย ข้าวต้มกุ้งร้อนๆไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้แล้ว” พีระดาหวังจะมาเซอร์ไพรส์

ภาคินัยเครียดจัดเมื่อเขมมิกาเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่นานสองนานและไม่ยอมกลับไป เขาไม่ได้โทษเธอทั้งหมดส่วนหนึ่งภาคินัยโทษความเสเพลในอดีตของตัวเองถึงแม้ว่าจะมีการตกลงกันแล้วในความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัด แต่ในเวลานี้เขมมิกาไม่ยอมจบง่ายๆมันทำให้เขาหนักใจมาก


“เขมมิกาคุณต้องการอะไรหากมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาบ้างได้บ้างผมยินดีทำ”


หากเป็นแก้วแหวนเงินทอง ของแบรนด์เนมทั้งหลายที่เธอเคยชอบขอให้เขาซื้อให้เมื่อก่อนนี้เขายินดีจะให้เธอทันทีไม่ว่าราคามันจะมากสักเพียงใดไม่ใช่เขาตีราคาเธอด้วยเงินแต่อย่างน้อยถ้าเป็นการชดเชยให้เธอได้เขาก็ยินดี

“เขมต้องการคุณไงล่ะคะ คุณไม่แต่งงานกับมันได้ไหม?”

“เรื่องนั้นผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมรักพีระดาและผมต้องการแต่งงานกับเธอ”เขายืนยัน

“คุณรักมัน แต่ฉันมันแค่ความใคร่หรือไงคะ” หญิงสาวปล่อยโฮ แม้จะจดจำข้อตกลงได้อย่างดีแต่เมื่อเวลาต้องปล่อยให้เขาเป็นอิสระพิษรักแรงหึงมันเกาะกุมจิตใจจนเขมมิกาทำใจไม่ได้

ภาคินัยเงียบไม่อยากพูดอะไรให้เธอสะเทือนใจไปมากกว่านี้

“คุณรู้ไหม ถึงคุณจะมีผู้หญิงคนอื่นมากมายแต่ฉันกลับไม่เคยมีผู้ชายคนไหนนอกจากคุณ ฉันรักคุณมากนะภาคินัย” เขมมิกาโกหกเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร

“เขมมิกา ผมขอโทษ แต่เรื่องของเรามันต้องจบได้แล้ว” ภาคินัยหันให้เธอเขาไม่อยากพูดว่าเขารู้ว่าระหว่างที่เธอคั่วอยู่กับเขาเธอก็คบกับผู้ชายคนอื่นเหมือนกันเขาไม่ได้โง่แต่ไม่ได้สนใจ เพราะตกลงกันเอาไว้ว่าจะไม่ก้าวก่ายกัน


นางแบบสาวสุดฮอตที่แสนจะร้อนแรงกอดเขาแน่นจากทางด้านหลังและซบใบหน้าไปที่แผ่นหลังกว้างและสะอื้นไห้ และคิดจะงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา


“ถ้าคุณจะทิ้งฉันไปจริงๆ ฉันขอแค่คืนนี้ได้ไหมคะภาคินัยที่เราจะเป็นของกันและกันเป็นครั้งสุดท้าย” ภาคินัยหันหน้ากลับมาหาหญิงสาวและรวบมือสองข้างของเธอโอบรัดคอเขาออกไป


“ทำแบบนี้เท่ากับทรยศคนที่ผมกำลังจะแต่งงานด้วย ผมขอเลือกที่จะไม่ทำ”

“อย่าทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย ฉันไม่เชื่อว่าเสือจะไม่กินเนื้อสดๆที่ยกมาวางไว้ตรงหน้า”

นางแบบสาวเบียดอกอวบแนบชิดถูไถกับหน้าอกแกร่งของเขา “ไม่เห็นเป็นอะไรแม่นั่นไม่รู้หรอก ถึงเช้าฉันก็ไป”

“เธอไม่รู้แต่ผมรู้อยู่แก่ใจ”เขาปฏิเสธเสียงหนักแน่นและดันนางแบบสาวที่กำลังยั่วเขาออกห่าง

“มองฉันสิคะฉันมีทุกอย่างที่คุณต้องการและเคยชื่นชม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะกล้าปฏิเสธ อย่าฝืนใจตัวเองไปหน่อยเลย”
“ไม่ได้ฝืน แต่เห็นมาจนเบื่อแล้ว” เขาไม่ชอบนิสัยช่างยั่วภาคินัยปัดมือเธอที่มายุ่งกับสาปเสื้อเขา

“จ้างให้ก็ไม่เชื่อ” เขมมิการยิ้มยั่ว

และสิ่งที่ภาคินัยคาดไม่ถึงก็คือเขมมิการูดซิบชุดแซกสีดำผ้าบางเบาสุดเซ็กซีของเธอจากด้านหลังลงไปจนสุดทางเพียงแค่นั้นชุดงามก็หล่นไปกองอยู่ที่เท้าของเธอ เหลือเพียงชุดชั้นในสีดำลูกไม้แบรนด์ดังสุดเซ็กซี่ท้าทายสายตาชายหนุ่มเพราะความบางของมันทำให้เห็นเนื้อในขาวผ่องอย่างชัดเจน

เขมมิกาก้าวเข้ามาหาเขาและยิ้มหวานท่าทีมั่นใจราวกับนางพญาออกล่าเหยื่อ

“แน่ใจเหรอคะว่าไม่สนเนื้อที่ทั้งหวาน ทั้งมันเคยกินมาแล้วก็น่าจะรู้” มือเรียวของเธอเอื้อมปลดบลาเซียสุดหรูจากทางด้านหน้ามันก็พร้อมจะปลดเปลื้องพันธนาการปล่อยให้ทรวงอกอวบหยุ่นเผยความงามต่อหน้าชายหนุ่ม เขมมิกาปลดสายบราเซียให้พ้นจากร่างบางหล่นไปอยู่ที่พื้นก่อนจะจู่โจมด้วยการผลักเขาให้ล้มไปบนเตียงจากนั้นก็โถมลงไปทาบทับเขา

“คราวนี้จะปฎิเสธอีกให้รู้ไป”

“เขมมิกา แต่งตัวซะและออกไปจากห้องผม” เขาสั่งเสียงดังเด็ดขาดสายตามีแววโกรธและดันนางแบบสาวยั่วสวาทที่ค่อมทับร่างเขาอยู่ที่จริงเขาจะผลักเธอให้ตกเตียงซะก็ทำได้แต่คงรุนแรงเกินไปจึงออกคำสั่งพร้อมดันเธอออกห่าง

ระหว่างที่คนบนเตียงทั้งสองกำลังผลักดันกันอยู่นั้นจู่ๆประตูห้องของภาคินัยก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อจู่ๆข้าวต้มร้อนๆหม้อย่อมๆถูกสาดมาที่เตียงทันทีราดรดที่ตัวเปล่าเปลือยครึ่งบนของเขมมิกาและหกเรี่ยราดบนตัวเขา


“หญิงโฉด ชายชั่วกินให้อร่อยนะ ฉันมันหน้ามืดตามัวคิดว่าคุณเลิกเจ้าชู้แล้วเสียอีก”


เสียงกรีดร้องด้วยความร้อนและรีบลุกขึ้นออกไปจากร่างของเขา และไปเต้นเร่าๆอยู่ข้างเตียง

“ว้าย! ร้อนๆ อีนังบ้าแกสาดข้าวต้มร้อนๆมาใส่ฉันได้ยังไง อีนังมารร้าย” เขมมิการีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดับความร้อนจากตัวที่ถูกข้าวต้มราดใส่
ภาคินัยแทบลืมไปเลยว่าเขาเองก็ถูกข้าวต้มกุ้งร้อนๆสาดใส่เหมือนกันเพราะเขากำลังช็อก พีระดาเข้ามาได้จังหวะพอดีจากนั้นเธอก็ไม่ถามอะไรสาดข้าวต้มมาบนเตียง เขาได้ยินเสียงหม้อหล่นกระแทกพื้นและเห็นพีระดาน้ำตาอาบแก้มก่อนที่เธอจะหันหลังรีบวิ่งออกไป

“เฮ้ย! พีระดา เดี๋ยวก่อนมันไม่ใช่แบบนั้น” ภาคินัยเมื่อได้สติรีบวิ่งตามหญิงสาวไปทันที

“โง่ๆๆจริง พีระดาเธอนี่มันโง่จนหาอะไรเปรียบไม่ได้เลย” หญิงสาวปาดน้ำตาและรีบวิ่งหนีเข้าลิฟท์ต่อไปนี้เธอจะไม่มีวันเชื่อน้ำคำใดๆของผู้ชายที่ชื่อภาคินัยอีกแล้ว

“นี่นะเหรอผู้รับเหมาที่บอกว่าต้องมาประชุมด้วยแต่เช้า ที่แท้ก็นัดกันมารับเหมาทั้งคืน”

++++++++++++++++++++++++++++++++





อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มี.ค. 2555, 14:53:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มี.ค. 2555, 21:10:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 4103





<< ตอนที่ 18   ตอนที่ 20 >>
Auuuu 23 มี.ค. 2555, 15:31:38 น.
ช็อตเด็ดพอดีเลย =="


อัปสรา 23 มี.ค. 2555, 15:42:19 น.
ข้าวต้มกุ้งร้อนๆเลย


anOO 23 มี.ค. 2555, 18:27:14 น.
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ งานเข้าแล้วไหมล่ะ


ตามหาฝัน 23 มี.ค. 2555, 19:09:41 น.
เหมาทั้งคืน


lovemuay 23 มี.ค. 2555, 19:54:19 น.
นางเอกไม่เชื่อใจพระเอกเลย


violette 23 มี.ค. 2555, 20:30:35 น.
555 กรรมตามสนองนะแบบนี้


violette 23 มี.ค. 2555, 20:32:08 น.
ปล. คั่ว นะคะ ไม่ใช่ขั้ว


Pampam 23 มี.ค. 2555, 23:40:34 น.
มันก็เชื่อยากนะผู้หญิงผู้ชายอยู่ด้วยกัน ภาคินัยงานเข้าอีกแล้ว


konhin 24 มี.ค. 2555, 01:16:07 น.
เอาแต่ใจอ่อนงานเลยเข้า สม


หมูบูลิน 24 มี.ค. 2555, 05:48:31 น.
ข้าวต้มกุ้ง ร้อนจริงอะไรจริง


อัปสรา 24 มี.ค. 2555, 08:03:07 น.
ป่านนี้ตัวพองแน่แล้วสองคนนั้น


kaero 26 มี.ค. 2555, 11:41:33 น.
ยุ่งเข้าไปอีก เวียนหัว


kaero 26 มี.ค. 2555, 11:42:10 น.
ฝากคุณนก ถามยัยเขมมิกา หน่อยสิ ว่าเอาซีม่า ม๊ะ


แพม 26 มี.ค. 2555, 21:53:19 น.
สมควรโดน ภาคินัยก็โง่จริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account