เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 20

ตอนที่ 20


“ฉันบอกแล้วให้เลี้ยวซ้ายไม่ใช่เลี้ยวขวา” สุชาวีหน้าบึ้งเมื่อคนขับรถไม่ยอมเชื่อฟังถ้าเธอบอกว่าเลี้ยวซ้ายเขาจะต้องเลี้ยวขวา ถ้าเธอบอกให้เลี้ยวทางขวานายหัวเมฆาก็จะเลี้ยวทางซ้าย
“ทำไมผมจะต้องเชื่อคุณ คุณเคยมากรุงเทพฯบ่อยหรือไง ขนาดผมมาหลายครั้งแล้วยังหลงเป็นประจำ”เขาแค่นยิ้ม ท่าทางไม่เชื่อถือเธอและมั่นใจในตัวเองมาก

ไม่อยากบอกว่าฉันนี่แหละสาวกรุงเทพฯ โดยสายเลือดพยาบาลสาวสุชาวีค้านในใจ
“เชื่อเถอะถ้าคุณขับไปทางเส้นนี้มันจะย้อนกลับไปสนามบินสุวรรณภูมิที่เดิมเลย”

“แต่ผมจำได้ว่ามันต้องเลี้ยวทางนี้ไม่ผิดหรอก ผมมั่นใจ”

“ฉันจะคอยดูคนมั่นใจ”พยาบาลสาวกระแทกเสียงใส่


“ไม่ผิดแน่ ถ้าคราวนี้ผมขับผิดทางอีก จะให้คุณเป็นคนขับตามที่คุณขอร้องก็ได้”น้ำเสียงท้าทาย


“อย่าลืมคำพูดนะคะ ฉันนั่งรถวนไปวนมาจนเบื่อแล้วไม่ถึงโรงแรมสักที”


เธอต้องมาเป็นพยาบาลพิเศษให้กับคนหัวดื้อคนนี้ด้วยความไม่เต็มใจ แต่ต้องสมยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะ ไม่เช่นนั้นแล้วสุชาวีคงต้องไปหางานทำที่ใหม่ เขาทั้งดื้อและรั้นสภาพร่างกายของนายหัวเมฆาศีรษะแตกเย็บเกือบยี่สิบเข็ม เนื้อตัวฟกช้ำดำเขียว แขนซ้ายกระดูกร้าวเล็กน้อยแขนขวาปกติดีแต่เธอคิดว่าเขาควรต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่งแต่เขาก็ไม่ยอม เขาต้องการมาตามหาผู้หญิงสองคน คนหนึ่งน้องสาวแท้ๆของเขาเมยาวี ที่ตอนนี้นายหัวเมฆาติดต่อน้องสาวไม่ได้หลังจากฝ่ายนั้นพาตัวผู้ชายคนหนึ่งไปที่เกาะมาหยาและเกิดเรื่องขึ้น สุชาวีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้เรื่องราวของพวกเขามากนัก รู้แค่เพียงที่เขาบอกให้ฟังว่าได้คุยกับน้องสาวครั้งสุดท้ายเธอบอกว่าจะมาที่กรุงเทพฯต่อจากนั้นนายหัวเมฆาก็ติดต่อน้องสาวไม่ได้อีกเขาดูจะเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวมากคงกลัวจะเกิดเรื่องร้าย
ส่วนอีกเรื่องสุชาวีอดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้เพราะนายหัวช้ำรักคนหัวดื้อกำลังหลงรักแฟนชาวบ้านเข้าเต็มเปาซึ่งไม่ใช่ใครก็คือผู้หญิงที่ชื่อพีระดาแฟนของนักเขียนขวัญใจเธอเอง เขาเลยบังคับเธอให้มาตามหาผู้หญิงทั้งสองคนเป็นเพื่อนหรืออีกนัยก็หาคนรับใช้ส่วนตัวเพราะตอนนี้เขาทำอะไรเองได้ไม่ค่อยสะดวกนัก


“เงียบทำไมคุณพยาบาล หรือว่าแอบแช่งชักหักกระดูกผมอยู่ในใจที่บังคับผมให้คุณมาด้วย”


“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว”

เขาหันมาทำตาดุ “ว่าไงนะ ขออีกทีสิได้ยินไม่ถนัด”

“ฉันบอกว่ายินดีและเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ”พยาบาลสาวกระแทกเสียงใส่เล็กๆ

“แล้วไป อันที่จริงอย่าคิดว่าเป็นการบังคับหรือลงโทษกันเลยคิดว่าเป็นโบนัสละกันที่ได้มาเที่ยวกรุงเทพฯฟรีๆ แบบไม่เสียสตางค์ได้กินของแพงนอนโรงแรมหรู”

“ค่ะ.......ดีก็ดี ดีใจจนเนื้อเต้นไปหมดแล้วเนี่ย”


นายหัวเมฆาถอนหายใจแรงๆ “คุณคิดว่าสมองผมแยกไม่ออกใช่ไหมว่าคำไหนพูดจริงคำไหนประชด”

หลังจากที่ถอนหมั้นแล้วสุชาวีไม่เคยคิดจะกลับมากรุงเทพฯอีกเลยจนกระทั่งวันนี้เธอมองถนนสายนี้ที่เคยผ่านมาเป็นประจำมันดูเปลี่ยนไปมากแต่ก็ยังมีเคล้าเดิม

นายหัวเมฆาเห็นหญิงสาวหน้าจ๋อยๆไปหรือว่าเขาดุเธอมากไปเลยหาเรื่องชวนคุย แต่ดูจะเป็นการคุยหาเรื่องเสียมากกว่า

“เป็นยังไงบ้างล่ะกรุงเทพฯ แตกต่างจากบ้านเรามากไหม อย่าหลงแสงสีติดอกติดใจจนเตลิดไม่อยากกลับบ้านเสียล่ะ”


นายหัวเมฆาหยอกเอินอันที่จริงมีเธอติดรถมาด้วยก็ดีไม่น้อยเพราะสาวเจ้าต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกินทำให้เขาไม่เหงา ไม่เหมือนนายสมานคนงานที่เขาจะพาติดรถมาด้วยเวลาเข้ากรุงเทพฯรายนั้นไม่ค่อยพูดแต่จำทางเก่ง แต่เห็นว่าเมียนายสมานจะคลอดลูกในเดือนนี้ นายหัวเมฆาจึงอยากให้ลูกน้องคนสนิทได้ดูแลภรรยามากกว่า ส่วนที่เขาต้องบังคับแม่พยาบาลช่างเถียงคนนี้มาแทนส่วนหนึ่งก็เพื่อความซะใจที่ทำงานกับเขารับเงินของเขา แต่เอาใจออกห่างชักศึกเข้าบ้านมาตีหัวกันเสียอย่างนั้น ส่วนอีกเรื่องก็เพราะสุขภาพที่ไม่เต็มร้อยค่อนไปทางย่ำแย่หากมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลอย่างใกล้ชิดมันก็คงจะดีไม่น้อย


“แสงสีเหรอ ฉันเห็นจนเบื่อแล้ว ไม่เห็นจะเคยติดใจสักที”

“พูดเหมือนกับคุณรู้จักเกรุงเทพฯดีอย่างนั้นแหละ”หากไม่จำเป็นจริงๆเขาไม่เคยอยากจะมากรุงเทพฯเมื่องศิวิไลที่แสนวุ่นวายนี้เลย

“อย่างน้อยก็คงไม่เหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง”

“เธอว่าใคร”น้ำเสียงเข้มรีบถามกลับ

“เปล่าสักหน่อย ฉันพูดลอยๆ” พยาบาลสาวเห็นป้ายสนามบินจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นี่ไงเห็นไหมวนเข้าสนามบินอีกแล้ว คุณหลงทางจอดเดี๋ยวนี้ฉันจะขับเอง” พยาบาลสาวสั่งเสียงดุ

นายหัวเมฆาจอดรถทันที “ทำไมต้องเสียงดังด้วย แล้วคุณเป็นแค่พยาบาลพิเศษไม่ใช่แฟนของผมนะมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม”


“เหรอคะ แล้วคุณจอดทำไมล่ะ” พยาบาลสาวมองหน้า


“ก็ตกใจ เล่นพูดซะเสียงดังขนาดนั้น”


“พยาบาลก็มีหัวใจนะคะ ฉันก็หิวเป็นง่วงเป็นเหมือนกันนี่มันตีสามกว่าแล้วหลังจากเราลงจากเครื่องคุณก็ขับรถวนไปวนมากลับมาที่สนามบินอีกแล้วเมื่อไหร่มันจะถึงโรงแรมสักที”

“ตกลงผมผิดใช่ไหมที่ไม่ค่อยชินกับเส้นทาง ถนนแถวนี้มันเหมือนบ้านเราซะเมื่อไหร่ งงจะตายไป” พยาบาลส่งยิ้มหวานให้นายหัวเมเฆา “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลงจากรถไปซะ”

นายหัวเมฆามองหน้าและจิ้มหน้าผากมนของเธอทันที “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครสุชาวี ถึงได้กล้าไล่ผมลงจากรถของผม”

พยาบาลสาวปัดมือของเขาออก “ฉันไม่ได้ไล่คุณลงข้างทาง ฉันแค่จะให้คุณมานั่งแทนที่ฉัน ฉันจะขับรถให้คุณเองรับรองไม่หลงและคุณจะถึงที่หมายไม่เกินครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ด้วยเกียรติของสาวกรุงเทพฯโดยกำเนิด”

นายหัวเมฆาเบิกตากว้าง “สาวกรุงเทพฯ จริงเหรอ”

“ใช่แล้วค่ะ” เธอยิ้มกว้างเชิดขึ้นเล็กน้อย

เขามองหน้าเธอและเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะชนเธอ “ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย”

พยาบาลสาวอยากจะบีบคอเขานักเลยประชดกลับ “ก็พยาบาลหน้าตาบ้านๆอย่างฉันจะไปเทียบกับคุณพีระดานางแบบสุดฮอตเขาได้ยังไงล่ะ”

“นั่นน่ะสิ ผมเห็นด้วย”

ด้วยคำพูดยียวนกวนอารมณ์ของเขาทำให้นายหัวเมฆามาถึงโรงแรมห้าดาวชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯด้วยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีเพราะคนขับช่างขับรถได้เร็วราวกับจะเหาะจนนายหัวหนุ่มต้องรัดเข็มขัดเสียแน่นหนากลัวว่าจะได้ไปหายมพบาลมากกว่ามีชีวิตให้พยาบาลคอยดูแล

“ถึงแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างเร็วดีไหมคะ” เธอหันไปฉีกยิ้มให้เขา


“เร็วมาก.....นี่คุณรู้ไหมตอนนี้กรุงเทพฯเขามีเครื่องจับความเร็วติดอยู่รอบเมืองแล้วนะ คุณขับรถเร็วเกินกว่ากฏหมายกำหนดแบบนี้มีหวังใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ได้ส่งไปหาผมที่บ้านแน่”


“แน่นอนค่ะ ก็มันรถคุณนี่คะหมายเลขทะเบียนรถก็ของคุณก็ต้องส่งไปหาคุณอยู่แล้วล่ะ”

“ผมจะหักเงินเดือนคุณไปจ่ายค่าใบสั่งคอยดูสิ”


“ประโยคนี้ฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ” พยาบาลสาวยิ้มเจื่อนๆช้อนตามองคนหน้าดุอย่างอ้อนๆเมื่อคิดถึงเรื่องจะโดนหักเงินเดือน

++++++++++++++++++++++

ปัง! “พีระดาเปิดประตูให้ผมหน่อย เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันคุณกำลังเข้าใจผมผิด”

“เลิกโกหกฉันสักทีเถอะภาคินัย ฉันไม่มีวันเชื่อคนอย่างคุณอีกแล้ว” ตอนนี้ดวงตาคู่สวยที่เคยแวบวาวอยู่ตลอดเวลากลับบวมช้ำนัยน์ตาของเธอแดงกล่ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักตลอดเส้นทางที่ขับรถหนีเขามา


ร่างบางทรุดกายลงหน้าประตูและก้มหน้าร้องไห้ ภาพเขมมิกาเปลือยกายค่อมอยู่บนร่างของว่าที่เจ้าบ่าวเธอยังวนเวียนอยู่บนสมองอย่างไม่ยอมจากไปไหน


“คุณต้องฟังผมพีระดา เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”

“มันคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกภาพมันก็ฟ้องอยู่ชัดๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วฉันไม่มีทางเปิดประตู” จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนและพาร่างบางไปที่ห้องนอนโดยไม่สนใจคนที่เคาะประตูและพยายามขอร้องให้เธอเปิดมัน


พีระดาบอกตัวเองว่าการนอกใจกันเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจจะยอมรับได้ หากตัดใจเลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันดีกว่าต้องเจ็บช้ำกับคนที่ไม่เคยพอ


หญิงสาวร้องไห้และคิดจะล้มเลิกการแต่งงานครั้งนี้ซะในใจคิดว่าเขาคงกลับไปแล้วเธอไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้เสียงประตูที่เปิดเข้ามและฝีเท้าหนักตรงๆมาที่ห้องนอนเธอทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นและออกไปนอกห้องนอนว่าใครบุกรุกเข้ามา และเข้ามาได้อย่างไรในเมื่อคีย์การ์ดที่เปิดเข้าห้องนี้ได้ยังอยู่ในมือของเธอ


“นี่มันอะไร!”


“คุณคงลืมไปว่าผมเป็นเจ้าของคอนโดแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ซึ่งเขาดูแลคอนโดอยู่จะต้องมีคีย์การ์ดสำรองเอาไว้เสมอในกรณีที่เกิดเรื่องผิดปกติขึ้น และคงไม่ยากถ้าผมจะไปขอยืมมันมาจากเขา”

“เรื่องคุณบุกรุกเข้าห้องฉันได้เพราะเส้นใหญ่ฉันพอจะเข้าใจ แต่ที่คุณกำลังจะทำนี่มันอะไรกันคะ”

หญิงสาวจ้องมองพระพุทธรูปปรางสมาธิหน้าตักเก้านิ้วที่เขาอุ้มมาด้วยสายตาแห่งความสงสัย และประหลาดใจนี่เขาเอาพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาทำอะไรในห้องเธอ

ภาคินัยค่อยๆวางพระพุทธรูปองค์ใหญ่ลงบนโต๊ะ พระพุทธรูปองค์นี้เขาอัญเชิญท่านมาจากหลังเคาเตอร์ทางขึ้นคอนโดเป็นพระพุทธรูปที่ชาวคอนโดแห่งนี้กราบไหว้บูชากัน


“พระพุทธรูปองค์นี้คุณก็รู้ว่าคนที่นี่นับถือกันมาก”


“ก็ใช่น่ะสิ แล้วคุณไปเอาท่านมาทำไมเนี่ย” หญิงสาวดุ


“เรื่องที่คุณเห็น ผมรู้มันยากที่จะเชื่อไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจผมผิด”

“ฉันคิดว่าเข้าใจถูก หลักฐานคาตาแบบนั้นจะให้เข้าใจไปเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ”


ภาคินัยถอนหายใจยาว “ก็บอกแล้วต่อให้ผมพูดเท่าไหร่อธิบายยังไงคุณก็คงไม่ฟัง ผมเลยอัญเชิญท่านมาเป็นพยาน”


พีระดามองหน้าภาคินัยอย่างประหลาดใจ เขาคิจะทำอะไร


“ผมคงจะอมพระมาพูดไม่ได้ แต่สาบานต่อหน้าพระพุธรูปองค์นี้ได้ว่าผมนายภาคินัยคนนี้ไม่เคยคิดนอกใจคุณ เรื่องที่คุณเห็นเป็นเรื่องเข้าใจผิด และผมไม่คิดจะมีอะไรกับเขมมิกาอีก ต่อให้คุณไปช้ากว่านี้ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมขอให้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้จงเป็นพยานหากผมพูดโกหกก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษผมให้ดวงชะตาขาดภายในสามวันเจ็ดวัน


“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”พีระดาสั่ง


“นี่คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหมคะ เรื่องแบบนี้จะมาล้อเล่นพูดจาพล่อยๆกันไม่ได้นะถึงตายเลยเชียว”
“สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงทุกคำ เพราะฉะนั้นผมไม่กลัว”เขายืนยันหนักแน่น


พีระดานิ่งอึ้งมองพระพุธรูปศักด์สิทธ์สลับกับมองหน้าชายคนรัก


“คุณเชื่อผมรึยังพีระดา?”


พีระดาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้และสิ่งที่เขาทำอยู่ต่อหน้าเธอในเวลานี้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ สองประโยคดังอยู่ในสมองของเธอ


“ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ต่อให้เขมมิกาถอดทั้งบนทั้งล่างผมก็จะไม่ให้เธอเข้าใกล้ผมได้อีกตกลงไหม ถ้าเธอเข้ามาใกล้ผมผมจะวิ่งหนีเลยเอาสิ เชื่อผมนะพีระดา”เขาจับมือเธอและกุมเอาไว้เขาเชื่อว่าความบริสุทธิ์ใจของเขาจะทำให้เธอเชื่อคำพูดของเขาในที่สุด


พีระดายิ้มออกมาเล็กน้อย ทำให้คนบริสุทธิ์ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหายิ้มกว้าง

“คุณเชื่อผมแล้วใช่ไหม”


หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง และยืนกอดอก “ต่อให้อมพระประธานมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ”


++++++++++++++++++++++++++


“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกฉันจะแจ้งความคุณข้อหาบุกรุก”


ปัง!


ประตูห้องของหญิงสาวปิดสนิทจากนั้นภาคินัยก็อุ้มพระพุทธรูปเดินไปช้าๆตั้งใจจะเอาไปไว้ที่เดิม

อดีตเสือร้ายเดินคอตกอย่างช้าๆ ในชีวิตไม่เคยต้องมานั่งง้อผู้หญิงขนาดนี้ที่ยอมทำก็เพราะรักจริงแต่ผลลัพธ์ที่ได้กับแย่ลงกว่าเดิม


“ผมเชื่อแล้วครับหลวงพ่อว่าพูดความจริงแล้วผู้หญิงมักจะไม่เชื่อ พวกเธอมักจะเชื่อถ้าเป็นเรื่องโกหก” แต่เอาเถอะถึงท้อแต่ก็ไม่ถอยภาคินัยปลอบใจตัวเอง หากวันนี้ไม่มีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการให้เสร็จสิ้นเขาจะต้องปิดห้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่ธุระสำคัญที่รอไม่ได้ทำให้ต้องหักใจไปจัดการเรื่องงานให้เสร็จสิ้นจากนั้นจะได้มาเคลียร์ปัญหาหัวใจให้ลงตัวบางทีการให้พีระดาได้มีเวลาคิดสักนิดอาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นก็ได้
เสียงเคาะประตูดังถี่ๆทำให้พีระดาฉุนกึกมั่นใจว่าต้องเป็นภาคินัยอย่างแน่นอน “จะมาไม้ไหน ฉันก็ไม่เชื่อคนโกหก หลอกลวง ผู้ชายไม่รู้จักพอ”


ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียใจมาก ยิ่งไว้ใจก็ยิ่งแค้นหญิงสาวหายไปในห้องน้ำก่อนจะกลับมาพร้อมกับถังขนาดย่อมในมือ จากนั้นก็เปิดประตูออกไปด้วยแรงโมโหกระป๋องน้ำใบย่อมล่วงหล่นพื้น พร้อมน้ำชุ่มโชกที่เปียกปอนไปทั่วสองร่างของคนที่มาเยือน

“ว้าย! ตายแล้ว” พีระดามีสีหน้าตกใจ ใบหน้าสวยตื่นตระหนกกับผลงานของตนที่มันไปลงผิดคน


“เป็นไงล่ะ ชื่นใจไหมคะนายหัว” พยาบาลสาวที่มีหน้าที่ช่วยพยุงเขายามที่ต้องเดินมากๆเป็นเวลานานกล่าวพร้อมกับลูบน้ำที่ชุ่มใบหน้าของตนเองออก

นายหัวเมฆาก็ไม่ต่างกันชุ่มไปด้วยน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้า

เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำขึ้นมองผู้หญิงที่คิดถึงและอยากจะเจอเธอ “พีระดา! คุณคงยังโกรธผมอยู่สินะ”


“นายหัว!”

“ฉันขอโทษคุณทั้งสองคนด้วยค่ะ ไม่นึกว่าจะเป็นพวกคุณ” สีหน้าซีดบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นายหัวเมฆานึกสงสัยว่าใครกันที่เป็นสาเหตุทำให้เธอโกรธขนาดนี้ ถึงขนาดตั้งใจจะเอาน้ำมาสาดไอ้คนๆนั้นเขากระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อพอจะนึกออก

“หวังว่าคุณคงไม่ให้เรายืนตัวเปียกอยู่หน้าห้องจนเป็นปอดบวมนะคะ”พยาบาลสาวผู้เคราะห์ร้ายยิ้ม


“ขอโทษค่ะ เชิญเข้ามาข้างในก่อน”

พีระดาคลับคล้ายคลับคลาผู้หญิงที่พยุงนายหัวเมฆามาเหมือนกับว่าเธอเคยเห็นที่ไหน แล้วเธอก็จำได้ว่าสาวสวยหุ่นดีคนนี้คือคุณพยาบาลที่ภาคินัยเคยเราให้ฟังว่าแต่คนทั้งคู่มาหาเธอด้วยเรื่องอะไร เมื่อเห็นสภาพร่างกายของนายหัวเมฆาพีระดาก็รู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้เขาเจ็บมากขนาดนี้แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำก็คงจะสมน้ำสมเนื้อ

“ทานน้ำก่อนสิคะ” พีระดาวางแก้วน้ำลงตรงหน้าแขกของเธอ

“ผมอิ่มตั้งแต่หน้าประตูแล้วครับ”นายหัวเมฆาในเสื้อผ้าชุดใหม่กล่าว พร้อมส่งยิ้มหวานที่สุดในชีวิตให้พีระดา
พยาบาลสาวแอบหมั่นไส้คนนั่งข้างๆ อิ่มอก อิ่มใจ ขนาดเขาสาดน้ำใส่หน้า อีกหน่อยถ้าอิ่มน้ำตาเพราะเขาหักอกจะสมน้ำหน้าให้

“แล้วคุณพยาบาลล่ะคะ” พีระดาเลื่อนแก้วน้ำไปวางตรงหน้า

“ขอบคุณค่ะ” สุชาวียกแก้วขึ้นจิบไปตามมารยาทลอบสังเกตหญิงสาวเจ้าของห้องผู้หญิงคนนี้สวยโดดเด่นจริงๆ มิหน้าคุณภาคินัยสุดหล่อ กับนายหัวสุดหื่นรายนี้ถึงได้คลั่งไคล้กันนัก


“ชุดของฉันคุณพยาบาลใสได้พอดีเลย ฉันจะสักชุดของคุณให้เอง”

“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวสุชาวีเอากลับไปซักเอง”

“ฉันไม่ยอมหรอกค่ะฉันเป็นคนทำให้เสื้อผ้าคุณเปียกปอนไปหมด ฉันจะซักให้แล้วเอาไปคืนคุณ”

พยาบาลสาวจะปฏิเสธอีก แต่ถูกคนนั่งข้างสะกิดยิกๆ เพราะนั่นเป็นโอกาสของนายหัวเมฆา

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณพีระดาละกัน”

นายหัวเมฆาเริ่มสงสัยแล้วชุดที่ใส่นี่มันของใครกัน ทำไมเธอมีชุดผู้ชายมาให้เขาเปลี่ยน นายหัวเมฆามองเสื้อผ้าของตนเองพีระดาจับความคิดเขาได้

“ชุดที่คุณใส่เป็นของคุณภาคินัยเขาค่ะ”

พอได้ยินว่าเป็นของใครนายหัวเมฆาถึงกับลุกขึ้นปลดกระดุมจนเกือบจะกระชากจะถอดเสื้อเนื้อดียี่ห้อหรูออกให้ได้

“ว้าย! ตายแล้วคุณทำบ้าอะไรเนี่ย” พยาบาลสาวตาโตมองเขาแบบจ้องเขม็ง พีระดาก็ตกใจ

“ผมไม่มีทางใส่เสื้อผ้าของไอ้ผู้ชายคนนั้น”เขากำลังจะถอดออกมาจากตัว ยิ่งคิดว่าเสื้อผ้าหมอนั่นอยู่ที่นี่ก็ยิ่งเจ็บใจมันคงไม่ได้เอามาฝากเธอซักหรอกมั้ง


“ใจเย็นๆสิคะ คือว่าฉันซื้อเอาไว้ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญกับภาคินัยเขาแต่พอดีเราทะเลาะกันก่อนก็เลยยังไม่ได้ให้ค่ะ มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วหรอก”


นายหัวเมฆาจึงใจเย็นลงแล้วนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเอาไปให้มันหรอก เอามาให้ผมแทน ผมว่าผมใส่แบบนี้ก็ดูดีเหมือนกัน” เขามองดูตัวเองเสื้อผ้าไสตล์เรียบหรูแบบนี้เขาไม่เคยซื้อใส่เพราะไม่ใช่รสนิยมแต่ที่อยากได้เพราะยังโกรธไม่หายที่หมอนั่นจัดการเขาซะเกือบปางตาย


“เอ่อ.....ได้สิคะ คิดเสียว่าเป็นของขวัญปลอบใจที่สาดน้ำใส่คุณ”พีระดากล่าว

พยาบาลสาวมองหน้าคนที่มาด้วยเลยไปถึงกางเกงแสลค ยี่ห้อ อาร์มานี กับเสื้อ โปโล แคลวิน ไคลน์ ที่เจ้าของบ้านอุตสาห์เอามาให้เขายืมใส่


“นี่คุณรวยเสียเปล่า ขอของเขาหน้ามึนๆแบบนี้เลยเหรอ”พยาบาลสาวกระซิบถาม

นายหัวเมฆาหันมาทำตาดุใส่ “ของบางอย่างมีคุณค่าทางจิตใจมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม้ได้”เขาตอบเบาๆ
“นอกจากคิดจะแย่งแฟนเขาแล้ว แค่เสื้อผ้าเล็กน้อยๆยังคิดจะแย่งชิงของขาอีก ฉันเพิ่งรู้ว่าทำงานให้กับคนหน้าด้านใจดำ” พยาบาลสาวรู้สึกไม่พอใจแทนนักเขียนขวัญใจ


“ถ้าคุณไม่หยุดพูดเงินเดือนของคุณคงจะไม่พอให้ผมหัก”


พีระดามองคนทั้งคู่ที่ซุบซิบเหมือนจะแอบเถียงอะไรกันเบาๆ ก่อนที่พยาบาลสาวจะเชิดหน้าเหมือนงอนเมินไปอีกทาง

“คุณทั้งสองคนมาหาดิฉันมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”พีระดายิ้มหวาน คิดว่าเรื่องของเธอกับนายหัวเมฆามันน่าจะจบไปแล้วและเขามาทำไมอีก


คนหล่อเข้มส่งซิกให้พยาบาลสาวออกไปเหมือนว่าเธอเป็นส่วนเกิน เขาอยากจะคุยกับพีระดาสองต่อสองแต่พยาบาลสาวไม่เขาใจ


“อะไรอีกล่ะ ทำอะไรให้ก็ไม่ถูกใจคุณเนี่ยนอกจากร่างกายจะป่วยสงสัยจิตป่วยด้วย” พยายาบาลสาวค่อนแขะเขาเบาๆ


นายหัวเมฆากระซิบข้างหูเธอ “ออกไปก่อนได้ไหม รู้หรือเปล่าว่าคุณกำลังเป็นส่วนเกิน”

นางพยาบาสาวฟังจบก็ตาเขียวใส่นึกน้อยใจอยู่ลึกๆ “ฉันเป็นส่วนเกินเชียวนะตอนนี้ คืนนี้อย่ามาเรียกละกัน” จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นทันทีและบอกพีระดาว่าเธออยากเล่นฟิตเนสเห็นว่าที่นี่มีอยู่ตรงชั้นล่างขอตัวลงไปดูเสียหน่อย


“ได้ค่ะ เชิญค่ะคุณสุชาวี” พีระดาเกาศีรษะแบบงงๆ เล่นฟิตเนสเนี่ยนะ


“จะหาข้ออ้างให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงใครเขาจะไปเชื่อ ยัยพยาบาลติ๊งต๊อง”นายหัวภาคินัยขยับปากบ่นเบาๆตามหลังคนที่เดินงอนตุ๊บป่องออกไป


++++++++++++++++++++++++++++++++++





อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มี.ค. 2555, 16:03:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2555, 16:35:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 4172





<< ตอนที่ 19   ตอนที่21 >>
อัปสรา 27 มี.ค. 2555, 16:50:15 น.
มาซะเย็นเลยวันนี้


mhengjhy 27 มี.ค. 2555, 16:56:40 น.
อ้าว แล้วเดี่ยวภาคินัยจะเข้าใจผิดไหมเนี่ยยยย


konhin 27 มี.ค. 2555, 18:14:16 น.
โหย ขนาดอุ้มพระมาสาบานยังไม่เชื่อเลย ฮ่าๆๆ สงสัยรอดยาก


violette 27 มี.ค. 2555, 18:38:43 น.
คุณพยาบาลแอบมีปมอะไรน้า...
ดีอ่ะค่ะ มีคุณเมฆมาฮาดี (ไม่สิ นายภาคินัยคงคิดหนักกว่าเดิมๆแน่ๆ โฮะๆ)
ยังแอบสะใจอยู่


lovemuay 27 มี.ค. 2555, 20:12:25 น.
นางเอกไม่เชื่อใจพระเอกเอาซะเลย
เรื่องท่าทางจะวุ่นขี้นเรื่อยนะคะเนี่ย ^^


อัปสรา 27 มี.ค. 2555, 20:52:22 น.
คุณพยาบาลมีปมค่ะ


goldensun 27 มี.ค. 2555, 22:30:47 น.
นายหัวเมฆาค่ะ ไม่ใช่ภาคินัย
ภาพมันฟ้องขนาดนั้น ง้อยากล่ะ แต่ถ้าย้อนกลับมาเจอนายหัวอยู่ด้วย ไม่ยิ่งต่างคนต่างโกรธหรือคะ


กาซะลองพลัดถิ่น 28 มี.ค. 2555, 00:58:09 น.
นายหัวนี่ก็หัวรั้น ดื้อไม่เบาเหมือนกัน ....แอบมีการดูถูกพยาบาลเรานิดหน่อยนะเนี่ยะ แต่ฮาดีทั้งคู่


แพม 28 มี.ค. 2555, 22:59:45 น.
แล้วภาคินัยก็มาเจอะตอนที่นายหัวอยู่กับนางเอกตามลำพังอีก


wane 29 มี.ค. 2555, 03:58:21 น.
อยากให้นายหัวคู่กับคุณพยาบาลจังเลยอ่ะ ...ฮาดีคู่นี้


kaero 29 มี.ค. 2555, 11:37:50 น.
ลงทุนอุ้มพระมาเลย ขำจริงๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account