เหนือความทรงจำ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจของเขายังมีเธอเพียงคนเดียว แม้ความทรงจำของเธอจะไม่เคยมีเขาอยู่เลย แต่หัวใจของเขาจะมั่นคงเพียงเธอตลอดไป
Tags: โรแมนติก รัก เศร้าซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 11

คุณนาถยาเดินหงุดหงิดงุ่นง่านผ่านหน้าลูกสาวลูกชายไปมาด้วยความโกรธกรุ่น บางครั้งก็เหลียวมองหน้าลูกชายเล็กน้อยแล้วก็สะบัดกลับอย่างขัดใจ จนสุทัศน์ที่นั่งหน้าเซ็งทนไม่ไหว

“โอ๊ย...คุณแม่ เลิกเดินไปเดินมาเสียทีเถอะครับ ผมรำคาญ...ปวดหัวด้วย”

“หนอย...” คุณนาถยาปรี่เข้ามาทุบแขนลูกชายดังตุ้บ “นี่ยังมีหน้ามาว่าแม่อีกเหรอ ที่แม่ต้องเดินเครียดไปมานี่เพราะใครล่ะ”

“ก็ตอนนั้นคุณแม่ยังสนับสนุนผมอยู่เลย”

“ใช่...แต่ฉันไม่นึกว่าแกจะโง่ ๆๆๆ” นาถยาจิ้มนิ้วชี้ใส่ขมับลูกชายอย่างแรงและรัว “คิดจะแก้แค้นลงโทษที่ตัวเองโดนหลอกด้วยการรวบหัวรวบหาง ก็ควรจะรัดกุมกว่านี้...ไม่ใช่ปล่อยให้มีคนมาช่วยจนโดนซ้อมยับเยินขนาดนี้”

“โอ๊ย...คุณแม่ ผมเจ็บ”

สุทัศน์โอดครวญ ยกมือแตะมุมปากและแก้มที่บวมช้ำตาหยี

“หมั่นไส้ ตอนนี้ล่ะทำเป็นครวญว่าเจ็บ” นาถยาบ่น “ดีนะที่หนูแพรไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณสิทธิพงศ์ฟัง...ไม่งั้นธุรกิจที่เราไปร่วมทุนกับเขาไว้แย่แน่”

“คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะคุณแม่...บ้านนั้นก็นักธุรกิจมืออาชีพ เขาคงไม่...”

“เชอะ...แกรู้จักตาเฒ่าพันปีนี่น้อยไป” นาถยาโวย “พวกเนี่ยแผนสูงนักล่ะ...ถ้ารู้เรื่องที่ตาแซมทำนะ เขาจะต้องแกล้งถอนหุ้นหรือไม่ก็ขายทิ้งจนแทบไม่เหลือมูลค่าเพื่อให้เราหมดตัวแน่”

“เกินไปมั้งครับ ใครจะมีอำนาจขนาดนั้น...ทำแบบนั้นเขาก็ขาดทุนเหมือนกัน”

นาถยาไหวไหล่ก่อนจะกระแทกตัวบนเก้าอี้โซฟาหนังตัวเดี่ยว

“ฉันไม่นึกเลยว่าจะมีลูกโง่ถึงสองคน เขาก็แกล้งขายแล้วหาตัวแทนมาซื้อนะสิ” นาถยาเล่า “แล้วพอเราเจ๊งจนหมดตัว เขาก็จะเปิดตัวว่าตัวแทนนั่นก็คนของเขานั่นล่ะ”

“โอโฮ...ล้ำลึก แผนแบบนี้เป็นของคุณแม่คนเดียวมั้งครับ”

สุทัศน์เผลอค่อนขอด เพราะรู้จักมารดาของตัวเองดีว่าเจ้าเล่ห์แค่ไหน ตอนที่มารดาทราบว่าเขากำลังสนใจแพรธาราอยู่ พอรู้ว่าหญิงสาวเป็นใครเท่านั้นก็รีบเชียร์ให้เขาจีบให้ได้ทันที แถมตัวเองก็ไปแนะนำตัวกับครอบครัวสิริวัฒนากุลเสร็จสรรพ แล้วยังจะขอเข้าหุ้นร่วมธุรกิจกับเขาอีก ตั้งใจวางแผนขุดหลุมตกปลาไม่ให้ปลาหนีได้สักตัวเต็มที่

“นี่...ไม่ต้องมาแขวะแม่ บอกให้รู้ไว้ก่อนเลยนะว่าแกจะต้องรีบไปง้อหนูแพรโดยด่วน”

“โอ๊ย...นี่คุณแม่ยังอยากให้ผมไปง้องอนของย้อมแมวอีกเหรอครับ ผ่านแล้วก็ผ่านเลยเหอะ”

“ฉันก็ไม่ได้พิศวาสยายคุณหนูนั่นนักหรอกนะ แต่ถ้าจะถูกถอนหุ้น...เงินหมดถึงจะไม่หมดแบบหมดตัวก็เถอะ” นาถยาเน้นทุกคำ “ฉันก็ไม่ยอมหรอก...เสียทั้งเงินเสียทั้งหน้าในสังคมว่ากิจการไปไม่รอด...ฉันทนไม่ได้หรอกนะตาแซม”

สุทัศน์กลอกตาขึ้นฟ้า เป่าปากพ่นลมหายใจอย่างอัดอั้น ใช่ว่าเขาอยากจะถอยเพียงแต่ก่อนเขาจะกลับเขายังจำสายตาไม่พอใจของแพรธาราได้ เท่านั้นเขาก็รู้ตัวว่าเสียคะแนนไปมาก จะทวงคืนก็คงจะยากไม่ใช่เล่น

“แต่แพรโกรธผมมาก...บอกตรง ๆ ว่าผู้หญิงยอมแมวขายแบบนี้แถมยังเรื่องมากอีก ผมคงทนไม่ไหว...ทนก็ได้ไม่นาน”

“ทนไม่ไหว...ไม่ได้...ไม่นานก็ต้องทน” นาถยาสั่งเสียงเข้ม “เงินน่ะ...มันสำคัญมากนะ แกอยากได้สาวบริสุทธิ์แกก็ไปหาที่อื่นจะหากี่คนก็ได้ แต่ผู้หญิงที่มาพร้อมมรดกก้อนโต ช่วยสนับสนุนเงินแกได้...มันหาได้เยอะหรือไง”

“โอ๊ย...ให้มันได้อย่างนี้สิ”

สุทัศน์เป่าปากอย่างหงุดหงิด ฮึดฮัดขัดใจนักที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา แล้วทำไมผู้หญิงที่สามารถสนับสนุนเขาได้ต้องเป็นผู้หญิงมีตำหนิด้วย

“โกรธ...แค้น...เกลียดก็ได้ แต่ห้ามยอมแพ้...ห้ามถอย” นาถยาทั้งปลุกทั้งปลอบ “ผู้หญิงก็เหมือนไม้ประดับ...คิดเสียว่าก็เอามาประดับเสริมบารมีก็แล้วกัน”

“บารีมีด้วยเงินพันล้านน่ะสิ”

“ยายนี...” นาถยาตวัดสายตาคมดุมาที่ลูกสาวอย่างขัดใจ “จ้า...แม่คนดี...คนเจริญ จะบอกให้นะนี่ถ้านายพลของแกมันไม่ได้รวยเป็นหมื่นล้านแสนล้านล่ะก็...ฉันจับแกสองคนแยกกันไปนานแล้ว...กระล่อนหาตัวจับยากซะขนาดนั้น”

นลินีลอบยิ้มขำเมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองสีหน้างอง้ำของมารดา สำหรับเธอไม่ว่าจะเป็นพรหมลิขิตหรือบุญอำนวย เธอก็ขอขอบคุณที่โชคชะตาดลให้เสือร้ายเจ้าเสน่ห์ยอมหยุดที่เธอ และเพราะเขาไม่โง่ไม่อ่อนแอแถมฉลาดเป็นกรด ไม่ว่าคุณนาถยาจะวางแผนขุดหลุมเพื่อหลอกล่อเงินของกำพลเท่าไหร่ก็ไม่เคยสำเร็จ เว้นเพียงชายหนุ่มจะยอมอ่อนตั้งใจปล่อยให้มารดาของเธอได้เงินนั้นไปจุนเจือบ้างเป็นครั้งคราว นั่นช่วยให้เธอรู้สึกโล่งใจไม่ต้องอับอายหรืออธิบายพฤติกรรมใด ๆ ของมารดากับเขา เพราะเขาเข้าใจและมองความคิดของมารดาออกเสมอ

“ไม่ต้องมาแอบยิ้ม” นาถยารู้ทัน “คอยดูเถอะ... งานแต่งเมื่อไร่ฉันจะเอาคืนทุกบาททุกสตางค์เลย”

“โธ่...คุณแม่ขา ถ้าคุณพลเปลี่ยนใจไม่จ่ายสักบาท...คุณแม่จะขาดทุนหนักนะคะ”

“นี่ยายนี...”

“ไม่นีแล้วคะ...กลับไปเรื่องพี่แซมดีกว่า” นลินีรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่แซมจะทำยังไงให้พี่แพรหายโกรธล่ะคะ”

“ไม่รู้...ขี้เกียจคิด”

สุทัศน์ตอบเสียงสะบัดโกรธแสนโกรธที่ถูกหลอกแล้วยังต้องจำยอมไปขอโทษแม่สาวในตะกร้าล้างน้ำนี่อีก แค่คิดก็ทำใจไม่ไหว ผุดลุกขึ้นเดินหนีกลับเข้าห้องโดยไม่สนใจเสียงเรียกของทั้งมารดาและน้องสาวอีกเลย



หากวันรุ่งขึ้นหนุ่มคาสโนวาก็มาขอพบหลานสาวคนโปรดของตระกูลสิริวัฒนากุลพร้อมกุหลาบสีหวานช่อโต นั่งรออย่างมีความหวังแต่สาวรับใช้กลับมาแจ้งว่าแพรธาราไม่ค่อยสบายและฝากมาขอโทษที่ไม่สะดวกลงมาต้อนรับ

“อะไร...” สุทัศน์ผุดลุกยืนรวดเร็วจนสาวรับใช้ผงะลนลานถอยหนี “บอกหรือเปล่าว่าฉันซื้อดอกไม้มาให้”

“บอกค่ะ...คุณแพรให้นิดรับแทนค่ะ เธอว่าเป็นหวัดเพราะตากฝนที่ทะเลเมื่อคืนก่อนค่ะ”

“แต่ฉันเป็นแฟนเขา...ยิ่งแฟนป่วยแบบนี้ฉันยิ่งอยากขึ้นไปเยี่ยม”

“ไม่เป็นไรมั้งคะ พี่แพรคงไม่อยากให้พี่แซมติดหวัด”

พิณสุดารีบเข้ามาหาคนรักของพี่สาวที่ห้องรับแขกทันทีที่ทราบจากพี่สำอางว่าสุทัศน์มาขอพบแพรธารา

“พี่ไม่กลัวติดหวัดหรอกนะน้องพิณ พี่เป็นห่วงแพร...ถ้าเป็นมากพี่จะได้พาไปหาหมอ”

“โอ๊ย...คงไม่ต้องมั้งคะ พี่แพรเขาป่วยเพราะลมรักที่พี่แซมพาไปเที่ยวทะเลน่ะค่ะ” พิณสุดาแกล้งทวนความจำ “นี่พี่แซมหอบดอกไม้มาเติมความหวานขนาดนี้...หวัดคงเพลียน้ำตาลแล้วค่ะ”

“น้องพิณ....”

สุทัศน์จ้องน้องสาวคนรักตาวาว เพียงแค่เจอกันไม่นานก็รู้ว่าบอสสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดคนนี้ไม่ใช่ย่อย เธอไม่อ่อนหวานหรือเรียบร้อยอย่างแพรธารา แต่เธอคือสาวม้าป่าที่ปราดเปรียวเจ้าเล่ห์

“พิณล้อเล่นน่ะค่ะ ก็เห็นพี่แซมห๊วงห่วงพี่แพร...ก็ไม่อยากให้เครียด” พิณสุดาแกล้งแก้ตัวเสียงกลั้วหัวเราะ “ ส่วนดอกไม้นี่ก็ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวพิณเอาไปจัดใส่แจกันไปวางที่ห้องพี่แพรให้เองค่ะ”

“แต่พี่...”

“โธ่...พี่แซมก็...พิณอุตส่าห์พูดขนาดนี้แล้วยังงงอยู่อีก” พิณสุดาแกล้งโอด พลางจีบปากจีบคอกระซิบ “สาว ๆ น่ะค่ะต่อให้ป่วยน้อยนิด แต่ถ้าให้เจอแฟนทั้งที่หน้าซีดไม่ได้แต่งหน้า...ไม่มีสาวไหนทนได้หรอกนะคะ...พี่แพรก็เหมือนกันล่ะค่ะ”

“แต่...”

สุทัศน์อยากจะเถียงเพราะรู้ดีว่าแพรธาราไม่ใช่สาวชอบแต่งตัว สมัยที่อยู่อเมริกาแค่ทาแป้งฝุ่นบาง ๆ กับทาลิปส์มันคุณหนูไฮโซอย่างแพรธาราก็ออกไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างดังได้แล้ว ดังนั้นข้อแก้ตัวที่พิณสุดาพยายามใช้กีดกันไม่ให้เขาพบคนรักจึงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ชายหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าต่อให้ดึงดันอย่างไรสาวประชาสัมพันธ์คนนี้ก็ไม่มีทางยอมให้เขาพบพี่สาวของเธอวันนี้แน่

“ครับ...ก็ได้ครับ” สุทัศน์ยอมถอย “งั้นพี่ฝากดอกไม้นี้ให้แพรด้วย บอกแพรว่าเย็น ๆ พี่จะโทรหานะครับ”

“ได้ค่ะ” พิณสุดายื่นมือมารับช่อดอกไม้สีสวย “สัญญาด้วยเกียรติของสาวสวยประจำตระกูลว่าพิณจะส่งดอกไม้นี้ให้ถึงจุดนัดพบเลยค่ะ”

สุทัศน์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับคำสัญญาแปร่ง ๆ ของสาวสวย หากทำได้เพียงพยักหน้ารับก่อนขอตัวกลับ แต่ใช่ว่าหนุ่มเนื้อหอมอย่างเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ชายหนุ่มลองกดโทรศัพท์หาคนรักอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบรับ รอจนสัญญาณตัดเป็นฝากข้อความนั่นแหละ ร่างสูงจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจออกอย่างสุดเซ็ง

“หนียังไงก็ไม่พ้นหรอกแพร ผมมันพวกกัดไม่ปล่อย...คุณลืมแล้วหรือไง”

สุทัศน์คำราม ก่อนจะกดโทรศัพท์หาน้องสาวระรัว

“ค้า....คุณพี่ชาย เลิกโทรยิงเป็นสลุตได้แล้ว”

“รับช้านี่...จำไว้ว่าฉันเป็นพี่...โทรกี่ครั้งเธอก็ต้องรีบรับให้ไว”

“จ้า...” นลินีตอบอย่างรำคาญ ขี้เกียจเถียงกับคนพาลเอาแต่ใจ “แล้วครั้งนี้มีอะไรให้น้องสาวคนนี้รับใช้ล่ะคะ”

“พี่มาง้อแพรแล้ว แต่เขาไม่ยอมลงมาพบ...โทรก็ไม่รับสาย พี่คิดว่าคงต้องยืมมือเธอแล้ว”

สุทัศน์เกริ่น ก่อนจะเล่าแผนที่ต้องการให้น้องสาวช่วยเหลือ

“พี่คิดว่าจะได้ผลเหรอ...พี่แพรก็ไม่ได้สนิทกับนีมากมาย เขาจะเชื่อหรือคะ”

“หึ...แพรเป็นคนใจอ่อนและขี้เกรงใจ” สุทัศน์เหยียดยิ้ม “ถ้าเธอโทรหาเขาต้องรับสายแน่ แล้วถ้าเธออธิบายว่าพี่แค่หึงเพราะรักเขามาก เขาจะต้องยอมมาพบพี่แน่”

“แล้วที่นี้พี่ก็จะใช้บรรยากาศร้านริมน้ำแสนโรแมนติกของคุณพลง้อจนพี่แพรยอมยกโทษและคืนดีกันเหมือนเดิม”

“ฉลาดนี่...” สุทัศน์ชม “ดี...งั้นก็รีบจัดการซะ พี่จะไปเตรียมงาน วันนี้เที่ยงพี่จะต้องพบแพรที่ร้านไม่งั้นพี่จะบอกคุณแม่ว่าเธอจงใจขวางทางธุรกิจของท่าน”

นลินีแทบอยากกรี๊ดร้องระบายอารมณ์เมื่อพี่ชายไม่ได้ให้โอกาสปฏิเสธสักนิด แถมยังเอามารดาที่วัน ๆ คิดแต่เรื่องผลประโยชน์มาขู่ แล้วนี่เธอจะต้องไปสักสาลิกาลิ้นทองเพื่อโน้มน้าวใจแพรธาราไหม จะมีผู้หญิงคนไหนเชื่อว่าผู้ชายรักมากจนอยากข่มขืนกันบ้างล่ะ



โชคบันดาลเข้าข้างนลินีเมื่อแพรธารายอมรับโทรศัพท์และยอมรับฟังเหตุผลที่นลินีพยายามโน้มน้าวกว่าร้อยแปดประการเพื่อให้แพรธาราเชื่อ ทั้งที่ใจอยากปฏิเสธแต่เหตุผลที่นลินีเอามาอ้างและเหตุผลทางธุรกิจร่วมของสองครอบครัวทำให้แพรธารจำใจรับปากออกมาพบ

“แพร...ในที่สุดแพรก็ยอมให้อภัยแซม”

สุทัศน์ยิ้มกว้าง รีบสาวเท้ามาหาเมื่อหันมาเห็นสาวสวยเอาแต่ยืนนิ่งมองตรงมาทางเขา แพรธาราสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นึกถึงคำอธิบายของนลินีเกี่ยวกับสุทัศน์ตั้งแต่ชายหนุ่มตกใจและเสียใจเรื่องข่าวจนพาลหึงหวงว่าแพรธาราหลอกลวงให้รักทั้งที่จริงยังมีใจให้มหาสมุทร ยิ่งเห็นมหาสมุทรตามมาขวางเมื่อคืนก่อนก็ยิ่งหึงจนเลือดขึ้นหน้า ถึงดึงดันที่จะครอบครองแพรธาราให้ได้เพราะตั้งใจจะขอแพรธาราแต่งงานอยู่แล้ว

“แซมดีใจเหลือเกินแพร” สุทัศน์ขยับเข้าประชิด “แซมขอโทษ ตอนนั้นแซมเสียใจน้อยใจคิดว่าแพรไม่ได้รักทั้งที่แซมตั้งใจไว้แล้วว่ากลับมาครั้งนี้แซมจะขอแพรแต่งงาน”

ปากบางเม้มแน่น ข้ออ้างเสียใจน้อยใจแพรธาราบอกตัวเองว่าเธอยอมรับได้ ใครบ้างจะไม่หวั่นไหวกับข่าวฉาวพวกนั้น แม้แต่ตัวเธอเองยังเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่เหตุผลว่าเสียใจจนต้องพยายามจะข่มเหงทำลายเกียรติของเธอนั้นมันยากจะเชื่อ

“ทำไมแพรเงียบจัง...ยังโกรธแซมอยู่อีกเหรอ” สุทัศน์เดินหน้าอ้อนต่อ “แซมยอมรับว่าแซมผิดที่คิดทำเรื่องโง่ ๆ ร้าย ๆ แบบนั้น แพรจะตบตีลงโทษแซมยังไงก็ได้นะ”

“อย่าทำแบบนี้เลยแซม”

แพรธารารีบร้องห้าม ขืนตัวพยายามจะดึงมือกลับเมื่อสุทัศน์ดึงมือนุ่มทั้งสองข้างไปตบที่แก้มซ้ายขวาของเขาอยู่หลายที

“แซมรู้ตัวว่าแซมผิด แซมต้องโดนลงโทษ” สุทัศน์กล่าวเสียงเศร้า “แต่ถ้าแพรลงโทษจนหนำใจแล้ว...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

“แซมแน่ใจเหรอคะว่าความรู้สึกของแซมจะยังเหมือนเดิม” แพรธาราเกริ่น “แซมเชื่อแล้วหรือคะว่าแพรไม่ได้เป็นตามที่ข่าวลง วันก่อนแซมยังโวยวายแพรกับพี่มาร์คอยู่เลย”

สุทัศน์พยายามข่มอารมณ์ระอุในใจเมื่อได้ยินหญิงสาวเรียกหนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อว่าพี่อย่างสนิทสนม นึกค่อนในใจที่หญิงสาวบอกไม่ได้มีสัมพันธ์เกินเลยกับมหาสมุทร แล้วทำไมกลับใช้เรื่องที่เขากล่าวหามหาสมุทรมาเป็นข้ออ้างข้อพิสูจน์จะไม่คืนดีกับเขาล่ะ แต่เป้าหมายที่ต้องการจะไม่ยอมให้ล้มเหลวแน่นอน ชายหนุ่มจึงรีบคลี่ยิ้มอบอุ่น ดึงร่างบางมากอดเบา ๆ

“โธ่...แพร แซมทั้งรักทั้งหวงแพรขนาดนี้...แพรยังจะแคลงใจอีกเหรอครับ” สุทัศน์อ้อนเสียงนุ่ม “แซมยืนยันนะว่าคืนนั้นแซมทำทั้งหมดก็เพราะแซมรักแซมหวง ความจริงวันนั้นแซมตั้งใจว่าจะมอบแหวนขอแพรแต่งงานที่นั่นด้วยซ้ำ”

สุทัศน์รีบดึงกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินมาเปิดให้หญิงสาวเห็นแหวนทองคำขาวประดับหัวแหวนด้วยเพชรน้ำงามกว่าห้ากะรัต พลางทำท่าจะสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่นิ้วนางข้างซ้าย

“แซมสวมให้นะครับ”

“อย่าเพิ่งเลยค่ะ” แพรธารารีบดึงมือกลับ พลางขยับถอยออกจากอ้อมกอด “แหวนแบบนี้ควรจะสวมในพิธีค่ะ...แพรอยากให้ทุกอย่างถูกที่ถูกเวลา”

“โธ่...เรารักกันขนาดนี้ ถือว่าเป็นแหวนหมั้นก่อนก็ได้นี่ครับ ส่วนแหวนแต่งงานคุณแม่ท่านสัญญาว่าจะให้แหวนประจำตระกูลน่ะครับ”

“แพรขอบคุณแซมและคุณแม่มากที่ยังรักยังเมตตาแพร” แพรธารากล่าวอย่างคนตัดสินใจได้ “แต่ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แพรอยากให้เรามีเวลาได้ศึกษากันอีกสักพัก ถ้าแซมยังยืนว่าความรู้สึกที่มีกับแพรยังเหมือนเดิม...วันนั้นแพรค่อยเป็นเจ้าของแหวนวงนี้จะดีกว่านะคะ”

สุทัศน์แอบหมั่นไส้นึกแค่นในใจที่หญิงสาวยังคงแสดงละครมารยาหลอกลวงเขา แต่เพื่อไม่ให้ไก่ตื่นชายหนุ่มจึงยอมตามน้ำ

“ครับ แต่แซมขอยืนยันว่าจะไม่มีใครมาทำให้ความรู้สึกที่แซมมีต่อแพรเปลี่ยนไปได้...แหวนวงนี้จะมีเพียงแพรเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ”

“ขอบคุณค่ะ” แพรธาราคลี่ยิ้มสดใส “งั้นวันนี้แพรขอตัวก่อนนะคะ แพรยังเพลียอยู่...อยากรีบกลับไปพักน่ะค่ะ”

“ทานข้าวก่อนสิครับ...แซมจองโต๊ะริมน้ำแบบที่แพรชอบไว้ เสร็จแล้วเดี๋ยวแซมไปส่ง”

“ไม่เป็นไรค่ะ...แพรยังไม่หิว อยากรีบกลับมากกว่า” แพรธาราปฏิเสธเสียงนุ่ม “กลัวยายพิณจะโทรฟ้องคุณปู่ว่าแพรหนีเที่ยวเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่น่ะค่ะ”

“มากับผม...คุณปู่คงไม่ว่าหรอกครับ”

แพรธาราส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยืนยันตามความต้องการเดิม อ้างเหตุผลว่ารับปากพิณสุดาไว้ว่าจะออกมาไม่เกินสองชั่วโมง จึงอยากทำให้ได้ตามที่รับปาก สุทัศน์แทบอยากกระชากร่างบางมาตะโกนใส่หน้าว่าเล่นตัว เรื่องมาก มารยาร้อยเล่มเกวียน แต่ที่ทำได้คืออ้อนขอไปส่งแพรธาราที่รถเพื่อความสบายใจว่าหญิงสาวปลอดภัย

“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”



คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกเหมือนว่าพวงมาลัยหนักขึ้นและถูกดึงไปทางด้านขวามากกว่าปกติ การทรงตัวก็แปลกเหมือนมีอาการยวบยาบ เวลาเหยียบคันเร่งจะรู้สึกฝืด ๆ เฉื่อย ๆ สาวสวยจึงตัดสินใจเบี่ยงรถชิดริมถนน แต่ก็ยังไม่กล้าลงจากรถมาดูอาการเพราะสภาพแวดล้อมแถวนี้ดูเปลี่ยวไม่น่าวางใจ จึงตัดสินใจติดต่อน้องสาวก่อน

“รับโทรศัพท์หน่อยสิยายพิณ”

แพรธาราพึมพำเมื่อฟังเสียงรอสายอยู่นาน แต่น้องสาวก็ยังไม่รับสายสักที

“โธ่...ทำอะไรอยู่นะ แล้วนี่จะทำยังไงดี”

สาวสวยครางอย่างกังวลใจเมื่อไม่สามารถติดต่อใครได้ ใจนึกอยากโทรหาบิดาแต่ก็ทราบว่าวันนี้ท่านมีประชุมสำคัญ ถ้าโทรไปหาตอนนี้ก็เกรงจะทำให้ท่านเสียงาน หากจะโทรหาสุทัศน์ก็ยังไม่ยังสบายใจยังแคลงใจว่ารักนี้จะยังคงราบรื่นเหมือนเดิมไหม เพราะหญิงสาวรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขวางกั้นระหว่างเขาและเธอ เหมือนมีสัญญาณบอกว่าสุทัศน์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

“ก๊อก ๆ ๆ”

ร่างบางสะดุ้งหลุดจากความคิด ผวาหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นสองหนุ่มวัยรุ่นก้มหน้ามองมาที่หน้าต่างกระจกด้านคนขับ พร้อมขยับปากทำท่าจะเสนอความช่วยเหลือ หากประสบการณ์ที่เพิ่งเจอทำให้แพรธาราไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ขนาดคนใกล้ชิดยังเผลอคิดร้ายได้แล้วคนแปลกหน้าล่ะจะให้เชื่อใจได้อย่างไร หญิงสาวจึงรีบส่ายหน้าโบกไม้โบกมือให้รู้ว่าเธอไม่เป็นไร เด็กหนุ่มทั้งสองจึงไม่เซ้าซี้พากันกอดคอเดินจากไป

แพรธารามองตามสองเด็กหนุ่มที่ยอมจากไปง่าย ๆ อย่างโล่งใจ แต่พอเห็นสองหนุ่มเดินเลี้ยวเข้าอาคารไม้หลังเล็กสองชั้นที่มีชาวบ้านหลายสิบชีวิตเข้าคิวเรียงแถวหน้าอาคารก็นึกสนใจ

“ศูนย์ชุมชนแก้วใส” แพรธาราคลี่ยิ้มเมื่อเห็นป้ายด้านหน้าอาคาร “คงจะจัดกิจกรรมชุมชนกันล่ะมั้ง...ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มากันเต็มเลย”

คิวด้านซ้ายมือเคลื่อนตัวเร็วกว่าด้านขวามือมาก แพรธาราเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่เข้าแถวด้านซ้ายมือกระโดดออกจากแถวด้วยสีหน้าเบิกบานหลังได้รับขนมและของเล่น แต่แถวขวามือกลับยังไม่ขยับสักนิด

“สงสัยจะไม่ใช่แถวแจกของล่ะมั้ง”

สาวสวยคาดเดา ก่อนจะครางอย่างแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อสาวชาวบ้านอุ้มเด็กอ่อนออกจากแถวด้านขวามือ

“พี่มาร์ค...”

ดอกเตอร์สาวเปิดประตูลงจากรถอย่างไม่รู้ตัว เพียงเพื่อต้องการแน่ใจว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคือมหาเศรษฐีหนุ่มที่ตนรู้จัก แต่เพียงแค่ร่างบางยืนทรงตัวมั่นเสียงแตรก็ดังสนั่นลั่นถนนเมื่อรถเก๋งนำเข้าจากยุโรปปาดหลบรถกระบะด้วยความเร็วสูงจนรถไถลพุ่งออกข้างทาง

เสียงกรีดร้องของชาวบ้านสะดุดใจให้แพรธาราเหลียวมองด้านหลัง สาวสวยสะดุ้งสุดตัวรีบกระโดดหลบอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญานเมื่อเห็นรถคันหรูกำลังจะพุ่งเข้าใส่เธอ มือบางยกขึ้นกุมหัวใจที่ยังสั่นกับเหตุการณ์หวาดเสียวเมื่อครู่

มหาสมุทรและพวกชาวบ้านหันมองมาที่สาวสวยเป็นตาเดียว สายตาสองคู่ที่เคยคุ้นเคยจึงประสานกันด้วยความบังเอิญ หากอดีตศัลยแพทย์มือดีรู้สึกตัวก่อน เขาบรรจงปิดสำลีและพลาสเตอร์ยาให้เด็กน้อยก่อนอุ้มส่งคืนคุณแม่ แล้วผละตรงมาที่แพรธาราอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ...”

แพรธาราอึกอักทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ไม่คาดฝัน ไม่รู้ว่าควรทักทายหรือพูดอะไรกับเขาดี แต่มหาสมุทรอ่านสีหน้าและกิริยาของหญิงสาวออก จึงไม่ได้ซักไซ้ใด ๆ นอกจากสำรวจมองรถคันหรูที่จอดนิ่งสนิทข้างทาง เห็นว่ายางรถด้านขวาหน้าแบนจึงเข้าจะช่วยเปลี่ยนยางรถให้

“ผมช่วยครับคุณหมอ”

เด็กหนุ่มห้าคนที่วิ่งตามอดีตศัลยแพทย์หนุ่มมาจากศูนย์ชุมชนรีบเข้าช่วยหยิบเครื่องมือ หลังจากมหาสมุทรถือวิสาสะเปิดประตูรถที่ไม่ได้ล็อกเพื่อเปิดท้ายกระโปรงรถแล้วหยิบเครื่องมือและยางอะไหล่มาเปลี่ยนให้

“ลองเช็คยางดูก่อนนะว่าสภาพยังดีอยู่หรือเปล่า”

“ใช้ได้ครับคุณหมอ...ล้อแข็ง...ลมเต็มครับ”

มหาสมุทรพยักหน้าน้อย ๆ ยืนคุมงานจนเด็ก ๆ เปลี่ยนยางล้อรถเสร็จ จึงลองสตาร์ทรถดูเพื่อเช็คเครื่องยนต์ พอเห็นว่าปกติดีจึงคลี่ยิ้มอย่างเบาใจ

“เรียบร้อย...ขอบใจมากเด็ก ๆ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“เด็ก ๆ เปลี่ยนยางอะไหล่ให้แล้ว แต่ว่ายังไงก็ต้องเอายางล้อนี้ไปปะแล้วก็ให้ช่างจัดการเปลี่ยนล้อกลับคืนนะครับ”

หนุ่มหล่อไม่ลืมกำชับ ก่อนจะผละจากไปเมื่องานทุกอย่างเรียบร้อยโดยไม่รอแม้แต่คำขอบคุณสักคำ จนแพรธาราอดนึกตำหนิพฤติกรรมไร้มารยาทของตัวเองไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มทั้งห้าช่วยกันเก็บเครื่องมือและยางที่รั่วไว้ท้ายกระโปรงรถแล้วจะผละตามมหาสมุทร หญิงสาวจึงรีบเรียกรั้งไว้พร้อมยื่นธนบัตรใบละพันให้สองใบ

“เดี๋ยวค่ะน้อง พี่อยากตอบแทนน้ำใจที่มาช่วยเปลี่ยนยางรถให้น่ะค่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับพี่”

เด็กหนุ่มทั้งหมดต่างพากันปฏิเสธ

“เอาไว้ให้น้องสาวน้องทานขนมก็ได้นะจ๊ะ” สาวสวยยังไม่ละความพยายาม “พี่ไม่ได้คิดดูถูกนะ แต่พี่อยากตอบแทนพวกน้องจริง ๆ เพราะถ้าพี่ต้องรอเรียกรถมาลากไปเข้าศูนย์ซ่อมก็คงจะต้องจ่ายแพงกว่านี้มากเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับพี่ พวกเราเห็นคุณหมอมาช่วยพี่...พวกเราก็เลยตามมาช่วย” เด็กหนุ่มท่าทางเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มอธิบาย “คุณหมอสอนว่าคนเราควรมีน้ำใจช่วยเหลือกัน ถ้าเราช่วยเหลือใคร...เราก็จะมีความสุขครับ”

“คุณหมอ...ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาช่วยพี่น่ะหรือคะที่น้องเรียกว่าคุณหมอ”

“ใช่ค่ะ คุณหมอใจดี...ชอบเอาขนมมาแจกน้ำฝนและเพื่อน ๆ วันนี้น้ำฝนได้ทานไอศกรีมซาเวนเชนด้วย”

หนูน้อยฟันหลอสองซี่หน้าที่ตามพี่ชายมาด้วยรีบอวดไอศกรีมยี่ห้อดัง ซึ่งคุณหมอหนุ่มให้คนในมูลนิธินำมาเลี้ยงแจกเด็ก ๆ

“ไอศกรีมสเวนเซ่นส์จ๊ะยายเด็กขี้อวด”

พี่ชายหันมาเย้าน้องสาวอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันมาอธิบายให้สาวสวยแปลกหน้าฟัง

“คุณหมอมาร์คจะมาตรวจสุขภาพให้ที่ชุมชนทุกเดือนครับและจะมีของมาแจกพวกเด็ก ๆ ตลอด...คุณหมอเป็นหมอประจำของมูลนิธิชินภัทรครับ”

“ชินภัทร...”

ริมฝีปากบางพึมพำชื่อที่คุ้นเคย แต่ไม่มีในความทรงจำ จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน

“เห็นว่าเป็นชื่อลูกชายของเจ้าของมูลนิธิที่เสียไปครับ ยังเด็กมาก...น่าสงสาร” เด็กหนุ่มเล่าต่อ “คุณหมอว่าถ้ายังอยู่จะอายุเท่ากับน้ำฝนพอดี คุณหมอเลยรักน้ำฝนมากครับ แต่จริง ๆ คุณหมอรักเด็ก ๆ ทุกคนในศูนย์เลยครับ ใครป่วยหนักโทรไปตาม...คุณหมอก็จะรีบมารักษาให้ตลอดเลยครับ ชุมชนเราซาบซึ้งใจในความดีของคุณหมอและมูลนิธิมากครับ”

น้ำเสียงชื่นชมและสายตาที่เด็กหนุ่มแสดงยามเอ่ยถึงมหาสมุทรทำให้แพรธาราเชื่อว่ามหาสมุทรยังคงเป็นพี่ชายคนเดิมที่เธอรู้จัก ยังอ่อนโยนและใจดี มีหัวใจของความเป็นหมออย่างมั่นคง

“ฉันจะสอบถามเรื่องมูลนิธินั่นได้ที่ไหนคะ อยากจะบริจาคเงินบ้าง อยากขอบคุณที่มูลนิธิมีน้ำใจช่วยเหลือคนในชุมชนน่ะค่ะ”

“เดี๋ยวผมวิ่งไปเอานามบัตรของมูลนิธิมาให้ครับพี่ รอสักครู่ครับ”

เด็กหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันมาอุ้มน้องสาวและวิ่งกลับไปที่ศูนย์ชุมชนพร้อมกับเพื่อน ๆ แพรธารามองตามกลุ่มเด็กหนุ่มเข้าไปในชุมชน ก่อนเบนสายตามามองมหาสมุทรที่กำลังฉีดวัคซีนให้เด็ก ๆ อย่างค้นหา เกิดคำถามในใจมากมายว่าอะไรทำให้เส้นทางชีวิตของคุณหมอหนุ่มเปลี่ยนแปลง จนยอมเป็นแค่หมอประจำมูลนิธิ แล้วชื่อมูลนิธิที่ว่าเป็นชื่อลูกเจ้าของมูลนิธิล่ะ เด็กคนนั้นเป็นใครกันทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้นัก ชื่อที่ได้ยินแล้วกลับทำให้หัวใจโหยหาเหลือเกิน


******************
ตอนนี้ค่อนข้างยาวหน่อยนะคะ กำลังจะพาให้น้องแพรได้เดินเข้าสู่ความทรงจำเดิมของตัวเองค่ะ



พิมดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2555, 17:20:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2555, 17:20:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1376





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
Auuuu 25 มี.ค. 2555, 17:58:15 น.
สงสารพี่มาร์ค :( ขอให้นางเอกจำได้เร็วๆด้วยเถอะะะะ
คุณนาถยานี่แบบว่า.. รักลูกบ้างป่ะนี่ คิดแต่ผลประโยชน์ ชิชิ :(


panon 26 มี.ค. 2555, 08:41:35 น.
ร่วมเดินทางไปกับแพรนะค่ะ อยากย้อยรอยความทรงจำ


teesaparn 26 มี.ค. 2555, 11:43:20 น.
โธ่ พี่มาร์คขา...


anOO 26 มี.ค. 2555, 16:40:31 น.
ดูท่าทาง ถ้าแพรจำเรื่องราวเก่้าๆ ได้ มันจะเศร้ากว่านี้นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account