กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 15 ป้าส้มลิ้ม..

15.

พอไม่ต้องเป็นพนักงานเสิร์ฟ กุสุมาก็รู้สึกเสียดายเงินทิปที่เคยได้ในแต่ละวัน แต่พอนึกจุดประสงค์แท้จริง ที่รู้ว่ามาแล้วก็ต้องจากไป ใจก็เริ่มห่อเหี่ยว ถอนหายใจเฮือก ๆ เพราะข้างในต่อต้านกันรุนแรง ระหว่างความดีใจที่จะได้ไปเมืองนอกกับความรู้สึกอาวรณ์เจ้าของครัวอิ่มสุข

“ทำไมมันต้องไปอย่างนี้ว่ะ ทำไม ทำไม เราไม่เจอคุณสูรย์ก่อนที่จะรับปากน้าอ้อยไปวะ..พระเจ้า”

กุสุมาพึมพำกับตัวเองขณะที่รถติดไฟแดง และด้วยปล่อยใจให้ล่องลอย เมื่อไฟเขียวกุสุมาออกรถช้ากว่าที่ควรจะเป็น หูจึงได้ยินเสียงแตรดังไล่หลัง..
และเมื่อขับรถมาถึงลานจอด โดยที่แฮนด์รถมีถุงข้าวต้มฝีมือตัวเองติดมาตามความต้องการของ ‘เชฟหญ่ายยย’ กุสุมาก็หันซ้ายหันขวาดูการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองมีส่วนร่วม พลางยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นว่า ลุงชมได้เริ่มลงดอกไม้กุหลาบหนูสีขาวเป็นทิวแถว และที่ชายคาร้านที่ไม่สูงมากนักกับชายคาลานจอรถที่เป็นโครงเหล็กและใช้ผ้าสแลนสีเขียวคลุมก็มีกระถางคุณนายตื่นสายที่ตนชอบเป็นนักหนาแขวนอยู่ไว้อย่างสวยงาม

เมื่อลงจากรถมาแล้ว กุสุมาก็เดินเข้าไปในร้าน หยุดไปสองวัน กุสุมายอมรับว่ารู้สึกเก้อเขินเมื่อมีสายตาของพนักงานในร้านมองมายังตน กุสุมายิ้มบาง ๆ ให้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเป้าสายตา แล้วพอกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าวิชาญนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมปาล์มพัดซึ่งค่อนข้างจะร่มเย็นเพราะมีบ่อปลาคาร์ฟและน้ำตก

“ม่า..เป็นไงสนุกไหม” วิชาญเงยหน้ามาถามแล้วก็ก้มลงไปดูหนังสืออีกรอบ

“สนุกมาก ..อ่านอะไร” ถามแล้วกุสุมาก็ชะโงกหน้าไปดูหน้าปก ชื่อหนังสือ
‘ทุนเรียนต่อ ออสเตรเลีย’ ใจของกุสุมากระตุกอย่างแรง ถ้าเธอไม่ได้ไปออสเตรเลีย ก็จะไม่มีโอกาสกรุยทางไว้ให้วิชาญ

และเธอต้องอยู่ที่นั่นถึงสามปีเป็นอย่างน้อย เพื่อรอให้วิชาญเรียนจบและหาโอกาสตามไปเรียนต่อหรือทำงานอยู่ที่โน่น

“ยากเหมือนกันว่ะม่า” วิชาญถอนหายใจออกมา เมื่ออ่านระเบียบการ เกี่ยวกับทุนที่จะต้องฟันฝ่าให้ได้มา แถมสายที่เรียนอยู่ก็เป็นสายอาชีพเสียด้วย

“ค่อยคิด ..ใจเย็น ๆ”

“แต่มันก็น่าไปนะ”

“อืม..งั้นขอตัวก่อนนะ” ว่าแล้วกุสุมาก็ถือถุงข้าวต้มเข้าไปในร้าน เจอพี่นก พี่ไก่ ที่อยู่ในเคาน์เตอร์ยิ้มให้ กุสุมาก็ยกมือไหว้

“ดีพี่ วันนี้ม่าไม่ต้องตอกบัตรแล้วมั้ง..”

“ไปคุยกับคุณสูรย์ก่อน”

กุสุมาพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบชาม จานรอง ช้อนส้อม ที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ ห้องแคชเชียร์ ถือเข้าห้องสูรย์ไปด้วย



สูรย์ที่กำลังโทรศัพท์ยิ้มนิด ๆ เมื่อกุสุมาเคาะประตูแล้วก็ผลักเข้ามา กุสุมายิ้มให้เขา ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่ง ใจหนึ่งก็รู้ตัวว่าไม่ดีที่เหมือนจะนั่งฟังเขาโทรศัพท์ แต่ดูเหมือนโทรศัพท์สายนั้นจะไม่ใช่ความลับอะไร เพราะเขาก็คับ ๆ ยิ้ม ๆ ขณะเดียวกันก็ชะโงกหน้าดูถุงโจ๊กที่วางอยู่ข้างชามที่เธอถือมา และเขาก็ทำสัญญาณให้เทใส่ชามได้เลย..

“เป็นไง ทำยากไหม” เขาวางโทรศัพท์แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ดวงตาไม่มีแว่นสายตาปิดบังมองใบหน้าไร้เครื่องสำอางอย่างหลงใหลจนกระทั่งกุสุมารู้สึกเขิน แต่ถึงกระนั้นก็พยายามเก็บและก็พยายามที่คุยกับเขาให้เหมือนที่เคยคุย แต่ว่ามันก็ทำได้ยากเย็น

“สีใช้ได้แล้วนะ แต่รสชาตินี่”

“อร่อยเหาะ รับรอง ชิมแล้วจะติดใจ แม่กับพ่อนะ ชมไม่ขาดปากเลย” เรื่องอะไรที่จะพูดให้ร้ายฝีมือตัวเอง..

“เดี๋ยวก็รู้ว่า หมู่หรือจ่า”

“ข้าวต้มหมู จะมาหมู่จ่าอะไร ไม่ใช่ตะหาร” กุสุมาว่าให้ แต่สูรย์โหย่งตัวยื่นหน้ามาดูข้าวต้มชามนั้น พอเทใส่เรียบร้อยกุสุมาก็นึกได้ว่า ข้าวต้มต้องมีพริกน้ำส้ม พริกไท น้ำปลา บรรดาเครื่องปรุงทั้งหลายแหล่ที่จะทำให้มันอร่อยยิ่ง ๆ ขึ้น หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นอย่างคนที่ทำอะไรว่องไว

“จะไปไหน” เขาร้องถาม

“จะไปเอาพวงเครื่องปรุง”

“ไม่ต้องหรอก ฉันคนกินง่ายมาก ขอให้อร่อยอย่างเดียวกลืนได้หมด” ว่าแล้วเขาก็เลื่อนชามข้าวต้มที่ปราศจากความร้อน มาตรงหน้า ทำท่าชั่งใจอยู่อึดใจก่อนจะจับช้อนคนอาหารที่เขาสอนให้ลูกศิษย์ทางโทรศัพท์

“ถ้าไม่อร่อยอย่าคายทิ้งให้ม่าใจเสียนะ”

“ถ้าอย่างนั้นต้องล็อคคอป้อนซะมั่ง”

“ดีเหมือนกันป้อนแล้วก็เอามืออุดปากไว้ด้วย”

“มา ๆ” เขายิ้มกว้าง กุสุมาจ้องหน้าของเขาแล้วก็ต้องเมินหน้าหนีสายตาคมกริบที่เผยความในใจ

“แล้วเรากินหรือยัง” เขาตักข้าวต้มจะถึงจ่อปากแล้วก็ยังยั้งไว้แล้วมาตั้งคำถาม จริง ๆ แล้วกุสุมาก็ไม่กล้ากินหรอก แล้วก็ไม่ได้อยู่ดูว่าพ่อกับแม่จะกินได้หรือเปล่าด้วย พอเขาถามอย่างนี้ จึงได้แต่ยิ้มแหย ๆ



“ดู๊ ดู มาก็สายจนร้านจะเปิดรับลูกค้า ยังเข้าไปจู๋จี๋ เอ้ย เข้าไปประจบประแจงกันอีก มันจะได้วิชาความรู้ติดตัวไปเมืองนอกไหมเนี่ย” คนหน้าเขียงที่มีเตรียมของให้พ่อครัวแม่ครัวเอ่ยขึ้น เมื่อมองเห็นกุสุมามาหยิบถ้วยจานช้อนแล้วผลุบเข้าไปในห้องของสูรย์เป็นนานสองนาน

“ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้” พ่อครัวที่กำลังทอดหมูกรอบคุยด้วย เพราะตอนนี้เรื่องของกุสุมากับสูรย์เป็นที่จับตามองของพนักงานเป็นอย่างมาก

“มันอาจจะได้เป็นนายคนใหม่ของเราก็ได้นะ..” คนที่จัดจานผักเอ่ยขึ้น

“แล้วนี่ป้าส้มลิ้มไปไหนอีกเนี่ย ช่วงนี้หน้าตาบึ้งตึง” กั๊กหันมาถาม

“ไปห้องน้ำ..อะอ้าว มาพอดี” ป้าส้มลิ้มเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนหน้าตานั้นเหมือนยังไม่ได้ถ่ายด้วยซ้ำ

“ล้างสบู่หรือยังป้า” เรื่องความสะอาดถือเป็นหัวใจหลักของงานครัว และครัวแห่งนี้เพิ่งสร้างด้วย วัตถุหลักจึงเป็นเครื่องสแตนเลสทั้งหมด นอกจากนั้นหลังจากปิดครัวในทุกวัน ก็จะต้องใช้น้ำร้อนลวกทำความสะอาด ถ้วยชามไม่มีค้างคืนไว้ให้หนูหรือแมลงสาบมาแทะ จานชามที่ล้างแล้วก็เข้าเตาอบฆ่าเชื้อ เรื่องของความสะอาดเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและมาอุดหนุนกันไม่ได้ขาด

“นินทากันเข้าไปนะ..” ป้าส้มลิ้มนั้นได้ยินว่าทั้งหมดคุยกัน จึงต้องปราม

“แหม ก็เรื่องกำลังน่าสนใจ”

“ยังไม่ออกมาอีกเหรอ..” ป้าส้มลิ้มหมายถึงลูกมือคนใหม่ที่สูรย์บอกตั้งแต่เช้าแล้วว่าวันนี้จะเข้ามาอยู่ในครัว และคงจะอยู่ไม่กี่วัน ด้วยต้องเตรียมตัวเดินทาง ขอให้ป้าส้มลิ้มช่วยจัดหลักสูตรเร่งรัด แต่ป้าส้มลิ้มก็เถียงไปว่า ตามขั้นตอนการเรียนรู้ก็น่าจะเริ่มต้นจากคนจัดจานผัก แล้วก็ขยับมาอยู่หน้าเขียง แต่ว่าคนอย่างแม่กุสุมา สำหรับป้าส้มลิ้ม ก็คงให้ไปช่วยล้างถ้วยล้างชาม ขัดหม้อให้มือเปื่อยซะก่อนที่จะมาจับตะหลิว



หลังจากได้ยินถ้อยคำไม่สบายหู อำพันก็รีบนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับเข้าบ้าน และที่บังเอิญแปลกใจก็คืออำพันนั้นลงที่หน้าร้าน ทั้งที่ปกติต้องเอาของที่ซื้อมาไปเก็บก่อน แล้วจึงค่อยออกมานั่งเฝ้าพูดคุยนินทาชาวบ้านจนกระทั่งหมดเรื่องคุยหรือหมดแรงจึงจะกลับบ้านไปพักผ่อน

“กินข้าวมาหรือยังพี่” บังเอิญที่กำลังกล้ำกลืนกินข้าวต้มฝีมือลูกสาวร้องถาม

“กินมาแล้ว กินต้มเลือดหมูที่หน้าปากซอย” ว่าแล้วอำพันก็หอบของมานั่งที่ม้าหินหน้าร้านใช้มือโบก ๆ ลมทำความเย็น สายตาก็มองตู้แช่หาน้ำเย็นมาดื่มดับร้อน แต่ด้วยเป็นคนประหยัด อำพันจึงมองไปที่กระติกน้ำเย็นที่แม่บังเอิญแช่น้ำแข็งไว้ให้ลูกค้าซึ่งมีแก้วพลาสติกวางไว้ด้านข้าง ซึ่งแก้วน้ำนั้นบางทีก็มีคนใช้แล้วแต่ว่าด้วยต้องประหยัดจึงลุกขึ้นเปิดกระติกกินน้ำอย่างจำยอม

“บังเอิญ ไอ้ม่ามันมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า”

คนเป็นแม่รีบวางช้อนข้าว รู้สึกตกใจที่ได้ยินคำถามนั้น เรื่องศัตรูของลูกสาวซึ่งคบหาแต่เพื่อนผู้ชายย่อมมีแน่นอน แต่ใช้คำว่า ‘ศัตรู’ ต้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตแน่ ๆ

“มีอะไรรึพี่”

“เมื่อกี้ ที่ร้านต้มเลือดหมู ฉันนั่งอยู่เกือบโต๊ะนอกร้าน แล้วตอนไอ้ม่ามันขี่รถผ่านไป ตอนนั้นนะรถมันติดมันชะลอ ๆ รถไปเรื่อย ๆ แล้วไอ้คนที่นั่งหน้าร้านมันคุยกัน..มันว่า อีเด็กเวรนั่นนี่หว่า บ้านมันอยู่ในซอยนี่แน่ ๆ”

“แล้วไงต่อหรือพี่” บังเอิญรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหา

“หน้าตาการแต่งตัวของพวกมันเหมือนพวกหมวกกันน็อค” นั่นก็คือพวกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งในซอยก็มีลูกค้าเงินกู้พวกมันอยู่ไม่น้อย ทุกเช้าเย็นจึงได้เห็นพวกมันขี่รถผ่านไปผ่านมา และก็มีบางคนถูกพวกมันทำร้ายเพราะไม่มีดอกเบี้ยให้ และบางคนก็ถูกยึดทรัพย์สินที่มีอยู่ในบ้านไปแทนดอกเบี้ย

“มันว่าอีตัวแสบนี่ มันไม่รู้ซะแล้วว่ามันเล่นอยู่กับใคร”





“ป้าส้มลิ้ม ม่ามารายงานตัวแล้วครับ” ไอ้ม่าที่อยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดของตัวเอง แต่ว่ามีผ้ากันเปื้อนกับหมวกเก็บผมที่ไปเบิกมาจากพี่นก กระโดดโลดเต้นอยู่หน้าครัว ใบหน้านั้นยิ้มแย้ม แต่ว่าส้มลิ้มที่รอเชือดอยู่กระตุกมุมปากเพียงนิดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ สั้น ๆ ว่า

“วันแรกก็มาจนจะเที่ยง..ไปโน่นเลย ไปช่วยอีหวานมันล้างชามหน่อย ไอ้หวัดมันลาป่วยปวดฟัน”

จากที่ดีใจว่าจะได้ฝึกทำอาหาร กลายเป็นว่า เธอต้องไปล้างจานหลังร้าน หน้ากุสุมาเปลี่ยนสี นึกถึงสูรย์ที่นั่งอยู่ในห้อง อยากจะกลับไปฟ้องแต่ก่อนจะออกมา เขาก็บอกแล้วว่า ป้าส้มลิ้มนั้นปากจัดหน่อย อย่างไรก็ให้อดทน ป้าใช้อะไรก็ให้ทำ เดี๋ยวก็จะได้วิชาติดตัวไป

แต่ ‘ล้างจาน’ อยู่ที่บ้านจานไม่กี่ใบก็พอช่วยแม่ทำได้ แต่ที่ร้านนี้ คนเข้ามาอย่างกับนกพิราบสนามหลวง ถ้วยจานชามแก้วน้ำกองเท่าภูเขา..

“รึทำไม่ได้”

“แต่..” กุสุมาเอ่ยปากจะอธิบาย

“ทำไม่ได้ก็กลับบ้านไปก่อน พรุ่งนี้ ค่อยมาใหม่ ถ้ามาสายแบบนี้ก็จะให้กลับบ้านไปทุกวัน รู้ไหมพ่อครัวแม่ครัวมันสำคัญขนาดไหน เด็กเสิร์ฟน่ะมันขาดมันหายไปไม่เป็นไร แต่ถ้าคนทำกับข้าวขาดหรือมาสายแบบนี้ คนอื่น ๆ ก็จะเดือดร้อน”

ใจจริงอยากจะเถียงว่า วันธรรมดาคนมาไม่เยอะ แต่ฟังน้ำเสียงป้าส้มลิ้มที่เหมือนไปอารมณ์เสียจากที่อื่นแล้วมาหาที่ลงกับตัวเอง กุสุมาจึงต้องยอม ๆ เพราะถ้าเอาเรือเข้าขวางตอนน้ำกำลังเชี่ยวมีหวังเรือได้แตก “ม่าขอโทษค่ะ”

“งั้นก็ไปหาอีหวานที่หลังร้าน..เดี๋ยวมันจะสอนเอ็งว่าต้องทำอะไรบ้าง”




ด้วยต้องออกไปซื้อของตั้งแต่เที่ยงคืนทำให้สูรย์ไม่ได้นอนพัก พอกล้ำกลืนข้าวต้มหมูฝีมือกุสุมาจนหมดชามไปแล้ว สูรย์ที่อิ่มท้องและอิ่มใจที่ได้ชิมรสมือของคนที่ตัวเองมีใจให้ ก็เข้าห้องพักด้านหลังไปนอนเอาแรง หลังจากที่กุสุมาถือชามออกไป เขาจึงไม่ได้รู้ว่ากุสุมาต้องไปยืนล้างจานชามอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเสียใจมือหงิก...

เมื่อสูรย์ออกมาจากห้องพัก เขาก็นั่งมองจอมอนิเตอร์ อยากเห็นว่าเหตุการณ์ในครัวจะมีอะไรบ้าง กุสุมาจะไปสร้างความยุ่งยากให้ใครไหม แต่เขาก็มองไม่เห็น สูรย์เหลือบตาดูเวลา ซึ่งเป็นเวลาเกือบสามโมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่คนงานมักจะออกไปพักผ่อน หรือว่ากุสุมาออกไปไหนกับวิชาญอีก..
เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ รักกับคนรุ่นเดียวกันก็มีปัญหา มารักเด็กกะโปโลแบบนี้ปัญหาคงมีไม่ได้ว่างเว้นเช่นกัน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่งใจอยู่นานว่าจะกดตามดีไหม แต่ด้วยอยากรู้ว่ากุสุมาอยู่ไหนเขาจึงโทรออก แต่ว่าปลายสายเป็นเสียงไม่คุ้นหูเสียนี่

“กุสุมาอยู่ไหมครับ”

“เอ่อ ไอ้ม่าไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปจากบ้าน มันลืมไว้ในครัว ใครโทรมาเหรอคะ..”

“สูรย์ครับ ที่ไปส่งกุสุมาเมื่อวานนี้” เขาไม่ได้แค่ส่งแต่ว่า ลงไปแนะนำตัวให้แม่ของหญิงสาวได้รู้จักด้วย นอกจากนั้นเขาก็ยังมีของฝากเต็มไม้เต็มมือ ไม่มีทางเสียละที่แม่ของหญิงสาวจะลืมเขาง่าย ๆ เหมือนกับที่พ่อแม่ของวรรณพรไม่ลืมเขา แต่ว่าเขาก็ตอบรับไมตรีเป็นเขยเล็กแทนไม่ได้

“เอ่อ คุณสูรย์นั่นเอง ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

พอทราบเรื่องจากปากแม่ของกุสุมา สูรย์เองก็พลอยไม่สบายใจเหมือนกัน ‘ไอ้พวกนั้น’ ก็คงเป็นไอ้สามสี่ตัวที่มีเรื่องที่นี่ จนกระทั่งไปแกล้งกุสุมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แล้วเขาจะช่วยหญิงสาวได้อย่างไรนะ



“ม่าอยู่ไหนครับ”สูรย์ออกจากห้องแล้วเดินตัวปลิวไปในครัว พอตั้งคำถาม คนที่อยู่ในนั้นมองหน้ากันเลิ่กลัก เพราะก่อนหน้านั้นก็แอบซุบซิบกันแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับป้าส้มลิ้มถึงได้ส่งไอ้ม่าออกไปล้างถ้วยล้างของใช้อยู่ข้างนอก..

“ม่าอยู่ไหนหรือครับพี่กั๊ก” กั๊กยิ้มแหย ๆ ก่อนจะตอบ และพอได้คำตอบสูรย์ก็นิ่วหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องล้างที่อยู่ติดกัน

“ม่า” กุสุมาที่ยืนขัดถาดสแตนเลสอยู่หันมามองหน้าเขาด้วยสายตาตัดพ้อแล้วก็หันกลับไปงานต่อ

“เกิดอะไรขึ้น” เขาเดินเข้าไปหาจนกระทั่งเห็นที่กรอบเส้นผมชื้นไปด้วยเหงื่อ เพราะในห้องล้างนั้นจะมีตู้อบจานชามอยู่ด้วย

“เกิดอะไรขึ้น”

“ทำไมมาล้างจาน”

“ก็ คงเหมือนกับที่คุณสูรย์ให้ม่าไปเสิร์ฟอาหารก่อนจะเข้าครัวแหละคะ”

กุสุมาแสร้งมองโลกในแง่ดีทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็คิดหาสาเหตุการเปลี่ยนไปของป้าส้มลิ้ม และกุสุมาก็คาดเดาว่า มันน่าจะเกิดจากคุณหนูอรพิมผู้สวยสดงดงามนั่นแน่ ๆ และที่ทำให้เธอยังยืนให้โขกให้สับอยู่ได้นี้ ก็เพราะอยากเอาชนะอีคุณป้าปากจัดเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนั่นด้วย กับอีกใจถ้าสูรย์รู้ว่าเธอมาอยู่ตรงนี้ สูรย์จะทำอย่างไรกับอีป้า แต่ว่าเขาก็หายไปหลายชั่วโมง และดูจากตาของเขาแล้ว คงจะหลับแน่ ๆ เพราะเมื่อเช้าตอนเธอโทรมาเหมือนเขาจะยังไม่ตื่น แต่กลายเป็นว่า เขายังไม่ได้นอนเพราะต้องออกไปซื้อของ และเมื่อเช้าก็เพียงงีบที่โต๊ะทำงานเท่านั้น

“แล้วพี่หวานไปไหน”

“ไปพัก เดี๋ยวเขามา ม่าก็จะไปบ้าง”

“ไม่ต้องล้างแล้ว ตามฉันไปที่ห้องด้วย”

“จะไปทำไม มีอะไรคุยตรงนี้ก็ได้งานยังไม่เสร็จ”

“บอกว่าไมต้องล้างแล้ว มือซีดหมดแล้ว” ว่าแล้วเขาก็ดึงมือของกุสุมาขึ้นมา นอกจากนั้นก็ยังจับพลิกไปพลิกมาด้วย

กุสุมายืนนิ่งหน้าตายังบึ้งตึง

“แล้วทำไมไม่เข้าไปบอกกับฉัน”

“ทำไมต้องบอก..ก็สั่งเองไม่ใช่เหรอให้เชื่อฟังป้าเขา ป้าเขาให้ทำอะไรก็ต้องทำ..”

“อืม โอเคฉันผิด.. แต่ไป ไปพัก ไม่ต้องล้างหรอก ตามฉันไปในห้องหน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย”

บอกกุสุมาแล้วสูรย์ก็เดินผ่านครัวกลับไปยังห้องของตน อึดใจกุสุมาก็เดินตามไป คนที่ยังอยู่ในครัวหันไปมองหน้ากัน แล้วกั๊กก็เปรยออกมาเบา ๆ ว่า

“พนันกันไหมว่า คุณป้าส้มลิ้มของเราจะถูกหางเลขหรือไม่”




“มีอะไร” น้ำเสียงของกุสุมานั้นยังบอกให้รู้ถึงอารมณ์ขุ่นเคืองใจ

“นั่งสิ..” พอนั่งแล้วกุสุมาก็ทำทีเป็นสนใจผนังห้องแทนมองหน้าของเขา

“งอนเป็นเหมือนกันนิ”

“ไม่ได้งอน”

“แต่หน้ามันฟ้องขนาดนี้ไม่งอนได้ไง”

เสียงเคาะประตูทำให้กุสุมาคิดว่า ขาเรียกป้าส้มลิ้มเข้ามาคุยด้วย แต่พอได้ยินเสียงกุสุมาก็ต้องหันหลังกลับไปมอง

“มาแล้วค่ะคุณสูรย์ เค้กส้มสองชิ้น กาแฟเย็นหนึ่ง นมเย็นหนึ่ง ตุ๊ดซี่เอาน้ำชาร้อนมาให้ล้างปากด้วยนะคะ” ตุ๊ดซี่ที่นุ่งกระโปรงสีขาวเผยให้เห็นขาโต๊ะสนุ๊กปราศจากขนหน้าแข็งของตนถือถาดมาวาง สายตานั้นก็มองกุสุมาที่ยังหน้ามุ่ยอยู่ อยากจะทัก แต่ก็ไม่รู้ว่าระหว่างสองคนมันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่รู้ ๆ เสียงซุบซิบเรื่องที่กุสุมาถูกป้าส้มลิ้มให้ไปล้างจานเพราะมาทำงานสายดังไปถึงช็อปของเธอ

“ขอบใจมาก วางบิลที่พี่นกเลยนะ”

“อุ้ย ไม่หรอกค่ะ คุณธัญญ่าเธอสั่งไว้ว่าถ้าคุณสูรย์ทานอะไรไม่ต้องเก็บเงิน..”

“ไม่ได้หรอก..ฉันรับไว้ไม่ได้”

“งั้นคุยกันเองค่ะ ตุ๊ดซี่ก็ต้องทำตามที่เจ้านายสั่งเหมือนกัน..ทานให้อร่อยนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” ยอบตัวแล้วตุ๊ดซี่ก็หมุนตัวออกไปแต่ถึงกระนั้นก็ยังแอบทิ้งตาให้สูรย์เล็กน้อย

สูรย์เลื่อนเค้กส้มไปตรงหน้ากุสุมาแล้วก็ตามด้วยแก้วนมเย็นที่ไอเย็นจับแก้วจนกลายเป็นหยดน้ำ

“กินสิ”

“ไม่หิว”

“เป็นอะไร งอนอะไร”

“ไม่ได้งอน”

“ขอโทษ ฉันหลับ ฉันเลยไม่รู้ว่าเราไปอยู่ตรงนั้นถ้าฉันรู้ ฉัน..” จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่กล้าไปขวางป้าส้มลิ้มหรอก แต่ว่าเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมป้าถึงได้ส่งกุสุมาไปอยู่ตรงนั้นแทนที่จะให้ช่วยจัดจานหรือช่วยจัดวัตถุดิบหน้าเตา

“เอ้า กิน กิน มา อ้าปาก” เขาจับแก้วน้ำสีชมพูแล้วยื่นหลอดไปตรงปากได้รูปแต่ไร้สีสันปรุงแต่ง พอหลอดยื่นมา ใจที่หนักถ่วง ๆ ของกุสุมาก็ค่อย ๆ ฟูขึ้น ใบหน้าที่งอง้ำถูกหัวใจสูบเลือดไปหล่อเลี้ยง และพอหลอดแตะปากกุสุมาก็จำต้องเผยอรับหลอดนั้นก่อนจะดูดน้ำสีชมพูให้ล่วงลงคอไปฉ่ำอยู่ในหัวใจ..

“เก่งมาก ๆ”

ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแดงซ่าน ดวงตากรอกไปมาเพราะรู้สึกเขินที่เขางอนง้อถึงเพียงนี้

“มีเรื่องอะไรจะคุยเหรอ” พอเห็นเขาละเลียดเค้กส้มเข้าปากโดยสายตาก็จ้องหน้าเธอไปด้วยกุสุมาจำต้องเอ่ยทำลายความเงียบ

“กินเค้กให้หมดก่อนจะได้ใจเย็นลง”

พอเขาพูดอย่างนี้ อารมณ์อยากกินเค้กให้หมดไปโดยเร็วหายไป แต่ว่ากุสุมาก็จำต้องรีบจ้วงเค้กก้อนนั้นเข้าปาก และพอกลืนหมดแล้ว เห็นว่าเค้กเขายังแหว่งไปนิดเดียว กุสุมาก็เลยลากจานมาตรงหน้าแล้วจัดการกินเสียเรียบด้วยไม่อยากให้เขาหาข้ออ้างก่อนจะเล่าอีก..“เล่าไอ้แล้ว มีอะไรรึ”

“กินน้ำก่อนสิ” เขากลั้นขำ และพอกุสุมาดื่มนมเย็นจนหมด เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ

“เมื่อเช้าไอ้พวกนั้นมันเห็นเราที่ปากซอย มีคนได้ยินว่ามันพูดอาฆาตไว้”

“ไอ้พวกไหน”

“ที่มันจับก้นเราวันนั้น..”

“อาฆาต อย่างไร แล้วใครบอก” พอรู้ว่าเขาทราบเรื่องได้อย่างไร ใจที่เอนเอียงไปทางเขาอยู่แล้วก็แทบจะถูกเทไปทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นใจของกุสุมายังอัดแน่นไปด้วยความโมโห วันนั้นเธอป้องกันตัวเองแต่กลายไปเป็นทำร้ายจิตใจพวกมัน.. กุสุมากัดฟันกรอด เพราะนึกถึงที่พวกมันทำกับถมยาไว้ด้วย

“มันอยู่ในที่มืด เราอยู่ในที่สว่าง เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”

“ม่าจะไปหาซื้อปืนปากกามาพก จะยิงให้ไส้แตกเลย”

“เก่งจริง ๆ”

“ม่าไม่ใช่ไอ้ถมยา ตายเป็นตาย มันไม่ตายม่าก็ยอมตาย”

“อารมณ์ร้อนจริงค่อย ๆ คิด ฟังฉันนะ อีกไม่กี่วันเราก็ไปออสเตรเลียแล้ว เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ เราก็แค่ระวังตัวไว้บ้าง อย่าเข้าออกบ้านเส้นทางนั้นเส้นทางเดียว แล้วก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว”

“แล้วจะให้ม่าไปกับใครละ ให้พ่อแม่มาส่งเหรอ ไม่รู้หละ ไม่ระวังหรอก เดี๋ยวม่าขอลางานเลยนะ ไปหาเพื่อนก่อน ไปหาปืนมาพกติดตัวไว้เลย เจอมันก็ไม่ต้องคุยแล้ว ยิงมันเลย”

“ติดคุกเสียอนาคต”

“ไม่กลัว คนติดกันเยอะแยะ ติดเพราะฆ่าคนชั่ว ศาลคงไม่ให้ติดนานหรอก จะได้แฉให้หมดว่ามันทำอะไรกับใครไว้บ้าง”

“อืม..คิดบวก ก็ดี แต่ว่า ถ้าเราติดคุก ฉันก็คงเหงาแย่..ไม่เอา ไม่ยอมให้ติด”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2554, 10:57:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2554, 10:59:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 3101





<< 14.ผมชอบเขาครับพี่ อยู่ใกล้ ๆ แล้วมีความสุขจัง   16.ชอบเขาละซิ >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 25 เม.ย. 2554, 11:07:38 น.
งานยุ่ง ปวดหัว หิวข้าวววววว...ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ..เเล้วก็เอาบุญที่ไปไหว้พระที่พม่ามาฝากครับ..ให้สุขสดชื่นสมหวังด้วยกันครับ เดี๋ยวจะอัพรูปที่ facebook อย่างไรก็ตามไปดูกันนะครับ...
จุ๊บ ๆ...


nateetip 25 เม.ย. 2554, 12:26:59 น.
:)


สายลมแห่งรัก 25 เม.ย. 2554, 12:52:22 น.
คุณสูรย์น่ารักได้ใจ


Pat 25 เม.ย. 2554, 13:55:17 น.
โมทนาสาธุด้วยค่ะ 55 คุณสูรย์รักเด็กก็ต้องทำใจหน่อยนัคะะ


niny 25 เม.ย. 2554, 14:46:48 น.
คุณสูรย์น่ารักจัง


nutcha 25 เม.ย. 2554, 17:02:30 น.
คุณสูรย์น่ารักที่ซู๊ด อิจฉาไอ้ม่าจังเลย


nutcha 25 เม.ย. 2554, 17:03:04 น.
คุณสูรย์น่ารักที่ซู๊ด อิจฉาไอ้ม่าจังเลย


จิ๋วจ้า 25 เม.ย. 2554, 18:24:47 น.
ม่าเจอศึกรอบด้านเลย


niny 25 เม.ย. 2554, 18:25:40 น.
วันนี้ถ้าครบ 20 เม้นท์จะมาอีกตอนหรือเปล่าคะ :)


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 เม.ย. 2554, 19:06:02 น.
มาครับ..มาแน่นอน..((ตอนที่สิบห้าไม่รู้ตรวจคำผิดหรือยัง..))


หมูบิน 25 เม.ย. 2554, 19:25:26 น.
: ) หิวและง่วงเหมือนกันค่ะ แต่ก็จะอ่านนน


ก้อนอิฐ 25 เม.ย. 2554, 19:37:18 น.
แหม่ มีไม่ยอมให้ติด กลัวเหงาด้วยอ่ะ..หึหึ


boonja 25 เม.ย. 2554, 22:11:50 น.
สาธุ.....รับบุญแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


ณิณ 30 เม.ย. 2554, 11:05:47 น.
ฮ่าๆๆ หาปืนเลยหรอม่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account