พร่างเสน่หา
ทุกอย่างเริ่มต้นในรุ่งสาววันหนึ่งกลางฤดูหนาวที่ซานเรโม เมื่อชายหนุ่มนักธุรกิจมือพนันระดับพระกาฬพบหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาขี้ริ้วรูปร่างอ้วนท้วนล้มลงนอนสลบขวางหน้าม้าตัวโปรดที่เขาควบขี่มากลางลู่ด้วยสภาพเปียกปอนปางตาย เหรียญทองนำโชคที่ติดตัวมาจึงถูกโยนขึ้นกลางอากาศเป็นการเดิมพันตัดสินชะตาชีวิตผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นให้อยู่รอดต่อไป หลังจากวันนั้นอเล็กซิสถึงรู้ว่า ภาพลักษณ์ของหญิงสาวความจำ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓

---- แวะคุยกันก่อน ----
หายไปนานอีกแล้ว เศร้า ไม่ใช่ว่าไม่เขียนนะคะ
ตอนนี้รีไรท์เรื่องเก่ากับเขียนเรื่องนี้อยู่
ยอมรับว่าเขียนเรื่องนี้แล้วยากยังไงไม่รู้แฮะ
ยังไงก็ขอบคุณที่มาตามอ่านนะคะ
ตอนนี้คนเขียนจะเขียนอะไรเบาสมองสลับกันบ้าง
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านและคอมเม้นนะคะ

คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ แต่คนเขียนจะเขียนนิยายต่อ
---------
บทที่ ๓

“ กุญแจดอกนี้จะพาหนูไปหาคำตอบทุกอย่าง...พ่ออยากให้หนูเก็บรักษากุญแจดอกนี้ไว้ เหมือนกับที่หนูต้องรักษาชีวิตให้รอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ ” ชายชาวตะวันตกสูงวัยผมสีดอกเลาฝากฝังคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนจากลาด้วยเสียงแหบพร่าที่ลอดผ่านจากริมฝีปากแห้งที่แตกเป็นสะเก็ดเพราะขาดน้ำ

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนระโหยโรยล้าทอดมามองมาด้วยความรักและเชื่อมั่นอย่างเปี่ยมล้นจากผู้เป็นบิดาที่ถูกจับใส่กุญแจมือคล้องไว้กับเสาเหล็กของเรือเร็วที่แล่นฝ่ากระแสคลื่นในยามค่ำคืนตราตรึงอยู่ในสายตาสร้างความเจ็บแค้นให้เป็นหนักหนา หากเพียงไม่นานภาพนั้นก็เคลื่อนคล้อยลอยห่างออกไปจนสุดท้ายก็มลายหายทิ้งไว้เพียงความดำมืดเวิ้งว้าง

นีนนาราผวาตื่นลืมตาโพลงขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่างจ้าทำให้ต้องกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้เข้าที่จนโคมไฟโบราณที่แขวนอยู่บนเพดานสีขาวซึ่งพร่าเลือนในตอนแรกกลับมากระจ่างชัด จากนั้นหล่อนจึงขยับลำคอหันไปทางบานหน้าต่างที่เปิดกว้างซึ่งหอบเอาเสียงคลื่นสาดกระทบฝั่งเป็นอาจิณระคนมากับเสียงหวีดหวิวของสายลมผสมผสาน

ที่นี่ที่ไหน...หล่อนถามตัวเองอีกเป็นครั้งที่สองขณะพยายามฝืนความเจ็บระบมทั่วร่างจนต้องกัดริมฝีปากอย่างแรงเพื่อนกลั้นมิให้เสียงร้องหลุดลอด แล้วใช้แขนข้างที่ยังพอใช้การได้พยุงตัวเองเปลี่ยนอิริยาบถจากนอนกลับมาเป็นนั่ง จากนั้นนัยน์ตากลมอมโศกสีน้ำตาลอมแดงก็กวาดมองไปรอบห้องที่คุ้นตาจนไปพบเข้ากับโต๊ะที่มีกระดานและตัวหมากรุกตั้งอยู่ ส่วนเก้าอี้สองตัวที่วางอยู่ฝั่งละตัวกับโต๊ะอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูแม้จะว่างเปล่า แต่การไม่สอดเก็บเป็นระเบียบทำให้รู้ว่า มีคนเคยนั่งตรงนั้นมาก่อน

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก รีบยกมือคว้านหาสร้อยที่สวมอยู่บนลำคอแล้วกำไว้มั่นราวกับกลัวมันจะสูญหาย ในเวลาที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมาทำให้หล่อนมีเวลาใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ภายหลังตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำผ่านท่าเรือวิ่งต่อไปอย่างไม่รู้จุดหมายจนมาถึงอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ใดหรือมีใครเป็นเจ้าของ

ระหว่างที่กำลังทบทวนอยู่กับเรื่องราวในอดีตประตูก็ถูกผลักพร้อมกับชายหนุ่มชาวตะวันตกผมสีน้ำตาลตัวสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางพับแขนถึงศอกหอบช่อดอกลาเวนเดอร์จะก้าวเข้ามาในห้อง

ฟาบิโอคลี่ห่อกระดาษสีน้ำตาลที่ห่อดอกลาเวนเดอร์ทั้งหมดไว้ออกแล้วหยิบมันปักลงไปในแจกันแทนที่ดอกเก่าอันแห้งโรย จากนั้นก็นำดอกลาเวนเดอร์ที่เหลืออยู่เดินตรงมาทำให้คนเจ็บมองหาอาวุธที่พอจะหยิบฉวยมาป้องกันตัวด้วยเกรงว่า อีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้าย แต่ก็ไม่มีอะไรจะใช้ได้นอกไปจากแก้วน้ำกับเหยือกพลาสติกใส

ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงของหญิงสาวแล้วเสียบดอกลาเวนเดอร์คนไปในแจกันพลาสติกทรงเหลี่ยมสีน้ำเงิน ก่อนจะเหลียวมาหาด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนแลเป็นมิตร

“ ฟื้นแล้วเหรอครับ...เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมากหรือเปล่า ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษเจือสำเนียงอิตาลี แลคนเจ็บที่ผวาสุดตัวแล้วกระเถิบร่างถอยกรูไปจนแผ่นหลังแนบชิดกับหัวเตียงก็รู้ได้ในทันทีว่ากลัว จึงไม่ผลีผลามทำอะไร เพียงแค่ถอยหลังกลับมารักษาระยะห่างไว้ให้รู้ว่าไม่คิดทำอันตราย

“ ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ ผมไม่ได้คิดทำร้ายคุณ ผมแค่เอาดอกไม้มาเปลี่ยนแล้วก็แวะมาดูคุณว่าเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นเองครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ ” เขาพยายามอธิบายเหตุผลแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งและมองตอบมาอย่างหวาดระแวงอยู่เช่นเดิม

“ ผมรู้ว่าคุณคงเจออะไรมาหนัก แต่เชื่อเถอะครับผมไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเลย...ถ้ายังไงคุณลองนึกหน้าผมให้ดีสิครับ ผมเป็นที่วิ่งไปดูคุณก่อนที่คุณจะสลบไป คุณพอจะจำได้ไหมครับ ”

ประโยคนั้นทำให้คนเจ็บเก็บมาทบทวนถึงความทรงจำของตัวเองโดยไม่ยอมคลาดสายตาไปจากคนตรงหน้าเลยสักวินาที หากเมื่อพยายามนึกถึงสิ่งแรกที่หล่อนจำได้กลับเป็นภาพของเทพบุตรรูปงามที่ควบขี่ม้าสีดำงามสง่า...บุรุษผู้ถูกหล่อนขนานนามเป็น ยมทูตพร่าผลาญวิญญาณ

ระหว่างที่รอคำตอบคนถามเองก็ได้แต่แลดวงหน้าลูกเสี้ยวงามผุดผาดที่มีรอยช้ำตรงข้ามแก้มด้วยความสงสัยในความใจร้ายของบุคคลที่กล้าลงมือกับหญิงสาวตัวเล็กๆ คนนี้ได้ลงคอ...และนั่นทำให้เขาคิดต่อไปว่า การหลบซ่อนปลอมตัวในคราบหญิงอ้วนเพื่อหลบหนีจากคนเหล่านั้นเลยเป็นสาเหตุให้เธอเลือกทำเช่นนี้

“ คุณไม่จำเป็นต้องพูดตอบผม ขอแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าพอให้ผมรู้ว่าคุณจำได้หรือไม่ได้ก็พอแล้วครับ แค่ให้ผมรู้สักนิดว่าคุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูด ”

เลขานุการหนุ่มยังคงวาจาสุภาพนุ่มนวล ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนสวยแลมองทอดมาอย่างห่วงใยเสมือนมิตรสหาย แม้คนเจ็บจะลังเลอยู่มาก หากจากการเฝ้าจับพิรุธเขากลับไม่พบความผิดปกติใดก็ทำให้คลายใจลงบ้างและยอมส่ายหน้าตอบปฏิเสธไปจึงได้เห็นรอยยิ้มฉายบนใบหน้าเขา

“ คุณจำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ...แต่คุณน่าจะจำเจ้านายผมได้ เจ้านายคือคนที่ขี่ม้าสีดำแล้วคุณก็วิ่งตัดหน้าเขานะครับ จำได้ใช่ไหมครับ ”

วินาทีที่ได้ยินเขาเอ่ยถึงเจ้านายตัวเองคนเจ็บก็หรี่ตาเล็กลงพลางนึกถึงเทพบุตรบนหลังม้า...หากชายผู้นั้นเป็นมนุษย์ แสดงว่าหล่อนคงรอดพ้นมาจากน้ำมือโฉดชั่วของคนเหล่านั้นแล้วใช่ไหม

“ ที่นี่เป็นสถานพยาบาลของเรานะครับ เจ้านายผมเขาสร้างไว้ให้ใช้รักษาคนงานในฟาร์มเลี้ยงม้านะครับ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ตรงที่คุณสลบไปเป็นสนามดินใช้ทดสอบฝีเท้าของม้า ” เขาเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เห็นคนบนเตียงเขม่นตากวาดมองไปรอบห้อง

หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยังยิ้มพรายคอยชวนคุยอยู่ไม่ขาดก็สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะก้มลงมองร่างกายบอบช้ำจากการถูกทำร้าย กระทั่งแขนที่ข้างหนึ่งใช้การได้กระท่อนกระแท่น ส่วนอีกข้างใช้ไม่ได้เลย ไหนจะอาการปวดร้าวราวถูกของแหลมเสียดแทงทุกครั้งที่ขยับตัวก็ทำให้ทราบได้เลยว่า ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานพอสมควรกว่าจะหายเป็นปกติ

ทันใดนั้นโนอาห์ก็เปิดประตูเข้ามาภายในพร้อมกับพยาบาลอีกสองคนเดินตามหลัง เพียงสายตาเหลือบเห็นเพื่อนผู้ร่วมเจ้านายเดียวกันยืนพูดกับคนไข้ของตัวเองซึ่งฟื้นคืนสติและนั่งอยู่บนเตียงก็ชะงักฝีเท้า

“ นายมาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปอยู่ที่คอกม้า ” แพทย์หนุ่มร้องถามเป็นภาษาอิตาลี

“ ฉันแค่แวะมาดูเธอว่าเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง ”

“ แวะมาดู พอเห็นเธอฟื้นแล้วทำไมไม่ออกไปตามฉัน ”

“ ก็ฉันเห็นเธอกลัวอยู่ก็เลยชวนคุย เธอจะได้ให้หายกลัว ” ชายหนุ่มอีกคนตอบกลับพลางหันไปหาคนบนเตียงก็เห็นสายตาที่ทอดไปยังกลุ่มผู้มาใหม่ก็พูดปลอบเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง “ ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ พวกเขาเป็นหมอกับพยาบาลที่รักษาคุณน่ะครับ ”

หลังคำอธิบายโนอาห์ก็เดินตรงเข้าไปหาคนไข้ที่มาเขาอย่างหวาดๆก็ยิ้มแสดงไมตรีจิตก่อนจะแนะนำตัวเองให้รู้จักจากนั้นจึงเอ่ยถึงอาการบาดเจ็บให้ได้รับทราบเป็นภาษาอังกฤษ

ครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงอันเข้มทุ้มจากริมฝีปากอิ่มอมชมพูระเรื่อเฉกสตรีสร้างความประหลาดใจแก่คนฟังเป็นอันมาก หากหล่อนก็มิได้แสดงออกให้อีกฝ่ายได้รู้เพียงแต่นั่งนิ่งฟังไปเรื่อยๆเท่านั้น

“ เดี๋ยวหมอต้องขอตรวจอาการโดยรวมของคุณอีกครั้ง แล้วจะให้พยาบาลมาวัดความดัน และ เจาะเลือดคุณไปตรวจนะครับ ผลตรวจเลือดอาจจะรอช้าหน่อยเพราะหมอต้องโทรเรียกเจ้าหน้าที่จากแล็บของโรงพยาบาลมาช่วย แล้วในระหว่างนี้หมออาจจะมีคำถามต้องถามคุณด้วย ยังไงหมอต้องรบกวนคนไข้ให้ตอบตามความจริงเพื่อที่หมอจะได้นำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการหาวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคุณมากขึ้น ” แพทย์กล่าวถึงสิ่งที่จะดำเนินต่อไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

นีนนาราแลดวงหน้าของนายแพทย์ผู้ทำการรักษาตัวเองนิ่งงันแสร้งทำเหมือนสติยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ทว่าในความจริงนั้นหล่อนกำลังคาดคะเนคำถามและคำที่สมควรตอบเพื่อให้ตัวเองได้อยู่รอดปลอดภัยไปจนกว่าจะถึงเวลาทำตามความประสงค์ของผู้เป็นบิดา

...บางคราการหลบเร้นความจริงไว้กับตนเพียงผู้เดียวอาจเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แม้นจะรู้ดีว่าเป็นการซ่อนความจริงครั้งนี้เป็นการใช้ประโยชน์จากบุคคลอื่นก็จำเป็นต้องทำ...
**************************************

พระพายโชยอ่อนหอบเอากลิ่นคาวความเค็มจากผืนน้ำกว้างใหญ่และความเย็นชื้นมาปะทะกับร่างอันสูงใหญ่ของชายหนุ่มรูปงามคอยบังคับม้าหนุ่มสีจันทร์*ให้กระโดดข้ามเครื่องกีดขวางอันสุดท้ายได้สำเร็จก็ดึงสายบังเหียนพามันวิ่งเหยาะๆ กลับไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อเริ่มการซ้อมกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางอีกครั้ง หากเมื่อเหลือบไปเห็นลูกน้องคนสนิทเดินมาเกาะขอบรั้วก็เปลี่ยนใจควบม้าเข้าไปหา

“ นายหายไปไหนมา ” ผู้เป็นนายเอ่ยถามอย่างเฉยชาไร้ความรู้สึกเสียจนหัวหน้าคนงานผู้พ่วงตำแหน่งเลขานุการเดาไม่ออกว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน

“ ผมไปสถานพยาบาลมาครับ ”

“ ที่ฉันไม่เห็นนายตอนพักกินข้าว เพราะนายไปเฝ้าผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วสินะ ฉันก็เคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องไปเฝ้า นายมีหน้าที่ดูแลฟาร์มม้า ไม่ใช่ไปเป็นยามเฝ้าคนป่วย ”

“ ผมเป็นห่วงเธอนะครับ กลัวว่าถ้าเธอตื่นมาไม่เห็นใครจะวิ่งเตลิดออกมาข้างนอกเหมือนเมื่อคืนอีก ”

“ แล้วยังไง” เขาถามห้วนพลางหวนคิดถึงหญิงสาวงามผุดผาดที่วิ่งหนีเขาเมื่อกลางดึกจบสลบไปและกลายเป็นภาระให้ต้องโอบอุ้มซึ่งน้ำหนักอันเบาโหวงคล้ายไม่ได้รับสารอาหารทั้งที่แพทย์ประจำฟาร์มก็ให้น้ำเกลืออยู่เป็นระยะทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ ตอนนี้เธอฟื้นแล้วครับ เมื่อกี้ผมอยู่ดูโนอาห์ถามคำถามถึงประวัติของเธอจนถึงเรื่องที่เธอถูกร้าย แต่เธอไม่ยอมพูดอะไร หมอนั่นก็เลยต้องให้พยักหน้ากับส่ายหน้าเอา ถามอะไรไปเธอก็ส่ายหน้าจำไม่ได้เลยสักเรื่อง ขนาดผมเรียกชื่อเธอตามที่เห็นในพาสปอร์ตเธอก็จำไม่ได้ ”

อเล็กซิสครุ่นคิดบางสิ่งเพียงลำพังเงียบๆ ครู่หนึ่งก็ปีนลงจากหลังม้าพร้อมส่งสายบังเหียนให้คู่สนทนาถือ ก่อนจะเดินเปิดประตูสนามฝึกซ้อมออกไปโดยไม่พูดอะไรทำเอาฟาบิโอต้องมองตามเพราะจับต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เจ้านายผละไปอย่างรวดเร็วเช่นนั้นไม่ได้

ชายหนุ่มย่ำเท้าไปตามทางผ่านทุ่งดอกไม้ที่ปลูกรายสองข้างทางไปจนถึงหน้าสถานพยาบาลโดยมีพยาบาลสูงวัยนั่งพักทานอาหารกลางวันอยู่ตรงม้าหินลุกขึ้นกล่าวคำทักทาย...เขาพยักหน้ารับครั้งหนึ่งก็ผลักประตูก้าวผ่านห้องผ่าตัดกระทั่งถึงหน้าประตูห้องพักฟื้นหางตาก็เหมือนจะเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวจึงหยุดเดินแล้วมองผ่านกระจกใสเข้าไปในห้องจึงได้เห็นคนเจ็บนั่งทำอะไรบางสิ่งอยู่บนเตียงด้วยมือข้างเดียว

แสงอ่อนทอทาบลอดผ่านบานหน้าต่างสาดกระทบเรือนผมสีน้ำตาลอมแดงหยักศกสลวยเปล่งประกายเคลียสองข้างแก้มยาวจรดกลางหลัง ดวงหน้าหวานแม้นจะขาวซีดไร้เครื่องสำอางอีกทั้งยังมีรอยช้ำประดับก็มิอาจปดปิดความงามละมุนนั้นลงได้

“ นายคิดว่าเธอความจำเสื่อมหรือเปล่า ” คนตัวใหญ่เอ่ยถามทันทีที่รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งเดินมายืนขนาบข้าง

“ ดูจากแผลภายนอกและผลสแกนสมองถึงจะไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะไม่มีสิทธิถูกกระทบกระเทือนทางสมองนะครับ แต่อาการความจำเสื่อมของมนุษย์เราก็ไม่ได้เกิดจากสมองถูกกระทบกระเทือนเสมอไปหรอกนะครับ บางครั้งเวลามนุษย์เราเครียดมากเกินไปหรือหวาดกลัวอะไรถึงขีดสุด ความทรงจำก็อาจจะหายไปได้เหมือนกัน และจากสภาพร่างกายของเธอ ก็เป็นไปได้ว่าความจำของเธออาจจะหายไปเพราะสาเหตุนี้ได้เหมือนกัน ”

เจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าละสายตาจากกระจกมาสบสายตากับโนอาห์ที่ใช้ช้อนคนกาแฟในแก้วเป็นวงกลมด้วยดวงตาไร้ความรู้สึกแล้วหันกลับมาจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าอีกครั้ง

นีนนาราใช้มือข้างซ้ายหยิบหมากสีขาวเดินไปบนกระดานหมากรุกก่อนจะหยิบหมากสีดำเดินไปข้างหน้าสลับเล่นเป็นทั้งสองฝั่งไปมาเพียงลำพังพาให้หวนระลึกถึงช่วงเวลาแห่งวันวานที่บิดาสอนให้รู้จักการเล่นไปจนถึงชั้นเชิงในการเอาชนะคู่ต่อสู้บนกระดานหมากรุก

ในช่วงแรกของการหัดเล่นหล่อนจำได้ว่าโค่นพ่อไม่เคยลง หากไม่นานฝีมือการเล่นของหล่อนก็พัฒนาจนเอาชนะพ่อได้ราบคาบ และความสามารถในการเล่นที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้หล่อนคิดอยากจะแข่งขันกับใครสักคนเพื่อประลองฝีมือสักครั้ง แต่พ่อกลับสั่งให้หล่อนเก็บความสามารถนี้ไว้กับตัวเองเช่นเดียวกับความสามารถพิเศษด้านอื่น

...ถ้าวันนั้นเพียงแต่เธอจะรู้ถึงสาเหตุที่พ่อปิดบังซ่อนเร้นตัวตนจริงของหล่อนบ้าง ทุกอย่างคงไม่เป็นไปเช่นนี้...

หญิงสาวยังคงเดินหมากต่อไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นเอ่อ ความเจ็บปวดทางกายมิอาจเทียบเท่าความทุกข์ทรมานจากความแค้นที่สุมแน่นอยู่ในใจ...หล่อนจำเป็นต้องแกล้งความจำสั้นเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตพักฟื้นอยู่ที่นี่จนกว่าจะมีเรี่ยวแรงทำตามความปรารถนาของพ่อและสาปส่งคนชั่วช้าเหล่านั้น

“ เล่นหมากรุกเป็นด้วยหรือ ” อยู่ๆ เสียงแหบต่ำนั้นเป็นภาษาอังกฤษนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกับนิ้วเรียวที่ยื่นมาหยิบหมากตัวเรือสีดำเคลื่อนไปบนกระดาน ทำให้คนเจ็บรีบกระพริบตาไล่หยาดน้ำแห่งความอ่อนแอจนหมดสิ้นจึงเงยหน้าไปตามต้นเสียงจึงพบว่า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ มนุษย์ในคราบเทพบุตรที่ตราตรึงในความทรงจำสุดท้ายก่อนทุกอย่างในโลกจะสิ้นสูญไปในความดำมืด

นัยน์ตาสีโศกสีน้ำตาลประสานเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวสวยที่คล้ายจะเรียบเฉย หากก็มีประกายที่กระหายอยากค้นหาความจริงอยู่เนิ่นนานราวกับมีอำนาจวิเศษฉุดรั้งให้มิอาจคลาดคลาจากกันไป

มิใช่เพียงกับหล่อนเท่านั้นหรอกที่รู้สึกเช่นนั้น หากแต่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าเองก็รู้สึกถึงพลังอำนาจในดวงตาของอีกฝ่ายจนไม่อาจละสายตาไปมองสิ่งใดอื่น

“ จะเล่นหมากรุกได้ก็ต้องจำวิธีการเล่นของมันได้สินะ ” เขาถามหยั่งเชิงเพียงเพื่อจะสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่าย

คนถูกถามค่อยๆลดระดับสายตาลงมามองกระดานหมากรุกที่วางอยู่บนหน้าตักแล้วย่นหน้าผากแสร้งทำเหมือนการคิดถึงความทรงจำในอดีตเป็นเรื่องยากลำบากก่อนจะกลับไปจ้องตาผู้ถูกถามไม่กระพริบพลางส่ายหน้าไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เมื่อเห็นริมฝีปากเขากระตุกแล้วเหยียดหยันคล้ายจะอ่านกันได้ทะลุปรุโปร่งทำให้นิ้วที่จับตัวคิงอยู่ถึงกับสั่น

...ทั้งที่หล่อนโกหกปกปิดคนทั่วไปเป็นอาจิณตามความประสงค์ของพ่อจนเคยชินยากที่ใครจะจับได้ หากกับเขาเหตุใดมันถึงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง...

อเล็กซิสหัวเราะเบาในลำคอให้กับการกระทำของอีกฝ่ายที่แม้จะเป็นปกติดีทุกอย่าง ทว่าการถูกบ่มเพาะฝึกสอนการอ่านภาษากายของมนุษย์ไปจนถึงการปลุกสัญชาตญาณในการระแวดระวังภัยจากผู้เป็นปู่ ทำให้รู้ดีว่า ยามมีความรู้สึกผิดปกติเกิดในใจแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สะกิดให้ขบคิดก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย

...เพราะเหตุนี้เขาถึงไม่เคยพลาดพลั้งให้ใคร...

“ ความจำเสื่อม ร่างกายบาดเจ็บแต่มีแรงเล่นหมากรุกได้แสดงว่า อาการคงไม่หนักมาก ถ้าฉันส่งตัวเธอกลับสถานทูตตอนนี้ก็คงไม่เป็นไรมั้ง ” คนตัวใหญ่พูดออกมาอย่างเย็นชาเหมือนไม่อนาทรต่ออาการหนักหนาของคนเจ็บเลยแม้แต่น้อยทำให้คนฟังที่ก้มหน้ากลับมายังกระดานหมากรุกเบิกตากว้างจากอารามตกตะลึงและร้อนใจในคราวเดียว

...หล่อนไม่มีญาติพี่น้องในอิตาลี และไม่เหลือใครอีกแล้วในประเทศไทย สิ่งเดียวที่หล่อนยึดเป็นสรณะต่อลมหายใจมีเพียงภารกิจของพ่อ หากส่งตัวไปสถานทูตและแจ้งความดำเนินคดีต่อคนผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นคิดหรือว่าหล่อนจะมีโอกาสรอดออกมาได้อีก...

“ ทำไมต้องรีบส่งเธอไปสถานทูตด้วยล่ะครับ ”

เสียงอันคุ้นเคยของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นเป็นภาษาอิตาลีที่ทำให้อเล็กซิสต้องหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นฟาบิโอเองที่กระหือกระหอบเข้ามาค้านถึงในห้องพักฟื้นก็หลุดยิ้มบางออกมา

“ ก็เธอเป็นพลเมืองของทั้งอิตาลีและไทย ในเมื่อเธอบาดเจ็บสาหัญขนาดนี้ย่อมต้องมีคนร้าย เพราะฉะนั้นส่งเธอไปให้สถานทูต เดี๋ยวสถานทูตก็ช่วยเหลือไปตามความเหมาะสมเองแหละ ”

“ แต่เธอความจำเสื่อมนะครับ เธอยังจำอะไรไม่ได้แม้แต่ตัวเองเลย แล้วเชื่อผมเถอะว่า ถ้าเรื่องไปถึงตำรวจจริงๆ ตำรวจเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ต้องให้เวลาพักฟื้น ในเมื่อมันจะเป็นแบบนั้นทำไมเราไม่ให้เธอพักฟื้นที่นี่ล่ะครับ พอเธออาการดีขึ้น จำอะไรขึ้นมาได้บ้างค่อยพาเธอไปส่งสถานทูตก็ได้ ”

“ ที่นี่เป็นฟาร์มเลี้ยงม้า ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ถ้าอยากจะช่วยก็ควรส่งเธอไปในที่ที่เธอควรอยู่มากกว่า ”

โนอาห์เดินตามมาสมทบกอดอกมองสองชายหนุ่มที่กำลังสนทนากัน ฝ่ายหนึ่งร้อนลนจนเห็นชัด ส่วนอีกคนนั้นนิ่งสงบก็ถอนหายใจแล้วจึงก้าวต่อไปยังคนทั้งคู่

“ ผมคิดว่าบอสควรให้เธอพักฟื้นที่นี่ เพราะจากสภาพเธอตอนนี้อย่าว่าแต่เดินทางเลย แค่ทำกิจวัตรประจำวันยังลำบาก ถ้าให้เธออยู่ที่นี่ไปจนกว่าจะอาการดีขึ้นบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรหรอกครับ ” แพทย์หนุ่มออกเสียงสนับสนุนเต็มกำลังแต่มีนัยยะแฝงเร้นทำให้ผู้เป็นนายละสายตาจากเลขานุการตัวเองไปทางผู้พูดก่อนจะเหลียวกลับไปยังคนเจ็บที่ยังเล่นหมากรุกต่อไปเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่มือที่เคลื่อนหมากกลับสั่นเทา

ในบรรดาชายหนุ่มทั้งสามมีเพียงอเล็กซิสที่ยืนชิดขอบเตียงเท่านั้นที่สังเกตเห็น แต่เขากลับยังไม่พูดอะไรเพียงแค่ยื่นมือไปช่วยเดินหมากให้เท่านั้น

“ เธออยากพักฟื้นที่นี่หรือเปล่า ” ในที่สุดหลังจากเดินหมากสลับข้างเพียงคนเดียวอยู่สักพักเขาก็เอ่ยคำนั้นออกมา

นีนนาราชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาที่ชะโงกมาตรงหน้าก็ก้มหลบกลับมาจ้องยังกระดานหมากรุกที่บัดนี้หมากสีขาวถูกหมากสีดำกลืนกินจนรุกฆาตไปหมดสิ้น

“ ฉันจะให้เธอพักฟื้นที่นี่ก่อนก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องเล่นหมากรุกชนะผู้ชายคนนั้นก่อนนะ ” พอพูดจบก็ชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตลายตาราง จากนั้นก็เดินเข้าไปตบบ่าชายผู้นั้นให้คนเจ็บได้เห็น

ในบรรดาคนงานในฟาร์มทั้งหมดที่เขาเคยเล่นหมากรุกด้วยมา มีเพียงฟาบิโอที่พอจะสู้กันได้สูสี แม้สุดท้ายเขาจะเป็นฝ่ายชนะหากนั้นการต่อสู้กันอย่างสนุกทำให้เขารู้ว่า ไม่ใช่คนที่ใครจะโค่นได้ง่ายๆ

ฟาบิโอมองหน้าเจ้านายของตัวเองอย่างตื่นตะลึง...ไม่ใช่เพราะการแข่งหมากรุกหรอกที่ตกใจ หากแต่เป็นการที่เจ้านายเลือกใช้สิ่งที่เขาเก่งและถนัดที่สุดมาเป็นเงื่อนไขให้คนเจ็บเอาชนะเพื่อให้ได้พักฟื้นที่นี่ต่อต่างหากที่ทำให้เขาคาดไม่ถึง

“ คุณอเล็กซ์ครับ คุณอเล็กซ์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝีมือการเล่นของเธอเป็นยังไง เธอเล่นถูกหรือตามกฎกติกาหรือเปล่าก็ไม่รู้แล้วจะให้ผมแข่งกับเธอได้ยังไงครับ ”

“ ฉันจะให้นาบาสมาดูตอนนายแข่ง ถ้าฉันรู้ว่านายออมมือให้ผู้หญิงคนนั้นล่ะก็ นายคงรู้ชะตาตัวเองดีนะว่าจะเป็นยังไงต่อไป ”

อเล็กซิสทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มกว้างทำเหมือนไม่ได้ยินคำทัดทานก็หมุนตัวเดินออกจากห้องพักฟื้นไป ปล่อยให้ฟาบิโอกับโนอาห์สบตากันก่อนที่ต่างฝ่ายจะยกมือกุมขมับ

...คราวนี้จะเอายังไงกันดีล่ะเนี่ย...



ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2555, 21:44:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2555, 21:44:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1659





<< บทที่ ๒   บทที่ ๔ >>
Auuuu 25 มี.ค. 2555, 22:23:18 น.
งานเข้านางเอกเลยทีนี้
เพราะถ้านางเอกแพ้ ก็ไม่ได้พักที่นี่ แต่ถ้าชนะ ก็รู้ว่านางเอกเก่ง
งานเข้าแน่ๆๆๆๆๆ สู้ๆๆนะนางเอก


violette 25 มี.ค. 2555, 22:35:30 น.
โอ๊ซซซซซซว ลุ้นค่า
สู็ๆนะคะคุณปาณณิศา
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก ค่ะ (จองจำดวงใจก็ชอบมากนะคะ อิอิ


lovemuay 26 มี.ค. 2555, 05:58:35 น.
เย็นชาจังเลยนะ คุณพระเอก ถ้าทิ้งเค้าจริงๆ แล้วจะเสียใจนะเอ้อ อิอิ


Zephyr 26 มี.ค. 2555, 19:39:08 น.
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็งานเข้าทั้งนั้น
เลือกเปิดตัวหรือเลือกเดินจากไป เอ้า คิดซะ นีนนารา


konhin 27 มี.ค. 2555, 07:38:50 น.
เลือกสู้แน่นอนนนนน แต่จะสู้ยังไง


Edelweiss 27 มี.ค. 2555, 22:50:48 น.
พระเอกแอบกวนนะเนี่ยยย


อริสา 29 มี.ค. 2555, 06:58:52 น.
ชอบจังเลย มีให้ลุ้นตลอด สู้ต่อไปนะคะไรเตอร์


ling 29 มี.ค. 2555, 12:36:54 น.
มาดเยอะจิงเลยพระเอกเรา อิอิ


วนัน 24 เม.ย. 2555, 14:25:18 น.
มาดูคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account