The Promise...สัญญาใจ สัญญารัก(สนพ.อิงค์)
“สัญญานะพี่มาร์คว่าจะกลับมา เอาเรือลำใหญ่ๆ มารับอลิสด้วยนะ อลิสอยากนั่งเรือไปดูดอกไม้สวยๆ”

เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่เกี่ยวก้อยเป็นคำมั่นสัญญากับเด็กชายวัยเก้าขวบยังคงอยู่ในความทรงจำของชญานิศไม่เคยจาง หล่อนมักฝันถึงเรื่องราวชีวิตวัยเด็กในสถานเด็กกำพร้าเสมอ พร้อมกับความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเด็กชายคนนั้นจะกลับมาหาหล่อนตามคำสัญญาที่มีให้กัน

กระทั่งหล่อนได้พบกับกรวิชญ์สถาปนิกหนุ่มแสนกะล่อนและเจ้าชู้

เขาจ้างหล่อนมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราวเพื่อคุมความประพฤติหลานชายตัวแสบ ไม่ให้เข้ามาก่อกวนชีวิตโสดของเขา เพราะเหตุนี้นี่เองชญานิศจึงรับรู้ว่าแท้จริงแล้ว...กรวิชญ์คือพี่มาร์คในความทรงจำของหล่อน !


หากเขายังจำอลิสตัวน้อยได้อยู่อีกเหรอ ในเมื่อตอนนี้...เขาเห็นหล่อนเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กเฉิ่มๆ คนหนึ่งก็เท่านั้น


Tags: เด็ก,เจ้าชู้,สรัน,น่ารัก,สถาปนิก,เปิ่น,ยิปซี,สัญญา

ตอน: บทที่ 3

บทที่ 3



เสียงเล็กแหลมร้องเรียกกรวิชญ์ว่า ‘พ่อ’ ดังลั่นบริเวณชั้นล่างของคอนโด ภาพของสาวๆ ที่หยุดทำภารกิจทุกสิ่งอย่างจับจ้องมาทางเขาเป็นตาเดียวกันเล่นเอากรวิชญ์หน้าแดงหูแดง ความโมโหวิ่งพล่านไปทั่วสรรพางค์กายต้องโทรศัพท์เรียกนภนัยให้ช่วยมารับนางแบบสาวไปส่งที่บ้าน ก่อนลากเด็กผู้ชายแปลกหน้าที่บังอาจเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ต่อหน้าสาธารณชนเข้าไปในห้องพักด้วยกัน

จับนั่งลงบนโซฟายาวกลางห้อง ขณะที่ตัวเองยืนเท้าสะเอวมองเด็กอย่างเคร่งเครียด

ไม่แปลกที่ภายในห้องยามนี้ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ ไม่มีใครเอ่ยคำใดนำพามาซึ่งความอืดอัดแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ

กรวิชญ์ยังคงจับจ้องมายังเด็กน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเคืองขุ่น ในหัวสมองมีคำถามมากมายตีปนกันมั่วไปหมด สับสนด้วยที่จู่ๆ ก็มีเด็กแปลกหน้าโผล่มาหาเขาที่คอนโด แถมยังเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ เต็มปากเต็มคำทั้งที่ผ่านมาเขามั่นใจว่าป้องกันอย่างดี ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้แน่นอน

ยังดีที่เวลานั้นโรสยังเมามายไม่ได้สติ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องปวดหัวยิ่งกว่านี้ หากสายตาของสาวๆ ในคอนโดต่างหากที่ทำให้กรวิชญ์รู้สึกอับอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี !

ก็เขาจะเป็นพ่อคนได้ยังไงกันเล่าในเมื่อยังไม่เคยเห็นหน้าเด็กคนนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ร้องเตือนว่ามีคนโทร.เข้ามาทำให้กรวิชญ์เลิกสนใจเด็กบนโซฟาชั่วขณะ หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง ก่อนกดรับสายกรอกเสียงใส่โทรศัพท์เสียงขุ่นอยู่ในที “ฮัลโหล”

“เจออเล็กซ์รึยังกร” คนในสายทักเสียงใสกลับมา

และนั่นทำให้คนรับสายชะงักเล็กน้อย ต้องมองเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏบนหน้าจอให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด “พี่ฝัน...นั่นพี่ฝันใช่รึเปล่า”

ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ พาลคิดไปต่างๆ นานาหวังว่าจะไม่ใช่แม่เด็กบนโซฟาโทร.มาอาละวาด

แต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายก็ต้องถูกไล่ออกจากหัวสมองเมื่อได้ยินคนในสายหัวเราะกลับมา “อะไรกันเรา นี่เราไม่ได้คุยกันนานมากจนจำเสียงพี่ไม่ได้แล้วรึไง เผอิญพี่เปลี่ยนเบอร์ใหม่น่ะ หวังว่าคงไม่ทำให้เสียขวัญนะจ๊ะ”

“โธ่...พี่ฝัน ผมตกใจหมดเลยครับพี่”

คนน้องถึงกับหายใจทั่วท้อง กรวิชญ์จำเสียงญาติผู้พี่ได้หากเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาต่างหากที่ทำให้เขาลังเล โล่งอกที่เซนส์ยังดีอยู่ “เอิ่ม...เผอิญตอนนี้มีเรื่องแปลกๆ นิดหน่อยเลยทำให้ผมเสียเซลฟ์น่ะพี่ แล้วนี่พี่ฝันอยู่ที่ไหนครับเนี่ย อย่าบอกนะว่ากลับมาเมืองไทยแล้ว”

“เกือบถูกจ้ะ พี่กลับมาแล้วและไปแล้ว”

“ไปแล้ว ?” กรวิชญ์ทวนคำอย่างงงๆ นี่กรณิกาไม่ได้มาเมืองไทยนานจนพูดไม่รู้เรื่องหรือเขาเองที่ฟังไม่รู้เรื่องกันแน่เนี่ย

กรณิกานั้นเป็นญาติผู้พี่ของกรวิชญ์ หลังจากที่แต่งงานกับหนุ่มชาวอเมริกันไปได้หกปีก็ย้ายพำนักพักพิงไปอยู่ที่ต่างประเทศบ้านเกิดของสามี นานครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย หากหลายปีแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ติดต่อกับหญิงสาวผู้นี้เลยอาจเป็นเพราะต่างคนก็ต่างวุ่นกับเรื่องของตัวเอง รวมถึงกรวิชญ์เองไม่ได้สนิทกับกรณิกาเท่าไหร่นักหรอก

“พี่ยังไม่ทันกลับอเมริกาหรอกจ้ะ ตอนนี้กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องอยู่น่ะ” กรณิกาเอ่ย

ได้ยินเสียงเรียกผู้โดยสารแทรกเข้ามาในสายกรวิชญ์ถึงเพิ่งร้องอ้อ ที่แท้ญาติผู้พี่ก็อยู่ที่สนามบินนั่นเอง

“ทีแรกพี่แวะไปหาเราที่คอนโดแล้วล่ะ นั่งรออยู่นานเลยทีเดียวแต่เราไม่กลับมาเสียที โทรไปเราก็ไม่รับพี่เลยต้องตัดใจทิ้งอเล็กซ์ไว้ จริงสิ ตกลงเจออเล็กซ์แล้วใช่มั้ย”

“อเล็กซ์ ?” ชื่อของใครอีกคนทำให้กรวิชญ์นิ่วหน้าเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากรณิกาถามเขาเรื่องนี้ตั้งแต่โทร.มาแล้ว “ใครกันครับอเล็กซ์ ตั้งแต่ผมกลับคอนโดมาเห็นมีแต่...”

ว่าแล้วเหลือบมองไปยังเด็กแปลกหน้าที่ยังคงนั่งหน้าสลดอยู่บนโซฟา

พินิจมองเด็กหน้าลูกครึ่งฝรั่งอยู่ครู่ ครานั้นเองที่ญาติผู้น้องรู้สึกคุ้นหน้าเด็กตรงหน้าขึ้นมาทันตา เริ่มจับต้นชนปลายถูกเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก “ให้ตายสิ...เดี๋ยวนะพี่ฝัน อเล็กซ์ที่พี่ว่าคือเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่หอบกระเป๋าเป้สีแดงลายอุลตร้าแมนมาด้วยรึเปล่า”

“ก็ใช่น่ะสิ นี่อย่าบอกนะว่าจำหลานไม่ได้”

กรวิชญ์เกือบตอบไปแล้วว่าใช่ หากยั้งปากไว้ทันเลยอ้อมแอ้มเอ่ยว่า “พี่ไม่ต้องมาต่อว่าผมเลย พี่พาหลานมาให้ผมเห็นหน้าบ่อยเสียที่ไหน ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าตอนนั้นอเล็กซ์ยังแบเบาะอยู่เลย โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”

คนที่ได้ยินชื่อตัวเองกระโดดเข้ามาในหัวข้อสนทนาในที่สุด จากที่นั่งซึมกลับยักคิ้วกวนๆ มาให้น้าชาย ไม่วายแลบลิ้นปลิ้นตามาให้เลยถูกกรวิชญ์มองมาอย่างคาดโทษ ขณะที่แม่เด็กส่งเสียงมาตามสาย “พี่ฝากอเล็กซ์ไว้กับเราสักพักนะ เผอิญสามีพี่ประสบอุบัติเหตุนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะจ้ะ เราก็รู้ว่าครอบครัวพี่มีกันอยู่สามคน สามีพี่เจ็บหนักขนาดนี้พี่เป็นภรรยาก็ต้องดูแล ช่วงนี้พี่เลยไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลอเล็กซ์เหมือนอย่างเคยเลย แต่จะให้พี่ทิ้งลูกพี่ให้อยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ ก็เป็นห่วง”

“พี่ฝันจะทิ้งอเล็กซ์ไว้กับผม ?” ความคิดที่จะเอาคืนหลานตัวแสบหยุดกึก ร้องถามเสียงหลง เพราะเหตุผลหลังๆ ที่ญาติผู้พี่ร่ายยาวมานั้นเขาแทบไม่ได้ฟังแล้ว

กรณิกายังคงเอ่ยต่อราวกับเสียงหลงของผู้น้องเป็นเพียงลมพัดผ่านหู “ไม่ต้องห่วงนะเรา พี่ฝากอเล็กซ์ไว้ไม่นาน เอาไว้สามีพี่พอจะดูแลตัวเองได้แล้วพี่จะมารับอเล็กซ์กลับอเมริกาเอง ช่วยพี่หน่อยนะกร ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกพี่ไว้ที่เราให้เป็นภาระเลยแต่ญาติพี่คนอื่นๆ ไม่มีใครว่างที่จะดูแลอเล็กซ์สักคน”

ได้ยินอีกฝ่ายพยายามหาเหตุผลร้อยแปดมายัดเยียดให้เขาดูแลลูกของหล่อนแล้ว กรวิชญ์ได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้า แล้วใครบอกญาติผู้พี่กันเล่าว่าเขามีเวลาว่างมากพอมาดูแลอเล็กซ์เช่นกัน

จะปฏิเสธออกไป หากไม่ทันอีกฝ่ายที่ชิงสวนกลับมา “งั้นแค่นี้ก่อนนะกรพี่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ขอบใจมากนะจ๊ะ”

กรณิกาตัดบทวางสายอย่างรวดเร็วเล่นเอากรวิชญ์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ญาติผู้พี่วางสายไปแล้วแต่เขายังคงถือสายค้างอยู่อย่างนั้น

ตั้งสติได้จึงกดไล่ดูเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.เข้ามา แล้วต้องสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเห็นกรณิกาโทร.มาหาเขาก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ ! วันนี้มันกำเวรอะไรของเขาเนี่ย ถ้ารับสายทันตั้งแต่ทีแรกคงปฏิเสธญาติผู้พี่ไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทนรับสภาพจำยอมแบบนี้หรอก

กรวิชญ์หันหาคนตัวเล็กบนโซฟาที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนั่งกอดอก หน้ามุ่ยขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ล้อเล่นแค่นี้ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยก็ไม่รู้”

“ว่าไงนะ” น้าชายร้องถามอย่างงุนงง ไม่แน่ใจว่าหูฝาดรึเปล่าที่ได้ยินเด็กพูดเช่นนั้น

อเล็กซ์กระโดดผลุงลงจากโซฟา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้เย็นน้าชายหาของกิน “ผมมารอน้าตั้งแต่เย็นแล้วนะฮะ ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่างนอกจากขนมปังแผ่นเดียวที่แม่ซื้อมาจากร้านเซเว่น ใจคอน้าจะไม่หาอะไรให้ผมกินบ้างเลยรึไง”

หลานชายบ่นโอดครวญเป็นชุด ร้อนถึงน้าชายดึงคนตัวเล็กออกห่างอย่างรำคาญๆ ก่อนเข้าไปยืนแทนที่

พยายามมองหาของกินเล่นในตู้เย็นที่พอจะช่วยประทังท้องเด็กหิวโซ แล้วต้องส่งช็อกโกแลตแท่งให้เด็กชิ้นหนึ่งเผื่อจะอุดปากเด็กปากเสียได้บ้าง ปกติเขาไม่ค่อยทานของแสลงพวกนี้เท่าไหร่ แต่ที่มีติดตู้เย็นเพราะฟ้างามเอามาให้นั่นแหละ

อเล็กซ์รับมาแกะทานที่โซฟาตัวเดิม ขณะที่กรวิชญ์ตามมานั่งข้างกาย จับจ้องมายังคนตัวเล็กนิ่งคล้ายครุ่นคิดถึงการจัดการกับหลานชายตัวแสบ

คนที่กำลังเอ็ดอร่อยกับช็อกโกแลตคงรู้ตัวเลยเอ่ยขึ้นมาฝ่าความเงียบว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นข้างล่างถ้าทำให้น้าโมโหผมขอโทษนะฮะ แต่ผมแค่แกล้งเล่นนิดเดียวเอง น้าอย่าซีเรียสไปหน่อยเลยน่ะ”

“เหรอ ?” กรวิชญ์เขกศีรษะหลานชายให้ทีด้วยความหมั่นไส้ เรียกพ่อเสียดังลั่นขนาดนั้นยังมีหน้ามาบอกว่าแกล้งเล่นนิดเดียวอีกนะเจ้าตัวแสบ !

ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ สีหน้าเหยเกของหลานชายนั้นเรียกรอยยิ้มขันจากน้าชายได้หน่อย โยกศีรษะคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู สงสัยเขาคงต้องให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง


****************

“ตายซะเถอะไอ้ซอมบี้ ปิ้วๆๆๆ”

เสียงเล็กแหลมของหลานชายวัยแปดขวบที่พยายามจัดการเหล่าบรรดาผีดิบในโทรทัศน์ทำให้คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พกพาถึงกับกุมขมับ

“เล่นเกมบาๆ ได้มั้ยอเล็กซ์ น้ากำลังทำงานอยู่” กรวิชญ์หันไปปรามหลานชายเสียงเข้ม ก่อนกลับมามีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานออกแบบตรงหน้า เป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว !

กรวิชญ์รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริงๆ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนหลานชายที่คอนโด เมื่อคืนกว่าเขาจะนอนหลับเป็นสุขได้เล่นเอาเมื่อยไปทั้งตัว กรวิชญ์อุตส่าห์แบ่งเตียงครึ่งหนึ่งให้หลานชายนอนร่วมห้อง หากอเล็กซ์เอาแต่พลิกตัวไปมา นอนป่ายตะกายจะเอาขาพาดบนตัวเขาท่าเดียวจนเขาต้องอเปหิตัวเองออกมานอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ตื่นเช้ามาหลานชายตัวแสบยังกวนเขาตลอดเวลา ชวนน้าชายเล่นตำรวจจับผู้ร้ายบ้างล่ะ กระโดดโลดเต้นไปทั่วห้อง ดีดเปียโนในห้องเขาเล่นเสียงดังแสบแก้วหู ร้อนถึงน้าชายต้องควานหาเกมเพลย์ให้หลานเล่นแก้เหงาเผื่อจะสร้างความสงบสุขให้กับชีวิตเขาได้บ้าง

หากทุกครั้งที่กรวิชญ์พยายามตั้งสติ ไม่สนใจหลานชายที่เล่นเกมอยู่หน้าโทรทัศน์ อเล็กซ์ก็จะส่งเสียงเอะอะโวยวายลั่นห้อง ทำลายสมาธิเขาจนหมดสิ้น !

“เยส ชนะแล้ว ผมเล่นชนะแล้วฮะน้ากร”

อเล็กซ์กระโดดร้องร่าด้วยความดีใจขึ้นมาอีกรอบและนั่นทำให้ผู้เป็นน้าถอดใจจากงานตรงหน้า รู้ตัวดีว่าขืนนั่งทำงานต่อมีหวังได้หมกเด็กลงชักโครกแน่นอนจึงลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ถ้าได้นอนสปาในอ่างอาบน้ำสักพักคงช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

จะกลับเข้าไปในห้องนอนหากเพียงแค่ก้าวพ้นประตู กรวิชญ์ต้องชะงักฝีเท้าพลัน

เบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อสภาพห้องนอนที่เคยสะอาดตา ยามนี้เละเทะไม่ต่างจากเพิ่งผ่านศึกสงคราม ! ไม่ว่าจะที่นอนที่ยับย่นเห็นเป็นรอยเท้าเด็กย่ำไปทั่วบนผ้าปูที่นอน แล้วไหนจะหมอนหนุนและหมอนข้างทั้งหลายของเขาที่หล่นลงมากองที่พื้นข้างเตียง กระจายเกลื่อนพื้นห้องเต็มไปหมด

“อเล็กซ์นะอเล็กซ์...” เอ่ยได้เท่านั้นก็ถอนใจยาวออกมาอย่างอ่อนใจ

กรวิชญ์ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือหลานชายตัวแสบแน่นอนจึงก้มเก็บหมอนขึ้นเตียง ตั้งท่าจะทำความสะอาดห้องใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่แล้ว...เมื่อกรวิชญ์เงยหน้ามองภาพถ่ายตัวเองที่ใส่กรอบอย่างดีแขวนเด่นตระหง่านบนฝาผนังห้องเหนือหัวเตียง เขาต้องอ้าปากค้าง ตะลึงกับภาพตัวเองที่มีรูปตัวการ์ตูนลงด้วยปากกาหมึกดำละเลงเต็มพื้นหลัง ไม่วายคนวาดยังเติมหนวดเคราดกหนาตามริมฝีปากและคางราวกับต้องการสร้างศิลปะชิ้นเอกบนใบหน้าของเขา แถมยังมีเขางอกบนศีรษะเขาอีก !

‘ภาพศิลปะชิ้นเอก’ ตรงหน้าทำให้กรวิชญ์ถึงกับควันออกหู จากที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับกลายเป็นความโมโหเดือดพล่าน

ไม่นึกว่าเพียงแค่เขาใช้เวลาอยู่กับงานไม่นาน ลูกชายของญาติผู้พี่จะแสดงฤทธิเดชได้มากมายถึงเพียงนี้ ! สาวเท้าตรงดิ่งไปยังหลานชายที่นั่งเล่นเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น

อเล็กซ์นั้นกำลังเมามันส์กับการไล่ยิงผีดิบนับพันตัวในจอโทรทัศน์ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของหลานชายยิ่งกระตุ้นต่อมคนโมโห กระโจนเข้าหา “อเล็กซ์ !”

“เมื่อกี้ผมเล่นชนะแล้วนะฮะน้า น้ามาเล่นกับผมสะ...”

“มานี่เลยเจ้าตัวแสบ” ไม่ฟังเสียงกรวิชญ์ก็กระชากคนตัวเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ ลากเข้ามาในห้องนอนพร้อมกันก่อนชี้ไปยังสภาพห้องนอนที่เละเทะตรงหน้า “ทั้งหมดนี้ฝีมือเราใช่มั้ย !”

ครานั้นเองที่อเล็กซ์เงียบกริบ ยืนตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นสภาพห้องเป็นแบบนั้น

“น้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าจะอยู่ด้วยกันต้องไม่ดื้อ ไม่ซน แล้วนี่อะไร ยังไม่ท้นพ้นวันสภาพห้องนอนน้าก็เป็นแบบนี้แล้ว”

คนตัวเล็กตรงหน้าไม่ปฏิเสธหรือยอมรับแต่กลับหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาผู้ใหญ่

พอเห็นหลานชายไม่พูดอะไรสักคำผู้เป็นน้าเลยกอดอกมองตำหนิ พยายามควบคุมอารมณ์โกรธไว้ไม่ให้พลั้งปากด่า “ทำไมเราถึงได้ซนแบบนี้ฮึอเล็กซ์ น้าอุตส่าห์ลางานมาอยู่กับเรา แทนที่จะทำตัวดีๆ ให้น้าได้ชื่นใจ พ่อแม่เราเคยสั่งเคยสอนบ้างรึเปล่าว่าให้เกรงใจคนอื่นเขา หรือว่าสอนแล้วไม่จำ จัดห้องให้น้าใหม่เดี๋ยวนี้อเล็กซ์ เอาให้เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นน้าจะโทร.ไปบอกแม่ให้มารับตัวเรากลับไปเดี๋ยวนี้ !”

อเล็กซ์ยังคงนิ่งเงียบคล้ายต่อต้าน อาการรั้นขึ้นมาเสียดื้อๆ นั้นทำให้กรวิชญ์โมโหหนักกว่าเก่า หันหน้าเด็กให้เผชิญหน้า หากทว่า...วินาทีนั้นกรวิชญ์กลับใจหายวาบเมื่อเห็นแววตาเล็กคู่นั้นแดงระเรื่อ

“อเล็กซ์...” เผลอครางชื่อหลานชายออกมาด้วยเสียงแหบพร่า น้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อคลอเบ้าทำให้น้าชายหน้าซีดเผือด นะ...นี่เขาทำเจ้าตัวแสบร้องไห้อย่างนั้นเหรอเนี่ย

จะเช็ดน้ำตาให้เด็กหากอีกฝ่ายกลับถอยหนี สะบัดมือน้าชายออก “น้ากรใจร้าย !”

อเล็กซ์ตะโกนใส่หน้าเขาก่อนวิ่งร้องไห้โฮออกจากห้องไปเล่นเอากรวิชญ์ใจตกไปที่ตาตุ่ม งุนงงมากกว่าที่ตัวเองกลับกลายเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น !

ตั้งสติอยู่ครู่ก็วิ่งตามคนตัวเล็กออกไป “อเล็กซ์ ! กลับมานี่เดี๋ยวนี้ ทำผิดแล้ววิ่งหนีแบบนี้ได้ไง เป็นลูกผู้ชายรึเปล่า”

“น้าไม่ต้องมายุ่งกับผมเลย จะไปไหนก็ไป !” ไม่เพียงตะโกนไล่หลานชายยังวิ่งหายเข้าไปในลิฟต์

ประตูลิฟต์ปิดใส่หน้าร้อนถึงคนที่ตามหลังมากดเรียกลิฟต์รัวเป็นชุดแล้วต้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพิ่งรู้สึกว่าลิฟต์บริการไม่ทันใจก็ตอนนี้เองทั้งที่มีตั้งหลายตัว

ไม่นานกรวิชญ์ก็โผล่มายังชั้นล่างของคอนโด ชะลอฝีเท้าเล็กน้อยมองซ้ายแลขวาเผื่อจะเห็นคนตัวเล็กหลบอยู่แถวนั้น แต่แล้วร่างเล็กๆ ที่เพิ่งวิ่งพ้นหัวมุมตึกไปทำให้กรวิชญ์ต้องเร่งฝีเท้าตาม ประจวบเหมาะกับที่มีเสียงใครบางคนเรียกรั้งไว้

“อ้าวกร ! ลงมาทำอะไรข้างล่าง ฉันกำลังจะขึ้นไปหานายที่ห้องพอดีเลย”

นภนัยนั่นเองที่เพิ่งเข้ามาในคอนโด โบกมือไหวๆ เรียกเพื่อนหากเวลานี้กรวิชญ์ไม่มีเวลามาคุยกับเพื่อนนักหรอก เลยสวนกลับไปว่า “นายรออยู่นี่ก่อน ถ้าเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วิ่งผ่านมาทางนี้เมื่อไหร่จับตัวไว้ด้วย เดี๋ยวฉันไปหาทางโน้น”

“เฮ้ย เด็กอะไรวะ นี่ฉันตั้งใจจะมาบอกนายเรื่องกติกาประมูล...”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน รออยู่ตรงนี้ล่ะ” กำชับเพื่อนเสร็จกรวิชญ์ก็วิ่งหายไปยังด้านหลังของคอนโดทันควัน เล่นเอาคนที่ตั้งใจจะมาบอกข่าวเรื่องการประมูลงานออกแบบห้างสรรพสินค้าเกาศีรษะแกรกๆ งุนงงในพฤติกรรมแปลกๆ ของเพื่อน


***************

นภเกตน์จ่ายเงินค่าโดยสารให้คนขับมอเตอร์ไซค์ก่อนเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านจัดสรรสองชั้นหลังหนึ่งในช่วงเย็นของวัน รถของพี่ชายที่จอดนิ่งสนิทอยู่ในโรงจอดรถสร้างความประหลาดใจแก่นักศึกษาสาวไม่น้อย ยิ้มเผล่เข้ามาในบ้าน

นภนัยนั้นกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น เป็นนภเกตน์ที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างกายพี่ชาย แซวเสียงใส “สงสัยวันนี้หิมะจะตกเมืองไทย พี่ชายเรากลับบ้านเร็วผิดปกติ”

“นี่แกยังทำงานที่ร้านอาหารไทยโบราณนั่นอยู่อีกเหรอ ฉันนึกว่าพอเพื่อนถูกไล่ออกไปแล้วแกจะเลิกทำเสียอีก”

นภนัยไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องน้องสาวดื้อๆ คนถูกถามกลับมาแทนเลยยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ชินแล้วที่พี่ชายมักทำเป็นหูทวนลมเสมอเวลาไม่อยากตอบคำถาม

“น้องกับนิศไม่ได้ตัวติดกันเสียหน่อยนะพี่นภถึงได้ไปไหนไปกันเสียทุกเรื่อง”

“ก็ดีแล้วที่แกรู้จักทำงานหาเงิน” นภนัยตอบเสียงห้วนอยู่ในที

เป็นผู้น้องที่มองหน้าพี่ชายอย่างไม่เชื่อหู ปกติไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับน้องสาวนภนัยมักเทศนายาวจนหูชา มาแปลกที่วันนี้ดูประหยัดคำพูดพิกล เหมือนไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครยังไงยังงั้น

นั่นแหละเลยถูกพี่ชายผลักศีรษะออกห่าง “ไม่ต้องมาจ้องหน้าฉันอย่างนั้นเลยเจ้าเกตน์ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ อยากโดนไล่ตะเพิดรึไง”

นภเกตน์ปัดมือพี่ชายออกอย่างรำคาญๆ เพิ่งเห็นว่าคนข้างกายดูอ่อนระโหยผิดกว่าทุกวัน ตามหน้าผากและใบหน้ายังมีเหงื่อซึมอยู่เลย “ไปทำอะไรมาเนี่ยพี่นภ เหงื่อแตกพลั่กเชียว”

“ไปวิ่งไล่จับเด็กมา” คนพี่ตอบอย่างหัวเสีย

“วิ่งไล่จับเด็ก ? เด็กที่ไหนกันพี่นภ หรือว่า...พี่ไปทำใครท้อง”

“จะบ้าเหรอเจ้าเกตน์ !” นภนัยเขกกะโหลกคนสันนิษฐานเข้าให้ทีอย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงโอยจากน้องสาวดีนักเชียว “เด็กที่ฉันพูดถึงคือหลานชายของกรมันต่างหาก เผอิญญาติมันมาทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยงชั่วคราวแล้วฉันดันซวยโผล่ไปหามันตอนที่หลานหายพอดี”

นภนัยร่ายยาวให้น้องสาวฟังก่อนพิงหลังกับโซฟาอย่างคนหมดสภาพ ภาพของอเล็กซ์ที่วิ่งหนีเขากับกรวิชญ์เสียรอบคอนโดยังติดตาจนต้องพ่นลมหายใจออกมาดังพรืด ในที่สุดก็หยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์

ที่จริงแล้วเขาเพิ่งกลับถึงบ้านก่อนหน้าน้องสาวมาไม่นานนี้เอง ว่าจะนั่งเอนกายบนโซฟาดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อยให้หายเหนื่อยเสียหน่อย ที่ไหนได้ยังต้องมาปวดหัวกับนภเกตน์อีก

“โห...พี่กรเลี้ยงเด็กเป็นด้วยเหรอ สเปกน้องเลยนะ หล่อก็หล่อ ทำอาหารก็เก่ง เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนจัง”

“พ่อบ้านพ่อเรือนกับผีสิเจ้าเกตน์ แกไม่รู้อะไรว่านั่นมันแค่เปลือกภายนอกที่กรมันฉาบไว้หลอกสาวๆ นายนี่เจ้าชู้จะตาย แกอย่าไปหลงกลเชียวล่ะ”

ได้ยินพี่ชายว่ากรวิชญ์เสียยับเยินคนที่กำลังฝันหวานถึงหน้าหล่อเหลาของเพื่อนพี่ชายเลยหน้าบูดสนิท

“พี่ก็พูดเกินไป น้องไม่เห็นพี่กรจะเป็นแบบที่พี่ว่าสักนิด”
“แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอมให้แกไปยุ่งเกี่ยวกับพ่อคาสโนว่าอย่างมันเด็ดขาด ลำพังสาวในสต๊อกของมันก็ทำให้ฉันปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว รู้มั้ย ตอนนี้มันยังมีเด็กที่ไหนไม่รู้เข้ามาในชีวิตอีก แล้วแบบนี้โปรเจคจะคืบหน้ามั้ยเนี่ย” นึกถึงความวุ่นวายที่รุมเร้าเพื่อนอยู่ตอนนี้แล้วนภนัยถึงกับกุมขมับ กลุ้มใจยิ่งกว่าเรื่องที่บริษัทต้องย้ายออกจากตึกที่เช่าอยู่เสียอีก

นภนัยนั้นรู้มานานแล้วว่าบริษัทถูกเจ้าของตึกแจ้งให้ย้ายออกภายในสิ้นปีนี้ รู้พร้อมๆ กับกรวิชญ์ด้วยซ้ำ เพียงแต่รายนั้นยืนยันว่าจะเป็นคนหาที่อยู่ใหม่ให้บริษัทด้วยตัวเองเขาจึงไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้ให้กดดันเพื่อน สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือตั้งความหวังกับโครงการห้างสรรพสินค้าของบริษัทธรรมเชษฐ์เพื่อจะได้มีเงินมาจัดการปัญหาหนี้สินภายในบริษัทเสียที แล้วไหนจะยังชื่อเสียงของบริษัทที่จะตามมาหลังจากที่ชนะโครงการดังกล่าวอีกเล่า งานออกแบบมากมายก็จะหลั่งไหลเข้ามาในบริษัทไม่เว้นวัน

เงินรออยู่ข้างหน้าทั้งนั้น แต่ดูเพื่อนของเขาสิมัวแต่ทำอะไร

ขนาดวันนี้ที่คอนโดกว่าเขาจะจับตัวหลานชายตัวแสบของกรวิชญ์ได้ต้องช่วยกันไล่ต้อนอยู่หลายชั่วโมง แทนที่เขาจะได้คุยงานกับกรวิชญ์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกเลยหมดอารมณ์ขับรถกลับบ้านมาอย่างที่เห็น คิดแล้วก็เซ็งชะมัด วันนี้กลายเป็นเสียเวลาเปล่าให้คู่แข่งโดยใช่เหตุ เพราะเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวแท้ๆ !

เห็นพี่ชายสีหน้าไม่สู้ดีน้องสาวเลยพลอยทุกข์ใจไปด้วย “เอาน่ะพี่นภ คิดมากแล้วเครียดก็อย่าไปคิดถึงมันเลย น้องว่าพี่เอาเวลานี้ไปนอนหลับสักตื่นดีมั้ยเผื่อตื่นขึ้นมาสมองปลอดโปร่ง อาจจะคิดงานออกก็ได้”

นภเกตน์ปลอบใจพี่ชายได้เท่านั้นก็ทำท่าจะลุกหายไป ร้อนถึงนภนัยดึงน้องสาวให้นั่งลงดังเดิม “เดี๋ยวก่อนเจ้าเกตน์ ฉันยังพูดกับแกไม่จบ”

“อะไร เมื่อกี้เห็นยังนั่งหน้าเครียดอยู่เลย” นภเกตน์ถามอย่างนึกขันที่จู่ๆ พี่ชายก็ยิ้มออกเสียอย่างนั้น

นภนัยโอบไหล่น้องสาวเป็นเชิงประจบ “เอิ่ม...แกช่วยหาพี่เลี้ยงเด็กให้ฉันสักคนสิ ฉันต้องการให้มาดูแลหลานของไอ้กรมันช่วงนี้น่ะ”

“พี่เลี้ยงเด็ก ? ให้น้องช่วยหาเนี่ยนะ ?” น้องสาวทวนคำด้วยสีหน้างุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าตัวเองมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย

นภนัยที่อ่านสีหน้าน้องสาวออกจึงอ้อมแอ้มเอ่ยต่อว่า “ก็แกเคยเล่าให้ฉันฟังไม่ใช่เหรอว่าเพื่อนแกชอบไปสอนหนังสือให้เด็กๆ ที่สถานกำพร้า ถ้าจะให้มาช่วยดูแลหลานไอ้กรแค่คนเดียวไม่น่าลำบากอะไรมั้ง”

“หา ? พี่นภหมายถึงนิศน่ะเหรอ” คราวนี้นภเกตน์ถึงกับร้องเสียงหลง

ไม่แปลกหรอกที่นภนัยจะรู้เรื่องชญานิศดี หล่อนมักเล่าเรื่องของเพื่อนสาวให้พี่ชายฟังอยู่บ่อยๆ อย่างเรื่องที่ชญานิศถูกไล่ออกหล่อนก็เล่าให้เขาฟัง ไม่อย่างนั้นเขาจะแปลกใจที่หล่อนยังคงทำงานที่ร้านอาหารไทยโบราณเหรอ เพียงแต่ไม่นึกมาก่อนมากกว่าว่าการที่หล่อนสรรเสริญคุณงามความดีของชญานิศเรื่องรักเด็กให้พี่ชายฟัง จะทำให้เขาคิดลากชญานิศมาเกี่ยวข้อง

น้องสาวส่ายหน้าดิก “ไม่ล่ะพี่นภ เรื่องของพี่พี่ก็จัดการเองสิ มายุ่งกับน้องทำไมเล่า”

“แต่งานนี้ถ้าแกไม่ทำแล้วใครจะทำ นิศเป็นเพื่อนสนิทแกนะ”

“ใช่ ยัยนิศเป็นเพื่อนสนิทน้อง น้องถึงรู้ดีไงว่ายัยนิศเหมือนคนอื่นเสียที่ไหน รายนั้นน่ะโก๊ะกังตลอดเวลา ขืนให้ไปทำงานที่คอนโดพี่กรมีหวังได้ปวดหัวหนักกว่าเดิม”

“แต่พี่คิดดีแล้ว” นภนัยยักไหล่กวนๆ ก่อนกลับไปนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องกับตัวเอง

เขารู้ว่าชญานิศไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ศรีเรือนคอยปรนนิบัติดูแลกรวิชญ์แม้แต่น้อย แต่ยามนี้เขาต้องการพี่เลี้ยงเด็กไม่ใช่ศรีภรรยา ! ยิ่งถ้าชญานิศเป็นอย่างที่น้องสาวว่ามาจริงยิ่งดีใหญ่ เขาจะได้ไม่ต้องมีเรื่องสาวในสต๊อกเพื่อนเพิ่มมาอีกคนให้ปวดหัวเพราะชญานิศไม่ใช่สเปกของกรวิชญ์แน่นอน

คิดได้เช่นนั้นนภนัยจึงเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็นที่มุมปากทำเอาผู้น้องถึงกับขนลุกเกรียว

“งานนี้แกต้องช่วยฉันแล้วล่ะ ถ้าแกทำสำเร็จ ค่าขนมที่แกได้จากพ่อกับแม่เดือนนี้ฉันจะจ่ายให้เพิ่มอีกเท่าตัวเลย” #




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มี.ค. 2555, 19:21:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2558, 15:07:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1631





<< บทที่ 2   บทที่ 4 >>
ปอแก้ว 27 มี.ค. 2555, 22:17:19 น.
อ่านสามตอนรวดเลย สนุกดีค่ะ รอหนูนิศยามเมื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ค่ะ
อยากรู้ว่าเป็นยังไง ฮ่าาาา


สรัน 27 มี.ค. 2555, 23:35:16 น.
ขอบคุณค่าพี่ปอแก้ว ช่วยตีไข่แตกให้รัน5555 กำลังใจมา ฮืบๆ อีกไม่นานเกินรอจะได้เห็นฝีมือพี่เลี้ยงเด็กที่แสนจะชวนปวดหัวแน่นอนค่ะ555555


wane 28 มี.ค. 2555, 03:45:18 น.
ตกลงคุณหมอจะจีบนิศจริงหรือป่าวเนี่ย ..ส่งนิศเสร็จแทนที่จะอยู่รอกลับรีบออกรถเหมือนแบบดีใจที่เค้าลงจากรถไปได้ซะงั้น


สรัน 28 มี.ค. 2555, 10:00:59 น.
อุ๊บส์...คุณหมอลืมใส่แว่น เลยตกหลุม(รัก)ระยะไกลค่ะคุณ wane 555555


nunoi 28 มี.ค. 2555, 20:15:55 น.
โอ้วว พี่เลี้ยงเด็กจอมโก๊ะ เด็กจอมซน คุณอาสุดหล่อจอมเจ้าชู้
แค่คิดก็สนุกแล้ว รอตอนต่อไปจร้า


สรัน 29 มี.ค. 2555, 15:50:49 น.
ระวังจะหลงรักเด็กจอมซนแทนคุณอาสุดหล่อนะคะคุณnunoi


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account