พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก
ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 24
ตอนใหม่มาแล้วค่ะ (มาช้าไปมาก ขอโทษด้วยจ้า) ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน กดไลค์แล้วก็ทิ้งเมนท์ไว้ทักทายกันนะคะ
เอามาลงต้อนรับมหาสงกรานต์ (ล่วงหน้า) ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆกับปีใหม่ไทยนะคะ
ใครจะเดินทางไปเที่ยวก็ขอให้เดินทางทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ :)
เชิญอ่านเลยจ้าาาาา
----------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 24: เหยื่ออันแสนหวาน
ชิษวัศกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่นเมื่อถูกลูกพี่ลูกน้องอย่างกันตวิชญ์มัดมือชก แถมเป็นการมัดมือชกที่ไม่ธรรมดาเสียด้วยเมื่อมีคุณปู่รันมาเป็นข้ออ้าง! และไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ไว้ถ้าจะปล่อยให้มุกตาภาไปกับน้องชาย เขามั่นใจว่ากันตวิชญ์จะดูแลคนรักของตนได้ดี...ในสภาวะที่เจ้าน้องชายตัวดีอารมณ์เป็นปกติ ไม่ใช่กันตวิชญ์...ผู้ชายอารมณ์ร้ายและแสนเอาแต่ใจตัวเองที่บรรดาญาติพี่น้องมักเจออยู่เป็นประจำ! แต่ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เจ้าน้องชายคนนี้มันอารมณ์เป็นปกติแทบจะนับครั้งได้น่ะสิ!! แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อดเป็นห่วงมุกตาภาได้อย่างไรกัน
เมื่อตัดสินใจได้ว่าถ้าไม่ได้ยินจากปากของคุณปู่วันนี้คงไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานแน่ ชิษวัศจึงผลุนผลันออกจากห้องไปซึ่งจุดหมายปลายทางคงไม่พ้นห้องของประธานกรรมการบริษัทในเครือตตินรากรณ์กรุ๊ปที่มีคุณปู่คู่แฝดนั่งเก้าอี้เป็นประธานบริษัท โชคดีที่วันนี้คุณปู่รันเข้าบริษัท แม้จะเพียงแค่คนเดียวแต่ก็เพียงพอที่จะให้หลานชายคนโตถามไล่เรียงให้รู้เรื่องกันไปว่าท่านคิดอย่างไรถึงส่งหนูมุกให้ไปเป็นเลขาฯ (ชั่วคราว) ของเด็กเอาแต่ใจอย่างนายเกม!
ประตูห้องทำงานของคุณรันทร์ ตตินรากรณ์ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทเครือตตินรากรณ์กรุ๊ปถูกเปิดออกโดยไม่มีการเคาะประตูบอกกล่าวผู้เป็นเจ้าของห้องแม้แต่น้อย รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำอย่างนี้จะทำให้ถูกคนเป็นปู่ตำหนิหากอารามในร้อนทำให้ชิษวัศไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าคุณปู่ท่านจะว่ากล่าวอย่างไร ตอนนี้ชายหนุ่มรู้เพียงอย่างเดียวว่าตนอยากรู้เหตุผลของคุณปู่ อยากรู้ อยากรู้และอยากรู้!!
“เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงทำไมไม่เคาะประตูห้องก่อน แล้วลูกน้องที่ไหนจะให้ความเคารพในเมื่อเจ้านายทำตัวซะอย่างนี้” ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของบริษัทกล่าวตักเตือนหลานชายคนโตเสียงเรียบ ดวงตาที่มองเห็นโลกมานักต่อนักทั้งด้านมืดและด้านสว่างจ้องมองหลานชายผ่านแว่นสายตากรอบทองกรอบใหญ่
“ผมมีเรื่องจะถาม...” หากหลานชายกลับหาได้สนใจคำตักเตือนของคนเป็นปู่ไม่แต่กลับตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ทันที
“ทำผิดแล้วต้องทำยังไงเจ้าอาร์ม อย่าใจร้อนจนลืมไปว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ” คุณปู่รันได้ทีสอนหลานชายทางอ้อม แม้ชิษวัศจะแลดูเยือกเย็นที่สุดในบรรดาหลานๆ หากเมื่อยามมีเรื่องอะไรมาทำให้เจ้าหลานชายคนนี้ใจร้อน คนที่ดูสงบเยือกเย็นราวกลับน้ำแข็งก็สามารถเปลี่ยนไปคนที่ร้อนรนราวกับลูกไฟลูกโตเช่นกัน
เมื่อถูกขัดคนที่ใจร้อนก็ดูเหมือนว่าจะใจเย็นลงมาได้บ้าง ชิษวัศผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะก้าวเท้าไปใกล้กับโต๊ะทำงานของคุณปู่พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม
“ขอโทษครับที่เสียมารยาท” เมื่ออารมณ์เย็นลงหลานชายจึงกล่าวขอโทษผู้ที่สูงวัยกว่า คุณรันทร์พยักหน้าเชิงรับรู้และให้อภัยกับการกระทำนั้นก่อนจะเอ่ยปากถาม
“จะมาถามเรื่องหนูมุกใช่มั้ย” คนเป็นปู่เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน ส่วนหลานชายเมื่อถูกอีกฝ่ายมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็พยักหน้ารับเบาๆ
“ครับ”
“ปู่อนุญาตเอง อาร์มจะกังวลอะไร นายเกมก็น้องของอาร์ม ไม่ไว้ใจน้องอย่างนั้นหรือ” โดนถามอย่างนี้ชิษวัศเองก็อึ้งไปพักใหญ่ ไม่รู้จะตอบคำถามของคุณปู่ไปว่าอย่างไร มันไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่ไว้ใจกันตวิชญ์ มันก็แค่...ห่วง...มากกว่า
“ผมเป็นห่วง นายเกมยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ อารมณ์ขึ้นลงเร็วยิ่งกว่าปรอท ที่สำคัญหนูมุกยังไม่เคยร่วมงานกับเกมเลยนะครับ ผมกลัวว่าน้องจะไปแสดงอิทธิฤทธิ์แปลกๆใส่หนูมุกเข้า” คำสารภาพตามความจริงของชิษวัศทำเอาคุณปู่แฝดคนพี่หัวเราะเสียงดังลั่นห้องจนคนเป็นหลานเริ่มจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าท่านหัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำนักหรือ
“คุณปู่ขำทำไมครับ ผมเป็นห่วงจนแทบจะบ้าแล้วนะ” หลานชายคนโตขัด
“หนูมุกโตแล้วนะอาร์ม” เพราะเห็นว่าชิษวัศห่วงใยคนรักมากเกินไปคุณปู่รันจึงเริ่มสอน “ปู่รู้ว่าอาร์มเป็นห่วง แต่บางทีคนสองคนก็ต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันไว้บ้าง ถ้าใกล้กันเกินไปมันก็อึดอัดแต่ถ้าไกลกันเกินไปมันก็จะกลายเป็นห่างเหิน เพราะฉะนั้นอาร์มต้องรักษา ‘ที่ว่าง’ นั้นให้ดี อย่าให้มันใกล้หรือไกลเกินไป”
ชิษวัศนั่งนิ่งทบทวนคำพูดของคุณปู่เปรียบเทียบกับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง บางทีเขาเองก็ยอมรับว่าใจร้อนและขี้หึงไปมาก แทบไม่เคยเว้นที่ว่างระหว่างตนเองและมุกตาภาไว้เลย บางที...การกระทำเหล่านั้นอาจทำให้มุกตาภาอึดอัด และถึงแม้เธอจะอึดอัดใจอย่างไร ชิษวัศก็รู้ดีว่าผู้หญิงอย่างมุกตาภาไม่มีทางที่จะระบายความรู้สึกอึดอัดใจนั้นออกมาแน่
“ผมจะพยายามครับ” ไม่ได้ตอบรับอย่างเต็มปากแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีนั้น “แต่เรื่องนายเกม...” หากสวัสดิภาพของมุกตาภาก็ยังเป็นสิ่งที่ชิษวัศยังคงเป็นห่วงจนวางใจไม่ได้อยู่ดี
...ก็ไอ้เจ้าเกมมันเหมือนคนปกติที่ไหนกันเล่า!!...
“เจ้าเกมมันไม่แสดงอิทธิฤทธิ์กับคนอื่น อาร์มลืมไปแล้วหรือไง” คงเพราะมัวแต่เป็นห่วงจนลืมคิดไปว่าน้องชายคนเล็กแม้จะอารมณ์ร้อนและอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจแต่กันตวิชญ์ก็ไม่เคยแสดงอาการเหล่านั้นกับคนอื่นนอกจากยัยหนูน้อยไม้เบื่อไม้เมาคนนั้นคนเดียว
“นั่นสินะครับ!” ชิษวัศเอ่ยขึ้นมาอย่างโล่งอก “ผมก็มัวแต่ห่วงหนูมุกจนลืมไปว่านายเกมมันน็อตหลุดกับคนแค่คนเดียว แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เวลามันน็อตหลุดขึ้นมาคนที่อยู่ข้างๆก็พลอยโดนหางเลขด้วยเหมือนกัน” แม้จะคลายกังวลไปได้บ้างแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ในทั้งหมด ด้วยเพราะหลานๆทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ละคนจึงรู้ว่าควรรับมืออย่างไรเมื่อบรรดาพี่น้องเกิดอาการ ‘องค์ลง’ แต่กับคนที่ไม่รู้และไม่คุ้นเคยการที่จะรับมือนั้นมันก็ยากเอาการ
“ห่วงมากขนาดนี้ทำไมไม่ขอหนูมุกแต่งงานเสียเลยล่ะ จะได้หายห่วง ที่สำคัญ...” คุณรันทร์เว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “...หายหวงด้วย”
เมื่อโดนแซวกันต่อหน้าคนที่มักจะตีสีหน้าเรียบเฉยในทุกเรื่องแต่กับเรื่องความรักดันไม่เคยที่จะเก็บอาการได้เลยเมื่อใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาแดงขึ้นถนัดตา
“แล้วใครว่าผมไม่อยากขอล่ะครับ” หลานชายคนโตบอกเสียงเบา “แต่ตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดูแลหนูมุกได้ดีพอและในอนาคตข้างหน้า...ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจ” พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้คุณปู่รันถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะบ่นเบาๆตามประสาคนแก่
“ขืนรอให้พวกแกมั่นใจ ปู่กับเจ้ารินก็ไม่ได้อุ้มเหลนกันพอดีน่ะสิ” แม้จะเป็นการบ่นเพราะบรรดาหลานๆทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าคนอย่างคุณรันทร์ ตตินรากรณ์ อะไรที่ท่านอยากได้ ท่านก็ต้องได้! อะไรที่มันชักช้า ท่านนี่ล่ะจะทำให้มันรวดเร็วขึ้นมาเอง!!
เลขาฯคนสวยผู้รั้งตำแหน่งคนรู้ใจของคุณชิษวัศเอนหลังพิงกับพนักโซฟาตัวใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ดีที่การสัมมนาระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้มีการพักเบรกให้เธอพักหายใจ ไม่อย่างนั้นคงได้สลบเหมือดหาห้องสัมมนากันบ้าง อาจะเป็นเพราะเธอทำงานกับชิษวัศซึ่งรับผิดชอบโครงการทั้งหมดในต่างจังหวัดส่วนกันตวิชญ์นั้นรับผิดชอบโครงการของบริษัททั้งหมดในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ มุกตาภาจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดกับงานที่เพิ่งได้รับมาเท่าไรนัก แม้กันตวิชญ์จะบรีฟงานให้เธอระหว่างทางแล้วก็ตามว่าตอนนี้บริษัทในเครือของตตินรากรณ์นั้นกำลังดำเนินโครงการใดบ้างในไตรมาสนี้และมีแผนจะดำเนินโครงการอะไรในไตรมาสหน้า แต่งานที่เธอเพิ่งจะรับรู้ก่อนที่จะเข้าร่วมการสัมมนาเพียงไม่ถึงชั่วโมงมันก็ทำให้หญิงสาวสับสนได้ไม่น้อยเช่นกัน
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ดังขึ้น ปลุกให้คนที่กำลังนั่งพักสายตาสะดุ้งเล็กน้อย
“คะ...คุณ...ไบรอัน” มุกตาภาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ หนุ่มลูกครึ่งนัยน์ตาสีเทาหม่นมองตรงมายังหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม...ทั้งดวงตาและมุมปาก
“ตกใจมากเลยหรือครับ” ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะหน้าตาแสดงอาการตกใจของสาวตรงหน้านำพาให้ชายหนุ่มรู้สึกขันเล็กๆ
“มาได้ยังไงคะ” แทนที่จะตอบคำถามมุกตาภากลับตั้งคำถามถามชายหนุ่มกลับไป
“ผมก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มาสัมมนาครั้งนี้ด้วยไงครับ”
“คะ?” อุทานเสียงสูงเพราะไม่คิดว่าตัวเองป้ำเป๋อขนาดที่มองไม่เห็นว่าหนุ่มลูกครึ่งคนนี้อยู่ในห้องสัมมนาด้วย “คุณไบรอันมาด้วยหรือคะ ขอโทษค่ะ มุกไม่ทันได้สังเกตเลย” หญิงสาวยอมรับผิดเสียงอ่อย ยอมรับว่าเอกสารตรงหน้ากับรายละเอียดที่ต้องจดบันทึกนั้นทำให้เธอไม่มีได้สังเกตผู้บริหารของบริษัทอื่นจริงๆว่ามีใครมาบ้าง
ไบรอันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “ผมเห็นแล้วล่ะครับ เพิร์ลเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจดอย่างเดียว”
มุกตาภายิ้มรับแกนๆเมื่อถูกอีกฝ่ายล้อการทำงานของตัวเอง เพราะจริงอย่างที่ไบรอันพูด เธอก้มหน้าก้มตาจดรายละเอียดการสัมมนาครั้งนี้อย่างเดียว ไม่ได้สนผู้คนรอบข้างเลย จะมีพูดคุยบ้างบางครั้งคราวก็เพียงแค่กับกันตวิชญ์เท่านั้นในจุดที่เธอไม่เข้าใจ
“นั่งด้วยได้ไหม” หนุ่มลูกครึ่งขออนุญาตอย่างสุภาพซึ่งมุกตาภาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธแม้ในหัวจะมีภาพของชิษวัศตีหน้าดุเสียงดุบอกว่า ‘ห้ามอยู่ใกล้นายไบรอันเด็ดขาด!’ ก็ตามที
“เชิญค่ะ” หญิงสาวยืดตัวในท่าหลังตรงเมื่อมีคนอื่นมานั่งด้วยกัน ไม่ใช่นั่งด้วยท่าทางสบายๆอย่างเมื่อครู่
“เหนื่อยล่ะสิ” ไบรอันถามด้วยรอยยิ้มที่เปิดเผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มด้านขวา ยิ้มที่มุกตาภาคิดว่ามันแสนจะทรงเสน่ห์เสียจริงเวลาอยู่บนใบหน้าของผู้ชายคนนี้
“นิดหน่อยน่ะค่ะ มุกไม่ค่อยชินกับงานของคุณเกมเท่าไหร่” เมื่ออีกฝ่ายชวนคุยอย่างเป็นมิตร มุกตาภาจึงต่อบทสนทนาด้วยมิตรไมตรีเช่นกัน แต่ดูเหมือนชื่อของ ‘คุณเกม’ จะทำให้ไบรอันสงสัยไม่น้อยเมื่อคิ้วของเขากระตุกขึ้นนิดหนึ่งอย่างสงสัย
“คุณเกมนี่คือคนที่นั่งข้างเพิร์ลใช่ไหม”
“อ้อ...” เมื่อถูกไบรอันถาม หญิงสาวจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำผู้บริหารอีกคนของตตินรากรณ์กรุ๊ปให้ชายหนุ่มรู้จัก “ค่ะ...คุณเกม กันตวิชญ์ ตตินรากรณ์ ลูกพี่ลูกน้องคุณอาร์มน่ะค่ะ วันนี้เลขาฯคุณเกมเขาลา มุกเลยโดนยืมตัวมา” เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ้นส่วนคนสำคัญมุกตาภายังคงไม่ลืมที่จะเรียกชิษวัศว่า ‘คุณอาร์ม’ แทนที่จะเป็น ‘พี่อาร์ม’ อย่างที่เธอเรียกจนชินปาก หากพูดถึงเจ้านายจริงๆของเธอ หญิงสาวก็พลันนึกขึ้นมาได้ในสิ่งที่เธอยังไม่ได้ทำ! เธอยังไม่ได้โทรหาพี่อาร์มของเธอเลยตั้งแต่เช้า!!
...ให้ตายสิ!! มัวแต่อ่านเอกสารเตรียมสัมมนาของคุณเกมเสียจนลืมโทรศัพท์ แถมเธอยังปิดทั้งเสียงปิดทั้งสั่นไม่รู้ว่าป่านนี้ปาไปแล้วกี่มิสคอล...
เมื่อนึกได้หญิงสาวจึงเปิดกระเป๋าหยิบมือถือเครื่องเก่งขึ้นมาดู หน้าจอสีดำที่ถูกพักหน้าจอไว้สว่างวาบขึ้นมาทันทีเมื่อหญิงสาวกดปุ่ม สายที่ไม่ได้รับที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้มุกตาภาจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อนจะโทรกลับไปอย่างรวดเร็ว
...85 Missed Call!!! ให้ตายเถอะ!!! นี่ถ้าทะลุไปถึงร้อยเธอจะโดนคนแก่ขี้บ่น ขี้หวงแถมยังขี้หึงคนนั้นดุอย่างไรบ้างนะ...
ไม่ต้องรอให้สัญญาณดังหลายครั้งเพราะปลายสายกดรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงที่รับโทรศัพท์บ่งบอกเล็กน้อยว่ากำลังโกรธแต่ก็ไม่มากเท่ากับความเป็นห่วงที่มุกตาภาสัมผัสได้ในกระแสน้ำเสียงนั้น
“ทำไมเพิ่งโทรกลับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ความเป็นห่วงของชิษวัศแม้จะเจือไปด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวระบายยิ้มน้อยๆกับตัวเอง
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ บังเอิญว่ามุกยุ่งๆ ต้องทำความคุ้นเคยกับงานคุณเกมทั้งหมดเลย พี่อาร์มอย่าโกรธนะคะ” อ้อนผ่านสัญญาณโทรศัพท์เสียงหวาน ลืมไปเสียสนิทว่ามีอีกหนึ่งหนุ่มกำลังมองการสนทนาของเธอไม่วางตา
“พี่ไม่ได้โกรธครับ แต่เป็นห่วง นายเกมไม่ทำตัวมีปัญหาหรือแสดงอิทธิฤทธิ์แปลกๆใส่หนูมุกใช่ไหม” เสียงใสหัวเราะเบาๆจากคำถามของอีกฝั่งหนึ่ง พอได้ยินกิตติศัพท์จากคนรักมาบ้างว่าหลานชายคนเล็กของบ้านนี้ร้ายไม่เบา แถมยังเอาแต่ใจตัวเองแบบสุดๆ แต่การร่วมงานกันครั้งนี้เธอยังไม่ได้เห็นมุมนั้นของกันตวิชญ์เลยแม้แต่น้อย อย่างนี้คงจะพอพูดได้กระมัง...ว่าเธอยังพอโชคดีที่ไม่เจอฤทธิ์เดชของคุณเกมเข้า
“ก็ไม่นี่คะ น้องชายพี่อาร์มยังปกติดีค่ะ” หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆเมื่อเธอพูดจบ
“อาร์มคะ จะดื่มกาแฟหน่อยไหม เฟลอร์จะได้ซื้อเผื่อ” หากแต่เสียงที่ดังเล็ดลอดมานี่สิทำเอามุกตาภาอึ้งไปพักใหญ่ๆ หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อปลายสายร้องเรียกชื่อเธอมาหลายที
“หนูมุก...ฮัลโหล ยังอยู่หรือเปล่าครับ? หนูมุก...”
“คะ? ค่ะ ยังอยู่ค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เพราะจับพิรุธในน้ำเสียงได้ปลายสายจึงถามกลับมา
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“หนูมุกโกหกไม่เก่งเลยรู้หรือเปล่า”
มุกตาภากัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ “พี่อาร์ม...อยู่กับพี่เฟลอร์หรือคะ” รู้ดีว่าถามออกไปอย่างนั้นดูเหมือนว่าเธอไม่เชื่อใจพี่อาร์มของเธอ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหัวใจมันอดที่จะระแวงไม่ได้อยู่ดี
“ครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นพูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญถ้าชิษวัศจะไปไหนมาไหนกับ ‘แฟนเก่า’ อย่างทวิดาร์ “เรื่องที่จะจัดงานเลี้ยงพนักงานไงครับ ไหนๆวันนี้พี่ก็ว่างแล้วเฟลอร์ก็ชวนมาดูสถานที่ด้วยพี่ก็เลยมา”
“ไม่เห็นบอกมุกก่อนเลย” หญิงสาวตัดพ้อเบาๆ เพราะชิษวัศเคยสัญญาไว้ว่าถ้าเขาไปไหนมาไหนกับทวิดาร์เขาจะบอกเธอทุกครั้ง
“งอนหรือครับ” ปลายสายถามพร้อมกับผ่อนลมหายใจเสียงยาวที่อีกฟากฝั่งหนึ่งของสัญญาณได้ยินชัดเจน “พี่ไปเรื่องงานนะ ไม่ได้มีอย่างอื่นจริงๆ หนูมุกเลิกระแวงได้แล้ว” พอได้ยินคำว่า ‘ระแวง’ ออกจากปากของชิษวัศ หญิงสาวถึงกับคอแข็งหน้าเชิดตรงขึ้นทันที
พี่อาร์มพูดอย่างนี้แสดงว่ากำลังต่อว่าเธอว่าเป็นพวกผู้หญิงขี้ระแวงชอบจับผิดใช่ไหม เขากำลังว่าเธอว่าเธอขี้หึงจนหน้ามือตามัวไร้เหตุผลใช่หรือเปล่า ทั้งที่สายตาของทวิดาร์ยามมองไปยังคนรักของเธอนั้นแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัด ให้ใครมองก็ต้องมองออกว่าอดีตคนรักของชิษวัศนั้นอยากจะเขี่ยถ่านไฟเก่าให้มันคุขึ้นมาขนาดไหน มีเพียงแค่ชายหนุ่มเท่านั้นที่มองไม่เห็นว่า ‘แฟนเก่า’ ของตัวเองนั้นกลับเข้ามาอีกครั้งในชีวิตเพราะเหตุใด มุกตาภาไม่รู้ว่าคนรักของเธอมองไม่เห็นหรือเขาเห็นแต่แกล้งที่จะไม่เห็นกันแน่!
“งั้นแค่นี้นะคะ มุกจะเข้าสัมมนาต่อแล้ว”
“เดี๋ยวครับ หนูมุก...”
แม้จะได้ยินเสียงอีกฝ่ายเอ่ยรั้งหากมุกตาภาก็เลือกที่จะวางสายและเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าโดยไม่สนใจว่าชิษวัศจะโทรกลับมาหรือไม่ เรื่องเมื่อวานที่ชิษวัศเพิ่งจะก่อยังไม่ทันจะหายร้อน มาวันนี้เธอกับเขาก็มีเรื่องที่ให้หมางใจกันอีกแล้ว ยิ่งนานวันเส้นทางความรักของเธอและชิษวัศยิ่งมีอุปสรรคมาขวางกั้น หรือความรักที่ว่าหอมหวานจะเริ่มจืดจางลง หรืออาจเป็นเพราะ...พี่อาร์มไม่รักเธอแล้ว
...บ้าน่ามุกตาภา! คิดอะไรบ้าๆ เธอก็แค่น้อยใจ น้อยใจพี่อาร์มเท่านั้น ต่อให้เจอปัญหาแค่ไหนก็ห้ามคิดเด็ดขาดว่าพี่อาร์มไม่รักเธอ ห้ามคิด!!!...
มุกตาภาตะโกนก้องในหัวใจ แม้จะน้อยใจ โกรธกันหรืองอนกันบ้าง แต่ถ้ายังไม่ได้ยินจากปากของชิษวัศว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้ว เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดแบบนั้น เพราะนั่นหมายความว่า...เธอดูถูกหัวใจของเขา ดูถูกความรักที่ชิษวัศมีให้กับเธอและดูถูก...ความรักที่เธอมีให้แก่เขาเช่นกัน
หากยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่าที่คิดอยู่ในตอนนี้มุกตาภาก็ต้องรีบเดินกลับไปยังโซฟาตัวเดิมเมื่อเห็นกันตวิชญ์กำลังเดินมาทางนั้น ที่สำคัญ...หน้าตาที่เคยหล่อเหลานั้นกลับบึ้งตึงบอกบุญไม่รับกันเลยทีเดียว หรือคราวนี้เธอจะโดนอิทธิฤทธิ์หลานชายคนเล็กของบ้านตตินรากรณ์ให้เสียก็ไม่รู้
“ครึ่งบ่ายคุณมุกอยู่แทนผมได้มั้ยครับ เผอิญว่าผมมีปัญหาต้องสะสาง...นิดหน่อย” แม้จะดูเป็นประโยคขอร้องแต่ทั้งแววตาและท่าทางของกันตวิชญ์นั้นไม่ได้มาในทีท่าเดียวกับคำพูดเลยสักน้อย เพราะท่าทีที่และแววตาแสดงออกมานั้นติดไปทางออกคำสั่งกับเธอมากกว่า แถมยังเป็นคำสั่งที่เธอต้องตอบว่า ‘ค่ะ’ อย่างเดียวเสียด้วย
“ก็ได้...” ยังไม่ทันที่มุกตาภาจะพูดจบประโยค ร่างสูงของกันตวิชญ์ก็เดินลิ่วออกไปเสียแล้ว “...มั้งคะ” สองคำสุดท้ายจึงกลายเป็นว่าหญิงสาวนั้นเอ่ยเบาๆกับลมกับแล้งไป
“เหมือนจะถูกทิ้งเลยนะเพิร์ล” คำแซวของไบรอันส่งผลให้ ‘คนโดนเจ้านายทิ้ง’ ส่งค้อนวงย่อมไปให้อีกฝ่าย
“เห็นๆอยู่ก็ยังมาล้อกันนะคะ”
“ขอโทษทีครับ เห็นเพิร์ลเครียดๆ” ไบรอันถือวิสาสะเอื้อมมือมาใช้นิ้วชี้แตะระหว่างหัวคิ้วมุกตาภาเบาๆ “คิ้วงี้ขมวดมุ่นเลย”
มุกตาภาผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติเมื่อเพราะความไม่คุ้นชิน แต่ก็ไม่ได้โกรธเพราะท่าทีและแววตาของไบรอันนั้นไม่ได้แสดงอาการจาบจ้วงเลยแม้แต่น้อย เขาคงคิดจะทำให้เธอหายเครียดจริงๆ
“ขอโทษนะครับ ผมเสียมารยาทไปหน่อย”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวจึงยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกสิต้องขอบคุณที่คุณไบรอันเป็นห่วงมุก ไม่เหมือนบางคน” ประโยคหลังนึกกระหวัดไปถึงอีกคนที่เพิ่งจะหาว่าเธอเป็นผู้หญิงขี้ระแวง
ไบรอันยิ้มน้อยๆ มองดวงหน้าหวานที่ทำแก้มป่องนิดๆอย่างถูกใจ มุกเม็ดนี้ทั้งสวยทั้งน่ารัก คิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมกระโดดลงมา ‘แย่งชิง’ กับผู้ชายที่จัดการยากอย่างชิษวัศ
“ทะเลาะกับคุณอาร์มมาหรือครับ” ภายนอกแม้จะถามออกไปคล้ายจะห่วงใย แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจไบรอันนั้นพอใจด้วยซ้ำไปที่ระหว่างคนทั้งสองนี้เริ่มที่จะมาที่ว่างให้เขาแทรกกลางบ้างแล้ว
“เปล่าหรอกค่ะ...” เสียงหวานปฏิเสธ เธอไม่ได้ทะเลาะกับพี่อาร์ม เธอแค่น้อยใจเขา...เท่านั้นเอง
“เรื่องเฟลอร์หรือครับ”
ดวงตากลมโตจ้องมองหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันตาโต นี่เขามีญาณวิเศษหรือเปล่านะ หรือหน้าเธอมันมองออกขนาดนั้นว่าตอนนี้เธอกำลังมีปัญหาหนักอกเรื่องทวิดาร์ ไบรอันถึงได้ถามซะตรงประเด็นขนาดนี้!
“คุณไบรอันเป็นหมอดูหรือเปล่าคะ” มุกตาภาแกล้งทำสีหน้าจริงจังจนคนที่ถูกทักว่าเป็นหมอดูอดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้
“แล้วทายถูกหรือเปล่าครับ”
“ก็...” หญิงสาวลากเสียงยาว “...ถูกอยู่ค่ะ” ยอมรับการคาดเดาของเจ้านายของทวิดาร์เบาๆ
“เฟลอร์อยู่กับคุณอาร์มใช่ไหมครับ”
อีกครั้งที่มุกตาภาต้องตกใจกับคำถามที่คาดเดาสถานการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำของไบรอันราวกับว่าเขาได้ยินได้ฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับชิษวัศทั้งหมด
“รู้ได้ยังไงคะ?”
“ผมส่งเฟลอร์ไปคุยงานกับคุณอาร์มเองนี่ครับ จะไม่รู้ได้ยัง” เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังประดับไว้บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนมากๆในสายตาของมุกตาภาจนหญิงสาวยังเผลอคิดไปว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้หัวใจของผู้ชายคนนี้ไปคงโชคนี้ไม่น้อย
“เพิร์ลครับ...” ไบรอันเรียกหญิงสาวตรงหน้าเบาๆเมื่อดวงตาคู่โตจ้องมองมาที่ตนเอง
“คะ?” มุกตาภารับคำเสียงหลง รู้สึกเขินไม่น้อยที่เผลอมองรอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้นจนเพลิน
“หน้าผมมีอะไรติดหรือ”
มุกตาภาส่ายศีรษะเพื่อปฏิเสธจนผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดเป็นหางม้าทิ้งตัวอยู่ด้านหลังปัดไปมา
“เปล่าหรอกค่ะ มุกแค่คิดว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้หัวใจของคุณไบรอันไปครองคงโชคดีมากๆเลย” ไม่รู้เพราะอะไรมุกตาภาจึงกล้าที่จะคุยกับผู้ชายคนนี้เหมือนกับคนที่สนิทกันมานาน เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแม้ไบรอันจะมีตำแหน่งเป็นถึงลูกชายของเจ้าของบริษัทแต่ชายหนุ่มกลับไม่มีทีท่าถือตัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังเข้ากับคนง่าย พูดเก่ง แถมยังยิ้มเก่ง ไม่เห็นจะมีพิษมีภัยอย่างที่ชิษวัศเคยเตือนเธอไว้เลยสักนิด
หนุ่มนัยน์ตาสีเทาจ้องมองลึกไปในดวงตาคู่โตสวย “แล้วเพิร์ลอยากได้หรือเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถามกระทบเข้ากับทุกโสตประสาทของมุกตาภา ทั้งแววตาและน้ำเสียงตราตรึงหญิงสาวให้ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่
“ล้อ...ล้อเล่น...ใช่ไหมคะ” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะแววตาคู่นั้นที่มองมายังเธอมันไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
...ไม่จริงน่ะ ไม่จริงๆๆๆ คุณไบรอันคงไม่คิดอย่างนั้นกับเธอ ไม่มีทาง!...
ไบรอันยังคงจ้องมองดวงตาคู่สวยนั้นดวงสีหน้าและแววตาจริงจัง หากพอเห็นสาวเจ้าทำหน้าเสียชายหนุ่มก็ระบายยิ้มที่กว้างกว่าเดิมก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะร่วน
“ล้อเล่นน่ะครับ”
มุกตาภาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก “อย่าเล่นอย่างนี้สิคะ มุกทำตัวไม่ถูกเลยนะ”
“เห็นเพิร์ลเครียดไง อยากทำให้หัวเราะบ้าง”
“มุกจะเครียดหนักกว่าเดิมน่ะสิคะ” หญิงสาวบ่นเบาๆ หัวใจยังคงเต้นแรงด้วยความตกใจ
“ถ้างั้นพอเลิกสัมมนาแล้วเราตามไปสมทบกันมั้ยล่ะครับ กับคุณอาร์มแล้วก็เฟลอร์น่ะ” ไบรอันเสนอ
“ที่หัวหินน่ะหรือคะ?” หากสิ่งที่มุกตาภาถามกลับทำให้หนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“คุณอาร์มกับเฟลอร์ไปหัวหินกันหรือครับ” ถามราวกับไม่รู้ว่าทวิดาร์นั้นมีแผนที่จะไปคุยงานกับชิษวัศที่หัวหินและท่าทางของไบรอันก็ยิ่งทำให้มุกตาภานั้นคิดมากเรื่องระหว่างทวิดาร์และชิษวัศมากยิ่งขึ้น
“คุณไบรอันไม่รู้หรือคะ มุกนึกว่าคุณไบรอันสั่งพี่เฟลอร์...” หญิงสาวถามกลับเสียงเบาหวิว ถ้าคนเป็นเจ้านายไม่ได้สั่งการ อย่างนั้นก็แสดงว่า...ทวิดาร์จัดการตัดสินใจเรื่องที่จะไปดูสถานที่ที่หัวหินด้วยตัวเองอย่างนั้นใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นทำงานนอกคำสั่งของเจ้านายทำไมกัน?
“ผมบอกแค่ว่าให้เฟลอร์ไปคุยกับคุณอาร์ม แต่ไม่รู้ว่าเฟลอร์จะชวนคุณอาร์มไปดูสถานที่วันนี้เลย แต่ถ้าเพิร์ลจะตามไปผมพาไปก็ได้ครับ จะได้ถือโอกาสดูสถานที่เตรียมงานด้วยเลย” ไบรอันขันอาสาโดยใช้เรื่องงานมาเป็นเหตุผลประกอบ
มุกตาภานิ่งไปนิดหนึ่งเพราะกำลังใช้ความคิดตัดสินใจว่าเธอสมควรที่จะตามไปหรือไม่ แล้วถ้าเธอถามชิษวัศจะยิ่งเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จู้จี้คอยจับผิดหรือเปล่า แต่เธอไปเพราะเรื่องงานนี่ อย่างน้อยโปรเจคนี้เธอก็ต้องทำงานร่วมกับบริษัทของไบรอันอยู่แล้ว ถ้าเธอจะได้ดูสถานที่จัดงานเลี้ยงเสริมสัมพันธ์ของพนักงานทั้งสองบริษัทด้วยแล้วมันจะเป็นอะไร ทีพี่อาร์มยังไปกับพี่เฟลอร์เพราะเรื่องงานได้ เธอก็ไปกับไบรอันเพราะเรื่องงานได้เหมือนกันนั่นล่ะ!
“ไปค่ะ...มุกจะไป คุณไบรอันพามุกไปได้ไหมคะ” หญิงสาวตัดสินใจตอบรับ ไบรอันพยักหน้ารับซึ่งเป็นจังหวะที่การสัมมนาเริ่มขึ้นอีกครั้งมุกตาภาจึงรีบหุนหันกลับเข้าไปในห้องสัมมนาโดยมิอาจสังเกตเห็นสายตาที่มองตามหลังเธอไปว่ามันไม่ได้แฝงไปด้วยความเป็นมิตรอย่างที่เธอคิดเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายที่หญิงสาวมองว่าเป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่นแสนดีกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความมาดร้าย รอยยิ้มที่มุกตาภาเผลอชื่นชมเหยียดยิ้มราวกับหมาป่าที่ถูกใจกับเหยื่ออันโอชะที่เดินเข้ามาติดกับดักที่มันวางไว้เต็มเปา!โดยหญิงสาวหารู้ไม่ว่าถ้อยคำที่ไบรอันพูดกับเธอไปเมื่อครู่นั้นเขาโกหกทั้งเพ เพราะชายหนุ่มนัยน์ตาสีสวยคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างว่าทวิดาร์จะชวนชิษวัศไปดูสถานที่ที่หัวหิน เพราะทั้งหมดนั้นมันเป็นแผนที่ผู้ชายคนนี้วางเองกับมือ!!
----------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้มีแต่เรื่องประดังประเดเข้ามาทั้งหนูมุกและพี่อาร์มเลยค่ะ เหมือนเป็นบทพิสูจน์เส้นทางของหัวใจของคนทั้งคู่เลยค่ะ ถ้าผ่านไปได้ความรักนี้ก็คงมั่นคง...เพราะฉะนั้นช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยนะคะ!!
อ้อ...แล้วอย่าลืมให้กำลังใจคู่พี่อาร์ทต่อด้วยนะคะ :)
ปล. อย่าเพิ่งเบื่อพี่อาร์มกันนะค้าาาาาาาาา (แต่ถ้ารำคาญตาพี่อาร์มก็บอกกันได้นะคะ! ปอแก้วจะกลับไปจัดการให้ค่ะ!)
ปล.1 อาจจะมาช้าบ้างยังไงก็ช่วยรอและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ช่วงนี้ต้องทำงานหลายสิ่งค่ะ ทั้งงานตัวเองและงานคนรอบข้าง แหะๆ
(สำหรับเรื่องนี้...อาจจะเจอกันอีกทีหลังสงกรานต์เลยนะค้าาา แล้วเย็นนี้จะอัพเรื่องคุณดลค่าาาา)
ตอบเมนท์กันดีกว่าน้าาาา...
คุณ violette : น่ารักใช่ไหมคะ คิดเหมือนกันเลยจ้า :) หมูหวานเจออะไรมามากจึงทำให้เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวค่ะ ส่วนหนูมุก เจอปัญหาจริงแท้แน่นอนค่ะ
คุณ anOO : ผู้หญิงน่ารักๆอย่างหมูหวาน ป๊ากับม้าพี่อาร์ทน่าจะชอบนะคะ :) ส่วนเรื่องนายเกม...แผนหรือไม่แผนนั้นต้องคอยลุ้นเอาค่ะ แต่ที่แน่ๆคือนายเกมตัวร้ายของพี่ๆนั้นทำเรื่องยุ่งซะแล้วล่ะค่ะ!
คุณ tutas : ฮ่าๆๆ พี่อาร์ทได้ใจใช่ไหมคะ :) แต่ถ้าจะอ่านเรื่องของพี่อาร์ทคนเดียวคุณ tutas อาจจะไม่ปลื้มพี่อาร์ทก็ได้นะเออ ก็อย่างที่บอกค่ะว่าก่อนจะมาเจอคุณอาจารย์ พี่อาร์ทเธอนี่คาสโนว่าเลยนะคะ >< เพราะงั้น...ให้พี่อาร์ทเป็นพระรองที่ดูหล่อๆอย่างนี้ดีกว่าเนอะ แล้วก็...ตามลุ้นคู่พี่อาร์มด้วยนะคะ
คุณ ดาวคันชั่ง : ฮิๆๆๆ เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาดีค่ะ ชอบบอกชอบ รักบอกรัก :P ส่วนนายเกมอ่านตอนนี้แล้วก็พอรู้ใช่ไหมคะว่าลงมาเพื่อสร้างปัญหาให้กับพี่ชายโดยแท้
คุณ nunoi : เป็นประโยคที่ปอแก้วชอบมากเลยล่ะค่ะ "ถ้าห้ามจะพาหนี" เนี่ย โดนใจมาก!!
คุณ หมูบูลิน : สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ลุยเรื่องหนูมุกกับพี่อาร์มกันเต็มที่ค่ะ เรื่องต่างๆที่ต้องเจอคือด่านที่จะพิสูจน์ความรักและความเชื่อใจระหว่างกันค่ะ :)
คุณ pattisa : น่ารักใช่ไหมคะ อิอิ ดีใจที่ชอบนะคะ ช่วยติดตามกันต่อด้วยน้าาาาา
คุณ Amata : ฮ่าาาาาาา ปอแก้วก็อยากให้กระโดดออกมานอกจอเหมือนกันค่ะ จะรีบกระโดดคว้าเลยล่ะ (เขินนนนนน)
คุณ teesaparn : บางทีก็อาจจะมีนะคะผู้ชายอย่างนี้เนี่ย แต่ก็อาจจะอย่างที่คุณ teesaparn บอกค่ะ งงเข็มในมหาสมุทรแท้ๆ (แต่บางทีเราอาจจะโชคดีเจอนะคะ หวังกันต่อไป!!)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน กดไลค์แล้วก็ทิ้งเมนท์ไว้ทักทายกันนะคะ
เอามาลงต้อนรับมหาสงกรานต์ (ล่วงหน้า) ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆกับปีใหม่ไทยนะคะ
ใครจะเดินทางไปเที่ยวก็ขอให้เดินทางทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ :)
เชิญอ่านเลยจ้าาาาา
----------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 24: เหยื่ออันแสนหวาน
ชิษวัศกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่นเมื่อถูกลูกพี่ลูกน้องอย่างกันตวิชญ์มัดมือชก แถมเป็นการมัดมือชกที่ไม่ธรรมดาเสียด้วยเมื่อมีคุณปู่รันมาเป็นข้ออ้าง! และไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ไว้ถ้าจะปล่อยให้มุกตาภาไปกับน้องชาย เขามั่นใจว่ากันตวิชญ์จะดูแลคนรักของตนได้ดี...ในสภาวะที่เจ้าน้องชายตัวดีอารมณ์เป็นปกติ ไม่ใช่กันตวิชญ์...ผู้ชายอารมณ์ร้ายและแสนเอาแต่ใจตัวเองที่บรรดาญาติพี่น้องมักเจออยู่เป็นประจำ! แต่ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เจ้าน้องชายคนนี้มันอารมณ์เป็นปกติแทบจะนับครั้งได้น่ะสิ!! แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อดเป็นห่วงมุกตาภาได้อย่างไรกัน
เมื่อตัดสินใจได้ว่าถ้าไม่ได้ยินจากปากของคุณปู่วันนี้คงไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานแน่ ชิษวัศจึงผลุนผลันออกจากห้องไปซึ่งจุดหมายปลายทางคงไม่พ้นห้องของประธานกรรมการบริษัทในเครือตตินรากรณ์กรุ๊ปที่มีคุณปู่คู่แฝดนั่งเก้าอี้เป็นประธานบริษัท โชคดีที่วันนี้คุณปู่รันเข้าบริษัท แม้จะเพียงแค่คนเดียวแต่ก็เพียงพอที่จะให้หลานชายคนโตถามไล่เรียงให้รู้เรื่องกันไปว่าท่านคิดอย่างไรถึงส่งหนูมุกให้ไปเป็นเลขาฯ (ชั่วคราว) ของเด็กเอาแต่ใจอย่างนายเกม!
ประตูห้องทำงานของคุณรันทร์ ตตินรากรณ์ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทเครือตตินรากรณ์กรุ๊ปถูกเปิดออกโดยไม่มีการเคาะประตูบอกกล่าวผู้เป็นเจ้าของห้องแม้แต่น้อย รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำอย่างนี้จะทำให้ถูกคนเป็นปู่ตำหนิหากอารามในร้อนทำให้ชิษวัศไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าคุณปู่ท่านจะว่ากล่าวอย่างไร ตอนนี้ชายหนุ่มรู้เพียงอย่างเดียวว่าตนอยากรู้เหตุผลของคุณปู่ อยากรู้ อยากรู้และอยากรู้!!
“เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงทำไมไม่เคาะประตูห้องก่อน แล้วลูกน้องที่ไหนจะให้ความเคารพในเมื่อเจ้านายทำตัวซะอย่างนี้” ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของบริษัทกล่าวตักเตือนหลานชายคนโตเสียงเรียบ ดวงตาที่มองเห็นโลกมานักต่อนักทั้งด้านมืดและด้านสว่างจ้องมองหลานชายผ่านแว่นสายตากรอบทองกรอบใหญ่
“ผมมีเรื่องจะถาม...” หากหลานชายกลับหาได้สนใจคำตักเตือนของคนเป็นปู่ไม่แต่กลับตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ทันที
“ทำผิดแล้วต้องทำยังไงเจ้าอาร์ม อย่าใจร้อนจนลืมไปว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ” คุณปู่รันได้ทีสอนหลานชายทางอ้อม แม้ชิษวัศจะแลดูเยือกเย็นที่สุดในบรรดาหลานๆ หากเมื่อยามมีเรื่องอะไรมาทำให้เจ้าหลานชายคนนี้ใจร้อน คนที่ดูสงบเยือกเย็นราวกลับน้ำแข็งก็สามารถเปลี่ยนไปคนที่ร้อนรนราวกับลูกไฟลูกโตเช่นกัน
เมื่อถูกขัดคนที่ใจร้อนก็ดูเหมือนว่าจะใจเย็นลงมาได้บ้าง ชิษวัศผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะก้าวเท้าไปใกล้กับโต๊ะทำงานของคุณปู่พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม
“ขอโทษครับที่เสียมารยาท” เมื่ออารมณ์เย็นลงหลานชายจึงกล่าวขอโทษผู้ที่สูงวัยกว่า คุณรันทร์พยักหน้าเชิงรับรู้และให้อภัยกับการกระทำนั้นก่อนจะเอ่ยปากถาม
“จะมาถามเรื่องหนูมุกใช่มั้ย” คนเป็นปู่เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน ส่วนหลานชายเมื่อถูกอีกฝ่ายมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็พยักหน้ารับเบาๆ
“ครับ”
“ปู่อนุญาตเอง อาร์มจะกังวลอะไร นายเกมก็น้องของอาร์ม ไม่ไว้ใจน้องอย่างนั้นหรือ” โดนถามอย่างนี้ชิษวัศเองก็อึ้งไปพักใหญ่ ไม่รู้จะตอบคำถามของคุณปู่ไปว่าอย่างไร มันไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่ไว้ใจกันตวิชญ์ มันก็แค่...ห่วง...มากกว่า
“ผมเป็นห่วง นายเกมยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ อารมณ์ขึ้นลงเร็วยิ่งกว่าปรอท ที่สำคัญหนูมุกยังไม่เคยร่วมงานกับเกมเลยนะครับ ผมกลัวว่าน้องจะไปแสดงอิทธิฤทธิ์แปลกๆใส่หนูมุกเข้า” คำสารภาพตามความจริงของชิษวัศทำเอาคุณปู่แฝดคนพี่หัวเราะเสียงดังลั่นห้องจนคนเป็นหลานเริ่มจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าท่านหัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำนักหรือ
“คุณปู่ขำทำไมครับ ผมเป็นห่วงจนแทบจะบ้าแล้วนะ” หลานชายคนโตขัด
“หนูมุกโตแล้วนะอาร์ม” เพราะเห็นว่าชิษวัศห่วงใยคนรักมากเกินไปคุณปู่รันจึงเริ่มสอน “ปู่รู้ว่าอาร์มเป็นห่วง แต่บางทีคนสองคนก็ต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันไว้บ้าง ถ้าใกล้กันเกินไปมันก็อึดอัดแต่ถ้าไกลกันเกินไปมันก็จะกลายเป็นห่างเหิน เพราะฉะนั้นอาร์มต้องรักษา ‘ที่ว่าง’ นั้นให้ดี อย่าให้มันใกล้หรือไกลเกินไป”
ชิษวัศนั่งนิ่งทบทวนคำพูดของคุณปู่เปรียบเทียบกับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง บางทีเขาเองก็ยอมรับว่าใจร้อนและขี้หึงไปมาก แทบไม่เคยเว้นที่ว่างระหว่างตนเองและมุกตาภาไว้เลย บางที...การกระทำเหล่านั้นอาจทำให้มุกตาภาอึดอัด และถึงแม้เธอจะอึดอัดใจอย่างไร ชิษวัศก็รู้ดีว่าผู้หญิงอย่างมุกตาภาไม่มีทางที่จะระบายความรู้สึกอึดอัดใจนั้นออกมาแน่
“ผมจะพยายามครับ” ไม่ได้ตอบรับอย่างเต็มปากแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีนั้น “แต่เรื่องนายเกม...” หากสวัสดิภาพของมุกตาภาก็ยังเป็นสิ่งที่ชิษวัศยังคงเป็นห่วงจนวางใจไม่ได้อยู่ดี
...ก็ไอ้เจ้าเกมมันเหมือนคนปกติที่ไหนกันเล่า!!...
“เจ้าเกมมันไม่แสดงอิทธิฤทธิ์กับคนอื่น อาร์มลืมไปแล้วหรือไง” คงเพราะมัวแต่เป็นห่วงจนลืมคิดไปว่าน้องชายคนเล็กแม้จะอารมณ์ร้อนและอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจแต่กันตวิชญ์ก็ไม่เคยแสดงอาการเหล่านั้นกับคนอื่นนอกจากยัยหนูน้อยไม้เบื่อไม้เมาคนนั้นคนเดียว
“นั่นสินะครับ!” ชิษวัศเอ่ยขึ้นมาอย่างโล่งอก “ผมก็มัวแต่ห่วงหนูมุกจนลืมไปว่านายเกมมันน็อตหลุดกับคนแค่คนเดียว แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เวลามันน็อตหลุดขึ้นมาคนที่อยู่ข้างๆก็พลอยโดนหางเลขด้วยเหมือนกัน” แม้จะคลายกังวลไปได้บ้างแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ในทั้งหมด ด้วยเพราะหลานๆทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ละคนจึงรู้ว่าควรรับมืออย่างไรเมื่อบรรดาพี่น้องเกิดอาการ ‘องค์ลง’ แต่กับคนที่ไม่รู้และไม่คุ้นเคยการที่จะรับมือนั้นมันก็ยากเอาการ
“ห่วงมากขนาดนี้ทำไมไม่ขอหนูมุกแต่งงานเสียเลยล่ะ จะได้หายห่วง ที่สำคัญ...” คุณรันทร์เว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “...หายหวงด้วย”
เมื่อโดนแซวกันต่อหน้าคนที่มักจะตีสีหน้าเรียบเฉยในทุกเรื่องแต่กับเรื่องความรักดันไม่เคยที่จะเก็บอาการได้เลยเมื่อใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาแดงขึ้นถนัดตา
“แล้วใครว่าผมไม่อยากขอล่ะครับ” หลานชายคนโตบอกเสียงเบา “แต่ตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดูแลหนูมุกได้ดีพอและในอนาคตข้างหน้า...ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจ” พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้คุณปู่รันถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะบ่นเบาๆตามประสาคนแก่
“ขืนรอให้พวกแกมั่นใจ ปู่กับเจ้ารินก็ไม่ได้อุ้มเหลนกันพอดีน่ะสิ” แม้จะเป็นการบ่นเพราะบรรดาหลานๆทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าคนอย่างคุณรันทร์ ตตินรากรณ์ อะไรที่ท่านอยากได้ ท่านก็ต้องได้! อะไรที่มันชักช้า ท่านนี่ล่ะจะทำให้มันรวดเร็วขึ้นมาเอง!!
เลขาฯคนสวยผู้รั้งตำแหน่งคนรู้ใจของคุณชิษวัศเอนหลังพิงกับพนักโซฟาตัวใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ดีที่การสัมมนาระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้มีการพักเบรกให้เธอพักหายใจ ไม่อย่างนั้นคงได้สลบเหมือดหาห้องสัมมนากันบ้าง อาจะเป็นเพราะเธอทำงานกับชิษวัศซึ่งรับผิดชอบโครงการทั้งหมดในต่างจังหวัดส่วนกันตวิชญ์นั้นรับผิดชอบโครงการของบริษัททั้งหมดในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ มุกตาภาจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดกับงานที่เพิ่งได้รับมาเท่าไรนัก แม้กันตวิชญ์จะบรีฟงานให้เธอระหว่างทางแล้วก็ตามว่าตอนนี้บริษัทในเครือของตตินรากรณ์นั้นกำลังดำเนินโครงการใดบ้างในไตรมาสนี้และมีแผนจะดำเนินโครงการอะไรในไตรมาสหน้า แต่งานที่เธอเพิ่งจะรับรู้ก่อนที่จะเข้าร่วมการสัมมนาเพียงไม่ถึงชั่วโมงมันก็ทำให้หญิงสาวสับสนได้ไม่น้อยเช่นกัน
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ดังขึ้น ปลุกให้คนที่กำลังนั่งพักสายตาสะดุ้งเล็กน้อย
“คะ...คุณ...ไบรอัน” มุกตาภาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ หนุ่มลูกครึ่งนัยน์ตาสีเทาหม่นมองตรงมายังหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม...ทั้งดวงตาและมุมปาก
“ตกใจมากเลยหรือครับ” ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะหน้าตาแสดงอาการตกใจของสาวตรงหน้านำพาให้ชายหนุ่มรู้สึกขันเล็กๆ
“มาได้ยังไงคะ” แทนที่จะตอบคำถามมุกตาภากลับตั้งคำถามถามชายหนุ่มกลับไป
“ผมก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มาสัมมนาครั้งนี้ด้วยไงครับ”
“คะ?” อุทานเสียงสูงเพราะไม่คิดว่าตัวเองป้ำเป๋อขนาดที่มองไม่เห็นว่าหนุ่มลูกครึ่งคนนี้อยู่ในห้องสัมมนาด้วย “คุณไบรอันมาด้วยหรือคะ ขอโทษค่ะ มุกไม่ทันได้สังเกตเลย” หญิงสาวยอมรับผิดเสียงอ่อย ยอมรับว่าเอกสารตรงหน้ากับรายละเอียดที่ต้องจดบันทึกนั้นทำให้เธอไม่มีได้สังเกตผู้บริหารของบริษัทอื่นจริงๆว่ามีใครมาบ้าง
ไบรอันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “ผมเห็นแล้วล่ะครับ เพิร์ลเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจดอย่างเดียว”
มุกตาภายิ้มรับแกนๆเมื่อถูกอีกฝ่ายล้อการทำงานของตัวเอง เพราะจริงอย่างที่ไบรอันพูด เธอก้มหน้าก้มตาจดรายละเอียดการสัมมนาครั้งนี้อย่างเดียว ไม่ได้สนผู้คนรอบข้างเลย จะมีพูดคุยบ้างบางครั้งคราวก็เพียงแค่กับกันตวิชญ์เท่านั้นในจุดที่เธอไม่เข้าใจ
“นั่งด้วยได้ไหม” หนุ่มลูกครึ่งขออนุญาตอย่างสุภาพซึ่งมุกตาภาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธแม้ในหัวจะมีภาพของชิษวัศตีหน้าดุเสียงดุบอกว่า ‘ห้ามอยู่ใกล้นายไบรอันเด็ดขาด!’ ก็ตามที
“เชิญค่ะ” หญิงสาวยืดตัวในท่าหลังตรงเมื่อมีคนอื่นมานั่งด้วยกัน ไม่ใช่นั่งด้วยท่าทางสบายๆอย่างเมื่อครู่
“เหนื่อยล่ะสิ” ไบรอันถามด้วยรอยยิ้มที่เปิดเผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มด้านขวา ยิ้มที่มุกตาภาคิดว่ามันแสนจะทรงเสน่ห์เสียจริงเวลาอยู่บนใบหน้าของผู้ชายคนนี้
“นิดหน่อยน่ะค่ะ มุกไม่ค่อยชินกับงานของคุณเกมเท่าไหร่” เมื่ออีกฝ่ายชวนคุยอย่างเป็นมิตร มุกตาภาจึงต่อบทสนทนาด้วยมิตรไมตรีเช่นกัน แต่ดูเหมือนชื่อของ ‘คุณเกม’ จะทำให้ไบรอันสงสัยไม่น้อยเมื่อคิ้วของเขากระตุกขึ้นนิดหนึ่งอย่างสงสัย
“คุณเกมนี่คือคนที่นั่งข้างเพิร์ลใช่ไหม”
“อ้อ...” เมื่อถูกไบรอันถาม หญิงสาวจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำผู้บริหารอีกคนของตตินรากรณ์กรุ๊ปให้ชายหนุ่มรู้จัก “ค่ะ...คุณเกม กันตวิชญ์ ตตินรากรณ์ ลูกพี่ลูกน้องคุณอาร์มน่ะค่ะ วันนี้เลขาฯคุณเกมเขาลา มุกเลยโดนยืมตัวมา” เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ้นส่วนคนสำคัญมุกตาภายังคงไม่ลืมที่จะเรียกชิษวัศว่า ‘คุณอาร์ม’ แทนที่จะเป็น ‘พี่อาร์ม’ อย่างที่เธอเรียกจนชินปาก หากพูดถึงเจ้านายจริงๆของเธอ หญิงสาวก็พลันนึกขึ้นมาได้ในสิ่งที่เธอยังไม่ได้ทำ! เธอยังไม่ได้โทรหาพี่อาร์มของเธอเลยตั้งแต่เช้า!!
...ให้ตายสิ!! มัวแต่อ่านเอกสารเตรียมสัมมนาของคุณเกมเสียจนลืมโทรศัพท์ แถมเธอยังปิดทั้งเสียงปิดทั้งสั่นไม่รู้ว่าป่านนี้ปาไปแล้วกี่มิสคอล...
เมื่อนึกได้หญิงสาวจึงเปิดกระเป๋าหยิบมือถือเครื่องเก่งขึ้นมาดู หน้าจอสีดำที่ถูกพักหน้าจอไว้สว่างวาบขึ้นมาทันทีเมื่อหญิงสาวกดปุ่ม สายที่ไม่ได้รับที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้มุกตาภาจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อนจะโทรกลับไปอย่างรวดเร็ว
...85 Missed Call!!! ให้ตายเถอะ!!! นี่ถ้าทะลุไปถึงร้อยเธอจะโดนคนแก่ขี้บ่น ขี้หวงแถมยังขี้หึงคนนั้นดุอย่างไรบ้างนะ...
ไม่ต้องรอให้สัญญาณดังหลายครั้งเพราะปลายสายกดรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงที่รับโทรศัพท์บ่งบอกเล็กน้อยว่ากำลังโกรธแต่ก็ไม่มากเท่ากับความเป็นห่วงที่มุกตาภาสัมผัสได้ในกระแสน้ำเสียงนั้น
“ทำไมเพิ่งโทรกลับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ความเป็นห่วงของชิษวัศแม้จะเจือไปด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวระบายยิ้มน้อยๆกับตัวเอง
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ บังเอิญว่ามุกยุ่งๆ ต้องทำความคุ้นเคยกับงานคุณเกมทั้งหมดเลย พี่อาร์มอย่าโกรธนะคะ” อ้อนผ่านสัญญาณโทรศัพท์เสียงหวาน ลืมไปเสียสนิทว่ามีอีกหนึ่งหนุ่มกำลังมองการสนทนาของเธอไม่วางตา
“พี่ไม่ได้โกรธครับ แต่เป็นห่วง นายเกมไม่ทำตัวมีปัญหาหรือแสดงอิทธิฤทธิ์แปลกๆใส่หนูมุกใช่ไหม” เสียงใสหัวเราะเบาๆจากคำถามของอีกฝั่งหนึ่ง พอได้ยินกิตติศัพท์จากคนรักมาบ้างว่าหลานชายคนเล็กของบ้านนี้ร้ายไม่เบา แถมยังเอาแต่ใจตัวเองแบบสุดๆ แต่การร่วมงานกันครั้งนี้เธอยังไม่ได้เห็นมุมนั้นของกันตวิชญ์เลยแม้แต่น้อย อย่างนี้คงจะพอพูดได้กระมัง...ว่าเธอยังพอโชคดีที่ไม่เจอฤทธิ์เดชของคุณเกมเข้า
“ก็ไม่นี่คะ น้องชายพี่อาร์มยังปกติดีค่ะ” หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆเมื่อเธอพูดจบ
“อาร์มคะ จะดื่มกาแฟหน่อยไหม เฟลอร์จะได้ซื้อเผื่อ” หากแต่เสียงที่ดังเล็ดลอดมานี่สิทำเอามุกตาภาอึ้งไปพักใหญ่ๆ หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อปลายสายร้องเรียกชื่อเธอมาหลายที
“หนูมุก...ฮัลโหล ยังอยู่หรือเปล่าครับ? หนูมุก...”
“คะ? ค่ะ ยังอยู่ค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เพราะจับพิรุธในน้ำเสียงได้ปลายสายจึงถามกลับมา
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“หนูมุกโกหกไม่เก่งเลยรู้หรือเปล่า”
มุกตาภากัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ “พี่อาร์ม...อยู่กับพี่เฟลอร์หรือคะ” รู้ดีว่าถามออกไปอย่างนั้นดูเหมือนว่าเธอไม่เชื่อใจพี่อาร์มของเธอ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหัวใจมันอดที่จะระแวงไม่ได้อยู่ดี
“ครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นพูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญถ้าชิษวัศจะไปไหนมาไหนกับ ‘แฟนเก่า’ อย่างทวิดาร์ “เรื่องที่จะจัดงานเลี้ยงพนักงานไงครับ ไหนๆวันนี้พี่ก็ว่างแล้วเฟลอร์ก็ชวนมาดูสถานที่ด้วยพี่ก็เลยมา”
“ไม่เห็นบอกมุกก่อนเลย” หญิงสาวตัดพ้อเบาๆ เพราะชิษวัศเคยสัญญาไว้ว่าถ้าเขาไปไหนมาไหนกับทวิดาร์เขาจะบอกเธอทุกครั้ง
“งอนหรือครับ” ปลายสายถามพร้อมกับผ่อนลมหายใจเสียงยาวที่อีกฟากฝั่งหนึ่งของสัญญาณได้ยินชัดเจน “พี่ไปเรื่องงานนะ ไม่ได้มีอย่างอื่นจริงๆ หนูมุกเลิกระแวงได้แล้ว” พอได้ยินคำว่า ‘ระแวง’ ออกจากปากของชิษวัศ หญิงสาวถึงกับคอแข็งหน้าเชิดตรงขึ้นทันที
พี่อาร์มพูดอย่างนี้แสดงว่ากำลังต่อว่าเธอว่าเป็นพวกผู้หญิงขี้ระแวงชอบจับผิดใช่ไหม เขากำลังว่าเธอว่าเธอขี้หึงจนหน้ามือตามัวไร้เหตุผลใช่หรือเปล่า ทั้งที่สายตาของทวิดาร์ยามมองไปยังคนรักของเธอนั้นแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัด ให้ใครมองก็ต้องมองออกว่าอดีตคนรักของชิษวัศนั้นอยากจะเขี่ยถ่านไฟเก่าให้มันคุขึ้นมาขนาดไหน มีเพียงแค่ชายหนุ่มเท่านั้นที่มองไม่เห็นว่า ‘แฟนเก่า’ ของตัวเองนั้นกลับเข้ามาอีกครั้งในชีวิตเพราะเหตุใด มุกตาภาไม่รู้ว่าคนรักของเธอมองไม่เห็นหรือเขาเห็นแต่แกล้งที่จะไม่เห็นกันแน่!
“งั้นแค่นี้นะคะ มุกจะเข้าสัมมนาต่อแล้ว”
“เดี๋ยวครับ หนูมุก...”
แม้จะได้ยินเสียงอีกฝ่ายเอ่ยรั้งหากมุกตาภาก็เลือกที่จะวางสายและเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าโดยไม่สนใจว่าชิษวัศจะโทรกลับมาหรือไม่ เรื่องเมื่อวานที่ชิษวัศเพิ่งจะก่อยังไม่ทันจะหายร้อน มาวันนี้เธอกับเขาก็มีเรื่องที่ให้หมางใจกันอีกแล้ว ยิ่งนานวันเส้นทางความรักของเธอและชิษวัศยิ่งมีอุปสรรคมาขวางกั้น หรือความรักที่ว่าหอมหวานจะเริ่มจืดจางลง หรืออาจเป็นเพราะ...พี่อาร์มไม่รักเธอแล้ว
...บ้าน่ามุกตาภา! คิดอะไรบ้าๆ เธอก็แค่น้อยใจ น้อยใจพี่อาร์มเท่านั้น ต่อให้เจอปัญหาแค่ไหนก็ห้ามคิดเด็ดขาดว่าพี่อาร์มไม่รักเธอ ห้ามคิด!!!...
มุกตาภาตะโกนก้องในหัวใจ แม้จะน้อยใจ โกรธกันหรืองอนกันบ้าง แต่ถ้ายังไม่ได้ยินจากปากของชิษวัศว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้ว เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดแบบนั้น เพราะนั่นหมายความว่า...เธอดูถูกหัวใจของเขา ดูถูกความรักที่ชิษวัศมีให้กับเธอและดูถูก...ความรักที่เธอมีให้แก่เขาเช่นกัน
หากยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่าที่คิดอยู่ในตอนนี้มุกตาภาก็ต้องรีบเดินกลับไปยังโซฟาตัวเดิมเมื่อเห็นกันตวิชญ์กำลังเดินมาทางนั้น ที่สำคัญ...หน้าตาที่เคยหล่อเหลานั้นกลับบึ้งตึงบอกบุญไม่รับกันเลยทีเดียว หรือคราวนี้เธอจะโดนอิทธิฤทธิ์หลานชายคนเล็กของบ้านตตินรากรณ์ให้เสียก็ไม่รู้
“ครึ่งบ่ายคุณมุกอยู่แทนผมได้มั้ยครับ เผอิญว่าผมมีปัญหาต้องสะสาง...นิดหน่อย” แม้จะดูเป็นประโยคขอร้องแต่ทั้งแววตาและท่าทางของกันตวิชญ์นั้นไม่ได้มาในทีท่าเดียวกับคำพูดเลยสักน้อย เพราะท่าทีที่และแววตาแสดงออกมานั้นติดไปทางออกคำสั่งกับเธอมากกว่า แถมยังเป็นคำสั่งที่เธอต้องตอบว่า ‘ค่ะ’ อย่างเดียวเสียด้วย
“ก็ได้...” ยังไม่ทันที่มุกตาภาจะพูดจบประโยค ร่างสูงของกันตวิชญ์ก็เดินลิ่วออกไปเสียแล้ว “...มั้งคะ” สองคำสุดท้ายจึงกลายเป็นว่าหญิงสาวนั้นเอ่ยเบาๆกับลมกับแล้งไป
“เหมือนจะถูกทิ้งเลยนะเพิร์ล” คำแซวของไบรอันส่งผลให้ ‘คนโดนเจ้านายทิ้ง’ ส่งค้อนวงย่อมไปให้อีกฝ่าย
“เห็นๆอยู่ก็ยังมาล้อกันนะคะ”
“ขอโทษทีครับ เห็นเพิร์ลเครียดๆ” ไบรอันถือวิสาสะเอื้อมมือมาใช้นิ้วชี้แตะระหว่างหัวคิ้วมุกตาภาเบาๆ “คิ้วงี้ขมวดมุ่นเลย”
มุกตาภาผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติเมื่อเพราะความไม่คุ้นชิน แต่ก็ไม่ได้โกรธเพราะท่าทีและแววตาของไบรอันนั้นไม่ได้แสดงอาการจาบจ้วงเลยแม้แต่น้อย เขาคงคิดจะทำให้เธอหายเครียดจริงๆ
“ขอโทษนะครับ ผมเสียมารยาทไปหน่อย”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวจึงยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกสิต้องขอบคุณที่คุณไบรอันเป็นห่วงมุก ไม่เหมือนบางคน” ประโยคหลังนึกกระหวัดไปถึงอีกคนที่เพิ่งจะหาว่าเธอเป็นผู้หญิงขี้ระแวง
ไบรอันยิ้มน้อยๆ มองดวงหน้าหวานที่ทำแก้มป่องนิดๆอย่างถูกใจ มุกเม็ดนี้ทั้งสวยทั้งน่ารัก คิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมกระโดดลงมา ‘แย่งชิง’ กับผู้ชายที่จัดการยากอย่างชิษวัศ
“ทะเลาะกับคุณอาร์มมาหรือครับ” ภายนอกแม้จะถามออกไปคล้ายจะห่วงใย แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจไบรอันนั้นพอใจด้วยซ้ำไปที่ระหว่างคนทั้งสองนี้เริ่มที่จะมาที่ว่างให้เขาแทรกกลางบ้างแล้ว
“เปล่าหรอกค่ะ...” เสียงหวานปฏิเสธ เธอไม่ได้ทะเลาะกับพี่อาร์ม เธอแค่น้อยใจเขา...เท่านั้นเอง
“เรื่องเฟลอร์หรือครับ”
ดวงตากลมโตจ้องมองหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันตาโต นี่เขามีญาณวิเศษหรือเปล่านะ หรือหน้าเธอมันมองออกขนาดนั้นว่าตอนนี้เธอกำลังมีปัญหาหนักอกเรื่องทวิดาร์ ไบรอันถึงได้ถามซะตรงประเด็นขนาดนี้!
“คุณไบรอันเป็นหมอดูหรือเปล่าคะ” มุกตาภาแกล้งทำสีหน้าจริงจังจนคนที่ถูกทักว่าเป็นหมอดูอดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้
“แล้วทายถูกหรือเปล่าครับ”
“ก็...” หญิงสาวลากเสียงยาว “...ถูกอยู่ค่ะ” ยอมรับการคาดเดาของเจ้านายของทวิดาร์เบาๆ
“เฟลอร์อยู่กับคุณอาร์มใช่ไหมครับ”
อีกครั้งที่มุกตาภาต้องตกใจกับคำถามที่คาดเดาสถานการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำของไบรอันราวกับว่าเขาได้ยินได้ฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับชิษวัศทั้งหมด
“รู้ได้ยังไงคะ?”
“ผมส่งเฟลอร์ไปคุยงานกับคุณอาร์มเองนี่ครับ จะไม่รู้ได้ยัง” เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังประดับไว้บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนมากๆในสายตาของมุกตาภาจนหญิงสาวยังเผลอคิดไปว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้หัวใจของผู้ชายคนนี้ไปคงโชคนี้ไม่น้อย
“เพิร์ลครับ...” ไบรอันเรียกหญิงสาวตรงหน้าเบาๆเมื่อดวงตาคู่โตจ้องมองมาที่ตนเอง
“คะ?” มุกตาภารับคำเสียงหลง รู้สึกเขินไม่น้อยที่เผลอมองรอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้นจนเพลิน
“หน้าผมมีอะไรติดหรือ”
มุกตาภาส่ายศีรษะเพื่อปฏิเสธจนผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดเป็นหางม้าทิ้งตัวอยู่ด้านหลังปัดไปมา
“เปล่าหรอกค่ะ มุกแค่คิดว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้หัวใจของคุณไบรอันไปครองคงโชคดีมากๆเลย” ไม่รู้เพราะอะไรมุกตาภาจึงกล้าที่จะคุยกับผู้ชายคนนี้เหมือนกับคนที่สนิทกันมานาน เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแม้ไบรอันจะมีตำแหน่งเป็นถึงลูกชายของเจ้าของบริษัทแต่ชายหนุ่มกลับไม่มีทีท่าถือตัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังเข้ากับคนง่าย พูดเก่ง แถมยังยิ้มเก่ง ไม่เห็นจะมีพิษมีภัยอย่างที่ชิษวัศเคยเตือนเธอไว้เลยสักนิด
หนุ่มนัยน์ตาสีเทาจ้องมองลึกไปในดวงตาคู่โตสวย “แล้วเพิร์ลอยากได้หรือเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถามกระทบเข้ากับทุกโสตประสาทของมุกตาภา ทั้งแววตาและน้ำเสียงตราตรึงหญิงสาวให้ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่
“ล้อ...ล้อเล่น...ใช่ไหมคะ” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะแววตาคู่นั้นที่มองมายังเธอมันไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
...ไม่จริงน่ะ ไม่จริงๆๆๆ คุณไบรอันคงไม่คิดอย่างนั้นกับเธอ ไม่มีทาง!...
ไบรอันยังคงจ้องมองดวงตาคู่สวยนั้นดวงสีหน้าและแววตาจริงจัง หากพอเห็นสาวเจ้าทำหน้าเสียชายหนุ่มก็ระบายยิ้มที่กว้างกว่าเดิมก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะร่วน
“ล้อเล่นน่ะครับ”
มุกตาภาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก “อย่าเล่นอย่างนี้สิคะ มุกทำตัวไม่ถูกเลยนะ”
“เห็นเพิร์ลเครียดไง อยากทำให้หัวเราะบ้าง”
“มุกจะเครียดหนักกว่าเดิมน่ะสิคะ” หญิงสาวบ่นเบาๆ หัวใจยังคงเต้นแรงด้วยความตกใจ
“ถ้างั้นพอเลิกสัมมนาแล้วเราตามไปสมทบกันมั้ยล่ะครับ กับคุณอาร์มแล้วก็เฟลอร์น่ะ” ไบรอันเสนอ
“ที่หัวหินน่ะหรือคะ?” หากสิ่งที่มุกตาภาถามกลับทำให้หนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“คุณอาร์มกับเฟลอร์ไปหัวหินกันหรือครับ” ถามราวกับไม่รู้ว่าทวิดาร์นั้นมีแผนที่จะไปคุยงานกับชิษวัศที่หัวหินและท่าทางของไบรอันก็ยิ่งทำให้มุกตาภานั้นคิดมากเรื่องระหว่างทวิดาร์และชิษวัศมากยิ่งขึ้น
“คุณไบรอันไม่รู้หรือคะ มุกนึกว่าคุณไบรอันสั่งพี่เฟลอร์...” หญิงสาวถามกลับเสียงเบาหวิว ถ้าคนเป็นเจ้านายไม่ได้สั่งการ อย่างนั้นก็แสดงว่า...ทวิดาร์จัดการตัดสินใจเรื่องที่จะไปดูสถานที่ที่หัวหินด้วยตัวเองอย่างนั้นใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นทำงานนอกคำสั่งของเจ้านายทำไมกัน?
“ผมบอกแค่ว่าให้เฟลอร์ไปคุยกับคุณอาร์ม แต่ไม่รู้ว่าเฟลอร์จะชวนคุณอาร์มไปดูสถานที่วันนี้เลย แต่ถ้าเพิร์ลจะตามไปผมพาไปก็ได้ครับ จะได้ถือโอกาสดูสถานที่เตรียมงานด้วยเลย” ไบรอันขันอาสาโดยใช้เรื่องงานมาเป็นเหตุผลประกอบ
มุกตาภานิ่งไปนิดหนึ่งเพราะกำลังใช้ความคิดตัดสินใจว่าเธอสมควรที่จะตามไปหรือไม่ แล้วถ้าเธอถามชิษวัศจะยิ่งเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จู้จี้คอยจับผิดหรือเปล่า แต่เธอไปเพราะเรื่องงานนี่ อย่างน้อยโปรเจคนี้เธอก็ต้องทำงานร่วมกับบริษัทของไบรอันอยู่แล้ว ถ้าเธอจะได้ดูสถานที่จัดงานเลี้ยงเสริมสัมพันธ์ของพนักงานทั้งสองบริษัทด้วยแล้วมันจะเป็นอะไร ทีพี่อาร์มยังไปกับพี่เฟลอร์เพราะเรื่องงานได้ เธอก็ไปกับไบรอันเพราะเรื่องงานได้เหมือนกันนั่นล่ะ!
“ไปค่ะ...มุกจะไป คุณไบรอันพามุกไปได้ไหมคะ” หญิงสาวตัดสินใจตอบรับ ไบรอันพยักหน้ารับซึ่งเป็นจังหวะที่การสัมมนาเริ่มขึ้นอีกครั้งมุกตาภาจึงรีบหุนหันกลับเข้าไปในห้องสัมมนาโดยมิอาจสังเกตเห็นสายตาที่มองตามหลังเธอไปว่ามันไม่ได้แฝงไปด้วยความเป็นมิตรอย่างที่เธอคิดเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายที่หญิงสาวมองว่าเป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่นแสนดีกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความมาดร้าย รอยยิ้มที่มุกตาภาเผลอชื่นชมเหยียดยิ้มราวกับหมาป่าที่ถูกใจกับเหยื่ออันโอชะที่เดินเข้ามาติดกับดักที่มันวางไว้เต็มเปา!โดยหญิงสาวหารู้ไม่ว่าถ้อยคำที่ไบรอันพูดกับเธอไปเมื่อครู่นั้นเขาโกหกทั้งเพ เพราะชายหนุ่มนัยน์ตาสีสวยคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างว่าทวิดาร์จะชวนชิษวัศไปดูสถานที่ที่หัวหิน เพราะทั้งหมดนั้นมันเป็นแผนที่ผู้ชายคนนี้วางเองกับมือ!!
----------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้มีแต่เรื่องประดังประเดเข้ามาทั้งหนูมุกและพี่อาร์มเลยค่ะ เหมือนเป็นบทพิสูจน์เส้นทางของหัวใจของคนทั้งคู่เลยค่ะ ถ้าผ่านไปได้ความรักนี้ก็คงมั่นคง...เพราะฉะนั้นช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยนะคะ!!
อ้อ...แล้วอย่าลืมให้กำลังใจคู่พี่อาร์ทต่อด้วยนะคะ :)
ปล. อย่าเพิ่งเบื่อพี่อาร์มกันนะค้าาาาาาาาา (แต่ถ้ารำคาญตาพี่อาร์มก็บอกกันได้นะคะ! ปอแก้วจะกลับไปจัดการให้ค่ะ!)
ปล.1 อาจจะมาช้าบ้างยังไงก็ช่วยรอและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ช่วงนี้ต้องทำงานหลายสิ่งค่ะ ทั้งงานตัวเองและงานคนรอบข้าง แหะๆ
(สำหรับเรื่องนี้...อาจจะเจอกันอีกทีหลังสงกรานต์เลยนะค้าาา แล้วเย็นนี้จะอัพเรื่องคุณดลค่าาาา)
ตอบเมนท์กันดีกว่าน้าาาา...
คุณ violette : น่ารักใช่ไหมคะ คิดเหมือนกันเลยจ้า :) หมูหวานเจออะไรมามากจึงทำให้เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวค่ะ ส่วนหนูมุก เจอปัญหาจริงแท้แน่นอนค่ะ
คุณ anOO : ผู้หญิงน่ารักๆอย่างหมูหวาน ป๊ากับม้าพี่อาร์ทน่าจะชอบนะคะ :) ส่วนเรื่องนายเกม...แผนหรือไม่แผนนั้นต้องคอยลุ้นเอาค่ะ แต่ที่แน่ๆคือนายเกมตัวร้ายของพี่ๆนั้นทำเรื่องยุ่งซะแล้วล่ะค่ะ!
คุณ tutas : ฮ่าๆๆ พี่อาร์ทได้ใจใช่ไหมคะ :) แต่ถ้าจะอ่านเรื่องของพี่อาร์ทคนเดียวคุณ tutas อาจจะไม่ปลื้มพี่อาร์ทก็ได้นะเออ ก็อย่างที่บอกค่ะว่าก่อนจะมาเจอคุณอาจารย์ พี่อาร์ทเธอนี่คาสโนว่าเลยนะคะ >< เพราะงั้น...ให้พี่อาร์ทเป็นพระรองที่ดูหล่อๆอย่างนี้ดีกว่าเนอะ แล้วก็...ตามลุ้นคู่พี่อาร์มด้วยนะคะ
คุณ ดาวคันชั่ง : ฮิๆๆๆ เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาดีค่ะ ชอบบอกชอบ รักบอกรัก :P ส่วนนายเกมอ่านตอนนี้แล้วก็พอรู้ใช่ไหมคะว่าลงมาเพื่อสร้างปัญหาให้กับพี่ชายโดยแท้
คุณ nunoi : เป็นประโยคที่ปอแก้วชอบมากเลยล่ะค่ะ "ถ้าห้ามจะพาหนี" เนี่ย โดนใจมาก!!
คุณ หมูบูลิน : สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ลุยเรื่องหนูมุกกับพี่อาร์มกันเต็มที่ค่ะ เรื่องต่างๆที่ต้องเจอคือด่านที่จะพิสูจน์ความรักและความเชื่อใจระหว่างกันค่ะ :)
คุณ pattisa : น่ารักใช่ไหมคะ อิอิ ดีใจที่ชอบนะคะ ช่วยติดตามกันต่อด้วยน้าาาาา
คุณ Amata : ฮ่าาาาาาา ปอแก้วก็อยากให้กระโดดออกมานอกจอเหมือนกันค่ะ จะรีบกระโดดคว้าเลยล่ะ (เขินนนนนน)
คุณ teesaparn : บางทีก็อาจจะมีนะคะผู้ชายอย่างนี้เนี่ย แต่ก็อาจจะอย่างที่คุณ teesaparn บอกค่ะ งงเข็มในมหาสมุทรแท้ๆ (แต่บางทีเราอาจจะโชคดีเจอนะคะ หวังกันต่อไป!!)

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2555, 11:19:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2555, 11:36:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 1891
<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 23 | เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 25 >> |

teesaparn 10 เม.ย. 2555, 11:41:09 น.
พี่อาร์มอ่ะ...
พี่อาร์มอ่ะ...

Amata 10 เม.ย. 2555, 11:56:01 น.
จริงๆด้วย ฮ่าๆๆ แสดงว่าใจเราตรงกันม๊าก...มาก
หนูมุก...ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจเอง เคยได้ยินไหม...
จริงๆด้วย ฮ่าๆๆ แสดงว่าใจเราตรงกันม๊าก...มาก
หนูมุก...ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจเอง เคยได้ยินไหม...

anOO 10 เม.ย. 2555, 19:23:08 น.
แบบนี้เลยเข้าทางนายไบรอันเลย ดูท่าทางจะผิดใจไปกันใหญ่นะ
แบบนี้เลยเข้าทางนายไบรอันเลย ดูท่าทางจะผิดใจไปกันใหญ่นะ

ดาวคันชั่ง 10 เม.ย. 2555, 20:12:46 น.
นายไบรอันท่าทางจะมีเจตนาไม่ดีแน่ๆ แ้ล้วนายเกมคนพามา ก็ทิ้งกันไปเฉยเลย โดนพี่อาร์มเล่นงานย้อนหลังแน่ - -'
นายไบรอันท่าทางจะมีเจตนาไม่ดีแน่ๆ แ้ล้วนายเกมคนพามา ก็ทิ้งกันไปเฉยเลย โดนพี่อาร์มเล่นงานย้อนหลังแน่ - -'

nunoi 10 เม.ย. 2555, 20:23:48 น.
พี่อาร์มขา ผู้หญิงนะคะ ต้องขึ้ระแวงเป็นธรรมดา ทีตัวเองน่ะ ฮึ! แล้วทำไงหล่ะทีนี้หนูมุกเลยตกหลุมแผนการของนายไบรอันซะงั้น
พี่อาร์มขา ผู้หญิงนะคะ ต้องขึ้ระแวงเป็นธรรมดา ทีตัวเองน่ะ ฮึ! แล้วทำไงหล่ะทีนี้หนูมุกเลยตกหลุมแผนการของนายไบรอันซะงั้น

violette 10 เม.ย. 2555, 21:06:37 น.
ตกหลุมนายไบรอันแล้ววว
พี่อาร์มรู้ตัวว่าขี้หึง ทำไมไม่คิดในมุมหนูมุกมั่งน้าาา เฮ่อออ
อยากรู้เรื่องพี่เกมเลยค่ะ ท่าทางจะสนุก 555
ตกหลุมนายไบรอันแล้ววว
พี่อาร์มรู้ตัวว่าขี้หึง ทำไมไม่คิดในมุมหนูมุกมั่งน้าาา เฮ่อออ
อยากรู้เรื่องพี่เกมเลยค่ะ ท่าทางจะสนุก 555

หมูบูลิน 11 เม.ย. 2555, 00:00:19 น.
ขอให้เชื่อใจกันมากๆๆนะค่ะ อย่าไปหลงกับมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนกับ2คนนี้
ขอให้เชื่อใจกันมากๆๆนะค่ะ อย่าไปหลงกับมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนกับ2คนนี้

tutas 11 เม.ย. 2555, 10:41:05 น.
ฮ่าๆ แสดงว่าพี่อาร์ทนี่วีรกรรมเยอะมากๆๆๆๆ ใช่มั๊ยคะคุณปแก้ว แต่ตู่ก็ยังชอบพี่อาร์ทเหมือนเดิมค่ะ
ฮ่าๆ แสดงว่าพี่อาร์ทนี่วีรกรรมเยอะมากๆๆๆๆ ใช่มั๊ยคะคุณปแก้ว แต่ตู่ก็ยังชอบพี่อาร์ทเหมือนเดิมค่ะ