พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 25

สวัสดีค่าาา...ลืมพี่อาร์มกับหนูมุกกันหรือยังคะ ปอแก้วเอาตอนใหม่มาให้อ่านกันแล้วน้า...

ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกัน คุยกันแล้วก็กดไลค์ให้เรื่องนี้นะคะ

ขอบคุณจริงๆค่ะ :)



-------------------------------------------------------------------------------------------------------




ตอนที่ 26: ปัญหาที่นอกเหนือแผนการ




ตลอดการเดินทางไปหัวหินแม้จะมีสมาธิในการขับรถแต่อารมณ์ที่ขุ่นมัวก็แสดงออกชัดเจนผ่านใบหน้าคมสัน ชายหนุ่มรู้ดีว่าที่มุกตาภาวางสายไปโดยไม่แม้ที่จะฟังเสียงที่เอ่ยรั้งไว้นั้นเกิดขึ้นเพราะหญิงสาวคงน้อยใจที่คำว่า ‘ระแวง’ หลุดออกจากปากของเขา แต่ไม่ใช่ว่าชิษวัศไม่รู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดออกไปอย่างนั้น เขาเองก็รู้สึกแย่ไม่น้อยและอยากจะขอโทษมุกตาภาจริงๆ อยากจะเข้าไปโยกศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มละมุนนั่นเบาๆพร้อมกับบอกว่า...พี่อาร์มขอโทษนะครับ

“มีปัญหากับน้องมุกหรืออาร์ม” ผู้ร่วมทางมาด้วยแกล้งถาม เพราะความจริงทวิดาร์นั้นรู้อยู่แล้วว่างานนี้ระหว่างชิษวัศและมุกตาภาต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่

ชิษวัศผ่อนลมหายใจออกยาว แม้จะรู้ดีว่าคนรักรู้สึกตะขิดตะขวงใจเรื่องของทวิดาร์ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจดีว่ามันอดไม่ได้ที่คนรักใหม่จะคิดอย่างนั้นกับผู้หญิงที่เคยเป็นอดีตสำหรับเขา แต่ก็อย่างที่ชิษวัศเคยพูด...ทวิดาร์เป็นเพียงอดีต มุกตาภาต่างหากที่จะเป็นปัจจุบันและอนาคตของเขา พูดไปถึงขนาดนี้ทำไมหนูมุกถึงไม่ยอมวางใจและเชื่อใจกันบ้างว่าเขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจไปจากเธอแน่ คนอย่างชิษวัศถ้าลองได้รักใครไปแล้วเขาไม่คิดจะถอนหัวใจคืนกลับมา และถ้าได้รักใครไปแล้วจะไม่มีทางหันหลังเดินออกจากชีวิตของอีกฝ่ายก่อน

“เหมือนจะมี”

คำตอบของชิษวัศทำเอาทวิดาร์แอบหัวเราะเบาๆ แต่ก็คงไม่เบานักเพราะชิษวัศหันมาทำหน้าดุใส่แถมยังส่งเสียงดุใส่อีกต่างหาก

“น่าขำตรงไหนเฟลอร์”

ทวิดาร์ไหวไหล่ ไม่สนใจกับเสียงดุๆของชิษวัศ “ก็คำตอบอาร์มมันน่าขำนี่นา ‘เหมือนจะมี’ นี่หมายความว่ายังไง มีหรือไม่มี”

“มี...” เสียงทุ้มย้อมรับ “แต่แค่นิดหน่อย อาร์มจัดการได้” ก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้จัดงานเลี้ยง ชายหนุ่มเลือกที่จะถอยรถเข้าบริเวณลาดจอดรถซึ่งอยู่ด้านข้างของทางโรงแรมแทนที่จะนำไปจอดไว้ที่ชั้นใต้ดินเพราะคิดว่าคงใช้เวลาจัดการทุกอย่างไม่นานมากนัก เนื่องจากก่อนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ทวิดาร์นั้นติดต่อกับทางโรงแรมเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดต่างๆไว้บ้างแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่คอนเฟิร์มทุกอย่างอีกทีเท่านั้น

“เดี๋ยวนะเฟลอร์” ร่างสูงรั้งคนที่กำลังเดินเข้าไปในตัวโรงแรม “ขอโทรศัพท์ก่อน” ก่อนจะใช้นิ้วกดลงบนหน้าจอระบบสัมผัสของโทรศัพท์เครื่องสวย หากรอแล้วรอเล่าสัญญาณก็ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆเพราะปลายสายไม่ยอมกดรับ แม้ชายหนุ่มจะโทรซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบทว่าผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม...มุกตาภาไม่ยอมรับสาย

“มีอะไรหรือเปล่าอาร์ม โทรไม่ติดเหรอ” ทวิดาร์ถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าของชิษวัศนั้นเครียดขึ้นมาอย่างชัดเจนซึ่งอารมณ์ของชายหนุ่มก็คงไม่แตกต่างจากสีหน้าและท่าทางที่แสดงออกมามากนัก

“ติด...แต่ไม่มีคนรับ” ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด แต่ก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะโทรติดต่อกับคนที่หัวใจอยากจะได้ยินเสียงของเธอใจจะขาด ไอ้น้ำเสียงที่งอนๆคล้ายน้อยใจที่ได้ยินก่อนมุกตาภาจะตัดสายทิ้งไปมันติดค้างอยู่ในหัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก

“น้องมุกสัมมนากับคุณเกมอยู่ไม่ใช่เหรออาร์ม อาจจะไม่สะดวกรับก็ได้” ภายใต้หน้ากากที่แสนดีใครจะรู้ว่าภายในใจนั้นทวิดาร์รู้สึกเช่นไร หญิงสาวกำลังดีใจ สะใจ ที่แผนการทุกอย่างนั้นกำลังเดินตามเกมที่เธอได้วางไว้และทุกอย่าง...กำลังลงล็อค

“ปกติหนูมุกจะรับโทรศัพท์ตลอด” บอกโดยที่ยังเพียรพยายามโทรติดต่อแม้อีกฝ่ายจะยังไม่ยอมรับสายก็ตาม

“งั้นอาร์มลองโทรหาน้องชายอาร์มสิ อยู่กับน้องมุกไม่ใช่หรือ”

เมื่อทวิดาร์ชี้ทางสว่างให้ คนที่อารมณ์กำลังร้อนได้ที่จึงรีบกดโทรศัพท์หาน้องชายทันที คราวนี้อีกฝั่งหนึ่งของสัญญาณไม่ปล่อยให้รอนานเมื่อคราวโทรหามุกตาภา รอเพียงแค่อึดใจเดียวกันตวิชญ์ก็กดรับสายซึ่งชิษวัศไม่ยอมเว้นช่องให้น้องชายได้พูดอะไรเลยเมื่อชายหนุ่มชิงลงมือเป็นฝ่ายพูดเสียก่อน

“ขอคุยกับหนูมุกหน่อยเกม” น้ำเสียงนั้นแสดงออกถึงความร้อนรนอย่างชัดเจน

“เอ่อ...คือว่า...ผม...” ปลายสายตอบกลับมาแบบตะกุกตะกักซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลยในความคิดของชิษวัศ เพราะเมื่อไรที่กันตวิชญ์เป็นอย่างนี้แสดงว่าเมื่อนั้นน้องชายของเขากำลังมีปัญหาหรือไม่ก็...กำลังสร้างปัญหา

...ซึ่งมันก็ไม่ดีทั้งสองอย่างเลยสิให้ตาย!!...

“ขอสายหนูมุกหน่อยเกม” ชิษวัศย้ำความต้องการของตนเองอีกครั้ง หากคราวนี้น้องชายกลับหายจากอาการตะกุกตะกักและตอบในสิ่งที่ทำให้คนเป็นพี่ชายแทบอยากจะแหวกโทรศัพท์ไปโผล่อยู่ตรงหน้าของเจ้าน้องชายตัวแสบนัก!

“คุณมุกไม่อยู่กับผมแล้วครับ”

“ว่าไงนะ!” ชายหนุ่มตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดังจนทำให้ทวิดาร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักหันมามองอย่างสนอกสนใจ เพราะบางที...อาจจะมีอะไรที่กำลังเกิดขึ้นนอกแผนการของตัวเอง

ชิษวัศพ่นลมหายใจออกยาว พยายามสงบใจให้นิ่งที่สุด “อธิบายมาว่าทำไมหนูมุกไม่อยู่กับเกม ที่สำคัญเกมปล่อยหนูมุกให้อยู่คนเดียวได้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่ได้เอารถมา แล้วเธอจะกลับบ้านยังไงเกมคิดบ้างหรือเปล่า”

“แท็กซี่ก็มีนะฮะ” น้องชายตอบกลับมาเสียงเบา

“กันตวิชญ์!!” แต่ก็โดนพี่ชายดุกลับไปเสียงเข้มทันที “แล้วเกมโยนงานของตัวเองให้หนูมุกรับผิดชอบคนเดียวได้ยังไง โตแล้วทำไมไม่มีความรับผิดชอบ” ชิษวัศจัดการสั่งสอนน้องชายในคราวเดียว นิสัยหุนหันพลันแล่นของกันตวิชญ์ให้ทำอย่างไรก็แก้ไม่ได้เสียที โดยเฉพาะยามที่ไม่พอใจหรือไม่ถูกใจอะไร กันตวิชญ์สามารถที่จะละทิ้งจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วไปจัดการกับสิ่งที่มันรบกวนจิตใจของตนเองให้หายไปได้ในทันที

“ก็ยัยเด็กน่ารำคาญสร้างปัญหาให้ผมอีกแล้ว...” น้ำเสียงที่ส่งผ่านทางสัญญาณโทรศัพท์แสดงอาการหงุดหงิดกับเรื่องที่ต้องไปสะสาง “...ที่สำคัญคุณมุกเขาไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย ก่อนผมออกมาผมเห็นเขาคุยอยู่กับเพื่อน”

คำว่า ‘เพื่อน’ ที่หลุดออกมาจากปากกันตวิชญ์ทำเอาคนเป็นพี่ชายถึงกับเอาหัวคิ้วเข้ามาชนกันอย่างสงสัย จากที่มุกตาภาเคยเล่า เพื่อนที่หญิงสาวมีและสนิทที่อยู่ที่นี่ก็มีเพียงนิชิตาเท่านั้น และคนเป็นอาจารย์อย่างนิชิตาคงไม่ไปโผล่อยู่ที่งานสัมมนาของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แน่ แล้ว ‘เพื่อน’ ที่น้องชายของเขาหมายถึงนั้นเป็นใคร ที่สำคัญ...ผู้ชายหรือผู้หญิง

“ผู้ชายหรือผู้หญิง” ชิษวัศถามเสียงเข้ม ถ้าเป็นผู้ชาย...งานนี้คงไม่มีสะสางหลังไมค์กับน้องชายเป็นแน่ โทษฐานที่ปล่อยให้ ‘ว่าที่พี่สะใภ้’ อยู่กับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง!

“ผู้ชายครับ ลูกครึ่งด้วย” ปลายสายตอบโดยที่หารู้ไม่ว่าคนเป็นพี่ชายนั้นกำโทรศัพท์แน่นขนาดไหนยามที่รู้คำตอบ

“แล้วเกมปล่อย...” ชิษวัศกะจะต่อว่าคนเป็นน้องชายต่อหากกันตวิชญ์กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“...แค่นี้ก่อนนะพี่อาร์ม ผมมีสายซ้อนของพ่อ” แล้วปลายสายก็ตัดสัญญาณทิ้งไปปล่อยให้ชิษวัศมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างหัวเสีย ทว่าหน้าจอของโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกวางสายไปกลับสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแสดงชื่อของอีกคนหนึ่งที่โทรเข้ามา... ‘คุณเชนทร์’ บิดาของเขาเอง!!

“ครับพ่อ”

“ที่บริษัทมีเรื่อง อาร์มอยู่ไหน กลับมาเดี๋ยวนี้เลย” บิดาสั่งมาตามสัญญาณไร้สายด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เป็นจังหวะเดียวกับที่ชิษวัศฉุกคิดได้ว่าเมื่อครู่กันตวิชญ์ก็บอกว่ามีสายซ้อนของ ‘ลุงวิน’ เข้ามา งานนี้สงสัยที่บริษัทคงมีเรื่องจริงๆ แถมน่าจะเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วยเมื่อลูกๆของคุณรันทร์และคุณรินทร์ถึงขั้นโทรศัพท์มาตามตัวด้วยตนเอง

“ผมขอทราบรายละเอียดได้ไหมครับ” ชิษวัศถามบิดา เพราะถ้ารู้รายละเอียดถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่รู้ก็หาทางแก้ปัญหาไม่ได้รู้ พอรู้มาก่อนจะได้ค่อยๆคิดหาทางออกของปัญหา

“มีคนวางแผนดิสเครดิตบริษัทเราโดยจัดฉากให้ไวน์กับเรไปเจอกันที่โรงแรม ตอนพวกพ่อกับคุณปู่ไปถึงก็เห็นไวน์กับเรนอนสลบทั้งคู่ในห้องของโรงแรม สภาพตอนนั้นเป็นยังไงอาร์มคงพอรู้ใช่ไหม”

ชิษวัศถอนหายใจออกยาวพอจะนึกภาพตามที่บิดาบอกเล่าออกพร้อมกับนึกถึงเมื่อครั้งภูมิรพีเดินเข้ามาปรึกษาเรื่องของ ‘ธีรธัชช์’ แฟนหนุ่มของเรศิกานต์ซึ่งน้องชายคนรองของเขาสงสัยว่าธีรธัชช์จะคิดไม่ซื่อเนื่องด้วยทางฝ่ายนั้นเองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์แถมยังเป็นคู่แข่งสำคัญกับทางตตินรากรณ์ แม้คราวนั้นชิษวัศจะฟังหูไว้หูเพราะไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัดที่บ่งบอกว่าธีรธัชช์จะทำเช่นนั้น แต่ครั้งนี้หลานชายคนโตของครอบครัวแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ภูมิรพีกลัวนั้นไม่ผิดเลย!

ธีรธัชช์เข้ามาคบหากับเรศิกานต์เพื่อหวังผลประโยชน์!

“ตอนนี้ผมมาธุระเรื่องงานที่หัวหินกับเฟลอร์ครับพ่อ คงใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่าจะกลับถึงบริษัท แต่จะพยายามไปให้เร็วที่สุดฮะ” ชายหนุ่มพลิกข้อมือด้านซ้ายเพื่อคำนวณเวลาเดินทาง

“รีบมาก็แล้วกัน ทางนี้พ่อกับพวกลุงวินจะจัดการกันก่อน”

“แล้วคุณปู่รันกับคุณปู่รินเป็นยังไงบ้างครับ” คนเป็นหลานชายคนโตถามอย่างห่วงใยเมื่อสังเกตได้ว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้เอ่ยชื่อคุณรันทร์และคุณรินทร์เลย

“ปู่รันตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้ก็อยู่บริษัทกับพ่อ ส่วนปู่รินอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอได้ข่าวก็หน้ามืดไปเลย ตอนนี้ลุงเรศดูแลอยู่”

เมื่อได้รับทราบอาการของคุณปู่ทั้งสองชิษวัศก็เผลอกำมือแน่นด้วยความโกรธยิ่งคุณปู่รินด้วยแล้วคงตกใจมากเอาการ ชิษวัศรู้ดีว่าท่านรักเรศิกานต์มากกว่าหลานคนอื่นๆ พอประสบเรื่องอย่างนี้จึงไม่แปลกที่ท่านจะรับไม่ได้ และใครที่มันทำให้ครอบครัวอันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาต้องเสียใจหรือเจ็บปวด ชายหนุ่มสาบานได้เลย...ว่ามันผู้นั้นจะต้องชดใช้มากกว่าสิ่งที่เขาได้รับในวันนี้!

“ไวน์กับเรล่ะครับ...โอเคไหม” พี่ชายยังไม่ลืมที่จะถามถึงน้องชายและน้องสาวคนสำคัญ

“เรยังตกใจอยู่ แต่พ่อเป็นห่วงไวน์มากกว่า ไม่ยอมพูดยอมจากับใครเลย”

ชิษวัศกัดฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสันนูน รู้ดีว่าความรู้สึกของภูมิรพีที่มีให้กับเรศิกานต์นั้นเกินกว่าคำว่า 'พี่น้อง' รู้มานานว่าน้องชายต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นมากขนาดไหน

รัก...แต่กลับบอกว่ารักไม่ได้

รัก...แต่ต้องเก็บคำว่ารักนั้นไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้รู้

และรัก...แต่ทำได้เพียงแค่มองอยู่ห่างๆ

“งั้นผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้ แค่นี้ก่อนนะครับพ่อ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะครับ ส่วนเรื่องนักข่าว พ่อช่วยทำยังไงก็ได้เพื่อปิดข่าวทั้งหมดก่อนนะฮะ ทางผมก็จะช่วยจัดการอีกแรง แค่นี้นะครับ” พูดจบชิษวัศก็วางสายของบิดาอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมาทางทวิดาร์ที่คิดว่าน่าจะพอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากการที่ได้ฟังการสนทนาระหว่างเขากับบิดาแล้ว

“เอากุญแจรถมา เดี๋ยวเฟลอร์ขับให้ กลับกรุงเทพฯเร็วที่สุดใช่ไหม” มือบางแบพร้อมกับยื่นตรงไปข้างหน้า รอจนชิษวัศวางกุญแจรถของเขาบนมือของเธอ

“ขอบคุณนะเฟลอร์” ชิษวัศขอบคุณหญิงสาวด้วยใจจริง เพราะคบกันมานานไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือในฐานะอดีตคนเคยรักจึงทำให้แค่มองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอะไร จึงไม่ยากที่ทวิดาร์จะเข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมดโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไร” ทวิดาร์ยิ้มรับคำขอบคุณก่อนจะพูดต่อ “ส่วนเรื่องที่นี่ไม่ต้องห่วง เฟลอร์จัดการเอง แต่ถ้าอาร์มมีปัญหาเลื่อนงานนี้ไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเฟลอร์คุยกับบอสให้”

ชิษวัศส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับร่างสูงที่เดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับหลังจากทวิดาร์ที่อาสาเป็นสารถีปลดล็อคประตูรถ

“ไม่...กำหนดการจะเป็นอย่างเดิม ไม่ต้องเลื่อน อาร์มไม่อยากให้บริษัทของมิสเตอร์เกรกเสียความเชื่อมั่นกับบริษัทของอาร์ม”

ทวิดาร์พยักหน้ารับก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปโดยมีจุดหมายปลายทางเป็นบริษัทของชิษวัศที่เกิดปัญหาซึ่งอยู่นอกเหนือแผนการที่เธอวางไว้ ความจริงหญิงสาวกะจะจัดการเรื่องมุกตาภาให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลยวันนี้จะได้ไม่ต้องคาราคาซังเป็นหนามยอกอก แต่ก็ดันมีสิ่งที่อยู่นอกเหนือแผนการมาขัดขวางเสียได้ ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้โชคดีขนาดนี้แต่ก็อย่าหวังเลยว่าเวลาที่ถูกยืดไปนี้จะทำให้มุกตาภามีความสุข ยืดเวลาออกไปอย่างนี้ก็ดี...เธอจะได้มีอะไรสนุกๆคอยทำไม่ให้ปฏิบัติการณ์ตัดความสัมพันธ์นี้มันไม่น่าเบื่อนัก!












ภายในห้องสัมมนาที่ถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งกลางกรุง บรรดาเหล่านักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำทางด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อยๆทยอยกันเดินออกจากห้องเมื่อการสัมมนาสิ้นสุดลงในเวลาประมาณเกือบๆห้าโมงเย็น เช่นเดียวกับมุกตาภาที่ต้องรับบทหนักแทนกันตวิชญ์มาทั้งวัน หญิงสาวรวบรวมแผ่นเอกสารทั้งหมดก่อนจะเก็บใส่แฟ้มอย่างเป็นระเบียบแล้วจึงเดินออกจากห้องไปโดยมีชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาที่ผสมระหว่างเชื้อชาติตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัวเดินเคียงข้างออกไป

“มุกขอโทรหาเจ้านายหน่อยนะคะ ถ้าเกิดว่าเขาทำธุระที่โน่นเสร็จแล้วเราจะไม่ได้ต้องเสียเวลาไป”

“ดะ เดี๋ยว...” ไบรอันซึ่งกำลังจะเอ่ยปากห้ามเพราะขืนชิษวัศบอกว่าไม่ต้องไปมันก็ผิดแผนที่วางไว้กับทวิดาร์เสียหมด แต่ดูเหมือนว่ามุกตาภาจะไม่ฟังคำห้ามของเขาเสียเลยเมื่อหญิงสาวเดินปลีกตัวไปอีกมุมหนึ่งซึ่งห่างพอสมควรจากจุดที่ไบรอันยืนอยู่

ร่างบางที่จงใจปลีกตัวให้ห่างจากไบรอันเอื้อมมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า นิ้วเรียวสวยกดโทรออกลงบนหน้าจอระบบสัมผัสอย่างรวดเร็ว หากก็ต้องผิดหวังเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าปลายสายที่เธอต้องการจะพูดคุยนั้นกำลังติดสายอยู่ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมแพ้ยังคงเพียรโทรออกไปอีกครั้ง คราวนี้ความพยายามของมุกตาภานั้นสัมฤทธิ์ผล เธอโทรติดแต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสายของเธอ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาชิษวัศไม่เคยเลยที่จะไม่รับโทรศัพท์เธอ ต่อให้ติดงานแค่ไหนพี่อาร์มก็จะยังรับสายเธอและบอกว่าตอนนี้เขากำลังยุ่ง หากเวลานี้...ชิษวัศกลับไม่ยอมรับสายของเธอ

...ดีใจที่โทรติด แต่เสียใจ...ที่เขารู้ว่าเธอโทรมาหาแต่ไม่ยอมกดรับและพูดคุยกัน...

...ทำไมกันนะ เพราะอะไร...

คำถามว่าทำไม เพราะอะไรวนเวียนอยู่ในห้วงความคิด และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มุกตาภาตัดสินใจเปลี่ยนเลขหมายปลายทางที่ต้องการติดต่อจากชิษวัศเป็นคนที่น่าจะอยู่กับเขาตอนนี้...ทวิดาร์ และเพียงชั่วอึดใจ ปลายสายนั้นรับสายของเธอพร้อมกับเสียงหวานที่ส่งผ่านมา

“ว่าไงคะน้องมุก”

มุกตาภาเผลอกัดริมฝีปากล่างเบาๆเมื่อได้ยินเสียงของทวิดาร์ “สวัสดีค่ะ ตอนนี้พี่เฟลอร์อยู่กับพี่อาร์มหรือเปล่าคะ” คนที่มีคำถามมากมายอยู่ในใจรีบถามตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม

“อยู่จ้ะ”

“ที่หัวหินหรือคะ”

“เปล่าจ้ะ พี่กับอาร์มกลับมากรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว”

“คะ?” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง สิ่งที่สงสัยไม่เข้าใจถูกเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งข้อ “กลับแล้วเหรอคะ”

“จ้ะ...ตอนแรกพี่ก็คิดว่าน่าจะกลับถึงกรุงเทพฯค่ำๆ แต่ว่าอาร์มมีเรื่องที่ต้องรีบขึ้นมาจัดการน่ะ”

คำตอบของทวิดาร์ยิ่งทำให้มุกตาภาไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้ามากยิ่งขึ้น เธอไม่รู้ว่าวันนี้ชิษวัศจะไปหัวหินกับทวิดาร์ และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา เธอที่อยู่นี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอที่เป็นคนรักของเขานั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ทวิดาร์ที่เป็นแฟนเก่ากลับรู้ทุกเรื่องและกำลังยืนเคียงข้างชิษวัศยามเมื่อเขามีปัญหากระนั้นหรือ

“ขอมุก...คุยกับพี่อาร์มได้ไหมคะ”

“เฟลอร์! มาช่วยอาร์มจัดการเรื่องนักข่าวพวกนี้หน่อย”

เสียงของชิษวัศที่รอดเข้ามาให้ได้ยินยิ่งทำให้มุกตาภาน้ำตารื่นขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้ พี่อาร์มของเธอกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรสักอย่าง...และเธอไม่ใช่คนที่เขาขอร้องให้ช่วยเหลือ!

...ทั้งๆที่มุกอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพี่อาร์มแท้ๆ แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไม...

“คือว่าพี่ต้องไปช่วยอาร์มก่อน ไว้พี่จะบอกให้อาร์มโทรกลับนะจ๊ะ” ปลายสายตะล่อมเสียงหวาน

“ไม่ค่ะ!” หากอีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง ดึงดันไม่ยอมทำตาม “มุกขอคุยกับพี่อาร์มค่ะ”

ถ้าฟังไม่ผิด มุกตาภาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากอีกฝ่าย

“อาร์มคะ น้องมุกโทรมา จะคุยกับอาร์มเดี๋ยวนี้เลย”

คำพูดของทวิดาร์ทำให้อีกคนหนึ่งซึ่งรอลุ้นผลของการเอาแต่ใจของตัวเองว่าจะเป็นเช่นไรเริ่มใจชื้นขึ้น เห็นความหวังว่าจะได้คุยกับชิษวัศอยู่ไม่ไกล

“ฝากบอกหนูมุกด้วยว่าผมจะโทรกลับ...”

“อาร์มบอกว่าจะโทรกลับทีหลังนะคะ พี่ว่า...”

ไม่ต้องรอให้ทวิดาร์พูดจบหญิงสาวชิงตัดสายทิ้งทันที อารมณ์น้อยใจแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงอย่างนี้ ผู้หญิงชอบจับผิด คิดมาก ไม่ไว้ใจคนรัก แต่ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังจะเป็นเช่นนั้น เธอสงสัยชิษวัศ หวั่นใจทุกครั้งยามเมื่อเขาอยู่กับผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่า ยิ่งเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้...ชิษวัศเลือกที่จะไม่รับสายเธอแถมยังให้ทวิดาร์มาบอกกับเธอว่าเขาจะโทรกลับมาหาเอง

แค่ประโยคที่ว่า ‘พี่จะโทรกลับ’ เธออยากได้ยินมันจากปากของเขาเองไม่ใช่จากปากของคนอื่นที่เขา ‘ฝาก’ มา

ถึงแม้ว่าเธอจะเสียใจทั้งคู่ แต่การได้ยินจากปากของคนที่เธอรัก ชิษวัศจะรู้บ้างไหม...ว่ามันเสียใจน้อยกว่า...น้อยกว่าถ้าเทียบกับการได้ยินจากปากของคนที่เป็น ‘อดีตคนรัก’

หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยาดน้ำตาให้พ้นไปจากดวงตาคู่โตก่อนจะเดินกลับมาหาไบรอันที่ยืนรออยู่พร้อมรอยยิ้มที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมา ไม่ใช่รอยยิ้มที่มักออกมาจากใจจริงเฉกเช่นทุกครั้ง

“เรา...ไม่ต้องไปหัวหินแล้วล่ะค่ะ” มุกตาภาบอกพร้อมกับยิ้มที่ดูจะมากเกินกว่าเหตุ “คุณอาร์มกับพี่เฟลอร์กลับกรุงเทพฯกันแล้วค่ะ”

แม้จะพยายามแสร้งยิ้มอย่างไร หากยามเมื่อต้องพูดชื่อของชิษวัศพร้อมกับทวิดาร์หัวใจมันก็รู้สึกปวดขึ้นมาแปลกๆ ความรักที่ว่าหวาน ทำไมตอนนี้เธอถึงเริ่มรู้สึกถึงความขมที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามา

“กลับกันแล้วหรือครับ” ไบรอันถามอย่างสงสัย ความจริงทวิดาร์น่าจะยังต้องรั้งตัวชิษวัศไว้ที่หัวหินสิ ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาถึงกรุงเทพฯกันแล้ว หรือเกิดอะไรขึ้นที่นอกเหนือแผนการที่วางไว้

มุกตาภาพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นมุกกลับก่อนนะคะ” เมื่อไม่ต้องเดินทางไปหัวหินแล้ว หญิงสาวจึงบอกลาหุ้นส่วนคนสำคัญ

“เดี๋ยวครับ” หากไบรอันกลับรั้งร่างบางไว้ด้วยคำพูดและปลายสัมผัสที่แตะเบาๆที่ข้อศอกของมุกตาภาอย่างสุภาพ “เพิร์ลจะกลับยังไง” พร้อมกับคำถามที่ถามขึ้นอย่างห่วงใย

“แท็กซี่มั้งคะ หรือบางทีอาจจะรถเมล์ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม ก็เธอถูกทิ้งนี่นะ...มันก็ต้องหาทางกลับอย่างนี้นี่ล่ะ...ถูกแล้ว

“งั้นผมไปส่ง เพิร์ลบอกทางแล้วกัน” ไบรอันอาสา...อย่างเต็มใจ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ!” แต่มุกตาภาเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีนั้น “ลำบากคุณไบรอันเปล่าๆ ที่สำคัญ...มุกเกรงใจ”

“เอาอย่างนี้ไหม...” ไบรอันเริ่มแผนต้อน “ถ้าเพิร์ลเกรงใจผม งั้นเย็นนี้ไปทานข้าวกับผมเป็นการตอบแทนเป็นไงครับ ได้กับได้ทั้งสองฝ่ายเลยนะ ผมได้เพื่อนทานข้าว เพิร์ลได้สารถีขับรถไปส่งที่บ้าน ว่าไงครับ ตกลงไหม”

“แต่ว่า...” มุกตาภาทำท่าว่าจะปฏิเสธอีกรอบ ถึงไบรอันจะไม่มีทีท่าว่าเป็นบุคคลอันตรายที่เธอไม่สมควรเข้าใกล้ แต่คำพูดของชิษวัศที่เคยเตือนเธอเรื่องผู้ชายคนนี้ก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว

“ถ้าเพิร์ลปฏิเสธอีก ผมจะคิดว่าเพิร์ลไม่ไว้ใจผมแล้วก็ไม่คิดว่าผมเป็นเพื่อนนะครับ” หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันงัดไม้ตายขึ้นมาใช้ เพราะรู้ดีว่ามุกตาภาจะไม่ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของตนเองเป็นแน่ถ้าเขาใช้เหตุผลนี้ขึ้นมาอ้าง ผู้หญิงคนนี้ใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธใคร ยิ่งคนๆนั้นเป็นถึงหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วยแล้ว อย่างน้อย...เธอก็ต้องรักษาชื่อเสียงและภาพพจน์ของบริษัท

““ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่มุกขอเป็นเจ้ามือนะคะ” ถึงจะยอมตบปากรับคำแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมที่จะติดหนี้บุญคุณใคร ถ้าเธอยอมให้ไบรอันเป็นฝ่ายควักกระเป๋าจ่ายเงิน นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีการเลี้ยงข้าวเขากลับคืน

“ขอปฏิเสธครับ ผมเป็นผู้ชายนะ จะปล่อยให้เพิร์ลจ่ายได้ยังไง” ไบรอันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ถ้าเพิร์ลจะเป็นเจ้ามือ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ คราวหน้า...เพิร์ลค่อยเลี้ยงผม” รอยยิ้มที่เผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มข้างขวาถูกส่งมาให้มุกตาภาพร้อมกับมือที่ดันหลังของเธอเบาๆ “ไปครับ ผมหิวแล้ว วันนี้ใช้พลังงานมาทั้งวัน”

ขาเรียวยาวนั้นก้าวไปข้างหน้าเมื่อถูกมือของไบรอันดันเบาๆเป็นสัญญาณ เธอน่าจะพอเดาได้ตั้งแต่ทีแรกว่าไบรอันจะไม่ยอมให้เธอเป็นเจ้ามือแน่ๆและเขาต้องมาไม้นี้ ต้องหาเหตุผลเพื่อที่จะให้มี ‘คราวหน้า’ คราวที่เธอต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวเขากลับคืน แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ เธอบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง ไม่ต้องกลัวใครจะว่าหรือพูดอะไรไปในทางเสียหายทั้งนั้น เพราะคนบางคนยังไปไหนต่อไหนกับ ‘แฟนเก่า’ ได้ แล้วทำไมเธอจะไปไหนมาไหนกับ ‘เพื่อนใหม่’ บ้างไม่ได้!

------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอาล่ะสิ...เขียนเรื่องนี้แล้วเหนื่อยใจ พี่อาร์มจะมองโลกงดงามไปไหนค้าาาาาาาา
คนอ่านที่น่ารักอย่าเพิ่งเบื่อหรือเซ็งพี่อาร์มกันนะคะ ใกล้จบ...อุปสรรคมันก็ต้องเริ่มเยอะเพื่อพอสูจน์ความรักเป็นธรรมดา แหะๆๆๆ
ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ :)




ตอบเมนท์กันค่าาาา...


คุณ teesaparn : ตอนนี้ก็คงเป็น...พี่อาร์มอ่ะ...เหมือนเดิมแน่ๆใช่ไหมคะ

คุณ Amata : อิอิ ใจตรงกันจริงๆค่ะ ส่วนหนูมุกนี่ก็เชื่อคนง่ายไปจริงๆเล้ย

คุณ anOO : เข้าทางเลยล่ะค่ะ จากตอนนี้หนูมุกเริ่มจะประชดพี่อาร์มบ้างแล้ว เง้อ...

คุณ ดาวคันชั่ง : ไบรอันมีเจตนาไม่ดีแต่ตอนนี้ยังไม่แสดงออกค่ะ แต่แค่ไม่แสดงออกพี่อาร์มก็ไม่ชอบมากๆแล้ว ส่วนนายเกม...มีสั่งสอนกันหลังไมค์แน่ค่ะ

คุณ nunoi : นั่นน่ะสิคะ...ทำไม้ ทำไมพี่อาร์มไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงบ้าง ดูซิ...หนูมุกเลยคิดมากไปใหญ่เลย

คุณ violette : พี่อาร์มเธอคิดทุกมุมยกเว้นมุมของหนูมุกค่ะ ฮึ! ส่วนเรื่องนายเกม...ฮ่าๆ คิดว่าท่าทางจะสนุกแบบร้ายๆน่ะสิคะ เพราะในบรรดาพี่น้องทั้งหมด นายเกมที่ตัวร้ายเลยล่ะค่ะ ;)

คุณ หมูบูลิน : ทั้งคู่ก็อยากจะเชื่อใจกันค่ะ แต่สถานการณ์มันพาไปให้คิดอ่ะน้า...

คุณ tutas : ฮ่าๆ ก่อนจะมาเจอกับหมูหวานที่ปอแก้วคิดไว้พี่อาร์ทนี่เจ้าชู้หญิงตรึมสุดๆไปเลยล่ะค่ะ (ตอนหน้ามีพี่อาร์ทด้วยนะคะ :))




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 เม.ย. 2555, 14:10:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 เม.ย. 2555, 14:10:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1780





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 24   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 26 >>
ดาวคันชั่ง 21 เม.ย. 2555, 14:23:25 น.
แอบทวงที่คอมเม้นเรื่องโ้น้น คุณปอแก้วก็พาพี่อาร์มาเร็วทันใจมากค่ะ อ่านตอนนี้แล้วสงสารหนูมุก >< สองคนนี้เหมือนต้องพูด ต้องเปิดใจกันมากกว่านี้มั้งคะ

แล้วก็อยากอ่านเรื่องของภูมิรพี ยิ่งเกริ่นแบบนี้ยิ่งอยากอ่านเรื่องเต็มๆแล้วค่ะ^^


violette 21 เม.ย. 2555, 15:05:16 น.
คู่นายเกมก็อยากอ่าน แอบเปิดเรื่องคู่ไวน์กับเรอีก ยิ่งอยากอ่านค่ะ
(เพราะรำคาญพี่อาร์มแล้ว ฮ่าๆๆๆ)
รอพี่อาร์ทกับหมูหวานดีกว่าเนอะๆๆ


anOO 21 เม.ย. 2555, 16:31:46 น.
พี่อาร์มจะรู้ตัวไหมว่าหนูมุกเค้าเริ่มจะประชดบ้างแล้ว


nunoi 21 เม.ย. 2555, 20:18:42 น.
โอ๊ยยยย พี่อาร์มไม่ได้ดังใจเล้ยยย


หมูบูลิน 21 เม.ย. 2555, 23:55:44 น.
อยากจะเคาะหัวพี่อาร์มซักที ทำไมไม่ได้เรื่องเลย เป็นเรา เราก็น้อยใจนะมาทำอย่างงี้อะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account