มายาหัวใจ
เขาคือใคร? คนร้ายหรือคนดี? หรือเขาจะเป็นคนที่ทำให้หัวใจเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 4. บ้านใหม่


บ้านที่เคยกว้างเกินไปสำหรับสองพี่น้อง บัดนี้มันกลับกลายเป็นคับแคบและอึดอัดไปแล้ว เมื่อมีหนุ่มร่างใหญ่เข้ามายืนอยู่กลางบ้าน

“นายนอนห้องข้างล่างก็แล้วกัน อย่าจำไว้ว่าอย่าขึ้นมาวุ่นวายบนชั้นสอง ที่ส่วนบุคคลห้ามเข้า” ญาดากำชับหนักแน่น เพราะยังไม่ไว้ใจคนมาใหม่เท่าที่ควร

อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปดูห้องนอนที่อยู่ติดกับบันไดขึ้นชั้นสองที่ทุกคนในละแวกนี้อุตส่าห์มาช่วยกันขนข้าวของที่เก็บไว้มานานหลายปีออกไปไว้ด้านหลัง เพื่อจะได้มีที่หลับที่นอนให้คนมาใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้หัวนอนปลายเท้า

“แล้วอย่าได้เผลอทำอะไรนอกลู่นอกทางล่ะ อย่าลืมว่าฉันมีตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจำไว้” ลุงป๋องที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้นขณะยืนกอดอกมองอยู่ พร้อมกับเด็กชายวัยสิบขวบตัวอ้วนฉุที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างกัน

“เม่นจะเป็นหูเป็นตาให้ป๊าเองไม่ต้องห่วง” หนุ่มน้อยแก้มป่องให้สัญญาหนักแน่น

“จะเป็นหูเป็นตาหรือว่ามาหลับอุตุกันแน่” ลุงป๋องพูดยิ้มๆ ก่อนจะกวักมือเรียกหนุ่มน้อยที่ดูโตกว่าด.ช.เม่นเข้ามาในบ้าน “ส่วนตอนกลางคืนแกเป็นคนเฝ้ายาม แล้วอย่าเผลอหลับไปล่ะไอ้มิก รู้รึเปล่า”

“รู้แล้วน่าป๊า สั่งอยู่ได้” หนุ่มน้อยวัยสิบหกที่ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะดันไปมีเรื่องกับลูกชายนักการเมืองใหญ่ รับปากอย่างเนือยๆ ขณะหอบกระเป๋าเป้เข้ามาด้วย

“อยู่เป็นเพื่อนพี่นะมิก พี่ไม่ค่อยไว้ใจคนแถวนี้” ญาดาพูดพร้อมกับปราดตาไปมองคนที่เดินสำรวจรอบๆ ห้องที่มีเพียงเตียงสามฟุตครึ่งกับโต๊ะเครื่องแป้งอย่างสนอกสนใจ

“คร้าบ ไม่หลับหรอกพี่ จะเล่นดอทเอ” พูดแล้วหนุ่มน้อยก็เดินไปตรงโซฟาหน้าทีวี พลางโยนกระเป๋าเป้ที่ใส่โน้ตบุ๊คเอาไว้ข้างในลงบนโซฟาเป็นเชิงจับจองที่

“พี่อนุญาตเต็มที่ ขาดเหลืออะไรบอกได้” ญาดายิ้มแก้มปริ ที่รู้ว่าอย่างน้อยการอยู่ร่วมชายคากับชายแปลกหน้าก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้สักเท่าไหร่

“ไม่ต้องเกรงใจนะมิก ขาดอะไรก็บอกพี่ญาไป ดูหน้าเจ๊แกสิ บานยังกะจานดาวเทียม” ณาชาอดแซวพี่สาวไม่ได้ เพราะท่าทางของญาดานั้นมันดีใจจนออกนอกหน้าจริงๆ

ญาดาได้แต่ยื่นปากใส่น้องสาวที่เดินไปนั่งแหมะลงข้างๆ เด็กหนุ่มวัยสิบหก เพื่อที่จะแย่งเล่นเกมของน้องชาย ก่อนจะหันไปขอบอกขอบใจลุงป๋องที่อุตส่าห์ส่งลูกชายมาอยู่เป็นเพื่อน

“ถ้าไม่ได้ลุงป๋องญาคงเครียดแย่เลยค่ะ บอกตรงๆ ว่าญาไม่ค่อยไว้ใจ”

“ลุงก็ไม่ได้ไว้ใจอะไรมากนักหรอก แต่ที่อยากช่วยก็เพราะเห็นเป็นคนด้วยกัน ยังไงซะก็ไม่อยากทิ้งเอาไว้คนเดียว” ลุงป๋องพูดจากใจจริง

“แล้วคืนนี้เม่นจะอยู่กับพี่มิกได้ป่าวป๊า” จู่ๆ เด็กชายแก้มยุ้ยก็ถามขัดขึ้นมากลางวง คงเพราะยืนฟังผู้ใหญ่คุยกันมานานมากแล้วจนรู้สึกเบื่อ

“ไม่ได้เด็ดขาดวันพรุ่งนี้ไปโรงเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอตุ้ยนุ้ย” เสียงของณาชาดังสวนขึ้นมาหลังจากที่แย่งโน้ตบุ๊คของน้องชายได้สำเร็จ จนทำให้คนที่รอฟังคำตอบอยู่ถึงกับหน้ามุ่ย

“อะไร ทีพี่มิกยังอยู่ได้เลย ทำไมเม่นจะอยู่ไม่ได้อ่ะ” เม่นทำเสียงงอแง มันยิ่งทำให้แก้มยุ้ยๆ นั้นดูน่ารักน่าหยิกขึ้นอีกเป็นกอง

“พี่มิกโตแล้วก็อยู่ได้สิ แกอยู่ได้ถึงทุ่มนึงเท่านั้นตามที่สัญญากันไว้ แล้วตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย ปะๆ กลับได้แล้วไอ้อ้วน” ลุงป๋องพูดพลางดันลูกชายคนสุดท้องออกไปทางประตูหน้าบ้าน ก่อนจะหันมากำชับกับลูกชายคนกลางอีกที “แล้วอย่าหลับล่ะมิก รู้รึเปล่า”

“ย้ำอยู่ได้ รู้แล้วน่า” มิกส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปสอนพี่สาวผมสั้นเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจพ่อที่กำลังเดินโอบไหล่น้องชายตัวอ้วนออกไปยังบ้านของตัวเอง

สรุปตอนนี้บ้านทั้งบ้านก็เหลือเพียงแค่สองสาวเจ้าของบ้าน น้องชายข้างบ้านที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เกิด และหนุ่มหน้าห้อเลือดที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า มันเลยทำให้บรรยากาศในบ้านดูวังเวงพิกล แต่ถึงกระนั้นสาวผมยาวที่เป็นพี่ใหญ่สุดก็ยังคงยืนกอดอกมองแขกคนใหม่ของบ้านด้วยสายตาไม่ไว้วางใจอยู่ดี

“นายเป็นใครกันนายจิณณ์ ทำไมถึงเลือกฉัน” ญาดาที่ยืนพิงกรอบประตูพูดขึ้น ขณะจ้องมองไปยังหนุ่มร่างสูงที่กำลังส่องใบหน้าตัวเองในกระจกอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่

“ผมไม่ได้เลือกคุณ” จิณณ์ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาก๊วยของลุงป๋องตอบกลับมาน้ำเสียงราบเรียบ

“แล้วทำไมถึงต้องเรียกฉันว่าที่รัก ฉันไม่เข้าใจ” จิณณ์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบมาทั้งๆ ที่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่หน้ากระจกอยู่ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าคนถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน” พอได้ยินคำตอบญาดานิ่วหน้าขึ้นมาทันควัน

“ไม่รู้ได้ยังไง นายต้องรู้สิ เพราะนายทำให้ฉันต้องมีภาระอยู่อย่างนี้น่ะ เข้าใจรึเปล่า ฮะ!”

“ทำไมมันถึงไม่มีห้องน้ำล่ะ” จู่ๆ คนที่ถูกถามก็กลับเป็นคนถามขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนอีกคนหนึ่งเริ่มปรับอารมณ์ไม่ทัน

“อะไรนะ”

“ในห้องนี้มันไม่มีห้องน้ำ แล้วผมจะอาบน้ำยังไง” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ญาดาก็ถอนหายใจดังพรืดใหญ่ไม่รู้ว่าเขาอยากรู้จริงหรือว่าแค่อยากเปลี่ยนเรื่องเท่านั้น

“นายใช้ห้องน้ำตรงห้องครัวได้ แต่อย่าคิดจะเป็นหัวขโมยล่ะ ไม่งั้นนายไม่รอดแน่ แล้วสรุปจะบอกฉันได้รึยังว่าทำไมนายถึงต้องทำให้ฉันยุ่งยากขนาดนี้ด้ว...”

“แล้วมีแปรงฟันให้ผมรึเปล่า” จิณณ์ยังคงถาม ราวกับคำถามของเจ้าบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรสำหรับเขาเลยสักนิด

“เอ๊ะ นี่นาย!”

“ข้างในมีสบู่มะ...”

“นี่หยุดเลยนะ!” ถึงตอนนี้ญาดาเริ่มเบรกแตก ใบหน้าที่เคยสดสวยกลับบูดบึ้ง ก่อนจะโวยวายขึ้นมาเสียงดัง “ทำไมนายไม่หัดตอบคำถามฉันบ้าง ถ้าทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้ก็กลับบ้านกลับช่องไปซะไป! อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายน่ะไม่ได้สมองเสื่อม เพียงแค่มาขอเนียนพักฟรีกินฟรีเท่านั้นเองใช่รึเปล่า!”

ถึงแม้ว่าจะถูกต่อว่าอย่างหนักจากเจ้าของบ้าน แต่ทว่าใบหน้าเรียบเฉยของจิณณ์ก็ไม่มีอาการใดๆ ส่อออกมาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องค่อยๆ ขยับตัวเดินตรงมายังสาวตัวเล็กที่ยืนจ้องตาเขม็งอยู่ ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา

“แล้วถ้าผมไม่ได้อยู่ฟรี แสดงว่าผมก็อยู่ได้ใช่รึเปล่า”

“อะไรคือไม่ได้อยู่ฟรี” ญาดาขมวดคิ้วเป็นปม มองหนุ่มตัวโตตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

“ผมจะช่วยจ่ายค่าที่คุณให้ผมอยู่ชั่วคราวตอนนี้”

“อย่างนายน่ะเหรอจะเอาอะไรมาช่วยฉัน แค่เสื้อผ้ายังต้องรับบริจาคจากลุงป๋องเลย อย่าคิดการใหญ่เกินตัวเลยนายจิณณ์”

“ผมหามาจ่ายให้คุณได้แน่นอน” จิณณ์ย้ำหนักแน่นอีกครั้ง

“ถ้าคิดจะหาเงินมาจ่ายให้ฉัน ทำไมไม่คิดจะกลับไปอยู่บ้านตัวเองบ้างละมาเป็นภาระคนอื่นทำไมกัน”

“ผมยังไม่อยากกลับ” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย “เอาเป็นว่าผมยืนยันกับคุณว่าผมไม่ใช่คนร้าย เพียงแค่บ้านยังไม่ใช่สถานที่ที่ผมอยากกลับไปอยู่ในตอนนี้ก็เท่านั้น”

ญาดาเอียงคอเม้มปากสนิท ดวงตาของเธอจ้องเขม็งไปมองชายหนุ่มหน้าบวมอย่างครุ่นคิด บางอย่างในแววตาเขามันบอกว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นคือเรื่องจริง แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอเชื่อใจเขาเสียทีเดียว

“แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไงกัน นายมีหลักประกันอะไรมาให้ฉันบ้างล่ะ ว่านายไม่ใช่หัวขโมยและสามารถจ่ายเงินค่าที่อยู่ให้ฉันได้ทุกเดือน” สิ้นเสียงของญาดา ณาชาและมิกก็หันหน้ามาสบตากันอย่างไม่ได้คาดหมาย ราวกับจะรู้กันว่าเสียงที่ดังขึ้นมาในใจนั้นคงหนีไม่พ้นคำว่า ‘งก’ นั่นเอง

“ผมไม่มีหลักประกัน มีแค่เพียงโอกาสที่คุณจะให้ผมได้พิสูจน์ในสิ่งที่ผมพูดไป” เป็นอีกครั้งที่แววตาของจิณณ์มันสร้างความมั่นใจอย่างประหลาดให้แก่เธอ หญิงสาวจึงนิ่งไปพักใหญ่เพื่อตัดสินใจ

“ไม่ฉันต้องการหลักประกัน”

“ผมไม่มีสิ่งมีค่าอะไรเลยนอกจากไอ้นี่” พูดเสร็จจิณณ์ก็ถอดสร้อยข้อมือที่ทำมาจากหนังที่ร้อยกันเป็นสายให้แก่หญิงสาวไป

“อะไร?” ญาดานิ่วหน้า มองสร้อยข้อมือหนังอย่างไม่เข้าใจ

“ของมีค่าอย่างเดียวที่ผมมี”

“มันดูไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับฉัน นายจะใช้ไอ้นี่น่ะนะมาเป็นหลักประกัน”

“มันเป็นสิ่งเดียวที่พ่อผมทำให้ตลอดที่เขามีชีวิตอยู่” ได้ยินดังนี้ญาดาก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดอะไรออกมา

“แน่ใจว่านายไม่ได้โกหกฉัน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สร้อยเส้นนี้” สิ้นเสียงของหญิงสาว จิณณ์ก็พยักหน้ารับ

“ถ้างั้นก็ได้ ฉันให้โอกาสนาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นายทำให้ฉันต้องมีปัญหาเมื่อนั้นนายต้องรีบย้ายออกจากบ้านฉันไปทันที และสร้อยเส้นนี้นายก็จะไม่ได้คืน ตกลงมั้ย” พูดเสร็จญาดาก็รับสร้อยข้อมือที่มีตัวหนังสือ J I N N สลักอยู่มาไว้กับตัวเอง

“ตกลง” จิณณ์รับคำพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก นั่นถือเป็นภาพแรกที่ทุกคนไม่เคยเห็นจากผู้ชายหน้าเฉยคนนี้ จิณณ์กำลังยิ้ม...

“แล้วพี่จิณณ์จะหาเงินยังไง อย่าบอกนะว่าพี่จะไปขโมยของบ้านอื่นไปขายแล้วเอาเงินมาให้พี่ญาน่ะ” ณาชาที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

“ผมมีวิธีของผม และผมก็ไม่ใช่ขโมย” จิณณ์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดผ้าเช็ดตัวที่ถือมาด้วยขึ้นไปพาดบ่า แล้วเดินเลยร่างเล็กๆ ของเจ้าของบ้านออกไปยังห้องน้ำในครัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย

“ชา...เธอเชื่อรึเปล่า” ญาดาถามพร้อมกับเดินไปยังหนุ่มสาวที่นั่งจ้องโน้ตบุ๊คตาเขม็งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

“ไม่รู้สิพี่ญา แต่ยังไงพี่ก็ให้โอกาสเขาไปแล้วนี่ ถือซะว่าถ้าพี่จิณณ์ทำได้ เราก็สบายจะได้มีรายรับอีกทางไง” ณาชาพูดยิ้มๆ

ญาดาพยักหน้าหงึกๆ ด้วยความสับสนอยู่ในอก ไม่รู้ว่าเธอตัดสินใจถูกหรือผิดที่ให้โอกาสผู้ชายไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าไป แถมรายนั้นยังยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้มาอยู่ฟรี เพียงแค่ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ แต่ก็นั่นแหละ...สุดท้ายเธอก็ยังไม่ได้รู้อยู่ดีว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เขายังอยากจะอยู่กับเธอต่อไปคืออะไร

“คุณๆ” แต่จู่ๆ เสียงทุ้มของจิณณ์ก็ดังขึ้นจากห้องน้ำที่อยู่ในห้องครัวถัดจากห้องนั่งเล่นออกไปด้านหลัง ญาดาที่ยืนครุ่นคิดอยู่ก็ต้องขานรับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าที่ควร

“อะไร”

“อันนี้ของคุณเหรอ”

“อะไร” ญาดาถามย้ำอีกครั้ง ขณะเดินไปหาต้นเสียงที่ยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำ

“ช่วยเก็บไปหน่อยได้รึเปล่า ผมจะใช้อ่างล้างหน้า” พูดเสร็จหนุ่มตัวโตตัดผมรองทรงติดยุ่งนิดๆ ก็ชี้ไปยังอ่างล้างหน้าที่เต็มไปด้วยชุดชั้นในผู้หญิงเต็มอ่าง

“ตายแล้ว!” ญาดาอุทานขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เมื่อเห็นชุดชั้นในของตัวเองกองอยู่ในอ่างล้างหน้าประจานเจ้าของอยู่อย่างนั้น

“ยัยชา! พี่บอกแล้วใช่มั้ย ว่าให้เอาไปซักหลังบ้าน ทำไมมาแช่ไว้ตรงนี้ฮะ!” ญาดาตะเบ็งเสียงขึ้นมา ขณะรีบเข้าไปหอบเอาชุดชั้นในของตัวเองใส่ลงไปในตระกร้าเล็กๆ ด้านล่างด้วยความอับอาย

“อุตส่าห์ซักให้ยังจะมาว่าอีก ชาก็ซักของชาอย่างนี้มาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ณาชาตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน ไม่อยากสนใจพี่สาวที่เอาแต่บ่นไม่เว้นวันอย่างญาดา

“ฉันขอโทษก็แล้วกัน ตอนนี้เก็บหมดแล้ว เชิญอาบน้ำได้แล้ว!” แม้จะรู้สึกเสียหน้าและอยากจะเดินเข้าไปเขกหัวน้องสาวมากแค่ไหน แต่ญาดาก็พยายามทำตัวปกติเพื่อกลบเกลื่อนความอาย

จิณณ์จับจ้องไปยังใบหน้านวลของญาดา แล้วเบนสายตาไปมองตะกร้าชุดชั้นใน ก่อนจะริมฝีปากที่ยังมีแผลตกสะเก็ดอยู่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

“คุณนี่ไซซ์เล็กเหมือนกันนะ” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม หญิงสาวก็อายแทบแทรกแผ่นดินหนี ญาดาตวัดสายตาไปมองคนตัวโตด้วยความอาฆาต

นี่กล้ามาบอกว่าเธออกเล็ก!

“อันที่จริงฉันใหญ่ย่ะ แต่อยากใส่ไซซ์เล็ก มีอะไรรึเปล่า!” พูดเสร็จญาดาก็หอบเอาใบหน้าแดงๆ พร้อมด้วยตะกร้าในมือเดินจ้ำอ้าวออกมาผ่านน้องสาวและน้องชายที่แอบหัวเราะกันคิกคัก และที่แย่ที่สุดก็คือเสียงพึมพำเบาๆ ของแขกใหม่ที่ดังไล่หลังมา

“มันมีด้วยเหรอ ใหญ่แต่อยากใส่ไซซ์เล็ก?...”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอโทษนะคะที่หายไปนาน แต่ตอนนี้จะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้น เพราะอยากจบอยากได้เงินแว้วค้าาา อิอิ

ปล.ไม่มีอะไรแค่อยากอวด ว่าเค้าได้หนังสือของคุณbigger ด้วยนะ อิอิ

ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ^^
( ดารานิล )
www.facebook.com/daranilday


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2555, 14:51:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2555, 14:53:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1757





<< 3. ทำไมต้องเป็นฉัน?   5. ของฟรีไม่มีในโลก >>
กานต์นวีร์ 29 มี.ค. 2555, 17:46:54 น.
ก็มีอยู่คนเดียวนี่แหละที่ใหญ่แอบใสไซซ์เล็ก
55+


Zephyr 29 มี.ค. 2555, 21:58:01 น.
ฮะ นั่นปากเหรอน่ะ - -" นายจิณณ์ เดี๋ยวยุให้ญาถีบออกนอกบ้านเลยนี่ ^^
เรื่องไซส์อกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ T_T
กรี๊ดดดด มาพูดแบบนี้กะผญ ได้อย่างไร >///<
ชักอยากรู้จังว่านายนี่เป็นใครอ่า????


nunoi 29 มี.ค. 2555, 23:27:59 น.
555 ขำกับคำแก้ตัวจริงๆ


wane 30 มี.ค. 2555, 00:46:02 น.
ไรเตอร์หน้าบาน เพราะเป็นผู้โชคดีได้หนังสือนิยาย ...อารมณ์ดี งี้ก็ต้องลงให้อีกตอนซิค่ะ อิอิ รีดเดอร์จะได้หน้าบานด้วย


กาซะลองพลัดถิ่น 30 มี.ค. 2555, 03:11:54 น.
5555 ใหญ่แต่อยากใส่ไซด์เล็ก ...แถไปได้เนอะ ญาดา


หมูอ้วน 30 มี.ค. 2555, 06:26:58 น.
555+++


anOO 30 มี.ค. 2555, 09:40:23 น.
นางเอกเราแก้ตัว ได้เข้าตัวชะมัด


ดารานิล 30 มี.ค. 2555, 09:57:18 น.
เดี๋ยวจะรีบปั่นเลยค่ะ อิอิ


konhin 30 มี.ค. 2555, 20:50:16 น.
ฮ่าๆๆ ก็แบบว่าอยากให้ดูล้นๆไง เห็นดาราเค้าทำกัน


ม่านฝัน 1 เม.ย. 2555, 16:11:15 น.
สนุกดีค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account