ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: สามเท่า

ตอนที่ 10

ฉันเริ่มเรียนศิลปะกับคุณแจ๊กกี้มาได้ 2 วันแล้ว ขอบอกเลยว่า ฉันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกรึเปล่าที่เรียนกับคนแบบนั้น คือ งี้นะ วันแรกที่ฉันไปเรียนน่ะ เขาไม่ได้ยื่นพู่กันให้แล้วสอนการลงสีเลยสักนิด แต่กลับชวนฉันนั่งจกข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำด้วยกัน แถมพรรณนาว่าชีวิตตัวเองน่ารันทดเพียงใด ตั้งแต่ เปิดรับสอนศิลปะมีคนเข้ามาสมัครเรื่อยก็จริง แต่ทุกคนพอเห็นสภาพเขาแล้วกลับวิ่งหนีจู๊ดไปหมด พอเล่าถึงตรงนี้ น้ำตาคุณแจ๊กกี้ก็ไหลริน ฉันไม่แน่ใจว่าเพราะส้มตำเผ็ดมากหรือว่าเขาเสียใจจริงๆกันแน่ แต่ว่านะ ก็ดูเขาทำตัวสิ ฉันนี่สมควรได้รับโนเบลสาขาใจกล้าเสียจริงที่ยอมมาเรียนกับเขาน่ะ แล้วคุณแจ๊กกี้ก็ยกย่องฉันสุดๆ บอกว่าต่อไปฉันจะต้องเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่แน่ เพราะฉันมองทะลุผ่านรูปลักษณ์ภายนอกของเขาทะลวงสู่ความงามภายในได้อย่าทะลุปรุโปร่ง คือคุณแจ๊กกี้คะ ฉันคงจะยิ่งใหญ่แน่ๆค่ะ ถ้าคุณเลิกกินไก่ย่างร้านป้าติ๋วแล้วเริ่มสอนฉันเดี๋ยวนี้เลย

ยังไม่พอ มาถึงวันที่สองฉันคิดว่าเมื่อวานอาจเป็นแค่การปฐมนิเทศน์ วันนี้คุณแจ๊กกี้คงจะเริ่มสอนฉันอย่างจริงจังและมีการสอนที่ลึกลับน่าสนใจ ซึ่งนั่นอาจจะนำพาฉันไปสู่ทางลัดของการเป็นศิลปินผู้ยิ่งยง เหมือนในหนังสือกังฟู จอมยุทธ์หลุดโลกที่อ้าวไจ๋ตัวเอกในเรื่องได้พบกับผู้เฒ่าหวงจวิ้นแสนซกมก แต่ต่อมาเขาได้รู้ว่าผู้เฒ่าคนนี้สามารถสอนวรยุทธ์ให้เขาจนเชี่ยวชาญ ได้แต่ไม่ใช่เลย! คุณแจ๊กกี้กลับชวนฉันนั่งดูวีซีดีเรื่องสามก๊ก ตั้งแต่แผ่นแรกจนถึงแผ่นที่ 5 หรือ4ไม่นะอาจจะ6จะบ้าตาย!!! อย่างไรก็เถอะ ฉันด้วยความกลัวเสียมารยาทเลยนั่งดูไปเรื่อยๆ เผื่อเขาอาจจะกด pause ฉากที่น่าประทับใจ แล้วสั่งให้ฉันตวัดพู่กันวาดภาพตามนั้น แต่ฉันก็คิดผิดถนัด (ฉันอาจจะผิดตั้งแต่ตกลงปลงใจมาเรียนกับเข้าแล้วก็เป็นได้) พอจบแผ่นที่ เท่าไรไม่รู้เขาก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วสั่งฉันว่า “คุณควร go homeได้แล้วนะ” นี่ 2วันเต็มๆ ฉันได้แค่นั่งกินไก่ย่าง กับดูสามก๊กอย่างนั้นเหรอ

“อ้าว แล้ว แล้ว เมื่อไหร่ฉันจะได้เรียนคะ” ฉันถาม สีหน้าแสดงความสงสัยเต็มที่

แจ๊กกี้ใช้มือหยาบหนาลูบเคราแสนยาวอย่างครุ่นคิด “อืม ผมลืมไปเลย”

ฉันงงเหลือเกินว่า ฉันใช้เส้นเลือดเท้าข้างไหนก็ไม่รู้ตัดสินใจเรียนกับตานี่หรือยังไงกัน ลืมไปเลย นั่นน่ะเหรอ คำพูดจากปากครูสอนศิลปะ แต่ก่อนที่ฉันจะเสียสติ คุณแจ๊กกี้ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ภายใต้หนวดเฟิ้ม

“น่าๆ แหม แค่ทดสอบว่าคุณจะอดทน และสนใจเรียนศิลปะเท่าใดแค่นั้นเอง เอาละๆ มี someoneถูกผมทอดสอบแค่ไก่ย่างเขาก็หนีเตลิดไปเสียแล้ว แต่คุณนี่ทุบสถิติแฮะ สามารถผ่านถึงรอบสามก๊กได้ เอาละๆ เริ่ม study พรุ่งนี้แล้วกันนะ “

ฉันผ่านบททดสอบของแจ๊กกี้อย่างนั้นเหรอ นี่ถ้าตอนหลังไม่ปรากฏว่าเขาเป็น อดีตศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคนไทยผู้ยิ่งยงล่ะก็ ฉันจะยอมใส่กางเกงในกลับด้านทุกวันเลยเอ้า!

ฉะนั้นหลังจากฉันกลับมาจากการดูสามก๊กมาราธอนแล้ว ฉันก็รู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และคิดว่าเงิน 1000 บาทต่อเดือนที่จะค่อยๆเสียไป คงได้อะไรที่คุ้มค่าตอบแทนมาบ้าง ฉันว่าคุณแจ๊กกี้ต้องมีอะไรลึกลับ ซ่อนไว้ในตัวรุงรังนั่นแน่ๆ เขาอาจจะเคยไปเที่ยวรอบโลก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ศิลปะมาไม่ถ้วน สังเกตได้จากรูปสีน้ำมันรอบบ้านเขา การพูดไทยคำอังกฤษสองคำและพฤติกรรมประหลาดของเขานั่นละ จะมีสักกี่คนที่ ทดสอบเด็กนักเรียนด้วยวิธีการประหลาดอย่างนั้นน่ะ

ฉันกลับมาบ้านในช่วงบ่าย ตอนนี้แม่คงอยู่ที่ทำงาน ฉันเลยนอนอยู่บ้านคนเดียวอย่างสบายใจ ไม่มีงานเอกสารที่ต้องทำ ไม่มีเจ้านายที่ต้องคอยเอาใจ และไม่มีเวลาเป็นตัวจำกัดของทุกอย่าง! ฉันเปิดตู้เย็นหยิบเครื่องดื่มแก้กระหาย ก่อนจะนอนเอนตัวบนโซฟาดูทีวี

กริ๊ง!!!!

ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ข้างทีวีก็ดังขึ้นขัดจังหวะทุกอย่างเสียสิ้น นี่ถ้าแม่อยู่บ้าน แม่คงรับโทรศัพท์แทนฉันไปแล้ว แต่วันนี้แม่ต้องไปที่ออฟฟิศเสนอผลงาน ‘master piece’ ให้กับกองกบรรณาธิการ

“สวัสดีค่ะ” ฉันรับ

“สวัสดีครับ นั่นคุณทรัพย์สิดีใช่ไหม” ฉันว่าเสียงคุณจิทัศน์ตอบกลับมานะนั่น ฉันเลยรีบเปลี่ยนเสียง

“อะแฮ่ม ขอโทษด้วยนะพ่อหนุ่ม แต่สิดีไม่อยู่นะอยากฝากข้อความไว้ไหมล่ะ” ฉันแกล้งดัดเสียงแก่กว่าความเป็นจริง
ฝ่ายนั้นเงียบ หวังว่าเขาคงไม่รู้หรอกนะว่าฉันดัดเสียงน่ะ

“อ้อเหรอครับ แล้วไม่ทราบใครพูดสายอยู่ครับ” คุณจิทัศน์เชื่อสนิท จริงๆนะ เสียงเขาดูเชื่อมาก

“ฉันน่ะเหรอ เป็นป้าของสิดีเขาน่ะสิ พ่อหนุ่มมีอะไรรึเปล่าจ๊ะ โทรมาจีบหลานสาวป้ารึไง อุฮุฮุฮุ” ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำบ้าบอแบบนี้ทำไม ฉันไม่อยากคุยกับเขาน่ะ

แล้วคุณจิทัศน์ก็หัวเราะออกมา “เปล่าหรอกครับคุณป้า ผมโทรมาเสนองานเลขาให้เธอน่ะครับ ฝากคุณป้าบอกเธอด้วยนะครับว่าประธานบริษัทสิทราโทรมา แล้วจะเพิ่มเงินเดือนให้เธอสองเท่าของเงินเดือนที่บริษัทเก่า ถ้าเธอรับงานตำแหน่งเลขาของผม”

หา!!!!......

“ดะ ได้ พ่อหนุ่ม” แล้วฉันก็รีบวางสายไป

ให้ฟ้าเป็นพยาน ระเบิดนิวเคลียร์ถึงเวลาปะทุแล้วใช่ไหม!!!!!! มัน เกิดอะไรขึ้นนี่ คุณจิทัศน์อยากได้ฉันเป็นเลขามากขนาดนั้นเลยหรือไรกัน หรือเค้าต้องการจะแกล้งคุณนรินทร์?

แล้วอยู่ดีดี หน้าคุณนรินทร์ก็ลอยมาในห้วงความคิด ใบหน้ากึ่งโมโห กึ่งขำขัน ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน โอ๊ย! ปล่อยเขาไปเถอะ มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายมากหรอกน่า ฉันก็แค่ไม่รับงานที่สิทราเป็นพอ

ฉันลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น หยิบไอศกรีม Haagen-Dazs รส strawberry cheese cake จากช่องแช่แข็งมากินให้ใจเย็นลง อืม เมื่อกี้แม็คหัวหน้าหน่วย CSI พูดว่า มี 3 สิ่งที่เขายอมตายแทนได้ นั่นคือ

1.เกียรติภูมิของประเทศ
2.ความปลอดภัยของคนเมืองนี้
และ 3.เกียรติของห้องแล็บนี้

สำหรับฉันในตอนนี้ก็มี 3 สิ่งที่ยอมตายแทนได้เช่นกัน นั่นคือ

1.Haagen-Dazs รส strawberry cheese cake
2.Haagen-Dazs รส strawberry cheese cake
และ 3. Haagen-Dazs รส strawberry cheese cake

ก็มันอร่อยมากนี่นา!!!!
กริ๊ง!!!

โอย โทรศัพท์อีกและ

“ซาหวาดดีค่า” ฉันรับ ยังคงแกล้งทำเสียงแก่ยานคางเช่นเดิม กลัวคุณจิทัศน์โทรกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ถ้าเขาบอกว่าจะขึ้นเงินเดือน เป็น 3 เท่าล่ะก็ ฉันจะแนะนำให้เขาวางสายแล้วนำเงินที่มีกลิ่นอายของการแย่งชิงนั้น ไปบริจาคให้เด็กยากจนตามชายแดนดีกว่า
“สวัสดีค่ะ ขอสายทรัพย์สิดีค่ะ” โอ๊ะโอ นั่นมันไม่ใช่เสียงคุณจิทัศน์ ไม่ใช่เสียงหนูเล็ก ไม่ใช่เสียงแม่ แต่เป็น...
“คุณนลิน! คุณนลินใช่ไหมคะ เป็นยังไงบ้าง” ฉันเปิดเผยเสียงสาวแรกแย้มที่แท้จริงออกมา
“สิดี! นั่นเธอใช่ไหม ทำไมเสียงแก่ไปล่ะจ๊ะ “ นลินถาม
“เอ่อ ไม่นะคะ ช่างเถอะ เรื่องนั้นน่ะ แต่คุณนลินมีอะไรรึเปล่าล่ะ” ฉันถามอย่างดีใจ ไม่ได้เจอเธอมาหลายวันแล้ว ปกติ ฉันต้องทานข้าวกลางวันกับเธอทุกวันเลยล่ะ
เสียงคุณนลินเปลี่ยนมาจริงจังมากขึ้น “มีสิคะ สิดี ตอนนี้รู้ไหมว่าใครมาเป็นเลขาคุณนรินทร์”
ฉันแม่แน่ใจว่าอยากฟังคำเฉลยรึเปล่า “เอ่อ ไม่รู้สิคะ”
คุณนลินถอนหายใจ “ไม่มีน่ะสิคะ”
“อะไรนะ! ไม่มีน่ะสิคะ มีคนชื่อแปลกกว่าฉันอีกหรือนี่”
“ไม่ใช่ค่ะ โถ่ สิดี หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีเลขาหน้าห้องท่านประธานเลย”

ฉันรู้แล้วล่ะ แค่แกล้งโง่นิดหน่อย “อ่า ไม่มีใครมาสมัครเหรอคะ ก็สมควรแล้วล่ะ ใครจะอยากได้เจ้านายที่ต่อไปไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรมางุบงิบเงินเดือนตัวเอง”

คุณนลินคงสงสัยเป็นกำลัง “งุบงิบ? อะไรเหรอสิดี แต่นี่นะ ที่ไม่มีใครมาเป็นเลขาก็เพราะว่า คุณนรินทร์เขาไม่ได้เปิดรับสมัครน่ะสิ เขารอเธอกลับมา”

แล้วฉันก็สำลักHaagen-Dazs รส strawberry chesse cakeออกมา

“เขาเนี่ยนะรอ ฟังผิดรึเปล่า เขาเป็นคนที่พูดว่า ‘ตามใจ’ ตอนฉันขอลาออกเองนะ”

นลินถอนหายใจเฮือกยาว “ฉันจะไม่เถียงกับเธอหรอกนะสิดี เพราะฉันไม่รู้ว่าสถานการณ์วันนั้นเป็นยังไง แต่นี่ปัจจุบันนี้ คุณนรินทร์ดื้อแพ่ง ไม่ยอมหาเลขาใหม่ เขาจัดตารางทำงานด้วยตัวเอง รับนัดและบอกเลิกนัดเอง จดการประชุมด้วยตัวเอง อีกอย่างคุณนรินทร์อารมณ์เสียรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าตอนเธออยู่อีกนะ ฉันจำได้ ตอนเธออยู่น่ะ ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะมากกว่าช่วงเวลาไหนๆเลย”

ถ้าตอนนี้คุณจิทัศน์โทรมาบอกว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้ฉัน 4 เท่า ฉันจะแนะนำให้เขาบริจาคส่วนหนึ่งจ้างเลขาสักคนให้คู่แข่งของเขา

“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรคะ ว่าเขารอฉันกลับมา การกระทำแค่นั้นมันไมได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกนะ“

“ก็เขาบอกฉันเองน่ะสิคะ! วันนั้นฉันเข้าไปเสนองาน ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะจ้างเลขาใหม่เสียที แต่คุณนรินทร์กลับตอบว่า ‘อะไรกันคุณนลิน คุณสิดีแค่ไปพักร้อนนะ’ “

นี่คุณนรินทร์งี่เง่าขนาด คิดว่าฉันโมโหเขาเรื่องเงินเดือน แล้วแค่ไปพักร้อนงั้นเหรอ พักร้อนตลอดชาติน่ะสิ

“เอาละคุณนลิน คือยังงี้นะที่ฉันลาออกเนี่ย เพราะคุณนรินทร์เขางุบงิบเงินเดือนฉันเกินครึ่งไปซื้อมือถือใหม่ ฉันทนไม่ได้หรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ได้พักร้อนด้วย ฉันลาออกจริงๆ ฝากบอกเจ้านายคุณด้วยแล้วกันว่า ถ้ายังคิดว่าฉันพักร้อนน่ะ ฉันจะพักร้อนจริงๆ และพักตลอดชาติเลยด้วย” น้ำเสียงฉันโมโหสุดๆ

“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ” นลินพูดเสร็จก็หัวเราะเสียงดัง ”เธอลาออกเพราะเขางุบงิบเงินไปเหรอ ซึ่งฉันมั่นใจมากเลยสิดี เพราะฉันทำงานที่นี้มาเกือบ 5 ปีแล้ว ฉันรู้ว่า คุณนรินทร์ไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นแน่ๆ และถ้าทำจริงคือไม่รู้สิ เขาไม่ได้ทำจริงๆหรอก”

“เขาทำจริง! นลิน เขาทำจริงๆ!” ฉันตะโกนเสียงดัง
นลินเงียบ ”นั่นแปลว่า เธอต้องเคยทำมือถือเขาหาย หรือพัง หรือ อะไรสักอย่างมาก่อน”
ฉันเงียบบ้าง อึ้งมากเลยด้วย หล่อนฉลาดจริงๆ
“ใช่ไหมสิดี” นลินเค้นเสียงถาม
โอ๊ย หมายความว่าไงเนี่ย ฉันผิดเหรอ ไม่นะ!
“คุณนลิน ฉันคงต้องวางแล้วนะ รายการโปรดมาแล้วน่ะ” แล้วฉันก็วางหูไปดื้อๆ

ตอนนี้จิตใจฉันว้าวุ่นไปหมด หรือมันถูกแล้วที่เขาเอาเงินฉันไป...

โถ่เอ๊ย! ตอนนี้ฟังดูเหมือนว่าชีวิตเขาวุ่นวายมากใช่ไหม แล้วฉันล่ะ ขอบอกเลยนะ ใจจริงฉันไม่ได้อยากลาออกหรอก แต่เพราะต้องการให้เขารู้สึกว่าตัวเองผิดบ้างน่ะสิ และถึงชีวิตเขาจะวุ่นวายนะ แต่เขาก็ร่ำรวย มีบริษัทของตัวเอง ฉันน่ะสิ ฉันไม่มีงาน ไม่มีเงินเก็บ แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกครูศิลปะต้มตุ๋นรึเปล่า บอกตามตรง ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นอนาคตว่าที่ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของตัวเองเลย และกว่าฉันจะเข้าเส้นทางนั้นได้ มันต้องใช้เวลาอีกกี่ปีล่ะ เผลอๆ ฉันอาจจะ...

กริ๊ง!!!!

โอ๊ย! เดี๋ยวแม่ก็ให้องค์การโทรศัพท์มาตัดสายเสียเลยนี่
“โหล!” ฉันรับเสียงกระแทก
“3เท่า แฮ่ม3เท่าครับ” เสียงนี่มัน...
“ผมรู้ว่าคุณรับโทรศัพท์ใช่ไหมคุณทรัพย์สิดี” คุณจิทัศน์ โอไม่ เขารู้แน่ๆ ตอนที่โทรมาครั้งแรกน่ะ เขาต้อง รู้ แน่ๆ ฉันเกือบจะหลุดปากบอกว่าให้เขาเอาเงินส่วนนั้นไปบริจาคเด็กแถบชายแดนเสียแล้ว
“คือขอโทษนะคะ แต่ดิฉันคงทำงานกับคุณไม่ได้ คุณไปจ้างคนอื่นเถอะค่ะ” ฉันตอบไปตรงๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบเหตุผลด้วยครับ” คุณจิทัศน์ยังคงตื๊อไม่เลิก
ฉัน กลั้นหายใจ จะให้ฉันบอกเขาว่าที่ไม่ทำงานกับเขา เพราะเขาเป็นคู่แข่งกับเจ้านายเก่าฉัน เพราะเขาแย่งแฟนชาวบ้าน อืม ไม่นะ ฉันไม่ทำกับเขาเพราะรักษาน้ำใจคุณนรินทร์ต่างหาก ฉันนี่มีคุณธรรมจริงๆ
“เอ่อ คุณจิทัศน์คะ ฉันลาออกจากบริษัทคู่แข่งของคุณ แล้วอยู่ดีดีจะมาเข้าทำงานที่บริษัทคุณเลย มันออกจะ.....”
“อ้อ ผมเข้าใจครับ แต่ผมกับนรินทร์ไม่เคยเป็นคู่แข่งกันหรอกนะ เอาอย่างนี้แล้วกันผมจะเพิ่มเงินเดือนให้ 3 เท่า.....” คุณจิทัศน์เริ่มพล่ามต่อ แต่ฉันก็ขัดจังหวะเสียก่อน
“นั่นล่ะค่ะ3เท่า ทำไมคุณต้องการเลขาที่ประสบการณ์ทำงานงั้นๆอย่างฉัน ด้วยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะการแข่งขันทางธุรกิจ”
แล้วจิทัศน์ สิทรา ก็หัวเราะเป็นนาน นี่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรที่น่าตลกเลยนะ

“คุณเนี่ยนะ...” เขายังหัวเราะต่อไป “คุณเนี่ยนะเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจ แฮ่ม คือผมหมายความว่า คุณจำไม่ได้หรือว่าผมเคยรับคุณเข้าทำงานแล้วนะ แล้วตอนนี้คุณก็ไม่มีงาน ผมก็มีแค่เลขาสำรอง และผมคิดว่าคุณมีความสามารถจริงๆ ฉะนั้นมันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน คุณก็แค่เข้ามาทำงานที่ตัวเองควรจะได้ยังไงล่ะ เอาละผมต้องบินไปญี่ปุ่นวันนี้ ผมให้เวลาคิดอีก 5 วัน แล้วติดต่อผมกลับมาแล้วกัน อ้อ 3เท่าน่ะ ก็แค่อยากให้คุณรู้สึกว่าตัวเองสำคัญเท่านั้น สวัสดีครับ”

แล้วเขาก็วางสายไป...
3 เท่า เพราะอยากให้ฉันคิดว่าตัวเองสำคัญ ทีอีตาบ้านรินทร์ กลับงุบงิบเงินฉัน ไม่เคยเห็นว่าฉันสำคัญ
3เท่า ก็เท่ากับ เดี๋ยวนะขอเครื่องคิดเลขก่อน...เฉียดแสน!
เอ่อ ฉันไม่มีทางเป็นเลขาคุณจิทัศน์หรอก ไม่มีทาง โอ๊ยเกือบแสนเชียวนะ!!!
แต่จะเชื่อเขาได้หรือเหตุผลแบบนั้นน่ะ...
 
เช้าวันต่อมา ฉันยังคงไม่ได้คุยกับแม่เรื่องงานใหม่อยู่ดี เพราะเห็นแม่เริงร่ากับผลงาน ‘master piece’ ซึ่งเป็นที่พอใจบรรณาธิการสำนักพิมพ์มาก แถมทำสัญญาจัดพิมพ์ขายแล้วด้วย วันนี้แม่จึงหยุดเขียนบทความลงคอลัมน์ประจำสักครึ่งวัน แล้วขะมักเขม้นทำพายสับปะรดตั้งแต่เช้า
ก่อนฉันออกจากบ้าน ยังย้ำกับแม่อยู่ว่าสักวันฉันจะเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ปากพูดแบบนั้นก็จริง แต่ในหัวสมองของฉันเต็มไปด้วยตัวเลขเกือบห้าหลักและความคิดผิดชอบชั่วดีในการจะรับงานที่สิทรา แต่นั่นสิ ขนาดคุณนรินทร์ยังไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ทำกับฉันไว้ แล้วฉันจะต้องรักษาน้ำใจเขาทำไม
‘นั่นแปลว่า เธอต้องเคยทำมือถือเขาหาย หรือพัง หรือ...อะไรสักอย่างมาก่อน’
จู่ๆ คำพูดของคุณนลิน ก็เข้ามาในหัว.....
“what happen คุณสิดี” เสียงคุณแจ๊กกี้เรียกฉันออกจากภวังค์
วันนี้แจ๊กกี้ไม่ได้หลอกแฮะ เขาสอนฉันจริงๆ วันนี้ เขาเริ่มนำภาพต่างๆ ทั้งที่เขาวาด และทั้งที่เขาสะสมมาให้ฉันดู และถามฉันว่าฉันเห็นอะไรในภาพบ้าง ภาพนั้นมีสีอะไรบ้าง เขาบอกว่านี่เป็นหลักการเบื้องต้นในการวางรากฐานการวาดรูป และเสริมสร้าง จินตนาการ ก็โอเคนะ ฉันว่ามันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วละ
และขณะที่เขานำภาพแรกมาให้พิจารณา ภาพนั้นอยู่ในหนังสือศิลปะ เป็นภาพแม่น้ำและวิวรอบข้างซึ่งมีทั้งตึก และต้นไม้ ฉันก็เผลอหลุดลอยคิดเรื่องเงินเดือนเกือบแสนจนได้
“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันรีบตอบ
แจ๊กกี้เลยละสายตาจากฉันแล้วสะบัดเครายาวๆไปด้านหลัง เพื่อไม่ให้เกะกะ
“อ้ะ งั้นมาเริ่มกัน tell meสิว่าในรูปมีอะไรบ้าง” เขาถาม
“แม่น้ำ ต้นไม้ ตึก ค่ะ” ฉันตอบตามที่เห็น แต่แจ๊กกี้กลับส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“บอกใหม่ซิ” เขาเร่งเร้า
ฉันมองแจ๊กกี้ แล้วมองภาพ ก็ฉันเห็นเท่านั้นจริงๆนี่นา....
“เอ่อ...ยังมีอะไรอีกหรือคะ” ฉันถาม รู้สึกตัวเองโง่เสียเต็มประดา
แจ๊กกี้หันมามองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ฉันจะไม่เห็นดวงตาใต้คิ้วรกๆนั่นถนัดนัก แต่ก็รับรู้ความรู้สึกของเขาได้
“ฟังนะ คุณต้องมองสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างที่มันเป็น ตอนนี้ภาพอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว คุณต้องมองมันให้ลึกซึ้ง มองให้ทั่ว มองให้ เค้าใช้คำว่าอะไรนะ ครอบคลุม นั่นละ understand?”
พอจบประโยคด้วยภาษาอังกฤษ ฉันก็พยายามใหม่ แต่ก็ยังพบเพียงแค่ แม่น้ำ ตึก ต้นไม้ แต่แล้วฉันก็นึกอะไรออก อ้อ สงสัยจะ...

“ท้องฟ้า ใช่ไหมคะ ท้องฟ้าแน่ๆ” ฉันโพล่งออกมา น้ำเสียงตื่นเต้น
แต่ แจ๊กกี้ยังส่ายหัวเช่นเคย “มองไปนะ ถ้านึกออกแล้วว่านอกจาก building tree river and sky คุณยังเห็นอะไรอีกบ้าง” แล้วแจ๊กกี้ก็เดินหายไปทางห้องครัว

ฉันยังคงมองภาพนั้นอย่างจนปัญญา เขาคาดหวังให้ฉันเห็นอะไรล่ะนี่ หรือฉันไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะจริงๆ ตึก แม่น้ำ ท้องฟ้า ต้นไม้ เอ รู้สึกว่านั่นจะเป็นต้นส้มนะ คล้ายๆกับที่ฉันเคยเห็นบนปกหนังสือเรื่อง ต้นส้มแสนรัก บรรยากาศในภาพน่าจะเป็นช่วงเวลาตอนเย็น....

“แจ๊กกี้!!!! แจ๊กกี้!!!!ฉันรู้แล้ว!!!” ฉันตะโกนเรียกแจ๊กกี้ดังมาก
สักพักแจ๊กกี้ก็วิ่งโทงๆออกมาจากห้องครัว มีเศษไก่อย่างและข้าวเหนียวติดเครายาวๆเล็กน้อย

“what’s going on! คุณเห็นแล้วใช่ไหมบอกผมซิ” แจ๊กกี้ท่าทางดีใจมาก

“ฉันเห็นต้นส้มค่ะ ต้นไม้ต้นนั้นต้องเป็นต้นส้มแน่ๆ แล้ว...แล้ว ก็มีแสงแดดยามเย็นจากดวงอาทิตย์ อ้อมีเงาของตึกที่ทอดยาวบนผิวแม่น้ำด้วย มีก้อนเมฆ ลอยบนฟ้า และฉันรู้สึกได้ว่ามีลมพัดอ่อนๆในภาพด้วย” น่าแปลกนะ อยู่ดีดี ฉันก็รับรู้อารมณ์ ความรู้สึก และส่วนประกอบอื่นๆของภาพได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ได้ผล! แจ๊กกี้ยิ้มหน้าบาน “you did it , you did it!!!!” โอ๊ย พูดภาษาอังกฤษฟังไม่รู้เรื่อง อย่าบอกนะว่าเป็นลูกครึ่ง ถ้าครึ่งผีครึ่งคนยังพอเชื่อ

แต่ไม่ได้จบแค่นั้น แจ๊กกี้ยังคงขนภาพอื่นๆมาถามฉันอยู่เรื่อยๆ ยิ่งฉันโม้มากขึ้นว่า รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของคนวาดว่าเป็นเช่นไร แจ๊กกี้ก็ยิ่งชื่นชมฉันว่าอัจฉริยะเหลือเกิน.....

เกือบหมดวันแล้ว แจ๊กกี้นำภาพออกมาถามฉันเกือบ 30 รูปได้ล่ะมั้ง ฉันชักจะปวดหัวแล้วสิและในที่สุดแจ๊กกี้ก็หยิบภาพเดิมที่นำมาให้ทายครั้งแรกออกมา ก็ภาพ ตึก แม่น้ำ ต้นไม้นั่นละ

“นี่สีอะไร” แจ๊กกี้ชี้ไปที่แม่น้ำ ซึ่งในภาพมันถูกลงสีด้วยสีดำสนิท มีเพียงสีเงาขาวๆของตึกระบายทับเท่านั้น
ฉันตอบอย่างมั่นใจ “สีดำค่ะ”
เช่นเคยแจ๊กกี้ส่ายหัวผิดหวัง “ผม told คุณแล้วนะ คุณต้องมองอย่างลึกซึ้ง”
 


เดี๋ยวไปธุระอีกสามวันนะคะ

 



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มี.ค. 2555, 16:03:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มี.ค. 2555, 16:03:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1892





<< ลึกซึ้ง   เหมือนเดิม >>
konhin 30 มี.ค. 2555, 20:26:04 น.
สิดีเธอคงเส้นคงวาจริงๆ


ใบบัวน่ารัก 30 มี.ค. 2555, 22:16:32 น.
อย่าไปเรียนวาดรูปเลย
จะได้ภาษามาแทน


Kapoh 30 มี.ค. 2555, 23:30:03 น.
ลูกศิษย์ว่าอาการหนักแล้ว เจออาจารย์เข้าไปงานนี้สิดีชิดซ้าย


Auuuu 31 มี.ค. 2555, 01:03:49 น.
55555555


ling 31 มี.ค. 2555, 11:17:45 น.
ต๊องได้โล่เลย ทั้งครูและศิษย์


เนยแข็ง 3 เม.ย. 2555, 14:15:52 น.

คำผิด

กองกบรรณาธิการ >> กองบรรณาธิการ


ปล. แอบแปลกใจว่านางเอกมีอะไรดี จะให้เงินเดือนตั้ง 3 เท่า (อิจฉาๆๆๆๆๆ 5555++)


goldensun 14 เม.ย. 2555, 12:26:41 น.
เฉียดแสนต้องเกือบหกหลักสิคะ


kaze 19 ก.ค. 2555, 04:57:45 น.
แจ็คกี้......=_____=....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account