ลิขีตรักใต้เงาทราย ภาค ดั่งแสงตะวัน
ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นสุลต่านองค์ต่อไป หน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประเทศ เมื่อพี่ชายเลือกที่จะหลีกทาง เขาจำต้องรับหน้าที่ ที่ไม่เคยต้องการ หัวใจที่เรียบง่ายและเย็นชา บอกกับตนเองเสมอ ว่าจะไม่ขอรักใคร แต่แล้ว...เพราะ... เขาเพียงต้องการที่จะพักผ่อนก่อนที่จะต้องรับภาระหน้าที่...ที่สำคัญ แต่แล้วเพราะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทำให้ได้พบกับคนที่เขาสามารถรักได้ด้วยหัวใจ เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเข้า และจากไปพร้อมกับหัวใจทั้งดวง
Tags: ทะเลทราย

ตอน: ตอนที่ ๔

ตอนที่ ๔
บนเตียงกว้างมีร่างของหญิงสาวนอนสะอื้นไห้ อิมมามองภาพนั้นผ่านประตูเล็กๆ ที่ทำขึ้นตามคำสั่งของผู้เป็นนายด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าการเฝ้าดูตามคำสั่งเท่านั้น
ฟายาส อับดุล ซาลามาลคุ้นเคยกับการได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ใจต้องการ ดวงตาสีเทาเงินมักฉายแววสดใสด้วยความที่เป็นคนอารมณ์ดี ชอบแกล้ง เอาแต่ใจ แต่มีน้ำใจงดงาม เวลานี้กำลังหลงรักหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง และทำท่าจะอกหักตั้งแต่เริ่มแรกเลยทีเดียว
อิมมาถอนใจเฮือก เพิ่งเข้าใจว่าทำไมต้องโกหกว่าความทรงจำยังไม่กลับคืนมา แถมยอมทำกายภาพต่อไปอีก ทุกอย่างเป็นเพราะยังอยากอยู่ใกล้คุณพยาบาลต่อไปนั่นเอง
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงถามดังขึ้นเบาๆ ทำให้อิมมาก้าวถอยหลังออกมาอีกทาง ใบหน้าของฟายาสราบเรียบก็จริง หากสันกรามกลับขบแน่น
“นางรู้ว่าข้าเป็นใคร”
“แล้วนายท่านจะทำอย่างไรต่อไป”
อิมมามองตามสายตาของผู้เป็นนาย
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะต้องเก็บนางไว้ที่คาร์ซาน่า ไม่มีวันที่ข้าจะยกนางให้ใคร”
ชายสูงศักดิ์เช่นฟายาสบอกความตั้งใจของตนอย่างคนเห็นแก่ตัว เขายอมรับตำแหน่งมกุฏราชกุมารด้วยความจำใจ แต่เขาจะไม่ยอมสละหัวใจของตนเพื่อใครไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
“พรุ่งนี้เย็น ข้าจะกลับคาร์ซาน่า จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
ฟายาสบอกก่อนจะสอดตัวเข้าไปด้านในแล้วดันประตูปิด ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่เตียงกว้าง
“วิเวียน”
เสียงเรียกชื่อดังขึ้นและเมื่อหญิงสาวหันมาด้วยความตกใจ ร่างสูงก็ก้าวขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอดทันที อกกว้างอันเปลือยเปล่ารับรู้ถูกความเปียกชื้นที่แก้มนวล ริมฝีปากหนาเม้มแน่นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งสงสารและ...ปวดหัวใจ
“ทำไมไม่ได้ยินเสียงไม้เท้า”
คิดว่าถามอยู่ในใจ แต่วิเวียนกลับถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวดันตัวออก มองขาทั้งสองข้างที่คุกเข่าอยู่บนที่นอนแล้วเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคู่นั้นอย่างต้องการคำตอบ
“คุณโกหก”
“เปล่ามันถูกพิงไว้ข้างประตู ผมค่อยๆ เดินเข้ามา”
ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นปาดคราบน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้ริมฝีปากดูดซับหยดน้ำตาอย่างนุ่มนวล
“ร้องไห้ทำไม คุณเป็นคนปฏิเสธผมเองนะ”
น้ำเสียงหยอกเย้าไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น กลับทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้นอีก
“ลาเอลล่า...หยุดเถอะ ได้โปรด”
ยิ่งได้ฟังคำหวานหัวใจยิ่งปวดร้าว วิเวียนพยายามถามตัวเองว่าถ้าเธอยอมมอบตัวเองให้กับเขา เมื่อถึงเวลาที่เขาก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ หญิงสาวที่เหมาะสมย่อมไม่ใช่เธอ แล้วจะทนได้ไหมที่ต้องเห็นเขามีใครอยู่เคียงข้าง คนที่ไม่ใช่เธอ
“อย่าดีกับวิได้ไหมคะ อย่าทำแบบนี้เลย”
“ทำไมถึงทำไม่ได้ ผมแค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น”
เขาไล้ปลายนิ้วบนเรียวปากนุ่ม ก่อนจะแทนที่ด้วยริมฝีปากของตน ดูดซับความเค็มของน้ำตาและความหวานปานน้ำผึ้ง รสชาติหวานละมุนแปรเปลี่ยนไป แรงบดเคล้าเริ่มรุนแรงปลายลิ้นสอดเข้าเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นนุ่มชุ่มชื้น เสียงครางอย่างพอใจดังอยู่ภายในลำคอหนา ความซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างในเวลาไม่นาน
“อย่า”
เสียงของวิเวียนไม่ต่างอะไรกับสายลมที่พัดผ่าน มือทั้งสองดันบ่ากว้างได้ไม่นานก็ถูกดึงรั้งด้วยการจับรวบเพียงครั้งเดียว
ร่างบางเอนลงช้าๆ มือทั้งสองถูกรวบไว้เหนือศีรษะในขณะที่กระดุมชุดนอนถูกปลดออกทีละเม็ดอย่างใจเย็น เขาสัมผัสผิวเนื้อเนียนนุ่มด้วยมือเพียงข้างเดียว เลื่อนไปตามทรวดทรงของอกอิ่มไล่ขึ้นมาตามต้นคอแล้วแตะกลีบปากนุ่มเบาๆ
เปลือกตาที่ประดับด้วยขนตาดกหนาหรี่ลง เมื่อใช้นิ้วโป้งลากไปตามแนวกลีบปากแล้วสอดเข้าสู่ภายใน ลากไปตามแนวฟัน สัมผัสกับลิ้นนุ่มเบาๆ แล้วครางเสียงสะท้าน
“ลาเอลล่า ข้าต้องการเจ้า”

พายุใดเล่าจะรุนแรงเท่าพายุทราย ที่กลืนกินชีวิตคนให้หายไปได้โดยไร้ร่องรอย เวลานี้สายตาของฟายาสไม่ต่างอะไรกับพายุ เขาจับจ้องใบหน้าหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามนิ่ง ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมปล่อยให้คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล่าวคำปฏิเสธยามที่ได้รับคำเชื้อเชิญ ไม่เคยมีค่ำคืนไหนที่ต้องการหญิงใดแล้วไม่ได้ดั่งที่ต้องการ แต่เขาต้องยอมเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ แม้ร่างกายจะร้อนรุ่มด้วยความต้องการ แต่กลับทำได้เพียงขอนอนกอดเธอไว้
ร่างนุ่มๆ เรียวปากอิ่มบวมช้ำ กลิ่นหอมละมุน ช่างเป็นการทรมานตัวเองชนิดที่ปวดร้าวไปทั้งตัวเชียวล่ะ เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้ฟ้าก็เกือบสางแล้ว พยายามหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่าลิ้นของหญิงสาวเริ่มพันกันแล้วตอบคำถามไม่รู้เรื่อง เขาจึงปล่อยให้เธอหลับไปก่อนจากนั้นก็ได้แต่ขโมยหอมแก้มอิ่มไปเรื่อยๆ จนเผลอหลับไป
ฟายาสถอนใจอีกครั้ง สายตายังจับจ้องวิเวียนนิ่ง เขาต้องคิดทบทวนอยู่หลายครั้งว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตของตน คู่หมั้นที่เป็นถึงลูกสาวของกษัตริย์ทีจิส ทั้งสวยและเก่ง แม้จะเป็นแค่ลูกของเมียอันดับ 4 ก็ตามแต่ก็มีความสำคัญ แล้วเขาจะปฏิเสธอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างคาร์ซาน่ากับทีจิสกำลังไปได้ดี
นัยน์ตาคู่สวยหลุบลงมองมือของตน มือที่กำชะตาของคาร์ซาน่าเอาไว้ หลายครั้งที่พยายามวิ่งหนีความจริง หลายครั้งที่อยากหายไปจากโลกใบนี้ ไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครตามหาเขาพบ
ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง ไร้ประโยชน์ที่จะโกหกอีกต่อไป ตอนนี้เครื่องบินกำลังเข้าสู่น่านฟ้าของคาร์ซาน่า ไม่มีทางไหนที่หญิงสาวจะไปจากเขาได้อีก
“ลงจอดที่เวิ้งคาบัคร์ คืนนี้ข้าจะพักที่มามัวร์”
ฟายาสสั่งการเป็นภาษาจาเรนรัวเร็วตามนิสัย เขาก้าวขาอย่างมั่นคงไปยังห้องบังคับการแล้วสั่งให้นำเครื่องไปจอดยังสนามบินที่ใกล้กับเขตที่พักของเขามากที่สุด แคว้นมามัวร์เป็นแคว้นใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขาเองและมันกำลังจะกลายเป็นที่อยู่ของกษัตริย์คาซิมในเวลาอันใกล้นี้ เมื่อเขารับตำแหน่งนั้นมา
กษัตริย์ สุลต่านผู้ยิ่งใหญ่ ฟายาสไม่เคยอยากเป็น เขาชอบท่องเที่ยวหาความรู้ เขาชอบศึกษาประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ใบหน้าเข้มเครียดขึ้น เขาหลบสายตาของวิเวียนที่มองมาด้วยความประหลาดใจยามเมื่อเดินผ่านเธอมายังห้องพักของเขา เพียงเพื่อหยิบปืนสั้นและกริซออกมาใส่ยังซองหนังที่คาดอยู่ที่เอว
อิมมาถือชุดคลุมสีน้ำตาลทองมาสวมให้ทันทีที่ชายหนุ่มกางแขนออก สายคาดเอวสีทองคาดทับผ้าแผ่นหนา
“นี่มันอะไรกัน...”
วิเวียนลุกขึ้นมาหยุดตรงหน้ามกุฏราชกุมารหนุ่ม ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นพยายามระงับอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาให้เบาบางลง
“อะไร คุณหมายถึงอะไร”
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุณหลอกวิ คุณเดินได้ คุณจำทุกอย่างได้แล้ว”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คุณจะมากับผมไหม”
“มาสิ ยังไงวิก็ต้องมา ก็แม่วิอยู่ที่นี่”
“ไม่ล่ะ ยังไงผมก็ต้องแน่ใจว่าคุณจะมากับผม”
มือหนาคว้าหมับที่ข้อมือบาง รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากทั้งเจ้าเล่ห์และมุ่งมั่นจนหญิงสาวถึงกับสะท้าน ความกลัวเกิดขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง หากฟายาสก็เร็วพอที่จะเห็นมัน
“อย่ากลัวลาเอลล่า ผมทำเพราะรักคุณ”
“ไม่ใช่ คุณแค่อยากเอาชนะ...”
วิเวียนดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่กลับถูกยึดไว้แน่น ใบหน้าเข้มก้มต่ำลงมาแม้จะมีรอยยิ้มแตะแต้มแต่แฝงความเอาจริงไว้อย่างเต็มเปี่ยม
“คำพูดคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
“แต่คุณโกหก”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขากดริมฝีปากลงที่มุมปากนุ่มเต็มแรงและถอนออกอย่างรวดเร็ว
“เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
“เป็นคำสั่งใช่ไหมคะ”
เพราะโกรธจนลืมตัว วิเวียนจึงกล้าย้อนกลับไป แทนที่จะโกรธฟายาสกลับหัวเราะออกมา ดวงตาสีเงินสะท้อนแสงไฟวิบวับเมื่อเขาใช้กำลังมากกว่าอุ้มหญิงสาวมานั่งด้วยกันแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทีเดียวทั้งสองคน
ร่างบางดิ้นขลุกขลัก แต่อ้อมแขนแข็งๆ กลับทำหน้าที่ได้ดีกว่าเข็มขัดเสียอีก ในที่สุดเมื่อรู้ว่าเปล่าประโยชน์เธอจึงหยุดดิ้นแล้วนั่งนิ่งคิดในใจว่าอยากทำอะไรก็ทำไป จะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว
แต่วิเวียนทำได้แค่คิดเท่านั้น ร่างทั้งร่างพลันผวาเฮือก กระแสความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังเมื่อถูกรั้งให้อิงตัวไปกับร่างกายแข็งแกร่งจนแนบชิด ริมฝีปากร้อนผ่าวกดนิ่งที่ต้นคอก่อนจะกัดเบาๆ แล้วยิ้มเมื่อเห็นอาการสะท้านไปทั้งตัวของเธอ
“นั่งนิ่งๆ สิ”
เสียงกระซิบเอ็ดดังเบาๆ ที่ข้างหูทันทีที่ร่างบางขยับหนี วิเวียนรับรู้ถึงไออุ่นที่โอบล้อมรอบตัว ความรู้สึกปั่นป่วนจากความใกล้ชิดเกิดขึ้นและกำลังแผ่กระจายไปทั่วร่าง
“ก็ปล่อยสิคะ ใครเขาคาดเข็มขัดทีละสองคนกัน”
“ผมไงเป็นคนแรกที่ชอบคาดสองคน”
วิเวียนขี้เกียจต่อปากต่อคำเพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เผลอๆ อาจได้ศัพท์แปลกๆ ตอบกลับมาจะต้องมานั่งคิดอีกว่าเขาหมายถึงอะไร
‘คุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เข้าใจ’
วิเวียนอยากจะหัวเราะตอนที่เขาพูดประโยคนั้น และอีกหลายต่อหลายครั้งที่เธอไม่เข้าใจ กว่าจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรก็ต้องถามกันตั้งนาน

วิเวียนยืนงงอยู่กลางห้องพักอันใหญ่โต ทุกอย่างผิดไปจากที่คาดเอาไว้ ห้องนี้ไม่มีกลิ่นอายอาหรับหรือทะเลทรายแบบในนิยายเลย ไม่มีเบาะขนแกะ ไม่มีผ้าม่านระโยงระยางอย่างที่คิดไว้
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบไปตามขอบโซฟาแบบยุโรปเนื้อผ้าแพรลื่นเป็นมัน ช่อดอกไม้สีสดตั้งอยู่กลางโต๊ะกระจกตัวเล็กๆ โต๊ะเขียนหนังสือทรงโบราณมีลิ้นชักขนาดเล็กนับสิบ ที่จับเป็นรูปดอกไม้ตรงกลางเป็นคริสตัลหลากสีดูน่ารัก ห้องน้ำนี่สิสำคัญเพราะด้านบนเป็นกระจก แสงไฟพอสลัวทำให้มองเห็นท้องฟ้าที่พราวพร่างไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง
ความเครียดค่อยๆ จางหายไปเมื่อหญิงสาวก้าวลงสู่อ่างน้ำขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่กับพื้น น้ำอุ่นๆ กับกลิ่นหอมชื่นใจดีกว่าห้องนอนอันเย็นฉ่ำ เพราะมันทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลาย เสียงครางอย่างพึงพอใจดังขึ้น หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลงตั้งใจจะพักสายตา หากแต่หูพลันได้ยินเสียงบางอย่างจึงหันกลับไปมองตามสัญชาติญาณ
หญิงสาวสี่คนเดินเข้ามาหยุดอยู่รอบๆ อ่างน้ำแล้วทรุดตัวลงนั่ง วิเวียนยกมือขึ้นปิดหน้าอกแล้วงอตัวลงด้วยความอาย ในขณะที่หญิงสาวพวกนั้นกลับทำทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
กลิ่นหอมของดอกไม้อบกรุ่นกลิ่นไอไปทั่วทั้งห้อง หญิงสาวสามคนเดินวนไปทั่วทั้งห้องเพื่อจุดเทียนหอมที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ หญิงสาวอีกคนกำลังบรรจงใส่อะไรบางอย่างลงในน้ำ และเมื่อทุกคนเดินออกไป ร่างของบุรุษร่างสูงก็ก้าวเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
“อืม...เวลาเหนื่อยไม่มีอะไรดีกว่าการได้แช่น้ำอุ่นๆ กับคนที่ถูกใจ”
“ฟายาส อย่าเข้ามานะ”
วิเวียนร้องเสียงหลง หันหลังคว้าเสื้อคลุมที่ถอดกองไว้ข้างๆ มากอดไว้ นึกโกรธตัวเองที่ไม่ได้ดูให้แน่ใจก่อนว่ายังมีประตูห้องตรงไหนอีกหรือเปล่า
“ผมแค่อยากดูดาว”
“ดูตอนอื่น ดูที่อื่นก็ได้”
“ก็อยากดูที่นี่ ตอนนี้”
วิเวียมทำเสียงบางอย่างในลำคอแล้วรีบสวมเสื้อคลุมไม่สนใจว่ามันจะเปียกน้ำคิดแค่เพียงใส่เสร็จ จะวิ่งกลับห้องนอนแล้วล็อกประตูทันที
“คุณกับผมความเร็วต่างกันนะลาเอลล่า”
“วิไม่อยากอาบน้ำกับคุณนะฟายาส ขอร้องล่ะ”
ฟายาสไม่คิดที่จะสนใจ เขาดึงเชือกผูกเอวออกช้าๆ สองขาก้าวเข้าเรื่อยๆ แล้วอดที่จะแอบยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวหันหลังให้
“เราจะอยู่กันคนละมุม ผมจะไม่ข้ามเขตไปฝั่งคุณ ถ้าไม่จำเป็น”
ไอ้คำว่าไม่จำเป็นนี่ล่ะที่เอกลัว วิเวียนค้อนเงาดำๆ นึกดีใจว่าเขาอยู่ในมุมมืดทำให้เธอไม่ต้องอายมากนัก แต่กลับลืมไปว่า มุมที่เธอนั่งอยู่มีแสงไฟส่องอยู่แม้จะเป็นเพียงแสงไฟสลัวๆ ก็ตาม แต่มันก็สร้างความเพลิดเพลินให้กับฟายาสได้เป็นอย่างดี
“วิเวียน คุณจะอายผมทำไม เมื่อก่อนคุณเป็นคนเช็ดตัวทำธุ...”
“อย่าพูดต่อนะ แค่นี้วิก็อายจะแย่แล้ว”
วิเวียนรีบร้องห้าม ภาพร่างกายเปลือยเปล่ากับ...ความแข็งแกร่งที่เธอได้สัมผัสตอนที่เช็ดตัวให้ ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ ใบหน้านวลร้อนผ่าวจนต้องวักน้ำขึ้นมาหวังว่าจะช่วยทำให้เย็นลงได้บ้าง
เสียงหัวเราะแหบห้าวของร่างในเงามืดฟังเซ็กซี่จนหญิงสาวแทบละลาย เขาจะรู้บ้างไหมว่าเสียงของเขามีเสน่ห์ เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่ว่าผู้ชายบางคนมีน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล บางคนเสียงแหบห้าว มีเสน่ห์ไปคนละแบบ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเสียงเซ็กซี่เป็นอย่างไร เพราะยามที่ฟายาสทำเสียงแบบนี้ ร่างกายมักจะสั่นสะท้านขึ้นมา รู้สึกราวกับว่าเขากำลังลูบไล้ร่างกายของเธออย่างร้อนแรง
หลายครั้งที่วิเวียนพยายามลบฟายาสออกจากจินตนาการอันบรรเจิด หลายครั้งที่อ่านนิยายแล้วพลันคิดถึงนัยน์ตาคู่นั้นยามที่มองมาแบบลูบไล้และพยายามแผดเผาร่างกายให้ไหม้เป็นจุล
เกิดมาก็เพิ่งเคยเป็น เพิ่งเคยเจอ มีเพียงเขาคนเดียวที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ สร้างความรู้สึกชวนน่าละอายให้กับความฝันที่ร้อนแรง หลายครั้งที่แทบละลายยามเมื่อเขาโอบกอด เวลานี้เช่นกัน วิเวียนแน่ใจว่าสายตาของเขากำลังจับจ้องเธออยู่
ฟายาสกดยิ้มที่มุมปาก รับรู้จากความรู้สึกว่าวิเวียนกำลังสั่น ไม่ใช่จากความหนาว แต่เป็นเพราะสายตาของเขาเอง...เธอกำลังสั่นเพราะเขา
ร่างสูงขยับเข้ามาช้าๆ เขายืนอยู่กลางอ่างน้ำ แสงไฟที่ส่องกระทบแม้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของร่างกายแต่ก็อวดความงดงามของเรือนร่างที่สมบูรณ์ด้วยมัดกล้าม เรือนกายสะท้อนแสงเป็นสีทองดั่งภาพในจินตนาการที่เร่าร้อน งดงามและเปี่ยมไปด้วยพลังของบุรุษเพศ
แรงกระตุ้นจากภาพที่เห็นปลุกความหิวกระหายที่ซ่อนลึกให้ตื่นขึ้นมา ความร้อนแผ่ซ่านจนวิเวียนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ร่างกายของเธอเปลี่ยนสีเป็นสีแดงไปแล้วหรือเปล่า แต่ที่รู้ตอนนี้ริมฝีปากของเธอแห้งผากจนต้องใช้ปลายลิ้นลูบไล้ให้มันชุ่มชื้น
ฟายาสมองภาพตรงหน้าแล้วอยากจะฆ่าตัวเอง เขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เพราะแทนที่จะแกล้งหญิงสาวกลับกลายเป็นการทรมานตัวเอง ดวงตาสีเงินพราวระยับและกำลังลุกโชนพอๆ กับร่างกายส่วนล่าง เสียงสบถดังขึ้นเมื่อหันหลังให้แล้ว...
“กลับเข้าห้องนอนไป ถ้าไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลงที่เตียงของผม”
ร่างบางสะท้านเฮือก แม้อยากจะไปใจจะขาดแต่ขามันกลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง กว่าจะรู้ตัวมือหนาก็คว้าหมับที่สะโพกเพรียวแล้วกระชากเข้าหาจนหน้าท้องทาบทับความร้อนรุ่ม
“ข้าเตือนเจ้าแล้วลาเอลล่า”
ฟายาสกระซิบเสียงพร่า
“อย่านะฟายาส อย่า...”
วิเวียนพูดเสียงสั่น สองมือพยายามดันอกแข็งแกร่งเอาไว้
“ผมบอกให้คุณไป แต่คุณไม่ไปเอง”
“ฉันก้าวขาไม่ออก”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนจะเลื่อนมือลงช้าๆ จนสัมผัสต้นขาเนียนนุ่มด้วยความสงสัย
“ขาคุณสั่น”
ฟายาสพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก้มศีรษะลงจนริมฝีปากเกลี่ยกลีบปากนุ่มเบาๆ
“งั้น ขอจูบเดียวแล้วผมจะไป”
เขากดริมฝีปากลงอย่างเร่าร้อน ปลายลิ้นรุกไล่และบังคับให้เธอเผยอปากรับก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าชิมความหวานภายในอย่างช่ำชอง
จิตสำนึกที่จะต่อต้านค่อยๆจางหายไปทีละนิด ฟายาสจูบเธออย่างยาวนาน ลึกล้ำและดูดดื่ม ก่อนจะผละออกแล้วก้าวจากไปในเวลาอันรวดเร็ว

มือบางจิกหมอนที่กำลังหนุนอยู่พลางพลิกไปมาเพราะนอนไม่หลับ ความสับสนกำลังทำร้ายเธออยู่ วิเวียนยกมือขึ้นปาดน้ำตา เรือนผมสีดำบนหมอนสีขาวแผ่กระจายล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ เมื่อมองจากมุมสูงจึงไม่ต่างอะไรกับรูปวาดของนางในฝัน
ฟายาสนั่งชันขานิ่งอยู่บนยอดโดม ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายาวราตรี หัวใจและร่างกายกลับร้อนรุ่มจนนอนไม่หลับจึงเลือกที่จะขึ้นมานั่งดูดาว สายตาจับจ้องไปยังแสงสว่างในห้องนอนใหญ่สุดในวังของเขาและมีหญิงสาวอันเป็นสุดยอดของความปรารถนาในเวลานี้ครอบครองเตียงนอนของเขาอยู่
ตอนแรกคิดว่าโชคดีที่วิเวียนไม่ได้ปิดไฟนอน แต่ตอนนี้ภาพหญิงสาวในขุดนอนสีฟ้าใสกำลังทำให้เขากระวนกระวายอยากจะปีนลงไปแล้วเข้าไปทำอะไรต่ออะไรตามที่ต้องการ เพียงแต่ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธออีก
ใบหน้าคมเงยขึ้นมองท้องฟ้า เอนตัวลงนอนแล้วทำเสียงจิกจักเมื่อรับรู้ถึงการมาของใครคนหนึ่ง
“เจ้าไม่ง่วงบ้างหรืออิมมา”
ไม่มีเสียงตอบนอกจากแก้วขนาดใหญ่บรรจุน้ำหวานเย็นเฉียบมาให้
“อากาศภายนอกแม้จะเย็น แต่ข้าว่านายท่านคงต้องการสิ่งนี้”
ฟายาสหรี่ตาลงริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเมื่อคว้าแก้วมาถือไว้
“ร้อนข้างในนั้นดับยาก ข้ากำลังสับสน”
“หน้าที่กับหัวใจ เลือกยากนะนายท่าน”
อิมมาพูดแล้วทำท่าจะกลับลงไป
“อย่าเพิ่งไป อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อน”
อิมมามองชุดคลุมตัวหนาของฟายาสแล้วก้มลงมองเสื้อนอนของตน สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันทนหนาวจนเกือบค่อนคืนถึงได้กลับลงมา โดยไม่ลืมเตือนตัวเองว่าถ้าขึ้นไปคราวหน้าให้เปลี่ยนเป็นเสื้อตัวหนาๆ ก่อน




tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2554, 23:58:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2554, 23:58:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 3028





<< ตอนที่ ๓   ตอนที่ ๕ >>
sa 26 เม.ย. 2554, 00:05:45 น.
1 ^__^


แว่นใส 26 เม.ย. 2554, 08:23:27 น.
น่าสงสารอิมมาจังเลย


SaiParn 26 เม.ย. 2554, 15:04:13 น.
หง่า แล้วชะตาชีวิตทั้งคู่จะยังงัยล่ะเนี่ย เรื่องปวดหัวรออยู่ข้างหน้า...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account