ลิขีตรักใต้เงาทราย ภาค ดั่งแสงตะวัน
ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นสุลต่านองค์ต่อไป หน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประเทศ เมื่อพี่ชายเลือกที่จะหลีกทาง เขาจำต้องรับหน้าที่ ที่ไม่เคยต้องการ หัวใจที่เรียบง่ายและเย็นชา บอกกับตนเองเสมอ ว่าจะไม่ขอรักใคร แต่แล้ว...เพราะ... เขาเพียงต้องการที่จะพักผ่อนก่อนที่จะต้องรับภาระหน้าที่...ที่สำคัญ แต่แล้วเพราะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทำให้ได้พบกับคนที่เขาสามารถรักได้ด้วยหัวใจ เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเข้า และจากไปพร้อมกับหัวใจทั้งดวง
Tags: ทะเลทราย

ตอน: ตอนที่ ๕

ตอนที่ ๕

“มาซาร์ เอลคีย์ท่านแม่ สุดบูชาของลูก”
ฟายาสก้มลงจูบเท้าของชารีฟเม่อก้าวเข้าสู่ห้องของมารดา วูบหนึ่งหัวใจของเขาสะท้อนวูบราวกับตกจากที่สูงเมื่อคิดว่า ตนเองเกือบไม่ได้มายืนตรงนี้อีกแล้ว
น้ำตาของผู้เป็นแม่หลั่งริน นางดึงลูกชายคนเล็กให้ยืนขึ้นก่อนจะลูบแก้มสากเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยดี
“พรรณเดินทางมาก่อนหน้านี้ไม่นาน นางบอกแม่ว่าเจ้าสบายดี แต่...แม่ไม่อาจจะนอนใจได้ถ้าไม่ได้เห็นเจ้าด้วยตาของแม่เอง”
ฟายาสรวบร่างบอบบางเข้ามากอด นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำตาคลอเขาจึงยกมือขึ้นเช็ดมันเบาๆ
“พวกเจ้าใจร้ายมาก ปล่อยให้แม่ต้องทนทุกข์เพราะคิดว่าต้องสูญเสียลูกชายทั้งสองคนไปเสียแล้ว”
ชารีฟจูงมือลูกชายคนเล็กให้เดินตามเข้าไปยังเตียงนอน นางนั่งลงแล้วมองร่างสูงใหญ่ที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แล้ววางคางลงบนขาของตน มือเรียวเล็กยกขึ้นลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าจะนานแค่ไหนลูกชายทั้งสองก็ยังติดนิสัยชอบทำแบบนี้เสมอ
“เจ้าเอานางไปไว้ไหน”
“ท่านรู้”
ชารีฟยิ้ม นางปัดเส้นผมที่ตกละใบหน้าออกแล้วดึงจมูกของลูกชายเบาๆ
“อย่าลืมสิฟายาส แม่เลี้ยงลูกมาทำไมถึงจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองคนกำลังมีความรัก”
“พี่บลาสรักใครหรือท่านแม่”
แววตาของฟายาสลุกวาบด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาขยับตัวนั่งคุกเข่าจับมือเล็กๆ ของผู้เป็นแม่ขึ้นจูบพลางส่งสายตาออดอ้อนขอคำตอบ
“คนที่ช่วยเจ้ายังไงล่ะ แต่เวลานี้บลาสกำลังมีปัญหาคงเหมือนเจ้าที่จะต้องถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป”
“ข้ามีโอกาสเลือกได้ที่ไหน ท่านก็รู้”
ฟายาสซบหน้าลงเช่นเดิม วันนี้ก่อนจะมาที่นี่เขาส่งวิเวียนไปหาแม่ของเธอ ให้เวลาสามวันแล้วจะไปรับแต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงคิดถึงเธอ...ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

สุลต่านคาซิมผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นหน้าลูกชายคนเล็ก แม้จะรู้ว่าเขาปลอดภัยแต่ความเป็นห่วงตามประสาคนเป็นพ่อนั้นไม่อาจเลือกชั้นวรรณะได้
นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อฟายาสเดินเข้าไปแตะมือที่เท้าของสุลต่านเฒ่ายกมือขึ้นแตะริมฝีปากและหัวใจในเวลาต่อมา ร่างสูงใหญ่ของชายสองคนที่โผเข้ากอดกันอาจจะดูตลกแต่ชายหนุ่มอีกสามคนที่ยืนอยู่ในห้องไม่ได้รู้สึกตลกเลย
บาราส คาจาริลและจาร์คาต่างหลบตาลงมองพื้น ไม่อยากเห็นภาพที่ทำให้หัวใจลูกผู้ชายต้องสั่นครอน พวกเขายังไม่มีโอกาสได้ทักทายกัน แต่เมื่อได้เห็นใกล้ๆ ก็เบาใจลงแล้วว่าฟายาสหายดีจริงๆ
คาซิมพูดคุยกับลูกหลานทั้งสี่เรื่องการดูแลแคว้นกับการปราบกองโจรก่อนจะจบลงด้วยการปรึกษาเรื่องงานแต่งงานของฟายาสกับคู่หมั้นที่กำลังเดินทางมาจากทีจิส อาจไม่ได้ข้อสรุปที่ดีนักเพราะหลังจากการประชุมกันในหมู่พี่น้องจบลง สี่หนุ่มต่างมานั่งรวมกันในห้องทำงานของจาร์คา
ฟายาสหันมองพี่ชายสลับกับจาร์คา บาราสมีอาการเครียดและมักจะถอนใจยามที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเป็นระยะ คาจาริลเองที่มักจะชอบเย้าแหย่ แต่ใบหน้าของญาติสนิทในเวลานี้ราวกับคนอมทุกข์ก็ไม่ปาน ส่วนจาร์คา เขารู้ว่ากำลังกังวลเพราะต้องเลือกระหว่างออกไปสร้างตัวด้วยแคว้นเล็กๆ ที่ทั้งลำบากและเคยเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มกองโจรหรือเลือกที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่โตกว่าเก่าแต่ต้องลำบากใจที่จะต้องเป็นคนคอยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในสภาอันใหญ่โต
ส่วนตัวเขาเองล่ะ ฟายาสถอนหายใจเมื่อถามตัวเองว่าถ้าเสนอให้วิเวียนเป็นเมียคนหนึ่งที่ไม่ได้ครองตำแหน่งสุลตาน่า เธอจะยอมไหม แล้วถ้าจะต้องปล่อยเธอไป เขาล่ะจะทำใจได้หรือไม่
“พวกเจ้าไม่มีที่จะไปกันหรือไง ถึงมารวมกันอยู่ในห้องข้า”
จาร์คาบ่นขึ้น เขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วแล้วหยิบขวดที่วางใกล้มาเทใส่ก่อนจะสาดมันเข้าลำคอรวดเดียวอีกครั้ง
เสียงบาราสถอนใจดังขึ้นเหมือนเป็นคำตอบ เขาเอื้อมมือหยิบขวดไวน์ที่เจ้าของห้องขนมาจากการไปเที่ยวขึ้นมาจรดริมฝีปากแล้วยกขวดขึ้นเทน้ำสีแดงคล้ำใส่ปากไม่สนใจที่จะใช้แก้วอีกต่อไป
ฟายาสเห็นดังนั้นเลยทำบ้าง ไม่สนใจว่าตนเองมีนัดกับใครที่ไหนคิดแต่เพียงว่าขอให้ลืมทุกอย่างลงในช่วงเวลานี้ก็พอ หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากัน

“เอม...มา เอม...มา ด้ายเยนข้าม้ายยยย”
เสียงตะโกนเรียกอิมมาทั้งเพี้ยนและบ่งบอกถึงอาการเมามาย ชายร่างยักษ์ส่งลูกชายวัย 2 ปีให้กับภรรยาแล้วรีบจ้ำขาออกมาด้านหน้าบ้าน นานๆ อิมมาจะได้กลับมาหาภรรยาทีจึงอยากจะอยู่เล่นกับลูกให้หายคิดถึง แต่พอได้ยินเสียงเจ้านาย ก็อดไม่ได้ที่จะต้องรีบทำหน้าที่ของตนไม่ว่าจะเป็นยามใดก็ตาม
บางครั้งเมื่ออิมมากลับมาถึงบ้าน เขาต้องเสียเวลาครึ่งค่อนวันทำความรู้จักกับลูกๆ ใหม่ เพราะหายหน้าหายตาไปนาน ส่วนใหญ่งานหลักคือการติดตามฟายาส เว้นแต่ตอนที่ชายหนุ่มไปเมืองไทยเท่านั้น ที่เขาไม่ได้ไปเพราะติดงานสำคัญ จึงนึกเสียใจมาจนทุกวันนี้ว่าถ้าเขาอยู่ด้วยเหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น
ใบหน้าคร้ามแดงก่ำ ท่ายืนโงนเงนดูแปลกตา อิมมาไม่เคยเห็นฟายาสเป็นเช่นนี้มาก่อน เขาตรงเข้าประคองชายหนุ่มแล้วพามุ่งหน้ากลับที่พักซึ่งอยู่ในเขตหวงห้ามชั้นใน
ทำไมจะดูไม่ออกว่าเจ้านายกลุ้มเรื่องอะไร อิมมาส่ายศีรษะเมื่อเห็นสภาพเมามายไม่ได้สติของคนที่เขาประคองอยู่ ความรักมีทั้งความสุขและความทุกข์ แต่ดูแล้วฟายาสคงจะไม่มีความสุขง่ายนัก
“เอมมาข้าคิดถึงนาง เจ้าไปพานางมาที”
ฟายาสเอ่ยปากเป็นครั้งแรกที่อิมมารู้สึกว่านี่คือคำขอร้องไม่ใช่คำสั่งเช่นทุกครั้ง
“นางต้องไปเอาเอกสารที่จะต้องใช้สำหรับการผ่าตัดครั้งสุดท้าย นายท่านให้เวลานางสามวันที่จะได้อยู่กับครอบครัว เวลานี้นางกำลังทำหน้าลูกที่ดีอยู่ นายท่าน...”
“แล้วข้าล่ะเอมมา...”
ฟายาสถามเสียงยานคาง เขากระชากคอเสื้ออิมมาเข้ามาจนใบหน้าแทบจะชนกัน
“ข้าคิดถึงนาง”
เขาบอกความรู้สึกออกมา ไม่มีการปิดบัง
“เอาเครื่องออกข้าจะไปเมืองไทย ไอ้หมอบ้าทำไมต้องเอาเอกสารบ้าบอนั่นด้วย ที่จริงให้ใครไปเอาก็ได้ ตรวจเองสิเป็นหมอไม่ใช่หรือไง”
เสียงพาลเพโลของฟายาสดังลั่น อาการขัดเคืองใจแสดงออกมาให้เห็น เหมือนคนเอาแต่ใจ ที่จริงชายหนุ่มจะอาละวาดตั้งแต่ประชุมเสร็จ แต่ติดว่าตอนที่อิมมาเข้าไปบอกข่าวนั้น สุลต่านคาซิมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ไม่เช่นนั้นอิมมาแน่ใจว่าตอนนี้เขาอาจจะอยู่บนเครื่องบินแล้วก็ได้
วิเวียนต้องรีบบินกลับเมืองไทยเพื่อไปเอาเอกสารและจัดการเกี่ยวกับประวัติการรักษาทั้งหมดของแม่มาให้หมอก่อนการผ่าตัด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอจะรีบเดินทางกลับมาทันที และสาเหตุที่ต้องไปเอาเองเนื่องจากน้องสาวของเธอไม่รู้ว่าเอกสารอยู่ที่ไหน และจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง
อาการโวยวายของคนเมา ทำให้ร่างสูงที่ก้าวมาด้านหลังหยุดฟังก่อนจะตบบ่าอิมมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที
“พาฟายาสไปเมืองไทยเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนแจ้งท่านลุงกับท่านป้าเอง”
คาจาริลบอก แล้วหันหลังเดินจากไป ความรู้สึกในใจเต็มไปด้วยความสับสนว่ามนุษย์ทุกคนนั้นต่างต้องเจ็บปวดเพราะความรักอีกสักเท่าไร เขาเองก็เข็ดขยาดเหลือเกินกับความรัก
อิมมามองตามหลังชี้คหนุ่มญาติผู้พี่ของเจ้านายแล้วทำตามที่คาจาริลบอก แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะต้องเสียน้ำมันฟรีๆ ในการเดินทางไปกลับก็ตาม แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันเป็นคนสั่ง เขาทำได้เพียงแค่ทำตามเท่านั้นเอง

วิเวียนมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ชายฉกรรจ์นับสิบในชุดคลุมกันทรายแบบที่ใช้กันในคาร์ซาน่าเป็นอะไรที่ไม่คุ้นตาจึงมีคนในชุมชนแออัดแห่งนี้มาแอบดูอยู่หลายคน
แต่ที่ทำให้หญิงสาวมีอาการพูดอะไรไม่ออกคือใบหน้าบึ้งตึงของคนตรงหน้า ใบหน้าแกร่ง นัยน์ตาคล้ำเพราะเพิ่งสร่าง และสายตากล่าวหา
“คุณมาไม่บอก”
“คุณให้เวลาวิสามวันไม่ใช่หรือคะ พรุ่งนี้วิก็กลับแล้ว”
วิเวียนรู้สึกว่าตัวกำลังสั่น สายตากวาดไปทั่วใบหน้าเข้ม รอยเขียวเข้มที่คางและแนวกรามอันแข็งแกร่งบอกให้รู้ว่าเขายังไม่ได้จัดการกับตัวเองเลยในเช้าวันนี้
“แค่มาเอาเอกสารให้แม่เองค่ะ”
หญิงสาวรีบพูดต่อ แต่ฟายาสไม่คิดจะฟังเลยสักนิด เขาคว้าต้นแขนเรียวรั้งให้เดินตามขึ้นรถ แล้วถามเพียงว่า...
“เอกสารครบหรือยัง”
“ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังจะกลับไปที่สนามบินพอดีคุณมาก่อน”
ฟายาสหรี่ตามองซองสีน้ำตาลที่หญิงสาวกอดอยู่ แล้วยื่นมือไปกระชากซองนั้นโยนให้อิมมา
“กลับไปสนามบิน เราจะกลับคาร์ซาน่าเลย ส่วนเอกสารเจ้าเอาไปให้ที่โรงพยาบาลแทนนางที”
ฟายาสพูดภาษาจาเรนกับคนสนิท ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะรถยกมือขึ้นกอดอกแล้วหลับตาลง
“อิมมา...ขอซองนั้นเถอะ ฉันต้องเอาไปให้หมอ”
วิเวียนยื่นมือออกไปขอซองสีน้ำตาลคืน แต่ฟายาสกลับเป็นคนรวบมือนั้นมารวมทั้งรวบเจ้าของมือมากอดด้วยในคราวเดียว
“ให้อิมมาจัดการไป ส่วนคุณ...มีความผิดที่มาโดยไม่บอกผมก่อน”
“แต่ว่า...”
“คุณจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ฟายาสสั่ง สองแขนกอดรัดร่างบางแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“อย่าค่ะ”
วิเวียนร้องเสียงสั่น พยายามกระชากมือหนาออกแต่ไร้ประโยชน์ ฟายาสครางเสียงพร่า เขาสอดมือเข้าในกลุ่มผมหนานุ่มตรึงศีรษะหญิงสาวไว้ก่อนจะก้มลงบดขยี้ริมฝีปากนุ่มอย่างรุนแรง
ร่างบางหยุดดิ้นทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อมืออีกข้างของเขาเลื่อนลงมากุมกระชับสะโพกเพรียวแล้วดันให้ร่างของเธอแนบชิดยิ่งขึ้น
“นายท่านถึงสนามบินแล้ว ไม่ทราบว่า...”
“หยุดพูดเลยอิมมา”
ฟายาสดุเสียงหวน เขามองแก้มแดงก่ำของวิเวียนยิ้มๆ
“อายทำไม เรื่องธรรมดา”
“หน้าด้าน”
วิเวียนทำปากขมุบขมิบ ก้มหน้าลงไม่ยอมสบตากับใคร แม้จะรู้อยู่ว่าคนขับรถกับอิมมาไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดต่อ แต่ศักดิ์ศรีของเธอล่ะมันจะยังคงมีเหลืออยู่ไหม
ร่างบางเดินเคียงข้างฟายาสราวกับหุ่นยนต์ ก้มหน้างุดไม่ยอมเงยขึ้นมองใคร ริมฝีปากอิ่มบวมเปล่งขบเม้มจนแทบเป็นเส้นตรง ชายหนุ่มทำท่าจะหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของคนข้างๆ จึงทำได้แต่เงียบแล้วกระชับวงแขนให้แน่นมากขึ้น

“ไม่คิดจะคุยกันบ้างหรือไร”
ฟายาสถามขึ้น ตาคมจับจ้องนาฬิกาที่ข้อมือ นับเวลาไปเรื่อยๆ รอดูว่าความอดทนของหญิงสาวจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
เปลือกตาสีชมพูอ่อนปิดปังนัยน์ตาสีดำราวกับน้ำมันดิบเกรดดี ยิ่งอีกฝ่ายไม่อยากพูดด้วยฟายาสก็ยิ่งอยากแกล้ง หากแต่เวลานี้อิมมากลับทำตัวเป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์หญิงสาว ท่าทางยืนกางขายกมือขึ้นกอดอกอยู่ด้านหลังส่งสายตาปรามอยู่ในทีจนเขาอยากจะถามว่าใครกันแน่ที่เป็นนาย
เห็นแบบนี้ใครจะเชื่อว่าชายหน้าตาบึ้งตึงมีเมียถึงสามคน แต่ละคนล้วนพร้อมใจที่จะอยู่ในบ้านหลังเดียวกันโดยไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง และแต่ละคนก็ล้วนแต่สวยงามจนบางครั้งฟายาสนึกอิจฉา
เมีย 3 ลูก 7 ใครทำไม่ได้อิมมาทำได้ ฟายาสกดมุมปากเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นคนสนิทเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม อาจเป็นเพราะสีหน้าไม่น่าไว้ใจของชายหนุ่ม เลยทำให้อิมมาแสดงอาการนั้นออกมา
“อิมมา เจ้าอยากพักที่คาร์ซาน่าหรือมามัวร์”
นั่นไง...อิมมานึกในใจ เขาคิดแล้วไม่ผิด คำพูดของฟายาสเตือนให้รู้ว่าถ้าขืนทำตัวเป็นก้างล่ะก็ไม่ได้กลับไปนอนกอดลูกๆ แน่ๆ

เมื่อกำจัดก้างชิ้นใหญ่ได้แล้วในห้องจึงเหลือเพียงกระแสความอึดอัดระหว่างคนสองคนเท่านั้น
“ไม่คิดจะพูดกันจริงๆ หรือลาเอลล่า”
“ถ้าหากคุณยังทำท่าเหมือนเด็กนิสัยเสียที่ต้องการความสนใจ เปล่าประโยชน์ที่จะพูดกันค่ะ”
อืม...เสียงครางดังขึ้นเหมือนแกล้งฟายาสทำหน้าตากวนอารมณ์จนวิเวียนอยากจะร้องกรี้ดและหนีไปไหนสักแห่งให้พ้นหน้าชายหนุ่ม
“ผมแค่อยากอยู่ใกล้คุณ ที่จริงผมมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนอ”
วิเวียนทวนคำงงๆ
“ข้อเสนออะไรคะ”
“ผมต้องการคุณ”
ง่ายๆ สั้นๆ แต่กลับทำร้ายหัวใจของคนฟังจนเลือดโชกเลยทีเดียว หญิงสาวสบนัยน์ตาสีอ่อน ลมหายใจติดอยู่แค่ลำคอ มือทั้งสองข้างบีบกันจนแน่น พยายามระงับอารมณ์ทุกอย่างที่กำลังถาโถมเข้ามาให้เบาบางลง
“ฟายาส เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน วิไม่มีความคิดที่จะเป็นเพียงเครื่องบรรเทาความหนาวให้ใคร”
พูดเองก็หน้าแดงเอง วิเวียนคิดว่านี่คือคำพูดที่เบาและทำให้เธออับอายน้อยที่สุดแล้ว แต่ร่างกายพลันสะท้านเมื่อฟายาสลุกขึ้นยืน ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ
“ผมไม่ได้หนาวกายเลยลาเอลล่า ผมอยากได้คุณมาสร้างความอบอุ่นให้กับหัวใจ”
ชายหนุ่มดึงมือนุ่มาจูบเบาๆ แล้วกดแนบแน่นที่หัวใจของตน ก่อนจะกล่าวเป็นภาษาจาเรนรัวเร็ว
“ชะตาชีวิตข้ามิอาจลิขิต แต่หัวใจของข้าเมื่อรัก ข้าจักต้องไขว่คว้ามาเพื่อครอบครอง”
“คุณพูดอะไร”
“แค่บอกว่าผมจำเป็นต้องแต่งงานตามหน้าที่ แต่อยากให้คุณอยู่กับผมตลอดไป”
วิเวียนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาที่มองมาทั้งอ้อนวอนและแผดเผาร่างกายให้ละลายได้ในเวลาเดียวกัน
“วิไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร”
“แปลว่าอะไร”
ใบหน้าสงสัยทำให้หญิงสาวตอบไม่ถูก
“เมียน้อย น้อยแปลว่านิดเดียว เมียนิดเดียวผมไม่เข้าใจ”
ฟายาสทำหน้าแปลกๆ ทำให้วิเวียนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ รู้อยู่แก่ใจว่าหลงรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจไปเสียแล้ว เธอยกมือขึ้นลูบแก้มสากแล้วยิ้มออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“นางบำเรอ จะเรียกแบบนั้นก็ได้ วิไม่อยากเป็นนางบำเรอค่ะฟายาส”
“แต่ผมรักคุณ”
ยังคงดื้อดึง เขาเบี่ยงหน้าเพื่อจุมพิตมือนุ่มแล้วยืดตัวขึ้นยกมือขึ้นกุมแก้มนวลเอาไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาหยดเล็กๆ ออกจากแก้มก่อนจะจูบริมฝีปากอิ่มที่กำลังสั่นระริกอย่างอ่อนโยน
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมอยากอยู่ใกล้ เป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมไม่อยากให้ออกไปจากชีวิต ได้โปรดเถอะลาเอลล่า ตอบตกลงแล้วมอบชีวิตของคุณให้ผมดูแล”
วิเวียนร้องไห้โฮ เธอโผเข้ากอดฟายาสตอบรับเสียงสะอื้นฟังกระท่อนกระแท่นแทบไม่ได้ใจความ แต่สำหรับชายหนุ่ม แค่เขาได้ยินคำว่าค่ะเท่านั้น รอยยิ้มกว้างได้เผยออกมาในทันที

อิมมาลอบถอนหายใจเมื่อเห็นมกุฏราชกุมารหนุ่มอุ้มพยาบาลสาวหน้าหวานก้าวลงจากเครื่องบินส่วนตัว ชะตากรรมในอนาคตไม่อาจคาดเดาได้ หากคู่หมั้นที่กำลังเดินทางมายอมให้ชายหนุ่มมีภรรยาอีกคนได้ก็คงเป็นเรื่องดี แต่ที่เขาได้ยินมา คู่หมั้นของฟายาสไม่ใช่ผู้หญิงที่มีน้ำใจนัก
“ข้าขอภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนนี้ โปรดจงคุ้มครองหญิงสาวน้ำใจงามด้วยเถอะ”
อิมมาทำได้เพียงแค่นั้น พร้อมทั้งบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะคุ้มครองดวงใจของเจ้านายด้วยชีวิตของเขาเอง
ฟายาสเองก็เช่นกัน เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ที่พัก สายตาพลันเห็นแววตาเป็นห่วงของอิมมาที่กำลังมองหญิงสาวในอ้อมกอด รอยยิ้มของผู้เป็นนายเผยออกมา เมื่อได้รับคำสัญญาจากคนสนิทแม้จะไม่ใช่คำพูดก็ตาม
“เจ้าเอาเอกสารไปให้หมอเถอะอิมมา ข้าเพียงแค่อยากพักผ่อนเท่านั้นไม่คิดที่จะจับจองนางทันที”
มกุฏราชกุมารแห่งคาร์ซาน่าให้คำมั่นกับอิมมา และเมื่อก้าวขาเข้าสู่ห้องนอน เขาบอกกับตัวเองว่าสตรีนางเดียวที่จะได้ครอบครองหัวใจของเขาจะมีเพียงหญิงสาวคนนี้เท่านั้น ไม่อาจเป็นใครอื่นได้อีกเลย
วิเวียนก้มหน้างุดกับอกกว้าง แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องกระทบเตียงนอนสีเข้ม ใบหน้านวลแดงระเรื่อเมื่อความคิดกำลังกระเจิดกระเจิงไปไกล
“คิดอะไรอยู่”
“ปละเปล่าค่ะ”
ฟายาสเลิกคิ้ว เก็บเสียงหัวเราะเอาไว้จนอกกระเพื่อม
“แน่ใจหรือ ผมว่าคุณกำลังคิดเหมือนที่...ผมกำลังคิดอยู่”
“อุ้ย ไม่ใช่นะคะ”
วิเวียนรีบปฏิเสธ คราวนี้เสียงหัวเราะกลับดังสนั่น ฟายาสเงยหน้าขึ้นปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาทำตาวาวเมื่อก้มลงสบตาหญิงสาวอีกครั้ง
“ผมง่วง กำลังจะชวนคุณให้นอนพัก นี่คิดไปถึงไหนกัน”
ใบหน้าหวานเหรอหรา กลีบปากนุ่มเผยอขึ้นเป็นรูปตัวโอแล้วหุบฉับ ทำหน้าบึ้งเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมคนเจ้าเล่ห์โครมใหญ่
“อาบน้ำกันไหม หรือจะนอนเลย ผมให้คุณเลือกว่าจะนอนตรงไหน ไม่ไหวง่วงเต็มทนละ”
“แล้วใครใช้ให้ไป”
วิเวียนทำเสียงสะบัด แต่แล้วแก้มอิ่มกลับปรากฏสีเลือดเมื่อถูกวางลงบนเตียงแล้วคนตัวโตก็ทิ้งตัวลงมานานกอดเธอไว้
“หัวใจ หัวใจของข้าใช้ให้ไป”
สิ้นคำตอบไม่นาน เสียงกรนเบาๆ ก็ดังขึ้นทันที วิเวียนอยากจะทุบคนพูดที่ขยันหาคำหวานมาให้เลี่ยน แต่ก็ทำได้แค่เพียงนอนนิ่งๆ และหลับไปหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที





tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2554, 21:36:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2554, 21:36:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2934





<< ตอนที่ ๔    ตอนที่ ๖ >>
หนอนฮับ 27 เม.ย. 2554, 21:59:51 น.
ฮันแน่...ป้ามาแระ อีกตอน อิอิ


หมูบูลิน 27 เม.ย. 2554, 22:38:25 น.
น่ารักมากเลยค่พ


chenyujia 27 เม.ย. 2554, 22:59:17 น.
ชอบๆๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปอยุ่นะคะ ^^


แว่นใส 28 เม.ย. 2554, 07:52:29 น.
ตัวร้ายกำลังจะมา


Setia 29 เม.ย. 2554, 19:15:10 น.
หวานสุดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account