อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 13

13

“อยู่ตรงข้ามกันแค่นี้คุณหมอโกมุทเคยข้ามมาหาอะไรใส่ท้องบ้างไหม”

“ร้านกระจอก ๆ อย่างนี้ คุณหมอคงไม่คุ้นเคยหรอกค่ะ เคยกินแต่ฝีมือชาววัง” สายบัวแกล้งแขวะให้ ผลปรากฏว่า คุณนันทพรตีมือดังเพียะ

“ปากดีจริง”

คนทั้งคู่ก็มองตากันคล้ายกับว่าเกี่ยงให้ใครสักคนเป็นคนเริ่ม แล้วคุณนันทพรก็ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาทำประหนึ่งว่าเรื่องที่จะพูดออกมานั้นเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต แต่คนที่พูดก่อนกลับเป็นคุณชวนชม

“คุณหมอน่ะ อย่างไรก็ผู้ชาย นิสัยผู้ชาย เปล่าเปลี่ยวเดียวดายไม่เก่งเท่าผู้หญิงหรอก ฉันกับคุณนันทพรก็ช่วยกันพูดถึงเธอ บอกเล่าความเป็นมาและคุณความดีทั้งหมดของเธอให้คุณหมอได้รับรู้”

สายบัวอยากจะทำถามว่าคุณหมอว่าอย่างไร แต่ก็ไม่กล้า ดูเหมือนคนชวนชมอีกนั่นแหละที่รู้ใจว่าอย่างไรเธอก็ไม่กล้าซักไซ้แน่นอน

“คุณหมอเธอนิ่ง ๆ เคร่งขรึมยิ้มน้อย ๆ ตามนิสัย สายบัว น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนแต่ความรักอ่อน ๆ อย่างเธอก็ไม่แน่นะ”

“แต่สายบัวไม่ได้คู่ควร เพราะชาติตระกูล”

“พ่อคุณหมอมาจากที่ไหน ลูกเจ๊กร้านขายกาแฟ ข้อนั้นคุณหมอคงไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอก ต่อจากนี้ไปมันอยู่ที่อะไรอีกล่ะ” คุณชวนชมหันมาถามคุณนันทพร

“สุดแต่บุญวาสนาเถอะ เนื้อคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันไปได้ ถ้าคราวนี้เธอกับเขาไม่ได้ลงเอยอย่างที่เธอหวัง ก็เอาไว้ชาติหน้าเถอะ”

“ชาติหน้า โอ๊ะ แล้วนี่คุณสองคนมาที่นี่เพื่อเป็นแม่สื่อ”

“แล้วดีไหมล่ะ จริง ๆ ฉันสองคนเล่นพนันกันด้วยนะว่า งานนี้เธอกับคุณหมอจะลงเอยกันได้ไหม”

“แล้วคุณดุจเดือน”

“ก็เห็นคุณหมออยู่แต่ที่บ้านนี่ คุณดุจเดือนก็ไม่เห็นมา เมื่อเป็นอย่างนี้ ต่างคนต่างอยู่ ก็น่าจะเลิกกันจริง”

“แล้วทำไมคุณทั้งสองคนไม่ลองซักไซ้ดูบ้าง”

“เสียมารยาทตายเลยเรื่องของเจ้านาย แค่นี้ฉันสองคนก็คิดแล้วคิดอีกนะก่อนจะเข้าไปพูดเรื่องที่เธอรักคุณหมอมากๆ อยู่ข้างเดียว”

ใจของสายบัวเต้นแรง ชีวิตรักของเธอต้องให้คนอื่นช่วยอย่างนั้นหรือ เธอไม่มีปัญญาหาคนมารักด้วย หรือทำให้รักของตนสมหวังด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ

คนทั้งคู่ก็นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านคนละคันแล้ว สายบัวหันไปมองที่โรงพยาบาล รู้สึกอยากป่วยเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอกับหมอโกมุท มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน ใกล้ชิดเพื่อถามหัวใจตนว่า ยังอยากเจ็บปวดไปอีกนานแค่ไหน?




แล้ววันที่สายบัวจดจ่อว่าจะมีไหมก็มาถึง หญิงสาวเงยหน้าจากสมุดบัญชีแล้วพบว่าในร้านมีผู้ชายคนหนึ่ง มีช่วงไหล่กว้าง ไรผมที่ท้ายทอยเรียบร้อยเผยให้เห็นช่วงต้นคอที่ขาวสะอาด เขากำลังยืนดูภาพดอกบัวชูก้านรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้า เหนือดอกบัวมีภาพซ้อนทับเป็นภาพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังหมอ ซึ่งกำลังใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจคนไข้ ซึ่งเป็นผู้ชายมีผมสีขาว

ภาพนั้น มีคนมาเสนอราคาให้หลายครั้ง ซึ่งถือว่าดีทีเดียว แต่สายบัวไม่ขาย เก็บไว้ดูเองเพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการมีความหวังในชีวิต

ชีวิตต้องดีกว่าเก่า ต้องดีกว่าที่เคยเป็น ต้องไปยืนอยู่ตรงจุดหนึ่งจุดใดที่ควรคู่กับคุณหมอผู้มีชาติตระกูลดี มาถึงวันนี้เธอมั่นใจว่าเธอมีค่าคู่ควร ยิ่งตอนนี้คุณหมออยู่ใกล้แค่นี้ แต่สายบัวรู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่ไกล เธอรู้สึกว่าเขากำลังจะหลุดลอยไปจากสายตาเหมือนครั้งกระนั้น

แต่เมื่อคุณหมอหันกลับมา สายบัวก็พบกับรอยยิ้มและแววตาเอื้ออารีดังเดิม ใบหน้าของผู้ชายที่เธอเคยเห็นหลังรถแท็กซี่และในม่านรูดนั้นหายไป
เหมือนกลับไปที่จุดเริ่มต้น

เพราะสายบัวมีน้ำตาหยดเผละลงที่โหนกแก้มเคยเปื้อนเม็ดสิว
บัดนี้เธอเป็นสาวเต็มตัว เป็นสาวที่ผ่านการขัดสีฉวีวรรณ ทั้งกาลเวลาและสังคมที่ไปประสบ

“ร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มยังนุ่มหูเหลือเกิน

สายบัวรีบเช็ดน้ำตา แล้วก็ยิ้มให้

“ได้ข่าวว่ารูปนี้ซื้อเท่าไหร่ก็ไม่ขาย”

สายบัวเมินหน้ายิ้มอายไปอีกทาง

“ถ้าพอใจก็ให้ฟรี”

“ฉันรู้ว่าเธอไม่เหมือนใคร กำไรไม่ใช่เป้าหมาย แต่การให้กันเจือจานกันคือสิ่งที่เธอต้องการ”

“ดิฉัน”

“สายบัว” เขาเอ่ยชื่อของหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มกังวานจนทำให้ใจของ
สายบัวเต้นไม่เป็นจังหวะ

“เธอไม่ได้อยู่ในรั้วบ้านฉันแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีชนชั้น”

คุณหมอรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเยอะแยะไปหมด เป็นไปได้อย่างไร

“อยากลองชิมขนมจีน แกงเขียวหวาน ได้ข่าวว่าขึ้นชื่อ” สายบัวยิ้มกว้าง แล้วไปเดินนำไปหยุดลงตรงโต๊ะตัวที่ว่างของร้าน

คุณหมอทรุดตัวลงนั่ง สายบัวเดินตัวเบาไปที่โต๊ะวางอาหารซึ่งมีหม้อมีถาดวางอยู่ในตู้กระจกกันฝุ่นละออง สายบัวหยิบขนมจีนและตักแกงเขียวหวานมาพร้อมกับน้ำรากบัวอีกหนึ่งแก้ว

คุณหมอเห็นลายถ้วยจานแล้วชะงัก เป็นรูปดอกบัวสีแดงคลี่กลีบรับแสงอรุณ ทั้งเซ็ท

“สั่งทำพิเศษ” เจ้าของร้านพูดไม่เต็มคำนัก

คุณหมอยิ้ม ๆ ขณะตักขนมจีนแกงเขียวหวานเข้าปาก

สายบัวเมินหน้าไปอีกทาง อยากจะหัวเราะ และก็อยากจะร้องไห้อีกแล้ว ถ้าร้องออกมามันคงเป็นน้ำตาที่ไหลมาจากความตื้นตัน มันจะจบลงที่ไหน ระหว่างเธอกับเขา

“คนในโรงพยาบาลบอกว่า ขายถูกและก็อร่อยด้วย “

สายบัวอยากถามว่าทำไมถึงเพิ่งมา คงไม่ใช่แค่เพราะคำพูดของคุณทั้งสองที่กระซิบต่อมหัวใจให้ทำงาน ให้ใคร่ครวญหาใครสักคน

“ขึ้นราคาก็น่าจะได้นะ คนคงไม่ถอย”

“ไม่ได้หวังร่ำรวยอะไร หวังแค่ว่า”

อยากจะบอกว่า หวังแค่ว่า ‘อยากให้มีวันนี้เท่านั้น’ แต่กว่าจะมีวันนี้ ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่เธอได้เห็นหน้าเต็ม ๆ ตา วันที่เธอได้รู้สึกว่า เธอกับเขาไม่มี
ชนชั้นระหว่างกันอีกแล้ว

บัดนี้เธอเป็นนางแบบ มีกิจการร้านอาหาร ยังเป็นสาวโสดที่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หมายปอง เช่นเดียวกับเขาที่กำลังตกพุ่มม่ายเพราะการร้างรา
เมื่อคุณหมอกินอิ่มแล้ว

“ไม่คิดเงินนะคะ”

“ได้ที่ไหน ของซื้อของขาย”

“เคยกินที่บ้านคุณหมอมาเยอะแล้ว”

“นั่นทำงานแลกนี่”

“ตอบแทนกับเครื่องเล่นซีดีแล้วกัน”

คุณหมอทำท่าครุ่นคิด คงจะลืมไปแล้วกระมัง

“เหนื่อยไหม” คุณหมอเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ มีความสุข”

“อดทนแล้วกัน คงจะดีขึ้นเรื่อย ๆ” พูดจบคุณหมอก็ลุกขึ้น สายบัวเดินออกมาส่งที่หน้าร้าน

“ถ้าฉันจะซื้อภาพนั้นล่ะ เธอจะขายไหม”

สายบัวมองภาพนั้นเต็ม ๆ ตา

“ถ้าไม่คิดตังค์ คุณหมอจะรับไว้ไหมคะ “

คุณหมอถือภาพนั้นพร้อมกับเดินข้ามถนนกลับไปที่โรงพยาบาล สายบัวยังคิดว่ามันเป็นความฝันหรือเปล่า หันกลับมาในร้าน เด็กบางคนที่พอรู้เรื่องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แถมมีทีท่าล้อเลียน ก็เจ้าของร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ธรรมดาเสียที่ไหน เป็นถึงนางแบบอาชีพ ที่ผันตัวเองมาทำอาหารแบบบ้าน ๆ อร่อย ๆ ราคาไม่แพงขาย มีหรือคนจะไม่แห่มากินจนนับเงินไม่หวาดไม่ไหว



คืนนั้นสายบัวนอนไม่หลับ เพราะหน้าคุณหมอตอนที่ตักขนมจีนแกงเขียวหวานเข้าปากยัง วน ๆ เวียน ๆ อยู่ในหัวสมอง จนกระทั่งเธอรู้สึกตึงที่ใบหน้าเพราะยิ้มไม่หยุดนั่นเอง

ในที่สุด วันที่เธอรอคอยก็มาถึง เป็นเพราะอะไร สายบัวครุ่นคิด

ไกล สุดเอื้อมมือถึง
ไกล ถึงเรียกว่าฟ้ากั้น
ไกล กันไปหลายคืนวัน
ไย รักมิกรายจากใจ


“ถ้าอย่างนั้น เธอก็ไม่ใช่แม่สายบัวรอเก้อแล้วซิ”

“ไม่รู้ รู้แค่ที่ได้เล่าไป”

“มีกองเชียร์ มันก็มีลุ้นและอีกอย่างเธอก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนเมื่อก่อนนี้ ถ้าเธอแต่งกับเขา เธอก็ได้ชื่อว่า เป็นคนในวงการบันเทิง ต้องเป็นข่าวเกรียวกราวตามหน้าหนังสือพิมพ์เหมือนตอนเขาแต่งครั้งแรกอย่างแน่นอน”

“ยังไม่ต้องคิดถึงขนาดนั้นหรอก”

“แต่มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนนี้นะ แบบนั้นมันเรียกว่ามืดแปดด้าน มืดมนอนธกาล มืดตื้อมืดมิด มืดตึ๊ดตื๋อ แต่เธอก็ยังหวังไม่ใช่หรือ “

“ใจฉันเต้นแรงอย่างไรก็ไม่รู้”

“ผู้ชายอย่างไรก็ยังไว้ใจไม่ได้หรอกสายบัว ตอนหลัง ๆ นี่พ่อไม่ใช่หนุ่มน้อยที่เธอเคยเห็นในโรงพยาบาลที่ตากฟ้าอีกแล้วนะ”

“ข้อนั้นฉันก็รู้”

“และเธอเองก็ไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกใบนี้อีกเช่นกัน บางทีตอนที่อยู่ห่าง ๆ เราอาจคิดว่าใช่ แต่เมื่ออยู่ใกล้ ๆ กัน เขาอาจไม่ใช่คนที่เธอหวังฝากชีวิตไว้ก็ได้ คนที่เคยแต่งงานแล้วหย่าร้าง ถ้าให้สันนิษฐานมันก็น่ามีข้อเสียในตัว คุณหมออาจเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจตัว หรือยุ่งกับงานมากไป”

“ทำไมเธอพูดให้ฉันใจแป้ว”

“ฉันว่าที่ผ่านมาใจเธอแป้วและอยู่อย่างเจียมใจมาตลอด หากเหตุการณ์แค่วันนี้มันทำให้ใจของเธอพองจนลืมแฟบ ลืมว่าอาจจะพบเจออะไรที่มันตรงกันข้าม นี่จึงเป็นหน้าที่ของเพื่อนอย่างฉัน เธอจำตอนที่เขาล้งเล้งกับแท็กซี่ได้ไหม ยิ่งตอนที่เขามากระชากเธอออกมาจากผับเพราะคำพูดกวนประสาทของคุณอารักษ์”

“ดูเธอเป็นผู้ใหญ่นะ”

“ฉันเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่ออกจากบ้านมาปากกัดตีนถีบแล้วล่ะสายบัว สิ่งที่ฉันพลาดนั่นก็คือ ความเป็นเด็กที่ไม่เดียงสาต่อโลกและเอาความทะเยอทะยานเป็นที่ตั้ง”

“ลืมได้ไหม” สายบัวย้อนถาม

“เธอโชคดีนะบัวที่มีน้าดาวเรือง มีคุณชวนชม เป็นคนคอยดูแล”

“ฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะตากับยายมากกว่ามั้ง แต่ถึงอย่างไรฉันก็ต้องขอบคุณคุณหมอโกมุทที่ทำให้ฉันยืนขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้เขา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถนอมร่างกายที่มีหัวใจนี้ไว้ทำไม”

ค่ำคืนนั้นเป็นอีกคืนที่สายบัวรู้สึกว่าตัวเองนอนหลับฝันดี



วันรุ่งขึ้นสายบัวก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณหมอ

“เวลามื้อกลางวันให้เด็กเอาปิ่นโตมาส่งได้ไหม ฉันไม่อยากเดินออกไป”

“ได้ค่ะ” เมื่อวางโทรศัพท์ตัวของสายบัวแทบจะกระโดดให้ถึงเพดานเลยทีเดียว ติดแต่ว่า เด็ก ๆ ในร้านหลายคนคอยเงี่ยหูฟังความ

ขณะที่สายบัวกำลังจัดของลงปิ่นโตเพื่อนำไปให้คุณหมอ พี่ต้นก็เปิดประตูร้านเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพริ้มพราย

“น้องบัวจ๋า พี่มีข่าวดีจะบอก”

วิลาวัลย์รีบกรากออกมาต้อนรับ จัดแจงพาพี่ต้นไปนั่งแล้วหาน้ำเย็นเจี๊ยบมาให้ถึงโต๊ะ

“นายดินไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เหรอ”สายบัวกับวิลาวัลย์จ้องหน้าพี่ต้น

“ฉันก็แค่ถามถึงตามประสาคนเคยมีใจให้ก็เท่านั้น อย่ามองฉันอย่างนั้น ฉันยังไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย เขานั่นแหละคิดมากกับฉันก่อนนะ” พี่ต้นทำท่าประหลำประเหลือก

“หายไปไหนมาเป็นชาติเลยพี่” วิลาวัลย์เหน็บให้

“ถ้าฉันไม่หายไป เธอจะมีร้านเป็นของตัวเองแบบนี้รึยะ ควรแต้งคิวฉันนะถึงจะถูก”

“ค่ะ พี่ต้นดีทุกอย่างเนอะ” วิลาวัลย์พยักพเยิดให้สายบัวช่วยรับมุก

“พี่ต้นทานอะไรไหม มาเลือกซิ”

“อะไรก็ได้ ของเธอหรอยจังฮู้อยู่แล้น พี่มั่นใจ”

“ขอบคุณค่ะ งั้นเป็นอาหารว่างแล้วกัน” พูดจบสายบัวก็นั่งลงในที่เก้าอี้ตัวว่าง ๆ พร้อมกับวิลาวัลย์ เมื่อเป็นดังนั้นพี่ต้นจึงใช้นิ้วเรียว ๆ ชี้หน้าทำทีเหมือนมีโมโหโกธา

“ตกลงมีอะไรรับใช้พวกเราคะ”

“อี้ นังพวกนี้ มีกิจการแล้วไม่สนใจผู้จัดการผู้มีความซื่อสัตย์อย่างฉันเลยนะยะ”

“ทีพี่ต้นทิ้งสายบัวล่ะ รู้ไหม คนในวงการเอาไปเม้าท์กันยกใหญ่ว่า ทะเลาะกับผู้จัดการจอมวีนบ้าง หรือขัดกันเรื่องผลประโยชน์บ้าง”

“ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พี่รู้ว่าสายบัวไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”

“แล้วพี่ต้นหายไปไหน ใครเป็นคนสั่งให้พี่ต้นหายไป” วิลาวัลย์คาดคั้นแทนสายบัว

“ใคร ไม่มี้ ช่วงนั้นไม่มีงานพอดี อย่าไปพูดถึงความเก่าเลย เอาความใหม่ดีกว่า มานี่ฟังนะ มีงานถ่ายแบบและเดินแบบประมาณยี่สิบงานภายในสิบห้าวันนี้”

“โอ้โฮเกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ต้น” วิลาวัลย์แทรกเข้ามา

“ปาฏิหาริย์ละมั้ง อยู่ ๆ พี่ก็ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย เอาเหอะอย่าสงสัยเลย วันนี้ออกจากครัวไปทำสวยได้แล้วจ้ะ เข้าคอร์สรีดไขมันออกสักแปดคอร์ส ทำหน้าเด้งอีกสองคอร์ส ทำทรีทเมนท์ ทำสปาอะไรก็รีบไปทำ กลับและ”

“ไม่กินอะไรก่อนหรือพี่ต้น” เมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะลุกออกไปจริง ๆ สายบัวจำต้องรั้งไว้

“อิ่มอาหารว่างเธอแล้วย่ะ”

สายบัวอยากจะดีใจ แต่อีกใจ หากเธอเดินกลับเข้าสู่วงการ แล้วคุณหมอที่ได้รับปากไว้จะส่งข้าวส่งน้ำในตอนกลางวัน

“เดี๋ยวฉันจัดการให้ เรื่องแค่นี้เอง ไปเหอะบัว คนเราถ้าเป็นเนื้อคู่กันอุปสรรค์มันต้องหมดไปจนได้”



ในที่สุดวันแรกของปิ่นโตเถานั้นสายบัวขอเป็นคนถือข้ามถนนไปที่โรงพยาบาล


ขณะที่เธอกำลังจะก้าวข้ามประตูกระจกฝั่งทางเข้า ฝั่งทางออกนั้นหางตาของสายบัวเหลือบไปเห็น คุณดุจเดือนเดินนวยนาดหน้าเชิดออกไปอย่างมั่นคง

สายบัวชะงักฝีเท้ามองดูปิ่นโตในมือและถามความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเขากับเมียแต่งยังไม่จบกัน แล้วเธอจะยืนอยู่ตรงไหน

“เข้ามาได้” สายบัวผลักประตูเข้าไป พบคนที่อยู่ในหัวใจ จ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ สายบัวไม่ได้ยกมือไหว้เพราะในมือนั้นมีปิ่นโตเถาใหญ่

“มื้อกลางวันที่สั่งค่ะ”

“วางไว้ตรงนั้นแหละ” สายบัวเอาปิ่นโตไปวางตามตำแหน่งที่เจ้าของห้องชี้ แล้วเธอจะพูดอะไรต่อดีถึงดูไม่น่าเกลียด สายบัวเริ่มรู้สึกอึดอัด คุณชวนชม กับคุณนันทพร พูดถึงเธอกับคุณหมออย่างไรบ้างนะ เขาจะว่าเธอเป็นผู้หญิงจัดจ้านกร้านโลกได้เที่ยววิ่งเร่หาผู้ชายไหม ค่าของเธอกำลังจะลดลง
คุณหมอยังนั่งเงียบ เหมือนมีเรื่องครุ่นคิด สายบัวจำต้องถอยออกมา

“ขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ขอบใจมาก สำหรับค่าอาหาร ทุกวันศุกร์ตอนเย็นฉันจะไปเคลียร์บิลนะ เอ้อ สายบัว”

“คะ”

“ผู้หญิงเขาต้องการอะไรจากผู้ชาย” เป็นคำถามที่สายบัวไม่คิดว่าจะได้ยินเลยทีเดียว หญิงสาวหยุดชะงัก จนกระทั่งคุณหมอเชื้อเชิญให้นั่งในที่ตรงกันข้าม

“บอกฉันหน่อยได้ไหม”

สายบัวนึกถึงคนที่เพิ่งออกจากห้องนี้ไป คงจากกันด้วยความไม่เข้าใจ

“บัว บัว” สายบัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“ไม่รู้ไม่เป็นไร แต่คืนนี้เธอว่างที่จะออกไปไหน ๆ กับฉันไหม”

“พรุ่งนี้บัวมีงาน” สายบัวบอกตามตรง

“ไม่ว่างซินะ อย่างไรเธอก็ยังเป็นเด็กดีเหมือนเคย” คุณหมอจ้องหน้านวลเนียน สายบัวเผลอสบตาคู่สวยนั้น อยากค้นหาความหมายจากข้างในมากมาย เมื่อเขารู้ว่าเธอมีใจ ความในใจจากสายตาของเขาคืออะไร



ค่ำคืนนั้นสายบัวนั่งมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกเงาในห้องนอน ชุดราตรีสั้นที่เธอเลือกสวมใส่เพื่อให้เหมาะสมกับหนุ่มใหญ่ไฮโซนามนายแพทย์โกมุทเป็นสีชมพูอ่อนคล้ายสาวน้อยไร้เดียงสา หญิงสาวฉีดน้ำหอมแล้วเอียงซ้ายเอียงขวา หามุมที่ทำให้ตัวเองดูเก๋ไก๋ในสายตาของเขา

ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออกจากห้อง เธอก็ได้รับโทรศัพท์

“สายบัว คืนนี้ ฉันขอโทษนะ มีเคสผ่าตัดด่วน เอาไว้วันหลังนะ”
สายบัวตอบได้คำเดียวว่า “ค่ะ” แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
รักเขาก็ต้องเข้าใจในความเป็นเขา อีกบทเรียนหนึ่งที่เธอจะต้องเรียนรู้





“เธอก็เลยลากฉันออกมาด้วย”

“ไหน ๆ ก็แต่งตัวแล้วนี่” สายบัวมองนักร้องที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีเตี้ย ๆ แล้วนึกถึงชีวิตของตนเอง หากเธอมีความต้องการเป็นศิลปินนักแสดงมากกว่านี้ ชีวิตของเธออาจจะไปไม่ถึงดวงดาว แต่ที่เธอมีวันนี้ได้ เป็นเพราะอะไร
อันดับแรกสายบัวนึกถึงบุญกุศลที่เธอได้ทำมา

‘ยามบุญส่งผลอะไรมันก็เกิดขึ้นได้โยม’ เธอจำคำนี้จากเจ้าอาวาสที่วัดบ้านเกิดได้ขึ้นใจ

“คิดอะไรอีก ใจลอยเลื่อนเลย ฉันบอกแล้วไง บางทีนะบัว ยิ่งใกล้ ๆ กัน เราอาจจะยิ่งไกลกันก็ได้”

“วิลาวัลย์ คุณหมอถามฉันว่า ผู้หญิงต้องการอะไรจากผู้ชาย”

“เธอก็น่าจะตอบได้นะ”

“ฉันอยากให้เขารักฉันเหมือนกับที่ฉันรักเขา”

“มันกว้างไปหรือเปล่า ชีวิตของคนสองคนที่ต้องมาอยู่ด้วยกันมันน่าจะมีมากกว่านั้นนะ ตอนนั้นเธอเป็นเด็กมันเป็นความหลงรูปจูบเงาเท่านั้นแหละ เพียงแต่เธอมั่นคงต่อเขา เพราะว่าเธอมีโอกาสที่จะคิดสานฝัน เพราะลิขิตจากฟ้ามันดันให้เธอมาอยู่ในบ้านของเขา หากเธอไปอยู่ที่อื่น ป่านฉะนี้เธอก็คงเป็นอื่นไปแล้ว”

สายบัวนิ่งฟังใช้ความคิด ถามใจตัวเองว่า จริง ๆ แล้วในใจของเธอมีคุณหมออยู่เต็มปรี่เท่าเดิมไหม

“แล้วที่คุณหมอถามว่าผู้หญิงต้องการอะไรจากผู้ชาย นั่นแสดงว่าเขาก็ไม่ได้เข้าใจผู้หญิงดีพอ หรือผู้หญิงของเขากับเขา คงคุยกันไม่รู้เรื่อง และปัญหานี้มันก็ตอบได้ไม่เที่ยงตรงเหมือนกับว่าถ้าหิวเราจะกินอะไรให้อิ่ม ผู้หญิงอย่างฉันต้องการให้เขารักและเข้าใจในอดีตของเรา แล้วก็ลืมอดีตของเรา อยู่กับเราเพราะ ว่าเราสามารถให้ความสุขแก่เขาได้”

“ฉันยังงงอยู่เลย”

“ฉันก็งงก็ที่ฉันพูดเหมือนกัน แต่ฉันรู้ว่า ถ้าเราอยู่กับใครแล้วเรารู้สึกว่า ใช่ มันก็น่าที่จะตอบทุกคำถามได้แล้วนะ”

สายบัวนิ่งคิด

“บัว ที่แปดนาฬิกา” สายบัวชายตาไปมอง พบคุณอารักษ์ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีดำสวมสูทเทียมสีดำทับผลักประตูเข้ามา สายตาของเขากราดมองไปรอบ ๆ แล้วก็หยุดที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง

“แปลกแฮะ นึกอย่างไรมาคนเดียว” วิลาวัลย์เปรยขึ้น สายบัวไม่ขอออกความคิดเห็น ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ได้นึกอยากพบหน้าเขาอีกเลย

“อยู่ด้วยกันตั้งหลายปี ไม่เคยคิดสนใจเขาบ้างเลยรึบัว”

สายบัวไม่ตอบแต่ยื่นปลายนิ้วไปบิดเป็นเชิงให้รู้ว่า อย่าพูดเรื่องเขาเด็ดขาด แต่ยังไม่ทันที่สายบัวจะละนิ้ว คนที่ทั้งคู่กำลังพูดถึงก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเสียแล้ว

“ขอผมนั่งด้วยได้ไหมครับ”

วิลาวัลย์รีบเชื้อเชิญ แต่สายบัวรีบลุกขึ้นทันที วิลาวัลย์ดึงมือไว้

“ฉันจะไปห้องน้ำ”

ห้องน้ำของสายบัวก็คือเดินออกมายืนรอรถแท็กซี่ วิลาวัลย์เห็นดังนั้นจึงสั่งเช็คบิลแล้วรีบวิ่งตามออกมา

“น่าเกลียดที่สุดเลยสายบัว ทำอย่างนี้ได้อย่างไร”

“คนที่เป็นอริศัตรูกันจะนั่งร่วมวงกันได้อย่างไร อีกอย่างฉันก็ไม่ต้องการได้ยินเขาแขวะอะไรฉันให้ทุกข์ร้อนใจอีก”

“แต่ใบหน้าของเขาดูสำนึกนะ”

“เธอชอบเขาซิ” สายบัวถามคืน

“แต่ฉันดูออกว่าเขาชอบเธอนะ” วิลาวัลย์พูดอย่างเป็นต่อ

“เธอก็รู้ไช่ไหมว่าเขาชอบเธอจริง ๆ”

“แต่ฉันกำลังออกเดทกับพี่ชายของเขาอยู่นะ”


เช้าวันรุ่งขึ้นสายบัวตื่นแต่งตัวอาบน้ำลงมาจากชั้นบน พบว่าบนโต๊ะบัญชีมีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่วางไว้

“ขอโทษสำหรับเมื่อคืน”

ถึงไม่ลงชื่อก็รู้ว่าเป็นใคร สายบัวรู้สึกว่าใจของเธอแทบจะหยุดเต้น เธอไม่ได้ฝันไป หากคุณหมอให้ดอกไม้ แสดงว่าเขามีใจ

วันนั้นตลอดการทำงาน ใคร ๆ ต่างก็เอ่ยกันว่า หน้าตาของสายบัวดูมีชีวิตชีวาผิดวันเก่าก่อน ความรักมันทำให้โลกเป็นสีดำได้มันก็ทำให้เป็นสีชมพูสดใสได้



และในตอนเที่ยงวันนั้นสายบัวก็ได้พบกับคุณหมอโกมุทซึ่งสลัดเสื้อกาวน์มาสวมสูทเทียมยืนรอเธออยู่หน้าสตูดิโอ สายบัวแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่เขาถือดอกลิลลี่มาอีกช่อ เป็นไปได้รึที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบดอกไม้แก่ผู้หญิงคนเดียวถึงสองช่อ สายบัวจำต้องสงบคำไว้ แต่อดนึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้ว่า แล้วที่เธอแอบจูบไปหลายทีนั่น เป็นดอกไม้ของใคร?

“งานหนักไหม”

“คงเบากว่างานคุณหมอแหละค่ะ”

คุณหมอส่งดอกไม้โดยไม่ได้กล่าวคำว่าอะไร คงจะเขินเหมือนกับที่เธอรับดอกไม้นั้นมา สายบัวเชื่อว่าดอกไม้ดอกนี้แหละจะพาให้เธอกับคุณหมอลูก
ตระกูลดังเป็นข่าวในวันรุ่งขึ้น

“เดี๋ยวเราไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน ฉันมีร้านหรูสำหรับเธอ”

“งั้นขอบัวไปบอกทีมงานก่อนนะคะ เพราะตอนบ่ายนี้มีถ่ายอีกชุด”

แล้วสายบัวก็ต้องผิดหวัง

“ไปได้ที่ไหน บัวต้องเร่งทำงานนี้ให้เสร็จ ไปบอกคุณหมอไป ถ้าไม่กล้า พี่ไปบอกให้” เป็นพี่ต้นที่ดูจงใจขวางสุดฤทธิ์

“แต่บัว”

“พี่รู้ว่าเป็นเดทแรก แต่ไม่ได้นะ งานก็คืองาน เธอเคยให้ใครรอบ้าง แค่ชั่วโมงเดียวขับรถไปถึงหน้าปากซอยก็หมดแล้ว เอา ๆ ไปเถอะ ไปบอกคุณหมอสุดหล่อไปว่า ไม่สะดวก ไปซิ ไปบอกแล้วกลับมากินข้าวกล่อง”

สายบัวหน้าละห้อยกลับมา ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด พี่ต้นที่แอบเดินตามมาก็แทรกขึ้นว่า

“ขอโทษนะครับคุณหมอ คือสายบัวไปไม่ได้จริง ๆ เซ็ทนี้เราใช้นางแบบถ่ายกันหลายคน และ”

พี่ต้นยังพูดไม่ทันจบ หมอก็ยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับกล่าวว่า

“โอเคครับ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ งั้นวันหลังก็ได้” พูดจบคุณหมอโกมุททำท่าจะผละออก แต่คงระลึกได้ว่า ยังไม่ได้กล่าวลาสายบัว

“โอกาสหน้าสะดวกทั้งสองฝ่ายถึงไปก็ได้” น้ำเสียงนั้นห้วน ๆ

คุณหมอขับรถเบนซ์คันงามออกไปแล้ว สายบัวยืนน้ำตาคลอ

“นิสัยเหมือนกันจริง ๆ เลยพี่น้องคู่นี้ เอาแต่ใจตัวเอง คนนี้ก็ดูเจ้าโทสะไม่แพ้กัน จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ คนรวยนะคนรวย ตรูละเบื่อ เบื่อจริง ๆ นะ” พี่ต้นบ่นอย่างกับหมีกินผึ้งจนสายบัวแปลกใจ

“ไปซิ ข้าวกล่องมี เดี๋ยวจืดชืดหมด”

เมื่อสายบัวกลับเข้าไป เธอก็เริ่มถูกแขวะจากคู่อริ ผู้ไม่ชอบหน้ากันทันที

“ไง อยากเป็นน้อยเขาหรือไง ไม่รู้เรอะว่าคุณหมอกับเมีย เขายังไม่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการ เพียงแค่แยกเตียงกันอยู่เท่านั้น”

“ที่หวนกลับมาได้อีกรอบนี่ เพราะเอาตัวเข้าแลกหรือเปล่าจ๊ะ ไหนว่าเป็นคนดีไม่มีใช้เต้าไต่”

สายบัวฉุนกึกมันหมายความว่าอย่างไร

“ว่าอะไรกันจ๊ะ” แล้วพี่ต้นก็ถือข้าวกล่องกลับมาอีกรอบ แค่ได้ยินเสียงพี่ต้นแค่นั้นเหล่านางแบบปากเสียก็ค่อย ๆ ถอยออกไป ใครรึจะกล้าสู้กับพี่ต้นได้

“สนใจอะไรมันน้องบัว เขาจะหย่าหรือยัง ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแม่พวกนี้ เอ้ากินข้าวไป”

สายบัวยังหน้าง้ำ เพราะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ออกไปกับคุณหมอในดวงใจ

“บัวพี่จะบอกอะไรให้นะ เคยได้ยินเพลงนี้ไหม” ว่าแล้วพี่ต้นก็เก๊กเสียงผู้ชายแล้วก็ร้องเพลง บุพเพสันนิวาส ของศรคีรี ศรีประจวบ

“เนื้อคู่กันแล้ว ก็คงไม่แคล้วกันไปได้ เพราะเคยทำบุญร่วมไว้ ถึงจะอย่างไร ก็ต้องเจอะกัน เขาเรียกบุพเพสันนิวาสสร้างสรรค์ เราเคยตักบาตรร่วมขัน สร้างโบสถ์ร่วมกันไว้เมื่อปางก่อน ฯลฯ”

สายบัวน้ำตาคลอขนลุกเกรียวเมื่อได้ยินเสียงของพี่ต้นเหมือนนักร้อง
ต้นฉบับอย่างกับแกะทีเดียว

“ว้าย!! ผู้ชาย” แล้วนางแบบสองคนก็กลับมาแกล้งกรี๊ดใส่ ทำให้นักร้องเสียงหล่อต้องหยุดชะงักแล้วก็ปลิ้นตาพ่นวาจาว่า

“นังชะนี แม๊ แม่อารมณ์เสีย”





เช้าวันรุ่งขึ้นสายบัวต้องแปลกใจอีกรอบ เพราะมีดอกกุหลาบสีขาวผูกโบว์สีชมพูมาส่งไว้ช่อใหญ่เลยทีเดียว สายบัวถือมาวางไว้ไม่กล้าสูดดมเหมือนเคย วิลาวัลย์แปลกใจที่เห็นเพื่อนไม่ได้ดีใจได้ปลื้มเหมือนเมื่อวาน

“กุหลาบขาวแทนความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนนอกจากความรัก เอ๊ะ อย่างไง แปลว่ารักจริงหวังแต่ง นี่คุณหมอกับเธอตกลงปลงใจกันแล้วเหรอ ทำไมรวดเร็วอย่างนี้ล่ะ เมื่อวานมีอะไรเกิดขึ้นเขาสวมแหวนให้เธอหรือยัง” วิลาวัลย์พยายามจับมือข้างซ้ายของสายบัวขึ้นมาดู แต่เจ้าตัวกำหมัดแน่น

“ใครก็ไม่รู้ส่งมา ไม่ใช่หมอโกมุทแน่นอน เพราะเมื่อวานเขาเอาลิลลี่ไปให้ฉันที่สตูดิโอ”

วิลาวัลย์ทำหน้าครุ่นคิด

“ใครนะแอบรักเธอ ว้าว โรแมนติกซะจริง ๆ ลักกี้อินเลิฟ ลักกี้อินเกมส์”

“แต่มันไม่ใช่คุณหมอนะวิ ฉันไม่ได้อยากปันใจไปจากคุณหมอสักหน่อย”
“แสดงว่าเขาแอบรักเธอ แต่ไม่กล้าบอก อาจจะแอบรักมานานแล้ว ใครนะ ลองคิดซิว่า ช่วงหลังมีใครมาป้วนเปี้ยนให้เธอเห็นบ้าง ตากล้อง ช่างไฟ กองบอกอที่ไหนสักที่ เอเจนซี่ที่ไหนสักแห่ง หรือไม่ฟรีแลนซ์ตรงไหน หรือพ่อค้าไก่พ่อค้าปลาที่เราไปซื้อมาปรุงอาหาร เจ้าของบ้านเช่าหรือ”
วิลาวัลย์ยังตั้งข้อสมมุติฐานไปเรื่อย ๆ

“คุณหมอให้ดอกลิลลี่เธอ เขาเข้าใจว่าเขาคือรักแรกของเธอ แต่คนที่ให้ดอกกุหลาบสีขาว ถ้าให้ฉันคิดนะบัว เธอเคยฟังเพลงนี้ไหม เธอจะเลือกใคร ของวารุณี สองทีสว่าง”

“ทะลึ่ง” สายบัวว่าให้

“วารุณี สุนทรีสวัสดิ์น่ะ ฟังเสียงเพราะ ๆ ของฉันนะจ๊ะ …ใจดวงเดียว แต่มีสองทางเดิน เธอเลือกใคร ลองถามใจเธอดู ว่าเธอจะเลือกคน ที่เธอรัก หรือว่าเธอ จะเลือกคนที่เขา ยังรักเธอเสมอ ฉันเองอาจจะร้องไห้ คร่ำครวญเพราะเสียเธอ แต่อีกคนเขาคง ไม่แคร์….”

สายบัวก้มหน้าอยู่กับบัญชีแต่ใจนั้น ก็ครุ่นคิดตามเสียงกังวานของวิลาวัลย์
จนกระทั่งดนุสรณ์เปิดประตูเข้ามา ดนุสรณ์ยิ้มให้คนทั้งคู่อย่างเปิดเผยเหมือนเคย สายบัวรู้สึกว่าแววตาของดนุสรณ์ที่มองตนนั้นเปลี่ยนไป แต่มองที่วิลาวัลย์ฉ่ำชื่นอย่างไรก็ไม่รู้

“วันนี้เธอว่างฉันลางานหนึ่งวันนะ จะไปธุระกัน”

“ไปไหน” สายบัวอดแปลกใจไม่ได้

“ไป ไป เลือกสตูดิโอมั้ง”

“จริง ๆ หรือวิ “

“หลอกเธอเล่น บ้าซิ ดินเขารอกลับไปบวชแทนคุณพ่อแม่เขาก่อนถึงจะเบียด” พูดแล้วสาวเจ้าก็ขยับเข้าไปเบียดดินจนฝ่ายชายหน้าแดงด้วยความเขิน

“ดีใจด้วยนะ ดีใจด้วยจริง ๆ”

คนทั้งคู่ออกไปแล้ว แต่สายบัวยังกลุ้มใจกับช่อกุหลาบ จนกระทั่งสายบัวได้ออเดอร์จากลูกค้า หญิงสาวจึงตัดใจเรื่องดอกไม้ออกไปจากหัวสมอง



แล้วเที่ยงวันนั้น สายบัวก็ต้องแปลกใจเพราะมีลิลลี่มาจากโรงพยาบาลอีกช่อ เขียนไว้ชัดเจนว่า มาจากหมอโกมุท

“วันนี้หมอยังไม่ว่างเหมือนเคยนะ ว่างเมื่อไหร่ค่อยเจอะกัน” สายบัวรู้สึกอยากจะดีใจ แต่ความกังวลเรื่องดอกกุหลาบเข้ามาแทนที่เสียก่อน

จนกระทั่งเย็น แขกที่สายบัวไม่คิดว่าจะย่างกรายมาเหยียบที่นี่ก็เดินเข้ามาด้วยเสื้อผ้าและกลิ่นกายเหมือนหลุดมาจากนิตยสารโวคอย่างไรอย่างนั้น
สายบัวรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า เธอคือคุณดุจเดือน แต่ไม่เคยมีการแนะนำกันอย่างเป็นทางการ และคุณดุจเดือนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าเธอคือใคร แต่พอเจ้าตัวเอ่ยคำพูดออกมาแล้ว สายบัวจึงรู้ว่าตัวประมาณการพลาดไปถนัด

“ร้านรวงใหญ่โต ลูกค้าแน่นร้าน เป็นข่าวอยู่เรื่อย ๆ จำฉันได้นะสายบัว”

“จำได้ค่ะ” สายบัวรีบยกมือไหว้ ภาพของหญิงชายที่ประดุจเจ้าชายเจ้าหญิงที่คลอเคลียกันเหมือนแมลงเล่นเกสร และคนที่เคยยืนดูแมลงตัวนั้นก็คือเธอ หัวใจของเธอร้าวรานเพราะผู้หญิงคนนี้ ถ้าเธอเป็นตัวอิจฉาอย่างในละครเธอคงกระโดดจิกผมขึ้นมาแล้วก็ตบ ตบมารหัวใจตนนี้ให้แหลกสลายคามือ แต่นี่เธอเล่นบทดีมาตลอดเธอจึงจำต้องนิ่งเพื่อดูสถานการณ์ต่อไป

“คุณหมอข้ามมากินข้าวที่นี่บ่อยไหม”

ยิ่งกว่าใช้ฝ่ามือตบหน้าเธอเสียอีก เขาเป็นหลวง เป็นเมียแต่ง เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย การออกมาตามหึงหวงสามีไม่ใช่เรื่องหน้าอาย เธอนั่นแหละที่ต้องอาย

“ลิลลี่ช่อนั้น เหมือนช่อที่เป็นข่าวเลยนะ”

แววตาของคุณดุจเดือนที่ตวัดมายังสายบัวนั้นบอกให้รู้ว่าเจ็บช้ำน้ำใจ

“เขาจะไปมั่วกับใครฉันไม่สน แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะใฝ่ต่ำเลือกเล่นกับอดีตคนใช้ในบ้าน” ยิ่งกว่าเข็มทิ่มแทงที่กลางใจสายบัวเสียอีก สายบัวนับหนึ่งถึงสิบไปหลายรอบ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันเอ่อล้นออกมา เธอยืนนิ่งเพื่อฟังในสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น

ยังไม่ทันที่คุณดุจเดือจจะพูดอะไรต่อ ม้าตัวดำที่เธอเคยเกลียดก็กลายเป็นม้าขาววิ่งเข้ามาช่วย ประตูที่ผลักเข้ามาพร้อมร่างกำยำในชุดกางเกงยีนส์ราคาแพงกับเสื้อคอโปโลสีน้ำเงินเข้ม ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มชื่นมานั้น พัดเอาลม เย็น ๆ เข้ามาแทนที่อากาศที่ร้อนระอุข้างใน

“อ้าวคุณดุจเดือน มาทานอาหารที่นี่เหมือนกันหรือฮะ”

“คุณอารักษ์” ดุจเดือนรีบคลี่ยิ้มทั้งที่เมื่อกี้อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้

สายบัวรีบถอยออกมา รีบเดินไปหลังร้านให้เด็ก ๆ ออกไปต้อนรับ ส่วนตัวเองรีบเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปสงบสติอารมณ์

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น

“ลงมาข้างล่างหน่อยสิ มาขอบใจกันหน่อยได้ไหม”

สายบัวไม่คิดว่าคุณอารักษ์จะรู้เบอร์โทรศัพท์เธอ แต่เมื่อเขากล้าโทรขึ้นมา เธอก็ควรที่จะลงไปอย่างคนมีมารยาท

สายบัวเข้าห้องน้ำล้างหน้า หวีผมและลูบแป้งเด็กบาง ๆ ยิ้มให้กระจกพยายามทำตัวให้ชื่นนึกถึงถ้อยคำของพี่ต้นบางถ้อยคำเพื่อให้มีเสียงหัวเราะ
วิบไหวอยู่ในสมอง

แล้วเธอก็นึกถึงเพลง บุพเพสันนิวาส ในเสียงผู้ชายของพี่ต้น ก่อนที่ ‘นังชะนี’ จะทำให้พี่ต้นเสียการทรงตัว แค่นี้เธอก็คลี่ยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่พี่ต้นเคยบอกเธอว่า เหมือนไล่ความมืดมนแห่งโลกนี้ออกไป



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2554, 00:20:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2554, 00:20:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 2261





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 14 >>
ก้อนอิฐ 26 เม.ย. 2554, 02:36:05 น.
คุณ อารักษ์ > <


Pat 26 เม.ย. 2554, 17:58:10 น.
ม้าดำกลายเป็นม้าขาว อิอิ


mottanoy 26 เม.ย. 2554, 21:44:11 น.
ชอบมากกกก


ณิณ 30 เม.ย. 2554, 10:37:23 น.
โอ้ยย สงสารคุณอารักษ์จะแย่


OPUS 22 พ.ค. 2554, 10:33:58 น.
กว่าพระเอกตัวจริงจะออกมาช่วยน่ะค่ะคุณชอนตะวัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account